[1] หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ชือ่ หนว่ ย หน้าที่และมารยาทชาวพทุ ธรหสั ส 31101 วิชา สังคมศกึ ษาพน้ื ฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรูส้ ังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรมชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 10 ชั่วโมงช่อื ผูส้ อน นายนิกร ไชยบตุ ร โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 ****************************************************1. สาระการเรยี นรู้ / ตวั ชว้ี ดัสาระที่ 1 (พระพุทธศาสนา)มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชวี้ ัดส 1.2 ม.4-6/1 ปฏิบัติตนเปน็ ศาสนกิ ชนทดี่ ตี อ่ สาวก สมาชกิ ในครอบครัว และคนรอบขา้ งส 1.2 ม.4-6/2 ปฏิบตั ิตนถูกตอ้ งตามศาสนพธิ ี พธิ ีกรรมตามหลกั ศาสนาทต่ี นนับถอืส 1.2 ม.4-6/3 แสดงตนเปน็ พุทธมามกะหรอื แสดงตนเป็นศาสนิกชนของศาสนาทตี่ นนับถอืส 1.2 ม.4-6/4 วเิ คราะหห์ ลกั ธรรม คติธรรมทเ่ี ก่ยี วเน่อื งกับวนั สาคญั ทางศาสนาและเทศกาลทสี่ าคญัของศาสนาท่ตี นนับถือ และปฏบิ ัติตนไดถ้ กู ต้องส 1.2 ม.4-6/5 สมั มนาและเสนอแนะแนวทางในการธารงรักษาศาสนาที่ตนนับถืออนั ส่งผลถึงการพฒั นาตนพัฒนาชาติ และโลก2. สาระสาคญัชาวพุทธทีด่ พี งึ ปฏิบัตติ นต่อพระภิกษอุ ย่างเหมาะสมท้งั กาย วาจา และใจ โดยรักษาศลี และปฏบิ ตั ิตนตอ่สมาชกิ ในครอบครัวและคนรอบข้างตามหลกั ทิศ 63. สาระการเรียนรู้- สาระการเรียนรู้แกนกลาง1. ปฏบิ ัตติ นเป็นชาวพุทธที่ดตี ่อพระภกิ ษุ- การเข้าใจในกิจของพระภกิ ษุ เชน่ การศกึ ษา การปฏบิ ตั ิธรรม และการเปน็ นกั บวชท่ดี ี- คณุ สมบตั ทิ ายกและปฏคิ าหก- หน้าทแ่ี ละบทบาทของพระภิกษุในฐานะพระนกั เทศน์ พระธรรมทูต พระธรรมจารกิ พระวทิ ยากร พระวปิ สั สนาจารย์ และพระนกั พฒั นา- การปกป้องคมุ้ ครองพระพทุ ธศาสนาของพุทธบริษัทในสังคมไทย- การปฏบิ ัติตนต่อพระภิกษุทางกาย วาจา และใจ ทปี่ ระกอบด้วยเมตตา- การปฏสิ นั ถารทเี่ หมาะสมตอ่ พระภกิ ษใุ นโอกาสตา่ งๆ2. ปฏิบัติตนเปน็ สมาชกิ ทีด่ ีของครอบครัวและสงั คม- การรักษาศลี 8- การเข้าร่วมกจิ กรรมและเป็นสมาชกิ ขององคก์ รชาวพุทธ- การเปน็ ชาวพุทธที่ดี ตามหลักทิศเบอ้ื งบนในทิศ 6- การปฏิบัตติ นท่ีเหมาะสมในฐานะผู้ปกครองและผอู้ ยใู่ นปกครอง ตามหลักทศิ เบื้องลา่ งในทศิ 6- การปฏสิ ันถารตามหลกั ปฏิสันถาร 2- หน้าทแ่ี ละบทบาทของอบุ าสก อบุ าสิกาทมี่ ีตอ่ สังคมไทยในปัจจุบนั- การปฏบิ ตั ิตนเป็นสมาชิกท่ีดขี องครอบครวั ตามหลกั ทศิ เบอ้ื งหลังในทศิ 6- การบาเพญ็ ตนให้เป็นประโยชนต์ อ่ ครอบครวั ชุมชน ประเทศชาติ และโลก
[2] 3. ประเภทของศาสนพธิ ใี นพระพุทธศาสนา - ศาสนพธิ ีเน่ืองดว้ ยพทุ ธบัญญัติ เชน่ พิธแี สดงตนเป็นพทุ ธมามกะ พธิ ีเวียนเทยี น ถวายสงั ฆทาน ถวายผ้าอาบนา้ ฝน พธิ ีทอดกฐิน พิธปี วารณา - ศาสนพิธีท่นี าพระพทุ ธศาสนาเขา้ ไปเกยี่ วเน่อื ง เชน่ การทาบุญเลี้ยงพระในโอกาสตา่ งๆ 4. ความหมาย ความสาคญั คติธรรม ในพิธกี รรม บทสวดมนต์ของนกั เรยี น งานพธิ ี คุณคา่ และประโยชน์ 5. พิธบี รรพชาอุปสมบท คุณสมบัติของผู้ขอบรรพชาอปุ สมบท เครอื่ งอฏั ฐบริขาร ประโยชนข์ องการบรรพชา อุปสมบท 6. บญุ พิธี ทานพิธี กุศลพิธี 7. คุณคา่ และประโยชนข์ องศาสนพิธี 8. การแสดงตนเปน็ พุทธมามกะ - ข้นั เตรียมการ - ขนั้ พิธีการ 9. หลักธรรม คตธิ รรมที่เกยี่ วเน่ืองกบั วันสาคัญและเทศกาลที่สาคญั ในพระพทุ ธศาสนาหรอื ศาสนาอนื่ 10. การปฏบิ ัตติ นที่ถูกตอ้ งในวันสาคญั และเทศกาลทีส่ าคัญในพระพทุ ธศาสนาหรือศาสนาอ่นื 11. การปกป้อง คุม้ ครอง ธารงรักษาพระพทุ ธศาสนาของพุทธบรษิ ัทในสงั คมไทย 12. การปลกู จิตสานึกและการมีสว่ นรว่ มในสงั คมพทุ ธ - สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถิ่น 4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 4.2 ความสามารถในการคดิ 1. ทักษะการสารวจค้นหา 3. ทกั ษะการวเิ คราะห์ 2. ทักษะการรวบรวมข้อมูล 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต 5. คุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งม่นั ในการทางาน 6. หลักฐานการเรียนรู้ - แบบทดสอบกอ่ นเรียน 7. การวดั และประเมนิ ผล 7.1 การประเมนิ ก่อนเรยี น - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 เรื่อง เคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์ 7.2 การประเมนิ ระหวา่ งการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ใบงานท่ี 1.1 เรอ่ื ง การแสดงตนเปน็ พทุ ธมามกะ 2. ใบงานที่ 1.2 เร่ือง หน้าทแี่ ละบทบาทของพระภิกษุในฐานะต่างๆ 3. ใบงานที่ 1.3 เร่ือง อบุ าสก อบุ าสกิ า 4. ใบงานที่ 2.1 เรือ่ ง การบาเพ็ญตนใหเ้ ปน็ ประโยชน์
[3] 5. ประเมินการนาเสนอผลงาน 6. สังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ เรอ่ื งท่ี 1 หนา้ ทช่ี าวพทุ ธ เวลา 5 ชวั่ โมง8. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ นกั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี นขัน้ ที่ 1 ทบทวนความร้เู ดิม นกั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรียนขั้นท่ี 2 แสวงหาความรใู้ หม่ 1. ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 6 คน คละกันตามความสามารถ ให้แต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายว่าหน้าท่ีชาวพุทธท่ีดี มีอะไรบ้าง แล้วครูสุ่มเรียกนักเรียน 2-3 กลุ่ม ออกมานาเสนอผลการอภิปรายท่ีหน้าชั้นเรียนแล้วให้กลุม่ อื่นออกมานาเสนอเพ่ิมเติมในส่วนทแ่ี ตกต่างกนั ออกไป โดยนกั เรยี นท่ีเปน็ ผู้ฟงั สรุปสาระสาคญั 2. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม แบ่งกลุ่มย่อย กลุ่มละ 3 คน แล้วให้แต่ละกลุ่มศึกษาความรู้ตามหัวข้อที่กาหนดให้ ดังน้ี - กลมุ่ ท่ี 1 ศึกษาความรูเ้ ร่อื ง การเป็นชาวพุทธที่ดีตามหลกั ทิศ 6 และการรักษาศลี 8 - กลุ่มที่ 2 ศึกษาความรู้เร่ืองการเข้าร่วมกิจกรรมและเป็นสมาชิกองค์กรชาวพุทธ การปลูกจิตสานึกและการมีส่วนร่วมในสังคมพุทธ และการเข้าร่วมพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาโดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาความรู้ในเรื่องท่ีกาหนดจากหนังสือเรียน หรือหนังสือค้นคว้าเพิ่มเติมตามความเหมาะสม แล้วร่วมกันอภิปรายและสรปุ สาระสาคัญข้นั ที่ 3 ศกึ ษาทาความเข้าใจข้อมลู /ความรู้ใหม่ และเชือ่ มโยงความรู้ใหมก่ บั ความรเู้ ดิม 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มนาความรู้ที่ได้จากการศึกษามาเล่าให้เพื่อนในกลุ่มฟัง แล้วร่วมกันอภิปรายสรุปสาระสาคัญทไี่ ดจ้ ากการศกึ ษาเป็นองค์ความรูข้ องกลุ่ม แลว้ สง่ ตวั แทนออกมานาเสนอผลงานที่หน้าชัน้ เรียน 4. นักเรียนกลุ่มเดิมร่วมกันศึกษาความรู้ เรื่อง การแสดงตนเป็นพุทธมามกะ จากหนังสือเรียน หรือหนังสือค้นคว้าเพิ่มเติมตามความเหมาะสม แล้วฝึกปฏิบัติการแสดงตนเป็นพุทธมามกะ โดยฝึกการกล่าว คาประกาศตนเปน็ พุทธมามกะ และปฏบิ ตั ิตามข้ันตอนทีถ่ ูกตอ้ งโดยให้สมาชิกในกลมุ่ ชว่ ยกันตรวจสอบความถูกตอ้ งหากพบขอ้ บกพร่องใหช้ ว่ ยกนั แกไ้ ขใหถ้ ูกตอ้ งขนั้ ท่ี 4 แลกเปลีย่ นความรูค้ วามเข้าใจกับกล่มุ 1. ครูสุ่มเรียกนักเรียน 2-3 กลุ่ม ออกมาสาธิตการแสดงตนเป็นพุทธมามกะให้เพื่อนดูท่ีหน้าช้ันเรียนโดยครแู ละเพ่อื นนกั เรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง และให้ข้อเสนอแนะเพ่ือให้นักเรียนนาไป ปฏบิ ัตไิ ด้อย่างถูกต้อง จากนัน้ ใหน้ ักเรยี นทาใบงานที่ 1.1 เรือ่ ง การแสดงตนเป็นพทุ ธมามกะเสร็จแลว้ นาสง่ ครผู สู้ อน 6. ครูให้นักเรียนศึกษาความรู้เร่ือง การเข้าใจในกิจของพระภิกษุ จากหนังสือเรียน หรือหนังสือค้นคว้าเพ่ิมเติมตามความเหมาะสมขน้ั ที่ 5 สรุปและจดั ระเบยี บความรู้ 7. ครูให้นักเรียนศึกษาเรื่อง คุณสมบัติของทายกและปฏิคาหก จากหนังสือเรียน หรือหนังสือค้นคว้าเพมิ่ เติมตามความเหมาะสม แล้วสรปุ สาระสาคญั จดลงในสมุด 8. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มรว่ มกันอภิปรายว่า การใหท้ ด่ี ี ประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง แล้วครูสมุ่ เรียก
[4]บางกลุ่มออกมานาเสนอผลการอภิปรายที่หน้าช้ันเรียน เพื่อตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของนักเรียน แล้วครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า การให้ที่ดี จะต้องให้แก่ผู้ที่ควรให้ ให้ในส่ิงที่ควรให้ และให้ด้วยเจตนาท่ีบริสุทธ์ิจากนนั้ ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ ความรูเ้ รื่อง คณุ สมบตั ขิ องทายกและปฏคิ าหก 9. ครใู หน้ กั เรยี นแต่ละกลมุ่ ศึกษาความร้เู รอื่ ง หน้าที่และบทบาทของพระภกิ ษใุ นฐานะพระนกั เทศน์พระธรรมทูต พระธรรมจาริก พระวิทยากร พระวปิ สั สนาจารย์ และพระนักพัฒนา จากหนังสือเรียน หรือหนงั สือค้นคว้าเพ่ิมเตมิ ตามความเหมาะสม แล้วครใู ห้นักเรยี นช่วยกันยกตัวอยา่ งพระสงฆ์ที่มีบทบาทหน้าที่ในดา้ นตา่ ง ๆทีน่ ักเรียนรู้จักข้ันท่ี 6 ปฏิบัติและ/หรือแสดงผลงาน 10. นักเรียนแต่ละกลุ่มทาใบงานท่ี 1.2 เรื่อง หน้าท่ีและบทบาทของพระภิกษุในฐานะต่าง ๆ แล้วครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ความรเู้ รอ่ื ง หน้าที่และบทบาทของพระภกิ ษใุ นฐานะต่าง ๆ 11. ครูสุ่มเรียกนักเรียน 2-3 คน เพื่อตอบคาถามว่า หน้าท่ีและบทบาทของอุบาสก อุบาสิกาท่ีมีต่อสังคมไทยในปัจจุบัน มีอะไรบ้าง เพ่ือตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของนักเรียน แล้วครูให้นักเรียนศึกษาเร่ืองหน้าที่และบทบาทของอบุ าสก อุบาสิกาที่มีตอ่ สังคมไทยในปัจจุบนั จากหนังสอื เรยี น หรอื หนังสือค้นคว้าเพม่ิ เติมตามความเหมาะสม 12. นักเรียนทาใบงานที่ 1.3 เร่ือง อุบาสก อุบาสิกา เสร็จแล้วนาส่งครูผู้สอน ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรอ่ื ง หน้าท่แี ละบทบาทของอบุ าสก อุบาสกิ าทม่ี ตี อ่ สังคมไทยในปจั จบุ นั 13. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาความรู้เร่ือง การปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนาของพุทธบริษัทในสังคมไทย จากหนงั สอื เรยี น หรอื หนงั สอื คน้ คว้าเพ่มิ เติม ตามความเหมาะสม แลว้ สรุปสาระสาคญั จดลงในสมุด 14. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสัมมนาในหัวข้อ การปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนาโดยให้ครอบคลุมประเด็นท่ีกาหนดให้ เมื่อนักเรียนร่วมกันสัมมนาเสร็จแล้ว ให้บันทึกข้อมูล จากนั้นนักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอผลงานท่หี นา้ ชนั้ เรียน โดยครแู ละเพอ่ื นนกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นและให้ขอ้ เสนอแนะขน้ั ที่ 7 ประยกุ ต์ใชค้ วามรู้ 15. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เร่ือง การปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนาของพุทธบริษัทในสังคมไทยเรอื่ งที่ 2 มารยาทชาวพทุ ธ เวลา 5 ชัว่ โมงขั้นที่ 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engage) 1. ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 6 คน คละกันตามความสามารถ แล้วให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาเร่ือง การปฏิบัติตนต่อพระภิกษุทางกาย วาจา และใจ ท่ีประกอบด้วยเมตตา จากหนังสือเรียน หรือหนังสือค้นคว้าเพม่ิ เตมิ ตามความเหมาะสม แลว้ สรปุ สาระสาคัญจดลงในสมดุขนั้ ที่ 2 สารวจคน้ หา (Explore) 2. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มวางแผนสาธิตการปฏิสันถารที่เหมาะสมต่อพระภิกษุในโอกาสต่าง ๆ โดยให้นักเรียนกาหนดสถานการณ์เองตามความเหมาะสม แล้วให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาจับสลากลาดับการสาธิต ตามหัวข้อที่กาหนดให้ จากนั้นนักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาสาธิตการปฏิสันถารท่ีเหมาะสมต่อพระภิกษุในโอกาสตา่ ง ๆ โดยใช้เวลาในการสาธติ กลุ่มละประมาณ 3-5 นาที
[5] 3. เมื่อนักเรียนแต่ละกลุ่มทาการสาธิตเสร็จเรียบร้อยแล้ว ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้ที่ได้จากการสาธิตของแต่ละกลุ่ม แล้วครูเน้นย้าให้นักเรียนเห็นความสาคัญของการปฏิบัติต่อพระภิกษุอย่างเหมาะสมจากนัน้ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรเู้ รอื่ ง การปฏิสันถารที่เหมาะสมต่อพระภกิ ษุในโอกาสตา่ ง ๆข้ันที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 4. ครูให้นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างการบาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัว ชุมชน และสังคมโดยครูคอยกระตุ้นให้นกั เรียนทกุ คนมีส่วนรว่ มในการทากจิ กรรม 5. ครูนักเรียนศึกษาความรู้เร่อื ง การบาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัว ชมุ ชน ประเทศชาติ และโลก แลว้ นกั เรียนทาใบงานท่ี 2.1 เรอื่ ง การบาเพญ็ ตนใหเ้ ปน็ ประโยชน์ เสร็จแล้วนาสง่ ครูผ้สู อนขั้นที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Expand) 6. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เร่ือง การบาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัว ชุมชนประเทศชาติ และโลกข้ันท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 7. ครูให้นักเรยี นร่วมกนั วางแผนการปฏบิ ตั ิตนเปน็ ชาวพทุ ธทด่ี ี โดยใหค้ รอบคลมุ พฤตกิ รรม ดังนี้ 1. การปฏบิ ัตติ นเปน็ ชาวพุทธทีด่ ตี ่อพระภกิ ษุ 2. การปฏบิ ตั ิตนเปน็ สมาชกิ ทีด่ ขี องครอบครัวและสังคม 3. การเขา้ รว่ มกิจกรรมและเปน็ สมาชกิ ขององคก์ รชาวพทุ ธ 8. ครูมอบหมายให้นักเรียนไปปฏิบัตติ นเป็นชาวพุทธท่ีดี เป็นเวลา 1-2 เดือน หรือตามความเหมาะสมแลว้ รายงานผลการปฏบิ ัติพรอ้ มหลักฐานต่อครูผ้สู อน (นกั เรียนทาแบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1)9. สื่อการเรยี นรู้ / แหลง่ เรยี นรู้ 9.1 สือ่ การเรียนรู้ 1. หนังสอื เรียน พระพทุ ธศาสนา ม.4-ม.6 2. หนังสอื คน้ ควา้ เพ่ิมเตมิ 3. ใบงานท่ี 1.1 เร่ือง การแสดงตนเปน็ พทุ ธมามกะ 4. ใบงานท่ี 1.2 เรื่อง หนา้ ท่ีและบทบาทของพระภกิ ษใุ นฐานะตา่ ง ๆ 5. ใบงานท่ี 1.3 เรอื่ ง อุบาสก อบุ าสิกา 6. ใบงานท่ี 2.1 เร่อื ง การบาเพญ็ ตนใหเ้ ปน็ ประโยชน์ 9.2 แหลง่ การเรียนรู้ 1. หอ้ งสมดุ 2. หอ้ งจริยธรรม หรือห้องพุทธศาสน์ 3. แหล่งข้อมูลสารสนเทศ buddhist.igetweb.com/index.php?mo=3&art=180831 www.trueplookpanya.com/true/knowledge_detail.php?mul_content
[6]10. การวัดผลและประเมนิ ผลเปา้ หมาย หลักฐานการเรยี นรู้ วิธีวัด เคร่ืองมอื วดั ฯ ประเดน็ /การเรยี นรู้ ชนิ้ งาน/ภาระงาน เกณฑก์ ารให้ 1. ใบงานช า ว พุ ท ธ ที่ ดี พึ ง 1. ใบงานที่ 1.1 เรอ่ื ง 1. ตรวจใบงาน 2. แบบประเมินการ คะแนนป ฏิ บั ติ ต น ต่ อ การแสดงตนเปน็ พทุ ธ 2. สงั เกตพฤติกรรม นาเสนอผลงานพ ร ะ ภิ ก ษุ อ ย่ า ง มามกะ รายบุคคล 3. แบบสังเกต 8 – 10เห ม าะส ม ทั้ งก าย 2. ใบงานที่ 1.2 เรอื่ ง 3. สงั เกตพฤตกิ รรม พฤตกิ รรมรายกลมุ่ 5–7วาจา และใจ โดย หนา้ ทีแ่ ละบทบาทของ กลุม่ 4. แบบสงั เกต 3–4รักษาศีล และปฏิบัติ พระภกิ ษุในฐานะตา่ งๆ ลักษณะอันพงึ ตา่ กวา่ 3ต น ต่ อ ส ม า ชิ ก ใน 3. ใบงานที่ 1.3 เร่ือง ประสงค์ค ร อ บ ค รั ว แ ล ะ ค น อุบาสก อุบาสกิ ารอบข้างตามหลักทิศ 4. ใบงานที่ 2.1 เรือ่ ง6 การบาเพญ็ ตนให้เปน็ ประโยชน์
[7]11. จุดเนน้ ของโรงเรียน การบูรณาการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งและกจิ กรรมสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี นปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง ครู ผู้เรยี น1. ความพอประมาณ พอดีดา้ นเทคโนโลยี พอดดี ้านจิตใจ รู้จัก ใช้เท ค โน โล ยี ม าผ ลิ ตสื่ อ ที่ มี จิ ต ส า นึ ก ท่ี ดี เ อื้ อ อ า ท ร เหมาะสมและสอดคล้องเน้ือหาเป็น ป ระ นี ป ระ น อ ม นึ ก ถึ งป ระ โย ช น์ ประโยชน์ต่อผู้เรียนและพัฒนาจากภูมิ สว่ นรวม/กลมุ่ ปัญญาของผเู้ รียน2. ความมเี หตุผล - ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความ ไม่หยุดน่ิงที่หาหนทางในชีวิต หลุดพ้น ถกู ต้อง สุจริต แมจ้ ะตกอยู่ในภาวะขาด จากความทุกข์ยาก (การค้นหาคาตอบ แคลน ในการดารงชีวิต เพอ่ื ใหห้ ลุดพ้นจากความไมร่ ู)้ - ปฏิบตั ิตนในแนวทางท่ีดี ลด เลิก ส่ิง ยั่วกิเลสให้หมดส้ินไป ไม่ก่อความชวั่ ให้ เป็นเครื่องทาลายตัวเอง ทาลายผู้อ่ืน พยายามเพิม่ พนู รักษาความดี ที่มีอยูใ่ ห้ งอกงามสมบรู ณย์ ่ิงข้นึ3. มีภมู ิคุมกนั ในตัวท่ีดี ภูมปิ ญั ญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ภูมปิ ญั ญา : มคี วามรู้ รอบคอบ และ ระมดั ระวงั ระมัดระวัง สรา้ งสรรค์ ภูมธิ รรม : ซอื่ สัตย์ สุจริต ขยนั อดทน ภูมิธรรม : ซ่อื สัตย์ สุจริต ขยนั อดทน ตรงต่อเวลาและแบง่ ปัน ตรงต่อเวลา เสียสละและ แบ่งปนั4. เงื่อนไขความรู้ ความรอบรู้ เร่ือง งานและกาลัง ความรอบรู้ เร่ือง งานและกาลัง ท่ีเกี่ยวข้องรอบด้าน ความรอบคอบท่ี กรณีที่เกิดงาน ปริมาณที่เก่ียวข้อง การ จะนาความรู้เหล่าน้ันมาพิจารณาให้ คานวณสูตรท่ีต้องใช้ สามารถนาความรู้ เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผน เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน การดาเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สามารถประยกุ ต์ใช้ในชีวิตประจาวัน ให้กบั ผ้เู รยี น5. เง่อื นไขคุณธรรม มีความตระหนักใน คุณธรรม มี มีความตระหนักใน คุณธรรม มี ความซ่อื สตั ย์สจุ รติ และมีความอดทน ความซ่ือสัตย์สุจริตและมีความอดทน มี ความเพียร ใช้สติปัญญาในการดาเนิน มีความเพยี ร ใชส้ ติปัญญาในการ ชีวิต ดาเนินชีวิต
[8]กิจกรรม ครู ผู้เรยี นสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี นงานและกาลัง งานและกาลัง งานและกาลงั- การเกดิ งานแต่ละกรณี - ปัจจัยท่ีมีผลต่อการเกิด - ระบปุ จั จยั ทมี่ ีผลต่อการเกดิ งาน- การเกิดกาลัง การได้เปรียบ งาน - ทดลองเปรยี บเทียบการเกิดงานและเชงิ กล - ปริมาณที่เก่ียวข้องกับ กาลัง พรอ้ มคานวณปรมิ าณทเ่ี กี่ยวข้อง การเกิดงานและกาลังงานและกาลัง งานและกาลงั งานและกาลัง- การเกดิ งานแต่ละกรณี - ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิด - ระบุปัจจยั ที่มีผลตอ่ การเกดิ งาน- การเกิดกาลัง การได้เปรียบ งาน - ทดลองเปรียบเทยี บการเกดิ งานและเชิงกล - ปริมาณที่เกี่ยวข้องกับ กาลงั พรอ้ มคานวณปรมิ าณที่เกยี่ วข้อง การเกิดงานและกาลัง ลงช่ือ..................................................ผสู้ อน (นายนกิ ร ไชยบตุ ร) ลงชื่อ...................................................ผนู้ เิ ทศ (............................................)
[9] แบบทดสอบกอ่ นเรียน-หลังเรียน หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1คาชแี้ จง ใหน้ กั เรียนเลอื กคาตอบท่ถี ูกต้องท่ีสดุ เพยี งขอ้ เดียว1. ศักดาเปน็ บคุ คลทย่ี กยอ่ งให้เกียรติแก่ป่ินฉัตรผเู้ ปน็ ภรรยา 6. การใหท้ านท่ผี ู้ใหม้ ีความยนิ ดีจะให้ ขณะทใ่ี ห้กม็ จี ิตใจเมื่อหารายไดม้ ากจ็ ะมอบให้ปิ่นฉตั รไว้สาหรบั ใช้จ่ายในบา้ น ผอ่ งใสดังนน้ั ปิน่ ฉตั รควรปฏิบตั ิตนต่อศักดาตามหลกั ทศิ 6 ให้ เมือ่ ให้แล้วเบกิ บานใจ ข้อความดงั กล่าวสอดคลอ้ งกับข้อใดสอดคล้องกบั การกระทาของศักดาอย่างไร จงึ จะเหมาะสม ก. ให้ดว้ ยจติ เมตตาก. ขยนั ในงานท้งั ปวง ข. ใหด้ ว้ ยความต้ังใจข. สงเคราะห์ญาตมิ ิตร ค. ให้ดว้ ยเจตนาท่ีบริสทุ ธ์ิค. จดั งานบ้านใหเ้ รียบรอ้ ย ง. ใหด้ ว้ ยความสบายใจง. เกบ็ รกั ษาทรัพยส์ มบัตทิ ี่หามาได้ 7. ข้อใดกลา่ วถงึ พิธีถวายสงั ฆทานไดถ้ ูกต้อง2. การกระทาใด จดั ว่า เป็นสว่ นหนึง่ ของการปกปอ้ งพระสงฆ์ ก. การเลือกถวายสงิ่ ของแด่พระภิกษุผู้ทรงคณุ ธรรมอยา่ งเหมาะสม เทา่ น้ันก. ทาบญุ ตักบาตรเป็นประจา ข. การถวายสิง่ ของแดพ่ ระสงฆโ์ ดยไมเ่ จาะจงบคุ คลข. นิมนตพ์ ระสงฆไ์ ปเจมิ ที่บา้ น ค. การถวายของแห้งแดพ่ ระสงฆ์ค. ถวายเงนิ แดพ่ ระสงฆ์ในเวลาตักบาตร ง. การถวายสิ่งของแด่เจา้ อาวาสง. จัดทาเหรียญรปู พระสงฆ์ทม่ี ีช่ือเสียงเพือ่ 8. ข้อใดกล่าวถึง “เนกขมั มนาร”ี ได้ถูกต้อง สักการบชู า ก. แม่ชีท่ีนงุ่ ขาวห่มขาว ถือศีล 83. พระวิปสั สนาจารย์จะมบี ทบาทสาคัญตอ่ การพัฒนาชุมชน ข. แม่ชีท่ปี ฏิบตั ิธรรมอย่างเคร่งครัดประเภทใด ค. สตรีทีน่ ุ่งขาวห่มขาว ไม่โกนผม ไมโ่ กนคิว้ก. การพัฒนาจิต สมาทานศีล 8ข. การพฒั นาชมุ ชน ง. สตรที ่ีตัดสินใจออกบวชนงุ่ ขาวหม่ ขาว ถือศีลค. การอบรมสง่ั สอนเยาวชน เช่นเดยี วกับพระภิกษุง. การประยุกตพ์ ุทธรรมกบั การดารงชีวิต 9. การแสดงตนเปน็ พุทธมามกะในสมยั พทุ ธกาลน้ัน4. การพฒั นาชมุ ชนให้เจริญกา้ วหน้าในทุกดา้ นน้ัน สมาชกิ ใน เพอ่ื วตั ถุประสงคใ์ นขอ้ ใดชมุ ชนจะตอ้ งปฏิบัตติ นตามหลกั ธรรมใด ก. เพือ่ ประกาศให้คนรู้ว่าเปน็ ชาวพุทธต่อไปนี้ ข. เพอ่ื แสดงความศรทั ธาตอ่ พระพุทธศาสนาก. กลุ จิรัฏฐติ ธิ รรม 4 ค. เพอ่ื แสดงว่าไดป้ ฏบิ ัตติ นตามหลักธรรมของข. สาราณียธรรม 6 พระพทุ ธศาสนาค. ทศพธิ ราชธรรม ง. เพ่ือแสดงใหร้ วู้ า่ ละลัทธิเดมิ และรบั เอาง. สงั คหวัตถุ 4 พระพุทธศาสนาไวเ้ ปน็ ทน่ี ับถอื5. การปฏบิ ตั ติ นเปน็ ชาวพุทธท่ดี ีต่ออปุ ริมทิศ หมายถงึ การ 10. หลกั การสาคญั ของการจัดพิธกี รรมทางปฏบิ ตั ิตนตอ่ บุคคลใด พระพุทธศาสนา คืออะไรก. บิดามารดา ก. ประหยดั มากทีส่ ดุ ประโยชนส์ งู สดุข. ครูอาจารย์ ข. เป็นไปตามหลักศาสนา ประชาชนมสี ่วนร่วมค. พระสงฆ์ ค. ถกู ต้องตามหลกั ศาสนา ประหยัด ประโยชน์ท่ีง. มติ ร ได้รบั ไม่ขดั กบั ประเพณีนยิ ม ง. ประโยชนต์ ่อส่วนรวม เป็นไปตามหลกั ศาสนา
[10]11. เมื่อเรานั่งรถผ่านโบสถ์ วหิ าร ควรทาความเคารพ สอดคล้องกบั หลักประชาธิปไตย อยา่ งไร ก. กราบ 1 ครั้ง 14. ปฏิคาหก หมายถงึ บคุ คลในข้อใด ข. กราบ 3 ครั้ง ก. พระสงฆ์ ค. ประนมมือไหว้ 1 ครั้ง ข. ผรู้ บั ทาน ง. คอ้ มศีรษะแสดงความเคารพ 1 ครั้ง ค. ผู้ใหท้ าน ง. ผู้รูผ้ ูเ้ บิกบาน12. คาพังเพยที่กลา่ ววา่ “เป็นธรรมเนียมไทยแทแ้ ตโ่ บราณ ใครมา 15. ปัจจบุ ันน้ีมพี ระสงฆไ์ ทยเดนิ ทางไปเผยแพร่ พระพทุ ธศาสนายงั ประเทศตา่ ง ๆ ท่ัวโลก กลา่ วไดว้ ่าทา่ นถึงเรือนชานต้องตอ้ นรับ” เป็นขอ้ ความที่เกยี่ วขอ้ งกับขอ้ ใด ปฏบิ ตั หิ น้าทเ่ี ด่นชดั ที่สุดในข้อใด มากทสี่ ดุ ก. มารยาทไทย ก. พระธรรมจารกิ ข. การปฏิสันถาร ข. พระนักพัฒนา ค. มารยาทชาวพทุ ธ ค. พระธรรมทูต ง. ขนบธรรมเนยี มประเพณีไทย ง. พระนกั เทศน์13. องค์ประกอบสาคัญของการกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ คือขอ้ ใด ก. เขา่ ทงั้ 2 มือท้ัง 2 หนา้ ผาก 1 ข. มอื ท้ัง 2 แขนทั้ง 2 หนา้ ผาก 1 ค. มอื ท้งั 2 แขนทั้ง 2 ศีรษะ 1 ง. เข่าทัง้ 2 แขนท้ัง 2 ศีรษะ 1เฉลย 1. ง 2. ก 3. ก 4. ง 5. ค 6. ค 7. ข 8. ค 9. ง 10.ค 11. ค 12. ข 13.ก 14.ข 15 ค
[11] หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 ชือ่ หน่วย พทุ ธประวตั ิ พระสาวก ศาสนกิ ชนตัวอย่าง และชาดกรหสั ส 31101 วชิ า สงั คมศกึ ษาพนื้ ฐาน กล่มุ สาระการเรยี นรู้สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรมช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 10 ช่ัวโมงชอ่ื ผู้สอน นายนกิ ร ไชยบตุ ร โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 ***************************************************1. สาระการเรียนรู้ / ตวั ช้ีวดัส 1.1 ม.4-6/2 วิเคราะห์พระพุทธเจ้าในฐานะเป็นมนุษย์ผู้ฝึกตนได้อย่างสูงสุดในการตรัสรู้ การก่อต้ังวิธกี ารสอน และการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนา หรอื วเิ คราะหป์ ระวตั ศิ าสดาทตี่ นนับถอื ตามทก่ี าหนดม.4-6/14 วิเคราะห์ข้อคิดและแบบอย่างการดาเนินชีวิตจากประวัติสาวก ชาดก เร่ืองเล่า และศาสนิกชนตวั อย่างตามทก่ี าหนด2. สาระสาคญัพระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์ผู้ฝึกตนได้อย่างสูงสุด ตรัสรู้ได้ด้วยตนเอง ทรงก่อต้ัง และเผยแผ่พระพุทธศาสนาและมีวิธีการสอนหลากหลายวิธี การศึกษาประวัติสาวก ชาดก และศาสนิกชนตัวอย่างทาให้ได้แบบอย่างและข้อคิดทีด่ ี เพอ่ื การดาเนนิ ชวี ิต3. สาระการเรยี นรู้3.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง1. พระพทุ ธเจ้าในฐานะเป็นมนษุ ย์ผูฝ้ ึกตนไดอ้ ยา่ งสูงสดุ (การตรัสรู้)2. การกอ่ ตง้ั พระพทุ ธศาสนา วิธกี ารสอน และการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาตามแนวพทุ ธจริยา3. พทุ ธสาวก พทุ ธสาวิกา- พระอานนท์- พระปฏาจาราเถรี- จฬู สภุ ทั ทา- สุมนมาลาการ4. ชาดก- มหาชนกชาดก5. ศาสนิกชนตวั อยา่ ง- พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั- พระโพธิญาณเถร (ชา สภุ ทโฺ ท)- พระพรหมคณุ าภรณ์ (ป.อ. ปยุตโต)- อนาคาริก ธรรมปาละ3.2 สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถ่ิน4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน4.1 ความสามารถในการคิด1. ทักษะการวเิ คราะห์ 2. ทกั ษะการจดั ระเบียบ3. ทักษะการสรุปอ้างองิ 4. ทักษะการประยุกต์ใช้ความรู้
[12] 4.2 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ5. คณุ ลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุ่งม่ันในการทางาน6. หลกั ฐานการเรียนรู้ บทความเชงิ วิเคราะห์ เร่ือง พุทธประวตั ิ พระสาวก ศาสนกิ ชนตัวอยา่ ง และชาดก7. การวัดและประเมนิ ผล 7.1 การประเมนิ กอ่ นเรยี น - ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 เร่อื ง พุทธประวัติ พระสาวก ศาสนกิ ชนตวั อย่างและชาดก 7.2 การประเมนิ ระหว่างการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ตรวจใบงานท่ี 1.1 เรื่อง วิเคราะห์พทุ ธประวตั ิ 2. ตรวจใบงานท่ี 2.1 เรอ่ื ง พระอานนท์ 3. ตรวจใบงานที่ 2.2 เรอื่ ง พระปฏาจาราเถรี 4. ตรวจใบงานท่ี 2.3 เรอื่ ง นางจูฬสภุ ทั ทา 5. ตรวจใบงานท่ี 2.4 เรอ่ื ง นายสมุ นมาลาการ 6. ตรวจใบงานที่ 3.1 เรอื่ ง พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยูห่ ัว 7. ตรวจใบงานที่ 3.2 เรื่อง พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) 8. ตรวจใบงานท่ี 3.3 เรื่อง พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตโต) 9. ตรวจใบงานท่ี 3.4 เรื่อง อนาคาริก ธรรมปาละ 10. ตรวจแบบบนั ทกึ การอ่าน 11. ประเมนิ การนาเสนอผลงาน 12. สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล 13. สังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ 14. สงั เกตคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 7.3 การประเมนิ หลงั เรียน - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 2 เรอื่ ง พทุ ธประวัติ พระสาวก ศาสนิกชนตัวอย่างและชาดก 7.4 การประเมินช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) - ตรวจบทความเชิงวเิ คราะห์ เรอ่ื ง พุทธประวัติ พระสาวก ศาสนกิ ชนตัวอยา่ ง และชาดก
[13]เร่อื งท่ี 1 พุทธประวัตแิ ละชาดก เวลา 1-6 ช่ัวโมง8. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ นกั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรอ่ื ง พทุ ธประวตั ิ พระสาวก ศาสนกิ ชนตวั อย่างและชาดกนักเรยี นสวดมนตบ์ ชู าพระรตั นตรยั และทาสมาธกิ อ่ นเรียนทกุ ชว่ั โมงขัน้ ที่ 1 ทบทวนความรูเ้ ดมิ ครใู ห้นกั เรียนผลดั กนั เล่าความรเู้ ดมิ เรอ่ื ง พทุ ธประวตั ิ ตั้งแตป่ ระสตู ิ ตรัสรู้ ปรนิ พิ พาน และการเผยแผ่พระพุทธศาสนาขน้ั ที่ 2 แสวงหาความรู้ใหม่ ครูแบง่ นักเรียนเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ 4 คน คละกนั ตามความสามารถ แล้วใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มแสวงหาความรู้ เรอ่ื ง พุทธประวัติ เก่ยี วกับการบรหิ ารและธารงรกั ษาพระพทุ ธศาสนา ความเป็นมนษุ ยผ์ ู้ฝึกตนได้อยา่ งสงู สดุ ของพระพุทธเจ้า และชาดกเรือ่ ง มหาชนกชาดกขนั้ ที่ 3 ศกึ ษาทาความเขา้ ใจขอ้ มูล/ความรใู้ หม่ และเชือ่ มโยงความรู้ใหม่กบั ความรูเ้ ดิม สมาชกิ แต่ละกลมุ่ นาความรู้ทคี่ ้นคว้ามาอภิปรายประเด็นสาคญั ต่อไปนี้ - พระพทุ ธศาสนามหี ลกั การบรหิ ารตามหลกั การประชาธปิ ไตย - พระพุทธเจา้ มวี ัตถปุ ระสงคใ์ นการบัญญตั ิพระวินยั - พระราชกรณยี กจิ ของพระพุทธเจ้าท่แี สดงว่าเปน็ ผู้ฝกึ ตนได้ - ขอ้ คิดจากการศกึ ษามหาชนกชาดกขั้นที่ 4 แลกเปลยี่ นความรู้ความเข้าใจกบั กลมุ่ สมาชิกแตล่ ะกลุ่มชว่ ยกนั ทาใบงานที่ 1.1 เรอ่ื ง วเิ คราะห์พุทธประวตั ิตวั แทนกลมุ่ ออกมานาเสนอผลงานที่หน้าชั้นเรียนสมาชกิ แต่ละกลมุ่ วางแผนปฏบิ ตั ติ นตามแบบคณุ ธรรมอันเปน็ แบบอย่างของพระพทุ ธเจ้าขัน้ ที่ 5 สรุปและจดั ระเบียบความรู้ สมาชกิ แตล่ ะกลมุ่ ปฏิบัติตนตามแผนซึ่งไดก้ าหนดไว้ และบนั ทกึ ผลการปฏิบตั ิตนส่งครูผ้สู อนขั้นท่ี 6 ปฏบิ ตั แิ ละ/หรือแสดงผลงาน ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ พทุ ธประวัติ การตรสั รู้ การกอ่ ตง้ั พระพุทธศาสนา วธิ กี ารสอน และการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และข้อคดิ ทไี่ ดจ้ ากมหาชนกชาดกข้นั ที่ 7 ประยุกต์ใชค้ วามรู้ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปใบงานครูเสนอแนะจากกจิ กรรมทนี่ กั เรยี นได้เรียนรู้
[14]เรอื่ งที่ 2 ประวัตพิ ทุ ธสาวก พทุ ธสาวิกา เวลา 1-2 ชวั่ โมง8. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ข้ันที่ 1 ทบทวนความรเู้ ดมิ นกั เรยี นผลดั กนั เลา่ ความประทบั ใจหรอื ชน่ื ชมในพทุ ธสาวก พทุ ธสาวกิ า พรอ้ มใหเ้ หตผุ ลประกอบ โดยครูอธบิ ายเสริมเพ่มิ เตมิขน้ั ท่ี 2 แสวงหาความร้ใู หม่ นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ (กลมุ่ เดมิ จากเรอ่ื งท่ี 1) กาหนดหมายเลขประจาตวั ตง้ั แต่หมายเลข 1-4 ตามลาดับเรยี กกลุ่มนวี้ า่ กลุ่มบา้ นขัน้ ท่ี 3 ศึกษาทาความเขา้ ใจขอ้ มูล/ความรู้ใหม่ และเช่ือมโยงความรู้ใหมก่ บั ความรเู้ ดมิ สมาชกิ กล่มุ บา้ นแยกยา้ ยกนั ไปหากลมุ่ ใหม่ทมี่ หี มายเลขเดยี วกนั เรยี กกลุ่มนว้ี า่ กลุ่มผเู้ ชย่ี วชาญ แลว้ ให้กลุม่ ผเู้ ชย่ี วชาญศึกษาความรู้ และทาใบงานรว่ มกนั ดังนี้ - หมายเลข 1 ศกึ ษาความรเู้ ร่อื ง พระอานนท์ และทาใบงานท่ี 2.1 เรือ่ ง พระอานนท์ - หมายเลข 2 ศึกษาความรเู้ รื่อง พระปฏาจาราเถรี และทาใบงานที่ 2.2 เร่อื ง พระปฏาจาราเถรี - หมายเลข 3 ศกึ ษาความรเู้ รอ่ื ง นางจฬู สุภทั ทา และทาใบงานท่ี 2.3 เร่ือง นางจูฬสุภัททา - หมายเลข 4 ศึกษาความรเู้ รอ่ื ง นายสุมนมาลาการ และทาใบงานท่ี 2.4 เรอ่ื ง นายสุมนมาลาการขน้ั ท่ี 4 แลกเปลย่ี นความรคู้ วามเข้าใจกบั กลมุ่ สมาชิกกลมุ่ ผู้เชี่ยวชาญแยกยา้ ยกันกลับเข้ากลุ่มเดิมหรือกลุ่มบา้ น สมาชกิ แต่ละหมายเลขผลัดกันอธบิ ายความรแู้ ละผลงานทีต่ นรบั ผดิ ชอบครสู มุ่ นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอผลงานที่หนา้ ชั้นเรยี นสมาชกิ แต่ละกลุ่มช่วยกนั เสนอแนะแนวทางการนาคณุ ธรรมอันเป็นแบบอย่างของพทุ ธสาวิกาไปปฏิบตั สิ มาชกิ ในกลุม่ ผลัดกันเล่าผลงานการปฏิบัตติ นตามหลักคณุ ธรรมของพุทธสาวก พุทธสาวกิ า ในชั่วโมงเรยี นต่อไปขน้ั ที่ 5 สรปุ และจดั ระเบยี บความรู้ ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ คณุ ธรรมอนั เป็นแบบอย่างของพทุ ธสาวก พทุ ธสาวิกาขน้ั ที่ 6 ปฏบิ ตั แิ ละ/หรอื แสดงผลงาน ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรปุ ประเด็นสาคัญของเร่ืองที่ศึกษาจากบทเรยี นขั้นท่ี 7 ประยกุ ต์ใช้ความรู้ นกั เรยี นทาใบงานตามทค่ี รกู าหนด
[15]เร่อื งที่ 3 ศาสนกิ ชนตวั อยา่ ง เวลา 1-2ชั่วโมง8. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ข้นั ที่ 1 ทบทวนความรู้เดิม ครูให้นักเรียนกลุ่มเดิม (จากเรื่องท่ี 1) แข่งขันกันตอบคาถามเก่ียวกับประวัติและคุณธรรมอันเป็นแบบอย่างของพระอานนท์ พระปฏาจาราเถรี นางจูฬสุภัททา และนายสมุ นมาลาการสมาชิกแต่ละกลุ่มผลัดกันเล่าการปฏิบัติตนตามคุณธรรมอันเป็นแบบอย่างของพุทธสาวก พุทธสาวิกา และผลที่ได้รบั แลว้ ส่งตัวแทนกล่มุ ออกมานาเสนอผลงานทหี่ นา้ ชน้ั เรยี นขัน้ ที่ 2 แสวงหาความรใู้ หม่ นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันแสวงหาความรเู้ ร่ือง ศาสนกิ ชนตวั อยา่ ง ดงั น้ี - พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจ้าอย่หู วั - พระโพธญิ าณเถร (ชา สุภทฺโท) - พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตโต) - อนาคาริก ธรรมปาละข้ันท่ี 3 ศกึ ษาทาความเขา้ ใจขอ้ มลู /ความรู้ใหม่ และเชอื่ มโยงความรู้ใหม่กบั ความรู้เดิม สมาชกิ แตล่ ะคนในกลุม่ เลอื กทาใบงานเกีย่ วกับศาสนกิ ชนตัวอยา่ ง คนละ 1 ทา่ น ดงั น้ี หมายเลข 1 ทาใบงานที่ 3.1 เรื่อง พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจา้ อย่หู ัว หมายเลข 2 ทาใบงานที่ 3.2 เรือ่ ง พระโพธญิ าณเถร (ชา สภุ ทโฺ ท) หมายเลข 3 ทาใบงานที่ 3.3 เร่อื ง พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยตุ โต) หมายเลข 4 ทาใบงานท่ี 3.4 เร่ือง อนาคารกิ ธรรมปาละขั้นท่ี 4 แลกเปลยี่ นความรู้ความเข้าใจกบั กลมุ่ สมาชกิ แต่ละหมายเลขในกลุ่มผลดั กันอธบิ ายความรแู้ ละผลงานในใบงานทต่ี นรบั ผิดชอบ ผลดั กนั เสนอแนะและซกั ถามขอ้ สงสยัขน้ั ท่ี 5 สรุปและจดั ระเบยี บความรู้ สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันสรุปองค์ความรู้เกี่ยวกับคุณธรรมอันเป็นแบบสาคัญของศาสนิกชนตัวอย่าง และการนาไปประยุกต์ใช้ขน้ั ท่ี 6 ปฏบิ ตั ิและ/หรือแสดงผลงาน ตวั แทนกลมุ่ ออกมานาเสนอผลงานทหี่ นา้ ชัน้ เรียนขน้ั ท่ี 7 ประยุกตใ์ ชค้ วามรู้ ครูมอบหมายให้สมาชิกแต่ละคนได้เลือกนาคุณธรรมอันเป็นแบบอย่างของศาสนิกชนตัวอย่างไปประยุกต์ปฏบิ ัติครมู อบหมายให้นกั เรยี นแต่ละกลุม่ ชว่ ยกนั เขียนบทความเชงิ วเิ คราะห์ เรื่อง พทุ ธประวัติ พระสาวก ศาสนิกชนตวั อยา่ ง และชาดก โดยให้ครอบคลุมประเด็นตามที่กาหนด
[16] นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี น หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 เร่ือง พทุ ธประวตั ิ พระสาวก ศาสนกิ ชนตัวอย่างและชาดก9. สอื่ /แหลง่ การเรียนรู้ 9.1 ส่ือการเรียนรู้ 1. หนงั สือเรยี น พระพุทธศาสนา ม.6 2. หนงั สอื คน้ ควา้ เพ่มิ เตมิ (1) เทพวิสุทธญิ าณ, พระ (อบุ ล นนฺทโก ป.ธ.9). (2546). พทุ ธประวตั สิ งั เขปและศาสนพธิ ีสังเขป.กรงุ เทพมหานคร : มหามกฏุ ราชวทิ ยาลัย. (2) เสฐยี ร พนั ธรังสี. (2553). บางแง่มมุ เกย่ี วกบั พระพุทธองค.์ กรงุ เทพมหานคร : หอรตั นชัยการพิมพ์. (3) เสฐียร พนั ธรงั สี. (2541). พุทธสาวก พทุ ธสาวิกา. กรุงเทพมหานคร : มหาจฬุ าลงกรณ์ราชวทิ ยาลัย. (4) เสฐียร พนั ธรังส.ี (2544). พุทธสาวก พุทธสาวกิ า : ประมวลประวัตพิ ระเถระ พระเถรีสมยัพุทธกาล. กรงุ เทพมหานคร : ธรรมสภา. (5) ดนัย ไชยโยธา. (2548). พระมหากษตั ริย์กบั พระพุทธศาสนาในประวัติศาสตร.์กรงุ เทพมหานคร โอเดียนสโตร.์ (6) ธรรมสภา. (มปป.). ชา สุภทฺโท. กรงุ เทพมหานคร : ธรรมสภา. (7) บุญมี แทน่ แกว้ . (2551). ประวัติและผลงานนักจรยิ ธรรมไทย. กรงุ เทพมหานคร : โอเดียนสโตร.์ (8) สนุ ทร พลามินทร์ และชุติมา ธนะปรุ ะ. (2539). นานาทัศนะเก่ียวกับพระธรรมปฎิ ก(ประยุทธป์ ยตุ โฺ ต). กรุงเทพมหานคร : มลู นธิ ิพทุ ธธรรม. 3) ใบงานที่ 1.1 เรือ่ ง วเิ คราะห์พุทธประวัติ 4) ใบงานที่ 2.1 เร่อื ง พระอานนท์ 5) ใบงานท่ี 2.2 เรื่อง พระปฏาจาราเถรี 6) ใบงานที่ 2.3 เรื่อง นางจฬู สุภัททา 7) ใบงานท่ี 2.4 เร่อื ง นายสุมนมาลาการ 8) ใบงานท่ี 3.1 เรื่อง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจา้ อยู่หัว 9) ใบงานที่ 3.2 เร่ือง พระโพธญิ าณเถร (ชา สุภทโฺ ท) 10) ใบงานท่ี 3.3 เรือ่ ง พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยตุ โต) 11) ใบงานท่ี 3.4 เรอ่ื ง อนาคารกิ ธรรมปาละ 9.2 แหล่งการเรียนรู้ 1. ห้องสมุด 2. แหล่งข้อมลู สารสนเทศ http://th.wikipedia.org/wiki/พทุ ธประวตั ิ
[17]http://th.wikipedia.org/wiki/พระมหาชนกhttp://www.larnbuddhism.com/puttaprawat/http://www.larnbuddhism.com/buddha/http://th.wikipedia.org/wiki/พระอานนท์http://www.dharmathai.org.sawok/sawok09.phphttp://www.dharma-gateway.com/bhikunee/pra-pata-jara.htmhttp://www.palungjit.com/tripitaka/default.phpMcat=4300055http://th.wikipedia.org/wiki/พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัวhttp://th.wikipedia.org/wiki/พระโพธิญาณเถร_(ชา_สุภทโฺ ท)http://th.wikipedia.org/wiki/พระพรหมคณุ าภรณ_์ (ประยุทธ_์ ปยตุ โฺ ต)http://th.wikipedia.org/wiki/อนาคาริก_ธรรมปาละ
[18]10. การวัดผลและประเมินผล รายการประเมนิ คาอธบิ ายระดบั คณุ ภาพ / ระดบั คะแนน4. การวเิ คราะห์ข้อคิด ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1)ทไี่ ดจ้ ากมหาชนก วเิ คราะห์ขอ้ คดิ สาคัญท่ีชาดก ไดจ้ ากมหาชนกชาดก วเิ คราะห์ขอ้ คิดสาคัญที่ วเิ คราะห์ขอ้ คดิ สาคัญ วิเคราะหข์ ้อคดิ สาคญั ไดอ้ ย่างมเี หตุผล ที่ได้จากมหาชนก5. การเสนอแนวทาง ถกู ต้อง 4 ข้อ ได้จากมหาชนกชาดก ทีไ่ ดจ้ ากมหาชนก ชาดกการนาคณุ ธรรมอนั ไดอ้ ยา่ งมเี หตุผลเป็นแบบอยา่ งของ เสนอแนวทางการนา ได้อย่างมีเหตผุ ล ชาดก ถูกต้อง 1 ข้อพระพทุ ธเจ้า พุทธ- คุณธรรมอันเป็นสาวก พุทธสาวิกา ศา แบบอยา่ งของ ถูกต้อง 3 ขอ้ ไดอ้ ย่างมเี หตผุ ล เสนอแนวทางการนาสนกิ ชนตวั อยา่ ง และ พระพุทธเจา้ พุทธ คณุ ธรรมอนั เปน็ชาดกไปประยุกต์ สาวก พุทธสาวกิ า ศา ถกู ตอ้ ง 2 ข้อ แบบอย่างของปฏิบตั ิ สนิกชนตวั อย่าง และ พระพทุ ธเจา้ พุทธ ชาดกไปประยกุ ต์ เสนอแนวทางการนา เสนอแนวทางการนา สาวก พทุ ธสาวิกา ศา ปฏิบัตไิ ด้ สนิกชนตวั อย่าง และ 4 แนวทาง คณุ ธรรมอันเปน็ คุณธรรมอนั เป็น ชาดกไปประยกุ ต์ ปฏิบตั ิได้ 1 แนวทาง แบบอยา่ งของ แบบอยา่ งของ พระพทุ ธเจ้า พุทธ พระพุทธเจา้ พทุ ธ สาวก พทุ ธสาวกิ า ศา สาวก พทุ ธสาวิกา ศา สนกิ ชนตวั อยา่ ง และ สนิกชนตวั อย่าง และ ชาดกไปประยุกต์ ชาดกไปประยกุ ต์ ปฏบิ ัตไิ ด้ ปฏบิ ตั ไิ ด้ 2 แนวทาง 3 แนวทางเกณฑ์การตดั สินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ากว่า 10 ปรับปรุง
[19]11. จุดเน้นของโรงเรียน การบูรณาการปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งและกิจกรรมสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียนปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ครู ผู้เรยี น6. ความพอประมาณ พอดีดา้ นเทคโนโลยี พอดดี า้ นจิตใจ รู้จัก ใช้เท ค โน โล ยีม าผ ลิ ตสื่ อ ที่ มี จิ ต ส า นึ ก ท่ี ดี เ อ้ื อ อ า ท ร เหมาะสมและสอดคล้องเน้ือหาเป็น ป ระ นี ป ระ น อ ม นึ ก ถึ งป ระ โย ช น์ ประโยชน์ต่อผู้เรียนและพัฒนาจากภูมิ สว่ นรวม/กลมุ่ ปัญญาของผูเ้ รยี น7. ความมีเหตุผล - ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความ ไม่หยุดนิ่งที่หาหนทางในชีวิต หลุดพ้น ถกู ต้อง สุจริต แม้จะตกอยใู่ นภาวะขาด จากความทุกข์ยาก (การค้นหาคาตอบ แคลน ในการดารงชวี ิต เพ่ือใหห้ ลุดพ้นจากความไมร่ )ู้ - ปฏิบตั ิตนในแนวทางที่ดี ลด เลิก สิ่ง ยว่ั กิเลสให้หมดส้ินไป ไม่ก่อความชั่วให้ เป็นเคร่ืองทาลายตัวเอง ทาลายผู้อ่ืน พยายามเพิม่ พูนรักษาความดี ทีม่ ีอยู่ให้ งอกงามสมบรู ณย์ ิ่งข้นึ8. มีภูมิคุมกันในตัวท่ดี ี ภูมิปัญญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ภูมปิ ญั ญา : มคี วามรู้ รอบคอบ และ ระมดั ระวงั ระมดั ระวงั สร้างสรรค์ ภูมิธรรม : ซอ่ื สตั ย์ สจุ ริต ขยนั อดทน ภมู ธิ รรม : ซอ่ื สัตย์ สุจริต ขยันอดทน ตรงตอ่ เวลาและแบง่ ปัน ตรงต่อเวลา เสียสละและ แบง่ ปัน9. เงอื่ นไขความรู้ ความรอบรู้ เร่ือง งานและกาลัง ความรอบรู้ เรื่อง งานและกาลัง ท่ีเก่ียวข้องรอบด้าน ความรอบคอบที่ กรณีที่เกิดงาน ปริมาณที่เก่ียวข้อง การ จะนาความรู้เหล่าน้ันมาพิจารณาให้ คานวณสูตรท่ีต้องใช้ สามารถนาความรู้ เชื่อมโยงกัน เพ่ือประกอบการวางแผน เหล่านั้นมาพิจารณาให้เช่ือมโยงกัน การดาเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สามารถประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวัน ให้กับผู้เรียน10.เงอื่ นไขคณุ ธรรม มคี วามตระหนักใน คณุ ธรรม มี มีความตระหนักใน คุณธรรม มี ความซ่อื สัตย์สจุ ริตและมีความอดทน ความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มี ความเพียร ใช้สติปัญญาในการดาเนิน มีความเพยี ร ใชส้ ติปัญญาในการ ชวี ิต ดาเนินชวี ิต
[20]กิจกรรม ครู ผเู้ รยี นสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี นงานและกาลัง งานและกาลัง งานและกาลัง- การเกดิ งานแตล่ ะกรณี - ปัจจัยท่ีมีผลต่อการเกิด - ระบปุ จั จยั ที่มผี ลตอ่ การเกิดงาน- การเกิดกาลัง การได้เปรียบ งาน - ทดลองเปรียบเทียบการเกดิ งานและเชงิ กล - ปริมาณที่เก่ียวข้องกับ กาลัง พร้อมคานวณปรมิ าณทีเ่ กย่ี วขอ้ ง การเกดิ งานและกาลังงานและกาลงั งานและกาลัง งานและกาลัง- การเกดิ งานแตล่ ะกรณี - ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิด - ระบุปจั จยั ที่มผี ลตอ่ การเกิดงาน- การเกิดกาลัง การได้เปรียบ งาน - ทดลองเปรียบเทยี บการเกดิ งานและเชงิ กล - ปริมาณที่เก่ียวข้องกับ กาลงั พรอ้ มคานวณปรมิ าณท่เี ก่ียวขอ้ ง การเกดิ งานและกาลัง ลงชอื่ ..................................................ผ้สู อน (นายนิกร ไชยบุตร) ลงชอ่ื ...................................................ผู้นเิ ทศ (............................................)
[21] แบบทดสอบกอ่ นเรยี น-หลังเรียน หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 2คาชแี้ จง ใหน้ กั เรียนเลือกคาตอบทถ่ี ูกต้องทสี่ ดุ เพียงข้อเดียว1. การทพ่ี ระพุทธเจา้ ทรงบัญญัติปาราชกิ 4 นัน้ เนื่องจาก 5. นกั เรยี นสามารถนาคณุ ธรรมอนั เปน็ แบบอยา่ งของพระสาเหตุใด อานนท์ ในข้อใดไปประยกุ ต์ใช้ในชีวติ ประจาวันไดด้ ีท่สี ุดก. มีผตู้ ิเตียนการกระทาท่ไี ม่เหมาะสมของ ก. การเปน็ พทุ ธอุปัฏฐากพทุ ธศาสนกิ ชน ข. เปน็ ผู้มักนอ้ ยอยา่ งย่งิข. เพ่ือใหพ้ ระสงฆ์ปฏิบัติตนตามกฎระเบียบของ ค. มีความตน่ื ตวั อยตู่ ลอดเวลาพระพุทธศาสนา ง. ใฝร่ ู้ มคี วามเพยี ร รูจ้ กั กาลเทศะค. จานวนพระสงฆ์มากข้นึ จาเป็นต้องมีวินยั สาหรบั 6. คุณธรรมทค่ี วรถือเป็นแบบอย่างของพระปฏาจารเถรคี ือพระสงฆ์ ขอ้ ใดง. มีผู้มาบวชจานวนมากกระทาการทีไ่ มเ่ หมาะสม ก. เป็นผแู้ นะแนวทางการแก้ปัญหาชีวิตได้ดยี ิง่สาหรบั บรรพชิตพงึ กระทา ข. เปน็ ผมู้ กั นอ้ ยและมีสติอยูเ่ สมอ2. ข้อใดจดั เป็นประชาธิปไตยในหม่พู ระสงฆ์ ค. มคี วามเพียร รู้จักท่ีตา่ ท่สี ูงก. การสังคายนาพระวนิ ยั ปิฎก ง. เป็นพทุ ธอปุ ฏั ฐากทีด่ เี ยย่ี มข. การประชุมทาอโุ บสถสังฆกรรม 7. การกระทาในข้อใดของนางจฬู สภุ ัททาทแ่ี สดงวา่ เปน็ค. ภิกษทุ ุกรูปปฏิบัติตนตามศีลของภิกษุ 227 ขอ้ พทุ ธสาวกิ าตัวอยา่ งง. การกาหนดใหพ้ ระสงฆ์ท่ีบวชหลงั ตอ้ งเคารพผู้บวช ก. ยอมรบั โอวาท 10 ข้อ จากบิดามาปฏิบัติก่อน ข. ชักชวนพ่อสามีและผู้อน่ื มานบั ถือ3. ขอ้ ใดสอดคลอ้ งกบั ความเปน็ มนุษย์ผ้ฝู กึ ตนได้อยา่ งสูงสุด พระพุทธศาสนาของพระพทุ ธเจา้ ค. ไมย่ อมรับนับถอื พวกชเี ปลอื ย ซึง่ ตระกลู ของสามีก. บาเพญ็ เพยี รด้วยการทรมานพระวรกายหลายวธิ ี นบั ถอืข. ทรงทาทกุ กรกริ ยิ า ซ่งึ เปน็ การกระทาทท่ี าไดย้ าก ง. ปฏิบตั ิตนตามอนาถบณิ ฑิกเศรษฐีในการนบั ถอืยง่ิ พระพทุ ธศาสนาข. ฝกึ ฝนตนเองได้ ดว้ ยความพากเพยี รดว้ ยสติปญั ญา 8. ขอ้ ใดจัดเปน็ คุณธรรมทคี่ วรถือเปน็ แบบอยา่ งของนางจูฬของตนเอง สภุ ทั ทาค. มกี ารฝกึ ฝนตนเองหลากหลายทง้ั ฝึกจากพระ ก. ใฝ่เรยี นร้อู ยู่ตลอดเวลาอาจารย์ และฝกึ ดว้ ยรปู แบบที่หลากหลาย ข. เป็นบุตรทด่ี ขี องบิดามารดา4. การทีพ่ ระอานนท์ทลู ขอพร 8 ประการทางพระพุทธเจา้ ค. มีความเมตตากรุณาอย่างยง่ิส่งผลใหพ้ ระอานนทม์ คี ณุ ลักษณะสาคญั อยา่ งไร ง. มคี วามเช่อื ม่นั ในตนเองในทางที่ถูกตอ้ งก. มีความรมู้ ากกว่าพระภกิ ษุสงฆร์ ปู อ่ืนข. ไดร้ บั การยกยอ่ งจากพทุ ธบริษัททั้งปวงค. เปน็ ผ้ทู ีม่ ีความสามารถพเิ ศษมากหลายด้านง. เป็นพุทธอุปฏั ฐากทไี่ ม่เหน็ แกล่ าภ อานวยความสะดวกแกพ่ ุทธบริษทั ใฝ่เรยี นรู้
[22]9. การท่นี ายสุมนมาลาการถวายดอกไม้ 8 ทะนานแด่ 13. ผลงานท่ีสาคญั ทส่ี ุดของทา่ นอนาคารกิ ธรรมปาละคือพระพุทธเจ้าแทนทีจ่ ะนาไปถวายพระเจ้าพมิ พสิ ารน้ัน การ ขอ้ ใดกระทาดงั กลา่ วสอดคล้องกับขอ้ ใดมากทสี่ ดุ ก. บูรณะปฏิสงั ขรณ์พทุ ธสถานทส่ี าคญัก. ความซอ่ื สตั ย์ ข. ก่อตัง้ สมาคมเกย่ี วกับพระพุทธศาสนาข. ความกตญั ญู ค. ริเริม่ ตัง้ โรงเรียนสอนพระพทุ ธศาสนาค. ความเคารพ ง. การฟ้ืนฟพู ระพทุ ธศาสนาใหก้ ลับมาเจริญรงุ่ เรืองในง. ความกล้าหาญ ประเทศศรลี งั กา10. พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนา 14. พทุ ธสาวก พทุ ธสาวิกาทา่ นใดทม่ี ีหลกั ในการจดจาพุทธมหาวิทยาลยั สงฆ์ขน้ึ 2 แห่ง แสดงว่า พระองค์ทรงมีคุณธรรม วจนะได้ดที ่สี ดุอันเปน็ แบบอย่างในเรื่องใด ก. พระอานนท์ก. ทรงเห็นความสัมพนั ธ์ระหวา่ งศาสนากบั ศาสนา ข. นางจฬู สภุ ัททาข. ทรงอุปถมั ภ์ทานุบารงุ พระพทุ ธศาสนา ค. พระปฏาจาราเถรีค. ทรงเปน็ อุบาสกที่เคร่งครัด ง. นายสุมนมาลาการง. ทรงมีวิสยั ทศั นก์ ว้างไกล 15. มหาชนกชาดกใหข้ ้อคดิ สาคัญในเร่อื งใด11. แกน่ คาสอนทีห่ ลวงพอ่ ชา วดั หนองปา่ พงเนน้ ย้าในการ ก. ความสงบสุขสอนพทุ ธศาสนกิ ชนอยเู่ สมอ คอื ขอ้ ใด ข. ความรักชาติก. มีสติและละทฐิ มิ านะ ค. ความเมตตากรณุ าข. มีความขยนั หม่นั เพียร ง. ความพากเพยี รพยายามค. มีความซอ่ื สัตย์ง. ใฝเ่ รียนรู้12. พระพรหมคณุ าภรณ์ (ป.อ. ปยตุ โต) ได้ประมวลวธิ ีคิดของพระพุทธศาสนามาไว้ในทีเ่ ดียวกันเรยี กว่า โยนิโสมนสิการ พร้อมท้งั อธบิ ายอย่างละเอียดน้ัน สอดคล้องกบัคณุ ธรรมท่ีควรถอื เป็นแบบอย่างในขอ้ ใดก. มีวนิ ัยในตนเองข. มคี วามเพยี รเป็นเลิศค. ความเป็นเลิศทางวชิ าการง. ฝกึ ฝนตนเองอยา่ งดีเย่ียมเฉลย 1. ง 2. ข 3. ค 4. ง 5. ง 6. ก 7. 8. ข 9. ง 10. ข 11. ก 12. ค 13. ง 14. ก 15. ง
[23] หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 ช่อื หน่วย วฒั นธรรม และการดาเนนิ ชีวติ ในสงั คมรหสั ส 31101 วิชา สงั คมศกึ ษาพน้ื ฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรูส้ ังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรมชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 10 ชว่ั โมงช่ือผู้สอน นายนิกร ไชยบตุ ร โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 ***************************************************1. สาระการเรียนรู้ / ตัวชวี้ ัดส 2.1 ม.4-6/5 วิเคราะห์ความจาเป็นที่จะต้องมีการปรับปรุงเปล่ียนแปลงและอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย และเลือกรับวัฒนธรรมสากล2. สาระสาคัญวัฒนธรรมไทย มีคุณค่าและความสาคัญต่อการดาเนินชีวิตของชาวไทย ซึ่งจะต้องรู้จักการปรับปรุง เปล่ียนแปลงและอนรุ ักษ์วัฒนธรรมไทย และเลอื กรบั วฒั นธรรมสากลอยา่ งเหมาะสม3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง 1. ความหมาย และความสาคญั ของวฒั นธรรม 2. ลกั ษณะและความสาคัญของวฒั นธรรมไทยทสี่ าคญั3. การปรับปรุงเปลยี่ นแปลง และอนุรกั ษว์ ฒั นธรรมไทย4. ความแตกต่างระหว่างวฒั นธรรมไทยกับวัฒนธรรมสากล5. แนวทางการอนรุ ักษ์วฒั นธรรมไทยที่ดีงาม6. วธิ กี ารเลอื กรบั วฒั นธรรมสากล3.2 สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถิน่-4. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น1. ความสามารถในการสอื่ สาร2. ความสามารถในการคดิ- ทกั ษะการคิดวิเคราะห์- ทกั ษะการคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ- ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต- กระบวนการปฏิบัติ- กระบวนการทางานกลมุ่5. คณุ ลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์- มวี นิ ัย- ใฝ่เรียนรู้ - มงุ่ ม่ันในการทางาน6. หลักฐานการเรียนรู้ บทความ เร่ือง การอนุรักษ์วฒั นธรรมไทยและการเลือกรับวฒั นธรรมสากล
[24]7. การวัดและประเมินผล7.1 การประเมนิ ก่อนเรยี น- แบบทดสอบก่อนเรียน หนว่ ยการเรยี นรู้ 2 เรอื่ ง วัฒนธรรมไทย7.2 การประเมนิ ระหว่างการจดั กิจกรรมการเรียนรู้1. ใบงานท่ี 1.1 เรือ่ ง ความสาคญั ของวฒั นธรรม2. ใบงานที่ 1.2 เรอ่ื ง ลักษณะของวฒั นธรรมไทย3 ใบงานที่ 1.3 เร่ือง วฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ ภาคเหนอื4. ใบงานที่ 1.4 เรือ่ ง วฒั นธรรมท้องถ่นิ ภาคกลาง5. ใบงานท่ี 1.5 เรื่อง วัฒนธรรมทอ้ งถิ่นภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ6. ใบงานที่ 1.6 เร่อื ง วฒั นธรรมท้องถิ่นภาคใต้7. ใบงานที่ 2.1 เรอื่ ง วเิ คราะห์วฒั นธรรม8. สังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุม่7.3 การประเมินหลังเรยี น- แบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 เรอื่ ง วฒั นธรรมไทย7.4 การประเมินชิน้ งาน / ภาระงาน (รวบยอด)- ประเมินบทความ เร่อื ง การอนรุ ักษว์ ัฒนธรรมไทยและการเลือกรับวฒั นธรรมสากล8. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้นกั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรอ่ื ง วฒั นธรรมไทย กิจกรรมที่ 1 รกั วฒั นธรรมไทยข้ันที่ 1 ทบทวนความร้เู ดิม เวลา 5 ช่วั โมง- ครูให้นักเรียนแต่ละคนยกตัวอย่างวัฒนธรรมไทยท่ีนักเรียนชอบ พร้อมบอกเหตุผลประกอบครูอธิบายเช่ือมโยงให้นกั เรียนเห็นความสาคัญของวฒั นธรรมไทยครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละกนั ตามความสามารถ คือ เก่ง ปานกลางคอ่ นขา้ งเก่ง ปานกลางคอ่ นขา้ งออ่ น และออ่ น (ครูแบ่งกลุ่มไวล้ ว่ งหนา้ ) นักเรียนแตล่ ะกลุ่มจับคกู่ ันเปน็ 2 คู่ขน้ั ที่ 2 แสวงหาความรู้ใหม่ให้แต่ละคู่ช่วยกันศึกษาความรู้ เรื่อง ความสาคัญของวัฒนธรรมไทย ลักษณะของวัฒนธรรมไทยจากหนังสือเรียน หรือหนงั สือค้นคว้าเพม่ิ เตมิ หรอื แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศตามความเหมาะสม และช่วยกนั ทาใบงาน ดังน้ี- คทู่ ่ี 1 ทาใบงานที่ 1.1 เร่ือง ความสาคญั ของวัฒนธรรมไทย- คู่ท่ี 2 ทาใบงานท่ี 1.2 เรอื่ ง ลักษณะของวฒั นธรรมไทยข้ันที่ 3 ศกึ ษาทาความเข้าใจขอ้ มูล/ความร้ใู หม่ และเชือ่ มโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม- นกั เรยี นแตล่ ะคตู่ รวจสอบความถูกตอ้ งของใบงาน แลว้ ผลัดกนั ถา่ ยทอดความรใู้ หเ้ พอ่ื นอกี คหู่ นึ่งฟัง- นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานาเสนอผลงานต่อชั้นเรียน แล้วครูและนักเรียนช่วยกันสรุปความรู้เกี่ยวกับความหมาย ความสาคัญ ประเภทของวัฒนธรรม และลักษณะของวัฒนธรรมไทย สมาชิกกลุ่มเดิม เรียกว่า กลุ่มบ้าน (HomeGroups) แต่ละกลุม่ เลือกหมายเลขประจาตัว 1-4 ตามลาดับแลว้ แยกย้ายกันไปหาสมาชกิ ที่มีหมายเลขเดยี วกนั ในกล่มุ ใหม่
[25]ขัน้ ท่ี 4 แลกเปลยี่ นความรคู้ วามเข้าใจกับกลมุ่ สมาชิกกลุ่มใหม่ เรียกว่า กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ (Expert Groups) ในแต่ละหมายเลขร่วมกันศึกษาความรู้เรื่อง วัฒนธรรมในภมู ภิ าคต่างๆ ของไทย จากหนงั สือเรียน และแหลง่ การเรยี นรูต้ ่างๆ ตามความเหมาะสม จากนั้นชว่ ยกนั ทาใบงาน ดงั นี้ - สมาชิกหมายเลข 1 ทาใบงานที่ 1.3 เรือ่ ง วัฒนธรรมทอ้ งถิน่ ภาคเหนอื - สมาชิกหมายเลข 2 ทาใบงานที่ 1.4 เร่ือง วฒั นธรรมท้องถิ่นภาคกลาง - สมาชิกหมายเลข 3 ทาใบงานที่ 1.5 เรอื่ ง วัฒนธรรมท้องถิ่นภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื - สมาชิกหมายเลข 4 ทาใบงานท่ี 1.6 เรื่อง วฒั นธรรมท้องถนิ่ ภาคใต้ขัน้ ที่ 5 สรปุ และจดั ระเบยี บความรู้ - สมาชิกกลุ่มผู้เช่ียวชาญแต่ละหมายเลขตรวจสอบความถูกต้องของใบงาน แล้วแยกย้ายกันกลับไปกลุ่มเดิม ซึ่งเรียกว่ากลุ่มบ้าน (Home Groups) แล้วผลัดกันเล่าความรู้ท่ีได้จากการทาใบงานที่ตนทาให้แก่เพื่อนสมาชิกหมายเลขอ่ืนๆ และผลัดกันซักถามจนมีความเขา้ ใจกระจา่ งชดั เจนข้นั ที่ 6 ปฏิบัติและ/หรอื แสดงผลงาน - ครูสุ่มเรียกนักเรียนบางคนในกลุ่มออกมาเฉลยคาตอบของใบงาน แล้วครูและนักเรียนช่วยกันสรุปความรู้เกี่ ยวกับลักษณะสาคัญของวฒั นธรรมไทยในแต่ละภมู ิภาคขั้นที่ 7 ประยุกตใ์ ช้ความรู้ - ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ องคค์ วามรู้กิจกรรมท่ี 2 การอนุรักษว์ ฒั นธรรมไทย เวลา 5 ชวั่ โมงขั้นท่ี 1 ทบทวนความรูเ้ ดมิ - ครูนาภาพเก่ียวกับวัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมสากล มาให้นักเรียนดู แล้วให้ช่วยกันวิเคราะห์ความแตกต่าง และสาเหตขุ องความแตกตา่ งขั้นท่ี 2 แสวงหาความรใู้ หม่ - ครอู ธบิ ายเชื่อมโยงใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจถึงปัจจัยสาคญั ท่ที าใหเ้ กดิ ความแตกต่างทางวฒั นธรรม และการเผยแพร่วัฒนธรรมสากลไปยังภมู ิภาคตา่ งๆ ในโลกขั้นท่ี 3 ศกึ ษาทาความเขา้ ใจขอ้ มลู /ความรู้ใหม่ และเชื่อมโยงความรใู้ หม่กบั ความรเู้ ดิม - นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ศกึ ษาความรเู้ ร่ือง การปรบั ปรงุ เปลย่ี นแปลงวฒั นธรรมไทย และความแตกตา่ งระหวา่ งวฒั นธรรมไทยกบั วัฒนธรรมสากล และชว่ ยกันทาใบงานที่ 2.1 เรื่อง วิเคราะหว์ ฒั นธรรมขนั้ ท่ี 4 แลกเปลีย่ นความรคู้ วามเขา้ ใจกับกลมุ่ - ครแู ละนักเรยี นชว่ ยกนั เฉลยคาตอบในใบงาน และรว่ มกนั สรุปเกย่ี วกบั การปรับปรงุ เปล่ยี นแปลงวฒั นธรรมไทย อทิ ธิพลของชาติตะวนั ตกท่ีมีต่อวัฒนธรรมไทย การพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมทม่ี ผี ลตอ่ การเปลีย่ นแปลงวฒั นธรรมไทย ความแตกตา่ งระหวา่ งวัฒนธรรมไทยกบั วัฒนธรรมสากล
[26]ขนั้ ที่ 5 สรุปและจดั ระเบยี บความรู้ - ครูให้นักเรียนเล่าความประทับใจในวัฒนธรรมที่ดีงามของไทย มาคนละ 1 อย่าง และให้อธิบายเหตุผลว่าเหตุใดจึงประทับใจ ซง่ึ นักเรยี นจะมีเหตผุ ลแตกต่างกนั ออกไป - ครูอธิบายเชื่อมโยงให้นักเรียนเห็นคุณค่าของวัฒนธรรมไทย และความจาเป็นของการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย และการเลอื กรับวัฒนธรรมสากลทดี่ งี าม - นักเรยี นแต่ละกลุ่มศึกษาความรู้เรื่อง แนวทางการอนุรักษ์วฒั นธรรมไทยท่ีดีงาม และวธิ ีการเลือกรับวัฒนธรรมสากลจากหนังสือเรียนและจากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ และนาความรู้ท่ีได้จากการศึกษาไปเขียนเป็นบทความ เรื่อง การอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยและการเลอื กรบั วัฒนธรรมสากล โดยเขียนเป็นบทความวิเคราะหแ์ ละเสนอความคดิ เห็น ในประเดน็ ตอ่ ไปนี้ 1. ความจาเปน็ ทีจ่ ะต้องมีการปรับปรงุ เปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมไทย 2. แนวทางการอนรุ ักษ์วฒั นธรรมไทย 3. การเลือกรบั วัฒนธรรมสากลขั้นที่ 6 ปฏิบตั ิและ/หรือแสดงผลงาน - นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอผลงานหนา้ ชน้ั เรยี นดว้ ยวธิ กี ารทห่ี ลากหลายตามความเหมาะสม - ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปถึงความจาเป็นท่ีต้องมีการปรับปรุงเปล่ียนแปลงวัฒนธรรมไทย การอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยและการเลือกรบั วัฒนธรรมสากลขนั้ ที่ 7 ประยกุ ต์ใช้ความรู้ - นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลังเรยี น หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 เรือ่ ง วัฒนธรรมไทย9. สอื่ /แหลง่ การเรยี นรู้ ส่อื การเรียนรู้ 1. หนังสือเรยี น หน้าทีพ่ ลเมอื งฯ ม.4-ม.6 2. หนังสือคน้ ควา้ เพมิ่ เตมิ 1. ชุลีพร สสุ วุ รรณ และสุชิราภรณ์ บรสิ ุทธ.์ิ ความรู้รอบตวั : ขนบธรรมเนียมและประเพณีไทย.กรุงเทพฯ : บริษทัอักษราพิพัฒน์ จากดั , 2544. 2. สมชัย ใจดี และยรรยง ศรวี ริ ยิ าภรณ์. ประเพณีและวฒั นธรรมไทย. กรงุ เทพฯ : บรษิ ัทสานกั พมิ พ์ ไทยวฒั นาพานชิ จากดั , 2528. 3. เอกสารประกอบการสอนเรื่อง วฒั นธรรมไทย 4. ตัวอยา่ งสอ่ื ประกอบการสอน 5. ใบงานที่ 1.1 เร่ือง ความสาคัญของวัฒนธรรมไทย 6. ใบงานที่ 1.2 เรอื่ ง ลักษณะของวัฒนธรรมไทย 7. ใบงานท่ี 1.3 เรื่อง วัฒนธรรมทอ้ งถ่นิ ภาคเหนอื 8. ใบงานที่ 1.4 เรื่อง วัฒนธรรมทอ้ งถน่ิ ภาคกลาง 9. ใบงานท่ี 1.5 เรอ่ื ง วฒั นธรรมท้องถ่นิ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื 10. ใบงานท่ี 1.6 เรอ่ื ง วัฒนธรรมทอ้ งถ่นิ ภาคใต้ 11. ใบงานท่ี 2.1 เรือ่ ง วเิ คราะห์วฒั นธรรม
[27]แหล่งการเรียนรู้ 1. ห้องสมุด 2. สานกั หอจดหมายเหตแุ ห่งชาติ 3. แหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ www.prapayneethai.com/th/culture/ th.wikipedia.org/wiki/หมวดหมู่:วัฒนธรรมไทย guru.sanook.com/encyclopedia/สงั คมและวัฒนธรรมไทย/
[28]11.การวัดผลและประเมนิ ผลรายการประเมิน คาอธบิ ายระดับคณุ ภาพ / ระดับคะแนน ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1)1. ความจาเปน็ ที่ เขยี นวเิ คราะหค์ วาม เขยี นวิเคราะห์ความ เขยี นวเิ คราะหค์ วาม เขียนวเิ คราะห์ความจะตอ้ งมีการ จาเปน็ ทจ่ี ะต้องมี จาเปน็ ท่จี ะตอ้ งมี จาเป็นที่จะตอ้ งมี จาเป็นท่ีจะตอ้ งมีปรับปรุง การปรบั ปรงุ การปรับปรงุ การปรบั ปรงุ การปรับปรงุเปลี่ยนแปลง เปล่ยี นแปลง เปลย่ี นแปลง เปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม วฒั นธรรมอย่างมี วัฒนธรรมอย่างมี วัฒนธรรมอยา่ งมี วฒั นธรรมอยา่ งมี เหตุผลเหมาะสม เหตผุ ลเหมาะสม เหตุผลเหมาะสม เหตุผลเหมาะสม 4 ประเดน็ ขน้ึ ไป 3 ประเดน็ 2 ประเดน็ 1 ประเดน็2. แนวทางการ เขียนแนวทางการ เขยี นแนวทางการ เขยี นแนวทางการ เขียนแนวทางการอนุรกั ษ์ อนุรกั ษ์วัฒนธรรม อนรุ ักษ์วัฒนธรรม อนรุ กั ษว์ ฒั นธรรม อนุรกั ษว์ ัฒนธรรมวัฒนธรรม ไทย ไทยได้ถกู ต้อง ไทยได้ถกู ตอ้ ง ไทยไดถ้ กู ตอ้ ง ไทยได้ถูกต้อง เหมาะสม พรอ้ ม เหมาะสม พรอ้ ม เหมาะสม พรอ้ ม เหมาะสม พรอ้ ม ยกตัวอย่างประกอบ ยกตัวอย่างประกอบ ยกตวั อยา่ งประกอบ ยกตัวอยา่ งประกอบ อยา่ งน้อย 4-5 แนวทาง 2-3 แนวทาง 1 แนวทาง 6 แนวทางขนึ้ ไป3. การเลอื ก เขียนเสนอวธิ ีการ เขียนเสนอวธิ กี าร เขยี นเสนอวธิ ีการ เขยี นเสนอวิธกี ารรบั วฒั นธรรม เลือกรบั วัฒนธรรม เลือกรบั วัฒนธรรม เลือกรับวฒั นธรรม เลอื กรับวัฒนธรรมสากล สากล พร้อม สากล พรอ้ ม สากล พรอ้ ม สากล พร้อม ยกตัวอยา่ งประกอบ ยกตัวอยา่ งประกอบ ยกตวั อย่างประกอบ ยกตัวอยา่ งประกอบ อย่างมเี หตผุ ล อยา่ งมเี หตผุ ล อย่างมเี หตผุ ล อยา่ งมีเหตผุ ล เหมาะสม อย่างนอ้ ย เหมาะสม 3 วธิ ีการ เหมาะสม 2 วิธีการ เหมาะสม 1 วธิ ีการ 4 วธิ ีการ4. การนาเสนอ การนาเสนอได้ การนาเสนอได้ การนาเสนอได้ การนาเสนอได้ผลงาน ถูกต้องตรงตาม ถกู ต้องตรงตาม ถกู ต้องตรงตาม ถูกตอ้ งตรงตาม ประเดน็ เรียงลาดับ ประเด็น เรยี งลาดับ ประเดน็ เรียงลาดับ ประเดน็ เรยี งลาดับ ขั้นตอนได้อย่าง ขัน้ ตอนไดเ้ หมาะสม ขั้นตอนได้เหมาะสม ขน้ั ตอนได้เหมาะสม เหมาะสม วธิ กี าร เปน็ ส่วนใหญ่ วิธกี าร เปน็ บางตอน วิธีการ เปน็ บางตอนวธิ ีการ นาเสนอเรา้ ใจให้ นาเสนอเร้าใจให้ นาเสนอเร้าใจให้ นาเสนอไม่ ตดิ ตามฟงั ติดตามฟัง ตดิ ตามฟังเป็น เรา้ ใจใหต้ ิดตามฟัง บางตอน
[29] เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 13-16 ดีมาก 9-12 ดี 5-8 พอใช้ 1-4 ปรับปรุง
[30]12.จุดเน้นของโรงเรียน การบรู ณาการปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งและกจิ กรรมสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ครู ผเู้ รียน13.ความพอประมาณ พอดดี ้านเทคโนโลยี พอดดี ้านจิตใจ รู้จัก ใช้เท ค โน โล ยีม าผ ลิ ตส่ื อ ท่ี มี จิ ต ส า นึ ก ที่ ดี เ อื้ อ อ า ท ร เหมาะสมและสอดคล้องเน้ือหาเป็น ป ระ นี ป ระ น อ ม นึ ก ถึ งป ระ โย ช น์ ประโยชน์ต่อผู้เรียนและพัฒนาจากภูมิ ส่วนรวม/กล่มุ ปัญญาของผู้เรียน14.ความมเี หตุผล - ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความ ไม่หยุดน่ิงท่ีหาหนทางในชีวิต หลุดพ้น ถูกตอ้ ง สุจรติ แมจ้ ะตกอยู่ในภาวะขาด จากความทุกข์ยาก (การค้นหาคาตอบ แคลน ในการดารงชวี ิต เพื่อใหห้ ลุดพ้นจากความไมร่ )ู้ - ปฏิบัติตนในแนวทางท่ีดี ลด เลิก สิ่ง ยั่วกิเลสให้หมดส้ินไป ไม่ก่อความช่ัวให้ เป็นเคร่ืองทาลายตัวเอง ทาลายผู้อื่น พยายามเพมิ่ พนู รักษาความดี ทม่ี ีอยู่ให้ งอกงามสมบรู ณ์ยิง่ ขนึ้15.มีภมู ิคุมกนั ในตวั ทดี่ ี ภมู ิปัญญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ภูมปิ ญั ญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ระมัดระวงั ระมดั ระวงั สรา้ งสรรค์ ภูมิธรรม : ซื่อสัตย์ สจุ รติ ขยนั อดทน ภมู ิธรรม : ซื่อสตั ย์ สจุ ริต ขยนั อดทน ตรงตอ่ เวลาและแบง่ ปัน ตรงต่อเวลา เสียสละและ แบง่ ปัน16.เงอ่ื นไขความรู้ ความรอบรู้ เร่ือง งานและกาลัง ความรอบรู้ เรื่อง งานและกาลัง ท่ีเก่ียวข้องรอบด้าน ความรอบคอบที่ กรณีที่เกิดงาน ปริมาณท่ีเก่ียวข้อง การ จะนาความรู้เหล่าน้ันมาพิจารณาให้ คานวณสูตรที่ต้องใช้ สามารถนาความรู้ เช่ือมโยงกัน เพ่ือประกอบการวางแผน เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน การดาเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สามารถประยุกตใ์ ช้ในชวี ติ ประจาวนั ให้กบั ผ้เู รียน17.เงอื่ นไขคุณธรรม มคี วามตระหนักใน คณุ ธรรม มี มีความตระหนักใน คุณธรรม มี ความซอ่ื สตั ย์สจุ รติ และมีความอดทน ความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มี มคี วามเพียร ใช้สตปิ ญั ญาในการ ความเพียร ใช้สติปัญญาในการดาเนิน ดาเนินชีวิต ชีวิต
[31] กิจกรรม ครู ผู้เรยี นสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียนงานและกาลัง งานและกาลงั งานและกาลงั- การเกดิ งานแต่ละกรณี - ปัจจัยท่ีมีผลต่อการเกิด - ระบปุ ัจจัยทม่ี ีผลตอ่ การเกิดงาน- การเกิดกาลัง การได้เปรียบ งาน - ทดลองเปรยี บเทยี บการเกิดงานและเชงิ กล - ปริมาณที่เก่ียวข้องกับ กาลงั พร้อมคานวณปริมาณที่เกี่ยวข้อง การเกดิ งานและกาลังงานและกาลงั งานและกาลัง งานและกาลัง- การเกดิ งานแตล่ ะกรณี - ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิด - ระบุปจั จัยทมี่ ผี ลต่อการเกิดงาน- การเกิดกาลัง การได้เปรียบ งาน - ทดลองเปรยี บเทยี บการเกิดงานและเชงิ กล - ปริมาณที่เกี่ยวข้องกับ กาลงั พรอ้ มคานวณปรมิ าณท่ีเกี่ยวข้อง การเกิดงานและกาลงั ลงชอ่ื ..................................................ผสู้ อน (นายนิกร ไชยบตุ ร) ลงชือ่ ...................................................ผู้นิเทศ (............................................)
[32] แบบทดสอบก่อนเรยี น-หลังเรยี น หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3คาชแี้ จง ให้นกั เรยี นเลือกคาตอบท่ีถกู ต้องทสี่ ดุ เพยี งข้อเดยี ว1. “คนไทยทอี่ ยู่รมิ นา้ จะสรา้ งบ้านใตถ้ นุ สงู ชาวไทยจะรู้จกั 5. เรงิ ชัยเป็นผ้ทู มี่ มี ารยาทในการพบผูใ้ หญ่ มมี ารยาทในนาสมุนไพรมาใช้เป็นอาหาร และยารักษาโรค นอกจากนัน้ ยงั การเขา้ สังคม เขาปฏิบตั ิตนตามวฒั นธรรมในขอ้ ใดมกี ารสร้างสรรคศ์ ลิ ปะการวาดภาพลายไทย” ข้อความ ก. คติธรรมดังกล่าวแสดงถึงประโยชนข์ องวัฒนธรรมในขอ้ ใด ข. วัตถุธรรมก. ตอบสนองความต้องการทางด้านร่างกายและจิตใจ ค. เนติธรรมข. เป็นเป้าหมายหรือวตั ถุประสงคใ์ นการดารงชีวิต ง. สหธรรมค. การกาหนดสิง่ ท่ีดงี ามและเหมาะสมกับชีวติ 6. ชาวไทยไดร้ บั วัฒนธรรมมาจากชาติใดง. การปรบั ตนใหเ้ ข้ากับสภาพแวดลอ้ ม ก. จีน ลาว2. การแสดงออกของคนในสังคมตะวันตกจะมีความแตกต่าง ข. พมา่ จนีจากสงั คมไทย ข้อความนีแ้ สดงถงึ ประโยชน์ของวัฒนธรรมใน ค. จนี อินเดยีข้อใด ง. เขมร ลาวก. เป็นสิ่งหล่อหลอมบคุ ลิกภาพ 7. ข้อความเก่ยี วกับพ้นื ฐานของวฒั นธรรมไทยขอ้ ใดไม่ข. ความประพฤติของคนในสังคม ถูกตอ้ งค. ความแตกตา่ งทางสภาพความเป็นอยู่ ก. ภาษาขอม มอญ ละวา้ เป็นพ้นื ฐานของวัฒนธรรมง. เป็นตัวกาหนดความสมั พนั ธ์หรอื พฤติกรรมของ ทางดา้ นภาษาของไทยมนษุ ย์ ข. สภาพแวดลอ้ มทางภูมศิ าสตร์ก่อใหเ้ กิดประเพณี3. “เกรกิ เกียรติเป็นคนทีอ่ ยู่ทางภาคเหนือ เขาจึงเป็นคนทีม่ ี และวัฒนธรรมความสภุ าพ พดู จานุ่มนวล หน้าตายิ้มแยม้ เป็นไมตรกี ับคน ค. พระพุทธศาสนาเป็นบ่อเกิดของขนบธรรมเนียมทั่วไป” ข้อความนีแ้ สดงถึงความสาคัญของวฒั นธรรมอย่างไร ประเพณไี ทยก. มผี ลตอ่ คณุ ภาพชีวิตของคนภาคเหนือ ง. วนั สาคญั และเทศกาลสาคญั ถือวา่ เป็นวฒั นธรรมข. อุดมการณ์ ค่านยิ ม และทัศนคติของบุคคล หลกั ของชาติค. ความสัมพันธ์ระหวา่ งสถานภาพของคนในสังคม 8. คนไทยสว่ นใหญ่จะมวี ถิ ชี ีวิตและบคุ ลกิ ภาพท่อี อ่ นนอ้ มง. หลอ่ หลอมบคุ ลกิ ภาพให้สมาชกิ ของสงั คมให้ และใหค้ วามเคารพผใู้ หญ่ บคุ ลิกภาพดังกลา่ วน้นั ไดม้ ามลี ักษณะแบบเดียวกัน อยา่ งไร4. “ประชาชนในจงั หวดั ยโสธรจะร่วมมือกันจัดประเพณีบุญ ก. การส่อื สารระหว่างกนับัง้ ไฟเป็นประจาทกุ ป”ี ขอ้ ความนี้แสดงถึงความสาคัญของ ข. สภาพแวดลอ้ มทางสงั คมวัฒนธรรมอย่างไร ค. เชอ้ื ชาติและสภาพแวดลอ้ มก. มีจดุ หมายปลายทาง ง. การขดั เกลาทางสงั คมและวฒั นธรรมข. สงั คมมคี วามเป็นระเบียบค. กอ่ ใหเ้ กดิ ความเปน็ อนั หนง่ึ อันเดียวกนัง. การเรียนรรู้ ะเบียบทางสงั คมและวฒั นธรรมไทย
[33]9. วนั นักขัตฤกษ์และประเพณีในขอ้ ใด ท่แี สดงถงึ ความรัก 14. การปฏริ ูปประเทศไทยตั้งแตส่ มยั รชั กาลใดทีก่ ่อใหเ้ กดิความเคารพ และความผูกพนั ของคนในชาติ การเปลีย่ นแปลงวฒั นธรรมและชีวติ ความเป็นอยู่ของคนก. วนั วสิ าขบชู า วนั เด็ก วนั เข้าพรรษา ไทยในด้านต่าง ๆข. วันสงกรานต์ วันลอยกระทง วันครู ก. สมัยรัชกาลที่ 1ค. วนั ขน้ึ ปีใหม่ วนั ปิยมหาราช ข. สมัยรชั กาลท่ี 2ง. วันจักรี วันเดก็ วันธรรมะสวนะ ค. สมัยรัชกาลที่ 310. งานทาบุญตานกว๋ ยสลากหรอื งานบญุ สลากภัต มีคติ ง. สมยั รชั กาลท่ี 4สอนใจสาคญั ในเร่ืองใด 15. การพัฒนาเศรษฐกิจท่เี ปล่ียนแปลงไปอย่างรวดเร็วกว่า การเปลีย่ นแปลงทางวฒั นธรรมจะเกดิ ปัญหาใดตามมา ก. ความรกั ใคร่ สามัคคกี ัน ข. ความเสียสละ ก. ปัญหาสงั คม ค. ความรับผิดชอบ ข. ปัญหาเศรษฐกจิ ง. ความเมตตา ค. ปัญหาวฒั นธรรม11. งานประเพณกี ารสืบชะตาหรือการตอ่ อายุ มีผลดใี นเรอ่ื ง ง. ปัญหาสิง่ แวดลอ้ มใด 16. วัฒนธรรมสากล มีลักษณะในขอ้ ใดก. การต่ออายคุ น ก. วัฒนธรรมทางทวปี ยโุ รป และทวีปอเมรกิ าข. การทาบญุ อนั ยิง่ ใหญ่ ข. วฒั นธรรมที่มคี วามเจริญก้าวหน้ากว่าวัฒนธรรมค. การให้กาลังใจ และการรวมญาตพิ ่ีน้อง อ่ืน ง. การสรา้ งความเชอ่ื มั่นใหแ้ กผ่ ูท้ ีช่ ะตาขาด ค. วฒั นธรรมทม่ี ีความผสมผสานระหวา่ งหลายวฒั นธ12. ข้อใดจัดเป็นวัฒนธรรมท้องถ่นิ ภาคกลาง รรม ก. งานบุญคูนหลาน ง. วัฒนธรรมทกุ สังคมมีความคล้ายคลึงกันและมี ข. การทาขวญั ข้าว วัฒนธรรมพ้นื ฐานทเ่ี หมอื นกนั ค. งานแห่ผีตาโขน 17. ขอ้ ใดจดั วา่ เป็นความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมสากล ง. ประเพณีลากพระ กบั วฒั นธรรมไทย13. ประเพณีในขอ้ ใดแสดงถงึ ความกตญั ญกู ตเวทีตอ่ บรรพ ก. วฒั นธรรมสากลมคี วามหลากหลาย วัฒนธรรมไทยบุรุษ เน้นการผสมผสาน ข. วฒั นธรรมสากลเนน้ การอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมเดมิ ก. ประเพณีเล้ียงขา้ วแลงขนั โตก ของภาคเหนอื วฒั นธรรมไทยเนน้ การเปลีย่ นแปลง ข. ประเพณีแหผ่ ตี าโขน อาเภอดา่ นซ้าย จังหวัดเลยค. ประเพณีสารทเดือนสิบ ของจงั หวดั นครศรีธรรมราช ค. วัฒนธรรมสากลมีความเจรญิ ทางด้านจติ ใจง. ประเพณรี ับโยนบวั อาเภอบางพลี จงั หวดั วัฒนธรรมไทยเน้นความเจรญิ ทางดา้ นวัตถุ ง. วัฒนธรรมสากลเน้นปรชั ญาวา่ มนุษยเ์ ป็นนายสมทุ รปราการ ธรรมชาตวิ ฒั นธรรมไทยเนน้ ปรชั ญาวา่ มนุษย์ควร อยแู่ บบผสมกลมกลืนกบั ธรรมชาติ
[34]18. แนวทางการอนุรักษ์วฒั นธรรมมีหลายประการยกเวน้ ใน 20. ขอ้ ใดจัดวา่ เปน็ เหตุผลของการปรับปรงุ เปล่ยี นแปลงข้อใด วัฒนธรรมไทยก. ร่วมกิจกรรมตา่ ง ๆ กบั องคก์ รระหว่างประเทศ ก. สังคมมกี ารเปลย่ี นแปลงไปข. คน้ ควา้ รวบรวมวัฒนธรรมไทยและวฒั นธรรมทอ้ งถิ่น ข. วัฒนธรรมไทยเป็นส่งิ ทมี่ มี าชา้ นานแลว้ค. การบริการความร้ทู างดา้ นวชิ าการและกจิ กรรมทาง ค. การปรบั ปรุงใหเ้ ข้ากับการเมืองการปกครองวัฒนธรรม ง. ใหส้ อดคล้องกบั แผนพัฒนาเศรษฐกิจง. มีการแลกเปลย่ี นศิลปวัฒนธรรมท้ังภายในประเทศและระหว่างประเทศ19. การเลอื กรบั วฒั นธรรมสากลนน้ั ควรพิจารณาจากปจั จัยในข้อใดก. รับวฒั นธรรมจากประเทศที่เจริญแล้วข. สามารถผสมผสานกับวัฒนธรรมไทยได้ค. การตอบสนองความตอ้ งการของชาวไทยง. วฒั นธรรมสากลต้องมผี ลประโยชนท์ างเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ เฉลย 1. ก 2. ง 3. ง 4. ค 5. ง 6. ค 7. ก 8. ง 9. ข 10. ก 11.ค 12. ข 13. ค 14. ง 15. ก 16. ง 17.ง 18.ก 19. ข 20.ก
[35] หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 4 ชอ่ื หน่วย เศรษฐศาสตร์รหสั ส 31101 วชิ า สังคมศกึ ษาพนื้ ฐาน กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรมชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 10 ชัว่ โมงช่อื ผสู้ อน นายนิกร ไชยบตุ ร โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 ****************************************************1. สาระการเรยี นรู้ / ตวั ช้วี ดัส 3.1 ม.4-6/3 ตระหนกั ถงึ ความสาคัญของระบบสหกรณใ์ นการพฒั นาเศรษฐกิจในระดับชมุ ชนและประเทศม.4-6/4 วเิ คราะห์ปญั หาทางเศรษฐกิจในชุมชนและแนวทางแก้ไข2. สาระสาคญัสหกรณ์มคี วามสาคญั ต่อการพฒั นาเศรษฐกจิ ทงั้ ในระดบั ชุมชนและประเทศ และมสี ว่ นในการแก้ปัญหาชุมชน3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง1. วิวัฒนาการของสหกรณ์ในประเทศไทย2. ความหมาย ความสาคญั และหลักการของระบบสหกรณ์3. ตัวอยา่ งและประเภทของสหกรณ์ในประเทศไทย4. ความสาคญั ของระบบสหกรณ์ในการพฒั นาเศรษฐกจิ ในชมุ ชนและประเทศ5. ปญั หาเศรษฐกจิ ในชมุ ชน6. แนวทางการพฒั นาเศรษฐกิจของชมุ ชน7. ตวั อย่างของการรวมกลมุ่ ทีป่ ระสบความสาเร็จในการแก้ปญั หาทางเศรษฐกิจของชมุ ชน3.2 สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถ่นิ-4. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น4.1 ความสามารถในการคดิ- ทักษะการคดิ วิเคราะห์- ทกั ษะการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ4.2 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ- กระบวนการปฏิบัติ - กระบวนการทางานกลมุ่5. คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์1. มีวนิ ัย2. ใฝเ่ รียนรู้3. มงุ่ มนั่ ในการทางาน4. อยู่อยา่ งพอเพยี ง
[36]6. หลักฐานการเรยี นรู้ บทความวเิ คราะห์ เร่ือง สหกรณ์กับการพฒั นาเศรษฐกิจในชมุ ชน7. การวัดและประเมินผล การประเมนิ ก่อนเรยี น - แบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 7.2 การประเมนิ ระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 1. ใบงานที่ 1.1 เรื่อง ความรู้เบ้อื งต้นเกี่ยวกับสหกรณ์ 2. ใบงานที่ 1.2 เรือ่ ง ประวตั คิ วามเปน็ มาของสหกรณ์ 3. ใบงานท่ี 1.3 เรอื่ ง ววิ ัฒนาการของสหกรณใ์ นประเทศไทย 4. ใบงานที่ 1.4 เรอื่ ง สหกรณ์ในประเทศไทย 5. ใบงานท่ี 1.5 เรอื่ ง สบื คน้ ข้อมูลกจิ การสหกรณ์ 6. ใบงานที่ 2.1 เรอ่ื ง สืบคน้ ข้อมูลการพฒั นาเศรษฐกิจของชุมชน 7. ประเมินการนาเสนอผลงาน 8. สังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม 7.3 การประเมนิ หลงั เรียน - แบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 7.4 การประเมินชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) - ประเมนิ บทความวิเคราะห์ เรื่อง สหกรณก์ ับการพัฒนาเศรษฐกจิ ในชมุ ชน8. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ นักเรยี ทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 4สหกรณ์กบั การพฒั นาเศรษฐกิจไทย เวลา 5 ชว่ั โมงขัน้ ที่ 1 ทบทวนความร้เู ดมิ นกั เรยี นผลดั กนั เลา่ ประสบการณเ์ ดมิ หรอื ความรเู้ ดมิ เกีย่ วกบั สหกรณท์ น่ี กั เรยี นรจู้ กั หรอื เคยเปน็ สมาชกิ นกั เรียนชว่ ยกนัสรุปลักษณะสาคญั ของสหกรณ์ ครอู ธบิ ายความรู้เพิม่ เติมเกยี่ วกับลักษณะสาคญั และหลกั การของสหกรณ์ข้นั ท่ี 2 แสวงหาความรู้ใหม่ ครแู บง่ นกั เรียนเป็นกลมุ่ กลมุ่ ละ 6 คน คละกันตามความสามารถ คอื เก่ง ปานกลางค่อนขา้ งเกง่ ปานกลางค่อนข้างอ่อน และออ่ น และใหส้ มาชกิ แต่ละกล่มุ จบั คกู่ นั ดังน้ี - คู่ท่ี 1 ศึกษาความร้เู ร่อื ง ลกั ษณะสาคญั ของสหกรณ์ และหลกั ปฏบิ ัตใิ นการดาเนินธรุ กจิ ของสหกรณ์ และช่วยกนั ทาใบงานท่ี 1.1 เร่อื ง ความรู้เบ้อื งตน้ เก่ียวกับสหกรณ์
[37] - คทู่ ่ี 2 ศกึ ษาความร้เู รื่อง ประวัติความเปน็ มาของสหกรณ์ และช่วยกนั ทาใบงานที่ 1.2 เรือ่ ง ประวตั คิ วามเป็นมาของสหกรณ์ - คทู่ ่ี 3 ศึกษาความรเู้ รอ่ื ง ววิ ัฒนาการของสหกรณใ์ นประเทศไทย และช่วยกนั ทาใบงานท่ี 1.3 เรอื่ ง วิวฒั นาการของสหกรณใ์ นประเทศไทยขั้นท่ี 3 ศกึ ษาทาความเข้าใจข้อมูล/ความร้ใู หม่ และเชื่อมโยงความร้ใู หม่กบั ความรเู้ ดมิ นกั เรยี นแตล่ ะคชู่ ว่ ยกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ งของใบงาน และใหน้ กั เรยี นคทู่ ่ี 1-3 ผลดั กันอธบิ ายความรใู้ นใบงานทค่ี ่ขู องตนรบั ผิดชอบใหค้ ู่อนื่ ฟงัขนั้ ที่ 4 แลกเปลยี่ นความรคู้ วามเขา้ ใจกบั กลุ่ม - ครสู ุ่มเรยี กนกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มออกไปเฉลยคาตอบในใบงาน กลมุ่ ละ 1 ใบงาน และใหก้ ลุ่มอื่นทีม่ ผี ลงานแตกตา่ งกันออกไปได้นาเสนอเพิม่ เตมิ ครนู าภาพกจิ กรรมสหกรณต์ า่ งๆ ในประเทศไทย มาใหน้ ักเรยี นวิเคราะหว์ า่ เปน็ กจิ กรรมสหกรณ์ประเภทใดขน้ั ที่ 5 สรุปและจดั ระเบยี บความรู้ - ครแู บ่งนกั เรยี นเปน็ กล่มุ กลุ่มละ 4 คน คละกนั ตามความสามารถ ให้แต่ละกลมุ่ ศกึ ษาความรเู้ ร่ือง ประเภทของสหกรณ์และปจั จยั ทที่ าใหส้ หกรณป์ ระสบผลสาเร็จ จากหนงั สือเรียน หรือหนงั สอื อา่ นเพมิ่ เติม หรอื แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ - นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกนั ทาใบงานท่ี 1.4 เรื่อง สหกรณ์ในประเทศไทย โดยปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี 1. สมาชกิ คนท่ี 1 ของกลมุ่ เขยี นคาตอบขอ้ ท่ี 1 แลว้ สง่ ใบงานไปยังคนที่ 2 2. สมาชกิ คนท่ี 2 ตรวจสอบความถูกตอ้ งของคาตอบของสมาชกิ คนที่ 1 แล้วเขียนคาตอบเพมิ่ เตมิ ในกรณีทค่ี าตอบไม่สมบรู ณ์หรอื แกไ้ ขในสว่ นท่ยี ังไม่ถกู ตอ้ ง จากนั้นเขียนคาตอบในข้อ 2 3. สมาชิกในกลุม่ คนต่อไปปฏบิ ัติ เช่นเดยี วกบั สมาชิกคนท่ี 2 ทุกคนมโี อกาสไดอ้ า่ น และเขียนคาตอบหมนุ เวยี นกนัไปเรอื่ ยๆ จนเสรจ็ ทุกคาถามขั้นท่ี 6 ปฏิบตั แิ ละ/หรือแสดงผลงาน - ครแู ละนักเรยี นชว่ ยกนั เฉลยคาตอบในใบงานท่ี 2.1 และช่วยกนั สรุปประเด็นสาคญั ที่ทาใหส้ หกรณป์ ระสบความสาเรจ็ - ครมู อบหมายใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ช่วยกนั สืบค้นขอ้ มูลการดาเนินกจิ การของสหกรณท์ น่ี กั เรยี นสนใจ 1 แหง่ แลว้รายงานสรุปตามหัวข้อที่กาหนด ในใบงานท่ี 1.5 เรื่อง สบื คน้ ข้อมูลกิจการสหกรณ์ข้นั ที่ 7 ประยกุ ต์ใช้ความรู้ - นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มนาเสนอผลงานหนา้ ชน้ั เรยี น และผลดั กนั เสนอแนะเพม่ิ เตมิ - ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปแนวทางการดาเนินกิจการสหกรณ์ให้ประสบความสาเร็จ และความสาคัญของสหกรณ์ในการพัฒนาเศรษฐกิจเศรษฐกิจในชมุ ชนของไทย เวลา 5 ชั่วโมงข้นั ที่ 1 ทบทวนความรู้เดมิ - ครแู บ่งนักเรียนเป็น 2 ทมี ใหญ่ ใหแ้ ข่งขนั กันเขยี นปญั หาทางเศรษฐกจิ ในชุมชนบนกระดาน/บอร์ด หนา้ ช้ันเรยี น กลุม่ ใดเขยี นไดจ้ านวนมากท่สี ุดในเวลาท่ีกาหนด 5 นาที หรอื ตามความเหมาะสมจะเปน็ ฝา่ ยชนะ
[38]ขน้ั ที่ 2 แสวงหาความรูใ้ หม่ - ครใู ห้นักเรียนช่วยกันรวมปัญหาในข้อ 1 จัดเปน็ จาพวกเดียวกัน - นกั เรยี นรวมกลมุ่ กนั ตามความสมคั รใจ กลมุ่ ละ 5-7 คน รว่ มมอื กันศกึ ษาความรู้ และขอ้ มูลเกย่ี วกบั เศรษฐกิจของไทยจากหนังสือเรียน หนงั สอื อา่ นเพ่ิมเตมิ และแหล่งข้อมูลสารสนเทศข้ันที่ 3 ศกึ ษาทาความเขา้ ใจขอ้ มลู /ความร้ใู หม่ และเชอ่ื มโยงความรใู้ หม่กับความรู้เดมิ - นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันหาข่าวเกี่ยวกับ การพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนต่างๆ มาร่วมกันวิเคราะห์ ตามหัวข้อท่ีกาหนดใหใ้ นใบงานที่ 2.1 เรอื่ ง สืบค้นข้อมูลการพฒั นาเศรษฐกจิ ของชมุ ชนขัน้ ที่ 4 แลกเปล่ยี นความรู้ความเขา้ ใจกับกลุ่ม - นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ผลดั กนั นาเสนอผลงาน การสบื คน้ ขอ้ มลู ตามหวั ขอ้ ทก่ี าหนดในใบงานท่ี 2.1ขั้นที่ 5 สรปุ และจดั ระเบยี บความรู้ - นกั เรยี นชว่ ยกนั เสนอขอ้ คิดทไ่ี ดจ้ ากการรว่ มมอื กนั พฒั นาเศรษฐกจิ ในชมุ ชน และแนวทางการพฒั นาเศรษฐกจิ ของชมุ ชนขั้นท่ี 6 ปฏิบัตแิ ละ/หรอื แสดงผลงาน - ครูมอบหมายใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมมอื กนั เขียนบทความวิเคราะห์ เรอ่ื ง สหกรณ์กบั การพฒั นาเศรษฐกจิ ในชุมชนขน้ั ท่ี 7 ประยกุ ตใ์ ช้ความรู้- นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลังเรยี น หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 49 สอื่ / และแหลง่ เรยี นรู้ สอื่ การเรยี นรู้ - หนังสือเรียน เศรษฐศาสตร์ ม.4-ม.6 - หนังสือคน้ ควา้ เพม่ิ เติม เชญิ บารงุ วงศ์ และกฤษฎา ประศาสนว์ ฒุ ิ. หลักการ อดุ มการณ์สหกรณ์และวิธีการสหกรณ์ ในประมวลสาระชดุ วิชาความรู้ทัว่ ไปเกยี่ วกับสหกรณ์ หนว่ ยท่ี 1 สาขาวชิ าสง่ เสรมิ การเกษตรและสหกรณ์ มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช. นนทบรุ ี :โรงพมิ พ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2546. บุญมี จนั ทรวงศ.์ ยุทธศาสตรก์ ารพฒั นาสหกรณ์ในภาคเกษตร. กรุงเทพ ฯ : กรมส่งเสรมิ สหกรณ์, 2543 โอภาวดี เข็มทอง. ววิ ฒั นาการสหกรณ์ในต่างประเทศในประมวลสาระชดุ วชิ าความรทู้ ่ัวไปเก่ียวกบั สหกรณ์มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช. นนทบรุ ี :โรงพมิ พ์มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช, 2546. 3. สอ่ื การสอน ภาพกจิ กรรมสหกรณ์ 4. ใบงานท่ี 1.1 เรื่อง ความรเู้ บ้ืองตน้ เก่ยี วกับสหกรณ์ 5. ใบงานท่ี 1.2 เรื่อง ประวัตคิ วามเป็นมาของสหกรณ์ 6. ใบงานท่ี 1.3 เร่ือง ววิ ฒั นาการของสหกรณใ์ นประเทศไทย 7. ใบงานที่ 1.4 เรื่อง สหกรณ์ในประเทศไทย 8. ใบงานที่ 1.5 เรอ่ื ง สบื คน้ ขอ้ มูลกจิ การสหกรณ์ 9. ใบงานที่ 2.1 เร่อื ง สบื คน้ ขอ้ มลู การพัฒนาเศรษฐกจิ ของชมุ ชน แหล่งการเรียนรู้ - หอ้ งสมุด - แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ
[39]http://www.kwc.ac.th/3Society.htmhttp://www.irctcoop.com/manual.htmhttp://www.panyathai.or.th/wiki/index.phphttp://www.sangkomdelivery2u.ob.tc/Econ3.htmlhttp://sites.google.com/site/banrainarao/column/commu_econ_02http://www.oknation.net/blog/friendshelpingfriends/2009/08/14/entry-3http://vclass.mgt.psu.ac.th/~465-521/2005-2/Assignment-02/MPA_14_05/co_op.htm
[40]10. การวัดผลและประเมินผล คาอธิบายระดบั คณุ ภาพ/ระดับคะแนนรายการประเมนิ ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1)1. การวิเคราะห์ เขียนวิเคราะห์ เขยี นวิเคราะห์ เขยี นวเิ คราะห์ เขียนวเิ คราะห์ความสาคัญของ ความสาคญั ของ ความสาคญั ของ ความสาคัญของ ความสาคญั ของสหกรณใ์ นการ สหกรณ์ในการ สหกรณใ์ นการ สหกรณ์ในการ สหกรณใ์ นการพัฒนาเศรษฐกจิ ใน พัฒนาเศรษฐกจิ พฒั นาเศรษฐกจิ พฒั นาเศรษฐกจิ พฒั นาเศรษฐกจิระดบั ชมุ ชน ในระดบั ชมุ ชน ในระดบั ชุมชน ในระดับชุมชน ในระดับชุมชน พร้อมยกตัวอย่าง พรอ้ มยกตัวอย่าง พร้อมยกตัวอย่าง พรอ้ มยกตัวอย่าง ประกอบได้ถกู ต้อง ประกอบไดถ้ กู ตอ้ ง ประกอบไดถ้ ูกต้อง ประกอบไมถ่ ูกต้อง ชัดเจน คอ่ นขา้ งชัดเจน ชดั เจนบางส่วน2. การวิเคราะห์ เขยี นวิเคราะห์ เขียนวเิ คราะห์ เขยี นวเิ คราะห์ เขยี นวเิ คราะห์ความสาคัญของ ความสาคัญของ ความสาคัญของ ความสาคัญของ ความสาคญั ของสหกรณใ์ นการ สหกรณ์ในการ สหกรณใ์ นการ สหกรณ์ในการ สหกรณใ์ นการพัฒนาเศรษฐกิจ พัฒนา เศรษฐกจิ พฒั นา เศรษฐกิจ พัฒนา เศรษฐกิจ พัฒนา เศรษฐกจิระดับประเทศ ระดบั ประเทศ ระดับ ประเทศ ระดับ ประเทศ ระดับ ประเทศ พรอ้ ม พร้อม พรอ้ ม พร้อม ยกตวั อยา่ ง ยกตวั อย่าง ยกตวั อย่าง ยกตวั อย่าง ประกอบไดถ้ ูกตอ้ ง ประกอบได้ถกู ตอ้ ง ประกอบไดถ้ ูกตอ้ ง ประกอบไม่ถกู ตอ้ ง ชัดเจน ค่อนข้างชดั เจน ชดั เจนบางสว่ น3. การวเิ คราะห์ เขยี นวิเคราะห์ เขียนวิเคราะห์ เขยี นวเิ คราะห์ เขยี นวิเคราะห์ปัญหาเศรษฐกจิ ใน ปัญหาเศรษฐกจิ ใน ปัญหาเศรษฐกจิ ใน ปญั หาเศรษฐกจิ ใน ปัญหาเศรษฐกจิ ในชมุ ชนและแนว ชุมชนและเสนอ ชมุ ชนและเสนอ ชุมชนและเสนอ ชุมชนและเสนอทางแก้ไข แนวทาง แก้ไข แนวทาง แก้ไข แนวทาง แกไ้ ข แนวทาง แก้ไข อย่างมีเหตุผล และ อย่างมีเหตุผล และ อย่างมเี หตุผล และ อย่างไมม่ ีเหตุผล มีความเป็นไปได้ มคี วามเป็นไปได้ มีความเปน็ ไปได้ สมควร เปน็ สว่ นใหญ่ เป็นบางสว่ น เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 11-12 ดมี าก 9-10 ดี 7-8 พอใช้ 5-6 ปรบั ปรุง
[41]11. จดุ เนน้ ของโรงเรยี น การบูรณาการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งและกจิ กรรมสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียนปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ครู ผ้เู รียน18.ความพอประมาณ พอดดี ้านเทคโนโลยี พอดดี ้านจิตใจ รู้จัก ใช้เท ค โน โล ยีม าผ ลิ ตสื่ อ ที่ มี จิ ต ส า นึ ก ที่ ดี เ อ้ื อ อ า ท ร เหมาะสมและสอดคล้องเน้ือหาเป็น ป ระ นี ป ระ น อ ม นึ ก ถึ งป ระ โย ช น์ ประโยชน์ต่อผู้เรียนและพัฒนาจากภูมิ สว่ นรวม/กลมุ่ ปัญญาของผเู้ รียน19.ความมเี หตผุ ล - ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความ ไม่หยุดน่ิงท่ีหาหนทางในชีวิต หลุดพ้น ถูกต้อง สุจรติ แมจ้ ะตกอยใู่ นภาวะขาด จากความทุกข์ยาก (การค้นหาคาตอบ แคลน ในการดารงชีวติ เพอื่ ให้หลุดพน้ จากความไม่ร้)ู - ปฏิบตั ิตนในแนวทางที่ดี ลด เลิก ส่ิง ยว่ั กิเลสให้หมดสิ้นไป ไมก่ ่อความช่วั ให้ เป็นเคร่ืองทาลายตัวเอง ทาลายผู้อื่น พยายามเพมิ่ พูนรักษาความดี ทีม่ ีอยใู่ ห้ งอกงามสมบูรณย์ ่ิงขึ้น20.มภี มู ิคุมกันในตัวที่ดี ภมู ิปัญญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ภมู ปิ ัญญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ระมดั ระวัง ระมดั ระวงั สรา้ งสรรค์ ภูมธิ รรม : ซอื่ สัตย์ สจุ ริต ขยันอดทน ภมู ธิ รรม : ซอ่ื สตั ย์ สุจรติ ขยนั อดทน ตรงตอ่ เวลาและแบง่ ปัน ตรงต่อเวลา เสียสละและ แบ่งปนั21.เงื่อนไขความรู้ ความรอบรู้ เร่ือง งานและกาลัง ความรอบรู้ เร่ือง งานและกาลัง ท่ีเกี่ยวข้องรอบด้าน ความรอบคอบท่ี กรณีท่ีเกิดงาน ปริมาณท่ีเก่ียวข้อง การ จะนาความรู้เหล่าน้ันมาพิจารณาให้ คานวณสูตรท่ีต้องใช้ สามารถนาความรู้ เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผน เหล่านั้นมาพิจารณาให้เช่ือมโยงกัน การดาเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สามารถประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ิตประจาวนั ใหก้ บั ผู้เรยี น22.เงอื่ นไขคณุ ธรรม มคี วามตระหนักใน คุณธรรม มี มีความตระหนักใน คุณธรรม มี ความซอื่ สตั ย์สจุ รติ และมีความอดทน ความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มี มีความเพียร ใช้สตปิ ัญญาในการ ความเพียร ใช้สติปัญญาในการดาเนิน ดาเนนิ ชีวิต ชีวติ
[42] กจิ กรรม ครู ผูเ้ รยี นสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนงานและกาลัง งานและกาลัง งานและกาลัง- การเกิดงานแตล่ ะกรณี - ปัจจัยท่ีมีผลต่อการเกิด - ระบปุ ัจจยั ท่ีมผี ลตอ่ การเกิดงาน- การเกิดกาลัง การได้เปรียบ งาน - ทดลองเปรียบเทียบการเกดิ งานและเชิงกล - ปริมาณที่เก่ียวข้องกับ กาลงั พร้อมคานวณปรมิ าณท่ีเกี่ยวข้อง การเกิดงานและกาลงังานและกาลงั งานและกาลงั งานและกาลัง- การเกิดงานแตล่ ะกรณี - ปัจจัยท่ีมีผลต่อการเกิด - ระบุปัจจัยทม่ี ีผลตอ่ การเกดิ งาน- การเกิดกาลัง การได้เปรียบ งาน - ทดลองเปรียบเทยี บการเกิดงานและเชงิ กล - ปริมาณท่ีเก่ียวข้องกับ กาลัง พรอ้ มคานวณปริมาณที่เกย่ี วขอ้ ง การเกิดงานและกาลงั ลงช่ือ..................................................ผสู้ อน (นายนิกร ไชยบตุ ร) ลงชอื่ ...................................................ผู้นิเทศ (............................................)
[43] แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4คาชแี้ จง ให้นกั เรยี นเลือกคาตอบที่ถูกตอ้ งทีส่ ดุ เพียงขอ้ เดยี ว1. สหกรณ์เปน็ การรวมตวั ของกล่มุ บุคคลท่ีมีจดุ มงุ่ หมาย 6. ร้านสหกรณ์บา้ นสนิ ใช้ ซง่ึ เปน็ ร้านสหกรณแ์ ห่งแรกของอย่างเดียวกนั โดยมีหลักการสาคัญในข้อใด ไทยอยู่ท่ีจงั หวัดใดก. มีสทิ ธเิ สมอกัน แตม่ ่งุ ช่วยเหลือผทู้ ่ีมีฐานะยากจน ก. เชียงรายข. มีกฎระเบียบขอ้ บังคบั ตรงตามกฎหมาย ไมม่ กี าร ข. พิษณโุ ลกแก้ไข ค. กรงุ เทพมหานครค. ยดึ หลักประชาธปิ ไตย ไม่แสวงหากาไร มกี ารแบง่ ปัน ง. นครศรีอยธุ ยผลประโยชนอ์ ยา่ งยุตธิ รรม 7. สหกรณ์จะประสบความสาเร็จนน้ั ขึน้ อยกู่ ับปัจจัยสาคัญง. มีปจั จยั การผลติ เช่นเดียวกบั ธรุ กจิ ท่วั ไป แตม่ ีการ หลายประการ ยกเวน้ ข้อใดบริหารจัดการภายในชมุ ชนเทา่ นน้ั ก. ผู้มีทุนทรัพย์คอยสนับสนุน2. บิดาแหง่ การสหกรณ์ของโลกคอื ใคร ข. สมาชกิ มีความรใู้ นระบบสหกรณ์ก. นายฟรีตริก วลิ เฮลม์ ไรฟไ์ ฟเซน ค. คณะกรรมการดาเนนิ งานมคี วามซือ่ สัตย์ข. นายแพทยว์ ลิ เลียม คิง ง. ผจู้ ัดการและเจา้ หน้าทม่ี ีความรูค้ วามสามารถค. นายเฮอรม์ มั ซลู ซ์ 8. ข้อใดเปน็ ปัญหาสาคัญของเศรษฐกจิ ในชมุ ชนง. โรเบิรต์ โอเวน ก. ประชาชนจานวนมากอยใู่ นวยั เดก็ มากกว่าผใู้ หญ่3. สหกรณ์แรกท่เี กิดข้ึนในโลก ก่อตัง้ จากกลมุ่ อาชีพใด ข. ความยากจน ขาดแคลนบุคลากรทมี่ คี วามรู้ก. ทอผา้ ค. เส้นทางการคมนาคมไมส่ ะดวกข. เกษตร ง. ระบบการสือ่ สารล่าช้าค. ประมง 9. แนวทางการแกป้ ญั หาเศรษฐกจิ ในชุมชนโดยการสรา้ งง. ร้านคา้ ความเขม้ แข็งในชุมชนทส่ี าคัญคือขอ้ ใด4. สหกรณแ์ หง่ แรกของไทย จัดตัง้ ข้ึนที่จังหวัดใด ก. ประชาชนรว่ มมอื กนั แกป้ ญั หา และรู้จักใช้ก. กรุงเทพมหานคร ทรัพยากรในทอ้ งถน่ิ อย่างคุ้มค่าข. พษิ ณโุ ลก ข. ตัวแทนองคก์ รของรฐั เข้าไปชว่ ยแนะนาแนวค. เชียงใหม่ ทางการแกไ้ ขปญั หาง. ปทมุ ธานี ค. รว่ มมอื กันสรา้ งเส้นทางการคมนาคมและสาธารณ5. สหกรณ์ใดท่ีมวี ตั ถุประสงคเ์ พอ่ื ลดคา่ ใชจ้ า่ ยในครอบครวั สมบตั ิก. สหกรณ์การเกษตร ง. ประชาชนทุกคนรวมตัวกนั จดั ต้งั สหกรณก์ ารเกษตรข. สหกรณอ์ อมทรพั ย์ค. สหกรณ์ร้านคา้ง. สหกรณ์บริการ
[44]10. ชมุ ชนไม้งามเปน็ ชมุ ชนท่สี มาชกิ ทุกคนรว่ มมอื กันพัฒนาอาชพี และใชท้ รัพยากรอยา่ งเหมาะสม จะส่งผลดตี ่อชุมชนมากท่ีสุดในข้อใดก. สามารถอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาตใิ ห้ยัง่ ยนืข. สมาชิกในชมุ ชนมีรายไดท้ ่มี ่ันคงค. เป็นชุมชนตัวอยา่ งของชุมชนอ่ืนง. พัฒนาชมุ ชนให้เข้มแขง็เฉลย 1. ค 2. ง 3. ก 4. ข 5. ค 6. ง 7. ก 8. ข 9. ก 10. ง
Search
Read the Text Version
- 1 - 44
Pages: