Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนสังคม ม.6 (เต็ม) 2-61

แผนการสอนสังคม ม.6 (เต็ม) 2-61

Published by นิกร ไชยบุตร, 2018-10-19 00:54:13

Description: แผนการสอนสังคม ม.6 (เต็ม) 2-61

Search

Read the Text Version

[1] หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 ชอื่ หน่วย แนวคิดเศรษฐกิจชมุ ชนรหัส ส 31102 วิชา สังคมศกึ ษาพืน้ ฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรูส้ งั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรมชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 6 ภาคเรียนท่ี 2 เวลา 10 ช่ัวโมงชอ่ื ผ้สู อน นายนกิ ร ไชยบตุ ร โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 ****************************************************1. สาระการเรยี นรู้ / ตวั ชว้ี ดัสาระท่ี 3 (เศรษฐศาสตร์)มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ชวี้ ัดส 3.1 ม.4-6/2 ตระหนักถงึ ความสาคัญของปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งที่มตี ่อเศรษฐกจิ สงั คมของประเทศ2. สาระสาคัญปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมีความสาคัญตอ่ การนาไปเปน็ กรอบแนวทาง ในการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมของประเทศ ซง่ึ จะสง่ ผลต่อการพัฒนาประเทศอยา่ งยั่งยืน3. สาระการเรยี นรู้- สาระการเรียนร้แู กนกลาง1) การประยุกตใ์ ชเ้ ศรษฐกิจพอเพียงในการดาเนินชวี ิตของตนเองและครอบครัว2) การประยกุ ต์ใช้เศรษฐกจิ พอเพยี งในภาคเกษตร อตุ สาหกรรม การคา้ และบริการ3) ปญั หาการพัฒนาประเทศทผ่ี ่านมาโดยการศกึ ษาวิเคราะหแ์ ผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมฉบับทผี่ า่ นมา4) การพัฒนาประเทศที่นาปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใชใ้ นการวางแผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมฉบบั ปจั จุบัน- สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถน่ิ-4. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น4.1 ความสามารถในการส่อื สาร4.2 ความสามารถในการคิด- ทักษะการคิดวิเคราะห์- ทกั ษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ- ทักษะการคิดแกป้ ัญหา4.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต- กระบวนการทางานกลุ่ม- กระบวนการปฏบิ ัติ5. คุณลักษณะท่พี งึ ประสงค์1. ใฝ่เรียนรู้

[2] 2. มุ่งมน่ั ในการทางาน 3. มีวินยั 4. มีความซ่อื สตั ย์สุจริต 5. ขยนั อดทน 6. พอประมาณ6. หลกั ฐานการเรียนรู้ - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น7. การวดั และประเมนิ ผล 7.1 การประเมินก่อนเรยี น - แบบทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 7.2 การประเมินระหว่างการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1) ใบงานที่ 1.1 เรอ่ื ง โครงสร้างเศรษฐกจิ ไทย 2) ใบงานที่ 1.2 เร่ือง การพฒั นาเศรษฐกจิ ของประเทศ 3) ใบงานที่ 2.1 เรอ่ื ง เศรษฐกจิ พอเพยี งสาหรับประชาชน 4) ใบงานที่ 2.2 เร่อื ง เศรษฐกิจพอเพยี งสาหรับเกษตรกร 5) ใบงานที่ 2.3 เรือ่ ง เศรษฐกจิ พอเพียงสาหรับภาคอุตสาหกรรม การค้า และการบริการ 6) สังเกตพฤติกรรมการทางานกล่มุ 7.3 การประเมนิ หลงั เรยี น - แบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 1 7.4 การประเมนิ ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) - ประเมินป้ายนิเทศ เร่ือง ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมีความสาคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศเร่ืองที่ 1 การพัฒนาเศรษฐกิจของไทย เวลา 5 ชั่วโมงการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ - นกั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 3ขัน้ ที่ 1 ทบทวนความร้เู ดมิ - ให้นักเรยี นเลา่ ประสบการณ์ความรู้เดิมของนักเรียนทเ่ี คยเรียนประวตั ิศาสตร์สมยั สุโขทัยและสมัยอยธุ ยาเป็นราชธานีว่า สภาพเศรษฐกิจในสมัยน้นั มีลักษณะเปน็ อยา่ งไร

[3] - ครูอธิบายเช่ือมโยงความรู้ให้นักเรียนมีความเขา้ ใจเกี่ยวกับโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยก่อนการใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ พ.ศ. 2498 - 2504 เปรยี บเทยี บกบั โครงสรา้ งเศรษฐกจิ ไทย ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในภาพรวม - ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละกันตามความสามารถ คือ เก่ง ปานกลาง (ค่อนข้างเก่ง) ปานกลาง(ค่อนข้างอ่อน) และอ่อน (แบง่ กลมุ่ ไวล้ ว่ งหนา้ )ขัน้ ที่ 2 แสวงหาความร้ใู หม่ - นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มศกึ ษาความรู้เรอื่ ง โครงสร้างเศรษฐกิจไทย จากหนงั สอื เรยี น และร่วมกันอภปิ รายประเดน็ สาคัญของเรือ่ งทีศ่ กึ ษาจนมคี วามเขา้ ใจชดั เจน - นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่ม แบ่งออกเปน็ 2 คู่ ให้แตล่ ะคู่ชว่ ยกันทาใบงานท่ี 1.1 เร่อื ง โครงสร้างเศรษฐกิจไทย ดังนี้ - คทู่ ี่ 1 ทาใบงานท่ี 1.1 ตอนที่ 1 - คูท่ ี่ 2 ทาใบงานท่ี 1.1 ตอนที่ 2ขน้ั ท่ี 3 ศึกษาทาความเข้าใจข้อมูล/ความรู้ใหม่ และเช่อื มโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดมิ - นกั เรยี นแตล่ ะคู่ผลดั กนั เล่าผลงานจากการทาใบงานท่ี 1.1 ในตอนที่คู่ของตนรบั ผิดชอ - ครูและนักเรียนช่วยกันเฉลยคาตอบในใบงานท่ี 1.1 และช่วยกันสรุปโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยก่อนการใช้แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ - นักเรียนศึกษาความรู้ร่วมกันในเรื่องกรอบแนวคิดของหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และนาความรู้ท่ีได้มาเชื่อมโยงกับความรู้เดิม แล้วร่วมกันสรุปเป็นความคิดรวบยอดถึงแนวทางการนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยกุ ต์ใชใ้ นการวางแผนพฒั นาเศรษฐกิจของประเทศขั้นที่ 4 แลกเปลยี่ นความรู้ความเขา้ ใจกบั กลุ่ม - ครูนาข่าวหรือข้อมูลเก่ียวกับสภาพเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันมาให้นักเรียนวิเคราะห์เก่ียวกับผลดี ปัญหาและวิธีการพัฒนาจากน้ันครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจถึงสภาพเศรษฐกิจของไทยว่า มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเป็นไปตามแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ - ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาความรู้เพิ่มเติมเก่ียวกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จากหนังสือเรียน และจากแหล่งความรู้ต่าง ๆ ร่วมกันอภิปรายประเด็นสาคัญของเรื่องที่ศึกษา และช่วยกันทาใบงานที่ 1.2 เร่ือง การพฒั นาเศรษฐกจิ ของประเทศ โดยแบง่ หน้าทกี่ ัน ดังน้ี - สมาชิกคนท่ีหนงึ่ ของกล่มุ เขยี นคาตอบในหวั ขอ้ ของใบงานข้อทหี่ น่งึ แลว้ ส่งต่อให้สมาชกิ คนที่สอง - สมาชิกคนที่สองของกลุ่มอา่ นคาตอบของสมาชิกคนที่หน่ึง ตรวจสอบความถูกต้องหรือเขียนคาตอบเพิ่มเติม แล้วทาใบงานในข้อต่อไป - สมาชิกคนต่อไปอ่านคาตอบของสมาชิกคนท่ีเขียนไว้ แล้วตรวจสอบความถูกต้องหรือเขียนคาตอบเพ่ิมเติม แล้วทาใบงานในข้อต่อไป - สมาชิกแตล่ ะคนในกลุ่มจะได้มีโอกาสอา่ นและเขยี นคาตอบหมนุ เวียนไปเรอื่ ย ๆ จนเสร็จ

[4]ขน้ั ท่ี 5 สรปุ และจดั ระเบียบความรู้ - นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องของคาตอบใบงานท่ี 1.2 - นักเรียนแต่ละกลุ่มผลัดกันเฉลยคาตอบในใบงาน ซึ่งอาจเป็นหัวข้อละ 1-2 กลุ่ม หมุนเวียนกันไป แล้วให้กลุ่มอื่นช่วยเพ่ิมเติมในส่วนท่ีแตกต่างกนั ไป โดยมีครเู ปน็ ผตู้ รวจสอบความถูกต้อง ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปการพัฒนาประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แต่ละฉบับและผลที่ไดร้ บัขั้นท่ี 6 ปฏบิ ัตแิ ละ/หรอื แสดงผลงาน - ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปการพัฒนาประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แต่ละฉบับและผลที่ได้รับ เรอื่ งที่ 1 การนาหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาใชใ้ นการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม เวลา 5 ชั่วโมงการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ขน้ั ที่ 1 ทบทวนความรเู้ ดมิ - ครูให้นักเรียนรวมกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน น่ังล้อมวงผลัดกันเล่าความประทับใจในกิจกรรมหรือการกระทาของกลุ่มบุคคลที่แสดงว่า ได้นาปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ นักเรียนแต่ละกลุ่มสรุปประเด็นสาคัญของการเล่าเรื่องของสมาชิก แลว้ นามาเสนอต่อชนั้ เรยี นขน้ั ท่ี 2 แสวงหาความรู้ใหม่ขัน้ วเิ คราะห์ประสบการณ์ (พัฒนาสมองซกี ซา้ ย) - ครูและนักเรียนช่วยกันคัดเลือกกิจกรรมหรือการกระทาของกลุ่มบุคคล หรือชุมชนที่น่าสนใจ แล้วอภิปรายร่วมกันถึงเหตุผลท่ีเลือกกิจกรรมหรือการกระทาดังกล่าว และกิจกรรม หรือการกระทานั้นเช่ือมโยงกับหลักปรัชญาเศรษฐกจิพอเพียงอยา่ งไรขน้ั ท่ี 3 ศึกษาทาความเขา้ ใจข้อมลู /ความรู้ใหม่ และเชื่อมโยงความรูใ้ หม่กับความรเู้ ดิม - นักเรียนศึกษาความรู้ร่วมกันในเรื่องกรอบแนวคิดของหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และนาความรู้ที่ได้มาเช่ือมโยงกับความรู้เดิม แล้วร่วมกันสรุปเป็นความคิดรวบยอดถึงแนวทางการนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการวางแผนพัฒนาเศรษฐกจิ ของประเทศขนั้ ท่ี 4 แลกเปลีย่ นความรู้ความเข้าใจกับกลมุ่ - นักเรียนรวมกลุ่มตามความสมัครใจ กลุ่มละ 5-7 คน ศึกษาความรู้ เรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง โดยศึกษาจากหนังสือเรียนและจากแหลง่ การเรียนรู้

[5]ข้นั ท่ี 5 สรุปและจดั ระเบียบความรู้ - นักเรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกันทากิจกรรมตามหวั ข้อ ในใบงานที่กาหนด ใบงานละ 2 กลุ่ม และผลัดกันนาเสนอต่อชนั้เรยี น ดังนี้ ใบงานที่ 2.1 เรอื่ ง เศรษฐกิจพอเพยี งสาหรับประชาชน ใบงานที่ 2.2 เร่ือง เศรษฐกิจพอเพยี งสาหรับเกษตรกร ใบงานที่ 2.3 เร่อื ง เศรษฐกิจพอเพียงสาหรับภาคอตุ สาหกรรม การค้าและการบรกิ าร - ครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวางแผนจัดป้ายนิเทศ เรื่อง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมีความสาคัญตอ่การพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาตขิ องประเทศ โดยให้ครอบคลุมประเด็นตอ่ ไปน้ี 1) การวิเคราะห์ผลดแี ละปญั หาทเ่ี กดิ ขึน้ เมอื่ สนิ้ สดุ แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาตแิ ตล่ ะฉบบั 2) การวเิ คราะห์แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาตทิ ส่ี อดคล้องกับหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3) การเสนอแนวทางการประยุกตใ์ ชเ้ ศรษฐกิจพอเพียงในการดาเนินชีวิตของตนเองและครอบครัว 4) การเสนอแนวทางการประยุกตใ์ ชเ้ ศรษฐกจิ พอเพียงในภาคเกษตรกรรมอตุ สาหกรรม การคา้ และบริการข้ันท่ี 6 ปฏิบัตแิ ละ/หรอื แสดงผลงาน - นักเรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั วิเคราะห์ผลงานของตน ช่วยกันแก้ไขปญั หาท่ีเกิดขึ้น ปรับปรุงและพัฒนางานจนมีความถูกตอ้ ง สมบูรณ์ - นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มนาเสนอผลงานป้ายนเิ ทศ โดยใหก้ ลมุ่ อื่นหมนุ เวียนกันมารบั และให้ข้อคดิ หรอื ขอ้ เสนอแนะจากนั้นครแู ละนกั เรียนชว่ ยกนั สรปุ ขอ้ คดิ ท่ีได้จากการศกึ ษา ความรเู้ ร่ือง เศรษฐกจิ พอเพียงกบั การพัฒนาเศรษฐกจิ ของไทย - นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 19. ส่อื การเรียนรู้ / แหล่งเรยี นรู้ 9.1 สอ่ื การเรียนรู้ 9.1 ส่ือการเรยี นรู้ 1) หนงั สือเรยี น เศรษฐศาสตร์ ม.4-ม.6 2) ใบงานที่ 1.1 เร่ือง โครงสรา้ งเศรษฐกจิ ไทย 3) ใบงานที่ 1.2 เร่อื ง การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ 4) ใบงานท่ี 2.1 เรื่อง เศรษฐกจิ พอเพยี งสาหรบั ประชาชน 5) ใบงานท่ี 2.2 เรอ่ื ง เศรษฐกิจพอเพยี งสาหรบั เกษตรกร 6) ใบงานท่ี 2.3 เร่อื ง เศรษฐกิจพอเพียงสาหรับภาคอตุ สาหกรรม การคา้ และการบรกิ าร9.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1) ห้องสมุด

[6]2) แหล่งข้อมลู สารสนเทศhttp://www.sufficiencyeconomy.org/http://www.doae.go.th/report/SE/html/01.htmhttp://www.inspect9.moe.go.th/economic_king80.htmhttp://www. sufficiencyeconomy.panyathai.or.th/10. การวดั ผลและประเมินผลแบบประเมนิ ปา้ ยนเิ ทศ เรื่อง ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมคี วามสาคญั ตอ่ การพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมของประเทศรายการประเมิน ดีมาก (4) คาอธบิ ายระดบั คุณภาพ/ระดับคะแนน ปรบั ปรุง (1) ดี (3) พอใช้ (2)1. การวเิ คราะห์ มบี ทวเิ คราะห์ผลดี มบี ทวเิ คราะห์ผลดี มบี ทวเิ คราะห์ผลดี มบี ทวเิ คราะห์ผลดีผลดีและปญั หาที่ และปัญหาที่เกดิ ขึน้ และปญั หาทเี่ กดิ ขึ้น และปัญหาทเี่ กดิ ขนึ้ และปัญหาท่ีเกดิ ขึน้เกดิ ข้นึ เมอ่ื ส้นิ สุด เม่ือสิน้ สดุ แผนพฒั นา เมื่อสน้ิ สุดแผนพัฒนา เม่อื สิ้นสุดแผนพฒั นา เม่ือสน้ิ สดุ แผนพฒั นาแผนพัฒนาฯ แต่ ฯ จานวน 6 - 8 ฯ จานวน 6 - 8 ฯ จานวน 6 - 8 ฯ จานวน 2 - 5 ฉบบัละฉบับ ฉบับ พรอ้ มมีตวั อย่าง ฉบบั พรอ้ มมีตวั อยา่ ง ฉบับพรอ้ มมตี ัวอยา่ ง พรอ้ มมตี วั อยา่ ง ประกอบท่เี หมาะสม ประกอบทีเ่ หมาะสม ประกอบทีเ่ หมาะสม ประกอบท่ีถูกตอ้ ง เป็นส่วนใหญ่ เป็นบางฉบับ เหมาะสมเป็นบาง ฉบบั2. การวิเคราะห์ มบี ทวเิ คราะห์ มบี ทวิเคราะห์ มบี ทวิเคราะห์ มบี ทวิเคราะห์แผนพัฒนาฯ ที่ แผนพฒั นาฉบบั ท่ี 9 แผนพัฒนาฉบบั ท่ี 9 แผนพฒั นาฉบบั ท่ี 9 แผนพฒั นาฉบบั ที่ 9สอดคล้องกับหลัก และ 10 ทีส่ อดคลอ้ ง และ 10 ทสี่ อดคล้อง และ 10 ท่สี อดคล้อง และ 10 ท่สี อดคล้องปรัชญาของ กบั หลักปรัชญาของ กบั หลกั ปรชั ญาของ กับหลักปรชั ญาของ กบั หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ เศรษฐกิจพอเพยี งได้ เศรษฐกจิ พอเพียงได้ เศรษฐกิจพอเพยี งได้ เศรษฐกจิ พอเพียงได้พอเพยี ง ถกู ตอ้ งสมบูรณ์ ถูกต้องเกือบสมบูรณ์ ถกู ต้องเกอื บสมบรู ณ์ ถูกต้องบางส่วน พร้อม พรอ้ มมตี วั อย่าง พรอ้ มมตี วั อยา่ ง พร้อมมตี วั อยา่ ง มีตัวอย่างประกอบ ประกอบทเี่ หมาะสม ประกอบเป็นบาง ประกอบ แต่ไม่ ที่เหมาะสม ตอน เหมาะสม3. การเสนอแนว มีกรณตี วั อย่างการ มกี รณีตัวอย่างการ มีกรณตี วั อย่างการ มีกรณตี ัวอยา่ งการทางการประยกุ ต์ใช้ ประยกุ ต์ใช้เศรษฐกิจ ประยุกต์ใช้เศรษฐกจิ ประยุกตใ์ ชเ้ ศรษฐกิจ ประยุกตใ์ ชเ้ ศรษฐกิจเศรษฐกิจพอเพียง พอเพยี งในการ พอเพยี งในการ พอเพียงในการ พอเพียงในการในการดาเนินชีวติ ดาเนิน ชวี ิตของ ดาเนิน ชวี ติ ของ ดาเนิน ชวี ิตของ ดาเนินชวี ิตของของตนเองและ ตนเองและครอบครวั ตนเองและครอบครวั ตนเองและครอบครวั ตนเองและครอบครัวครอบครัว ทเี่ หมาะสม พร้อม ที่เหมาะสม พรอ้ ม ทเี่ หมาะสม พรอ้ ม พรอ้ มทัง้ เสนอแนว

[7] การเสนอแนว การเสนอแนว การเสนอแนว ทางการปฏิบัติ แตไ่ ม่ ทางการปฏิบตั ิ ชัดเจน ทางการปฏบิ ตั ิ ทางการปฏิบตั ิ จานวน 1 เร่ือง จานวน 3 เร่ืองข้นึ ไป จานวน 2 เร่อื งรายการประเมิน ดมี าก (4) คาอธบิ ายระดบั คณุ ภาพ/ระดบั คะแนน ปรับปรงุ (1) ดี (3) พอใช้ (2)4.การเสนอแนว มีกรณีตัวอยา่ งการ มีกรณีตวั อย่างการ มีกรณีตวั อยา่ งการ มีกรณีตัวอย่างการทางการประยุกต์ใช้ ประยุกตใ์ ชเ้ ศรษฐกิจ ประยุกตใ์ ช้เศรษฐกิจ ประยกุ ตใ์ ช้เศรษฐกจิ ประยุกตใ์ ช้เศรษฐกิจเศรษฐกิจพอเพียง พอเพียงในภาค พอเพียงในภาค พอเพียงในภาค พอเพียงในภาคในภาคเกษตร เกษตร อุตสาหกรรม เกษตร อุตสาหกรรม เกษตร อตุ สาหกรรม เกษตร อตุ สาหกรรมอตุ สาหกรรม การคา้ และบรกิ าร การคา้ และบรกิ าร การคา้ และบรกิ าร การค้าและบรกิ ารการค้าและบรกิ าร พร้อมการเสนอแนว พรอ้ มการเสนอแนว พร้อมการเสนอแนว พร้อมการเสนอแนว ทางการปฏบิ ัติที่ ทางการปฏิบัติที่ ทางการปฏบิ ัติที่ ทางการปฏบิ ัติ เหมาะสมจานวน 3 เหมาะสมจานวน 2 เหมาะสมจานวน 1 จานวน 1 เรื่อง แต่ไม่ เร่อื ง ขึน้ ไป เรอ่ื ง เร่ือง ชัดเจน5. ความคดิ รเิ รม่ิ รปู แบบป้ายนิเทศ รปู แบบปา้ ยนิเทศ รูปแบบป้ายนเิ ทศ รูปแบบปา้ ยนเิ ทศสรา้ งสรรค์ในการ สวยงาม แปลกใหม่ สวยงาม มกี าร สวยงามเหมือนป้าย ไมส่ วยงาม ขอ้ มูลจดั ป้ายนิเทศ มกี ารเรยี งลาดบั เรียงลาดบั ขอ้ มูล ทัว่ ไปมกี าเรียงลาดบั เช่อื มโยงสมั พนั ธ์กนั ขอ้ มูลเช่อื มโยง เชอ่ื มโยงสมั พนั ธ์กัน ขอ้ มลู เชอื่ มโยง เป็นบางสว่ น สมั พนั ธ์กัน เป็นส่วนใหญ่ สัมพนั ธก์ นั เป็น บางส่วน เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 17-20 ดีมาก 13-16 ดี

[8] 9-12 พอใช้ 5-8 ปรบั ปรุง11. จดุ เนน้ ของโรงเรียน การบูรณาการปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงและกจิ กรรมสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี นปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ครู ผู้เรียน- ความพอประมาณ พอดีด้านเทคโนโลยี พอดดี า้ นจติ ใจ

[9] รู้จักใช้เทคโนโลยีมาผลิตสื่อท่ี มี จิ ต ส า นึ ก ที่ ดี เ อ้ื อ อ า ท ร เหมาะสมและสอดคล้องเน้ือหาเป็น ป ร ะ นี ป ร ะ น อ ม นึ ก ถึ ง ป ร ะ โ ย ช น์ ประโยชน์ต่อผู้เรียนและพัฒนาจากภูมิ ส่วนรวม/กลมุ่ ปญั ญาของผู้เรียน - ความมีเหตุผล - ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความ ไม่หยุดนิ่งท่ีหาหนทางในชีวิต หลุดพ้น - มีภมู คิ มุ กนั ในตวั ท่ดี ี ถกู ต้อง สจุ ริต แม้จะตกอยใู่ นภาวะขาด จากความทุกข์ยาก (การค้นหาคาตอบ - เง่ือนไขความรู้ แคลน ในการดารงชวี ิต เพื่อให้หลุดพน้ จากความไม่รู้) - เงอ่ื นไขคุณธรรม - ปฏิบตั ิตนในแนวทางที่ดี ลด เลิก ส่ิง กจิ กรรม ยั่วกิเลสให้หมดส้นิ ไป ไม่ก่อความชัว่ ให้ สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี นงานและกาลงั เป็นเคร่ืองทาลายตัวเอง ทาลายผู้อื่น - การเกิดงานแตล่ ะกรณี พยายามเพิม่ พูนรักษาความดี ทีม่ อี ยู่ให้ งอกงามสมบูรณย์ ่ิงขน้ึ ภมู ปิ ัญญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ภมู ิปัญญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ระมัดระวงั ระมดั ระวงั สร้างสรรค์ ภมู ิธรรม : ซ่อื สตั ย์ สจุ ริต ขยนั อดทน ภมู ิธรรม : ซอื่ สัตย์ สุจรติ ขยนั อดทน ตรงต่อเวลาและแบ่งปัน ตรงต่อเวลา เสียสละและ แบง่ ปัน ความรอบรู้ เร่ือง งานและกาลัง ความรอบรู้ เรื่อง งานและกาลัง ที่เกี่ยวข้องรอบด้าน ความรอบคอบท่ี กรณีที่เกิดงาน ปริมาณที่เกี่ยวข้อง การ จะนาความรู้เหล่าน้ันมาพิจารณาให้ คานวณสูตรที่ต้องใช้ สามารถนาความรู้ เชื่อมโยงกัน เพ่ือประกอบการวางแผน เหล่าน้ันมาพิจารณาให้เช่ือมโยงกัน การดาเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สามารถประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวัน ใหก้ บั ผู้เรียน มีความตระหนักใน คณุ ธรรม มี มีความตระหนักใน คุณธรรม มี ความซ่อื สตั ย์สจุ รติ และมีความอดทน ความซ่ือสัตย์สุจริตและมีความอดทน มี มีความเพียร ใชส้ ติปญั ญาในการ ความเพียร ใช้สติปัญญาในการดาเนิน ดาเนนิ ชีวิต ชีวติ ครู ผ้เู รยี น งานและกาลงั งานและกาลัง - ระบุปจั จัยท่ีมผี ลตอ่ การเกดิ งาน

[10]- การเกิดกาลัง การได้เปรียบ - ปัจจัยท่ีมีผลต่อการเกิด - ทดลองเปรียบเทยี บการเกดิ งานและเชงิ กลยทุ ธ์ งาน กาลงั พรอ้ มคานวณปริมาณท่ีเกยี่ วข้อง - ปริมาณที่เก่ียวข้องกับ การเกดิ งานและกาลังงานและกาลัง งานและกาลงั งานและกาลงั- การเกิดงานแต่ละกรณี - ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิด - ระบปุ จั จยั ทีม่ ีผลต่อการเกดิ งาน- การเกิดกาลัง การได้เปรียบ งาน - ทดลองเปรยี บเทียบการเกดิ งานและเชงิ กล - ปริมาณที่เก่ียวข้องกับ กาลัง พร้อมคานวณปริมาณที่เก่ยี วขอ้ ง การเกดิ งานและกาลัง ลงชอื่ ..................................................ผสู้ อน (นายนิกร ไชยบตุ ร) ลงช่ือ...................................................ผ้นู เิ ทศ (............................................) แบบทดสอบกอ่ นเรยี น-หลงั เรียน หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1คาชแ้ี จง ให้นกั เรียนเลอื กคาตอบทีถ่ กู ต้องทส่ี ุดเพียงข้อเดียว

[11]1. สนธิสญั ญาเบาว์รงิ มผี ลกระทบทีส่ าคัญตอ่ เศรษฐกจิ ไทย 5. การวดั ความเจรญิ เติบโตทางเศรษฐกิจ ควรพจิ ารณาขอ้อยา่ งไร ใดเป็นสาคญั ก. มสี นิ คา้ ออกทางดา้ นการเกษตรมากขึน้ ก. อตั ราการส่งสินคา้ ออกมากกว่า ข. มกี ารปรับปรุงระบบการผลติ สนิ คา้ ของไทย สินค้าเขา้ ค. ทาให้มีการค้าระหวา่ งประเทศไทยกบั ตา่ งประเทศ ง. มกี ารเปลีย่ นแปลงโครงสรา้ งการผลติ และการคา้ ข. การเก็บภาษีเงินไดข้ องประชาชนมอี ตั รากา้ วหน้า ค. ตัวเลขรายไดท้ แ่ี ทจ้ รงิ เฉลย่ี ตอ่ บคุ คลหรือ ระหวา่ งประเทศ2. องคก์ รระหว่างประเทศทีม่ ีบทบาทสาคญั ในการชน้ี าการ ผลิตภัณฑ์ท่แี ทจ้ รงิวางแผนพฒั นาเศรษฐกิจไทยคอื องคก์ รใด ง. การตงั้ งบประมาณของรฐั บาลมาใช้จา่ ยในการ ก. ธนาคารโลก บรหิ ารประเทศมีจานวนมากขนึ้ ข. องคก์ ารค้าโลก 6. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ ฉบับท่ี 1 และ 2 ค. องค์การสหประชาชาติ มีวัตถุประสงคค์ ล้ายคลงึ กันในเร่อื งใด ง. กองทุนการเงินระหว่างประเทศ3. การพัฒนาเศรษฐกิจมีผลดีในด้านใดมากท่สี ดุ ก. เน้นการกระจายรายไดส้ ู่ชนบทเปน็ ก. รฐั บาลมรี ายรบั มากกว่ารายจา่ ย สาคัญ ข. รายไดเ้ ฉลย่ี ของประชากรสงู ขนึ้ กวา่ เดมิ ค. ชาวตา่ งชาตมิ าลงทุนในประเทศไทยมาก ข. จัดระบบการใช้เทคโนโลยีและวิทยาการสมยั ใหม่ ค. การจัดระบบเศรษฐกจิ พอยงั ชีพใหม้ ี ขนึ้ ง. ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศมีความเป็นอยทู่ ดี่ ี ความกา้ วหนา้ ง. มุ่งการขยายตวั ทางเศรษฐกิจในระดบั สูงด้วยการ ขนึ้ กวา่ เดมิ4. ข้อใดจัดว่าเป็นปัจจัยทางเศรษฐกิจทีม่ คี วามสาคญั ต่อการ เพ่ิมผลผลติ ของประเทศพัฒนาเศรษฐกจิ 7. ปัญหาสาคญั ที่เกดิ ขนึ้ เมื่อสิ้นสุดแผนพัฒนาเศรษฐกิจและ สงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ 1 และ 2 คืออะไร ก. สังหารมิ ทรัพย์ ทุน แรงงาน ระบบ การเมอื ง ก. เกดิ ภาวะเงนิ เฟอ้ ในระดับสงู ข. การใชพ้ ลังงานจากต่างประเทศในระดบั สูง ข. ท่ีดิน ทุน ระบบการเมอื ง การปกครอง ค. ความแตกต่างของรายได้ระหวา่ งเมอื งกับชนบท กฎหมาย ง. การลงทนุ ท่ีเนน้ โครงการขนาดใหญใ่ นชนบทเป็น ค. ที่ดนิ ทุน แรงงาน ตลาด ความก้าวหนา้ ทาง จานวนมาก วทิ ยาการ 12. ยุทธศาสตรก์ ารพฒั นาศกั ยภาพของคนและสร้างความ ง. ทุน แรงงาน ตลาด ระบบการปกครอง เข้มแข็งของชมุ ชน โดยนาหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ความสัมพนั ธก์ ับต่างประเทศ8. แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาตฉิ บบั ใด เน้นการให้คนเป็นศนู ย์กลางในการพัฒนาแบบย่ังยนื

[12] ก. ฉบบั ที่ 4 มาใชใ้ นแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ ฉบับที่ 10 ข. ฉบับท่ี 5 ขอ้ ใดไมถ่ กู ตอ้ ง ค. ฉบบั ที่ 6 ง. ฉบบั ที่ 8 ก. การเสรมิ สรา้ งความรู้ในทุกด้านให้แก่ประชาชนทุก9. แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 9 และ วยัฉบบั ที่ 10 มีจุดเนน้ ที่คลา้ ยคลงึ กันคอื ข. การสรา้ งความม่นั คงของฐานทรพั ยากรและ ก. เน้นการสง่ ออกสนิ ค้าทางการเกษตรใหม้ ี ส่ิงแวดล้อม คุณภาพ ค. พัฒนาคุณภาพคนและสังคมไทยสสู่ ังคมแห่งภูมิ ข. พัฒนาประเทศโดยเนน้ ใหค้ นเป็นศูนยก์ ลางของ ปัญญาและการเรียนรู้ การพัฒนา ง. การสรา้ งความเขม้ แขง็ ของชุมชนและสงั คมให้เปน็ ค. การพฒั นาอตุ สาหกรรมขนาดใหญ่รองรบั ความ รากฐานที่มั่นคงของประเทศ เจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกิจ 13. การกระทาในขอ้ ใด จัดว่าเปน็ ปัจจยั พืน้ ฐานในการสรา้ ง ง. นาหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาเป็นหลกั ความอยเู่ ยน็ เป็นสุขของสงั คมไทย ปรัชญานาทางในการพฒั นาและบรหิ ารประเทศ ก. กานันเติบเปน็ ผู้นาทีส่ ามารถตัดสนิ ใจแทนลกู บ้าน10. ประเทศไทยประสบวกิ ฤติเศรษฐกจิ ทรี่ นุ แรงทีส่ ุด ในช่วง ได้ในทกุ กรณีแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับใด ข. ชุมชนดอนตาลเป็นชุมชนท่ีมีความสามคั คี ก. ฉบับที่ 5 รว่ มกนั พฒั นาอาชีพของชมุ ชน ข. ฉบบั ท่ี 6 ค. ฉบับท่ี 7 ค. ยอดย่งิ และเพ่อื นๆ ชวนกนั ลงทนุ ตง้ั บริษัทสง่ ไม้ ง. ฉบบั ท่ี 8 สักไปจาหน่ายยังต่างประเทศ11. การพฒั นาท่ยี ง่ั ยืน จะต้องมีแนวทางการพัฒนาตามข้อใด ก. เน้นการลงทุนระยะยาวมากกว่าระยะ ง. พวกเดก็ ๆ ในหมบู่ ้านรกั ชาตติ ่างก็มีความหวงั ว่า ในอนาคตจะมคี รอบครวั ทอ่ี บอนุ่ สน้ั ข. เน้นสร้างความสมดลุ ของเศรษฐกจิ ควบคกู่ บั ทาง 14. ประชาชนทั่วไปควรนาคณุ ธรรมตามหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงในขอ้ ใดไปปฏิบัติ สงั คม ค. การมีสว่ นรว่ มกันระหว่างเอกชนและรัฐในการ ก. ซ่ือสตั ยส์ ุจริต ขยัน อดทน กตัญญูกตเวที ข. ข. ประหยัด กตญั ญู เมตตากรุณา อดกลั้น วางแผน ง. การวางแผนการพัฒนาท่มี วี ตั ถปุ ระสงคช์ ดั เจน อดออม ค. กตญั ญู เมตตากรณุ า ยุติธรรม ประหยัด แนน่ อน15. การที่ประชาชนมคี วามขยนั ใฝห่ าความรู้เพื่อเพ่มิ พูน ซือ่ สัตยส์ ุจริตประสบการณแ์ ละนามาพัฒนาอาชีพ การกระทาดงั กล่าว ง. ประหยดั ซ่อื สตั ยส์ จุ ริต ขยนั อดทน ไมโ่ ลภสอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงในข้อใด และไม่ตระหนี่ 18. ทฤษฎใี หม่ ขนั้ ที่ 3 จัดเปน็ ความพอเพียงในระดบั ใด ก. ระดับพ้นื ฐาน

[13] ก. เงอ่ื นไขความรู้ ข. ระดับประเทศ ข. เง่ือนไขคณุ ธรรม ค. ระดับชุมชน ค. มีภูมคิ มุ้ กันในตัวท่ีดี ง. ระดบั ครอบครวั ง. เงื่อนไขความรู้ เงอ่ื นไขคุณธรรม 19. การนาปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงมาประยุกต์ใช้ใน16. ทฤษฎีใหม่ ข้นั ที่ 1 สอดคล้องกับขอ้ ใด ภาคอตุ สาหกรรม การค้าและบรกิ าร จะสง่ ผลดอี ย่างไร ก. ก.การใช้ประโยชน์จากภูมปิ ัญญาทอ้ งถนิ่ ก. กจิ การงานมคี วามเปน็ ระเบียบง ข. ส่งเสรมิ ใหช้ มุ ชนรวมตัวกันสร้างเครือขา่ ย ข. ธรุ กจิ ค่อยๆ เตบิ โตอย่างมั่นคงและย่ังยนื ค. มุ่งแกป้ ญั หาของเกษตรกรทอี่ ยหู่ ่างไกลแหลง่ น้า ค. การดาเนนิ ธุรกิจเจรญิ เติบโตอยา่ งรวดเรว็ ง. สนับสนนุ ให้เกษตรกรรวมพลังกันเป็นกลมุ่ หรือ ง. โครงสรา้ งการบรหิ ารงานมีความเปน็ ปึกแผ่น 20. การขับเคล่ือนเศรษฐกจิ พอเพยี ง มีความสาคัญอย่างไร สหกรณ์ ก. ทาให้เกิดพลังที่เข้มแข็ง17. กิจกรรมในข้อใดสอดคล้องกับทฤษฎีใหม่ ขนั้ ท่ี 2 ข. ประชาชนมีสภาพความเป็นอยูท่ ี่อบอุน่ ค. เสรมิ พลังใหป้ ระเทศสามารถพัฒนาไปไดอ้ ย่าง ก. การจัดสรรท่ีดนิ ใหแ้ ก่เกษตรกรผู้ยากไร้ ข. เกษตรกรรวมกลมุ่ กนั จัดตง้ั สหกรณก์ ารเกษตร มนั่ คง ค. บรษิ ทั น้ามันประชมุ กันเพอื่ กาหนดราคา ง. เปน็ การรวมกลุม่ ภาคเกษตรกร อตุ สาหกรรม นา้ มัน การคา้ และบรกิ าร ง. ธนาคารทกุ ธนาคารมีนโยบายการให้สินเชอ่ื คลา้ ยกันเฉลย 1. ง 2.ก 3. ง 4. ค 5. ค 6. ง 7. ค 8. ง 9. ง 10. ง 11.ข 12. ก 13. ข 14. ง 15 ง 16. ค 17. ข 18. ข 19. ข 20. ค หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 ชอื่ หน่วย เศรษฐกิจระหว่างประเทศรหสั ส 31101 วิชา สงั คมศึกษาพืน้ ฐาน กลมุ่ สาระการเรียนรูส้ งั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม

[14]ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 6 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 10 ชว่ั โมงชอ่ื ผ้สู อน นายนิกร ไชยบตุ ร โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 ***************************************************1. สาระการเรยี นรู้ / ตัวช้ีวดัม.4-6/3 วิเคราะหผ์ ลดี ผลเสียของความร่วมมอื ทางเศรษฐกจิ ระหวา่ งประเทศในรูปแบบต่างๆ2. สาระสาคญัการร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศในรูปแบบต่างๆ มีทั้งผลดีและผลเสีย ส่วนการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจในยุคโลกาภิวตั น์มีผลกระทบต่อสงั คมไทย ทงั้ ดา้ นการเกษตร อตุ สาหกรรม การค้า และบรกิ าร3. สาระการเรียนรู้1) วิวัฒนาการของการเปดิ เสรที างเศรษฐกิจในยุคโลกาภิวัตน์ของไทย2) ปัจจยั ทางเศรษฐกิจที่มีผลตอ่ การเปดิ เสรที างเศรษฐกิจของประเทศ3) ผลกระทบของการเปดิ เสรที างเศรษฐกจิ ทมี่ ตี อ่ ภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ภาคการคา้ และบรกิ าร4) การคา้ และการลงทนุ ระหวา่ งประเทศ5) บทบาทขององค์กรระหว่างประเทศในเวทีการคา้ โลกทม่ี ีผลกับประเทศไทย6) แนวคิดพ้นื ฐานท่ีเกีย่ วข้องกบั การค้าระหว่างประเทศ7) บทบาทขององคก์ ารความรว่ มมือทางเศรษฐกิจทส่ี าคญั ในภมู ิภาคตา่ งๆ ของโลก เช่น WTO, NAFTA, EU , IMF,ADB, OPEC, FTA, APEC ในระดับต่างๆ เขตสเ่ี หล่ยี มเศรษฐกจิ8) ปจั จัยตา่ งๆ ทีน่ าไปส่กู ารพงึ่ พา การแขง่ ขัน การขัดแย้ง และการประสานประโยชน์ทางเศรษฐกจิ ไทยกับต่างประเทศ9) ตวั อย่างเหตุการณ์ทีน่ าไปสู่การพึ่งพาทางเศรษฐกิจ10) ผลกระทบจากการดาเนินกจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ระหวา่ งประเทศ11) ปัจจยั ต่างๆ ทีน่ าไปสูก่ ารพ่งึ พา การแข่งขนั การขดั แยง้ และการประสานประโยชน์ ทางเศรษฐกิจ วิธกี ารกีดกันทางการค้าในการค้าระหวา่ งประเทศ3.2 สาระการเรยี นร้ทู ้องถนิ่4. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน4.1 ความสามารถในการคดิ -ทักษะการคิดวิเคราะห์- ทกั ษะการคดิ สงั เคราะห์4.2 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ -กระบวนการทางานกลมุ่5. คุณลักษณะท่พี ึงประสงค์1. มีวนิ ัย2. ใฝเ่ รียนรู้

[15] 3. มคี วามรับผดิ ชอบ6. หลักฐานการเรยี นรู้ 1. แผนภมู ภิ าพ แสดงผลกระทบของการเปดิ เสรีการค้าต่อเศรษฐกจิ ไทย (ชิน้ งานท่ี 2.1) 2. แผ่นพับวิเคราะหผ์ ลดี ผลเสียของความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (ชิน้ งานท่ี 2.2)7. การวัดและประเมินผล 7.1 การประเมนิ ก่อนเรียน - แบบทดสอบก่อนเรียน หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 7.2 การประเมนิ ระหว่างการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ 1) ใบงานที่ 2.1 เรอ่ื ง ผลกระทบของการเปิดเสรกี ารค้าตอ่ เศรษฐกจิ ไทย 2) ใบงานท่ี 3.1 เรื่อง องคก์ ารทางเศรษฐกิจระหวา่ งประเทศ 3) ประเมินการนาเสนอผลงาน 4) สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล 5) สังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ 7.3 การประเมนิ หลังเรียน - แบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 7.4 การประเมนิ ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) 1) ประเมนิ แผนภมู ิภาพ แสดงผลกระทบของการเปิดเสรกี ารค้าต่อเศรษฐกิจไทย 2) ประเมินแผ่นพบั วเิ คราะหผ์ ลดี ผลเสียของความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศเรอ่ื งท่ี 1 การคา้ การลงทนุ และการเงินระหว่างประเทศ เวลา 5 ช่วั โมง8. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้- นกั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรียน หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 2ขั้นท่ี 1 ทบทวนความรู้เดิม

[16] - ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสนทนาถงึ สินค้าทใ่ี ชอ้ ุปโภคและบริโภคทจี่ าเปน็ ต้องใช้ในชีวิตประจาวนั - ครนู าภาพโฆษณาสนิ คา้ ทพี่ บเหน็ ตามหน้าหนังสือ หรอื นิตยสารมาใหน้ กั เรยี นดู แลว้ ใหพ้ ิจารณาว่า สนิ ค้าแตล่ ะประเภทมีความแตกตา่ งกันอย่างไร มฐี านการผลติ ทปี่ ระเทศใด - ใหน้ ักเรียนศกึ ษาความรเู้ รอื่ ง การค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ จากหนงั สอื เรยี น - ให้นกั เรยี นอธิบายถงึ ความจาเปน็ ท่ตี ้องมกี ารค้าระหว่างประเทศเกดิ ขึ้น แลว้ แลกเปล่ยี นความร้ใู นชนั้ เรียนขั้นที่ 2 แสวงหาความรูใ้ หม่ - นกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายเก่ียวกบั ประโยชนข์ องการคา้ ระหวา่ งประเทศ สรปุ ผลการอภปิ รายรว่ มกันพร้อมให้นกั เรยี นยกตวั อยา่ งประกอบ แล้วครูสรปุ ประโยชน์ของการค้าระหว่างประเทศ - ใหน้ ักเรียนศกึ ษาความรู้เพ่มิ เติมเกี่ยวกับนโยบายการคา้ ระหวา่ งประเทศ จากแหล่งการเรยี นรู้อ่ืน ๆแลว้เปรยี บเทยี บนโยบายการค้าระหวา่ งประเทศ ระหว่างนโยบายการคา้ เสรีกับนโยบายคมุ้ ครองขั้นที่ 3 ศกึ ษาทาความเขา้ ใจขอ้ มลู /ความรใู้ หม่ และเช่ือมโยงความรู้ใหม่กบั ความรู้เดิม - ให้นกั เรียนศกึ ษาความรู้เร่ือง การลงทนุ ระหวา่ งประเทศ จากหนังสอื เรียน - ใหน้ กั เรยี นรว่ มกันอภิปรายถึงความแตกตา่ งของการใหก้ ู้ยืมและการลงทนุ ในตลาดหลกั ทรัพยแ์ ละการลงทนุโดยตรงข้ันท่ี 4 แลกเปลีย่ นความรู้ความเข้าใจกับกลุ่ม - ใหน้ กั เรียนบอก หรือยกตวั อย่าง เงนิ สกลุ หลกั ทีน่ ยิ มใชช้ าระหน้ีระหว่างประเทศ พรอ้ มบอกเหตผุ ลประกอบว่าเหตุใดจงึ เลือกสกุลเงินนัน้ ในการชาระหน้ี - ให้นักเรียนศกึ ษาความรู้เร่อื ง การเงนิ ระหว่างประเทศ จากหนงั สือเรยี นขนั้ ท่ี 5 สรุปและจัดระเบยี บความรู้ - ให้นกั เรียนพิจารณาเอกสารอัตราแลกเปลย่ี นเงนิ ตราต่างประเทศ ของธนาคารกรงุ เทพ โดยครูตง้ั ประเด็นคาถามเพอื่ ให้นกั เรียนร่วมกนั ตอบ - ใหน้ กั เรียนศกึ ษา ตารางแสดงดลุ การชาระเงินของไทย พ.ศ. 2547-2551 จากหนังสอื เรยี น แล้วใหน้ ักเรยี นพจิ ารณาข้อมลู ต่าง ๆข้นั ที่ 6 ปฏิบัตแิ ละ/หรอื แสดงผลงาน - ให้นกั เรียนชว่ ยกันอธบิ ายความหมายของดุลการชาระเงินระหวา่ งประเทศขนั้ ที่ 7 ประยกุ ตใ์ ช้ความรู้ - ให้นกั เรยี นศกึ ษาความรู้เพิ่มเติมเกีย่ วกบั ดลุ บัญชเี ดินสะพัด และดลุ บัญชีการเงนิ จากแหล่งการเรยี นรู้อ่นื ๆเรื่องท่ี 2 การเปดิ เสรที างเศรษฐกิจของไทยในยุคโลกาภวิ ัตน์ เวลา 5 ช่วั โมง

[17]8. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ขั้นท่ี 1 ทบทวนความรเู้ ดิม - ครสู อบถามนักเรียนถงึ หา้ งสรรพสินค้าและร้านค้าที่อย่ใู กล้บา้ นของนักเรียนวา่ มีหา้ งร้านอะไรบา้ ง เป็นหา้ งร้านของคนไทยหรอื ไม่ อยา่ งไรขัน้ ท่ี 2 แสวงหาความรู้ใหม่ - ครแู บ่งนักเรียนเป็นกล่มุ กลุ่มละ 5 คน คละกันตามความสามารถ เพ่ือใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มรว่ มกนั สืบค้นความรู้เรือ่ ง ววิ ัฒนาการของการเปดิ เสรีทางเศรษฐกิจในยคุ โลกาภวิ ัตน์ จากแหล่งการเรยี นร้ตู า่ ง ๆ - ครูกาหนดรายละเอียดของประเด็นความรูเ้ รื่อง ววิ ฒั นาการของการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจในยุคโลกาภวิ ัตน์ เพอ่ื ให้นกั เรยี นสามารถสืบคน้ ไดต้ รงประเดน็ และสะดวกในการทางานกลมุ่ มากขน้ึขั้นท่ี 3 ศึกษาทาความเข้าใจขอ้ มลู /ความรูใ้ หม่ และเชอ่ื มโยงความรู้ใหม่กบั ความรเู้ ดิม - ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกล่มุ วางแผนการทางานร่วมกนั และกาหนดระยะเวลาในการรวบรวมประเดน็ ทไี่ ด้รับมอบหมายและสรุปความรู้ข้ันท่ี 4 แลกเปลย่ี นความรคู้ วามเขา้ ใจกบั กลุ่ม - นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มสรปุ ประเดน็ ความรู้ และวางแผนการนาเสนอผลงานหนา้ ชน้ั เรยี นอยา่ งสรา้ งสรรค์และเขา้ ใจง่าย - ใหต้ ัวแทนนกั เรียนนาเสนอผลงานหน้าช้ันเรยี น แล้วใหน้ กั เรยี นร่วมกนั สรุปความรเู้ กี่ยวกบั ววิ ฒั นาการของการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจในยุคโลกาภวิ ัตน์ข้ันที่ 5 สรุปและจัดระเบียบความรู้ - ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสนทนาเพื่อทบทวนความรูเ้ กย่ี วกับวิวัฒนาการของการเปดิ เสรีทางเศรษฐกจิ ในยุคโลกาภิวัตน์ - นกั เรยี นรวมกลมุ่ เดมิ เพอ่ื ศกึ ษาความรเู้ รือ่ ง ปจั จยั ทางเศรษฐกจิ ทม่ี ผี ลตอ่ การเปดิ เสรีทางเศรษฐกจิ ไทย จากหนงั สอืเรยี น และแหล่งการเรยี นรอู้ ่นื ๆขน้ั ท่ี 6 ปฏิบัตแิ ละ/หรอื แสดงผลงาน - ให้ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมารับเอกสารแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ฉบับที่ 1-9 จากครู เพ่ือประกอบการวิเคราะห์ปจั จัยทางเศรษฐกิจทมี่ ผี ลต่อการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจไทย - ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มสรุปผลการศึกษาความรู้ และผลการวิเคราะห์ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่มีผลต่อการเปิดเสรีทางเศรษฐกจิ ไทย - ครตู ง้ั ประเด็นคาถาม ให้นกั เรียนรว่ มกันฝกึ การคดิ วิเคราะห์ - ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สนทนาเกีย่ วกบั เขตการค้าเสรี (Free Trade Area : FTA) ในประเด็นต่าง ๆ - ใหน้ ักเรยี นศกึ ษาความรเู้ ร่อื ง ผลกระทบของการเปดิ เสรกี ารคา้ ต่อเศรษฐกจิ ไทย จากหนังสือเรียน - ให้นักเรียนรวมกล่มุ เดมิ เพื่อร่วมกันศึกษาและวิเคราะหข์ ่าว เร่ือง การเปิดการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ผลกระทบต่อนมและผลิตภัณฑน์ มของไทย

[18] - ให้นักเรียนศึกษาใบความรู้เร่ือง เขตการค้าเสรี แล้วทาใบงานที่ 2.1 เร่ือง ผลกระทบของการเปิดเสรีการค้าต่อเศรษฐกิจไทย - ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั วิเคราะหผ์ ลกระทบของการเปิดเสรกี ารค้าต่อเศรษฐกิจไทยขนั้ ที่ 7 ประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้ - ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มสรุปผลการวิเคราะห์ ผลกระทบของการเปิดเสรีการค้าต่อเศรษฐกิจไทย แล้วออกแบบเป็นแผนภูมิภาพโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เหมาะสม เพ่ือแสดงความแตกต่างและผลกระทบของการเปิดเสรีการค้าต่อเศรษฐกิจไทยทีเ่ กดิ ขึน้ - ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั กาหนดระยะเวลาในการทางาน และนาเสนอผลงานของแต่ละกลมุ่ ตามระยะเวลาทเี่ หมาะสม9. ส่อื การเรยี นรู้ / แหลง่ เรยี นรู้ 9.1 ส่ือการเรียนรู้ 9.1 ส่ือการเรยี นรู้ 1) หนงั สอื เรยี น เศรษฐศาสตร์ ม.4-ม.6 2) ตัวอยา่ ง สญั ลกั ษณ์ หรือเคร่ืองหมายขององคก์ ารความรว่ มมอื ทางเศรษฐกจิ ที่สาคัญในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก 3) ใบงานท่ี 3.1 เรือ่ ง องคก์ ารทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ 9.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) หอ้ งสมดุ 2) สือ่ การเรยี นรู้ต่างๆ เชน่ หนังสือพิมพ์ นติ ยสาร โทรทศั น์ 3) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ http://www.mof.go.th http://www.idis.ru.ac.th http://www.mfa.go.th/business/1092.php http://www.itd.or.th/th/comment/reply/35410. การวดั ผลและประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์ ใบงานท่ี 3.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ วิธีการ แบบประเมินแผ่นพับวิเคราะห์ผลดี ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 3.1 ผลเสยี ของความร่วมมือทางเศรษฐกจิ ประเมนิ แผ่นพบั วเิ คราะหผ์ ลดี ระหวา่ งประเทศ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ผลเสยี ของความร่วมมือทาง แบบประเมนิ การนาเสนอผลงานกลมุ่ เศรษฐกจิ ระหว่างประเทศ ประเมินการนาเสนอผลงานกลมุ่

[19]สังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกล่มุ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน แบบทดสอบหลังเรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์11. จดุ เนน้ ของโรงเรยี น การบรู ณาการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งและกจิ กรรมสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี นปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ครู ผเู้ รียน- ความพอประมาณ พอดดี า้ นเทคโนโลยี พอดดี ้านจิตใจ รู้จักใช้เทคโนโลยีมาผลิตสื่อท่ี มีจิตสานึกที่ดี เอ้ืออาทร ประนีประนอม เหมาะสมและสอดคล้องเน้ือหาเป็น นึกถึงประโยชน์ส่วนรวม/กล่มุ ประโยชน์ต่อผู้เรียนและพัฒนาจากภูมิ ปัญญาของผ้เู รยี น

[20]- ความมีเหตผุ ล - ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความ ไม่หยุดนิ่งที่หาหนทางในชีวิต หลุดพ้น- มีภูมิคมุ กนั ในตวั ทดี่ ี ถกู ตอ้ ง สุจรติ แม้จะตกอยู่ในภาวะขาด จากความทุกข์ยาก (การค้นหาคาตอบ- เงื่อนไขความรู้- เง่อื นไขคณุ ธรรม แคลน ในการดารงชีวติ เพ่ือให้หลดุ พ้นจากความไม่ร้)ู - ปฏิบตั ิตนในแนวทางท่ีดี ลด เลิก สิ่ง ยั่วกิเลสให้หมดสนิ้ ไป ไม่ก่อความช่ัวให้ เป็นเครื่องทาลายตัวเอง ทาลายผู้อื่น พยายามเพ่มิ พูนรกั ษาความดี ทม่ี ีอยใู่ ห้ งอกงามสมบูรณ์ย่ิงขนึ้ ภูมิปัญญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ภมู ิปญั ญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ระมดั ระวัง ระมัดระวัง สร้างสรรค์ ภมู ธิ รรม : ซื่อสตั ย์ สุจริต ขยนั อดทน ภูมิธรรม : ซ่อื สัตย์ สจุ ริต ขยันอดทน ตรงตอ่ เวลาและแบง่ ปัน ตรงต่อเวลา เสียสละและ แบง่ ปนั ความรอบรู้ เร่ือง งานและกาลัง ความรอบรู้ เร่ือง งานและกาลัง ท่ีเก่ียวข้องรอบด้าน ความรอบคอบท่ี กรณีท่ีเกิดงาน ปริมาณที่เกี่ยวข้อง การ จะนาความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้ คานวณสูตรท่ีต้องใช้ สามารถนาความรู้ เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผน เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน การดาเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สามารถประยุกตใ์ ช้ในชวี ติ ประจาวัน ใหก้ ับผเู้ รียน มีความตระหนักใน คณุ ธรรม มี มีความตระหนักใน คุณธรรม มี ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ และมีความอดทน ความซ่ือสัตย์สุจริตและมีความอดทน มี มคี วามเพียร ใชส้ ตปิ ัญญาในการ ความเพียร ใช้สติปัญญาในการดาเนิน ดาเนินชวี ติ ชีวิตกิจกรรม ครู ผู้เรียนสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนงานและกาลงั งานและกาลงั งานและกาลัง- การเกิดงานแตล่ ะกรณี - ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิด - ระบุปจั จัยทม่ี ผี ลตอ่ การเกดิ งาน- การเกิดกาลัง การได้เปรียบ งาน - ทดลองเปรยี บเทียบการเกดิ งานและเชิงกล - ปริมาณท่ีเก่ียวข้องกับ กาลัง พร้อมคานวณปริมาณท่เี ก่ียวขอ้ ง การเกดิ งานและกาลัง

[21]งานและกาลงั งานและกาลัง งานและกาลงั- การเกดิ งานแตล่ ะกรณี - ปัจจัยท่ีมีผลต่อการเกิด - ระบุปจั จยั ที่มผี ลตอ่ การเกิดงาน- การเกิดกาลัง การได้เปรียบ งาน - ทดลองเปรยี บเทยี บการเกิดงานและเชงิ กล - ปริมาณที่เกี่ยวข้องกับ กาลัง พร้อมคานวณปรมิ าณทีเ่ กี่ยวขอ้ ง การเกิดงานและกาลัง ลงช่ือ..................................................ผู้สอน (นายนกิ ร ไชยบตุ ร) ลงช่ือ...................................................ผนู้ ิเทศ (............................................) แบบทดสอบกอ่ นเรยี น-หลังเรยี น หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 2คาช้ีแจง ให้นกั เรยี นเลือกคาตอบท่ถี กู ตอ้ งทีส่ ุดเพยี งขอ้ เดยี ว1. ปัจจยั ทางการค้าระหว่างประเทศในข้อใดสง่ ผลตอ่ ราคา 6. ถ้ามูลคา่ ของสินค้าสง่ ออกน้อยกว่ามลู คา่ ของสินคา้ นาเขา้ของสินค้าโดยตรง แสดงถงึ สภาวะในขอ้ ใดก. การส่งมอบสนิ ค้า ก. ดุลการคา้ เกินดุลข. การตดิ ต่อสอ่ื สาร ข. ดลุ การคา้ สมดลุค. อตั ราการแลกเปลี่ยนเงินตรา ค. ดุลการค้าขาดดุล

[22] ง. การรวมกลมุ่ ทางการคา้ ระหว่างประเทศ ง. ดลุ การค้าเสียดลุ2. ข้อใด ไมใ่ ชส่ าเหตุทตี่ อ้ งมกี ารค้าระหวา่ งประเทศ 7. ข้อใดเป็นสาเหตขุ องปัญหาการขาดดลุ การค้า ก. ทรพั ยากรธรรมชาตทิ ี่แตกตา่ งกนั ก. คา่ ของเงนิ ไทยตกตา่ ข. ตน้ ทนุ การผลิตของแต่ละประเทศไม่เทา่ กนั ค. รสนยิ มในการบริโภคแตกตา่ งกนั ในแต่ละประเทศ ข. ผลผลิตเกษตรกรมีข้อมลู นอ้ ย ง. ระบอบการปกครองท่ีแตกตา่ งกนั ของประเทศตา่ ง3. การแกไ้ ขปญั หาการกดี กนั ทางการค้าระหว่างประเทศท่ี ค. การขนสง่ ไม่มีประสิทธภิ าพประเทศตา่ งๆ นามาใช้ คอื อะไร ก. การเจรจาตอ่ รองทางการค้า ง. การซอื้ สินคา้ นาเขา้ มากกว่าการส่งออกสินค้า ข. การรวมกลุม่ ทางเศรษฐกจิ ค. การหาตลาดต่างประเทศใหมๆ่ เพ่ิมขึ้น 8. ดุลการชาระเงนิ ประกอบดว้ ยบญั ชีตา่ งๆ ทสี่ าคญั ง. การปฏบิ ตั ิตามข้อตกลงโดยไม่มีข้อโตแ้ ย้ง ยกเวน้ บญั ชีใด4. ขอ้ ใดเป็นนโยบายการค้าระหว่างประเทศของไทย ก. นโยบายการค้าแบบเสรี ก. บญั ชเี งินทุน ข. นโยบายการค้าแบบคุ้มกัน ข. บญั ชเี ดินสะพดั ค. ใชร้ ะบบภาษศี ลุ กากร ค. บญั ชที นุ เคลื่อนยา้ ย ง. ใหเ้ อกชนดาเนินการมากทสี่ ุด ง. บัญชีทุนสารองระหว่างประเทศ5. รถยนต์ทน่ี าเข้ามาจากประเทศญป่ี ุ่นมีราคาสูงมากกวา่ 9. เหตุผลสาคญั ทีท่ าให้เกิดอตั ราการแลกเปลีย่ นเงนิ ตรารถยนต์ที่ผลิตในประเทศไทย เป็นผลสบื เนอื่ งมาจาก ต่างประเทศคือขอ้ ใดมาตรการในขอ้ ใด ก. การกาหนดนโยบายของกองทนุ การเงินระหว่าง ก. การใหส้ ิทธิพิเศษ ข. การเก็บภาษีศุลกากร ประเทศ ค. การต้งั กาแพงภาษี ข. มกี ารคา้ ระหวา่ งประเทศ และแตล่ ะประเทศตา่ งก็ ง. การกาหนดโควตาสินค้า มีหนว่ ยเงนิ ตราไม่เหมือนกัน ค. มกี ารลงทนุ ระหว่างประเทศ และแต่ละประเทศ ตา่ งก็มหี น่วยเงินตราไม่เหมือนกนั ง. มกี ารชาระเงนิ ระหว่างประเทศ และแต่ละประเทศ ต่างก็มีหนว่ ยเงินตราไม่เหมือนกัน10. ในระยะยาวการเคลือ่ นย้ายเงนิ ทนุ ประเภทใดก่อใหเ้ กดิ 14. องค์กรทม่ี ีวตั ถุประสงคเ์ พื่อรกั ษาเสถยี รภาพทางการประโยชน์มากท่ีสดุ เงินระหวา่ งประเทศทีร่ องรับการขยายตัวของเศรษฐกจิ โลก คอื ข้อใด ก. การลงทุนทางตรง ข. การลงทุนทางออ้ ม ก. ธนาคารโลก ค. เงนิ กูต้ ่างประเทศ ข. องค์การการค้าโลก ง. การลงทนุ ทางการเงิน ค. กองทุนการเงินระหวา่ งประเทศ ง. ธนาคารเพื่อการพฒั นาแหง่ เอเชีย

[23]11. ข้อใด ไมใ่ ชร่ ูปแบบความร่วมมอื ทางเศรษฐกจิ ระหวา่ ง 15. ขอ้ ใดกล่าว ถูกต้องเกีย่ วกบั สหภาพยุโรปประเทศ ก. ใชเ้ งนิ ตราสกุลเดยี วกนั คือ ปอนด์ ข. มสี านักงานใหญต่ ้งั อยูท่ ก่ี รุงปารีส ประเทศฝรัง่ เศส ก. การให้กู้ยมื ค. พัฒนาขึน้ จากองคก์ ารสนธสิ ญั ญาแอตแลนติก ข. การใช้นโยบายการคา้ แบบคุ้มกัน เหนอื ค. การให้ความช่วยเหลือแบบให้เปลา่ ง. เป็นความรว่ มมอื ทัง้ ทางดา้ นเศรษฐกจิ สงั คมและ ง. ยกเลกิ กาแพงภาษี สง่ เสรมิ การคา้ เสรี วัฒนธรรม12. องคก์ รระหวา่ งประเทศทางเศรษฐกจิ ในขอ้ ใด แตกตา่ งจากขอ้ อน่ื เม่ือพิจารณาถึงประเทศสมาชกิ 16. ผลประโยชน์ท่ปี ระเทศไทยไดร้ ับจากการเข้าเปน็ สมาชกิ ก. โอเปก (OPEC) กลมุ่ เอเปกคืออะไร ข. เอเปก (APEC) ค. อาเซ็ม (ASEM) ก. มีตลาดการคา้ มากขึ้น เป็นผลดตี อ่ การสง่ ออก ง. อาฟตา (AFTA) ข. ไดร้ ับความชว่ ยเหลือทางวชิ าการเกี่ยวกบั การค้า13. ธนาคารโลกถือกาเนดิ ข้ึนจากวตั ถุประสงคใ์ ด ก. เปิดเสรที างการค้าระหว่างประเทศสมาชิกของ ระหว่างประเทศ ค. ประเทศในสหภาพยโุ รปเขา้ มาลงทุนอุตสาหกรรม องคก์ ร ข. ตัดสนิ กรณพี ิพาททางเศรษฐกจิ และการเงินระหวา่ ง ในประเทศมากขึ้น ง. มีระบบการเงินและการคลังเปน็ แบบเดียวกันกบั ประเทศต่าง ๆ ค. ช่วยประเทศเลก็ ๆ ในการเจรจาตอ่ รองทางการคา้ กับ ประเทศสมาชิกอน่ื ๆ 17. ประเทศสมาชกิ ผู้กอ่ ตั้งอาเซียนได้แกป่ ระเทศใดบา้ ง ประเทศใหญ่ ง. ใหค้ วามชว่ ยเหลอื ประเทศสมาชิกในการฟนื้ ฟู ก. มาเลเซีย ไทย สงิ คโปร์ ฟิลิปปนิ ส์ บรูไน ข. สหภาพพมา่ เวยี ดนาม ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซยี ประเทศหลังสงครามโลกคร้ังท่ี 2 ค. อินโดนีเซยี สหภาพพมา่ ไทย ฟลิ ิปปินส์ สงิ คโปร์ ง. อนิ โดนเี ซยี มาเลเซยี ฟิลิปปนิ ส์ สิงคโปร์ ไทย18. เพราะเหตุใด ประเทศสมาชกิ อาเซียนจงึ ต้องมีการตกลง 19. สนิ ค้าประเภทใดท่ปี ระเทศไทยมีการนาเข้าจากสหภาพกันในการผลติ สนิ คา้ เฉพาะท่ตี นถนัด ยุโรปมาก ก. เพ่ิมการค้าระหวา่ งประเทศสมาชิกใหม้ ากขน้ึ ก. เคร่อื งจักรกล เครอ่ื งบิน ข. ลดการผลิตสินค้าท่ซี ้าซ้อนกนั ท่ีต้นทุนการผลติ ตา่ ลง ข. เส้อื ผา้ สาเรจ็ รปู ยารักษาโรค ค. ชักจูงประเทศอ่ืนๆ ให้เข้ามาลงทุนในกลุ่มประเทศ ค. เครื่องคอมพิวเตอร์ แผงวงจรไฟฟ้า ง. เคร่อื งมือทางการแพทย์ ผลติ ภัณฑ์ยาง อาเซยี น

[24]ง. มอี านาจในการต่อรองกับประเทศหรือกลุ่มประเทศคู่ 20. เปา้ หมายทางเศรษฐกิจของกลมุ่ อาเซยี น คือข้อใด ค้า ก. รว่ มมอื กนั กีดกันสนิ ค้าเข้าจากประเทศนอกกลมุ่ ข. ร่วมมอื กนั พฒั นาการอตุ สาหกรรมเพอ่ื การสง่ ออก ค. รว่ มมอื กนั พัฒนาความเจริญกา้ วหนา้ ทางเศรษฐกจิ ของประเทศสมาชกิ ง. ส่งเสริมการลงทนุ ระหว่างประเทศสมาชิกให้มี ลกั ษณะเป็นเขตปลอดภาษีเฉลย 1. ค 2. ง 3. ข 4. ข 5. ข 6. ค 7. ง 8. ค 9. ง 10. ก 11. ข 12. ง 13. ง 14. ค 15. ง 16. ก 17. ง 18. ข 19. ก 20. ค

[25] หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 ชอื่ หน่วย ภูมศิ าสตรก์ ารเปลี่ยนแปลงของโลก รหัส ส 31101 วชิ า สังคมศกึ ษาพื้นฐาน กลมุ่ สาระการเรียนรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 10 ชั่วโมง ชื่อผสู้ อน นายนิกร ไชยบตุ ร โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 ***************************************************1. สาระการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด ส 5.1 ม.4-6/1 ใชเ้ ครื่องมือทางภมู ิศาสตร์ในการรวบรวม วิเคราะห์ และนาเสนอข้อมูลภูมิสารสนเทศอยา่ งมีประสิทธภิ าพ ม.4-6/2 วิเคราะห์อิทธิพลของสภาพภูมิศาสตร์ซึ่งทาให้เกิดปัญหาทางกายภาพ หรือภัยพิบัติทางธรรมชาติในประเทศไทยและภมู ิภาคตา่ ง ๆ ของโลก ม.4-6/4 ประเมินการเปลย่ี นแปลงธรรมชาติในโลกว่า เปน็ ผลมาจากการกระทาของมนุษย์ และหรอื ธรรมชาติ2. สาระสาคญั ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติซึ่งเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และภูมิภาคต่าง ๆ ของโลกส่งผลกระทบตอ่ วถิ กี ารดาเนนิ ชวี ิตของมนุษย์3. สาระการเรยี นรู้3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง 1) เคร่ืองมอื ทางภูมศิ าสตร์ทใ่ี หข้ อ้ มูล และขา่ วสารภมู ลิ กั ษณ์ ภูมิอากาศ และภมู สิ งั คมของไทย และภูมิภาคต่าง ๆขอโลก 2) ปญั หาทางกายภาพหรอื ภยั พิบัติทางธรรมชาตใิ นประเทศไทย และภูมิภาคตา่ งๆ ของโลก 3) การเปลีย่ นแปลงลกั ษณะทางกายภาพในส่วนต่างๆ ของโลก 4) การเกดิ ภูมสิ งั คมใหมข่ องโลก 5) การเปลี่ยนแปลงธรรมชาติในโลก เช่น ภาวะโลกรอ้ น ความแหง้ แลง้ สภาพอากาศแปรปรวน3.2 สาระการเรียนรทู้ ้องถ่นิ -4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร4.2 ความสามารถในการคดิ 1) ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ - ทักษะการให้เหตุผล - ทกั ษะการเปรียบเทียบ - ทกั ษะการเรียงลาดับ - ทักษะการจาแนกประเภท - ทักษะการระบุ

[26] - ทกั ษะการจัดกลุ่ม 2) ทกั ษะกระบวนการคดิ แก้ปัญหา 3) ทกั ษะการรวบรวมขอ้ มลู 4) ทักษะการประเมิน 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ 1) กระบวนการทางานกลุ่ม5. คุณลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ - มวี ินยั - ใฝ่เรยี นรู้ - มุ่งม่ันในการทางาน6. หลักฐานการเรียนรู้ - แผน่ พับ เรือ่ ง ภัยพิบตั ิทางธรรมชาติ และการเปลยี่ นแปลงทางธรรมชาติในโลก7. การวดั และประเมนิ ผล 7.1 การประเมนิ ก่อนเรยี น - แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เรื่อง ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติในโลก 7.2 การประเมินระหวา่ งการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1) ใบงานท่ี 1.1 เรอื่ ง แผ่นดนิ ไหว 2) ใบงานท่ี 1.2 เรอื่ ง ภเู ขาไฟปะทุ 3) ใบงานที่ 1.3 เรอื่ ง สนึ ามิ 4) ใบงานที่ 1.4 เรอ่ื ง อุทกภัย 5) ใบงานท่ี 1.5 เรื่อง แผ่นดินถล่ม 6) ใบงานท่ี 1.6 เรอื่ ง การกดั เซาะชายฝั่ง 7) ใบงานที่ 1.7 เรอ่ื ง วาตภยั 8) ใบงานที่ 1.8 เรื่อง ไฟปา่ 9) ใบงานที่ 2.1 เรอ่ื ง ปญั หาการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาตใิ นโลก 10) ประเมินการนาเสนอผลงาน 11) สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ 7.3 การประเมนิ หลงั เรยี น - แบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรอ่ื ง ภมู ิศาสตรก์ ารเปลยี่ นแปลงของโลก 7.4 การประเมินช้นิ งาน/ ภาระงาน(รวบยอด) - ประเมนิ แผน่ พบั เร่ือง ภมู ศิ าสตร์การเปลย่ี นแปลงของโลก

[27]8. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้นกั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เร่อื ง ภมู ศิ าสตร์การเปล่ียนแปลงของโลกกิจกรรมที่ 1 ภัยพบิ ตั ิทางธรรมชาติ เวลา 5 ชั่วโมงขัน้ ที่ 1 ทบทวนความรเู้ ดมิ- ครูใหน้ กั เรยี นดูภาพหรือวดี ทิ ศั นเ์ ก่ยี วกบั ภูเขาไฟระเบดิ การเกดิ สึนามิ น้าท่วม ไฟป่า- นกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายถงึ ความเสยี หายทเ่ี กิดจากภยั ธรรมชาตใิ นขอ้ 1 ทีม่ ผี ลตอ่ ชวี ติ มนษุ ย์ และทรพั ยส์ นิขัน้ ท่ี 2 แสวงหาความรใู้ หม่ - ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า ภัยพิบัติทางธรรมชาติเป็นเหตุการณ์ที่เกิดข้ึนตามธรรมชาติ เม่ือเกิดขึ้นแล้วจะส่งผลให้เกิดอันตรายและเกิดความสญู เสยี ทงั้ ชวี ติ และทรพั ยส์ นิ ต่างๆ ภัยธรรมชาติเกดิ ขน้ึ ใน 3 ลกั ษณะ คือ 1) ภัยพิบัติที่เกดิ ขนึ้ เน่ืองจากสาเหตภุ ายในโลก 2) ภยั พิบตั ิทเ่ี กดิ ขน้ึ บนผิวโลก 3) ภัยพิบัติที่เกิดข้ึนในบรรยากาศขัน้ ที่ 3 ศึกษาทาความเข้าใจขอ้ มูล/ความรูใ้ หม่ และเช่ือมโยงความรใู้ หม่กบั ความรู้เดมิ - ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละกันตามความสามารถ คือ เก่ง ปานกลางค่อนข้างเก่ง ปานกลางค่อนข้างอ่อนและอ่อน ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาจับสลาก เพื่อศึกษาความรู้เกี่ยวกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ จากหนังสือเรียนหนงั สอื ค้นคว้าเพิ่มเตมิ ตามความเหมาะสม และทาใบงานตามที่กาหนด ดังน้ี - กลุ่มท่ี 1 ทาใบงานท่ี 1.1 เรอ่ื ง แผ่นดินไหว - กลมุ่ ท่ี 2 ทาใบงานที่ 1.2 เรอ่ื ง ภเู ขาไฟปะทุ - กลมุ่ ที่ 3 ทาใบงานท่ี 1.3 เรอ่ื ง สนึ ามิ - กลุ่มท่ี 4 ทาใบงานที่ 1.4 เร่ือง อุทกภยั - กลมุ่ ที่ 5 ทาใบงานท่ี 1.5 เรื่อง แผน่ ดินถลม่ - กล่มุ ที่ 6 ทาใบงานที่ 1.6 เร่อื ง การกัดเซาะชายฝ่งั - กลุ่มท่ี 7 ทาใบงานที่ 1.7 เรอื่ ง วาตภัย - กลมุ่ ท่ี 8 ทาใบงานที่ 1.8 เรอ่ื ง ไฟป่าขนั้ ท่ี 4 แลกเปลี่ยนความรคู้ วามเข้าใจกบั กลุม่ - นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานาเสนอผลงานท่ีหน้าช้ันเรียนตามลาดับหมายเลขท่ีจับสลากได้ กลุ่มผู้ฟังมีหน้าที่จดบันทกึ และตง้ั คาถามตามกลุ่มท่รี ายงาน เพอื่ เป็นการสร้างความมั่นใจในความร้ทู ไ่ี ดร้ ับ - ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปความรู้เก่ียวกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ และมอบหมายให้นักเรียนแต่ละคนไปสืบค้นข้อมูลเกยี่ วกบั ภยั พบิ ตั ทิ างธรรมชาตทิ เี่ กิดข้ึนในบรเิ วณต่างๆ ในโลก ตามความสนใจมาคนละ 1 เรื่อง - สมาชกิ แต่ละคนในกล่มุ นาข้อมูลทคี่ ้นควา้ เก่ยี วกับภยั พบิ ตั ิทางธรรมชาติ มาเลา่ ส่กู นั ฟงั ในกลมุ่ ตามหัวข้อตอ่ ไปนี้ 1) ชอื่ ของภยั ธรรมชาติ 2) บริเวณทเ่ี กดิ ภยั

[28] 3) ผลจากการเกดิ ภยั ธรรมชาติตอ่ ชุมชน ประเทศชาติ อย่างไร 4) การรว่ มมอื กันระหวา่ งประเทศในการปอ้ งกนั ภัยธรรมชาติขน้ั ท่ี 5 สรุปและจดั ระเบียบความรู้ - สมาชิกแต่ละกลุ่มนาข้อมูลที่ค้นคว้ามาเล่าให้สมาชิกคนอื่นในกลุ่มฟัง โดยให้เล่าเรื่องตามลาดับหมายเลขสมาชิกในกลุ่มต้ังแตห่ มายเลข 1-4ข้ันท่ี 6 ปฏบิ ัตแิ ละ/หรอื แสดงผลงาน - ครูสุ่มเรียกนักเรียนบางคนในกลุ่มออกมาเฉลยคาตอบของใบงาน แล้วครูและนักเรียนช่วยกันสรุปความรู้เกี่ยวกับลกั ษณะสาคญั ของวัฒนธรรมไทยในแต่ละภมู ภิ าคขั้นท่ี 7 ประยกุ ต์ใช้ความรู้ - สมาชิกในกลุ่มร่วมกันเลือกข่าวเก่ียวกับภัยพิบัติทางธรรมชาติท่ีสมาชิกนามาเล่าสู่กันฟัง โดยเลือกข่าวที่เป็นปัญหาสาคญั หรอื ปญั หาทม่ี ีผลกระทบตอ่ ชีวติ และทรพั ย์สินมากที่สุด ชว่ ยกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง และแสดงข้อคดิ เพิม่ เตมิ - นักเรียนแตล่ ะกลุ่มส่งตวั แทนออกมานาเสนอผลงานเก่ียวกับภัยพบิ ัติทางธรรมชาตติ ามท่กี ล่มุ คัดเลือกมา โดยให้กลุม่ อนื่ที่เป็นผู้ฟงั ชว่ ยเสนอแนะเพม่ิ เติม จากนั้นครูและนักเรียนชว่ ยกันสรุปปัญหาสาคัญของภยั พิบัติทางธรรมชาติ และแนวทางป้องกันและแกไ้ ข กจิ กรรมท่ี 2 การเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติในโลก เวลา 5 ชวั่ โมงขั้นท่ี 1 ทบทวนความรเู้ ดมิ - ครูนาภาพต่างๆ ที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติมาให้นักเรียนดู แล้วให้ช่วยกันคิดวิเคราะห์และตอบคาถามดงั น้ี 1) ภาพทงั้ หมดนนั้ มลี ักษณะสาคญั อยา่ งไร 2) ภาพดังกล่าวมผี ลกระทบตอ่ ชวี ติ มนษุ ยอ์ ย่างไร 3) ปญั หาสาคัญในภาพนั้น คืออะไรขน้ั ที่ 2 แสวงหาความรู้ใหม่ - ครแู ละนกั เรยี นช่วยกนั สรปุ ปญั หาสาคัญในการเปล่ียนแปลงธรรมชาติในโลก ได้แก่ ภาวะโลกร้อน การเปล่ียนแปลงภมู อิ ากาศ ความแห้งแล้ง เปน็ ตน้ขัน้ ที่ 3 ศกึ ษาทาความเข้าใจขอ้ มูล/ความรู้ใหม่ และเช่ือมโยงความรใู้ หม่กับความรู้เดมิ - นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 5-7 คน ตามความสมคั รใจ แลว้ ให้แตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกันเลอื กปญั หาทส่ี มาชกิ ในกล่มุ สนใจวา่ เป็นปญั หาสาคัญทค่ี วรรีบดาเนนิ การแกไ้ ขขนั้ ที่ 4 แลกเปล่ียนความรู้ความเข้าใจกับกลุ่ม - สมาชกิ แต่ละคนในกลมุ่ ช่วยกนั สืบคน้ ข้อมลู เกยี่ วกับปัญหาทีก่ ลมุ่ เลอื ก โดยสืบค้นขอ้ มูลและเก็บขอ้ มลู จากแหลง่ ตา่ งๆ แล้วนามาเป็นพ้นื ฐานในการตอบคาถามในใบงานที่ 2.1 เร่ือง ปัญหาการเปลย่ี นแปลงทางธรรมชาติในโลก จากน้นั สมาชกิ ทกุ คนนา

[29]ข้อมลู ท่ีไดม้ าผลัดกนั เล่าประเด็นสาคญั ของข้อมูลที่หามา แลว้ ชว่ ยกันวิเคราะหแ์ ละตรวจสอบขอ้ มลู ว่ามคี วามน่าเช่ือถือหรอื ไม่ประการใด และช่วยกันสรุปผลสิง่ ท่ีเปน็ ปญั หา หาสาเหตแุ ละแนวทางแกไ้ ขขั้นที่ 5 สรปุ และจัดระเบียบความรู้ - สมาชิกในกลมุ่ ช่วยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ งของผลงาน และนาเสนอผลงานทหี่ น้าชัน้ เรียนดว้ ยวธิ ีการท่หี ลากหลายขัน้ ท่ี 6 ปฏบิ ตั แิ ละ/หรือแสดงผลงาน - ครใู ห้นักเรยี นกลุม่ เดมิ รว่ มกันทาแผ่นพับ เรอ่ื ง ภยั พิบตั ทิ างธรรมชาติ และการเปล่ยี นแปลงทางธรรมชาตใิ นโลก โดยให้ครอบคลุมประเด็นสาคญั ทีก่ าหนด - นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ งของการจัดทาแผ่นพับ และชว่ ยกนั ตกแตง่ ผลงานใหส้ วยงาม เสรจ็ แลว้ให้แต่ละกลุม่ ออกมานาเสนอผลงานทหี่ น้าชั้นเรียน และนาผลงานมาติดปา้ ยนเิ ทศ ครูและนักเรียนร่วมกันสรปุ บทเรยี นเกี่ยวกบั ภัยพบิ ตั ทิ างธรรมชาติ และการเปลย่ี นแปลงทางธรรมชาติในโลกขนั้ ที่ 7 ประยุกต์ใชค้ วามรู้ - นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เรื่อง ภูมิศาสตรก์ ารเปล่ียนแปลงของโลก9. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้ 9.1 สื่อการเรยี นรู้ 1) หนังสือเรียน ภมู ิศาสตร์ ม.4-ม.6 2) หนงั สือคน้ ควา้ เพมิ่ เติม - ประสิทธ์ิ ทฆี พฒุ ิ และศภุ ฤกษ์ ตนั ศรีรตั นวงศ.์ คู่มือเตอื นภัยพิบัตทิ างธรรมชาติ. กรงุ เทพฯ : ดอกหญา้ , มปป. 3) ตวั อย่างส่ือประกอบการสอน 4) ใบงานที่ 1.1 เรอ่ื ง แผ่นดนิ ไหว 5) ใบงานท่ี 1.2 เรื่อง ภเู ขาไฟปะทุ 6) ใบงานท่ี 1.3 เร่อื ง สนึ ามิ 7) ใบงานที่ 1.4 เรอ่ื ง อุทกภัย 8) ใบงานท่ี 1.5 เรื่อง แผน่ ดนิ ถล่ม 9) ใบงานท่ี 1.6 เรอื่ ง การกัดเซาะชายฝัง่ 10) ใบงานท่ี 1.7 เร่ือง วาตภัย 11) ใบงานท่ี 1.8 เรื่อง ไฟปา่ 12) ใบงานที่ 2.1 เรื่อง ปัญหาการเปลย่ี นแปลงทางธรรมชาติในโลก 9.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1) หอ้ งสมุด 2) แหลง่ ข้อมลู สารสนเทศ http://www.en.wikipedia.org/wiki/Natural_disaster http://environment.nationalgeographic.com/environment/natural-disasters/ http://en.wikipedia.org/wiki/Natural_ environment

[30] http://whc.unesco.org/documents/public_wh_paper_22_en.pdf10. การวัดผลและประเมนิ ผลแบบประเมนิ แผน่ พบั เรอื่ ง ภัยพบิ ตั ิทางธรรมชาติ และการเปล่ียนแปลงทางธรรมชาติในโลกรายการประเมิน คาอธิบายระดบั คุณภาพ/ระดบั คะแนน1. การวเิ คราะห์ ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1)อทิ ธพิ ลของสภาพภูมิศาสตร์ทาให้ เขยี นวิเคราะห์ เขียนวเิ คราะห์ เขยี นวเิ คราะห์ เขียนวิเคราะห์เกิดภยั พบิ ัตทิ างธรรมชาติใน อทิ ธพิ ลของสภาพ อิทธิพลของสภาพ อทิ ธพิ ลของสภาพ อิทธิพลของสภาพประเทศไทย ภมู ศิ าสตร์ ทาให้ ภมู ศิ าสตร์ ทาใหเ้ กิด ภูมิศาสตร์ทาให้เกดิ ภมู ิศาสตร์ทาให้เกดิ2. การวิเคราะห์อิทธพิ ลของสภาพ เกิดภยั พบิ ตั ทิ าง ภัยพบิ ัติทาง ภัยพิบัติทาง ภัยพบิ ัติทางภูมศิ าสตร์ทาให้เกดิ ภยั พิบัตทิ าง ธรรมชาติในประเทศ ธรรมชาตใิ นประเทศ ธรรมชาตใิ น ธรรมชาติในธรรมชาตใิ นภมู ภิ าคต่างๆ ไทยไดอ้ ย่างมเี หตผุ ล ไทยไดอ้ ยา่ งมเี หตผุ ล ประเทศไทยได้ ประเทศไทยได้ของโลก ถกู ต้อง 5-6 ประเด็น ถูกต้อง 4 ประเด็น อย่างมีเหตุผล อย่างมีเหตผุ ล3. การวิเคราะห์การเปล่ยี นแปลง ถูกต้อง 3 ประเดน็ ถูกตอ้ ง 1-2ทางธรรมชาติในโลก มีผลมาจาก ประเด็นการกระทาของมนษุ ย์ เขยี นวิเคราะห์ เขียนวเิ คราะห์ เขียนวเิ คราะห์ เขยี นวเิ คราะห์ อิทธิพลของสภาพ อทิ ธพิ ลของสภาพ อิทธิพลของสภาพ อทิ ธิพลของสภาพ ภูมิศาสตร์ทาใหเ้ กดิ ภมู ศิ าสตร์ทาใหเ้ กดิ ภูมิศาสตร์ทาให้เกิด ภูมิศาสตรท์ าใหเ้ กิด ภยั พบิ ตั ทิ าง ภยั พิบัติทาง ภัยพบิ ัตทิ าง ภยั พบิ ตั ิทาง ธรรมชาตใิ นภมู ิภาค ธรรมชาติในภมู ิภาค ธรรมชาติใน ธรรมชาตใิ น ต่างๆ ของโลกได้ ต่างๆ ของโลกได้ ภูมภิ าคตา่ งๆ ของ ภูมภิ าคต่างๆ ของ อยา่ งมเี หตผุ ล อย่างมเี หตุผล โลกไดอ้ ย่างมี โลกได้อย่างมี ถกู ต้อง 5-6 ประเด็น ถูกตอ้ ง 4 ประเดน็ เหตผุ ลถูกตอ้ ง 3 เหตุผลถกู ต้อง 1-2 ประเด็น ประเดน็ เขยี นวเิ คราะหก์ าร เขยี นวเิ คราะห์การ เขียนวิเคราะหก์ าร เขียนวิเคราะหก์ าร เปลีย่ นแปลงทาง เปล่ียนแปลงทาง เปล่ียนแปลงทาง เปล่ยี นแปลงทาง ธรรมชาติในโลกมผี ล ธรรมชาตใิ นโลกมีผล ธรรมชาติในโลกมี ธรรมชาตใิ นโลกมี มาจากการกระทา มาจากการกระทา ผลมาจากการ ผลมาจากการ ของมนษุ ย์ได้อยา่ งมี ของมนุษยไ์ ด้อย่างมี กระทาของมนุษย์ กระทาของมนษุ ย์ เหตผุ ลถูกตอ้ ง 5-6 เหตุผลถูกต้อง 4 ได้อย่างมเี หตุผล ไดอ้ ยา่ งมีเหตผุ ล ประเดน็ ประเด็น ถูกต้อง 3 ประเด็น ถูกตอ้ ง 1-2 ประเด็น

[31]4. ความคิดรเิ ริม่ นาเสนอข้อมูลใน นาเสนอขอ้ มลู ใน นาเสนอข้อมูลใน นาเสนอขอ้ มูลในสรา้ งสรรค์ในการจัดขอ้ มูลใน แผ่นพับเรียงลาดับ แผ่นพบั เรียงลาดับ แผน่ พับเรยี งลาดับ แผน่ พับเรียงลาดบัแผ่นพับ ข้นั ตอนได้อยา่ ง ขน้ั ตอนได้คอ่ นขา้ ง ขั้นตอนไดอ้ ยา่ งมี ขน้ั ตอนได้ เหมาะสม และแสดง เหมาะสม และแสดง ความเหมาะสม เหมาะสม เปน็ สว่ น ถงึ ความคดิ ถงึ ความคิด เป็นบางตอนและไม่ น้อยและไมแ่ สดงถงึ สร้างสรรค์ สร้างสรรค์ แสดงถงึ ความคิด ความคิดสรา้ งสรรค์ สรา้ งสรรค์ เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 14-16 ดีมาก 11-13 ดี 8-10 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรงุ

[32]- จดุ เนน้ ของโรงเรยี น การบรู ณาการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและกจิ กรรมสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี นปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ครู ผเู้ รยี น- ความพอประมาณ พอดดี ้านเทคโนโลยี พอดดี ้านจิตใจ รู้จักใช้เทคโนโลยีมาผลิตส่ือท่ี มีจติ สานกึ ท่ดี ี เอื้ออาทร ประนปี ระนอม เหมาะสมและสอดคล้องเน้ือหาเป็น นกึ ถึงประโยชนส์ ว่ นรวม/กลุ่ม ประโยชน์ต่อผู้เรียนและพัฒนาจากภูมิ ปญั ญาของผเู้ รยี น- ความมีเหตุผล - ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความ ไม่หยุดนิ่งท่ีหาหนทางในชีวิต หลุดพ้น ถกู ต้อง สจุ ริต แม้จะตกอยูใ่ นภาวะขาด จากความทุกข์ยาก (การค้นหาคาตอบ แคลน ในการดารงชวี ติ เพ่อื ใหห้ ลดุ พน้ จากความไม่รู้) - ปฏิบัติตนในแนวทางท่ีดี ลด เลิก ส่ิง ยั่วกิเลสให้หมดส้ินไป ไม่ก่อความชั่วให้ เป็นเคร่ืองทาลายตัวเอง ทาลายผู้อื่น พยายามเพ่มิ พนู รักษาความดี ที่มีอย่ใู ห้ งอกงามสมบรู ณย์ ิ่งข้นึ- มภี ูมคิ ุมกนั ในตวั ที่ดี ภมู ิปญั ญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ภูมปิ ญั ญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ระมดั ระวัง ระมดั ระวัง สรา้ งสรรค์ ภูมธิ รรม : ซ่ือสตั ย์ สจุ ริต ขยนั อดทน ภมู ธิ รรม : ซือ่ สตั ย์ สจุ ริต ขยนั อดทน ตรงตอ่ เวลาและแบ่งปนั ตรงต่อเวลา เสียสละและ แบ่งปนั- เง่อื นไขความรู้ ความรอบรู้ เรื่อง งานและกาลัง ความรอบรู้ เร่ือง งานและกาลัง ท่ีเก่ียวข้องรอบด้าน ความรอบคอบท่ี กรณีที่เกิดงาน ปริมาณท่ีเกี่ยวข้อง การ จะนาความรู้เหล่าน้ันมาพิจารณาให้ คานวณสูตรท่ีต้องใช้ สามารถนาความรู้ เชื่อมโยงกัน เพ่ือประกอบการวางแผน เหล่าน้ันมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน การดาเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สามารถประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวนั ใหก้ บั ผเู้ รียน- เง่ือนไขคณุ ธรรม มคี วามตระหนักใน คณุ ธรรม มี มีความตระหนักใน คุณธรรม มี ความซอ่ื สัตยส์ จุ รติ และมคี วามอดทน ความซ่ือสัตย์สุจริตและมีความอดทน มี มีความเพยี ร ใช้สติปัญญาในการ ความเพียร ใช้สติปัญญาในการดาเนิน ดาเนินชีวิต ชวี ติ

[33] กิจกรรม ครู ผเู้ รียนสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนงานและกาลัง งานและกาลัง งานและกาลัง- การเกดิ งานแตล่ ะกรณี - ปัจจัยท่ีมีผลต่อการเกิด - ระบุปัจจัยทีม่ ีผลต่อการเกดิ งาน- การเกิดกาลัง การได้เปรียบ งาน - ทดลองเปรยี บเทยี บการเกดิ งานและเชิงกลยทุ ธ์ - ปริมาณที่เกี่ยวข้องกับ กาลัง พรอ้ มคานวณปรมิ าณทีเ่ กี่ยวข้อง การเกดิ งานและกาลงังานและกาลงั งานและกาลัง งานและกาลัง- การเกิดงานแตล่ ะกรณี - ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิด - ระบุปจั จยั ทีม่ ีผลต่อการเกดิ งาน- การเกิดกาลัง การได้เปรียบ งาน - ทดลองเปรียบเทียบการเกิดงานและเชงิ กลยทุ ธ์ - ปริมาณท่ีเกี่ยวข้องกับ กาลัง พรอ้ มคานวณปริมาณทีเ่ กยี่ วข้อง การเกดิ งานและกาลงั ลงช่ือ..................................................ผ้สู อน (นายนกิ ร ไชยบุตร) ลงชอื่ ...................................................ผนู้ เิ ทศ (............................................)

[34] แบบทดสอบกอ่ นเรยี น-หลงั เรยี น หน่วยการเรียนรู้ที่ 3คาชแี้ จง ใหน้ กั เรียนเลือกคาตอบทถ่ี ูกตอ้ งทสี่ ดุ เพียงขอ้ เดียว1. ปัจจยั สาคญั ที่มีผลทาให้เกิดแผ่นดินไหว คอื อะไร 5. สนึ ามิ เปน็ ภยั ธรรมชาติ ทม่ี ักเกดิ เมือ่ ใดก. แรงส่นั สะเทอื นของคลืน่ ในมหาสมุทร ก. แผน่ ดินไหวรนุ แรงใตท้ ้องทะเลข. การเคลื่อนท่ขี องหนิ บนภเู ขาท่ีลาดชนั อย่างรวดเร็ว ข. แผ่นเปลอื กโลกเลอื่ นออกจากกันค. เกดิ จากการปะทุของหนิ หนดื แกส๊ และวัสดุใต้พิภพ ค. แผ่นดินไหวพรอ้ มกบั ภเู ขาไฟระเบิดง. การเคล่ือนตัวของเปลือกโลกในรปู ของการเล่ือนตวั ง. พายุหมุน อยา่ งฉับพลันบรเิ วณกลางมหาสมทุ รของหิน หรอื การปะทุของภูเขาไฟ 6. บริเวณท่มี ักเกดิ สึนามิ ไดแ้ ก่บริเวณใด2. การเกดิ ปรากฏการณแ์ ผ่นดินไหวในประเทศไทยคอ่ นข้าง ก. มหาสมทุ รแปซฟิ กินอ้ ย และผลกระทบไม่รุนแรงนั้น เน่ืองจากเหตุผลในข้อใด ข. มหาสมุทรอนิ เดียก. พน้ื ที่ซึ่งอยตู่ ดิ ทะเลมีน้อย ค. มหาสมทุ รแอตแลนติกข. อยไู่ กลจากมหาสมทุ รแปซิฟกิ ง. มหาสมุทรอารก์ ติกค. ไม่ได้ตงั้ อย่บู รเิ วณรอยต่อของแผน่ เปลอื กโลก 7. ขอ้ ใดไม่จัดว่าเปน็ ปจั จัยสาคญั ที่ทาให้เกดิ อทุ กภัยง. ไม่เคยปรากฏวา่ เคยมภี เู ขาไฟระเบดิ ซึง่ จะสง่ ผล ก. นา้ ทะเลหนนุกระทบตอ่ แผ่นดินไหว ข. การสร้างเขือ่ น3. การท่มี ปี รากฏการณภ์ เู ขาไฟปะทุอยา่ งต่อเนื่องสอดคล้อง ค. พื้นท่เี ปน็ ทร่ี าบลมุ่กับข้อความใด ง. ฝนตกหนกั และตอ่ เนอ่ื งยาวนานก. ภเู ขาไฟมรี อยแตกแยกเมือ่ ไดร้ บั ความรอ้ นจึงระเบิด 8. แผ่นดนิ ถล่มมสี าเหตสุ าคญั หลายประการ ยกเว้นข้อใดข. ความรอ้ นในโลกมีอุณหภูมสิ งู สดุ จึงพยายามหาทาง ก. การดูดทรายจากแมน่ า้ออกมาจากภายใน ข. การขุดบอ่ นา้ บาดาลค. แกส๊ ภายในโลกไดร้ ับความร้อนสงู จงึ เกิดแรงระเบดิ ค. ฝนตกหนักอย่างตอ่ เนื่องสง่ ผลให้หนิ ช้นั ต่างๆ ระเบดิ ออกมา ง. ระดับนา้ ทะเลสูงขน้ึ อย่างรวดเร็วง. ภายในเปลือกโลกยังมีมวลหินหนืดหลอมละลายอยู่ 9. การแก้ไขปญั หาชายฝง่ั ถกู น้ากดั เซาะในข้อใด เหมาะสมและพยายามหาทางระบายความรอ้ น ท่สี ุด4. ภเู ขาไฟในประเทศไทย ลกั ษณะอยา่ งไร ก. ปลกู ปา่ ชายเลนก. เป็นภูเขาไฟรูปทรงฝาชี เปน็ กรวยมีฐานกวา้ ง ข. สง่ เสริมการประมงน้ากรอ่ ยข. เป็นภเู ขาไฟท่ีมลี กั ษณะมีรอยต่อของแผ่นเปลอื กโลก ค. ห้ามชาวประมงจบั ปลาชายฝั่งค. เป็นภเู ขาไฟรปู โล่ มีคณุ สมบตั ขิ องลาวาจะไหลได้ง่าย ง. ไม่สรา้ งอาคารสูงลา้ ไปในบรเิ วณชายหาดง. เปน็ ภเู ขาไฟที่ดับแลว้ เป็นหินแกรนติ หินหนืด และมีแก๊สอยู่ระหว่างชอ่ งวา่ ง

[35]10. การเกิดวาตภัยในข้อใด ไม่สัมพันธก์ บั แหลง่ ที่เกดิ 13. ขอ้ ใดเป็นผลกระทบจากภาวะโลกรอ้ นก. พายไุ ซโคลนเอลลี – ออสเตรเลีย ก. พายหุ มนุ บอ่ ยข้นึ น้าทะเลสูงขน้ึข. พายไุ ซโคลนนาร์กีส – พม่า ข. การเกิดภเู ขาไฟระเบดิค. พายุไต้ฝุน่ กสิ นา - ฟิลปิ ปินส์ ค. การเกดิ แผน่ ดนิ ไหวง. พายไุ ต้ฝ่นุ เกย์ - อนิ เดยี ง. แผ่นดนิ ถลม่ บอ่ ย11. การเกดิ ไฟป่าจะส่งผลกระทบต่อทรพั ยากรธรรมชาติใน 14. ผลกระทบจากการเปล่ยี นแปลงภูมิอากาศมหี ลายข้อใดนอ้ ยทสี่ ุด ประการ ยกเวน้ ขอ้ ใดก. อากาศ ก. ระดบั นา้ ทะเลสูงขึ้นข. กลา้ ไม้เล็กๆ ข. ปริมาณน้าจืดลดลงค. ดนิ - สัตวป์ า่ ค. ผลผลติ การเกษตรตา่ ลงง. น้า - สตั วเ์ ล้ียง ง. การอุตสาหกรรมลดลง12. ปัจจัยสาคญั ท่ีทาใหอ้ ุณหภมู ิของโลกสูงขน้ึ คืออะไร 15. การกระทาข้อใด จดั วา่ มคี วามสาคัญต่อการลดภาวะก. ป่าไมเ้ หลือนอ้ ย เรือนกระจกข. ปรากฏการณเ์ รอื นกระจก ก. ลดการใช้โฟม ใช้ผลติ ภณั ฑจ์ ากวัสดธุ รรมชาติค. ปรากฏการณ์ภูเขาไฟระเบดิ ข. เผาขยะท่ไี มส่ ามารถนากลบั มาใชใ้ หม่ง. แสงอาทิตย์แผ่รงั สีตรงมายงั โลกเพิม่ ขน้ึ ค. ใชเ้ คร่อื งปรับอากาศท่ีผลิตได้เอง ง. สร้างบ้านด้วยไม้ เฉลย 1. ง 2. ค 3. ง 4. ค 5. ก 6. ก 7. ข 8. ง 9. ก 10. ง 11. ง 12. ข 13. ก 14. ง 15.ก

[36] หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 ช่อื หนว่ ย การพฒั นาอย่างย่งั ยนื รหสั ส 31101 วิชา สงั คมศึกษาพืน้ ฐาน กลุม่ สาระการเรียนร้สู งั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 6 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 10 ช่วั โมง ชอื่ ผู้สอน นายนิกร ไชยบตุ ร โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 ****************************************************1. สาระการเรียนรู้ / ตัวชีว้ ดัส 5.2 ม.4-6/2 ระบมุ าตรการปอ้ งกันและแกไ้ ขปัญหา บทบาทขององค์การและการประสานความร่วมมือท้ังในประเทศและนอกประเทศเกยี่ วกับกฎหมายสงิ่ แวดลอ้ มการจัดการทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ มม.4-6/3 ระบแุ นวทางการอนุรกั ษท์ รัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ มในภูมิภาคตา่ ง ๆ ของโลกม.4-6/4 อธบิ ายการใชป้ ระโยชน์จากสงิ่ แวดลอ้ มในการสรา้ งสรรคว์ ฒั นธรรม อันเป็นเอกลักษณข์ องทอ้ งถิน่ ท้ังในประเทไทยและโลกม.4-6/5 มสี ่วนร่วมในการแก้ปัญหาและการดาเนินชีวติ ตามแนวทางการอนุรกั ษ์ทรัพยากร และสิ่งแวดล้อม เพือ่ การพฒั นาที่ย่งั ยืน2. สาระสาคญั มาตรการการปอ้ งกันและแกไ้ ขปญั หาทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ มเปน็ สิง่ สาคญั ซง่ึ องค์กรทั้งในประเทศและนอกประเทศได้มกี ารประสานความร่วมมือกันในการจดั การ และอนุรกั ษท์ รพั ยากร ธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ มในภมู ิภาคต่าง ๆ ของโลกการใชป้ ระโยชน์จากสิ่งแวดล้อมในการสรา้ งสรรค์ วฒั นธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของท้องถนิ่ ทั้งในประเทศไทยและโลก3. สาระการเรยี นรู้3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง 1) มาตรการการปอ้ งกันและแกไ้ ขปัญหาทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ มในประเทศและนอกประเทศ 2) บทบาทขององคก์ ารและการประสานความรว่ มมอื ท้ังในประเทศและนอกประเทศ กฎหมายสง่ิ แวดล้อม การจัดการทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ ม 3) การอนรุ ักษท์ รัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มในภมู ภิ าคต่างๆ ของโลก 4) การใชป้ ระโยชน์จากสิง่ แวดลอ้ มในการสร้างสรรคว์ ฒั นธรรม อนั เป็นเอกลกั ษณข์ องท้องถ่ินทงั้ ในประเทศไทยและโลก 5) การแกป้ ัญหาและการดาเนนิ ชวี ิตตามแนวทางการอนุรกั ษท์ รัพยากรและสงิ่ แวดลอ้ ม เพ่ือการพฒั นาทีย่ ัง่ ยนื3.2 สาระการเรยี นรทู้ ้องถ่นิ -4. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น 4.1 ความสามารถในการส่อื สาร 4.2 ความสามารถในการคดิ 1) ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์

[37] - ทกั ษะการให้เหตุผล - ทกั ษะการจัดกลุม่ 2) ทักษะการทาใหก้ ระจ่าง 3) ทกั ษะกระบวนการคดิ แก้ปญั หา 4) ทักษะกระบวนการคดิ อย่างมวี ิจารณญาณ - ทักษะการรวบรวมข้อมูล - ทักษะการเชอื่ มโยง - ทกั ษะการสรุปอ้างองิ 5) ทกั ษะการนาความรูไ้ ปใช้ 4.3 ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4.4 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ 1) กระบวนการทางานกลุ่ม 2) กระบวนการปฏบิ ตั ิ5. คณุ ลกั ษณะท่พี ึงประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. ม่งุ มนั่ ในการทางาน6. หลักฐานการเรยี นรู้ 1. หนังสือเลม่ เล็ก เรอื่ ง การจดั การทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม (ชิ้นงาน/ภาระงานท่ี 5.1) 2. รายงานการปฏบิ ัติตนในการอนุรกั ษท์ รัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อม (ชิน้ งาน/ภาระงานท่ี 5.2)7. การวดั และประเมนิ ผล การประเมินกอ่ นเรยี น - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 7.2 การประเมนิ ระหว่างการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ใบงานที่ 1.1 เรอ่ื ง ความรเู้ บ้อื งตน้ เกีย่ วกบั สหกรณ์ 2. ใบงานที่ 1.2 เรอ่ื ง ประวตั ิความเปน็ มาของสหกรณ์ 3. ใบงานท่ี 1.3 เร่อื ง ววิ ฒั นาการของสหกรณใ์ นประเทศไทย 4. ใบงานที่ 1.4 เร่อื ง สหกรณ์ในประเทศไทย 5. ใบงานท่ี 1.5 เร่อื ง สบื คน้ ข้อมูลกจิ การสหกรณ์ 6. ใบงานท่ี 2.1 เรือ่ ง สืบค้นข้อมูลการพัฒนาเศรษฐกจิ ของชมุ ชน 7. ประเมนิ การนาเสนอผลงาน 8. สังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม 7.3 การประเมนิ หลังเรียน

[38] - แบบทดสอบหลังเรยี น หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 7.4 การประเมนิ ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) - ประเมนิ บทความวิเคราะห์ เร่ือง สหกรณก์ บั การพัฒนาเศรษฐกิจในชุมชน8. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ นกั เรยี ทาแบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 มาตรการป้องกันและแกไ้ ขปัญหาทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม เวลา 3 ช่ัวโมงขั้นที่ 1 ทบทวนความร้เู ดิม - ครแู บ่งนกั เรียนเลา่ ประสบการณ์หรือแสดงความคดิ เห็น เกีย่ วกบั ปญั หาส่ิงแวดลอ้ ม - นกั เรยี นชว่ ยกนั วเิ คราะหส์ าเหตสุ าคญั ของปญั หาทน่ี กั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ ในขอ้ 1 - ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจถึงหลักการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และแนวทางการจัดการทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ ม แล้วให้นักเรียนศกึ ษาความรูเ้ พมิ่ เติม จากหนังสือเรียน หรือหนังสือค้นคว้าเพ่ิมเติม ตามความเหมาะสมขั้นท่ี 2 แสวงหาความรใู้ หม่ - ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละกันตามความสามารถ คือ เก่ง ปานกลางค่อนข้างเก่ง ปานกลางค่อนข้างอ่อน และออ่ น ให้นักเรียนแตล่ ะกลุม่ จบั คกู่ ันเปน็ 2 คู่ แล้วใหแ้ ต่ละคู่ช่วยกนั ทาใบงาน ดงั นี้ - คทู่ ี่ 1 ทาใบงานท่ี 1.1 เร่ือง หลักการในการจัดการทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม - คทู่ ่ี 2 ทาใบงานท่ี 1.2 เรอ่ื ง แนวทางการจดั การทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อมขน้ั ที่ 3 ศกึ ษาทาความเข้าใจข้อมลู /ความรใู้ หม่ และเช่อื มโยงความรูใ้ หมก่ บั ความรเู้ ดมิ - สมาชกิ แต่ละคู่ของกลมุ่ ผลัดกันนาเสนอผลงานต่อสมาชกิ ในกลุ่ม แลว้ ชว่ ยกันตรวจสอบความ ถกู ต้อง ปรบั ปรงุ และพฒั นาผลงานเพม่ิ เตมิ จากน้นั ครแู ละนกั เรยี นช่วยกันเฉลยคาตอบในใบงานข้นั ที่ 4 แลกเปล่ียนความรคู้ วามเขา้ ใจกบั กลมุ่- ครูอธบิ ายใหน้ กั เรียนเข้าใจถึงหน่วยงานทั้งภาครฐั และเอกชน ท่ีมีบทบาทหน้าที่ โดยตรงกับการดูแลรักษาทรัพยากรและสง่ิ แวดล้อมขั้นที่ 5 สรุปและจัดระเบียบความรู้ - นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ (กลมุ่ เดมิ ) ร่วมกนั ศกึ ษาความรเู้ ร่ือง หนว่ ยงานและองคก์ รทางสง่ิ แวดลอ้ ม จากหนงั สอื เรียนหรือหนังสือค้นควา้ เพมิ่ เติม ตามความเหมาะสม แล้วช่วยกนั ทาใบงานที่ 1.3 เรอื่ ง หน่วยงานและองค์กรทางสิ่งแวดลอ้ มขั้นท่ี 6 ปฏิบตั ิและ/หรือแสดงผลงาน - ครูสุ่มนักเรียนออกมาเฉลยคาตอบในใบงานที่ 1.3 ท่ีหน้าช้ันเรียน กลุ่มละ 1 หัวข้อ และให้กลุ่มอ่ืนที่มีผลงานแตกต่างออกไปได้นาเสนอเพม่ิ เติม

[39]ข้นั ที่ 7 ประยุกตใ์ ชค้ วามรู้ - ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปบทบาทสาคัญของหน่วยงานและองค์กรเอกชนท่ีมีส่วนร่วมกันดูแลรักษาทรัพยากรและส่งิ แวดล้อมความร่วมมอื กนั ทง้ั ในประเทศและนอกประเทศในการจัดการ เวลา 3 ช่ัวโมง ทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ มข้ันท่ี 1 ทบทวนความรเู้ ดิม - ครูนาข่าวเกี่ยวกับองค์กรต่างๆ ที่มีกิจกรรมแสดงถึงการร่วมมืออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม มาเล่าให้นกั เรยี นฟงั - นกั เรยี นรว่ มกนั วเิ คราะหข์ า่ วในข้อ 1 วา่ มผี ลดตี อ่ วถิ กี ารดารงชวี ติ ของมนษุ ยอ์ ยา่ งไร พรอ้ มอธบิ ายเหตผุ ลประกอบขั้นที่ 2 แสวงหาความร้ใู หม่ - นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-7 คน ตามความสมัครใจ ให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาจับสลากหัวข้อในการศึกษาความรู้เร่อื ง กฎหมายเกีย่ วกบั การอนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มของไทย ในหัวข้อต่อไปนี้ - กลมุ่ หมายเลข 1 ศึกษาความรูเ้ ร่อื ง กฎหมายเกยี่ วกบั ปา่ สงวนแหง่ ชาติ - กลมุ่ หมายเลข 2 ศึกษาความรู้เรอื่ ง กฎหมายเก่ยี วกบั การสงวนและคมุ้ ครองสัตวป์ ่า - กลุม่ หมายเลข 3 ศกึ ษาความรูเ้ รือ่ ง กฎหมายเกีย่ วกบั อทุ ยานแห่งชาติ - กล่มุ หมายเลข 4 ศกึ ษาความรูเ้ รอื่ ง กฎหมายส่งเสรมิ และรักษาคุณภาพส่ิงแวดล้อมแห่งชาติ (ในกรณีที่นักเรียนมีจานวนมากอาจให้ เรื่องละ 2 กลุ่มก็ได้) โดยให้นักเรียนศึกษาความรู้ จากหนังสือเรียน หรือหนังสือคน้ คว้าเพิ่มเติมขั้นท่ี 3 ศกึ ษาทาความเขา้ ใจขอ้ มลู /ความรู้ใหม่ และเช่ือมโยงความรใู้ หมก่ ับความรู้เดิม - สมาชิกแตล่ ะกลุ่มร่วมกันสรุปประเดน็ สาคัญของหัวขอ้ เรื่องทรี่ ่วมกนั ศกึ ษาและนาความร้ทู ่ีไดม้ าตอบคาถามในใบงานที่ 2.1เร่ือง กฎหมายเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมของไทย กลุ่มละ 1 หัวข้อขั้นท่ี 4 แลกเปล่ียนความรู้ความเขา้ ใจกบั กลมุ่ - นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มผลดั กนั นาเสนอผลงาน การสบื คน้ ขอ้ มลู ตามหวั ขอ้ ทีก่ าหนดในใบงานท่ี 2.1ข้นั ที่ 5 สรปุ และจัดระเบียบความรู้ - ครแู ละนักเรยี นช่วยกันสรปุ ความสาคญั ของกฎหมายเกี่ยวกบั การอนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อมของไทยข้ันท่ี 6 ปฏิบัตแิ ละ/หรือแสดงผลงาน - ครูอธิบายความรู้เรื่อง การประสานความร่วมมือทางด้านส่ิงแวดล้อมระหว่างประเทศในการทาอนุสัญญาต่อไปนี้ ให้นกั เรยี นฟงั - อนสุ ญั ญาวา่ ดว้ ยการคา้ สตั วป์ า่ และพืชป่าที่ใกล้สญู พันธร์ุ ะหวา่ งประเทศ - อนุสญั ญาสหประชาชาตวิ า่ ดว้ ยการเปล่ียนแปลงชั้นบรรยากาศ

[40] - อนสุ ัญญาว่าดว้ ยการอนุรกั ษพ์ ้นื ทชี่ ุ่มน้า หรอื อนสุ ัญญาแรมซาร์ขน้ั ที่ 7 ประยกุ ต์ใช้ความรู้ - ครูและนกั เรยี นชว่ ยกันสรุปวัตถปุ ระสงค์สาคญั ของอนุสัญญาแตล่ ะฉบบัการอนุรกั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม เวลา 4 ชั่วโมงขน้ั ท่ี 1 ทบทวนความรู้เดมิ - นกั เรยี นเลา่ ถงึ วธิ กี ารอนรุ กั ษท์ รัพยากรธรรมชาตทิ น่ี กั เรยี นเคยปฏบิ ตั ิ และคดิ วา่ ไดผ้ ลดมี าเลา่ สกู่ ันฟงัขั้นท่ี 2 แสวงหาความรูใ้ หม่ - ครูร่วมอภิปรายกับนักเรียน โดยให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นว่า ชอบวิธีการอนุรักษ์ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ท่ีตอบในข้อ 1 แบบใด ทาไมจึงชอบ หรือทาไมจึงคิดว่าวิธีการนั้นมีผลดี จากน้ันให้นักเรียนช่วยกันเขียนแผนผังมโนทศั น์เกยี่ วกับแนวทางการอนรุ กั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทนี่ กั เรียนสามารถปฏิบตั ิไดใ้ นชวี ิตประจาวนัขัน้ ท่ี 3 ศกึ ษาทาความเข้าใจข้อมลู /ความรู้ใหม่ และเชอื่ มโยงความรูใ้ หม่กับความรเู้ ดมิ - ครูนาบทความสั้นๆ หรือวีดิทัศน์เก่ียวกับแนวทางการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมในภูมิภาคต่างๆ ของโลก มาให้นักเรียนดู แล้วให้นักเรียนช่วยกันวาดภาพ พร้อมบรรยายความสาคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มขั้นท่ี 4 แลกเปลย่ี นความรคู้ วามเขา้ ใจกบั กลมุ่ - นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-7 คน ตามความสมัครใจ แล้วให้แต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาความรู้ตามหัวข้อท่ีครูกาหนดให้ดงั น้ี 1) แนวทางการอนรุ กั ษท์ รัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ มในภมู ภิ าคตา่ งๆ ของโลก 2) การใช้ประโยชนจ์ ากสิ่งแวดลอ้ มในการสร้างสรรค์วัฒนธรรม 3) การพฒั นาทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อมทีย่ ่ังยืน (1) แนวทางการแกป้ ัญหา และการพฒั นาทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อมท่ยี ่งั ยืน (2) แนวทางการอนรุ กั ษแ์ ละฟ้ืนฟูสภาพสิง่ แวดลอ้ มตามแนวพระราชดาริขน้ั ที่ 5 สรุปและจัดระเบียบความรู้ - นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มมอื กนั ทาใบงานที่ 3.1 เรื่อง การอนุรกั ษท์ รัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม แลว้ ครแู ละนกั เรยี นช่วยกันเฉลยคาตอบในใบงานขั้นที่ 6 ปฏิบัตแิ ละ/หรือแสดงผลงาน - นักเรียนแต่ละกลุ่มสร้างสรรค์ช้ินงาน หนังสือเล่มเล็ก เร่ือง การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม โดยให้ครอบคลุมประเด็นตามทีก่ าหนด

[41]ข้ันท่ี 7 ประยกุ ต์ใชค้ วามรู้- สมาชิกแต่ละกลุ่มร่วมกันวเิ คราะห์ผลงานหนังสือเล่มเล็ก เรื่อง การจัดการทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อมของกลุ่มตนเอง ชว่ ยกันปรบั ปรงุ แก้ไขและพัฒนาคุณภาพของผลงานใหม้ ีคณุ ภาพอยู่ในเกณฑ์ดี- ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปบทบาทสาคัญของหน่วยงานและองค์กรเอกชนท่ีมีส่วนร่วมกันดูแลรักษาทรัพยากรและสง่ิ แวดล้อม- นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอผลงานท่ีหน้าช้ันเรียน และให้สมาชิกกลุ่มอื่นแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม มีการวพิ ากษ์วิจารณ์อย่างสรา้ งสรรค์- ครูและนักเรียนชว่ ยกันสรปุ ประเด็นสาคัญในการจัดการทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม- ครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ละคนไปปฏิบัติตนในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม แล้วบันทึกผลการปฏบิ ัตสิ ่งครผู ู้สอนตามระยะเวลาที่ตกลงร่วมกนั- นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี น หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 เร่ือง การพัฒนาอย่างย่ังยืน9 สอ่ื / และแหลง่ เรยี นรู้ 9.1 สอ่ื การเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน ภูมศิ าสตร์ ม.4-ม.6 2) หนังสอื คน้ ควา้ เพ่ิมเตมิ (1) จักรพนั ธุ์ ปัญจะสวุ รรณ. การจัดการทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม. กรุงเทพฯ : โอ. เอส. พรน้ิ ตง้ิเฮา้ ส์, 2545. (2) สกุ าญจน์ รัตนเลศิ นุสรณ์. หลกั การจดั การสิง่ แวดลอ้ ม. กรงุ เทพฯ : ส.ส.ท, 2546. (3) อานาจ เจรญิ ศลิ ป.์ การจดั การทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อม. กรุงเทพฯ : โอ. เอส. พร้นิ ตงิ้ เฮา้ ส์,2543. 3) ตวั อยา่ งขา่ วเก่ยี วกบั องค์กรตา่ งๆ ทีม่ ีกิจกรรมทแี่ สดงถึงการรว่ มมือกนั อนรุ ักษ์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ มในภมู ภิ าคตา่ งๆ ของโลก 4) บทความหรอื วีดิทัศนเ์ กี่ยวกับแนวทางการอนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มในภูมิภาคตา่ งๆ ของโลก 5) ตวั อย่างแผนผังการจัดการเรยี นร้ตู ามแนววัฏจักรการเรียนรู้ (4 MAT) เร่ือง การอนุรกั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม 6) ใบงานที่ 1.1 เรือ่ ง หลักการในการจดั การทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม 7) ใบงานท่ี 1.2 เรื่อง แนวทางการจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม 8) ใบงานที่ 1.3 เรือ่ ง หนว่ ยงานและองคก์ รทางสงิ่ แวดลอ้ ม 9) ใบงานท่ี 2.1 เรอ่ื ง กฎหมายเก่ียวกับการอนรุ กั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ มของไทย 10) ใบงานที่ 3.1 เรอ่ื ง การอนรุ ักษท์ รพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อม

[42]9.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมดุ 2) แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ http://www.oknation.net/blog/print.php?id=442806 http://guru.sanook.com/.../การจดั การทรัพยากรธรรมชาติ_และสง่ิ แวดลอ้ ม http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_environment_organization http://th.wikipedia.org/wiki/กฎหมายสิง่ แวดล้อม http://www.thaienv.com/th/index.php?option=com...id... http://www.thaigoodview.com/library/.../sec04po1.html http://www.payathai.or.th/.../การพัฒนา_อนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม

[43]10. การวดั ผลและประเมนิ ผลแบบประเมนิ หนงั สือเล่มเลก็ เร่ือง การจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มรายการประเมนิ คาอธบิ ายระดบั คุณภาพ/ระดับคะแนน ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1)1. มาตรการในการ อธบิ ายมาตรการ อธิบายมาตรการ อธบิ ายมาตรการ อธิบายมาตรการปอ้ งกนั และแก้ไข ในการปอ้ งกนั และ ในการป้องกนั และ ในการป้องกันและ ในการปอ้ งกนั และปญั หาทรัพยากร แกไ้ ขปัญหา แกไ้ ขปญั หา แกไ้ ขปัญหา แกไ้ ขปญั หาธรรมชาตแิ ละ ทรพั ยากร ทรพั ยากร ทรัพยากร ทรพั ยากรส่งิ แวดลอ้ ม ธรรมชาตแิ ละ ธรรมชาติและ ธรรมชาติและ ธรรมชาตแิ ละ สิ่งแวดล้อมอยา่ งมี สิง่ แวดล้อมอยา่ งมี สง่ิ แวดลอ้ มอยา่ งมี สิ่งแวดล้อมอย่างมี เหตุผล ถกู ต้อง เหตผุ ล ถกู ตอ้ ง 4-5 เหตุผล ถกู ต้อง 2-3 เหตผุ ล ถูกต้อง 1 ตั้งแต่ 6 ข้อขนึ้ ไป ข้อ ข้อ ข้อ2. บทบาทของ อธบิ ายบทบาทของ อธิบายบทบาทของ อธิบายบทบาทของ อธบิ ายบทบาทขององคก์ ารและการ องคก์ ารและการ องค์การและการ องค์การและการ องค์การและการประสาน ความ ประสานความ ประสานความ ประสานความ ประสานความรว่ มมือทัง้ ในประเทศ ร่วมมอื ท้งั ใน ร่วมมือทั้งใน รว่ มมือท้ังใน ร่วมมอื ท้งั ในและนอกประเทศ ประเทศและนอก ประเทศและนอก ประเทศและนอก ประเทศและนอกเกี่ยวกับ ประเทศเก่ยี วกบั ประเทศเกี่ยวกบั ประเทศเกย่ี วกับ ประเทศเกย่ี วกับกฎหมายสงิ่ แวดล้อม กฎหมาย กฎหมาย กฎหมาย กฎหมาย สง่ิ แวดลอ้ มได้อยา่ ง สิ่งแวดล้อมได้อยา่ ง สิ่งแวดล้อมได้อย่าง สิ่งแวดล้อมได้อยา่ ง ถูกตอ้ ง ชัดเจน ถกู ตอ้ ง ชัดเจน 4 ถูกต้อง ชัดเจน 3 ถกู ต้อง ชดั เจน 2 ตัง้ แต่ 5 เรือ่ งขน้ึ ไป เรอื่ ง เรอื่ ง เรื่อง3. แนวทางการ อธิบายแนวทาง อธิบายแนวทาง อธบิ ายแนวทาง อธบิ ายแนวทางอนรุ กั ษ์ การอนรุ ักษ์ การอนรุ กั ษ์ การอนุรักษ์ การอนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ทรพั ยากร ทรัพยากร ทรัพยากร ทรพั ยากรและส่ิงแวดลอ้ มใน ธรรมชาติและ ธรรมชาตแิ ละ ธรรมชาตแิ ละ ธรรมชาตแิ ละภมู ภิ าคต่าง ๆ ส่ิงแวดล้อมใน สง่ิ แวดล้อมใน สง่ิ แวดลอ้ มใน สิ่งแวดลอ้ มในของโลก ภูมภิ าคต่างๆ ของ ภมู ภิ าคต่างๆ ของ ภมู ิภาคต่างๆ ของ ภูมภิ าคต่างๆ ของ โลกได้อยา่ งถกู ตอ้ ง โลกได้อย่างถูกต้อง โลกได้อยา่ งถกู ต้อง โลกได้อยา่ งถูกตอ้ ง เหมาะสม เหมาะสม เหมาะสม เหมาะสม 8 แนวทางข้ึนไป 6-7 แนวทาง 4-5 แนวทาง 1-3 แนวทาง

[44]รายการประเมิน คาอธบิ ายระดบั คณุ ภาพ/ระดับคะแนน ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1)4. การใชป้ ระโยชน์ อธิบายการใช้ อธิบายการใช้ อธบิ ายการใช้ อธบิ ายการใช้จากสิ่งแวดล้อม ประโยชนจ์ าก ประโยชนจ์ าก ประโยชนจ์ าก ประโยชนจ์ ากในการสร้างสรรค์ สิง่ แวดลอ้ มในการ ส่งิ แวดลอ้ มในการ สิ่งแวดล้อมในการ สง่ิ แวดลอ้ มในการวฒั นธรรมอันเปน็ สร้างสรรค์ สรา้ งสรรค์ สร้างสรรค์ สร้างสรรค์เอกลักษณข์ อง วัฒนธรรมอันเป็น วัฒนธรรมอันเปน็ วฒั นธรรมอนั เป็น วัฒนธรรมอนั เปน็ท้องถน่ิ ท้งั ใน เอกลกั ษณข์ อง เอกลักษณ์ของ เอกลักษณ์ของ เอกลักษณข์ องประเทศไทยและโลก ทอ้ งถ่ินทั้งใน ทอ้ งถ่นิ ท้ังใน ทอ้ งถิ่นทั้งใน ท้องถ่นิ ท้ังใน ประเทศไทยและ ประเทศไทยและ ประเทศไทยและ ประเทศไทยและ โลกได้อยา่ งถูกตอ้ ง โลกไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง โลกได้อย่างถูกตอ้ ง โลกได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม เหมาะสม เหมาะสม เหมาะสม ตงั้ แต่ 6 ข้อ ขน้ึ ไป 4-5 ข้อ 2-3 ขอ้ 1 ขอ้ เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14-16 ดมี าก 11-13 ดี 8-10 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง

[45]11. จดุ เนน้ ของโรงเรยี น การบูรณาการปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งและกิจกรรมสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี นปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ครู ผเู้ รียน- ความพอประมาณ พอดดี ้านเทคโนโลยี พอดดี ้านจิตใจ รู้จักใช้เทคโนโลยีมาผลิตส่ือที่ มจี ิตสานึกที่ดี เออ้ื อาทร ประนปี ระนอม เหมาะสมและสอดคล้องเนื้อหาเป็น นกึ ถึงประโยชนส์ ว่ นรวม/กล่มุ ประโยชน์ต่อผู้เรียนและพัฒนาจากภูมิ ปัญญาของผูเ้ รยี น- ความมเี หตุผล - ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความ ไม่หยุดนิง่ ทีห่ าหนทางในชวี ติ หลดุ พน้ ถูกตอ้ ง สจุ ริต แมจ้ ะตกอยใู่ นภาวะขาด จากความทกุ ข์ยาก (การคน้ หาคาตอบ แคลน ในการดารงชีวติ เพ่ือใหห้ ลดุ พน้ จากความไมร่ ู)้ - ปฏิบัติตนในแนวทางที่ดี ลด เลิก ส่ิง ยั่วกิเลสให้หมดสิ้นไป ไม่ก่อความช่วั ให้ เป็นเครื่องทาลายตัวเอง ทาลายผู้อื่น พยายามเพิ่มพูนรกั ษาความดี ที่มีอย่ใู ห้ งอกงามสมบูรณ์ย่ิงขนึ้- มภี มู ิคุมกนั ในตวั ที่ดี ภมู ิปัญญา : มคี วามรู้ รอบคอบ และ ภูมิปัญญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ระมัดระวงั ระมดั ระวัง สร้างสรรค์ ภมู ิธรรม : ซอื่ สัตย์ สจุ ริต ขยนั อดทน ภมู ธิ รรม : ซอ่ื สตั ย์ สจุ ริต ขยนั อดทน ตรงตอ่ เวลาและแบ่งปัน ตรงต่อเวลา เสียสละและ แบง่ ปัน- เงอ่ื นไขความรู้ ความรอบรู้ เรื่อง งานและกาลัง ความรอบรู้ เร่ือง งานและกาลัง ท่ีเกี่ยวข้องรอบด้าน ความรอบคอบที่ กรณีท่ีเกิดงาน ปริมาณท่ีเก่ียวข้อง การ จะนาความรู้เหล่าน้ันมาพิจารณาให้ คานวณสูตรที่ต้องใช้ สามารถนาความรู้ เช่ือมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผน เหล่าน้ันมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน การดาเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สามารถประยกุ ต์ใช้ในชวี ิตประจาวัน ใหก้ บั ผ้เู รียน- เงอ่ื นไขคณุ ธรรม มคี วามตระหนกั ใน คณุ ธรรม มี มีความตระหนักใน คุณธรรม มี ความซื่อสัตยส์ จุ รติ และมีความอดทน ความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มี มีความเพยี ร ใช้สตปิ ญั ญาในการ ความเพียร ใช้สติปัญญาในการดาเนิน ดาเนนิ ชีวิต ชีวิต

[46]กิจกรรม ครู ผู้เรยี นสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียนงานและกาลัง งานและกาลงั งานและกาลัง- การเกดิ งานแต่ละกรณี - ปัจจัยท่ีมีผลต่อการเกิด - ระบุปัจจัยที่มีผลตอ่ การเกดิ งาน- การเกิดกาลัง การได้เปรียบ งาน - ทดลองเปรยี บเทยี บการเกิดงานและเชงิ กล - ปริมาณท่ีเกี่ยวข้องกับ กาลัง พร้อมคานวณปริมาณที่เกี่ยวข้อง การเกิดงานและกาลังงานและกาลงั งานและกาลัง งานและกาลงั- การเกดิ งานแตล่ ะกรณี - ปัจจัยท่ีมีผลต่อการเกิด - ระบปุ จั จัยทีม่ ีผลตอ่ การเกิดงาน- การเกิดกาลัง การได้เปรียบ งาน - ทดลองเปรียบเทียบการเกดิ งานและเชงิ กล - ปริมาณท่ีเก่ียวข้องกับ กาลัง พรอ้ มคานวณปริมาณทีเ่ กี่ยวข้อง การเกิดงานและกาลัง ลงชือ่ ..................................................ผ้สู อน (นายนกิ ร ไชยบตุ ร) ลงชื่อ...................................................ผู้นิเทศ (............................................)

[47] แบบทดสอบกอ่ นเรยี น-หลังเรียน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4คาชีแ้ จง ให้นกั เรยี นเลอื กคาตอบท่ีถกู ต้องท่สี ุดเพียงข้อเดียว1. หลกั การจัดการทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มในขอ้ 6. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีบทบาทสาคัญในเรือ่ ง การใด ควรจัดทาเป็นอนั ดับแรก อนุรกั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มในขอ้ ใดมากก. สง่ เสริมคณุ ภาพประชากร ท่สี ดุข. สารวจทรัพยากรธรรมชาติ ก. แรธ่ าตุค. ปรบั ปรงุ คุณภาพทรพั ยากร ข. อากาศ ง. ใชท้ รพั ยากรให้เกดิ ประโยชนส์ ูงสุด ค. พลงั งาน2. ข้อใดจดั เป็นการจัดการทรัพยากรดนิ ทเี่ หมาะสม ง. ดิน-นา้ 7. กจิ กรรมหลักของกรีนพีช คอื อะไร ก. ใชส้ ารเคมเี ทา่ ทจี่ าเป็นข. ปลูกพชื หลายชนิดสลับกันไป ก. หยุดภาวะโลกรอ้ นค. บริเวณดนิ เปร้ยี ว ดนิ เคม็ ใชเ้ ปน็ ท่ีกอ่ สร้างอาคาร ข. อนุรกั ษ์พันธ์สุ ตั วป์ า่ ง. กาหนดพนื้ ท่ีอุตสาหกรรมใหอ้ ยู่บรเิ วณชายฝง่ั ค. จดั ทาหนงั สือชดุ โลกสเี ขียว ง. จดั หาสมาชกิ ท่ีมอี ุดมการณ์สรา้ งโลกสีเขยี ว3. การจัดการทรัพยากรป่าไมข้ อ้ ใดเหมาะสมทีส่ ดุ 8. อนุสญั ญาสหประชาชาตวิ า่ ดว้ ยการเปลย่ี นแปลงชน้ั ก. รับเจา้ พนกั งานมาดูแลปา่ ไมเ้ พ่ิมขน้ึ บรรยากาศนั้น ประเทศสมาชกิ จะตอ้ งดาเนนิ การในข้อใด ข. ใช้ไมเ้ นือ้ ออ่ นสาหรบั ทาเครอื่ งเรอื น ก. สง่ เสรมิ ความหลากหลายทางนิเวศวทิ ยา ค. ออกกฎหมายควบคุมการใชเ้ ครื่องมือตัดไม้ ข. ควบคุมการผลติ สนิ ค้าด้านอุตสาหกรรมไม่ใหก้ อ่ ง. เชญิ ชวนเยาวชนไทยยคุ ใหมช่ ว่ ยกันปลกู ต้นไม้ เกิดมลพิษ4. พลงั งานในขอ้ ใด ไม่จดั เปน็ พลงั งานหมุนเวยี น ค. ควบคมุ บรรยากาศและสิ่งแวดล้อมภายในประเทศ ก. พลังงานลม ข. พลังงานจากน้า ตามเกณฑ์ ค. พลงั งานจากถ่านหนิ ง. ควบคมุ ใหก้ ารเกดิ แก๊สเรอื นกระจกในประเทศอยู่ ง. พลงั งานแสงอาทิตย์ ในระดับไมก่ ่อให้เกิดอันตรายตอ่ ชัน้ บรรยากาศโลก5. สมศรแี ละครอบครวั ใช้เสือ้ ผา้ คุม้ คา่ จนกวา่ จะเก่าขาด และ 9. นกั เรยี นใชถ้ งุ ผา้ สาหรบั ใสข่ องไดห้ ลาย ๆ คร้ัง แสดงว่าเม่อื ขาดก็ยังซ่อมแซม การกระทาของสมศรีมีผลดีต่อข้อใด ไดม้ สี ว่ นอนรุ ักษท์ รัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ มตามมากทีส่ ดุ หลักการใด ก. การประหยดั พลงั งาน ก. การปฏเิ สธการใช้ ข. การอนุรกั ษ์ธรรมชาติ ข. การถนอมรกั ษา ค. การหาพลงั งานทดแทน ค. การนาของใชแ้ ล้วกลบั มาใชใ้ หม่ ง. การใชท้ รัพยากรทดแทน ง. การใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

[48]10. การทมี่ นุษย์ในแตล่ ะภมู ภิ าคของโลกได้ศึกษาธรรมชาติและนาทรพั ยากรธรรมชาตมิ าใชป้ ระโยชนใ์ นการดารงชีวิตน้นั สอดคลอ้ งกับขอ้ ใดมากทสี่ ดุ ก. เทคโนโลยี ข. การสร้างสรรคว์ ัฒนธรรม ค. การปรบั ตนใหเ้ ขา้ กบั สง่ิ แวดลอ้ ม ง. การพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ 1. ก 2. ข 3. ค 4. ค 5. ก เฉลย 6. ง 7. ก 8. ง 9. ค 10. ข


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook