Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore E.Book สมุนไพรพื้นบ้าน (1)

E.Book สมุนไพรพื้นบ้าน (1)

Published by Nattida Ruengrit, 2021-01-28 05:12:51

Description: E.Book สมุนไพรพื้นบ้าน (1)

Search

Read the Text Version

คำนำ พชื สมนุ ไพร หมายถึง พชื ท่ใี ชท้ ำเป็นยารกั ษาโรค โดยใช้ส่วนต่างของ พืชชนดิ เดียว หรือหลายชนิดพรอ้ มกนั พชื สมุนไพรเปน็ กลมุ่ พชื ทอี่ ยู่ใน ความสนใจ และมีผูศ้ กึ ษาทางดา้ นพฤกษศาสตร์พ้ืนบา้ นมากท่ีสดุ ยา รกั ษาโรคปัจจบุ ันหลายขนาน ท่ีผลิตเปน็ อตุ สาหกรรม ไดม้ าจากการ ศึกษาวจิ ัย การใช้พืชสมนุ ไพรพื้นบ้านของกล่มุ ชนพ้ืนเมอื ง ตามป่าเขา หรอื ในชนบท ท่ไี ด้รบั การถ่ายทอดมาจากบรรพบรุ ุษ ที่ได้สงั เกตวา่ พืช ใดนำมาใชบ้ ำบัดโรคได้ มีสรรพคณุ อย่างไร จากการเรียนรู้ดว้ ย ประสบการณ์ และการทดลองแบบพ้ืนบ้าน ทไี่ ด้ทงั้ ข้อดี และ ข้อผดิ พลาดพชื สมุนไพรพื้นบา้ นในตำรับยาไทยมหี ลายร้อยชนิด จะ นำมากล่าวถงึ เป็นตวั อยา่ งเพยี งบางชนิด แยกตามกลมุ่ พืชทใี่ ช้บำบัด โรคต่างๆ

สมนุ ไพรพ้นื บา้ น ประวัติความเปน็ มา สมนุ ไพรคอื อะไร คำวา่ สมุนไพร ตามพระราชบัญญัตหิ มายความถึง ยาทีไ่ ด้จากพชื สัตว์ และแร่ ซึ่งยงั มิไดม้ ี การผสมปรุงหรือแปรสภาพ (ยกเว้นการทำให้แห้ง) เช่น พืชก็ยังคงเป็นส่วนของราก ลำต้น ใบ ดอก ผล ฯลฯ ยังไม่ได้ผ่านขั้นตอนการแปรรูปใดๆ เช่น การหั่น การบด การกลั่น การสกัดแยก รวมทั้งการผสมกับสารอื่นๆ แต่ในทางการค้า สมุนไพรมักจะถูกดดั แปลงในรูปแบบ ต่างๆ เช่น ถูก หั่นเป็นช้ินเล็กลง บดให้เป็นผง อัดให้เป็นแท่ง หรือปอกเปลือกออก เป็นต้น เมื่อพูดถึงสมุนไพร คนทั่วๆ ไปมักจะนึกถึงเฉพาะพืชที่นำมาใช้ประโยชน์ในทางยา ทั้งน้ีเพราะ สัตว์ และแร่มีการใช้ น้อย จะใชเ้ ฉพาะในโรคบางชนิดเท่านัน้ ประวัตขิ องการใช้สมนุ ไพร สมุนไพร คือ ของขวัญที่ธรรมชาติมอบให้กับมวลมนุษยชาติ มนุษย์เรารู้จักใช้สมุนไพรใน ดา้ นการบำบัดรักษาโรค นับแต่ยคุ นีแอนเดอรท์ ัลในประเทศอริ กั ปัจจบุ นั ทห่ี ลุมฝงั ศพพบว่ามกี ารใช้ สมุนไพรหลายพันปีมาแล้วท่ีชาวอินเดียแดงในเม็กซิโก ใช้ต้นตะบองเพชร(Peyate) เป็นยาฆ่าเช้ือ และรักษาบาดแผล ปัจจุบันพบว่า ตะบองเพชรมีฤทธ์ิกล่อมประสาทประมาณ 4,000 ปีมาแล้ว ที่ ชาวสุเมเรยี นได้เข้ามาต้ั งรกราก ณ บริเวณแมน่ ้ำไทกรสิ และยูเฟรตสิ ปัจจุบัน คือ ประเทศอิรัก ใช้ สมุนไพร เช่น ฝ่ิน ชะเอม ไทม์ และมัสตาร์ด และต่อมาชาวบาบิโลเนียน ใช้สมุนไพรเพ่ิมเติมจาก ชาวสุเมเรียน ได้แก่ใบมะขามแขก หญ้าฝรั่น ลกู ผักชี อบเชย และกระเทียม ในยุคต่อมาอียิปต์โบราณมี อิมโฮเทป แพทย์ผู้มีชื่อเสียงซึ่งต่อมาได้รับการยกย่องให้เป็น เทพเจ้าแห่งการรักษาโรค ของอียิปต์ มีตำราสมุนไพรที่เก่าแก่ คือ Papytus Ebers ซ่ึงเขียน เม่ือ 1,600 ปี ก่อนคริสตศักราช ซ่ึงค้นพบโดยนักอียิปต์วิทยาชาวเยอรมันนี ช่ือ Georg Ebers ใน ตำรานี้ได้กล่าวถึงตำราสมุนไพรมากกว่า 800 ตำรับ และสมุนไพรมากกว่า 700 ชนิด เช่น ว่าน หางจระเข้ เวอร์มวูด(warmwood) เปปเปอร์มินต์ เฮนเบน(henbane) มดยอบ, hemp dagbane ละหุ่ง mandrake เป็นต้น รูปแบบในการเตรียมยาในสมยั น้นั ได้แก่ การต้ม การชง ทำ เป็นผง กลัน่ เป็นเม็ด ทำเปน็ ยาพอก เป็นขี้ผ้ึง

นอกจากนี้ยังพบว่าชาติต่างๆ ในแถบยุโรปและแอฟริกา มีหลักฐานการใช้สมุนไพร ตามลำดับก่อนหลังของการเรม่ิ ใชส้ มุนไพร คือ หลังจากสมุนไพรได้เจริญรงุ่ เรืองในอียิปต์แล้ว กไ็ ด้ มีการสืบทอดกันมา เช่น กรีก โรมัน อาหรับ อิรัก เยอรมัน โปรตุเกส สวีเดน และโปแลนด์ส่วนใน แถบเอเซีย ตามบันทึกประวัติศาสตร์พบว่ามีการใช้สมุนไพรที่อินเดียก่อน แล้วสืบทอดมาท่ีจีน มะ ละกา และประเทศไทย ประโยชน์ของพืชสมุนไพร 1. สามารถรกั ษาโรคบางชนิดได้ โดยไมต่ อ้ งใช้ยาแผนปจั จุบัน ซึ่งบางชนดิ อาจมีราคาแพง และตอ้ งเสียคา่ ใชจ้ ่ายมาก อีกทัง้ อาจหาซื้อได้ยากในทอ้ งถิ่นนั้น 2. ให้ผลการรกั ษาได้ดีใกล้เคยี งกับยาแผนปัจจบุ ัน และใหค้ วามปลอดภยั แก่ผ้ใู ช้มากกวา่ แผน ปจั จบุ นั 3. สามารถหาได้งา่ ยในทอ้ งถนิ่ เพราะส่วนใหญ่ได้จากพืชซ่ึงมีอยูท่ ั่วไปทั้งในเมืองและ ชนบท มรี าคาถูก สามารถประหยัดคา่ ใชจ้ า่ ยในการซอ้ื ยาแผนปัจจบุ ัน ท่ีตอ้ งส่ังซือ้ จากตา่ ง ประเทศเป็นการลดการขาดดลุ ทางการคา้ 4. ใชเ้ ป็นยาบำรุงรกั ษาให้รา่ งกายมสี ขุ ภาพแข็งแรง 5. ใช้เปน็ อาหารและปลกู เปน็ พชื ผักสวนครัวได้ เชน่ กะเพรา โหระพา ขงิ ข่า ตำลึง 6. ใช้ในการถนอมอาหารเชน่ ลูกจันทร์ ดอกจันทรแ์ ละกานพลู 7. ใชป้ รุงแต่ง กล่นิ สี รส ของอาหาร เชน่ ลกู จันทร์ ใช้ปรุงแตง่ กลิ่นอาหารพวก ขนมปงั เนย ไส้กรอก แฮม เบคอน 8. สามารถปลูกเปน็ ไมป้ ระดบั อาคารสถานทต่ี ่าง ๆ ให้สวยงาม เช่น คนู ชุมเหด็ เทศ 9. ใช้ปรุงเปน็ เครือ่ งสำอางเพื่อเสริมความงาม เชน่ ว่านหางจระเข้ ประคำดีควาย 10. ใชเ้ ป็นยาฆ่าแมลงในสวนผัก, ผลไม้ เชน่ สะเดา ตะไคร้ หอม ยาสบู 11. เปน็ พชื ทส่ี ามารถสง่ ออกทำรายไดใ้ หก้ บั ประเทศ เช่น กระวาน ขมิ้นชัน เร่ว 12. เป็นการอนุรกั ษม์ รดกไทยใหป้ ระชาชนในแต่ละทอ้ งถนิ่ รู้จกั ชว่ ยตนเองในการ นำพืช สมนุ ไพรในทอ้ งถน่ิ ของตนมาใช้ให้เกดิ ประโยชน์ตามแบบแผนโบราณ 13. ทำใหค้ นเหน็ คณุ คา่ และกลับมาดำเนนิ ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติย่ิงขึ้น 14. ทำให้เกดิ ความภมู ิใจในวฒั นธรรม และคุณคา่ ของความเป็นไทย

สรรพคุณสมุนไพรพ้ืนบา้ น ตะไคร้ ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Cymbopogon citratus Stapf. วงศ์ GRAMINEAE ช่ืออ่ืนๆ ภาคเหนือ : จะไค (Cha-khai) จะไค้ (Cha-khai) ภาคใต้ : ไคร (Khrai) ชวา : ซีเร (Sere) ถน่ิ กำเนิด อินโดนีเซีย ศรีลังกา พมา่ อินเดีย อเมริกาใต้ ไทย รปู ลักษณะ : ไมล้ ้มลุกทมี ีอายุไดห้ ลายปี ชอบดนิ รว่ นซุย ปลกู ได้ ตลอดปี ใบสีเขียวยาวแหลม ดอก ฟสู ีขาว หัวโตขน้ึ จากดินเป็นกอๆ กลนิ่ หอมฉนุ คอ่ นข้างรอ้ น การปลกู : ไถพรวนดินและตากดนิ ไวป้ ระมาณ 7 - 10 วนั ยอ่ ยดนิ ให้ละเอียด ใส่ปุ๋ยคอกหรอื ป๋ยุ หมักคลุกเคลา้ ให้เข้ากบั ดินขุดหลุมปลกุ ระยะ 30 x 30 เซนตเิ มตร กอ่ นนำตะไคร้ไปปลูก นำพนั ธุ์ ท่ีเตรยี มไว้ตดั ใบออก ใหเ้ หลือตน้ ยาว ประมาณ 30 - 40 เซนติเมตร มาแชน่ ำ้ ประมาณ 5 - 7 วัน เพอ่ื ใหร้ ากงอก รากทแ่ี กเ่ ตม็ ท่ีจะมีสเี หลอื งเข้ม นำไปปลุกในแปลงวางตน้ พนั ธุ์ ใหเ้ อียง 45 องศา ไปดา้ นใดดา้ นหน่ึงแล้วกลบดนิ จากนน้ั รดน้ำใหช้ ่มุ หลังปลูกได้ประมาณ 30 วัน ก็ควรใสป่ ุ๋ย สตู ร 15 - 15 - 15 หรอื 46 - 0 - 0 อัตรา 50 กิโลกรมั /ไร่ สรรพคุณและส่วนทน่ี ำมาใช้เป็นยา นำ้ มันจากใบและตน้ – แต่งกลิ่นอาหาร เคร่ืองด่ืม สบู่ ลำต้นแกห่ รอื เหงา้ – แก้อาการท้องอดื ท้องเฟ้อ ขับปสั สาวะ แก้นิว่ ขับประจำเดอื น

ขงิ ช่ือวิทยาศาสตร์ : Zingiber officinale Roscoe. ชอ่ื วงศ์ : ZINGIBERACEAE ชอื่ พนื้ เมือง: ขงิ แกลง, ขงิ แดง (จนั ทรบุรี) ขงิ เผอื ก (เชยี งใหม่) สะเอ (แมฮ่ อ่ งสอน) ขิงบ้าน ขงิ แครง ขิงป่า ขิงเขา ขิงดอกเดียว (ภาคกลาง) เกีย (จนี แต้จวิ๋ ) ลกั ษณะทวั่ ไป : ไมล้ ม้ ลกุ สงู 0.3-1 เมตร มีเหง้าใตด้ นิ เปลือกนอกสีน้ำตาลแกมเหลือง เนื้อในสี นวลแกมเขียว มีกลิ่นเฉพาะ แตกสาขา คลา้ ยนวิ้ มอื ใบเด่ยี ว เรียงสลบั รปู ขอบขนาน แกมใบหอก กวา้ ง 1.5-2 ซม. ยาว 15-20 ซม. ดอกช่อแทงออกจากเหงา้ กลบี ดอกสเี หลืองแกมเขียว ใบ ประดับสีเขียวอ่อน ผลแหง้ มี 3 พูสรรพคุณเหงา้ แกท่ ้งั สดและแหง้ ใช้เป็นยาขับลม ชว่ ยให้เจริญ อาหาร แก้อาเจยี น แกไ้ อ ขับเสมหะและขบั เหง่ือ ผงขงิ แหง้ มฤี ทธิข์ ับน้ำดี ชว่ ยย่อยไขมนั ลดการ บีบตัวของลำไส้ บรรเทาอาการปวดทอ้ งเกรง

บัวบก ช่อื วิทยาศาสตร์ : Centella asiatica Urban วงศ์ : Umbelliferae ชอ่ื สามัญ : Asiatic Pennywort/Tiger Herbalชอ่ื อน่ื : ผักแวน่ ผกั หนอก รปู ลกั ษณะ : ไม้ลม้ ลุก อายุหลายปี เล้อื ยแผไ่ ปตามพืน้ ดิน ชอบที่ชื้นแฉะ แตกรากฝอยตามขอ้ ไหล ทแี่ ผไ่ ปจะงอกใบจากข้อ ชขู ้นึ 3-5 ใบ ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไต เส้นผ่าศนู ย์กลาง 2-5 ซม. ขอบใบ หยกั ก้านใบยาว ดอกช่อ ออกที่ซอกใบ ขนาดเล็ก 2-3 ดอก กลีบดอกสมี ่วง ผลแหง้ แตกได้ สรรพคุณและส่วนที่นำมาใชเ้ ป็นยาใบสด - ใช้เปน็ ยาภายนอกรกั ษาแผลเป่ือย แผลไฟไหม้น้ำร้อน ลวก โดยใชใ้ บสด 1 กำมอื ลา้ งให้สะอาด ตำละเอียด ค้นั เอาน้ำทาบริเวณแผลบ่อย ๆ ใช้กากพอก ด้วยกไ็ ด้ แผลจะสนทิ และเกดิ แผลเปน็ ชนิดนูน (keloid) นอ้ ยลง สารที่ออกฤทธิ์คือ กรด madecassic, กรด asiatic และ asiaticoside ซ่ึงช่วยสมานแผลและเร่งการสร้างเนอ้ื เยื่อ ระงับการเจริญเติบโตของเช้อื แบคทเี รยี ท่ีทำใหเ้ กดิ หนองและลดการอักเสบ มรี ายงานการค้นพบ ฤทธิฆ์ า่ เช้ือรา อนั เปน็ สาเหตขุ องโรคกลาก ปัจจบุ ัน มีการพัฒนายาเตรียมชนดิ ครมี ให้ทารักษา แผลอักเสบจากการผ่าตัด น้ำตม้ ใบสด - ดมื่ ลดไข้ รักษาโรคปากเปอื่ ย ปากเหม็น เจบ็ คอ รอ้ นใน กระหายนำ้ ขับปัสสาวะ แกท้ ้องเสีย

ข่า ชอื่ วิทยาศาสตร์ : Languas galaga (Linn). Stuntz ชือ่ วงศ:์ ZINGIBERACEAE ชื่อพน้ื เมือง: ข่า ขา่ ใหญ่ ขา่ หลวง ข่าหยวก (ภาคเหนือ) กฎุ กกโรหนิ ี เสะเออเคย (แม่ฮอ่ งสอน) สะเชย (กะเหรีย่ ง-แม่ฮอ่ งสอน) ลักษณะท่ัวไป : ไม้ลม้ ลกุ สูง 1.5-2 เมตร เหง้ามีขอ้ และปล้องชัดเจน ใบเดี่ย ใบสีเขยี วอ่อนสลับกัน รปู ร่างรียาว ปลายแหลม ดอกออกเปน็ ชอ่ ที่นอ ดอกย่อยขนาดเล็ก กลบี ดอกสีขาว โคนติดกันเปน็ หลอดสั้นๆ ปลายแยกเป็น 3 กลีบ กลบี ใหญ่ทสี่ ดุ มรี ิ้วสแี ดง ใบประดบั รูปไข่ ผลแห้ง แตกได้ รูป กลมสรรพคุณเหง้าสดตำผสมกบั เหลา้ โรง ใช้ทารักษาโรคผิวหนังที่เกิดจากเช้ือรา เช่น กลาก เกลื้อน เหง้าอ่อนตม้ เอาน้ำด่ืม บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟอ้ และขบั ลม ขา่ ไม่มีฤทธิก์ ่อกลาย พนั ธแ์ุ ละไม่เปน็ พิษ

กระชาย ชอื่ วิทยาศาสตร์ : Boesenbergia rotunda (Linn.) Mansf. ชื่อวงศ์ : ZINGIBERACEAE ช่ือพื้นเมือง: ขิง กระชาย กะชาย ว่านพระอาทิตย์ (กรุงเทพฯ) กระแอม ระแอน (ภาคเหนือ) ขิง ทราย (มหาสารคาม) จี๊ปู ซีฟู (ฉาน-แม่ฮ่องสอน) เป๊าะส่ี เป๊าซอเร้าะ (กะเหร่ียง-แม่ฮ่องสอน) ลกั ษณะทั่วไป : ไมล้ ้มลุก ไมม่ ีลำตน้ บนดนิ มีเหง้าใต้ดิน ซ่ึงแตกรากออกไป เป็นกระจกุ จำนวนมาก อวบน้ำ ตรงกลางพองกว้างกว่าส่วนหัวและท้าย ใบเด่ียว เรียงสลับในระนาบเดียวกัน รูปขอบ ขนานแกมรูปไข่ ตรงกลางด้านในของก้านใบมีรองลึก ดอกช่อ ออกแทรกอยู่ระหว่างกาบใบท่ีโคน ต้น กลีบดอกสีขาวหรือชมพูอ่อน ใบประดับรูปใบหอก สีม่วงแดง ดอกย่อยบานครั้งละ 1 ดอก ผล ของกระชายเป็นผลแหง้ สรรพคุณเหง้าใช้แก้โรคในปาก ขบั ปัสสาวะ รักษาโรคบิด แก้ปวดมวนทอ้ ง ขบั ระดูขาว

มะกรูด ช่ือวิทยาศาสตร์ Citrus hystrix DC. ชือ่ วงศ์ Rutaceac ช่ือสามญั Leech Lime, Mauritius Papeda, Kaffir Lime, Porcupine Orange ช่อื ท้องถนิ่ ภาคเหนือ เรียก มะขูด, มะขนุ ภาคใต้ เรยี ก สม้ กรูด, ส้มมวั่ ผี เขมร เรยี ก โกร้ยเขยี ด กะเหรีย่ ง-แม่ฮอ่ งสอน เรยี ก มะขู ลกั ษณะท่ัวไป : มะกรูดเป็นไมย้ นื ต้นขนาดเลก็ แตกกง่ิ กา้ น ลำต้นและกิง่ มหี นามแข็ง ใบ เป็นใบ ประกอบท่มี ีใบยอ่ ยใบเดียว สเี ขียวหนา มลี ักษณะคอดกิ่วท่ีกลางใบเปน็ ตอนๆ มกี า้ นแผ่ออกใหญ่ เท่ากับแผ่นใบ ทำให้เห็นใบเปน็ 2 ตอน ใบสเี ขยี วแก่คอ่ นขา้ งหนา มกี ล่นิ หอมมากเพราะมตี ่อม น้ำมนั อยู่ ดอก ออกเป็นกระจกุ 3–5 ดอก กลีบดอกสีขาว รว่ งง่าย ผล มีหลายแบบแล้วแตพ่ ันธุผ์ ล เล็กเทา่ มะนาว ผิวขรุขระน้อยกวา่ และไม่มีจกุ ทีห่ วั การปลกู มะกรดู ปลกู ไดด้ ใี นดนิ ทุกชนดิ ขยายพนั ธุโ์ ดยการเพาะเมลด็ สรรพคุณทางยา :ผวิ ผลสดและผลแห้ง รสปรา่ หอมร้อน สรรพคุณแกล้ มหนา้ มืด แกว้ ิงเวยี น บำรุง หวั ใจ ขับลมลำไส้ ขับระดูผล รสเปรี้ยว มีสรรพคณุ เปน็ ยาขับเสมหะ แกไ้ อ แก้น้ำลายเหนยี ว ฟอ โลหิต ใช้สระผมทำให้ผมดกดำ ขจัดรังแค

ราก รสเย็นจืด แก้พษิ ฝภี ายใน แก้เสมหะ แกล้ มจุกเสยี ด นำ้ มะกรดู รสเปรย้ี ว กัดเสมหะ ใชด้ องยามีสรรพคุณเปน็ ยาฟอกโลหิตสำหรับสตรี ใบ รสปรา่ หอม แกไ้ อ แก้อาเจียนเป็นโลหติ แกช้ ำ้ ใน และดับกลิ่นคาว วา่ นห่างจระเข้ ช่ือวิทยาศาสตร์ : Aloe barbadensis Mill. ชอ่ื วงศ:์ ALOACEAE ช่อื พน้ื เมือง: ว่านไฟไหม้ (ภาคเหนอื ) หางตะเข้ (ภาคกลาง) ลกั ษณะทว่ั ไป : ไม้ล้มลุกอายุหลายปี สูง 0.5-1 เมตร ข้อและปล้องสั้น ใบเดย่ี ว เรียงรอบต้น กวา้ ง 5-12 ซม. ยาว 0.3-0.8 เมตร อวบนำ้ มาก สีเขียวอ่อนหรือสีเขียวเข้ม ภายในมีวุ้นใส ใต้ผิวสี เขียวมนี ำ้ ยางสเี หลอื ง ใบอ่อนมีประสีขาว ดอกช่อออกจากกลางต้น ดอกยอ่ ย เป็นหลอดห้อยลง สี สม้ บานจากล่างข้นึ บน ผลแหง้ แตกได้สรรพคุณวุ้นสดภายในใบท่ฝี านออกใช้ปิดพอกรกั ษาแผลสด แผลเร้ือรงั แผลไฟไหมน้ ำ้ ร้อนลวก แผลไหม้เกรียม กนิ รักษาแผลในกระเพาะอาหาร และใชเ้ ปน็ ส่วนผสมในเครอื่ งสำอาง นำ้ ยางสีเหลอื งจากใบเคี่ยวใหแ้ ห้ง เรียกว่า ยาดำ เป็นยาระบายชนดิ เพ่ิม การบบี ตวั ของลำไสใ้ หญ่

กานพลู ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ : Eugenia caryophyllum Bullock & Harrison วงศ์ : Myrtaceae ชื่อสามัญ : Clove ลักษณะ : ไม้ยืนต้น สูง 5-10 เมตร ใบเดีย่ ว เรียงตรงขา้ ม รปู วงรีหรอื รูปใบหอก กว้าง 2.5-4 ซม. ยาว 6-10 ซม. ขอบเป็นคลืน่ ใบอ่อนสแี ดงหรอื นำ้ ตาลแดง เน้ือใบบางค่อนข้างเหนยี ว ผิวมนั ดอก ช่อ ออกที่ซอกใบ กลบี ดอกสีขาวและรว่ งงา่ ย กลบี เลี้ยงและฐานดอกสีแดงหนาแขง็ ผลเป็นผลสด รปู ไข่ ประโยชนท์ างสมนุ ไพร : ตำรายาไทย ใช้ดอกตมู แหง้ แก้ปวดฟนั โดยใชด้ อกแช่เหลา้ เอาสำลีชุบอุด รูฟัน และใช้ขนาด 5-8 ดอก ชงน้ำเดอื ด ดมื่ เฉพาะส่วนนำ้ หรอื ใช้เคยี้ วแก้ทอ้ งเสีย ขับลม แก้ ทอ้ งอดื เฟอ้ นอกจากน้ใี ช้ผสมในยาอมบ้วนปากดับกล่ินปาก พบวา่ ในน้ำมันหอมรเหยที่กล่นั จาก ดอกมีสาร eugenol ซ่ึงมฤี ทธเิ์ ป็นยาชาเฉพาะท่ี จึงใช้แก้ปวดฟนั และมีฤทธ์ิลดการบบี ตัวของ ลำไส้ ทำใหเ้ กิดอาการปวดท้องลดลง ชว่ ยขับน้ำดี ลดอาการจกุ เสยี ดที่เกิดจากการย่อยไม่สมบูรณ์ และสามารถฆา่ เช้ือแบคทีเรยี หลายชนดิ เชน่ เชือ้ โรคไทฟอยด์ บิดชนดิ ไมม่ ีตัว เช้ือหนองเปน็ ต้น นอกจากนี้ยงั กระตุ้นใหม้ กี ารหล่ังเมือก และลดการเป็นกรดในกระเพาะอาหารดว้ ย

กล้วยนำ้ วา้ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Musa sapientum L. ]วงศ์ : Musaceae ชือ่ สามญั ; Banana ลกั ษณะ : ไมล้ ม้ ลกุ สงู 2-4.5 เมตร มีลำต้นใตด้ นิ ลำต้นเหนือดินเกดิ จากกาบใบหุม้ ซอ้ นกนั ใบ เดยี่ ว เรยี งสลับซ้อนกนั รอบต้นท่ปี ลายยอด รปู ขอบขนาน กวา้ ง 25-40 ซม. ยาว 1-2 เมตร ผิวใบ เรยี บมนั ทอ้ งใบสีอ่อนกว่า มีนวล ดอก ช่อเรยี กว่า หัวปลอี อกที่ปลายยอด ใบประดับหุ้มช่อดอกสี แดงหรือม่วง กลบี ดอกสขี าว บาง ผล เป็นผลสด ประโยชน์ทางสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใช้ผลดิบซ่ึงมีสารแทนนินมาก รักษาอาการทอ้ งเสยี และบดิ โดยกนิ ครัง้ ละคร่งึ หรอื หน่งึ ผล มีรายงานว่า มีฤทธป์ิ ้องกนั การเกดิ แผลในกระเพาะอาหารของหนู ขาวทีถ่ ูกกระตุ้นดว้ ยยาแอสไพริน เชอื่ ว่าฤทธ์ดิ งั กล่าวเกิดจากการถูกกระตุน้ ผนงั กระเพาะอาหาร ให้หลั่งสารเมอื กออกมามากข้นึ จึงนำมาทดลองรักษาโรคกระเพาะอาหารของคน โดยใชก้ ล้วยดบิ หัน่ เป็นแวน่ ตากแหง้ บดเปน็ ผง กินวนั ละ 4 คร้งั ๆ ละ 1-2 ช้อนแกง ก่อนอาหารและกอ่ นนอน อาจทำใหเ้ กดิ อาการทอ้ งอืด ซึ่งปอ้ งกนั ได้โดยกนิ ร่วมกับยาขับลม เช่น ขงิ

กระเทยี ม ชอื่ วิทยาศาสตร์ : Allium sativum L. วงศ์ : Alliaceae ช่อื สามัญ : Common Garlic , Allium ,Garlic , ชอ่ื อนื่ : กระเทยี ม (ภาคกลาง) หอมเทยี ม (ภาคเหนือ) หอมขาว (ภาคอสี าน) เทียม, หอมเทยี ม (ภาคใต้) ลักษณะ : ไมพ่ ุ่ม สงู 2-4 เมตร กง่ิ อ่อนมหี นาม ใบประกอบชนดิ มีใบยอ่ ยใบเดียว เรียงสลับ รูปไข่ รูปวงรหี รอื รปู ไขแ่ กมขอบขนานกวา้ ง 3-5 ซม. ยาว 4-8 ซม. เนอื้ ใบมีจุดนำ้ มันกระจาย กา้ นใบมี ครบี เลก็ ๆ ดอกเดยี่ วหรอื ช่อ ออกท่ปี ลายก่ิงและที่ซอกใบ กลบี ดอกสขี าว กลิ่นหอม ร่วงง่าย ผล เป็นผลสด กลมเกลย้ี ง ฉำ่ นำ้ ประโยชน์ทางสมุนไพร : ตำรายาไทยใช้นำ้ มะนาวและผลดองแหง้ เปน็ ยาขบั เสมหะแก้ไอ แกโ้ รค เลอื ดออกตามไรฟัน เพราะมวี ิตามนิ ซี นำ้ มะนาวเป็นกระสายยาสำหรบั สมุนไพรท่ีใช้ขบั เสมหะเชน่ ดปี ลีกนิ รว่ มกบั ยาขบั ลม เช่น ขิง

ข้เี หล็ก ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Cassia siamea Britt. วงศ์ : Leguminosae ชอื่ สามญั : Cassod Tree / Thai Copper Pod ช่ืออื่น ขี้เหลก็ แกน่ ขเี้ หล็กบาน ข้เี หล็กหลวง ข้เี หลก็ ใหญล่ ักษณะ : ไม้ยืนต้น สงู 10-15 เมตร ใบประกอบแบบขนนก เรยี งสลบั ใบยอ่ ยรปู ขอบ ขนาน กวา้ งประมาณ 1.5 ซม. ยาว 4 ซม. ใบออ่ นมขี นสีนำ้ ตาลแกมเขยี ว ดอกช่อ ออกทป่ี ลายก่งิ กลีบดอกสีเหลือง ผลเปน็ ฝักแบนยาวและหนา ประโยชน์ทางสมุนไพร : ตำรายาไทยใช้ดอกเปน็ ยานอนหลบั ลดความดันโลหิตดอกตูมและใบออ่ น เปน็ ยาระบาย ใบแกร้ ะดูขาว แก้น่ิว ขบั ปสั สาวะ แก่นแกไ้ ข้ ทำใหน้ อนหลับ รักษากามโรค ใบอ่อน และแกน่ มีสารกลมุ่ แอนทราควิโนนหลายชนดิ จึงมฤี ทธ์ิเปน็ ยาระบายใช้ใบออ่ นครัง้ ละ 2-3 กำมือ ต้มกับนำ้ 1-1.5 ถว้ ย เติมเกลือเล็กนอ้ ย ดมื่ ก่อนอาหารเช้าคร้ังเดยี ว นอกจากน้ีในใบออ่ นและดอก ตูมยังพบสารซึ่งมฤี ทธิ์กดประสาทส่วนกลางทำให้นอนหลับโดยใช้วิธดี องเหล้าดื่มก่อนนอน

คูณ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cassia fistula L. วงศ์ : Leguminosae ชือ่ สามัญ : Golden Shower Tree/ Purging Cassia ชอ่ื อ่ืน : ราชพฤกษ์ ลมแล้ง ลักษณะ : ไมย้ ืนต้น สงู 5-15 เมตร ใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับ ใบยอ่ ยรูปไขห่ รอื รูปวงรี กวา้ ง 4-8 ซม. ยาว 7-12 ซม. ดอกช่อออกที่ปลายกง่ิ ห้อยเป็นโคมระยา้ กลีบดอกสเี หลอื ง ผลเป็น ฝักกลม สีน้ำตาลเข้มหรอื ดำ เปลอื กแข็ง ผิวเรียบ ภายในมีผนงั กน้ั เป็นห้อง แต่ละหอ้ งมี เมล็ด 1 เมลด็ หุม้ ด้วยเน้อื สีดำเหนยี ว ประโยชน์ทางสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใชเ้ นื้อหมุ้ เมล็ดแกท้ อ้ งผูก ขับเสมหะ ดอกแกไ้ ข้ เปน็ ยา ระบาย แก่นขบั พยาธิไส้เดือน พบว่าเนื้อหมุ้ เมล็ดมีสารกลุม่ แอนทราควิโนน จงึ มีสรรพคุณเปน็ ยา ระบาย โดยนำเน้อื หุม้ เมล็ดซ่ึงมสี ดี ำเหนียว ขนาดก้อนเท่าหวั แมม่ ือ (ประมาณ 4 กรมั ) ตม้ กบั นำ้ ใส่เกลือเลก็ น้อย ด่มื ก่อนน้ำ ด่มื กอ่ นนอน มีขอ้ ควรระวงั เช่นเดยี วกับชุมเห็ดเทศ

ชมุ เห็ดเทศ ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ : Senna alata L. วงศ์ : Leguminosae ช่ือสามญั Ringworm Bush ชอ่ื อ่ืน : ข้ีคาก ลับมนี หลวง หมากกะลิงเทศ ชุมเห็ดใหญ่ ลกั ษณะ : ไม้พุ่ม สงู 1 - 3 เมตร แตกก่ิงออกด้สนขา้ ง ในแนวขนานกบั พน้ื ใบประกอบ แบบขนนก เรียงสลับ ใบย่อยรูปขอบขนาน รปู วงรแี กมขอบขนาน หรอื รูปไขก่ ลบั กว้าง 3-7 ซม. ยาว 6- 15 ซม. หูใบเป็นรูปสามเหล่ยี ม ดอกช่อ ออกทซี่ อกใบตอนปลายก่งิ กลีบดอกสเี หลอื งทอง ใบ ประดับ สนี ้ำตาลแกมเหลืองหมุ้ ดอกย่อยเห็นชดั เจน ผลเป็นฝกั มีครีบ 4 ครบี เมล็ดแบน รูป สามเหล่ยี ม ประโยชนท์ างสมนุ ไพร : รสเบ่อื เอียน ใบตำทาแกก้ ลากเกลอื้ น โรคผวิ หนัง ดอกและใบต้ม รบั ประทานแกอ้ าการท้องผูก มสี าร แอนทราควโิ นน กลัยโคซายด์ หลายชนิด ไดแ้ ก่ emodin, aloe - emodin และ rhein ใชเ้ ป็นยาระบายกระตนุ้ ลำไส้ใหญ่ให้บีบตวั การทดลองในสัตว์ และ คน พบวา่ ใบแก่มฤี ทธิ์ น้อยกวา่ ใบอ่อน นอกจากน้ีน้ำจากใบ ยังมฤี ทธฆิ์ ่าเช้อื แบคทเี รยี ด้วย

มะขาม ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ : Tamarindus indica L. วงศ์ : Leguminosae ชอ่ื สามญั : Tamarind ชอ่ื อน่ื : Tamarind ลกั ษณะ : มะขามเป็นไมย้ ืนตน้ ขนาดกลางจนถึงขนาดใหญแ่ ตกกิ่งกา้ นสาขามาก เปลอื กตน้ ขรุขระ และหนา สนี ำ้ ตาลอ่อน ใบ เปน็ ใบประกอบ ใบเล็กออกตามก่งิ ก้านใบเป็นคู่ ใบยอ่ ยเป็นรูปขอบ ขนาน ปลายไบและโคนใบมน ดอก ออกเปน็ ชอ่ เล็กๆ ตามปลายกิ่ง หนง่ึ ชอ่ มี 10-15 ดอก ดอก ยอ่ ยขนาดเล็ก กลบี ดอกสีเหลืองและมจี ุดประสีแดงอยู่กลางดอก ผล เปน็ ฝกั ยาว รปู ร่างยาวหรือ โค้ง ยาว 3-20 ซม. ฝกั อ่อนมเี ปลอื กสเี ขยี วอมเทา สีน้ำตาลเกรียม เนือ้ ในติดกับเปลอื ก เมื่อแก่ฝัก เปล่ียนเปน็ เปลอื กแข็งกรอบหกั ง่าย สนี ้ำตาล เน้อื ในกลายเป็นสีน้ำตาลห้มุ เมล็ด เนอื้ มีรสเปรี้ยว และหวาน ประโยชนท์ างสมุนไพร : สรรพคณุ ทางยา · ยาระบาย แกอ้ าการท้องผูก ใช้มะขามเปียกรสเปร้ียว 10–20 ฝัก (หนัก 70–150 กรัม) จมิ้ เกลือ รบั ประทาน แล้วด่มื นำ้ ตามมากๆ หรอื ต้มน้ำใสเ่ กลือเล็กนอ้ ยด่มื เปน็ น้ำมะขาม · ขบั พยาธไิ ส้เดือน นำเอาเมล็ดแก่มาควั่ แล้วกะเทาะเปลือกออก เอาเนื้อในเมล็ดไปแชน่ ้ำเกลอื จน นุ่ม รบั ประทานคร้งั ละ 20-30 เมด็ · ขบั เสมหะ ใช้เนอ้ื ในฝักแก่หรอื มะขามเปียกจิม้ เกลือรับประทานพอสมควร คุณคา่ ทางโภชนาการ ยอดอ่อนและฝักอ่อนมวี ติ ามนิ เอ มาก มะขามเปียกรสเปรีย้ ว ทำให้ชมุ่ คอ ลดความร้อนของรา่ งกายได้ดี เน้อื ในฝักมะขามท่ีแกจ่ ัด เรยี กว่า \"มะขามเปียก\" ประกอบด้วยกรด

อนิ ทรยี ์หลายตัว เชน่ กรดทารท์ ทารร์ คิ กรดซติ ริค เป็นตน้ ทำใหอ้ อกฤทธิ์ ระบายและลดความ รอ้ นของร่างกายลงได้ แพทยไ์ ทยเชื่อว่า รสเปร้ยี วน้ีจะกดั เสมหะใหล้ ะลายได้ดว้ ย แมงลกั ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ : Ocimum basilicum L.f. var. citratum Back. วงศ์ : Labiatae ช่ือสามัญ : Hairy Basil ชือ่ อืน่ : ก้อมกอ้ ขาว มงั ลกั ลกั ษณะ : แมงลักมลี ักษณะทรงต้น ใบ ดอก และผลคล้ายโหระพา ต่างกันท่ีกลิ่น ใบสีเขยี วอ่อน กวา่ กลีบดอกสขี าวและใบประดับสีเขียว ประโยชนท์ างสมุนไพร : ตำรายาไทยมักเรยี กผลแมงลักวา่ เม็ดแมงลัก ใช้เปน็ ยาระบายชนิดเพิ่ม กาก เพราะเปลอื กผลมีสารเมือกซ่ึงสามารถพองตวั ในนำ้ ได้ 45 เท่า เหมาะสำหรบั ผทู้ ไ่ี ม่ชอบกิน อาหารทม่ี ีกากเช่น ผัก ผลไม้ ใชผ้ ลแมงลกั 1-2 ชอ้ นชา แชน่ ้ำ 1 แกว้ จนพองตัวเต็มท่ี กินก่อน นอน ถ้าผลแมงลักพองตวั ไม่เตม็ ท่จี ะทำให้ท้องอดื และอจุ จาระแขง็ จากการทดลองพบว่าแมงลกั ทำให้จำนวนครง้ั ในการถา่ ยและปรมิ าณอุจจาระเพิ่มข้นึ รวมทั้งทำให้อุจจาระอ่อนตวั กวา่ ปกติ

นอกจากน้ีใบและตน้ สดมฤี ทธ์ิขบั ลม เน่ืองจากมนี ำ้ มันหอมระเหย ไพล ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ : Zingiber purpureum Roscoe วงศ์ : Zingiberaceae ชอื่ อ่ืน : ปูลอย ปูเลย วา่ นไฟ ลกั ษณะ : ไม้ล้มลกุ สงู 0.7-1.5 เมตร มเี หง้าใต้ดิน เปลือกนอกสนี ้ำตาลแกมเหลอื ง เนอ้ื ในสีเหลือง แกมเขียว มีกลนิ่ เฉพาะ แทงหนอ่ หรือลำต้นเทียมข้ึนเป็นกอประกอบดว้ ยกาบหรือโคน ใบห้มุ ซอ้ น กัน ใบ เด่ียว เรียงสลับ รปู ขอบขนานแกมใบหอก กว้าง 3.5-5.5 ซม. ยาว 18-35 ซม. ดอก ช่อ แทงจากเหงา้ ใตด้ ิน กลีบดอกสีนวล ใบประดบั สมี ว่ ง ผล เป็นผลแห้ง รปู กลม ประโยชนท์ างสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใช้เหง้าเปน็ ยาขบั ลม ขบั ประจำเดือน มฤี ทธิร์ ะบายออ่ น ๆ แกบ้ ิด สมานลำไส้ ยาภายนอกใชเ้ หง้าสดฝนทาแก้เคล็ดยอก ฟกบวม เส้นตงึ เม่อื ยขบ เหน็บชา สมานแผล จากการวิจยั พบว่าในเหง้ามีน้ำมนั หอมระเหยซงึ่ มีคณุ สมบัติลดอาการอกั เสบและบวม จึงมีการผลิตยาข้ผี ึ้งผสมน้ำมันไพล เพ่ือใช้เป็นยาทาแก้อาการเคลด็ ขัดยอก น้ำมนั ไพลผสม แอลกอฮอลส์ ามารถทากนั ยุงได้ นอกจากนพี้ บว่าในเหงา้ มีสาร 4-(4-hydroxy-1-butenyl) veratrole ซึ่งมีฤทธิ์ขยายหลอดลม ได้ทดลองใช้ผงไพล กับผูป้ ่วยเด็กที่เป็นหดื สรุปว่าใหผ้ ลดที งั้

ในรายท่มี ีอาการหอบหดื เฉยี บพลนั และเรอ้ื รงั เทียนบา้ น ช่อื วทิ ยาศาสตร์ : Impatiens balsamina L. วงศ์ : Balsaminaceae ชื่อสามญั : Garden Balsam ชอ่ื อน่ื : เทียนดอก เทียนสวน ลกั ษณะ : พรรณไม้พวกคลุมดิน ลำตน้ จะอ้มุ นำ้ ลำตน้ จะไม่ต้ังตรงข้ึนไป จะเอยี งเลก็ น้อย เปราะ งา่ ย ใบมลี ักษณะมนรี ปลายแหลม ดอกนัน้ จะมหี ลายสี เข่น สชี มพู สแี ดง ส้ม และขาว เป็นดอก เดย่ี ว จะออกติดกันช่อหน่ึง อาจะจะมี 2-3 ดอก กลีบดอกจะซอ้ น ๆ กนั เปน็ วงกลม มกี ลบี เล้ียง 3 กลบี กลีบดอก 5 กลีบ กลบี ดา้ นล่างงอเปราะ มีจะงอยยน่ื ออกมาเปน็ หลอดเล็ก-ยาว ปลายโคง้ ข้นึ ขนาดดอก 3-6 ซม. ประโยชน์ทางสมนุ ไพร : ใชร้ กั ษาฝี แผลพพุ อง ใชใ้ บสดและดอกสดประมาณ 1 กำมอื ตำละเอียด พอกฝี หรือคนั้ น้ำทาบรเิ วณทเี่ ปน็ ฝีและแผลพุพองวันละ 3 ครง้ั (สีจากนำ้ ค้นั จะติดอยู่นาน จึงควร ระวงั การเปรอะเป้ือนเสอ้ื ผ้าและรา่ งกายสว่ นอ่ืน ๆ )

กะเพรา ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ : Ocimum sanctum L. วงศ์ : Labiatae ชือ่ อน่ื : กอมก้อ กอมก้อดง กะเพราขาว กะเพราแดง ลกั ษณะ : กะเพรามี 3 พนั ธ์ุ คือ กะเพราแดง กะเพราขาวและกะเพราลกู ผสมระหว่างกะเพราแดง และกะเพราขาว มีลกั ษณะทั่วไปคล้ายโหระพา ตา่ งกนั ที่กลิน่ และกิ่งก้านซง่ึ มขี นปกคลุมมากกว่า ใบกะเพราขาวสีเขียวอ่อน ส่วนใบกะเพราแดงสเี ขียวแกมม่วงแดง ดอกย่อยสีชมพูแกมมว่ ง ดอก กะเพราแดงสีเข้มกวา่ กะเพราขาว ประโยชน์ทางสมุนไพร : ตำรายาไทยใชใ้ บหรือทัง้ ต้นเป็นยาขับลมแก้ปวดทอ้ ง ทอ้ งเสีย และ คลนื่ ไส้อาเจยี น นิยมใช้กะเพราแดงมากกว่ากะเพราขาว โดยใช้ยอดสด 1 กำมือ ตม้ พอเดือด ด่มื เฉพาะสว่ นนำ้ พบว่าฤทธ์ิขบั ลมเกิดจากนำ้ มนั หอมระเหย การทดลองในสัตว์ แสดงวา่ น้ำสกัดทงั้ ต้นมฤี ทธลิ์ ดการบบี ตัวของลำไส้ สารสกดั แอลกอฮอลส์ ามารถรกั ษาแผลในกระเพาะอาหาร สาร eugenol ในใบมฤี ทธิ์ขบั น้ำดี ชว่ ยย่อยไขมันและลดอาการจุกเสียด

ยอ ชอื่ วิทยาศาสตร์ : Morinda citrifolia L. วงศ์ : Rubiaceae ชือ่ สามญั : Indian Mulberry ช่ืออ่ืน : มะตาเสือ ยอบ้าน ลกั ษณะ : ไมย้ ืนต้น สูง 2-6 เมตร ใบเด่ยี ว เรียงตรงข้าม รปู วงรี กว้าง 8-15 ซม. ยาว 10-20 ซม. หูใบอย่รู ะหว่างโคนก้านใบ ดอกช่อ ออกทีซ่ อกใบ ฐานดอกอดั กนั แน่นเป็นรูปทรงกลม กลีบดอกสี ขาว ผลเปน็ ผลสด เชือ่ มติดกนั เปน็ ผลรวม ผวิ เป็นต่มุ พอง ประโยชน์ทางสมุนไพร : ตำรายาไทยใช้ผลสดดบิ หรือหา่ ม ฝานเป็นชน้ิ บาง ย่างหรอื คั่วไฟออ่ น ๆ ใหเ้ หลอื ง ตม้ หรือชงกบั นำ้ ดม่ื แก้คล่นื ไสอ้ าเจียน

ฟกั ทอง ช่ือวทิ ยาศาสตร์ : Cucurbita moschata Decne. วงศ์ : Cucurbitaceae ชือ่ สามญั : Pumpkin ช่ืออน่ื : หมากอึ (ภาคอสี าน) มะฟักแกว้ ฟกั แก้ว (ภาคเหนอื ) มะนำ้ แก้ว หมกั อื้อ (เลย) หมากฟกั เหลือง (แม่ฮอ่ งสอน) น้ำเตา้ ภาคใต้ ลกั ษณะ : เปน็ พืชล้มลกุ มีเถายาวเลอื้ ยปกคลุมดนิ ลำต้นมีลกั ษณะกลมหรือเป็นเหลีย่ มมน ผิวเป็น ร่องตามความยาว มขี นออ่ น ๆ มหี นวดสำหรับยดึ เกาะยึดบรเิ วณข้อ ใบเปน็ ใบเดี่ยว มีขนาดใหญ่ ออกเรยี งสลับกนั โคนใบเวา้ คล้ายรปู หวั ใจ ขอบใบหยกั เป็นเหล่ียม 5 เหลี่ยม มีขนทงั้ 2 ด้านของ ตัวใบดอกเป็นดอกเดีย่ วสีเหลอื งมขี นาดใหญ่ ลกั ษณะคล้ายระฆงั หรือกระดิง่ ออกบรเิ วณงา่ มใบผล มขี นาดใหญ่ มลี ักษณะเป็นพเู ล็ก ๆ โดยรอบเปลือกนอกขรขุ ระและแขง็ มสี เี ขียวและจะ เปลย่ี นเป็นสีเขียวอ่อนและ สเี หลืองเข้ม และสีเหลอื งตามลำดับ เนอ้ื ภายในมสี ีเหลอื งอมเขยี ว สี เหลอื ง และสสี ้ม เมล็ดมจี ำนวนมากซ่ึงอยู่ตรงกลางผลระหวา่ งเนือ้ ฟู ๆ มีรูปร่างคล้ายไข่ แบน มี ขอบนูนอยู่โดยรอบ ประโยชนท์ างสมุนไพร : เนือ้ ฟักทองประกอบด้วยแป้ง โปรตีน ไขมนั ฟอสฟอรัส แคลเซียม เหลก็ และ สารเบต้า - แคโรทีน ซงึ่ เป็นสารทีร่ า่ งกายนำไปสร้างวิตามิน เอ เมลด็ มีฟอสฟอรัสในปริมาณ สูง รวมท้ังแป้ง โปรตนี และน้ำประมาณร้อยละ 40 ส่วนเมลด็ แห้งมีสารคิวเคอร์บิทีน (Cucurbitine) เป็นสารสำคญั ซึ่งมฤี ทธิฆ์ า่ พยาธไิ ดผ้ ลดี นอกจากน้นั ฟักทองสามารถกระตุน้ การ หลงั่ อินซูลิน ซ่งึ ช่วยปอ้ งกันโรคเบาหวาน ความดันโลหิต ควบคุมระดบั นำ้ ตาลในเลือด บำรุง นัยน์ตา ตบั และไต เมลด็ ใชเ้ ป็นยาขบั พยาธิตวั ตืด ป้องกันการเกิดนิว่ ในกระเพาะปัสสาวะ และช่วย ดบั พิษปอดบวม รากช่วยแก้พษิ แมลงสัตว์กดั ตอ่ ย ยางช่วยแกพ้ ษิ ผน่ื คัน เรมิ และงูสวดั ออกฤทธิ์ คือ asperuloside

มะเกลือ ช่ือวิทยาศาสตร์ : Diospyros mollis Griff. วงศ์ : Ebenaceae ชือ่ สามญั : Ebony tree ช่ืออื่น : ผีเผา (ฉาน-ภาคเหนือ) มักเกลอื (เขมร-ตราด) ลกั ษณะ : ไม้ตน้ ขนาดกลางถงึ ขนาดใหญ่ สูง 10-30 เมตร เรือนยอดเป็นพมุ่ กลม ผิวเปลอื กเปน็ รอยแตกสะเกด็ เลก็ ๆ สดี ำ เปลือกในสีเหลือง กระพี้สขี าว ก่งิ อ่อนมีขนน่มุ ขน้ึ ประปราย ใบ เปน็ ใบ เดย่ี วขนาดเลก็ รปู ไขห่ รอื รีเรียงตวั แบบสลบั ดอก ออกเป็นชอ่ ตามซอกใบ ดอกแยกเพศตา่ งต้น ดอกตวั ผมู้ ขี นาดเล็ก สีเหลืองออ่ น หนึ่งชอ่ มี 3 ดอก ผิวเกล้ียง ผลอ่อนสีเขียว ผลแกส่ ดี ำ ผลแก่จัด จะแหง้ มกี ลีบเลย้ี งตดิ บนผล 4 กลีบ ผลแก่ราวเดอื นมิถุนายน-สงิ หาคม เมล็ด แบน สีเหลอื ง 4- 5 เมลด็ ขนาดกว้าง 0.5-0.7 ซม. ยาว 1-2 ซม. ขยายพนั ธ์โุ ดยการเพาะเมลด็ ประโยชนท์ างสมุนไพร : ผลดิบสด-ใช้เปน็ ยาถ่ายพยาธไิ ด้หลายชนิด ถ่ายพยาธิปากขอได้ดีท่ีสดุ เด็กอายุ 10 ปีใช้ 10 ผล ผู้ท่ีอายมุ ากกว่า 10 ปี ให้เพ่ิมจำนวนขึ้น 1 ผลต่อ 1 ปี แตส่ ูงสดุ ไม่ เกนิ 25 ผล คอื ผู้ที่อายุ 25 ปีข้นึ ไปกิน 25 ผลเทา่ นน้ั ลา้ งให้สะอาด ตำพอแหลก กรองเอาเฉพาะ นำ้ ผสมหวั กะทิ 2 ชอ้ นชาตอ่ มะเกลือ 1 ผล กินคร้ังเดียวให้หมดตอนเชา้ มืด ก่อนอาหาร 3 ช่ัวโมง หลงั จากน้ี 3 ชวั่ โมง ถ้าไม่ถา่ ยใหก้ ินยาระบายดเี กลอื โดยใช้ผงดีเกลอื 2 ช้อนโต๊ะ ละลายนำ้ ประมาณครง่ึ แกว้ เพอื่ ถา่ ยพยาธิ และตัวยาทเ่ี หลือออกมา สารที่มีฤทธค์ิ ือ diospyrol diglucosideขอ้ ควรระวงั 1: ผู้ทหี่ า้ มใช้มะเกลือได้แก่ เดก็ อายุตำ่ กว่า 10 ปี หญงิ มีครรภ์ หรือหลงั คลอดไมเ่ กิน 6 สปั ดาห์ ผู้ท่เี ปน็ โรคกระเพาะอาหาร หรือมอี าการปวดทอ้ ง ถา่ ยอจุ จาระผดิ ปกติ บ่อยๆ และผ้ทู ีก่ ำลังเปน็ ไข้ ในการเตรยี มยาต้องใชผ้ ลดบิ สด เตรยี มแล้วกินทนั ที ไม่ควรเตรยี มยา ครั้งละมากๆ ใช้เครอื่ งบดไฟฟา้ จะทำใหล้ ะเอยี ดมาก มีตวั ยาออกมามากเกนิ ไปข้อควรระวัง 2 : เคยมีรายงานว่าถ้ากินยามะเกลือขนาดสงู กวา่ ที่ระบุไว้ หรือเตรียมไว้นาน สารสำคัญจะ เปลีย่ นเปน็ สารพษิ ชื่อ diospyrol ทำใหจ้ อรบั ภาพ และประสาทตาอกั เสบ อาจตาบอดได้ ประโยชน์ดา้ นอนื่ ๆ เน้ือไมใ้ ชท้ ำเฟอร์นิเจอร์ประดับมุก ผล ให้สดี ำ ใช้ย้อมผา้ และแพรได้

เลบ็ มอื นาง ช่อื วิทยาศาสตร์ : Quisqualis indica L. วงศ์ : Combretaceae ชอ่ื สามญั : Rangoon Creeper ช่ืออื่น : จะมงั่ จ๊ามงั่ มะจีมั่ง ลกั ษณะ : ไมเ้ ถาเน้ือแขง็ ต้นแกม่ ักมีกลิน่ ทเ่ี ปลี่ยนเป็นหนาม ใบเด่ยี ว เรียงตรงขา้ ม รูปวงรี หรอื รปู ไข่แกมขอบขนาน กวา้ ง 5-8 ซม. ยาว 10-16 ซม. ดอกชอ่ ออกท่ีปลายก่งิ และซอกใบบริเวณปลาย กงิ่ กลีบดอกสแี ดงโคนกลบี เล้ยี งเป็นหลอดเรียวยาว สีเขยี ว ผลเป็นผลแหง้ รปู กระสวย มเี ปลอื ก แข็งสนี ้ำตาลเข้ม มสี ันตามยาว 5 สัน ประโยชน์ทางสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใชเ้ น้อื ในเมลด็ แหง้ เป็นยาขับพยาธไิ ส้เดอื น สำหรับเดก็ กิน ครง้ั ละ 2-3 เมล็ด และผใู้ หญ่คร้ังละ 4-5 เมลด็ โดยนำมาป่นเปน็ ผง ผสมกบั น้ำผง้ึ ปัน้ เป็นยา ลูกกลอน หรือต้มเอานำ้ ด่ืม หรือทอดกับไขก่ นิ ก็ได้ สารทมี่ ีฤทธิ์ขบั พยาธไิ ดแ้ ก่กรด quisqualic ซ่ึง เป็นกรดอะมโิ นชนดิ หนึ่ง

ฟ้าทะลายโจร ชื่อวิทยาศาสตร์ : Andrographis paniculata (Burm.) Wall. ex Nees วงศ์ : Acanthaceae ชอ่ื อ่ืน : คีปังฮี (จีน) ฟ้าทะลายโจร หญา้ กันงู นำ้ ลายพงั พอน ลกั ษณะ : ไม้ล้มลกุ สงู 30-60 ซม.ทงั้ ต้นมีรสขม ลำต้นเป็นสเี่ หลี่ยม แตกก่งิ ออกเป็นพมุ่ เล็ก ใบ เดย่ี ว เรียงตรงข้าม รปู ไข่หรือรปู ใบหอก กวา้ ง 2-3 ซม. ยาว4-8 ซม. สีเขยี วเข้มเปน็ มนั ดอกช่อ ออกท่ีปลายก่งิ และซอกใบ ดอกยอ่ ยขนาดเลก็ กลีบดอกสขี าว โคนกลบี ดอกตดิ กนั ปลายแยก ออกเปน็ 2 ปาก ปากบนมี 3 กลบี มเี ส้นสีแดงเข้มพาดตามยาว ปากล่างมี 2 กลีบ ผลเปน็ ฝักสี เขยี วอมนำ้ ตาล ปลายแหลม เมือ่ ผลแก่จะแตกเป็นสองซกี ดดี เมลด็ ออกมา ประโยชนท์ างสมุนไพร : ชาวจีนใช้ฟ้าทะลายเป็นยามาแตโ่ บราณ และมาเปน็ ทีน่ ยิ มใชใ้ นปะเทศ ไทยเมอ่ื ไม่นานมาน้ี โดยใชเ้ ฉพาะใบหรอื ท้งั ตน้ บนดนิ ซงึ่ เก็บก่อนที่จะมดี อกเปน็ ยาแก้เจบ็ คอ แก้ ทอ้ งเสีย แก้ไข้ เปน็ ยาขมเจรญิ อาหาร การศกึ ษาฤทธิล์ ดไข้ในสัตวท์ ดลองพบวา่ สารสกัด แอลกอฮอลม์ แี นวโนม้ ลดไขไ้ ด้ รายงานการใช้รกั ษาโรคอจุ จาระร่วงและบดิ ไม่มตี ัว แสดงวา่ ฟา้ ทะลายมปี ระสทิ ธิภาพในการรักษาเทา่ กบั เตตราซยั คลินแต่ในการรักษาอาการเจบ็ คอนน้ั มรี ายงาน ทง้ั ท่ไี ด้ผลและไมไ่ ด้ผลขนาดท่ีใช้คือพชื สด 1-3 กำมือ ต้มน้ำดืม่ กอ่ นอาหารวันละ 3 ครงั้ หรอื ใช้ พชื แหง้ บดเป็นผงละเอียดปนั้ เปน็ ยาลกู กลอนขนาดเส้นผา่ ศูนยก์ ลางประมาณ 0.8 ซม. กินครงั้ ละ 3-6 เม็ด วันละ 3-4 ครงั้ กอ่ นอาหารและก่อนนอน สำหรับผงฟา้ ทะลายที่บรรจแุ คปซูล ๆ ละ 500 มิลลิกรมั ให้กนิ ครง้ั ละ 2 เม็ด วันละ 2 คร้งั กอ่ นอาหารเชา้ และเยน็ อาการขา้ งเคียงที่ อาจพบคือ คลนื่ ไส้

กระเจีย๊ บแดง ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ : Hibiscus sabdariffa L. วงศ์ : Malvaceae ชอ่ื สามัญ : Roselle ช่อื อนื่ : กระเจี๊ยบ กระเจ๊ียบเปรี้ย ผักเก็งเคง็ สม้ เกง็ เคง็ สม้ ตะเลงเครง ลักษณะ : ไม้พุ่ม สงู 50-180 ซม. มีหลายพันธุ์ ลำต้นสีม่วงแดง ใบเด่ยี ว รปู ฝ่ามอื 3 หรอื 5 แฉก กว้างและยาวใกล้เคยี งกัน 8-15 ซม. ดอกเดี่ยว ออกท่ีซอกใบ กลีบดอกสชี มพูหรอื เหลืองบริเวณ กลางดอกสีมว่ งแดง เกสรตัวผู้เช่ือมกนั เปน็ หลอด ผลเปน็ ผลแหง้ แตกได้ มีกลบี เล้ยี งสีแดงฉำ่ น้ำ หุ้มไว้ ประโยชนท์ างสมุนไพร : ตำรายาไทยใช้ใบและยอดอ่อนซงึ่ มีรสเปร้ยี วแก้ไอ เมลด็ บำรงุ ธาตุ ขับ ปัสสาวะ มีรายงานการทดลองในผปู้ ่วยโรคน่ิวในท่อไต ซง่ึ ดมื่ ยาชงกลบี เลี้ยงแห้งของผล 3 กรัมใน น้ำ 300ซีซี วันละ 3 คร้ัง ทำให้ถา่ ยปสั สาวะสะดวกขน้ึ บางรายน่ิวหลดุ ไดเ้ อง นอกจากนท้ี ำให้ ผปู้ ่วยกระเพาะปัสสาวะอักเสบมอี าการปวดแสบเวลาปัสสาวะน้อยลง

หญา้ หนวดแมว ช่ือวทิ ยาศาสตร์ : Orthosiphon grandiflorus Bolding วงศ์ : Labiatae ช่อื สามัญ : Cat's Whisker ชื่ออืน่ : พยบั เมฆ ลกั ษณะ : ไม้พุม่ สงู 0.5-1 เมตร กิ่งและก้านสี่เหลีย่ มสีม่วงแดง ใบ เดยี่ ว เรียงตรงข้าม รปู ไขแ่ กม สเี่ หลย่ี มขา้ วหลามตดั กวา้ ง 2-4 ซม. ยาว 4-7 ซม. ขอบใบหยักฟันเลื่อย ดอก ชอ่ ออกทีป่ ลายก่ิง มี 2 พนั ธคุ์ อื พนั ธ์ุดอกสีขาวและพนั ธด์ุ อกสีมว่ งนำ้ เงิน เกสรตวั ผู้ย่ืนพ้นกลบี ดอกออกมายาวมาก ผล เป็นผลแห้งไม่แตก รูปรีขนาดเลก็ ประโยชนท์ างสมุนไพร : ตำรายาไทยใช้ทง้ั ต้นเปน็ ยาขบั ปสั สาวะ แกโ้ รคปวดตามสนั หลังและบนั้ เอว ใบเป็นยารักษาโรคเบาหวานและลดความดนั โลหิต มีการทดลองใช้ใบแห้งเป็นยาขบั ปัสสาวะ ขบั กรดยรู คิ ซึ่งเปน็ สาเหตุของโรคเกาด์และรักษาโรคนวิ่ ในไตกบั ผปู้ ่วยโรงพยาบาลรามาธบิ ดี โดย ใชใ้ บแห้งประมาณ 4 กรมั ชงกับน้ำเดือด 750 ซีซี ดมื่ ต่างนำ้ ตลอดวนั ไดผ้ ลเป็นทีน่ า่ พอใจของ แพทย์ พบว่าในใบมีเกลือโปแตสเซียมสูง ผ้ปู ่วยโรคหัวใจไมค่ วรใช้

หญ้าคา ช่ือวทิ ยาศาสตร์ : Imperata cylindrica Beauv. วงศ์ : Gramineae ชือ่ สามญั : ลกั ษณะ : ไม้ลม้ ลุก สงู 0.3-0.9 เมตร มีเหง้าใต้ดนิ รูปรา่ งยาวและแข็ง ใบ เดย่ี ว แทงออกจาก เหง้า กวา้ ง 1-2 ซม. ยาวไดถ้ งึ 1 เมตรขอบใบคม ดอก ช่อ แทงออกจากเหงา้ ดอกยอ่ ยอยู่รวมกนั แน่น สีเงนิ อมเทาจาง ผล เป็นผลแหง้ ไมแ่ ตก ประโยชนท์ างสมุนไพร : ตำรายาไทยใช้รากและเหงา้ เปน็ ยาขบั ปัสสาวะ แก้อาการกระเพาะ ปัสสาวะอกั เสบ ปัสสาวะแดง บำรงุ ไต ขบั ระดูขาว มีการศึกษาฤทธิข์ ับปสั สาวะในสตั ว์ทดลอง พบวา่ ไดผ้ ลเฉพาะน้ำตม้ ส่วนราก

อ้อยแดง ช่อื วทิ ยาศาสตร์ : Saccharum officinarum L. วงศ์ : Gramineae ชอ่ื สามญั : Sugar-cane ช่อื อืน่ : อ้อย อ้อยขม ออ้ ยดำ ลกั ษณะ : ไม้ล้มลกุ สงู 2-5 เมตร ลำต้นสีม่วงแดง มไี ขสขี าวปกคลมุ ไมแ่ ตกก่งิ กา้ น ใบเดี่ยว เรยี งสลับ กว้าง 2.5-5 ซม. ยาว 0.5-1 เมตร ดอกชอ่ ออกทป่ี ลายยอด สีขาว ผลเป็นผลแหง้ ขนาดเล็ก ออ้ ย มีหลายพนั ธ์ุ แตกตา่ งกันทค่ี วามสูงความยาวของข้อและสขี องลำตน้ ประโยชนท์ างสมุนไพร : ตำรายาไทยใชล้ ำตน้ เปน็ ยาขับปัสสาวะ โดยใชล้ ำต้นสด 70-90 กรัม หรอื แหง้ 30-40 กรัม หัน่ เปน็ ชิ้น ต้มน้ำแบ่งด่มื วนั ละ 2 ครัง้ ก่อนอาหาร แกไ้ ตพกิ าร หนองในและขับ น่ิว แพทย์พ้ืนบา้ นใช้ขบั เสมหะ มีรายงานวา่ ออ้ ยแดงมฤี ทธิข์ ับปัสสาวะในสตั ว์ทดลอง

ขลู่ ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ : Pluchea indica Less วงศ์ : Compositae ชื่อสามญั : Indian Marsh Fleabane ชือ่ อนื่ : ขลู่ หนวดง่วั หนงดงิ้ว หนวดงวั หนวดวัว ลกั ษณะ : ไมพ้ ุ่ม สูง 1-2.5 เมตร ชอบข้นึ ในทชี่ ื้นแฉะ ใบเดีย่ ว เรยี งสลับ รูปไข่กลบั กวา้ ง 1-5 ซม. ยาว 2.5-10 ซม. ขอบใบหยักซฟี่ ันห่าง ๆ ดอกชอ่ ออกที่ยอดและซอกฟนั กลบี ดอกสีม่วง ผลเป็น ผลแหง้ ไม่แตก ประโยชน์ทางสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใชท้ ั้งต้นต้มกินเปน็ ยาขบั ปสั สาวะ แก้เบาหวาน ต้มน้ำอาบแก้ ผื่นคัน น้ำค้ันใบสดรักษาริดสีดวงทวาร การทดลองในสัตว์และคนปกติ พบว่ายาชงท้ังตน้ มีฤทธข์ิ ับ ปัสสาวะมากว่ายาขบั ปัสสาวะแผนปัจจบุ ัน (hydrochlorothiazide) และมขี ้อดคี อื สญู เสียเกลือแร่ นอ้ ยกว่า

สบั ปะรด ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ : Ananas comosus Merr. วงศ์ : Bromeliaceae ช่อื สามัญ : Pineapple ช่อื อนื่ : ขนนุ ทอง ยานดั ย่านนัด บอ่ นดั มะขะนัด มะนดั ลงิ ทอง หมากเกง็ ลักษณะ : ไมล้ ม้ ลกุ อายุหลายปี สูง 90-100 ซม. มีลำตน้ อยู่ใตด้ ิน ใบ เด่ียว เรยี งสลบั ซอ้ นกันถม่ี า กรอบตน้ กว้าง 6.5 ซม. ยาวได้ถึง 1 เมตร ไม่มกี ้านใบ ดอก ช่อ ออกจากกลางต้น มดี อกยอ่ ย จำนวนมาก ผล เปน็ ผลรวม รูปทรงกระบอก มีใบเป็นกระจกุ ท่ีปลายผล ประโยชน์ทางสมุนไพร : ตำรายาไทยใช้เน้ือผลเปน็ ยาแกไ้ อขบั เสมหะ เหงา้ เปน็ ยาขับปัสสาวะ แก้ นวิ่ พบว่าลำตน้ และผลมเี อนไซม์ย่อยโปรตนี ชือ่ bromelain ใช้เป็นยาลดการอักเสบและบวม จากการถูกกระแทกบาดแผล หรือการผา่ ตดั โดยผลิตเป็นยาเมด็ ชอื่ Ananase Forte Tablet

สะแก ชื่อวิทยาศาสตร์ : Combretum quadrangulare Kurz วงศ์ : Combretaceae ชื่อสามญั : ชอ่ื อ่นื : แก ขอนแข้ จองแข้ แพ่ง สะแก ลกั ษณะ : ไม้ยืนต้น สงู 5-10 เมตร ก่ิงอ่อนเป็นรูปเหลี่ยม ใบเดีย่ ว เรียงตรงขา้ ม รูปวงรี หรอื รูปไข่ กลับ กวา้ ง 3-8 ซม. ยาว 6-15 ซม. ดอกช่อ ออกที่ซอกใบ และปลาดยอด ดอกยอ่ ยมขี นาดเลก็ กลีบดอกสขี าว ผลแห้ง มี 4 ครีบ เมล็ดสีน้ำตาลแดง รปู กระสวย มี 4 สันตามยาว ประโยชน์ทางสมนุ ไพร : เมลด็ แก่-ใชข้ ับพยาธิไสเ้ ดือน และพยาธิเส้นดา้ ยในเด็ก โดยใช้ ขนาด 1 ช้อนคาว หรือ 3 กรมั ตำผสมกบั ไขท่ อดกนิ ครงั้ เดียว ขณะท้องว่าง

พลู ช่ือวิทยาศาสตร์ : Piper betle L. วงศ์ : Piperaceae ช่ือสามัญ : Betel Vine ลักษณะ : ไม้เถาเน้ือแขง็ รากฝอยออกบรเิ วณขอ้ ใช้ยดึ เกาะ ข้อโป่งนนู ใบ เดยี่ ว เรยี งสลับ รูปหัวใจ กว้าง 8- 12 ซม. ยาว 12-16 ซม. มีกลนิ่ เฉพาะและมรี สเผ็ด ดอก ช่อ ออกท่ซี อกใบ ดอกย่อยขนาดเล็กอัด แน่นเปน็ รูปทรงกระบอก แยกเพศ สีขาว ผล เปน็ ผลสด กลมเล็กเบียดอยู่บนแกน พลูมีหลายพันธุ์ เช่นพลูเหลือง พลูทองหลาง ประโยชนท์ างสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใชน้ ำ้ คนั้ ใบสดกนิ เปน็ ยาขับลมและทาแก้ลมพษิ โดยใช้ 3-4 ใบ ขย้ีหรือตำใหล้ ะเอียด ผสมเหลา้ โรงเลก็ น้อย ทาบรเิ วณทีเ่ ปน็ ใบมีน้ำมนั หอมระเหย ประกอบดว้ ย สาร chavicol และ eugenol ซึ่งมีฤทธทิ์ ำให้ชาเฉพาะที่ สามารถบรรเทาอาการคนั และฆ่าเช้ือโรค บางชนิดดว้ ย จึงมกี ารพฒั นาตำรบั ยาขผ้ี ้งึ ผสมสารสกดั ใบพลูขน้ึ เพ่ือใช้เป็นยาทารกั ษาโรคผิวหนงั บางชนิด

ทองพนั ช่งั ชื่อวิทยาศาสตร์ : Rhinacanthus nasutus Kurz วงศ์ : Acanthaceae ชือ่ อื่น : ทองคนั ชงั่ หญ้ามันไก่ ลักษณะ : ไมพ้ ่มุ สงู 1-2 เมตร กิง่ อ่อนมักเปน็ สันสี่เหล่ยี ม ใบเดี่ยวเรียงตรงขา้ มรปู ไขห่ รือรูปวงรี กว้าง 2-4 ซม. ยาว 4-8 ซม. ดอกช่อ ออกท่ีซอกใบกลีบดอกสีขาว โดคนกลบี ติดกนั เป็นหลอด ปลายแยกเปน็ 2 ปาก ปากลา่ งมจี ดุ ประสมี ว่ งแดง ผลเป็นผลแหง้ แตกได้ ประโยชนท์ างสมุนไพร : ตำรายาไทยใชใ้ บสดและรากโขลกละเอียด แชเ่ หลา้ โรง 1 สัปดาหเ์ อาน้ำ ทาแก้กลากเกล้อื น สารสำคญั คอื rhinacanthin และ oxymethylanthraquinone

มะหาด ชอื่ วิทยาศาสตร์ : Artocarpus lakoocha Roxb. วงศ์ : Moraceae ชื่ออนื่ : หาด ขุนปา่ มะหาดใบใหญ่ ลกั ษณะ : ไม้ยืนต้น สงู ประมาณ 30 เมตร ทรงพมุ่ แผ่กวา้ ง ใบ ด่ยี ว เรียงสลบั รูปขอบขนานหรือ รูปวงรี กวา้ ง 8-10 ซม. ยาว 10-20 ซม. หลงั ใบเปน็ มันสเี ขยี วเข้ม ท้องใบสาก ดอก ช่อ ออกท่ี ซอกใบ คอ่ นข้างกลม ก้านสัน้ แยกเพศ อยู่บนตน้ เดียวกัน ผล เป็นผลรวม สีเหลือง ผวิ ขรขุ ระ มี ขนนุ่ม ประโยชนท์ างสมุนไพร : ตำรายาไทยใชป้ วกหาดเป็นยาถา่ ยพยาธิเส้นด้าย พยาธไิ ส้เดอื นและพยาธิ ตวั ตดื สำหรับเด็ก สารท่ีออกฤทธ์ิคอื 2, 4, 3, 5- tetrahydroxystillbene จากการศึกษาไม่พบ ความเป็นพิษ ขนาดทใ่ี ชค้ อื ผงปวกหาด 3 กรัม ละลายน้ำเยน็ ด่ืมตอนเช้ามืดหลงั จากน้ัน ประมาณ 2 ชัว่ โมงใหก้ ินยาถา่ ย (ดเี กลอื ) นอกจากน้ียังใชล้ ะลายน้ำทาแก้คัน “ปวกหาด” เตรียม โดยการเคีย่ วเนอ้ื ไม้กบั น้ำ กรองเนื้อไมอ้ อก บบี น้ำออกให้แหง้ จะไดผ้ งสนี วลจบั กันเปน็ ก้อน ย่าง ไฟจนเหลือง เรยี กก้อนนี้ไดว้ ่า ปวกหาด

พญาปลอ้ งทอง ช่อื วทิ ยาศาสตร์ : Clinacantus nutans (Burm.) Lindau วงศ์ : Acanthaceae ชอื่ อ่ืน : ผักมนั ไก่ ผักล้ินเขียด พญาปลอ้ งคำ พญาปล้องดำ พญายอ เสลดพงั พอน เสลดพังพอนตัว เมีย ลักษณะ : ไม้พมุ่ รอเล้ือย สูง 1-3 เมตร ใบเดี่ยว เรยี งตรงข้าม รูปใบหอก กว้าง 1-3 ซม. ยาว 4- 12 ซม. สีเขยี วเขม้ ดอกชอ่ ออกเปน็ กะจกุ ทป่ี ลายก่ิง กลีบดอกสีแดงสม้ โคนกลีบ สีเขียว ติดกนั เป็นหลอดยาว ปลายแยกเป็น 2 ปาก ไม่ค่อยออกดอก ผลเปน็ ผลแห้ง แตกได้ ประโยชน์ทางสมุนไพร : ตำรายาไทยใชใ้ บสดรักษาแผลไฟไหมน้ ำ้ รอ้ นลวก แมลงกดั ต่อย ผน่ื คนั โดยนำใบสด 5-10 ใบ ตำหรอื ขยี้ทา การทดลองในสัตวพ์ บว่าสารสกดั ใบสดดว้ ย n- butanol สามารถลดการอกั เสบได้ มกี ารเตรียมเป็นทิงเจอร์เพ่ือใช้ทารกั ษาอาการอกั เสบจากเรมิ ในปาก โดยใชใ้ บสด 1 กก. ปนั่ ละเอยี ด เติมแอลกอฮอล์ 70% 1 ลติ ร หมกั 7 วัน กรอง ระเหยบน เครื่ององั ไอน้ำให้ปริมาตรลดลงครงึ่ หนงึ่ เติมกลีเซอรีนเท่าตวั

มะนาว ชอื่ วิทยาศาสตร์ : Citrus aurantifolia Swing. วงศ์ : Rutaceae ชอื่ สามัญ : Common Lime ชื่ออ่ืน : สม้ มะนาว มะลิว (ภาคเหนือ) ลกั ษณะ : ไมพ่ มุ่ สูง 2-4 เมตร ก่ิงอ่อนมีหนาม ใบประกอบชนิดมีใบย่อยใบเดียว เรียงสลับ รูปไข่ รูปวงรหี รอื รปู ไขแ่ กมขอบขนานกว้าง 3-5 ซม. ยาว 4-8 ซม. เน้อื ใบมจี ุดน้ำมันกระจาย กา้ นใบมี ครบี เลก็ ๆ ดอกเดี่ยวหรอื ชอ่ ออกท่ปี ลายก่ิงและทซี่ อกใบ กลบี ดอกสขี าว กล่ินหอม รว่ งง่าย ผล เปน็ ผลสด กลมเกลี้ยง ฉ่ำนำ้ ประโยชน์ทางสมนุ ไพร : รายาไทยใชน้ ้ำมะนาวและผลดองแห้งเป็นยาขับเสมหะแกไ้ อ แกโ้ รค เลอื ดออกตามไรฟัน เพราะมวี ิตามนิ ซี น้ำมะนาวเป็นกระสายยาสำหรับสมนุ ไพรท่ใี ช้ขบั เสมหะเช่น ดปี ลี

มะแว้งเครือ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Solanum trilobatum L. วงศ์ : Solanaceae ช่อื อ่ืน : แขวง้ เคยี ลกั ษณะ : ไม้เลอื้ ย มหี นามตามกิ่งก้าน ใบเดยี่ ว เรียงสลับ รูปไขก่ ว้าง 4-5 ซม. ยาว 5-8 ซม. ขอบ ใบเว้า มีหนามตามเสน้ ใบ ดอกชอ่ ออกที่ปลายกิ่งและซอกใบ กลีบดอกสมี ่วง ผลเป็นผลสด รปู กลม ผลดิบสเี ขยี วมีลายตามยาว เมอ่ื สกุ สีแดง ประโยชนท์ างสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใชผ้ ลสดแก้ไอขบั เสมหะ โดยใช้ขนาด 4-10 ผล โขลกพอ แหลกคั้นเอานำ้ ใส่เกลือเล็กน้อย จิบบ่อยๆ หรอื เคย้ี วกลืนเฉพาะนำ้ จนหมดรสขมเฝือ่ น มะแว้ง เครอื เป็นสว่ นผสมหลกั ในยาประสะมะแว้งเชน่ กัน นอกจากนใี้ ช้ขับปัสสาวะแก้ไขแ้ ละเปน็ ยาขม เจรญิ อาหารดว้ ย

มะแวง้ ต้น ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ : Solanum indicum L. วงศ์ : Solanaceae ชื่ออน่ื : ลกั ษณะ : ไมพ้ ุ่ม สงู 1-1.5 เมตร ลำตน้ มีขนนุ่ม ใบเดีย่ ว เรียงสลับรปู ไขห่ รอื รูปขอบขนาน กวา้ ง 4-10 ซม. ยาว 6-12 ซม. ขอบใบเว้า ผวิ ใบมีขนนุ่มท้งั สองดา้ น ดอกชอ่ ออกตามก่ิงหรอื ที่ ซอกใบ กลีบดอกสีมว่ ง ผลเปน็ ผลสด รูปกลม ผลดบิ สเี ขยี วอ่อน ไม่มีลาย เม่อื สุกสสี ม้ ประโยชนท์ างสมุนไพร : ตำรายาไทยใช้ผลสดแก้ไอขบั เสมหะ รกั ษาเบาหวาน ขบั ปัสสาวะ มกี าร ทดลองในสัตว์ พบวา่ น้ำสกดั ผลมีฤทธล์ิ ดน้ำตาลในเลอื ด แต่มฤี ทธิ์นอ้ ยและระยะเวลาการออกฤทธิ์ สั้น พบสเตดรอยดป์ ริมาณคอ่ นข้างสูง จงึ ไม่ควรใชต้ ิดต่อกนั เปน็ เวลานาน มะแวง้ ต้นเปน็ ส่วนผสม หลัก ในยาประสะมะแวง้ ซง่ึ องคก์ ารเภสชั กรรมผลิตข้นึ ตามตำรับยาสามัญประจำบา้ นแผนโบราณ

แห้วหมู ช่อื วิทยาศาสตร์ : Cyperus rotundus L. วงศ์ : Cyperacear ชอื่ สามัญ : Nutgrass ชื่ออน่ื : หญ้าขนหมู ลกั ษณะ : ไม้ล้มลกุ อายหุ ลายปี สงู 20-40 ซม. มีลำตน้ ใตด้ นิ เป็นหัวคล้ายหัวแหว้ ไทย แตกแขนง ลำตน้ เป็นเสน้ แข็งเหนียวอยใู่ ตด้ นิ และงอกเป็นหวั ใหม่ได้ ใบเดี่ยว จำนวนมาก แทงออกจากหัว กว้าง 2-6 มม. ยาว 5-20 ซม. ดอกชอ่ คล้ายดอกหญ้า สีนำ้ ตาลแดง แตกแขนงเป็น 4-10 กิง่ ก้าน ชอ่ ดอกเป็นสามเหล่ยี มตรง ผลเป็นผลแหง้ ประโยชน์ทางสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใชห้ วั ใต้ดนิ เป็นยาบำรงุ หวั ใจ ขบั เหงอ่ื และขบั ปัสสาวะ การ ทดลองในสัตวพ์ บฤทธขิ์ ับปสั สาวะ ลดไข้ ลดความดันโลหิตและลดการอกั เสบ ซงึ่ เชอื่ วา่ เกดิ จาก a- cyperone นอกจากนี้พบฤทธิย์ ับยง้ั การเจริญเตบิ โตของเชื้อมาลาเรยี ชนิดฟลั ซิพารัมในหลอด ทดลองด้วย

เรว่ ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ : Amomum xanthioides Wall. วงศ์ : Zingiberaceae ชื่อสามัญ : Bustard cardamom, Tavoy cardamom ชอ่ื อ่ืน : หมากแหนง่ (สระบรุ ี) หมากเนงิ (อีสาน) มะอี้ หมากอ้ี มะหมากอ้ี (เชียงใหม่) หนอ่ เนง (ชัยภูมิ) ลกั ษณะ : เรว่ เป็นพืชล้มลกุ มีเหง้าหรือลำต้นอยูใ่ นดนิ จดั เปน็ พชื สกลุ เดยี วกบั กระวาน ข่า ขิง ใบมลี ักษณะ ยาวเรยี ว ปลายใบแหลมและห้อยโคง้ ลง ก้านใบมีขนาดสัน้ ออกดอกเปน็ ช่อจากยอดทแ่ี ทงข้ึนมา จากเหง้า ดอกมีสขี าวก้านชอ่ ดอกสั้น ผลมขี นสีแดงปกคลุม เมล็ดมสี นี ำ้ ตาล เร่วมหี ลายชนิด เชน่ เรว่ หอม เร่วช้าง เรว่ กอ ซ่ึงเร่วเหล่านี้มีลักษณะตน้ แตกต่างกันไป ประโยชนท์ างสมนุ ไพร : น้ำมนั หอมระเหยในเมล็ดเรว่ มฤี ทธิ์เป็นยาขับลม ชว่ ยแก้อาการท้องอดื ทอ้ งเฟอ้ แนน่ จกุ เสยี ด โดย ใชเ้ มลด็ ประมาณ 3 กรัม บดใหเ้ ป็นผงรับประทานวันละ 3 ครั้ง และช่วยขับเสมหะ แกค้ ลืน่ เหยี น อาเจยี นได้ดอี กี ดว้ ย

ดปี ลี ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Piper chaba Hunt วงศ์ : Piperaceae ช่อื สามญั : Long Pepper ลกั ษณะ : ไมเ้ ถารากฝอยออกบรเิ วณขอ้ เพ่ือใช้ยึดเกาะ ใบ เดีย่ วรูปไข่แกมขอบขนาน กว้าง 3- 5 ซม. ยาว 7-10 ซม. สีเขียวเขม้ เปน็ มนั ดอก ช่อ ออกทซี่ อกใบ ดอกยอ่ ยอัดกันแน่น แยกเพศ ผล เปน็ ผลสด มสี ีเขยี ว เม่ือสุกจะเปล่ยี นเปน็ สแี ดง รสเผด็ รอ้ น ประโยชน์ทางสมุนไพร : ตำรายาไทยใช้ผลแก่จัดแตย่ งั ไม่สกุ ตากแหง้ เป็นยาขบั ลม บำรุงธาตุ แก้ ทอ้ งเสีย ขบั รกหลงั คลอด โดยใชผ้ ล 1 กำมือ (ประมาณ 10-15 ผล) ตม้ เอานำ้ ดืม่ นอกจากนี้ใช้ เปน็ ยาแกไ้ อ โดยเอาผลแหง้ คร่ึงผลฝนกับมะนาวแทรกเกลอื ใชก้ วาดคอหรือจิบบอ่ ยๆ ฤทธิ์ขบั ลม และแกไ้ อ เกิดจากนำ้ มันหอมระเหยและสาร piperine พบว่าสารสกัดเมทานอลมีผลยับยั้งการบีบ ตวั ของลำไสเ้ ล็กและสารสกดั ปโิ ตรเลียมอเี ธอร์ ทำให้สัตวท์ ดลองแทง้ จึงควรระวงั การใช้ในสตรีมี ครรภ์

นอ้ ยหนา่ ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Annona squamosa L. วงศ์ : Annonaceae ชื่อสามญั : Sugar Apple ช่ืออืน่ : นอ้ ยแน่ นะนอแน่ หมกั เขยี บ ลกั ษณะ : ไมย้ นื ต้น สงู 3-5 เมตร ใบเดีย่ ว เรยี งสลับ รูปใบหอกหรอื รปู ใบหอกแกมขอบขนาน กวา้ ง 3-6 ซม. ยาว 7-13 ซม. ดอกเดยี่ ว ออกท่ีซอกใบ ห้อยลง กลบี ดอกสีเหลืองแกมเขยี ว 6 กลีบ เรยี ง 2 ช้นั ๆ ละ 3 กลีบ หนาอวบน้ำ มเี กสรตวั ผู้และรังไขจ่ ำนวนมาก ผลเป็นผลกลุ่ม คอ่ นข้าง กลม ประโยชน์ทางสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใชใ้ บสดและเมลด็ ฆ่าเหา โดยใชเ้ มลด็ ประมาณ 10 เมล็ด หรอื ใบสดประมาณ 1 กำมือ (15 กรัม) ตำให้ละเอียด ผสมกบั น้ำมันมะพรา้ วพอแฉะ ขยใ้ี ห้ท่ัว ศีรษะ ใชผ้ า้ คลมุ โพกไวป้ ระมาณ 10 นาทถี งึ ครึง่ ชั่วโมง ใชห้ วีสางเหาออก สระผมใหส้ ะอาด (ระวงั อย่าให้เข้าตา เพราะจะทำให้ตาอักเสบและแสบได)้ มีรายงานยืนยันว่านำ้ ยาท่ีคนั้ จากเมล็ดบดกบั น้ำมนั มะพร้าวในอตั ราส่วน 1:2 สามารถฆ่าเหาไดด้ ที ่ีสดุ คือฆ่าไดถ้ ึง 98% ใน 2 ชั่วโมง ใช้รักษา หดิ กลากและเกลื้อนด้วย

ย่านาง ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ : Tiliacora triandra Diels วงศ์ : Menisspermaceae ลักษณะ : ไมเ้ ถา ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่แกมใบหอก กว้าง 2-4 ซม. ยาว 5-12 ซม. ดอกช่อ ออก ตามเถาและที่ซอกใบ แยกเพศอยูค่ นละตน้ ไม่มกี ลีบดอก ผลเป็นผลกลุม่ ผลย่อย รูปวงรีประโยชน์ ทางสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใช้รากตม้ กับน้ำ ดมื่ เปน็ ยาแกไ้ ขท้ ุกชนดิ การทดลองพบว่าสารสกัดรากมีฤทธต์ิ า้ นเช้อื มาลาเรยี ชนิดฟลั ซิพารัมในหลอดทดลอง

ปลาไหลเผือก ช่อื วทิ ยาศาสตร์ : Eurycoma longifolia Jack วงศ์ : Simaroubaceae ชอ่ื อื่น : กรุงบาดาล คะนาง ชะนาง ตรึงบาดาล ตงุ สอ แฮพันชั้น เพียก หยิกบ่อถอง หยิกไม่ถึง เอยี นดอน ไหลเผอื กลกั ษณะ : ไม้ยนื คน้ สูง 4-6 เมตร ลำต้นตรง ไม่คอ่ ยแตกก่ิงก้าน ใบประกอบ แบบขนนก เรยี งสลับ ออกเป็นกระจกุ บรเิ วณปลายกิ่ง ใบยอ่ ยรปู ไข่แกมวงรี กว้าง 2-3 ซม. ยาว 5-7 ซม. สีเขยี วเข้ม ยอดและใบออ่ นมขี นสนี ้ำตาลแดง ดอกช่อ ออกท่ซี อกใบ ดอกย่อยขนาด เล็ก กลบี ดอกสีมว่ งแดง ผลเป็นผลสด รปู ยาวรีประโยชน์ทางสมุนไพร : ตำรายาไทยใชร้ ากเป็นยา แก้ไขท้ ุกชนดิ รวมท้งั ไข้จบั สั่น พบวา่ สารท่อี อกฤทธ์เิ ป็นสารท่ีมรี สขมได้แก่ eurycomalactone eurycomanol และ eurycomanone สารทัง้ สามมฤี ทธ์ิยับย้งั การเจริญเตบิ โตของเชือ้ มาเลเรีย ชนดิ ฟัลซิพารัมในหลอดทดลองได้ จดั เปน็ สมนุ ไพรท่ีมศี ักยภาพ ควรศกึ ษาวิจัยตอ่ ไป

บอระเพ็ด ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Tinospora crispa ( L.) Miers ex Hook.f. & Thoms วงศ์ : Menisspermaceae ช่อื อืน่ : เครือเขาฮอ จงุ่ จงิ เจตมูลหนาม เจตมูลยาน เถาหวั ด้วน หางหนู ลกั ษณะ : ไม้เถาเลอ้ื ยพัน มีลกั ษณะคล้ายชงิ ชา้ มาก ตา่ งกนั ทเ่ี ถามขี นาดใหญ่กวา่ มีป่มุ ปมมากกว่า มรี สขมกว่าและไม่มปี ุ่มใกล้ฐานใบ ประโยชนท์ างสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใช้เถาเป็นยาแก้ไข้ ขับเหง่อื แก้กระหายน้ำ แกร้ ้อนใน โดยนำ เถาสดขนาดยาว 2 คืบคร่ึง (30-40 กรมั ) ต้มคัน้ เอาน้ำดืม่ หรอื ต้มเคยี่ วกับน้ำ 3 สว่ นจน เหลือ 1 สว่ น ดื่มก่อนอาหารวันละ 2 ครัง้ เช้าเย็น หรือเมือ่ มไี ข้ นอกจากน้ีใช้เป็นยาขมเจรญิ อาหาร ด้วย ปัจจุบนั องค์การเภสัชกรรมผลิตทิงเจอร์บอระเพ็ด เพ่ือใชแ้ ทน Tincture Gentian ซงึ่ เป็น สว่ นผสมของยาธาตทุ ี่ตอ้ งนำเข้าจากตา่ งประเทศ การทดลองในสัตว์พบวา่ น้ำสกดั เถาสามารถลด ไข้ได้

มังคุด ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Garcinia mangostana L. วงศ์ : Guttiferae ช่ือสามัญ : Mangosteen ลักษณะ : ไม้ยืนตน้ สูง 10-12 เมตร ทุกสว่ นมียางสเี หลอื ง ใบเดยี่ ว เรียงตรงข้าม รปู ไข่หรือรูปวงรี แกมขอบขนาน กว้าง 6-11 ซม. ยาว 15-25 ซม. เน้ือใบหนาและค่อนข้างเหนียวคล้ายหนงั หลัง ใบสเี ขยี วเขม้ เป็นมนั ท้องใบสีอ่อนกวา่ ดอกเดย่ี วหรือเปน็ คู่ออกทีซ่ อกใบใกลป้ ลายก่ิง สมบูรณ์เพศ หรือแยกเพศ กลีบเลีย้ งสีเขียวอมเหลอื ง กลบี ดอกสีแดง ฉ่ำน้ำ ผลเป็นผลสด คอ่ นขา้ งกลม ประโยชนท์ างสมุนไพร : ตำรายาไทยใชเ้ ปลือกผลแห้งซึง่ มีสารแทนนินเป็นยาฝาดสมาน แกโ้ รค ทอ้ งร่วง ท้องเสยี เร้ือรังและโรคเกย่ี วกับลำไส้ พบสาร xanthone ในเปลือกผลมีฤทธิ์ฆา่ เชื้อ แบคทเี รยี ซึ่งทำใหเ้ กดิ หนอง โดยสามารถฆ่าได้ทง้ั สายพันธุ์ปกติและสายพันธ์ทุ ด่ี ้อื ต่อยาเพนนิซลิ ิน มฤี ทธิ์ต้านเช้อื ราทเ่ี ปน็ สาเหตขุ องโรคผิวหนังหลายชนดิ และลดอาการอกั เสบดว้ ย จึงมกี ารพฒั นา ยาในรูปครีมผสมสารบริสุทธิ์ท่แี ยกไดจ้ ากเปลือกผล เพอ่ื ใชร้ กั ษาแผลทเ่ี ปน็ หนองและสวิ ซ่งึ เกิด จากการติดเช้ือ ตลอดจนใช้ชว่ ยลดร่องรอยด่างดำบนใบหน้าดว้ ย

กระวาน ช่อื วทิ ยาศาสตร์ : Amomum krervanh Pierre วงศ์ : Zingiberaceae ช่อื สามัญ : Siam Cardamom, Camphor Seed ช่อื อืน่ : กระวานดำ กระวานแดง กระวานขาว (ภาคกลาง, ภาคตะวันออก) กระวานจันทร์ กระวานโพธิสตั ว์ ลักษณะ : ไม้ลม้ ลุกสูง 1-3 เมตร ขึน้ ในป่าชื้น บรเิ วณไหลเ่ ขาสงู มีเหง้าใตด้ ิน ใบเดยี่ ว เรียงสลับ รูปขอบขนาน กว้าง 8-15 ซม. ยาว 40-50 ซม. ไมม่ ีก้านใบ ดอกชอ่ แทงจากเหง้า กลบี ดอกสขี าว เปน็ หลอดและพองเปน็ กระเปาะ ออกดอกเม่ือตน้ อายุ 2-3 ปี ผลกลมเกลีย้ ง ขนาด 6-15 มม. เมื่อ แกเ่ ปลอื กผลจะแห้งและแข็ง เมล็ดขนาดเล็ก 12-18 เมลด็ รวมกล่มุ เปน็ 3 กลุ่ม โดยมเี ย่อื บาง ๆ กน้ั มกี ลิ่นหอมและรสเผด็ ประโยชน์ทางสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใช้ผลเป็นยาขบั ลม รักษาโรค ทอ้ งอืดเฟ้อแน่นจุกเสยี ด โดยใช้ขนาด 1-2 กรัม ชงน้ำดืม่ และใช้เป็นเคร่ืองเทศแตง่ กล่ินอาหาร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook