การปลกู ชมพู ชมพเู ปน ไมผ ลเขตรอนซึง่ มีถนิ่ กําเนดิ ในประเทศอนิ เดยี เปน พืชจัดอยูต ระกลู เดยี วกบั ฝรง่ั หวา ยูคาลิปตสั เปน พชื ทชี่ อบนาํ้ จัดเปน ไมผ ลทมี่ ลี ําตน ขนาดใหญ ดอกมกี ล่นิ หอมคลา ยกหุ ลาบ ผลมีรสชาติ หวานกรอบ คนไทยจึงนิยมปลกู เปนไมม งคลประจาํ บาน ชมพูเปนผลไมท ่อี ุดมไปดว ยวติ ามนิ เอ ผลนอกจากจะใชรบั ประทานเปนผลไมสดแลวยงั สามารถ นาํ ไปแปรรูปเปน ผลิตภณั ฑต า ง ๆ ไดเ ชน เยลล่ี แยม และแชอ ิ่ม สภาพแวดลอมท่เี หมาะสม ชมพเู ปน ไมผลทสี ามารถเจรญิ เตบิ โตไดใ นทุกสภาพพน้ื ท่ีแตจ ะเจรญิ เติบโตไดด ใี นท่ีมีนํา้ อดุ ม สมบรู ณดินท่เี หมาะสม คอื ดินรวนปนทราย ดนิ รวนเหนียว ในบริเวณทรี่ าบลุมภาคตะวนั ตก สภาพความ เปน กรดเปน ดา งอยูระหวาง 6.5- 7 สถานการณการผลติ และการตลาดชมพู ชมพเู ปนพชื ทส่ี ามารถปลูกไดท่ัวไปในพ้นื ทีม่ ีน้าํ และดนิ อุดมสมบรู ณ ในป 2538 มพี ื้นทีป่ ลูกท้ัง ประเทศ 30,054 ไร ผลผลิต 36,309 ตัน จังหวดั ที่ปลกู ชมพูม ากไดแ ก จังหวดั นครปฐม ราชบรุ ี และ สมทุ รสาคร สาํ หรับตลาดชมพูนั้น สว นใหญเ ปนตลาดภายในประเทศ ไดแก ตลาดประจาํ จังหวัดตา ง ๆ ตลาดกลางกรงุ เทพฯ ไดแ ก ตลาดสี่มุมเมือง ปากคลองตลาด ตลาดไท เปน ตน ราคาชมพูใ นชวงฤดกู าลอยทู ี ประมาณ 20-25 บาท สว นนอกฤดกู าลราคาประมาณ 50-80 บาท แลว แตช นดิ ของพนั ธุ สวนตลาดสงออกยงั มีไมม ากนักท้ังนเ้ี พราะชมพูเ ปนผลไมที่บอบชาํ้ และเนาเสียงาย แตก ็มกี ารสงออก ไปแถบฮองกง สงิ คโปร อนิ โดนีเซยี อยูบา ง พนั ธุ 1. พนั ดงั้ เดิม 1.1 ชมพมู ะเหม่ยี ว เปนชมพูท่ีมขี นาดลําตนใหญ ใบกวา งหนาเปน มนั ดอกสแี ดง กา นดอก สน้ั ออกดอกเปนกลุมตามกง่ิ ผลแกจะมสี แี ดงเขม มีกลิ่นหอมเหมอื นกหุ ลาบ เน้อื นมุ ฉ่าํ นํ้า เมลด็ โตรสชาติ หวานอมเปรย้ี ว
1.2 ชมพูส าแหรก เปนชมพทู ่มี ลี กั ษณะใกลเ คียงกบั ชมพูม ะเหมย่ี วแตแ ตกตา งกนั ท่ี ชมพู สาแหรกมสี แี ดงอมชมพูมรี ้วิ จากขวั้ มาทก่ี น ผล เน้ือผลสีขาวนมุ รสชาติหอมหวาน ลาํ ตน และใบคลา ยชมพูม ะเหมี่ยว กง่ิ แขนงตง้ั ฉากกับลาํ ตน 1.3 ชมพนู าํ้ ดอกไม เปน ชมพทู ที่ รงพมุ ขนาดปานกลาง ใบเลก็ เรียวสเี ขียวเขมเปน มนั ดอก สขี าวอมเหลือง มีกล่ินหอมผลเม่อื แกม ีสีขาวอมเหลืองหรอื สชี มพูปนบา ง รสชาติหวานเนอื้ บางกรอบ มี กลิ่นหอมคลา ยกล่ินดอกกุหลาบ เมล็ดโต ปจ จบุ ันมีปลกู เปนการคา อยบู างไมม าก 2. พันธทุ างการคา 2.1 ชมพเู พชรสายรุง เปนชมพมู ที รงพุม ขนาดปานกลาง ตัวใบบาง ทรงรี ดอกสขี าว ผล แกจ ะมีสีเขยี วมรี ิว้ สชี มพู ถา หากหอผลจะทาํ ใหสีผลเปนสขี าวร้ิวอมชมพู ผลทรงระฆงั มีเมล็ดอยูภายใน รสชาตหิ วานจดั เนื้อกรอบแขง็ เปนพนั ธทุ ่ปี ลกู เปนการคา ในแถบจงั หวดั เพชรบรุ ี 2.2 ชมพพู นั ธุทูลเกลา เปนชมพใู นกลุมเดยี วกบั ชมพูเ พชร ทรงผลยาวรีใหผ ลเร็ว ออก ดอก ติดผลงา ย รสชาตไิ มหวานจัดปลูกมากแถบจงั หวดั นครปฐม สมทุ รสาคร และราชบุรี 2.3 ชมพูเ พชรสามพราน ซ่ึงมีลักษณะคลายชมพูเ พชร แตผลโตผิวมันสเี ขยี วอมชมพู เนื้อ กรอบรสชาติหวาน เปน พนั ธใุ หมปจ จบุ นั มปี ลูกเปนการคาโดยทว่ั ไปแถบจังหวดั นครปฐม ราชบรุ ี สมทุ รสาคร 2.4 ชมพูเ พชรน้ําผึง้ เปนชมพูสีแดง ทนี่ าํ เขา มาจากประเทศมาเลเซยี ทรงผลยาว กนผลปด มชี อ งวา งสําหรับเมล็ดนอย ไมมีเมล็ด เนอื้ กรอบฉ่าํ นํา้ รสชาตหิ วานซ่ึงความหวานประมาณ 10.4 องศาบ ริกซ สีผลเมอื่ แกแ ดงเขม ผิวเปนมัน 2.5 พันธุทับทิมจันทร เปน พันธทุ ีน่ ํามาจากประเทศอนิ โดนีเซีย ซงึ่ เปนชมพทู ่ีมผี ลสีแดง เขม ทรงผลยาวคลา ยเพชรนาํ้ ผึ้ง พนั ธุทับทมิ จันทรม ีลักษณะดกี วา พนั ธเุ พชรนา้ํ ผึ้งคอื ผลโต เนื้อแนน กรอบกวา และมคี วามหวานสงู ถึง 14 องศาบริกซ ซง่ึ สูงกวา เพชรนา้ํ ผง้ึ มาก การออกผลทะวายทง้ั ป การขยายพันธุ 1. การตอนกง่ิ เปนวิธีท่นี ยิ มใชข ยายพันธชุ มพูมาชา นานและยงั ใชอ ยูในปจ จุบัน โดยการา ตอนนเ้ี ริ่มจากการคดั เลอื กกง่ิ กระโดงหรอื ก่งิ ท่แี ขง็ ชว งอายุเพสลาดคือ กิง่ ออ น กง่ิ แก สเี ขียวอมน้ําตาล แลว ควนั่ รอบกง่ิ 2 รอย หา งกนั เทา กบั เสน รอบวงของกง่ิ แลวกรีดและลอกเปลือกระหวา งรอยควน่ั ออก ขูดเย้ือเจริญออกใหหมด หมุ ดวยขยุ มะพราวชุม นา้ํ ในถงุ ท่ีผากลางถุงแลว มัดดว ยเชือกเปน 2 เปลาะ ประมาณ 30-45 วนั กจ็ ะเรมิ่ ออกราก เมอ่ื รากแกเปนสนี ้ําตาลแลว จงึ ตดั ก่งิ ไปชาํ ตอ ไป
2. การปกชาํ เปนวธิ ที ่นี ิยมกัน เชน เดียวกบั ฝรั่ง โดยตัดกิง่ ออ นสเี ขยี วทมี่ ใี บ 3 คู แลวปลดิ ใบคู ลางออก แลว จุมในฮอรโมนเรง ราก IBA ชนิดเขมขน สําหรบั เรงราก ปก ชาํ ไวใ นถุงขีเ้ ถาแกลบ ประมาณ 1 เดือน กจ็ ะออกราก แลว ยา ยไปชําในภาชนะตอ ไป ปจ จบุ ันมผี ูรับจา งชํากิง่ ละ 4-5 บาท 3. การตอกง่ิ แบบไซดวเี นียร เปนวธิ ีการขยายพนั ธุทีใ่ ชส ําหรับการเปลยี่ นยอดพันธุชมพจู ากพันธุ หนึ่งไปเปนอกี พนั ธุหนึ่งตามที่ตองการ วธิ ีการน้ีตนพันธทุ ่ีจะตอ งเปลยี่ นควรลอกเปลอื กออกไดง า ย มี ขน้ั ตอนดังน้ี 3.1 กรีดเปลอื กตนท่ตี อ งการจะเปลย่ี นพันธลุ งตามยาว 2 แนวขนานกัน แตล ะแนวหาง กันพอท่ีจะสอดกิ่งยอดพันธดุ ที ี่จะนํามาเปล่ียนไดพอดี โดยลอกเปลอื กออกจากบนลงลางตดั เหลือเปนบา 3.2 นํายอดพันธุดีซง่ึ มตี าท่พี กั ตัว (แก) ตัดเปน แนวยาวเอียงเปน รูปปากฉลาม และตัด อีกดา นหนึง่ เลก็ นอ ย โดยยอดพนั ธุดีควรมตี าเหลืออยอู ยา งนอ ย 2 ตา แลว สอดยอดตาพันธดุ ลี งในแผลตน ทต่ี อ งการจะเปลย่ี น 3.3 พันดว ยพลาสติกใหแนน จากลางข้ึนบนแบบมุงหลงั คา โดยพลาสติกตองหุม รอย แผลและยอดพนั ธทุ ่ีสอดไวแ ลวทงั้ หมดประมาณ 15 วนั จงึ ทาํ การตรวจสอบการตดิ ของเน้ือเยื่อยอดตา พนั ธดุ ีกับรอยแผล ถา ติดยอดตาพันธุด ีจะมีสเี ขียว ใหกรดี พลาสติกท่ีอยเู หนอื และขา งยอดตาพนั ธดุ ีแลว จึง ตัดยอดตน ท่ีตอ งการจะเปลยี่ นทง้ิ เพอ่ื ใหตาพนั ธุดพี ฒั นาเปนกง่ิ หรอื ลาํ ตน ใหมต อไป การปลกู 1. การเตรียมแปลงปลกู ในการปลูกชมพสู ามารถปลูกไดท้งั แบบยกรอ งในทรี่ าบลมุ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และ ภาคตะวนั ตก ซ่ึงการปลกู แบบยกรอ งนส้ี ว นหลงั รองกวา งประมาณ 3 เมตร รองนํา้ กวา ง 1- 1.50 เมตร มีแนวชายรอ งขา งละ 0.50 เซนตเิ มตร ซงึ่ หลงั ยกรอ งแลว ควรตากดนิ ไว 1 เดอื น แลว จงึ พลกิ หนา ดนิ ใหดินลางลงไปอยูดานลา งและดินบนซ่ึงถูกทับขณะขดุ รอ งกลบั มาอยดู า นบน ตามเดิม ชว งพลิกดนิ นเี้ อง ชาวสวนสามารถทําการปรบั สภาพดินโดยใสปูนขาวและใสป ยุ คอกลงไปในดิน ไดเ ลย สําหรบั พน้ื ทดี่ อนควรไถพรวนพรอมทาํ การปรับสภาพดนิ และใสปยุ คอกไปเลย 2. กาํ หนดระยะปลูก 2.1 แบบยกรอ งนัน้ สว นใหญใ ชร ะยะระหวา งตน 4 เมตร 2.2 บนพนื้ ทด่ี อนใชระยะ 4 x 4 เมตร หรือ 6 x 6 เมตร แลว แตส ภาพความอุดม สมบรู ณข องดนิ ดว ย ถาดนิ อดุ มสมบูรณควรปลูกระยะ 6 x 6 เมตร
3. การเตรียมหลุมปลกู โดยท่ัว ๆ ไปหลมุ ปลกู จะใชขนาด 50 x 50 x 50 กวา ง x ยาวx ลกึ โดยแยกดนิ หนา ไว ขา งหนง่ึ และดนิ ลา งไวอ กี ขา งหนงึ่ แลว เอกปุยคอกประมาณ 50 กโิ ลกรัม ผสมกับหนา ดนิ อตั ราสว น 1:1 และใสปุย ร็อคฟอสเฟต 500 กรมั กลบลงไปในหลมุ จนพนู 4. การปลูก นําตนพันธชุ มพทู ่คี ดั เลอื กไวแ ลว นํามาถอดภาชนะเพาะชําออกแลว ตรวจดูรากวา มีราก ขดหรือไม แลว ขยายรากออกหนั ทิศทางของก่งิ ใหเ หมาะสม แลวฝง ลงในดินในหลมุ ทเี่ ตรียมไว โดยให ระดับรากสูงกวาระดับดนิ เดมิ เล็กนอ ย แลวนาํ ดนิ ลา งมาเติมบนปากหลมุ จนพูน แลว อันดนิ ใหแนนปก ไม และผูกเชอื กยดึ ลาํ ตนพรอมปกทางมะพรา วพรางแสงในทศิ ทางตะวันออกและตะวนั ตกเสรจ็ แลว รดนํา้ ให ชุมทนั ทเี พอ่ื ปองกนั ไมใหต น ชมพูทปี่ ลูกใหมเห่ียวเฉาได หลังจากชมพูต ั้งตัวไดแ ลวจงึ คอยนําทางมะพรา ว ออก การปฏบิ ตั ิดูแลรักษา 1. การใหน ้าํ เน่ืองจากชมพูเ ปนพชื ทช่ี อบนํา้ ดังนั้นในการผลิตชมพจู ึงจําเปน ตองมีการให นํ้าชมพอู ยางสมํ่าเสมอวิธกี ารใหน า้ํ ยอมแตกตา งไปตามวธิ ีการปลูก และสภาพพนื้ ที่ซงึ่ จาํ แนกออกเปน 3 วธิ ใี หญ ดังน้ี 1.1 เรอื พนนาํ้ วธิ นี เ้ี ปน วิธที ี่เหมาะสมสําหรับการใหน ํา้ ในรอ งสวนในทร่ี าบลมุ ภาค กลาง ภาคตะวันตกและภาคตะวนั ออก วิธนี ีต้ องคํานึงถึงความแรงนา้ํ ทจ่ี ะพน ออกมา ถาแรงเกินไปจะทํา ใหห นาดินแนน และเกิดการชะลางปุยไปจากหนา ดนิ ได 1.2 สายยาง วิธนี ้ีเหมาะสําหรับการปลกุ ชมพใู นท่ีดอนและเปน สวนขนาดเล็ก เปน วิธี ที่สะดวกแตตอ งคอยเปลยี่ นตาํ แหนง และหลมุ ปลูกเปนระยะ ๆ ไป ตอ งคาํ นึงถงึ แรงดนั น้าํ และปรมิ าณทใ่ี ห โดยตองคาํ นึงถึงการชะลา งท่อี าจจะเกดิ ทบี่ รเิ วณหนาดนิ ได 1.3 แบบหัวพนฝอย แบบมนิ สิ ปริงเกอร(Minispringker) วิธนี นี้ ยิ มกนั มากวิธหี นึง่ เพราะประหยดั แรงงานและเวลาและยังเปน วิธที ่ีมีประสทิ ธิภาพสูง ลดการชะลา งของแรงน้ําที่มตี อ ปุยใน แปลง อีกทง้ั สามารถควบคุมปริมาณน้ําไดถ ูกตอง นอกจากนว้ี ธิ นี ย้ี ังสามารถใหป ุย ผสมไปกบั นํ้าไดเลย แต อยางไรก็ตาม ในการใชระบบนา้ํ ตองเสยี คา ตดิ ตัง้ มากกวา วธิ ีอืน่ ๆ
ในการผลิตชมพูเปน การคาเพอ่ื ใหไ ดช มพมู คี ณุ ภาพดเี ปน ทตี่ อ งการของตลาด เกษตรกร จาํ เปนตอ งมกี ารใหป ุยอยา งถกู ตองและเหมาะสมกบั ความตองการของตนชมพู สามารถจาํ แนกเปน 2 ประเภท 1. ปุยคอก ซึงนอกจากใสข ณะเตรียมหลมุ ปลกู แลวเกษตรกรควรใสปยุ คอกอกี ประมาณ 5-10 กิโลกรมั / ตน ชนิดปุย คอกแลวแตจ ะสามารถจัดหามาได เชน ปยุ มลู ไก มูลหมู และมูลววั เปนตน แตท ี่สําคญั ของการใชป ุย คอกนน้ั ปยุ คอกทุกชนดิ ตองสลายตวั เรยี บรอ ยแลว 2. ปยุ เคมี สาํ หรับการใสป ยุ เคมีน้ีเกษตรกรควรพจิ ารณาตามระยะการเจริญเตบิ โตและ อายขุ องตน ชมพูแ ละปรมิ าณผลผลติ ทีใ่ หใ นฤดูกาลทผ่ี านมาดวย ก็จะชวยสามารถคาํ นวณปรมิ าณไดอ ยาง เหมาะสมยงิ่ ขนึ้ จงึ แบง ออกเปน 2.1 สําหรบั ตน ชมพทู ีย่ งั ไมใหผ ลชว งน้ีชมพตู อ งการปยุ เพื่อการเจริญเติบโตทางดา น ลําตน กิ่ง ใบ เปนหลัก ปยุ เคมคี วรใชสูตรเสมอ เชน 15-15-15 หรือ 16-16-16 โดยใหป ริมาณครึ่งหนึง่ ของอายุตน ดังนนั้ ชมพูทีป่ ลูกปแรกควรใหป ยุ เคมปี ระมาณ 500 กรมั โดยแบงใส 2 ครัง้ ในชว งตน ฤดฝู น 1 ครัง้ และปลายฤดฝู นอีก 1 ครั้ง 2.2 ในตนท่ใี หผ ลแลว อายุ 2 ปขน้ึ ไป ชวยกอ นหลงั เกบ็ ผล ตองมกี ารบาํ รุงตน กิง่ กา น ใบ ควรใหป ุย สตู รเสมอ 15-15-15 หรือ 16-6-16 ในอตั ราคร่ึงหน่ึงของอายตุ นหรอื ประมาณ 500 กรัม / ตน ชว ยกอ นออกดอก เพอ่ื ใหชมพอู อกดอกมากขน้ึ นนั้ ควรใสป ยุ ที่มีตวั กลางสงู เชน 12-24-12 หรือ 8-24-24 ในอตั ราสว น 200-300 กรัม / ตน ชวยพฒั นาผล หลงั จากชมพูติดผลแลว น้นั ผลจะมกี ารพัฒนาในระยะแรกจะมีการ ขยายขนาดใหญข้ึน เกษตรกรควรใหปยุ สตู ร 15- 15 - 15 หรอื 16 - 16 - 16 ปรมิ าณ 200-300 กรมั / ตน หลังผลใหญขนึ้ แลว กอ นท่ีเก็บผล 1 เดือน เกษตรกรควรใสปุยตวั ทายสูงเชน 13-13- 21 หรอื 14-14-21 ปรมิ าณ 200-300 กรัม / ตน 3. ปยุ ทางใบ เปน ปยุ ทต่ี อ งการความสะดวกรวดเร็วของการเจริญเตบิ โตของชมพู เชน การใชไ ทโอยเู รยี เพื่อการเรง ใหชมพูแตกใบออ นพรอมกัน หรอื การพฒั นาผลชมพูใหม ีคุณภาพดี ในพ้ืนที่ บางแหง ที่มนี ้ําไมเพยี งพอกส็ ามารถใชป ยุ ทางใบสูตร 15- 30-30 อตั รา 20 กรมั / น้าํ 20 ลิตร ฉดี พน 2 ครง้ั ควรหางกันคร้งั ละ 7 วัน และ ไมควรงดการใหปุย กอ นเก็บเก่ยี ว 2 สปั ดาห
วธิ ีการใสปยุ 1. ปยุ คอก นิยมหวานในบรเิ วณทรงพุมและนอกทรงพมุ เล็กนอย ซึง่ ควรมกี ารพรวน หางจากชายทรงพุมออกไปเล็กนอ ย ประมาณ 30 เซนตเิ มตร 2. ปยุ เคมี ขดุ เปนวงแหวนรอบชายทรงพุม หรือเจาะเปนหลมุ ๆ ตามแนวทรงพุม แลว โรยปยุ ลงไปแลว กลบดนิ เพอ่ื ปองกนั การสญู เสียปุยไป โดยการระเหดิ หรอื ถกู ชะลาง โดยนาํ้ ทีใ่ หห รอื ฝนตก 3. ปยุ ทางใบ ควรผสมปยุ ตามฉลากแนะนาํ ควรผสมสารจบั ใบ และควรทําการฉดี พน ในชว งเชากอ นแดดจดั ไมค วรใชป ยุ ทางใบในราขนมากเกินไปเพราะจะทําใหใ บชมพูไหมไ ด การพรวนดิน การพรวนดนิ นนั้ จะทําใหด นิ รวน รากชมพูส ามารถแผขยายไปหาอาหารไดกวางขน้ึ จากเดมิ อีกท้งั ชวยใหเ ก็บปยุ ท่ีใสล งไปในดนิ ในการพรวนนั้นควรทาํ ปล ะ 1-2 คร้ัง ครงั้ หนึ่งควรพรวนหางแนวชาย ทรงพมุ เดิมออกไปอกี ประมาร 30 เซนตเิ มตร การพรวนแบบนี้ควรใชจ อบใบพรวนในระดับหนาดนิ ต้ืน ๆ การกาํ จดั วชั พชื การกําจดั วัชพชื ชว ยใหช มพมู ีการเจรญิ เติบโตอยา งรวดเร็ว ลดปรมิ าณโรคแมลงท่อี าศยั อยูกบั วชั พืชได สามารถจําแนกออกเปน 3 วิธี ดังน้ี 1. วิธีกล โดยการถอน ดาย ถาง วัชพชื ออกจากทรงพมุ และแปลงปลกู ชมพู วธิ นี ีค้ วร หม่ันทําตง้ั แตว ัชพชื มีขนาดเล็กไปเร่ือย ๆ เหมาะสมกบั การปลูกชมพแู ปลงเลก็ วธิ ีนนี้ อกจากจะไมต อ ง ลงทนุ มากแลว ยังชว ยลดปญ หาสารพษิ ตกคา งอกี ดว ย 2. วธิ ที างเขตกรรม วธิ นี เ้ี ปน วิธที ี่ใชก ารปลกู พืชหมุนเวยี นเพอ่ื ชว ยปอ งกนั ไมใหเกิด การสะสมของวัชพชื ในแปลงปลูกชมพูได สามารถใชไดกบั ชมพทู ่มี ขี นาดเล็ก พืชทนี่ ิยมปลูกกนั ไดแก พชื ผัก ตาง ๆ รวมทัง้ พชื ตระกลู ถั่วซึง่ จะใหดินมีไนโตรเจนมากขน้ึ เมอ่ื ชมพมู ีขนาดใหญข ึน้ กไ็ มจ าํ เปน ตอ ง ปลูกพชื หมนุ เวียนอกี ตอไป 3. วิธที างเคมี เปนวิธหี นงึ่ ทีส่ ะดวกรวดเร็ว อาจจะสงผลใหม สี ารพษิ ตกคางในดินและ นาํ้ ได การกําจดั วชั พืชโดยวธิ เี คมีสามารถจาํ แนกเปน 2 ระยะ 3.1 กอ นทาํ การปลกู ชมพู ซ่งึ สามารถใชส ารเคมกี ําจดั วัชพชื ได 3.2 ใชส ารเคมีกาํ จดั วัชพชื ชนดิ เลือกทําลายในชวงชมพูโตแลว ควรฉดี นอกชาย ทรงพมุ ควรหลีกเลย่ี งไมใหสารเคมีกาํ จดั วัชพืชนน้ั อตั ราความเขม ขน ควรเปน ไปตามคาํ แนะนํา
การตดั แตงกิ่ง การตดั แตงก่งิ นอกจากทาํ ใหไ ดท รงพมุ ตามทีต่ อ งการแลวยังชว ยลดปรมิ าณโรคแมลง อกี ท้งั ทําใหช มพูออกดอกตดิ ผลดีมีคุณภาพอกี ดวย สามารถแบง ออกเปน 2 ลักษณะ ดังน้ี 1. การตัดแตง เพื่อบงั คบั ทรงพุม ควรเริ่มทาํ เมือ่ ชมพมู ีขนาดเลก็ หลังจากปลกู ใหม โดย การเลยี้ งลาํ ตน ประธานเพียงตนเดยี ว และที่ความสูงจากพื้นดิน 50 เซนตเิ มตร ใหต ดั ยอดชมพจู ะทําใหกง่ิ ทแี่ ตกแขนงออกมาใหม 2 ก่ิง ทร่ี ะยะ 6-12 นวิ้ ใหต ดั ก่ิงทัง้ 2 แลว ใหแ ตกเพ่ิมเปน 4 กิง่ ทาํ อยางน้ี ตอ ไปจะไดก่ิงแขนงเปน 8 ตามลาํ ดบั ซ่ึงจะทาํ ใหต น ชมพทู ม่ี โี ครงสรางแข็งแรง และไปรอแสงสองผานกิ่ง โคนตนได การปฏิบตั งิ านใตทรงพุมสะดวก 2. การตัดแตง เพื่อการออกดอกและตดิ ผลทม่ี ีคณุ ภาพ การตัดแตง แบบน้จี ะใชในชมพทู ่ี ใหผ ลแลว ซง่ึ ควรทําปละ 2 ครัง้ โดยเลือกตดั แตง ก่ิง ดงั นี้ 2.1 ก่ิงแกทเี่ คยใหผลแลว และไมส ามารถใหผ ลอีกตอไป 2.2 กิ่งแซมในทรงพมุ ขนาดเลก็ 2.3 กงิ่ ไขว หรือกิ่งทซี่ อนทับกัน ใหเลอื กกิ่งทเี่ ปน โครงสรางหลกั ไว 2.4 กงิ่ ทโ่ี รคแมลงหรอื กาฝากอาศยั 2.5 กงิ่ ฉีกหกั หรอื ก่งิ แหง 2.6 กง่ิ นํา้ คางหรือกงิ่ กระโดงที่เจรญิ เติบโตจากในทรงพุม ทะลอุ อกเหนอื ทรงพุม 2.7 สว นยอดทส่ี ูงจากพ้นื ดนิ เกนิ 2 เมตร การปลิดผล ในการออกดอกชมพูจะออกบริเวณกิง่ ในทรงพมุ หลงั จากดอกไดรบั การผสมแลว ก็จะติด เปนผลท่ีมีขนาดเล็กมลี ักษณะคลายถว ยหลังจากนนั้ ผลจะขยายใหญม ีสีเขมขน เกษตรกรกค็ วรทําการปลดิ ผลทีถ่ กู โรคแมลงทาํ ลาย ผลขนาดเล็กหรอื ผลมรี ูปรา งผิดปกตอิ อก โดยเหลอื ไวช อละ 3-4 ผลเทา น้นั กรณที ี่ชอ ผลทอี่ ยูตดิ กนั มากไมค วรเก็บไว ใหเหลือปลดิ ชอทีม่ ากเกินไปออกเสยี บาง เพ่ือไมใหเ กิดการแยง อาหารกันเองทาํ ใหผ ลมขี นาดเลก็ การหอ ผล การหอ น้ีควรจะทาํ ควบคกู บั การปลดิ เลยในเวลาเดยี วกนั ในการหอผลนี้เกษตรกรจะเลือก ถุงพลาสติกกรอบแกรบสีขาวขนุ เจาะ 2 รเู พอ่ื ใหน ้าํ ออก กอ นหอ ควรพน สารเคมีปองกนั กาํ จดั โรคและ แมลงกอ น แลวจึงหอดว ยถงุ ดงั กลาว โดยผกู ปากถุงดว ยเงื่อนชนั้ เดยี ว ขนาดถุงควรเปนขนาด 6 x 11 น้ิว
เทคนิคชวยใหช มพมู คี ุณภาพดี 1. ตดั แตง ชอ ผลตัง้ แตเ ริ่มติดผล โดยไวผลประมาณ 3-4 ผล ตอชอ และจาํ นวนชอดอก ไมค วรมากเกนิ ไป โดยใหส มั พนั ธกบั ทรงพุมและความสมบูรณของตน 2. การใชจ ีเอพน ประมาณ 1-3 ชวง คือชวงเริม่ ออกดอก ดอกเรมิ่ บานและหนลงั ดอก บานแลว 2 สปั ดาห เพ่อื ทาํ ใหท รงผลยาวและขยายขนาดขึน้ 3. การใหป ยุ ทั้งทางดินและทางใบอยา งเพียงพอ มฉิ ะนน้ั อาจทาํ ใหผ ลรา งไดง า ย 4. การหอ ผลทาํ ใหผ วิ สวยปองกนั การทําลายของแมลงอ่ืน ๆ โดยเฉพาะอยางย่ิงคือ แมลงวนั ทอง 5. ควรงดการใหน ํ้าชว งกอนการเก็บเกย่ี ว 3-5 วนั ทว้ั นขี้ นึ้ อยกู บั สภาพดิน ถา ดนิ เหนยี ว ควรงดการใหน าํ้ นานกวานอ้ี าจเปน 5-7 วัน การเก็บเกีย่ วและการจัดการผลชมพหู ลังการเก็บเกี่ยว หลงั จากชมพมู ีอายุพรอ มท่ีจะเกบ็ เกย่ี ว คอื มอี ายุ วัน ผลแตง อวบ สีซีดในบางพันธมุ ีสี ขาว บางพันธมุ สี ีแดงหรอื ชมพู ผิวเปนมนั เงา มคี วามหวานสงู เกษตรกรควรทาํ การเกบ็ หากทง้ิ ไวเกนิ อายกุ ารเก็บเกยี่ วทําใหผลชมพูแตกหรือรวงเสียหายได การเกบ็ ควรใชก รรไกรตัดข้ัว จะสะดวกและรวดเรว็ การเก็บนัน้ เกษตรกรควรเกบ็ มาทงั้ ถงุ ที่หอ ชมพู แลวใสเ ขง ทกี่ รดุ วยกระสอบปยุ เพอื่ ปอ งกนั ความคมของ ภาชนะทจี่ ะทาํ ใหผวิ ชมพูบอบชาํ้ ได จากนนั้ จึงนาํ ผลชมพมู ายังโรงพักผลผลติ แลว ทําการคัดเลือกผลชมพู โดยเรม่ิ ที่ 1. แกะถงุ หอชมพูอ อก 2. คดั คณุ ภาพโดยคัดผลแตก ผลเปนโรคและแมลงทาํ ลายท้งั นีร้ วมทงั้ ผลที่มีรูปรา ง ผดิ ปกติออก 3. คดั ขนาด 4. บรรจลุ งเขงไมไ ผ หรอื ตะกรา พลาสตกิ ทีต่ า นขางกรดุ วยใบตองหรอื กระดาษ แลว ปด ทบั ดานหนา ดว ยพลาสตกิ เพือ่ รักษาความช้นื ของชมพูไว 5. ช่งั นา้ํ หนักพรอมเขยี นปายประจําเขง หรือตะกราพลาสติก เพื่อบอกน้ําหนกั ชื่อ พันธุ และขนาดผล เก็บไวในท่ีรม พรอมทีจ่ ะขนสงสตู ลาดตอไป
การผลิตชมพูนอกฤดู ในประเทศไทยชมพจู ะออกดอกเปน 2 รนุ ใหญ ๆ ดงั นี้ รุนแรกประมาณปลายเดอื นธนั วาคม- มกราคม เกบ็ ผลในเดอื นกุมภาพันธุถ งึ เดือนมีนาคม รนุ ที่ 2 จะออกดอกในเดอื นกมุ ภาพนั ธและเก็บผลในเดอื น เมษายน – พฤษภาคม แตเ ดมิ เกษตรกรไดพยายามคิดคน วธิ ีการทาํ นอกฤดูเชน การตดั ก่ิง การกกั นํ้า การใสป ยุ ตลอดจนการใชส ารเคมี การใชสารเคมี สาํ หรับการใชส ารเคมี กฤษฎา ทนั นารมย (2537) รายงานวา มกี ารทดลองใชส ารพาโคล บิวทราโซล กบั ชมพูพนั ธุทลู เกลาอายุ 3 ป โดยใชสารเขม ขน 1, 2 และ 4 กรมั ของสารออกฤทธ์ิ และพน ทางใบระดบั ความเข็มขน 0.5 , 1.0 และ 2 ซีซี. / น้าํ 20 ลติ ร ทใ่ี บมีอายุ 40-90 วันหลงั การตัดแตง ก่ิง ทาํ ใหดอกในชวง 60 วนั หลังใหสาร โดยระดับความเขมขน 4 กรัม / ตน โดยราดลงดนิ 2 ซีซี. / น้ํา 1 ลติ ร ฉดี พน ทางใบใหดอกสงู กวา ความเขมขน ระดับอนื่ ๆ ในชมพูเพชร ประทีป กณุ าศล ไดท าํ การทดลองใชสารพาโคลบิวทราโซล กับชมพู เพชรอายุ 7 ปข ้นึ ไปและ 2-4 ป โดยใชส ารนี้จํานวน 30 ซีซี. ผสมกบั นาํ้ 2 ลติ รกบั ทรงพุมทม่ี ี เสนผา ศูนยกลาง 2-3 เมตร โดยราดสารในเดือนมถิ นุ ายน-กรกฎาคม ชมพูแทงชอ ในเดอื นสงิ หาคม- ตุลาคม ซง่ึ ตนท่ีไดร บั สารจะออกดอก 90 % ขณะตน ที่ไมไ ดรับสาร ออกเพยี ง 5% ชมพูไมแสดงอาการ ผดิ ปกติยกเวน ขอ ใบสัน้ ลงเทา นั้น อยางไรกต็ ามหลงั ใหส ารแกตน ชมพแู ลวประมาณ 1 เดือน ควรใหปยุ ท่ี มีฟอสฟอรสั สูงไดแ ก 12-24-12, 8-24-24 หรือ9-24-24 เพอ่ื ใหตน ชมพูเตรยี มพรอ มในการสรา งตาดอก ซงึ่ จะทาํ ใหชมพสู ามารถออกดอกไดมากยิ่งขึน้ โรคและแมลงศัตรชู มพู 1. โรคชมพู สําหรบั โรคทีส่ ําคญั ทก่ี อใหเ กิดความเสียหายแกช มพูไ ดแก 1.1 โรคแอนแทรคโนส เปน โรคท่เี กดิ จากเชือ้ รา โดยจะพบการทําลายบนผลชมพทู ีห่ อไวเ ปน สวนใหญ สวนที่ตนและใบไมคอ ยพบรองรอยการทาํ ลาย ลกั ษณะทปี่ รากฏบนผลจะมกี ารเนา สีดํา แผลจะยบุ ตัว เล็กนอ ยมวี งสปอรส ีดาํ เปนวง ๆ ซอนกันบางครง้ั อาจพบเมือกสแี สดดว ย
2. แมลงศตั รชู มพู 2.1 แมลงคอ มทอง เปน ดวงงวงชนดิ งวงสนั้ ลาํ ตัวสีเขยี วเหลอื งทอง รปู ไข ขนาด ลําตวั กวา ง 0.5 มิลลเิ มตร ยาว 1.30 - 1.50 เซนตเิ มตร มกั พบอยเู ปน คู ๆ การทําลายตัวแกชอบกดั กนิ ใบออน ยอดออ น ทําใหเ วาแหวง - การปอ งกนั กาํ จดั โดยเขยาตน เก็บตวั แกท ําลายกรณรี ะบาดอยา งรุนแรง พน สารเคมคี ารบ ารลิ (เซฟวนิ 85 % WP ) อตั รา 60 กรมั / น้าํ 20 ลติ ร หรอื เมธาไมโดฟอส (ทามารอน 600 56% WP) อัตรา 20 มลิ ลลิ ติ ร / นํา้ 20 ลิตร หรือโมโนโครโตฟอส อตั รา 30 มลิ ลิลติ ร / นํา้ 20 ลิตร 2.2 ดวงมว นใบเปน ดวงงวงชนดิ สวนคอยาว ขนาดเลก็ ลําตวั สีน้าํ ตาล มจี ดุ สเี หลือง บนปกท้งั 2 ขาง สว นงวงยาวเกอื บเทา ลาํ ตัว - การทําลาย ตัวเมยี จะกดั ใบเปน รเู ล็ก ๆ แลว วางไข 2-3 ฟองในใบมวน ตวั ออนเจรญิ กัดกนิ ในใบ และเขา เปน ดกั แดใ นใบมวน - การปองกันกาํ จัด เกบ็ ใบมวนเผาทาํ ลาย กรณรี ะบาดรนุ แรง ควรพน ดวนสาร เคมคารบ ารลิ (เซฟวิน 85% WP) อตั รา 60 กรัม / นํ้า 20 ลติ ร หรือเมธาไมโดฟอส (ทามารอน 600 56% WP) อตั รา 20 กรมั / นํา้ 20 ลติ ร 2.3 เพล้ีนไฟ เปน แมลงปากดดู ขนาดเล็กมาก รูปรางคลา ยเขม็ ตวั แกม ปี ก มักจะ เขา ทาํ ลายยอดออน ใบออ น โดยดดู กินนาํ้ เลย้ี งทาํ ใหใบแหง ตาย หรอื หงกิ บิเบยี้ ว แคระแกร็น - การปอ งกนั กําจดั โดยการใชสารเคมีคารบาริล (เซฟวิน 85 % WP) 60 กรมั / นํ้า 20 ลติ ร หรือโมโนโครโตฟอส 30 กรมั ม / น้ํา 20 ลติ ร 2.4 แมลงวนั ทอง เปนแมลงวนั ทีท่ าํ ลายผลไมช นิดหนึง่ ลาํ ตัวมสี ีดาํ ปนเหลือง - การปองกนั กําจดั ตวั เมยี จะวางไขไ วท ่ีผลแกและตวั หนอนเขา กดั กนิ เน้อื ใน ผล ทําใหผลเนา และรว งหลนในทีส่ ดุ - การปองกนั กาํ จดั หอ ผลดว ยถงุ พลาสตกิ หรือใชเ มธลิ ยจู ินอล ลอแมลงวัน ตวั ผูห รือใชเหย่ือพิษ โปรตนี ไฮโดรไลเสท 100 กรัม + น้าํ ตาล 20 กรมั / นํ้า 4 ลติ ร + มาลาไธออน 1.5 กรมั หรอื ใชไ ดอะซิโนน หรอื เฟนิโตไธออนแทนมาลาไธออน ผสมเปน เหยอ่ื พษิ อกี ชนิดหน่ึง
เอกสารอางอิง เกียรติ ลีละเศรษกุล. 2529. ชมพูเ พชรขนานแท. เคหการเกษตร. 10(115). หนา 46-49 เกษตรเจา คณุ . 2535. สัมมนาชาวสวน วิธกี ารทาํ ชมพนู อกฤดูกาล. เคหการเกษตร. 16(4). หนา 82-88 กฤษฎา ทสั นารมย. 2537. ผลของการใชส ารพาโคลบิวทราโซลโดยวธิ ีตา ง ๆ ทม่ี ผี ลตอผลติ ผลนอก ฤดกู าลของชมพพู นั ธทุ ูลเกลา. ประทีป กุณาศล. 2527. ชมพไู มผลปลกู งายและโตเร็ว เคหการเกษตร. 7 (89). หนา 39- 42. เปรมปรี ณ สงขลา. 2528. รวมกลยุทธชมพูเพชรนา้ํ ผง้ึ . เคหการเกษตร. 19 (5 ). หนา 49- 55. พเิ ชษฐ พิมพเ จริญและคณะ. 2532. ชมพู ขาวสารเกษตรศาสตร. 34(6) หนา 26-32. พีรเดช ทองอําไพ. 2518. ชมพ.ู วารสารพชื สวน. 11(2). หนา 15-22. กรมสงเสริมการเกษตร. 2540. สถิติการปลูกไมผ ลไมย นื ตน . กรุงเทพมหานคร. มนู โปสมบูรณ และจไุ รรตั น แสงสวสั ด.์ิ 2540. การศึกษาสถานการณผ ลิตและการตลาดไมผ ล เมอื งรอนท่ีสําคัญ. กรมสง เสริมการเกษตร. กรุงเทพมหานคร. อมร นราวงศานนท และคณะ. มปพ. คมู ือการขยายพนั ธุพืช. เจรญิ รฐั การพิมพ. กรงุ เทพมหานคร. อรพิน ถริ วฒั น. 2528. โรคไมผลและการปองกันกําจัด. กองปองกนั และกาํ จัดศตั รพู ชื . กรงุ เทพมหานคร.
เรยี บเรยี ง มนู โปส มบรู ณ กรมสง เสรมิ การเกษตร จัดทาํ เปน หนงั สอื อเิ ล็กทรอนกิ สโ ดย ศนู ยว ทิ ยบรกิ ารเพอื่ สง เสรมิ การเกษตร สาํ นกั พฒั นาการถา ยทอดเทคโนโลยี กรมสง เสรมิ การเกษตร จตจุ กั ร กรงุ เทพฯ 10900 โทร. 0-2-579-5517 e-mail : [email protected]
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: