Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Education 4 in active

Education 4 in active

Published by lungling-1, 2017-10-13 22:36:33

Description: Education 4 in active

Search

Read the Text Version

นางสาวณฐั ธิดา งามตา รหสั นิสิต 59207654 นางสาวจตุพร ไชยราช รหัสนิสติ 59206656 นางสาวรุง่ ทิวา ควรคิด รหสั นิสิต 59207014 นางสาวยุพา สิรอิ านวยศกั ด์ิ รหสั นิสิต 59207003เสนอ ดร.วิลาวลั ย์ สมยาโรนวิชา นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศกึ ษาสาขาวชิ า บรหิ ารการศึกษา วิทยาลยั การศึกษา มหาวิทยาลยั พะเยา

สารบญั กเรื่อง หน้าคานา กสารบัญ ขความเป็นมาของยุค Thailand 4.0 1การศึกษาในยคุ Thailand 4.0 4เทคนิคการจดั การเรียนการสอนในยคุ 9Thailand 4.0 9 - Active Learning 9 - ความหมายของ Active Learning 11 - ลกั ษณะของการจดั การเรียนการ 12 สอนแบบ Active Learning - บทบาทของอาจารย์ผู้สอน ในการจัด 12 กิจกรรมการเรียนรตู้ ามแนวทางของ ค Active Learning - ตวั อย่างเทคนิคการจดั การเรียนรู้ แบบ Active Learningเอกสารอ้างองิ

ข คานา คณะผู้จดั ทาได้จัดทารายงานเรือ่ ง Education 4.0 in Active Learning ทาให้เราทราบถึงวิธีการจัดการเรียนการสอนในยคุ Thailand 4.0 เพ่อื พัฒนาให้ผู้เรียนเกิดทกั ษะการเรียนรเู้ พอ่ื เตรียมพร้อมเขา้ สู่ยคุ แรงงาน 4.0 ดังนั้นในส่วนเน้ือหารายงานอาจจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ท่ีศึกษารายงานเล่มน้ีและเพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ทีศ่ ึกษานาไปปฏิบัติ คณะผู้จดั ทา

1 Education 4.0 in Active Learning1. ความเป็นมาของยคุ Thailand 4.0 Thailand 4.0 เป็นวสิ ัยทัศนเ์ ชงิ นโยบาย ทีเ่ ปลี่ยนเศรษฐกิจแบบเดมิ ไปสเู่ ศรษฐกิจท่ีขบั เคล่ือนดว้ ยนวตั กรรม….ซึ่งกว่าจะมาเป็น Thailand 4.0 กต็ อ้ งผ่าน 1.0 2.0 และ 3.0 กนัมาก่อน ● Thailand 1.0 กค็ อื ยุคของเกษตรกรรม คนไทยปลกู ข้าว พืชสวน พืชไร่ เล้ียงหมู เป็ด ไก่ นาผลผลิตไปขาย สรา้ งรายได้และยงั ชีพ ● Thailand 2.0 ซึง่ กค็ ือยคุ อุตสาหกรรมเบา ในยุคนเี้ รามีเคร่อื งมือเข้ามาช่วย เรา ผลิตเสือ้ ผ้า กระเป๋า เคร่ืองด่มื เคร่อื งเขียน เคร่อื งประดบั เป็นต้น ประเทศเร่มิ มี ศกั ยภาพมากข้ึน

2 ● Thailand 3.0 (ยคุ ปัจจบุ นั ) เป็นยุคอตุ สาหกรรมหนกั เราผลติ และขายสง่ ออก เหล็กกลา้ รถยนต์ ก๊าซธรรมชาติ ปนู ซีเมน เป็นต้น โดยใช้เทคโนโลยีจาก ตา่ งประเทศ เพอ่ื เน้นการสง่ ออก ในช่วงแรก Thailand 3.0 เติบโตอย่างตอ่ เน่อื ง แตป่ ัจจบุ ันกลบั เติบโตเพียงแค่ 3-4%ตอ่ ปเี ท่าน้ัน ประเทศไทยจึงตกอยู่ช่วงรายได้ปานกลางมาเป็นเวลากว่า 20 ปีแลว้ ในขณะท่ีทว่ั โลกมีการแข่งขันทีส่ ูงข้นึ เราจงึ ต้องเปลย่ี นสู่ยคุ Thailand 4.0 เพ่อื ให้ประเทศไทยให้กลายเปน็ กลุ่มประเทศที่มีรายได้สูง ในปัจจุบนั ประเทศไทยยงั ติดอยู่ในโมเดลเศรษฐกิจแบบ “ทามาก ได้นอ้ ย” จึงตอ้ งการปรบั เปลี่ยนเป็น “ทานอ้ ย ได้มาก” ก็จะต้องเปลีย่ นจากการผลิตสินค้า“โภคภณั ฑ”์ไปสสู่ นิ ค้าเชิง“นวัตกรรม” และเปลย่ี นจากการขบั เคลือ่ นประเทศดว้ ยภาคอตุ สาหกรรมไปสกู่ ารขับเคล่อื นด้วยเทคโนโลยี ความคดิ สร้างสรรค์ และนวัตกรรม

3 ● อย่างการเกษตรกต็ ้องเปลี่ยนจากการเกษตรแบบดงั้ เดมิ ไปสกู่ ารเกษตร สมยั ใหม่ ท่เี น้นการบริหารจัดการและใชเ้ ทคโนโลยีหรือ Smart Farming โดย เกษตรกรต้องร่ารวยขนึ้ และเปน็ เกษตรกรแบบเป็นผู้ประกอบการ ● เปล่ยี นจาก SMEs แบบเดมิ ไปสกู่ ารเปน็ Smart Enterprises และ Startups ทม่ี ี ศกั ยภาพสงู ● เปล่ยี นจากรปู แบบบรกิ ารแบบเดมิ ซึ่งมีการสร้างมลู ค่าคอ่ นขา้ งต่า ไปสบู่ ริการท่ี มีมลู ค่าสูง ● เปลย่ี นจากแรงงานทักษะต่าไปสแู่ รงงานที่มีความรู้และทกั ษะสูงโมเดลของ Thailand 4.0 น่นั คอื มั่นคง มงั่ คั่ง และยัง่ ยืน

4 2. การศึกษาในยคุ Thailand 4.0 การเขา้ สไู่ ทยแลนด์ 4.0 เป็นการเข้าสู่ยคุ ท่ปี ระเทศไทยต้องมนี วัตกรรมเปน็ ของตนเอง ไม่ต้องพึ่งจากตา่ งชาติ ซึ่งเปน็ โจทย์ท่ีทา้ ยทายสงู มากๆ ทาอย่างไรเราจะพัฒนานวตั กรรมเป็นของตนเองได้ท้ังๆ ท่เี รามีทรัพยากรท่มี ีอยู่ในประเทศมากมาย เชน่ ขา้ วยางพารา แร่ ผลผลติ ทางการเกษตรอ่ืนๆ เราทาอย่างไรท่จี ะมีผลิตภัณฑ์เกย่ี วกับเร่อื งขา้ วที่มากกว่าอาหารประจาวัน เราทาอย่างไรทจ่ี ะมีผลติ ภัณฑย์ างพารา นอกเหนอื จากนา้ยางพารา หรืออน่ื ๆ ทเ่ี ป็นนวตั กรรมของเรา เราเคยมีวทิ ยุ โทรทัศนย์ ีห่ ้อธานนิ ท์ ซึง่ เป็นของคนไทยผลติ โดยคนไทย แต่เสียดายไม่ไดต้ อ่ ยอดและต้องปิดตวั เองไป ถึงเวลาทีท่ ุกภาคส่วนตอ้ งเข้ามาช่วยระดมความคิดในการพัฒนาประเทศให้เข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 กระทรวงศกึ ษาธกิ าร เปน็ ภาคส่วนหนง่ึ ที่เข้ามาสว่ นร่วมในการพฒั นาประเทศให้เข้าสยู่ ุคไทยแลนด์ 4.0 ภายใตก้ รอบยทุ ธศาสตร์ระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579) โรงเรยี นและหน่วยงานต้องวางแผนงานให้รองรับกรอบยุทธศาสตร์ชาตทิ งั้ 6 ดา้ น คือ 1. ความมนั่ คง 2. การสร้างความสามารถในการแขง่ ขัน 3. การลงทนุ ในทรพั ยากรมนุษย์ 4. การสร้างโอกาสและความเสมอภาคและการลดความเลือ่ มล้าทางสังคม 5. การสร้างการเตบิ โตบนคุณภาพชวี ิตทเ่ี ปน็ มิตรกับสง่ิ แวดลอ้ ม 6. การปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบรหิ ารจัดการภาครัฐ

5 ดังนน้ั กระทรวงศกึ ษาธิการได้นายทุ ธศาสตร์ชาติ 20 ปี นามาเช่อื โยงกบั ยทุ ธศาสตร์การศึกษา 20 ปี และแผนพัฒนาฉบับที่ 12 เพ่อื กาหนดแผนพัฒนาการศึกษาของชาติ ดงั น้ี

6

7จากกรอบการศึกษาแห่งชาติ ผลลพั ธส์ ุดท้ายผู้เรยี นจะต้องมีทกั ษะดงั น้ี

8

93. เทคนิคการจัดการเรียนการสอนในยุคThailand 4.0 3.1 Active Learningความหมายของ Active Learningกระบวนการจัดการเรียนรู้ทีผ่ ู้เรียนได้ลงมือกระทาและได้ใช้กระบวนการคดิ เกีย่ วกับส่งิ ทีเ่ ขาได้กระทาลงไป (Bonwell, 1991) เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ภายใตส้ มมตฐิ านพนื้ ฐาน 2 ประการคือ 1) การเรียนรเู้ ปน็ ความพยายามโดยธรรมชาติของมนษุ ย์, และ 2) แต่ละบคุ คลมีแนวทางในการเรยี นรู้ที่แตกต่างกัน (Meyers and Jones, 1993) โดยผู้เรียนจะถกูเปล่ยี นบทบาทจากผู้รับความรู้(receive) ไปสกู่ ารมีสว่ นร่วมในการสรา้ งความรู้(co-creators)( Fedler and Brent, 1996) Active Learning เป็นกระบวนการเรียนการสอนอย่างหนง่ึ แปลตามตัวก็คอื เปน็ การเรียนรผู้ ่านการปฏิบัติ หรือ การลงมือทาซึง่ ” ความรู้ “ทเ่ี กดิ ขึ้นกเ็ ป็นความรู้ที่ได้จากประสบการณ์ กระบวนการในการจดั กจิ กรรมการเรียนรทู้ ่ผี ู้เรยี นตอ้ งได้มีโอกาสลงมือกระทามากกว่าการฟงั เพียงอย่างเดยี ว ตอ้ งจัดกิจกรรมให้ผู้เรยี นได้การเรียนรโู้ ดยการอา่ น,การเขยี น, การโต้ตอบ, และการวิเคราะห์ปัญหา อกี ทั้งให้ผู้เรียนไดใ้ ช้กระบวนการคดิ ข้ันสูงได้แกก่ ารวเิ คราะห,์ การสังเคราะห์,และการประเมินคา่ กระบวนการเรียนรู้ Active Learning ทาใหผ้ เู้ รียนสามารถรกั ษาผลการเรียนรู้ให้อยู่คงทนได้มากและนานกวา่ กระบวนการเรียนรู้ Passive Learning เพราะกระบวนการเรียนรู้ Active Learning สอดคลอ้ งกบั การทางานของสมองทเ่ี ก่ยี วข้องกับความจา โดยสามารถเก็บและจาสง่ิ ทีผ่ ู้เรียนเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วม มีปฏิสัมพนั ธ์ กบั เพือ่ นผู้สอน สง่ิ แวดลอ้ ม การเรียนรไู้ ด้ผ่านการปฏิบัตจิ ริง จะสามารถเกบ็ จาในระบบความจาระยะยาว (Long Term Memory) ทาให้ผลการเรียนรู้ ยงั คงอยู่ไดใ้ นปริมาณทม่ี ากกว่า ระยะยาวกว่า ซึ่งอธิบายไว้ ดังรปู

10 จากรปู จะเห็นไดว้ ่า กรวยแห่งการเรียนรนู้ ้ไี ดแ้ บ่งเปน็ 2 กระบวนการ คือ กระบวนการเรียนรู้ Passive Learning● กระบวนการเรียนรโู้ ดยการอา่ นท่องจาผู้เรยี นจะจาได้ในสง่ิ ที่เรียนไดเ้ พยี ง 10%● การเรียนรโู้ ดยการฟังบรรยายเพียงอย่างเดยี วโดยท่ผี ู้เรยี นไม่มีโอกาสไดม้ สี ว่ นร่วมใน การเรียนรดู้ ว้ ยกิจกรรมอน่ื ในขณะที่อาจารย์สอนเมื่อเวลาผ่านไปผู้เรยี นจะจาได้ เพยี ง 20%● หากในการเรียนการสอนผู้เรียนมีโอกาสไดเ้ ห็นภาพประกอบด้วยกจ็ ะทาให้ผลการ เรียนรคู้ งอยู่ไดเ้ พม่ิ ขึน้ เป็น 30%● กระบวนการเรียนรทู้ ผ่ี ู้สอนจดั ประสบการณ์ให้กบั ผู้เรียนเพิ่มข้ึน เชน่ การให้ดู ภาพยนตร์ การสาธิต จัดนิทรรศการให้ผู้เรียนได้ดู รวมท้ังการนาผู้เรียนไปทศั น ศึกษา หรือดงู าน กท็ าให้ผลการเรียนรเู้ พ่มิ ขึน้ เป็น 50% การบวนการเรียนรู้ Active Learning● การให้ผู้เรียนมีบทบาทในการแสวงหาความรู้และเรียนรอู้ ย่างมีปฏิสัมพันธจ์ นเกิด ความรู้ ความเข้าใจนาไปประยุกตใ์ ช้สามารถวิเคราะห์ สงั เคราะห์ ประเมินคา่ หรอื สรา้ งสรรคส์ ่งิ ต่างๆ และพฒั นาตนเองเต็มความสามารถ รวมถึงการจดั

11 ประสบการณ์การเรียนรู้ให้เขาได้มีโอกาสรว่ มอภิปรายให้มีโอกาสฝึกทักษะการสือ่ สาร ทาให้ผลการเรียนรเู้ พ่มิ ขึ้น 70% ● การนาเสนองานทางวิชาการ เรยี นรู้ในสถานการณ์จาลอง ท้ังมีการฝึกปฏิบตั ิ ใน สภาพจรงิ มีการเชื่อมโยงกบั สถานการณ์ ตา่ งๆ ซึ่งจะทาให้ผลการเรียนรู้เกิดข้นึ ถึง 90%ลักษณะของการจดั การเรียนการสอนแบบ Active Learning เปน็ ดงั น้ี (ไชยยศ เรืองสุวรรณ, 2553) 1. เป็นการเรียนการสอนที่พัฒนาศักยภาพทางสมอง ได้แก่ การคดิ การ แก้ปญั หา และการนาความรู้ไปประยุกตใ์ ช้ 2. เป็นการเรียนการสอนที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีสว่ นร่วมในกระบวนการเรียนรู้ สงู สดุ 3. ผู้เรยี นสรา้ งองคค์ วามรู้และจัดกระบวนการเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง 4. ผู้เรยี นมีส่วนร่วมในการเรียนการสอนทั้งในดา้ นการสรา้ งองคค์ วามรู้ การ สรา้ งปฏิสมั พนั ธร์ ่วมกัน รว่ มมือกันมากกว่าการแข่งขนั 5. ผู้เรียนเรียนรคู้ วามรบั ผิดชอบรว่ มกนั การมีวินยั ในการทางาน และการแบ่ง หน้าทค่ี วามรบั ผิดชอบ 6. เป็นกระบวนการสร้างสถานการณ์ให้ผู้เรียนอ่าน พูด ฟงั คดิ อย่างลุ่มลึก ผู้เรยี นจะเปน็ ผู้จดั ระบบการเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง 7. เป็นกจิ กรรมการเรียนการสอนที่เน้นทักษะการคิดขนั้ สงู 8. เป็นกจิ กรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนบรู ณาการข้อมลู ข่าวสาร หรือสารสนเทศ และหลกั การความคิดรวบยอด 9. ผู้สอนจะเป็นผู้อานวยความสะดวกในการจดั การเรียนรู้ เพอ่ื ให้ผู้เรียนเปน็ ผู้ ปฏิบัติด้วยตนเอง

12 10. ความรู้เกดิ จากประสบการณ์ การสร้างองค์ความรู้ และการสรปุ ทบทวนของ ผู้เรยี นบทบาทของอาจารย์ผู้สอน ในการจัดกจิ กรรมการเรียนร้ตู ามแนวทางของ ActiveLearning ดังน้ีจัดให้ผู้เรียนเปน็ ศูนย์กลางของการเรียนการสอน กิจกรรมตอ้ งสะทอ้ นความตอ้ งการในการพฒั นาผู้เรยี นและเน้นการนาไปใช้ประโยชน์ในชวี ิตจริงของผู้เรียน1. สรา้ งบรรยากาศของการมีส่วนร่วม และการเจรจาโต้ตอบท่สี ง่ เสรมิ ให้ผู้เรียนมี ปฏิสัมพันธท์ ด่ี กี ับผู้สอนและเพ่อื นในชั้นเรียน2. จัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้เป็นพลวตั สง่ เสริมให้ผู้เรียนมี สว่ นร่วมในทุกกิจกรรม รวมท้ังกระตุ้นให้ผู้เรยี นประสบความสาเรจ็ ในการเรยี นรู้3. จัดสภาพการเรียนรแู้ บบร่วมมือ สง่ เสริมให้เกดิ การรว่ มมือในกลมุ่ ผู้เรียน4. จดั กิจกรรมการเรียนการสอนให้ท้าทาย และให้โอกาสผู้เรียนได้รับวิธีการสอนท่ี หลากหลาย5. วางแผนเกีย่ วกบั เวลาในจัดการเรียนการสอนอย่างชดั เจน ทั้งในส่วนของเน้อื หา และ กิจกรรม6. ครผู ู้สอนตอ้ งใจกว้าง ยอมรบั ในความสามารถในการแสดงออก และความคิดเของที่ ผู้เรยี นตัวอย่างเทคนิคการจัดการเรียนรแู้ บบ Active Learningการจดั การเรียนรแู้ บบ Active Learning สามารถสรา้ งให้เกดิ ขึน้ ได้ทง้ั ในห้องเรยี นและนอกห้องเรยี น รวมท้ังสามารถใช้ได้กบั นกั เรยี นทกุ ระดับ ทั้งการเรียนรู้เป็นรายบคุ คล การเรียนรู้แบบกลมุ่ เลก็ และการเรียนรู้แบบกลุ่มใหญ่ McKinney (2008) ได้เสนอตัวอย่างรูปแบบหรือเทคนิค การจดั กิจกรรมการเรียนรทู้ ่จี ะชว่ ยให้ผู้เรยี นเกดิ การเรียนรแู้ บบ ActiveLearning ได้ดี ได้แก่

131. การเรียนรแู้ บบแลกเปล่ยี นความคดิ (Think-Pair-Share) คอื การจดั กิจกรรมการ เรียนรทู้ ่ใี ห้ผู้เรยี นคดิ เกี่ยวกับประเด็นทีก่ าหนดแต่ละคน ประมาณ 2-3 นาที (Think) จากน้ันให้แลกเปลีย่ นความคิดกับเพื่อนอีกคน 3-5 นาที (Pair) และนาเสนอความคิดเหน็ ตอ่ ผู้เรียนทั้งหมด (Share) รปู ภาพ : การเรียนรแู้ บบแลกเปลี่ยนความคิด 2. การเรียนรแู้ บบร่วมมือ (Collaborative learning group) คอื การจัดกิจกรรม การเรียนรทู้ ่ใี ห้ผู้เรยี นได้ทางานร่วมกับผู้อ่นื โดยจดั เปน็ กลุ่มๆ ละ 3-6 คน

14 รูปภาพ : การเรียนแบบร่วมมอื3. การเรียนรูแ้ บบทบทวนโดยผเู้ รียน (Student-led review sessions) คอื การจัด กิจกรรมการเรียนรทู้ เ่ี ปิดโอกาสให้ผู้เรยี นได้ทบทวนความรู้และพิจารณาข้อสงสัย ตา่ ง ๆ ในการปฏิบตั ิกจิ กรรมการเรียนรู้ โดยครจู ะคอยช่วยเหลอื กรณีท่มี ีปญั หา4. การเรียนรู้แบบใชเ้ กม (Games) คอื การจัดกิจกรรมการเรียนรทู้ ่ผี ู้สอนนาเกมเข้า บรู ณาการในการเรียนการสอน ซึ่งใช้ไดท้ งั้ ในข้ันการนาเข้าสู่บทเรียน การสอน การ มอบหมายงาน และหรือขนั้ การประเมินผล รูปภาพ : การเรียนรแู้ บบใช้เกม5. การเรียนรูแ้ บบวเิ คราะห์วีดีโอ (Analysis or reactions to videos) คือการจดั กิจกรรมการเรียนรทู้ ่ใี ห้ผู้เรยี นได้ดูวีดีโอ 5-20 นาที แล้วให้ผู้เรียนแสดงความคดิ เหน็ หรือสะทอ้ นความคิดเกี่ยวกบั สง่ิ ที่ไดด้ ู อาจโดยวิธีการพดู โต้ตอบกัน การเขียน หรือ การรว่ มกันสรปุ เป็นรายกลุ่ม

156. การเรียนรแู้ บบโต้วาที (Student debates) คอื การจดั กิจกรรมการเรียนรทู้ ่ีจัดให้ ผู้เรยี นได้นาเสนอข้อมลู ท่ไี ด้จากประสบการณ์และการเรียนรู้ เพอ่ื ยืนยนั แนวคดิ ของ ตนเองหรอื กลมุ่ รปู ภาพ : การเรียนรู้แบบโต้วาที7. การเรียนรแู้ บบผู้เรียนสรา้ งแบบทดสอบ(Student generated exam questions) คอื การจัดกิจกรรมการเรียนรทู้ ่ใี ห้ผู้เรยี นสรา้ งแบบทดสอบจากสิง่ ท่ไี ด้ เรียนรมู้ าแล้ว

168. การเรียนรูแ้ บบกระบวนการวจิ ัย(Mini-research proposals or project) คอื การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ทีอ่ ิงกระบวนการวิจยั โดยให้ผู้เรียนกาหนดหัวข้อท่ี ตอ้ งการเรียนรู้ วางแผนการเรียน เรียนรู้ตามแผน สรปุ ความรู้หรือสร้างผลงาน และ สะทอ้ นความคิดในส่งิ ที่ไดเ้ รียนรู้ หรืออาจเรียกว่าการสอนแบบโครงงาน(project- based learning) หรือ การสอนแบบใช้ปญั หาเป็นฐาน(problem-based learning)9. การเรียนรู้แบบกรณีศกึ ษา (Analyze case studies) คอื การจดั กิจกรรมการ เรียนรทู้ ่ใี ห้ผู้เรยี นได้อ่านกรณีตวั อย่างทีต่ ้องการศึกษา จากนน้ั ให้ผู้เรียนวิเคราะห์ และแลกเปล่ยี นความคิดเหน็ หรือแนวทางแก้ปญั หาภายในกลมุ่ แล้วนาเสนอความ คดิ เหน็ ต่อผู้เรยี นทงั้ หมด10. การเรียนรแู้ บบการเขียนบันทกึ (Keeping journals or logs) คอื การจัดกิจกรรมการ เรียนรทู้ ่ผี ู้เรยี นจดบันทึกเรื่องราวตา่ งๆ ท่ไี ด้พบเห็น หรือเหตุการณ์ที่เกิดข้ึนในแต่ละ วัน รวมทั้งเสนอความคิดเพ่มิ เตมิ เกีย่ วกับบันทึกทเ่ี ขียน รปู ภาพ : การเรียนรแู้ บบเขียนบนั ทึก11. การเรียนรู้แบบการเขยี นจดหมายข่าว (Write and produce a newsletter) คอื การจัดกิจกรรมการเรียนรทู้ ่ใี ห้ผู้เรยี นร่วมกันผลิตจดหมายขา่ ว อนั ประกอบดว้ ย บทความ ขอ้ มลู สารสนเทศ ขา่ วสาร และเหตกุ ารณ์ท่เี กดิ ขึน้ แลว้ แจกจ่ายไปยัง บคุ คลอน่ื ๆ

1712. การเรียนรแู้ บบแผนผังความคิด (Concept mapping) คอื การจดั กิจกรรมการเรียนรทู้ ่ี ให้ผู้เรยี นออกแบบแผนผงั ความคดิ เพ่อื นาเสนอความคดิ รวบยอด และความ เชอ่ื มโยงกนั ของกรอบความคิด โดยการใช้เสน้ เป็นตัวเช่อื มโยง รูปภาพ : การเรียนรแู้ บบแผนผังความคิด

ค เอกสารอ้างอิงทม่ี าภาพ :1. http://www.si-merd.com/images/com_hikashop/active-learning.png2. http://www.si-merd.com/images/banner-active-learning-960×300-si-merd-1.jpg3. http://www.krusmart.com/active-learning-approach/Tags: การสอนแบบ active learning, การเรียนรู้แบบ Active Learning, กิจกรรมการเรียนรู้แบบ Active Learning, วิธีสอนท่เี นน้ การเรยี นรู้เชิงรกุ , หนังสือ การเรียนรู้แบบActiveLearningจากผูใ้ หญล่ ี ถึงการศกึ ษาไทย 4.0ตน้ ฉบับโดย ดร.โพยม จนั ทรน์ อ้ ยhttp://www.birdkm.com/outside-classroom/outsideclass/thai-education-40https://www.google.co.th/search?q=%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2+4.0&dcr=0&tbm=isch&tbo=u&source=univ&sa=X&ved=0ahUKEwiK2KzauurWAhVDgI8KHfhFD7MQsAQIOA&biw=1366&bih=673#imgrc=_&spf=1507789803070


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook