Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore E-Book เศรษฐศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ที่ 6

E-Book เศรษฐศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ที่ 6

Published by Wathanyu Peet, 2021-01-26 18:14:04

Description: E-Book เศรษฐศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ที่ 6

Search

Read the Text Version

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 การแก้ปัญหาและความร่วมมือทาง เศรษฐกจิ ในระดบั ชุมชนและ ประเทศ

คานา รายงานเลม่ น้ีจดั ทาเพื่อเป็นส่วนหน่ึงของรายวิชาเศรฐศาสตร์ เกี่ยวกบั เร่ืองการแกป้ ัญหาและความร่วมมือทางเศรฐกิจในระดบั ชุมชนและ ประเทศ และไดศ้ ึกษอยา่ งเขา้ ใจเพอ่ื เป็นประโยชนก์ บั การเรียน การจดั ทารายงานไดท้ าการคน้ ควา้ รวบรวมขอ้ มูลจากหนงั สือ และ บทความตา่ งๆ คณะผจู้ ดั ทาหวงั วา่ จะเป็นประโยชนแ์ ก่ผสู้ นใจบา้ งตาม สมควร คณะผจู้ ดั ทา

สารบัญ เรื่อง หน้า 1. การแก้ปัญหาและความร่วมมือทางเศรษฐกจิ ในระดับประเทศ 1 1.1 การพฒั นาเศรษฐกิจ 3 1.2 แนวทางการพฒั นาทางเศรษฐกิจของประเทศไทย 5 1.3 แผนพฒั นาเศรษฐกิจของประเทศไทย 16 2. เศรษฐกจิ ชุมชน 30 2.1 ปัญหาเศรษฐกิจชุมชน 32 2.2 แนวทางแกไ้ ขปัญหาเศรษฐกิจชุมชน 36 2.3 ความร่วมมือทางเศรษฐกิจชุมชน 38 บรรณานุกรม 43

1 1. การแก้ไขปัญหาและความรวมมือทางเศรษฐกจิ ใน ระดบั ประเทศ การจะหาแนวทางและมาตรการในการแกไ้ ขวกิ ฤติของชาติไดท้ ้งั ระบบ และอยา่ งยงั่ ยนื ตอ้ งการกรอบคิดใหม่ ที่เป็นไทจากกรอบคิดแบบ IMF โดยสิ้นเชิง. กรอบคิดใหมค่ ือ จะตอ้ งเนน้ การพฒั นาเศรษฐกิจ ภายในประเทศเป็นดา้ นหลกั เนน้ การพฒั นาคน การแกป้ ัญหาการ วา่ งงาน และการปฏิรูปการจดั สรรทรัพยากรเพอื่ การฟ้ื นฟเู ศรษฐกิจ สงั คมเพ่อื คนส่วนใหญ่ เนน้ การพ่งึ ตนเองในระดบั ประเทศ และการ สร้างความเขม้ แขง็ และอานาจต่อรองของประเทศ อยา่ งถือเป็นเร่ือง เร่งด่วนและสาคญั ที่สุด. ส่วนเรื่องการพ่ึงการลงทุนจากต่างชาติควรจะลดความสาคญั ลงมา โดยรัฐบาลตอ้ งพยายามตอ่ รองกบั พวกเจา้ หน้ีต่างชาติ ต่อรองเรื่อง เงื่อนไขกฎเกณฑก์ ารคา้ ระหวา่ งชาติอยา่ งถึงท่ีสุด. เราตอ้ งมีอธิปไตยท่ี จะเป็นฝ่ ายเลือกเปิ ดประตู ใหเ้ ฉพาะการลงทุนและการคา้ ระหวา่ ง ประเทศเท่าท่ีจาเป็น และเป็นประโยชน์ต่อคนไทยส่วนใหญ่เทา่ น้นั ; ไมใ่ ช่มุง่ ทาทุกอยา่ งรวมท้งั การออกกฎหมายใหมเ่ พอ่ื เอาใจนายทุน นาย ธนาคารตา่ งชาติ ซ่ึงเป็นแนวทางการแกไ้ ขท่ีผิดพลาด ทาใหน้ ายทุน ตา่ งชาติที่มีอานาจต่อรองหรือมือยาวมากกวา่ เอาเปรียบไทยไดม้ าก ยงิ่ ข้ึน นโยบายของรัฐบาลในรอบ2 ปี ทาใหต้ า่ งชาติเขา้ มาประมูลซ้ือ

2 สินทรัพยท์ ่ีรัฐบาลยดึ จากสถาบนั การเงินที่ถูกส่งั ปิ ดในราคาต่ามาก ๆ แลว้ กลบั มาขายคนไทยในราคาสูง โดยท้งั ที่คนไทยเสียประโยชน์ไป เปลา่ ๆ. ธนาคารตา่ งชาติกข็ ดู รีดดอกเบ้ียเงินกูท้ ่ีมีส่วนต่างจากดอกเบ้ีย เงินฝากสูงกวา่ ธนาคารไทยอยา่ งเห็นไดช้ ดั ๆ ประเทศในภูมิภาคต่างๆ ดงั กลา่ วไดท้ าการคา้ ขายกนั ต้งั แต่ในอดีต ตอ่ มา นอกจากการคา้ สินคา้ แลว้ ยงั มีการคา้ บริการและกิจกรรมการ เศรษฐกิจอ่ืนๆอีกมาก อยา่ งไรกต็ าม เนื่องจากประเทศต่างๆมี ความสามารถในการผลิตและการคา้ ประโยชน์จาการดาเนินการทาง เศรษฐกิจระหวา่ งประเทศมากกวา่ ดว้ ยเหตุน้ี ประเทศที่อยใู่ นภูมิภาค เดียวกนั จึงไดร้ ่วมมอื กนั จดั ต้งั กลุ่มเศรษฐกิจข้ึนเพอ่ื เพิม่ อานาจตอ่ รอง และเพ่อื ใหม้ ีพลงั ร่วมทางดา้ นการผลิตท่ีสามารถแข่งขนั กบั ประเทศท่ีมี ความไดเ้ ปรียบดงั กล่าว

3 1.1 การพฒั นาเศรษฐกิจ ความหมายและความสาคญั ของการพฒั นาเศรษฐกจิ ความหมายของการพฒั นาเศรษฐกิจ การพฒั นาเศรษฐกิจ หมายถึง การทาใหร้ ายไดท้ ่ีแทจ้ ริงต่อคนเพ่มิ ข้ึนติดตอ่ กนั เป็น เวลานาน เพ่อื ทา ใหป้ ระชาชนส่วนใหญ่มีความเป็นอยทู่ ่ีดีข้ึน ดงั น้นั การพฒั นาเศรษฐกิจ จะทาใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงท้งั ทางดา้ นเศรษฐกิจ และ สังคม โดยมี จุดม่งุ หมายดงั น้ี 1) เกิดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เพือ่ ทาใหม้ ีสินคา้ และบริการมาก ข้ึนหรือทา ใหร้ ายไดท้ ี่แทจ้ ริงต่อคนสูงข้ึนอยา่ งต่อเนื่อง 2) มีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ หมายถึงการมีความสมดุลในตลาดต่าง ๆ ทาใหเ้ กิด การพฒั นาเศรษฐกิจอยา่ งยง่ั ยนื 3) มีความเสมอภาคทางเศรษฐกิจ หมายถึงการมีความยตุ ิธรรมในการ กระจาย รายได้ และการก าหนดราคา ทาใหป้ ระชาชนมีความเป็นอยู่ ใกลเ้ คียงกนั 4) มีเสรีภาพทางเศรษฐกิจ หมายถึงการมีอิสระในการเลือกอาชีพและ เลือกวิถีการ ดารงชีวติ ของแต่ละคน เพอ่ื ความเป็นอยทู่ ่ีดีข้ึนของประชาชน

4 5) มีความมน่ั คงทางเศรษฐกิจ หมายถึงการมีความมนั่ คงในฐานะทาง การเงินของ ประเทศ และสถาบนั การเงินของประเทศ เพอ่ื ใหร้ ัฐบาล สามารถจดั สรรทรัพยากรของประเทศ เพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ ของประเทศ 6) มีความสงบท้งั ภายในและภายนอกประเทศ 7) ประชาชนไดร้ ับการศึกษาอยา่ งทวั่ ถึงและมีสุขภาพแขง็ แรง การพฒั นาเศรษฐกิจ (Economic Development) กระบวนการสร้าง ความเจริญเติมโตทางเศรษฐกิจใหเ้ กิดข้ึนอยา่ งต่อเน่ืองยาวนาน มีการ เปลี่ยนแปลงตา่ ง ๆ ในโครงสร้างของระบบเศรษฐกิจ การพฒั นาเศรษฐกจิ ของประเทศมเี ป้าหมายสาคญั คือ ประชาชน ดงั น้ี 1.พฒั นาคุณภาพชีวติ ของประชาชนใหอ้ ยดู่ ีกินดี หรือมีสวสั ดิการทาง เศรษฐกิจสูงข้ึน 2.มีสภาพแวดลอ้ มความเป็นอยทู่ ี่ดี มสี วสั ดิการทางสงั คม หรือมีความ ปลอดภยั ในสงั คม 3.มีความพอใจและความสุขในการดาเนินชีวิต 4.สร้างความเป็ นธรรมในสังคม

5 1.2 แนวทางการพฒั นาเศรษฐกจิ ของประเทศไทย การพฒั นาเศรษฐกิจของไทยไดด้ าเนินการมาโดยตลอด แตก่ ่อน ๆ มาได้ ดาเนินการแบบไมม่ ีเป้าหมายที่แน่นอน ส่วนมาก จะเป็นการแกป้ ัญหาเฉพาะหนา้ และมีหน่วยงานของรัฐรับผิดชอบอยู่ หลายหน่วยงาน บางคร้ังจึงเกิดปัญหาการทางานซ้าซอ้ น เป็นการลงทุนโดยเสียเปลา่ รัฐบาลจึงไดแ้ กป้ ัญหาโดยจดั ใหม้ ีการพฒั นา อยา่ งมีแผนมีข้นั ตอนในการดาเนินงาน ซ่ึงเรียกวา่ แผน พฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ประเทศไทยไดเ้ ร่ิมทาการพฒั นา ประเทศโดยกาหนดเป็นแผนระดบั ชาติคร้ังแรกในปี พ.ศ.2504 กาหนดเป็นแผนพฒั นาแผนละ 5 ปี นบั ถึงปัจจุบนั (พ.ศ.2543) ไดใ้ ชแ้ ผนพฒั นาไปแลว้ 7 แผน (เป็นเวลา 35 ปี ) แผนพฒั นาฯ ฉบบั ที่ 8 เริ่มใชใ้ นปี 2540 และจะสิ้นสุดลงในปี 2544

6 การพฒั นาเศรษฐกิจของไทยตามแผนการพฒั นาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติทุกฉบบั ถึงแมจ้ ะมีวตั ถปุ ระสงคห์ ลกั แตกตา่ งกนั ไปบา้ ง แต่ก็มุง่ แกป้ ัญญาหลกั ที่สาคญั ๆ อยู่ 3 ประการ คือ การพฒั นาอาชีพและรายได้ การพฒั นาตลาดแรงงาน การพฒั นาผลผลิต และเทคโนโลยที ่ีเหมาะสม การพฒั นาอาชีพและรายได้ อาชีพทค่ี วรจะได้รับการพฒั นา มีดงั น้ี 1.อาชีพเกษตรกรรม เป็นอาชีพหลกั ของประชาชนส่วนใหญ่ของ ประเทศ ซ่ึงประชาชนที่ประกอบอาชีพน้ี ใชว้ ธิ ีการเก่าๆ ที่ไดร้ ับการ ถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ ซ่ึงตอ้ งพ่ึงธรรมชาติโดยเฉพาะน้าฝนอยมู่ าก ทาใหไ้ ดผ้ ลผลิตต่า แตต่ น้ ทุนสูงข้ึนเรื่อย ๆ ทาใหเ้ กษตรกรมีรายไดต้ ่า ฐานะยากจน แนวทางพฒั นาอาชีพทางดา้ นการเกษตรน้ี จะตอ้ งใหค้ วามรู้แก่เกษตรกร ใหร้ ู้จกั วธิ ีการลดตน้ ทุนการผลิต โดยนาเทคโนโลยสี มยั ใหมม่ าใชใ้ ห้ เหมาะสมกบั สภาพแวดลอ้ ม ใหม้ ีความรู้ในคุณภาพของดินและการ บารุงรักษาดิน ตลอดถึงการใชป้ ๋ ุย และในขณะเดียวกนั จะตอ้ งให้ เกษตรกรรู้จกั ใชท้ ี่ดิน ในการเพาะปลูก เพอ่ื ใหเ้ กิดประโยชน์มากที่สุด เช่น การจดั ใหม้ ีการปลูกพืชหมนุ เวียน เป็นตน้

7 2.อาชีพอุตสาหกรรม เป็นอาชีพที่กาลงั ไดร้ ับการส่งเสริมจากรัฐบาล อยา่ งเตม็ ที่เปิ ดโอกาสใหช้ าวตา่ งประเทศเขา้ มาลงทุนในประเทศไทย เพมิ่ มากข้ึนทุกปี ผลผลิตทางดา้ นอตุ สาหกรรมไทย เช่น ประเภทสิ่งทอ มีคุณภาพไดม้ าตรฐาน ไดร้ ับความนิยมจากต่างประเทศ ปริมาณในการ ส่งออกเพมิ่ มากข้ึนทุกปี การส่งเสริมอาชีพอุตสาหกรรม ควรจะไดเ้ นน้ อตุ สาหกรรมประเภทท่ีใชว้ ตั ถดุ ิบในประเทศไทย โดยเฉพาะวตั ถุดิบ ทางดา้ นการเกษตร ซ่ึงจะเป็นวธิ ีการหน่ึงในดา้ นการช่วยเหลือเกษตรกร ไปในตวั และจะทาใหต้ น้ ทุนการผลิตต่า เพราะไมต่ อ้ งซ้ือจาก ต่างประเทศ ซ่ึงจะตอ้ งเสียภาษีและค่าขนส่งเพม่ิ มากข้ึน อาจจะทาให้ สินคา้ ท่ีผลิตไดน้ ้นั ราคาสูงเกินไป การส่งเสริมอาชีพอุตสาหกรรมน้นั รัฐบาลมงุ่ ส่งเสริมอุตสาหกรรม ประเภทส่งออกเป็นสาคญั เพือ่ จะใหไ้ ดเ้ งินตราต่างประเทศเขา้ ประเทศ เป็นส่วนหน่ึงในการสร้างความมน่ั คงทางเศรษฐกิจของประเทศ ถึงแมร้ ัฐบาลจะส่งเสริมอุตสาหกรรมส่งออก กม็ ิไดห้ มายความวา่ จะไม่ ส่งเสริมอุตสาหกรรมดา้ นอ่ืน ๆ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ อตุ สาหกรรมยอ่ ยท่ี มุ่งตลาดภายในประเทศ และอุตสาหกรรมในครอบครัว รัฐบาลกไ็ ดใ้ ห้ การสนบั สนุนเช่นกนั เช่นการส่งเสริมหตั ถกรรมพ้ืนบา้ น เพื่อใชเ้ องและ จาหน่ายเป็นรายไดแ้ ก่ครอบครัวอีกดว้ ย

8 3. อาชีพบริการ อาชีพบริการคือการอานวยความสะดวกใหแ้ ก่ผอู้ ื่น เช่น พนกั งานโรงแรม พนกั งานขบั รถและเก็บ คา่ โดยสาร มคั คุเทศก์ อาชีพบริการกาลงั ไดร้ ับความนิยมมากข้ึน ตามลาดบั และเป็นทางหน่ึงในการแกป้ ัญหาคนวา่ งงาน กล่าวคือ ตลาดแรงงานดา้ นอื่น ๆ แคบลงทุกที แต่ดา้ นบริการยงั มีโอกาสขยาย ออกไปไดอ้ ีกมากผทู้ ี่เขา้ สู่ตลาดแรงงานจะตอ้ งมีความสานึกวา่ งานทุกอยา่ งที่สุจริตและถูกกฎหมาย เป็นงานที่มีเกียรติดว้ ยกนั ท้งั น้นั อาชีพบริการกเ็ ป็นอาชีพท่ีมีเกียรติและสามารถทารายไดใ้ ห้ แก่ครอบครัวไดเ้ ป็นอยา่ งดี ในการส่งเสริมอาชีพดา้ นบริการ รัฐบาลควรจะส่งเสริมใหบ้ รรยากาศ เหมาะสมท่ีจะลงทนุ ทางดา้ นน้ี เช่น ส่งเสริมการทอ่ งเท่ียวเป็นตน้ เม่ือมี สถานที่ท่ีสามารถดึงดูดความสนใจใหม้ ีนกั ทอ่ งเท่ียวเดินทางมา ท่องเที่ยว อาชีพบริการก็จะเกิดข้ึนอีกหลายอาชีพ เช่น มีมคั คุเทศก์ มีการ บริการอาหาร เครื่องดื่ม สถานที่พกั ขายของท่ีระลึก

9 การพฒั นาตลาดแรงงาน แรงงานเป็นปัญหาสาคญั ประการหน่ึงของไทย ซ่ึงนบั วนั จะทวีความ รุนแรงยง่ิ ข้ึน ตลาดแรงงานของไทย สามารถแยกประเภทของแรงงาน ออกได้ ดงั น้ี แรงงานที่ใชค้ วามรู้ความชานาญพิเศษ แรงงานประเภทน้ีจะตอ้ งไดร้ ับการฝึกอบรมมาเป็นระยะเวลานาน เช่น แพทย์ วิศวกร สถาปนิก เป็นตน้ แรงงานประเภทน้ียงั ขาดแคลน ไม่มี ปัญหาในการวา่ งงาน รัฐบาลเร่งผลิตแรงงานประเภทน้ี เพ่ิมมากข้ึน เพื่อใหเ้ พยี งพอแกต่ ลาดแรงงาน แรงงานประเภทมีฝี มือ แรงงานประเภทน้ีตอ้ งผา่ นการฝึกอบรมหรือมีประสบการณ์ในการ ทางานมานานพอสมควร เช่น ช่างยนต์ ช่างไม้ ช่างปูน แรงงานประเภท น้ีเริ่มมีปัญหา เพราะผมู้ ีฝีมือมีจานวนมากข้ึนทาใหเ้ กิดการจา้ งทางานมี อตั ราค่าจา้ งต่ากวา่ ความสามารถ หรือไดท้ างานที่ไมถ่ นดั ไมต่ รงกบั ความสามารถจึงทาใหไ้ มอ่ าจทางานไดอ้ ยา่ งเตม็ ท่ี และมีประสิทธิภาพ แรงงานประเภทน้ีรัฐบาลไดม้ ีแผนในการท่ีจะผลิตเพิ่มข้ึนตามลาดบั และจะตอ้ งหาทางส่งเสริมใหไ้ ดท้ างานที่เหมาะสมกบั ความสามารถของ แตล่ ะบุคคล

10 แรงงานไร้ฝี มือ แรงงานประเภทน้ีไมส่ ู้มีปัญหาในอาชีพเกษตรกรรม แต่กาลงั มีปัญหา ทางดา้ นอุตสาหกรรม ไมเ่ ป็นท่ีตอ้ งการของตลาดแรงงานเท่าที่ควร ส่วนมากจะเป็นแรงงานกรรมกร ใชก้ าลงั กายมากกวา่ กาลงั สมอง เช่น รับจา้ ง แบกหาม ขดุ ดิน เป็นตน้ พวกน้ีมกั จะไดค้ ่าแรงต่า ไมค่ อ่ ยพอแก่ การครองชีพ มีความเป็นอยอู่ ยา่ งอตั คดั ขดั สน รัฐบาลกาลงั เร่งรัดพฒั นาฝีมือแรงงาน โดยจดั ใหม้ ีการฝึกอบรมวิชาชีพ ตา่ ง ๆ ในระยะส้นั เพ่อื ใหแ้ รงงานไร้ฝีมือเป็นแรงงานท่ีมีฝีมือหรือก่ึง ฝีมือ ส่งเสริมความสามารถและประสิทธิภาพในการทางาน โดยหวงั ให้ แรงงานเหล่าน้นั เป็นที่ตอ้ งการของตลาดแรงงานต่อไป แรงงานประเภทปัญญาชน แรงงานประเภทน้ีไดแ้ ก่ผทู้ ี่จบการศึกษาในระดบั อดุ มศึกษา ส่วนมาก เป็นการศึกษาทางดา้ นสังคมศาสตร์มีความรู้และสติปัญญาสูง แตไ่ ม่ค่อย มีฝีมือในวิชาชีพ แรงงานประเภทน้ีกาลงั เขา้ สู่ตลาดแรงงานเพ่มิ มากข้ึน ทุกปี มีหน่วยงานท่ีจะรองรับของแรงงานประเภทน้ีก็คือภาครัฐบาล การ รับราชการเป็นเป้าหมายหลกั แตก่ ารขยายอตั รากาลงั ของภาครัฐบาล เพิ่มไดไ้ มเ่ กินปี ละ2% จึงทาใหแ้ รงงานประเภทน้ีไม่คอ่ ยมีทางไป จานวนบณั ฑิตวา่ งงานจึงเพ่มิ ข้ึนเร่ือย ๆ

11 รัฐบาลจะแกป้ ัญหาโดยส่งเสริมใหเ้ อกชนเขา้ มาช่วยกนั คอื ส่งเสริมใหม้ ี การลงทุนในทุก ๆ ดา้ น เพอ่ื ใหห้ น่วยงานของเอกชนน้นั ไดร้ ับบณั ฑิต ในสาขาตา่ ง ๆ เขา้ ทางานในหน่วยงานของตนบา้ ง และในขณะเดียวกนั จะตอ้ งส่งเสริมใหบ้ ณั ฑิตเหลา่ น้นั สามารถช่วยตนเองโดยคิดสร้างงาน ข้ึนมาเอง เช่น ทาธุรกิจ การคา้ ที่เริ่มจากทุนที่ไม่มากนกั เป็นตน้ การพฒั นาผลผลิตและการใชเ้ ทคโนโลยที ี่เหมาะสม การพฒั นาในดา้ นวิชาการสมยั ใหมห่ รือที่เรียกกนั วา่ เทคโนโลยนี ้นั มี ความจาเป็นท่ีจะตอ้ งนามาใชท้ ้งั ในภาคเกษตรและภาคอตุ สาหกรรม ท้งั น้ีเพอื่ ใหต้ น้ ทุนในการผลิตลดลงและเพม่ิ ผลผลิตใหส้ ูงข้ึน เช่น ใน ดา้ นการเกษตร ควรจะใชเ้ คร่ืองทุ่นแรงเพือ่ ใหส้ ามารถทางานไดม้ าก และทนั ต่อเหตุการณ์ พสิ ูจน์ลกั ษณะของดิน เพอื่ จะไดน้ าพืชที่เหมาะสม กบั ดินในทอ้ งท่ีน้นั มาปลกู เป็นตน้ ในดา้ นอุตสาหกรรม ควรจะไดน้ าเคร่ืองจกั รกลมาใชแ้ ทนแรงงานคน เพอื่ ใหเ้ กิดความรวดเร็วและไดม้ าตรฐาน จะทาใหส้ ามารถผลิตสินคา้ ไดม้ ากข้ึน และมีมาตรฐานเดียวกนั ทาใหไ้ มถ่ กู กดราคาเป็นตน้

12 ภาวะดุลการค้าและการเงนิ ของประเทศ นบั ต้งั แต่ประเทศไทยไดใ้ ชแ้ ผนการพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ เป็นแนวทางในการพฒั นาประเทศเป็นตน้ มา จะเห็นไดว้ า่ เศรษฐกิจโดยส่วนรวมดีข้ึนพอสมควร แต่กม็ ีปัญหาและ อุปสรรคเกิดข้ึนเป็นระยะ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ดุลการคา้ กบั ต่างประเทศ ประเทศไทยน้นั เสียเปรียบดุลการคา้ ตลอดมา เพิ่งจะเร่ิมดีข้ึนในระยะ ตอนปลายของแผนพฒั นาที่ 5 (ปี 2525-2529) ดุลการคา้ ของไทยไดล้ ดการขาดดุลลงบา้ ง แต่กย็ งั ไมถ่ ึงกบั ไดเ้ ปรียบ หรือแมแ้ ตเ่ สมอดุลการคา้ มลู เหตุที่ทาใหไ้ ทยขาดดุลการคา้ คือ สินคา้ ส่งออกของไทยที่เป็นสินคา้ หลกั ไดแ้ ก่ ผลผลิตทางการเกษตร ซ่ึงมีราคา ต่าเมื่อเปรียบเทียบกบั สินคา้ ท่ีนาเขา้ ซ่ึงเป็นสินคา้ จาเป็น เช่น น้ามนั เช้ือเพลิง เครื่องจกั รและอปุ กรณ์ในการก่อสร้างถึงแมป้ ัจจุบนั ประเทศไทยจะคน้ พบแหล่งแกส๊ ธรรมชาติ แต่กย็ งั นาข้ึนมาใชไ้ ม่ เพียงพอแก่ความตอ้ งการ จาเป็นตอ้ งสัง่ ซ้ือน้ามนั ดิบจากต่างประเทศ และคงทาใหไ้ ทยเสียเปรียบดุลการคา้ ต่อไปอีกระยะหน่ึง สาหรับการเงินและการคลงั ของประเทศ แมว้ า่ ประเทศไทยจะประสบ มรสุมทางการเงินจากหลาย ๆ ดา้ น แต่รัฐบาลไทยก็สามารถรักษา เสถียรภาพการเงินการคลงั ของประเทศไวไ้ ดอ้ ยา่ งมน่ั คง

13 อตั ราดุลการชาระเงินของประเทศอยใู่ นสภาพเกินดุลมาโดยตลอด เป็น เหตุใหเ้ ศรษฐกิจในภาพรวมอยใู่ นภาวะคล่องตวั อตั ราเงินเฟ้ออยใู่ น สภาพที่เหมาะสม เป็นท่ียอมรับของนานาประเทศ แนวโน้มในการพฒั นาเศรษฐกจิ ของไทย การพฒั นาเศรษฐกิจของไทยในอนาคตคาดวา่ จะมีแนวโนม้ ไปในทางท่ี ดีข้ึน โดยพิจารณาจากแผนพฒั นาฯ ฉบบั ที่ 6 ซ่ึงเริ่มใชใ้ นปี 2530 และ จะไปสิ้นสุดลงในปี 2534 ทาใหม้ นั่ ใจไดว้ า่ ในระยะ 5 ปี ขา้ งหนา้ เศรษฐกิจโดยส่วนรวมของประเทศจะขยายตวั ดีข้ึน และมเี สถียรภาพ มน่ั คงข้ึน รายไดข้ องประชาชนจะสูงข้ึน เฉลย่ี ไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ 5 ต่อปี ขณะที่เงินเฟ้อจะอยใู่ นระดบั ต่าถึงร้อยละ 2.3 และอตั ราเพม่ิ ของ ประชากรจะลดลงเหลือเพยี งร้อยละ 1.3 ซ่ึงจะเป็นผลดีทาใหร้ ายไดเ้ ฉล่ีย ตอ่ หวั เพิม่ ข้ึน ไมต่ ่ากวา่ ร้อยละ 5.5 ต่อปี การส่งสินคา้ ออกจะมีมูลค่าเพม่ิ ข้ึนจะทาใหข้ าดดุลการคา้ ลดนอ้ ยลง และการขยายตวั ทางดา้ นการทา อุตสาหกรรมจะเพมิ่ ข้ึน ซ่ึงจะทาใหป้ ระเทศไทยเป็นประเทศท่ีมี อุตสาหกรรมมากยง่ิ ข้ึน อนั จะช่วยรองรับแรงงานไดม้ ากข้ึน ท้งั น้ีเพราะ รัฐบาลจะยดึ แนวทางการพฒั นาเศรษฐกิจตามแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 6

14 โดยสรุป ดงั น้ี 1. เพ่มิ ประสิทธิภาพในการพฒั นาประเทศ ท้งั ในดา้ นทรัพยากรมนุษย์ วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และทรัพยากรธรรมชาติ ตลอดจนปรับปรุง ระบบการบริหารและการจดั การ โดยยดึ หลกั การทางานเป็นระบบและ ครบวงจร โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ การทบทวน บทบาทของรัฐใหอ้ ยใู่ นกรอบ ที่เป็นหนา้ ท่ีอนั ชอบธรรมของรัฐ และคานึงถึงความเหมาะสมกบั ขีด ความสามารถและฐานะทางการเงินการคลงั เป็นสาคญั โดยหนั มาเพม่ิ บทบาทของเอกชนใหม้ ากข้ึนในการพฒั นาประเทศ ไมเ่ ฉพาะแตใ่ นดา้ น การผลิตเท่าน้นั แต่ใหร้ วมถึงการใหบ้ ริการพ้นื ฐานบางประการ ซ่ึงเคย เป็นหนา้ ท่ีของรัฐดว้ ย 2. ปรับปรุงระบบการผลิต การตลาด และยกระดบั คุณภาพปัจจยั พ้นื ฐาน ทางเศรษฐกิจ เพ่ือใหต้ น้ ทุนการผลิตสินคา้ ลดลง กระจายสินคา้ ใหม้ าก ข้ึนควบคไู่ ปกบั การขยายตลาด ซ่ึงจะทาใหส้ ินคา้ ไทยสามารถแข่งขนั ใน ตลาดโลกไดด้ ียงิ่ ข้ึน ในขณะเดียวกนั ก็จะเนน้ การพฒั นาระบบตลาดใน ประเทศไปพร้อม ๆ กนั 3. ม่งุ กระจายรายไดแ้ ละความเจริญไปสู่ภมู ิภาคและชนบทมากข้ึน โดย ใหย้ ดึ กลุ่มผมู้ ีรายไดน้ อ้ ย ท้งั ในภมู ิภาคและ ชนบทเป็นกลมุ่ เป้าหมายหลกั ท่ีควรไดร้ ับผล จากการพฒั นาประเทศ

15 ข้อเสนอแนะ การพฒั นาเศรษฐกิจไม่จาเป็นตอ้ งไปแข่งขนั กบั ใคร แต่ใหแ้ ข่งกบั ตวั เอง หรืออีกนึงคือ ลดการใชข้ องฟ่ มุ เฟื อย เก็บภาษีใหเ้ ยอะๆ ไมน่ าเงินออก นอกประเทศและรัฐบาลควรส่งเสริมการส่งออกใหม้ ากข้ึน อีกแนวทาง หน่ึงในการพฒั นา คือการนาเอาเศรษฐกิจแบบพอเพียงนามาใชใ้ ห้ เหมาะสมกบั ภาวะเศรษฐกิจของไทย และเวลาท่ีเดก็ ไทยที่ไปแข่งขนั อุปกรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์ไดร้ างวลั กบั มา รัฐบาลควรท่ีจะนาเอาความคิด น้นั กลบั มาต่อยอดใหม้ นั ไดเ้ กิดประโยชนส์ ูงสุด และที่สาคญั ถา้ คนไทย รู้จกั คาวา่ พอเพียงใหด้ ีข้ึนประเทศกจ็ ะสงบสุข

16 1.3 แผนพฒั นาเศรษฐกจิ ของประเทศไทย แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติคือ การกาหนดแนวทางการ พฒั นาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เพ่ือใหป้ ระชาชนมีชีวติ และ ความเป็นอยทู่ ่ีดีข้ึน โดยการเขา้ มามีส่วนร่วมของประชาชนทุกข้นั ตอน อยา่ งเป็นระบบ ความเป็ นมาของแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ ประเทศไทยไดม้ ีการริเร่ิมจดั ทาแผนพฒั นาเศรษฐกิจของชาติมา ต้งั แต่ปี พ.ศ. 2502 ในสมยั รัฐบาลจอมพลสฤษด์ิธนะรัชต์ โดยในปี พ.ศ. 2504 ไดป้ ระกาศใชแ้ ผนพฒั นาเศรษฐกิจแห่งชาติฉบบั แรกข้ึน ซ่ึง แผนพฒั นาเศรษฐกิจแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 1 มีระยะเวลาของแผน 6 ปี โดย ที่แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติฉบบั ต่อ ๆ มา มีระยะเวลาของ แผน 5 ปี หน่วยงานที่มีหนา้ ท่ีรับผดิ ชอบในการจดั ทาแผน คือ สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ โดย ปัจจุบนั ประเทศไทยกาลงั อยใู่ นช่วงของแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ฉบบั ที่ 11 (พ.ศ. 2560-2564)

17 แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติทผี่ ่านมา 1. แผนพฒั นาเศรษฐกจิ แห่งชาตฉิ บับท1่ี (พ.ศ. 2504-2509) สาระสาคญั มีดงั นี้ (1) เนน้ การลงทุนสร้างโครงสร้างพ้นื ฐานทางเศรษฐกิจของประเทศ ไดแ้ ก่ ทางหลวงแผนดิน ทางรถไฟ ประปา ไฟฟ้า และ เขื่อน ชลประทาน เช่น เขื่อนภมู ิพล เขื่อนอบุ ลรัตน์ (2) ส่งเสริมการลงทุนของเอกชนในภาคอตุ สาหกรรม เพือ่ ทดแทนการ นาเขา้ (3) จดั ต้งั มหาวทิ ยาลยั ในส่วนภมู ิภาค คือ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น และ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ ผลท่ีไดร้ ับเมื่อสิ้นแผนฯ เศรษฐกิจขยายตวั สูง มีมลู คา่ การส่งออก เพิม่ ข้ึน แตเ่ กิดปัญหาการกระจายรายไดไ้ ม่เป็นธรรม เพราะผไู้ ดร้ ับ ประโยชน์จากการพฒั นาเป็นคนส่วนนอ้ ยท่ีอยใู่ นเมืองและเป็นผมู้ ี โอกาสทางเศรษฐกิจ 2. แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2510-2514) สาระสาคญั มีดงั นี้ (1) เนน้ การลงทุนสร้างโครงสร้างพ้ืนฐานทางเศรษฐกิจของประเทศ คลา้ ยแผนฯฉบบั ท่ี 1

18 (2) สนบั สนุนการลงทุนของชาวต่างชาติ และพฒั นาการผลิตท้งั ภาค เกษตรกรรมและอตุ สาหกรรม (3) มุ่งพฒั นากาลงั คนเพื่อเป็นพ้ืนฐานในการพฒั นาประเทศ โดย กระจายการศึกษาและการสาธารณสุขข้นั พ้นื ฐานใหท้ ว่ั ถึง และเริ่มให้ ความสาคญั กบั การพฒั นาชนบทและทรัพยากรธรรมชาติ ผลที่ไดร้ ับเม่ือสิ้นแผนฯการกระจายรายไดย้ งั กระจุกตวั อยกู่ บั คนส่วน นอ้ ย 3. แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาตฉิ บับที่ 3 (พ.ศ. 2515-2519) สาระสาคญั มีดงั นี้ (1) เนน้ การพฒั นาสังคมมากข้ึน ท้งั การศึกษา การอนามยั และ สาธารณสุข (2) กาหนดเป้าหมายลดอตั ราการเพิม่ ของประชากรเป็นคร้ังแรก ให้ เหลือร้อยละ 2.5 ต่อปี เมื่อสิ้นแผนฯ (3) กระจายความเจริญสู่ชนบทใหม้ ากข้ึน และเนน้ การกระจายรายได้ ใหเ้ ป็นธรรม ผลที่ไดร้ ับเมื่อสิ้นแผนฯเกิดปัญหาอุปสรรคในเรื่องสภาพดินฟ้าอากาศ (ฝนทิ้งช่วง) การข้ึนราคาน้ามนั คร้ังใหญ่ และความผนั ผวนทางการเมือง

19 โดยเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 และเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ทาใหเ้ ศรษฐกิจของประเทศซบเซาและมีการวา่ งงานสูง 4.แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาตฉิ บบั ท่ี 4 (พ.ศ. 2520-2524) สาระสาคญั มีดงั นี้ (1) เนน้ ฟ้ื นฟูเศรษฐกิจ เพอื่ แกไ้ ขภาวะเศรษฐกิจตกต่าท่ีเกิดในช่วง แผนพฒั นาฯ ฉบบั ที่ 3 โดยพฒั นาอุตสาหกรรมการเกษตร อุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก ส่งเสริมการลงทุนและการจา้ งงาน (2) ปรับปรุงสภาพแวดลอ้ มและทรัพยากรธรรมชาติ (3) เนน้ สร้างความเป็นธรรมในสังคม โดยเนน้ การกระจายรายไดใ้ ห้ ทว่ั ถึง ผลท่ีไดร้ ับเมื่อสิ้นแผนฯการพฒั นาท้งั ภาคอตุ สาหกรรม การคา้ และ การบริการ ขยายตวั ตามเป้า การข้ึนราคาน้ามนั ของกลุ่มโอเปค(OPEC) ทาใหส้ ินคา้ มีราคาแพงและเกิดเงินเฟ้อ รายจ่ายภาครัฐเพม่ิ สูงข้ึน ทาให้ เกิดปัญหาขาดดุลการคา้ 5. แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 5 (พ.ศ. 2525-2529) สาระสาคญั มีดังนี้ (1) เนน้ การพฒั นาชนบท เพ่อื แกไ้ ขปัญหาความยากจน โดยขยาย บริการพ้นื ฐานของรัฐไปสู่ชนบทใหม้ ากข้ึน เช่น การสาธารณสุข การ

20 สาธารณูปโภค ฯลฯ แกไ้ ขปัญหาการวา่ งงาน และเร่งการกระจายรายได้ ท่ีเป็ นธรรม (2) ฟ้ื นฟฐู านะทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ ลดการขาด ดุลการคา้ เร่งระดมเงินออม เพิม่ ประสิทธิภาพการผลิต และกระจาย อุตสาหกรรมไปยงั ส่วนภมู ิภาค ผลท่ีไดร้ ับเม่ือสิ้นแผนฯสรุปไดด้ งั น้ี (1) การขยายตวั ทางเศรษฐกิจต่ากวา่ เป้าหมายท่ีกาหนด เนื่องมาจาก ความผนั ผวนทางเศรษฐกิจโลก การแขง่ ขนั และการกีดกนั ทางการคา้ ระหวา่ งประเทศ (2)เกิดปัญหาขาดเสถียรภาพทางการเงิน เพราะการใชจ้ ่ายเกินตวั ท้งั ภาครัฐบาลและภาคเอกชน และขาดดุลการคา้ อยา่ งตอ่ เนื่อง (3)ความเส่ือมโทรมในทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม 6. แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 6 (พ.ศ. 2530-2534) สาระสาคญั มีดงั นี้ (1) เนน้ รักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ลดหน้ีสินต่างประเทศ ปรับปรุงระบบการผลิตและการตลาด เพ่ือใหก้ ารส่งออกสินคา้ ไทย สามารถแข่งขนั ในตลาดโลกได้ เนน้ พฒั นาอตุ สาหกรรมและ เกษตรกรรมควบคูก่ นั ไป

21 (2) เนน้ การพฒั นาทรัพยากรมนุษย์ พฒั นาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดลอ้ ม การจา้ งงาน และกระจายรายได้ แกไ้ ขปัญหาความยากจน (3) เนน้ พฒั นาคุณภาพและประสิทธิภาพการบริหารในภาครัฐ เพอ่ื เร่ง การขยายตวั ทางเศรษฐกิจ และส่งเสริมใหเ้ อกชนมีบทบาทในการ พฒั นาเศรษฐกิจ ผลท่ีไดร้ ับเม่ือสิ้นแผนฯสรุปไดด้ งั น้ี (1) ฐานะทางการเงินและการคลงั ของประเทศมีเสถียรภาพ คนไทยมี รายไดแ้ ละการจา้ งงานเพม่ิ สูงข้ึน ภาระหน้ีสินของประเทศลดลง ทุน สารองระหวา่ งประเทศเพม่ิ สูงข้ึน (2) อตั ราการขยายตวั ทางเศรษฐกิจสูงกวา่ เป้าหมาย ท้งั น้ีเป็นผลจาก การส่งออก การลงทุน และรายไดจ้ ากการท่องเที่ยว ทาใหเ้ ศรษฐกิจ ไทยเปิ ดกวา้ งสู่ระบบเศรษฐกิจสากลมากข้ึน (3) ผลกระทบ คือ ความเส่ือมโทรมในทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอ้ ม และความเหล่ือมล้าในการกระจายรายไดร้ ะหวา่ งเมืองคน และคนในชนบทมีมากข้ึน

22 7. แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2535-2539) สาระสาคญั มดี ังนี้ (1) เนน้ การพฒั นาแบบยง่ั ยนื และสร้างความสมดุลทางเศรษฐกิจควบคู่ กบั สงั คม (2) เนน้ รักษาอตั ราการขยายตวั ทางเศรษฐกิจของประเทศใหอ้ ยใู่ น ระดบั ที่เหมาะสมใหเ้ ติบโตอยา่ งตอ่ เน่ืองและมีเสถียรภาพ โดย พฒั นาการผลิตท้งั ภาคอตุ สาหกรรม เกษตรกรรม และการส่งออก (3) เนน้ การกระจายรายไดแ้ ละพฒั นาไปสู่ภูมิภาคและชนบท (4) เนน้ การพฒั นาทรัพยากรมนุษย์ คุณภาพชีวิต และส่ิงแวดลอ้ ม (5) เนน้ พฒั นากฎหมาย รัฐวิสาหกิจ และระบบราชการ ใหม้ ีคุณภาพ และสอดคลอ้ งกบั การพฒั นาประเทศ ผลท่ีไดร้ ับเมื่อสิ้นแผนฯสรุปไดด้ งั น้ี (1) การขยายตวั ทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นไปตามเป้าหมาย รายได้ ประชาชาติและรายไดเ้ ฉล่ียของประชากรเพ่มิ สูงข้ึน (2) การแกป้ ัญหาความยากจนและกระจายรายไดย้ งั ไมไ่ ดผ้ ล ช่องวา่ ใน รายไดร้ ะหวา่ งคนเมืองกบั คนในชนบทยง่ิ ห่างกนั มากข้ึน

23 (3) ความเส่ือโทรมในทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มมีมากข้ึน การสูญเสียพ้นื ท่ีป่ าไม้ และปัญหามลพิษของส่ิงแวดลอ้ มขยายตวั อยา่ ง รวดเร็ว 8. แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ ฉบบั ที่ 8 (พ.ศ. 2540-2544) สาระสาคญั มดี ังนี้ (1) เนน้ พฒั นาคน หรือเนน้ คนเป็นศนู ยก์ ลางของการพฒั นา เพ่อื เพมิ่ ศกั ยภาพความสามารถในดา้ นต่าง ๆ (2) เนน้ การพฒั นาที่ทาใหเ้ กิดความสมดุลระหวา่ งการพฒั นาดา้ น เศรษฐกิจ สงั คม ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม ซ่ึงจะเกิดตอ่ การ พฒั นาคน ผลที่ไดร้ ับเมื่อสิ้นแผนฯในช่วงปลายปี พ.ศ. 2540 ประเทศไทยประสบ ปัญหาวกิ ฤตเศรษฐกิจอยา่ งรุนแรง เกิดการวา่ งงาน ธุรกิจลม้ ละลาย และปัญหาหน้ีสินจากต่างประเทศ จนนาไปสู่การขอรับความช่วยเหลือ ทางวชิ าการและการเงินจากกองทุนการเงินระหวา่ งประเทศ (IMF) จาก วิกฤติการณ์คร้ังน้ีจึงไดป้ รับวตั ถปุ ระสงคแ์ ละแนวทางการพฒั นาเพื่อ แกไ้ ขปัญหาและบรรเทา ผลกระทบท่ีเกิดข้ึน

24 9. แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ ฉบบั ที่ 9 (พ.ศ. 2545-2549) สาระสาคญั มีดังนี้ (1) ไดอ้ ญั เชิญ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ตามพระราชดารัสของ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มาเป็นแนวทางในการพฒั นาและบริหาร ประเทศ โดยยดึ ทางสายกลาง ความพอประมาณ และความมีเหตุผล เพ่ือใหป้ ระเทศรอดพน้ วิกฤติและนาไปสู่การพฒั นาท่ียง่ั ยนื (2) ฟ้ื นฟเู ศรษฐกิจของประเทศใหม้ ีประสิทธิภาพ ท้งั ภาคการเงินและ การคลงั ให้มีความเขม้ แขง็ และสามารถพ่งึ ตนเองได้ (3) วางรากฐานการพฒั นาประเทศให้เขม้ แขง็ ยง่ั ยนื สามารถพ่งึ ตนเอง ได้ และรู้เทา่ กนั โลก โดยพฒั นาคุณภาพคน ปฏิรูปการศึกษา ปฏิรูป สุขภาพ สร้างเสริมความเขม้ แขง็ ของชุมชน มีการจดั การดา้ น ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มควบคูก่ บั การพฒั นาวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี (4) แกไ้ ขปัญหาความยากจน โดยเพมิ่ ศกั ยภาพและโอกาสของคนไทย ในการพ่งึ พาตนเอง ใหไ้ ดร้ ับโอกาสทางการศึกษา การประกอบอาชีพ การมีรายได้ และยกระดบั การพฒั นา คุณภาพชีวิตของประชาชนอยา่ ง ทว่ั ถึงและเป็นธรรม

25 10. แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2550- 2554)มีสาระสาคญั คือ แผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 10 ไดน้ าปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งมาเป็น แนวทางปฏิบตั ิ ควบคู่กบั แนวคิดท่ียดึ คนเป็นศูนยก์ ลางของการพฒั นา เพอื่ ใหเ้ กิดการพฒั นาที่สมดุล ยง่ั ยนื และ เป็นธรรม โดยกาหนด วิสัยทศั น์ในการพฒั นาประเทศใหม้ งุ่ สู่ “สังคมอยเู่ ยน็ เป็นสุขร่วมกนั ” 11. แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 11 (พ.ศ. 2555- 2559)มีสาระสาคญั คือ แผนพฒั นาฯ ฉบบั ที่ 11เนน้ การพฒั นาใหเ้ กิด “สงั คมอยรู่ ่วมกนั อยา่ งมี ความสุขดว้ ยความเสมอภาคเป็นธรรมและมีภูมิคุม้ กนั ต่อการ เปล่ียนแปลง” ดงั น้ี (1) เร่งสร้างความสงบสุขใหส้ ังคมโดยร่วมมือกนั สร้างสังคมใหอ้ ยู่ ร่วมกนั อยา่ งสงบสุขส่งเสริมการขบั เคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงใหเ้ ป็นหลกั ปฏิบตั ิร่วมกนั ท้งั สังคมพร้อมท้งั เสริมสร้างภาค ราชการการเมืองและประชาสังคมให้เขม้ แขง็ ภายใตห้ ลกั ประชาธิปไตย ที่ถูกตอ้ งเหมาะสมเป็นท่ีเช่ือมน่ั และไวว้ างใจของประชาชน (2) ม่งุ พฒั นาคนใหม้ ีคุณภาพเป็นกาลงั สาคญั ในการพฒั นาประเทศให้ มน่ั คงและสามารถแข่งขนั กบั ประเทศตา่ งๆในโลกไดอ้ ยา่ งต่อเนื่อง

26 พฒั นาความสามารถสติปัญญาและจิตใจใหพ้ ร้อมสาหรับการพฒั นา ประเทศสู่สงั คมฐานความรู้ (3) เพ่มิ ชนช้นั กลางใหก้ ระจายทุกพ้นื ท่ีของประเทศเพราะชนช้นั กลาง เป็นกาลงั สาคญั ในการประสานประโยชนแ์ ละพฒั นาประเทศท่ีมีความ สมดุลพร้อมท้งั ส่งเสริมใหท้ ุกชนช้นั รู้จกั หนา้ ที่ของตนเองและร่วมกนั พฒั นาสงั คมไทยใหเ้ จริญกา้ วหนา้ และน่าอยู่ (4) พฒั นาภาคเกษตรใหค้ งอยกู่ บั สังคมไทยและผลิตอาหารใหเ้ พียงพอ สาหรับทุกคน เร่งพฒั นาความสามารถของเกษตรกรในการผลิตพืช อาหารท่ีมีคุณภาพในปริมาณมากพอที่จะเล้ียงดคู นในประเทศและส่ง เป็นสินคา้ ออกสนองความตอ้ งการของประเทศตา่ งๆสามารถเป็นผนู้ า การผลิตและการคา้ ในเวทีโลกรวมท้งั รักษาความโดดเด่นของอาหาร ไทยที่ตา่ งประเทศชื่นชอบ (5) ปรับปรุงการบริหารจดั การภาครัฐใหเ้ อ้ือตอ่ การพฒั นาประเทศใน อนาคตเกิดความโปร่งใสตรวจสอบไดส้ ่งเสริมใหท้ ุกภาคส่วนท่ี เก่ียวขอ้ งมีส่วนร่วมในการพฒั นาประเทศ

27 12.แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 12 พ.ศ.2560-2564 ไดน้ อ้ มนาหลกั “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง” มาเป็นปรัชญานาทางใน การพฒั นาประเทศอยา่ งต่อเน่ืองจากแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คม ฉบบั ท่ี 9-11 เพ่อื เสริมสร้างภูมิคุม้ กนั และช่วยใหส้ งั คมไทยสามารถยดื หยดั อยไู่ ดอ้ ยา่ งมนั่ คงเกิดภมู ิคุม้ กนั และมีการบริหารจดั การความเสี่ยง อยา่ งเหมาะสม ส่งผลใหก้ ารพฒั นาประเทศสู่ความสมดุลและยง่ั ยนื ในการจดั ทาแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 12 คร้ังน้ี ไดจ้ ดั ทาบนพ้นื ฐานของ ยทุ ธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) ซ่ึงเป็นแผนแม่บทหลกั ของการ พฒั นาประเทศ และเป้าหมายการพฒั นาที่ยงั่ ยนื (Sustainable Development Goals : SDGs) รวมท้งั การปรับโครงสร้างประเทศไทย ไปสู่ประเทศไทย 4.0 ตลอดจนประเดน็ การปฏิรูปประเทศ นอกจากน้นั ไดใ้ หค้ วามสาคญั กบั การมีส่วนร่วมของภาคีการพฒั นาทุกภาคส่วนท้งั ในระดบั กลุม่ อาชีพ ระดบั ภาค และระดบั ประเทศในทุกข้นั ตอนของ แผนฯ อยา่ งกวา้ งขวางและตอ่ เนื่องเพอื่ ร่วมกนั กาหนดวิสยั ทศั น์และทิศ ทางการพฒั นาประเทศ รวมท้งั ร่วมจดั ทารายละเอียดยทุ ธศาสตร์ของ แผนฯ เพื่อมงุ่ สู่ “ความมน่ั คง มง่ั คงั่ และยง่ั ยนื ” ซ่ึงแผนพฒั นาเศรษฐกิจ และสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 12 พ.ศ.2560-2564 ฉบบั น้ีประกอบดว้ ย 5 ส่วนไดแ้ ก่ ส่วนที่ 1 ภาพรวมการพฒั นาในช่วงแผนพฒั นาฯ ฉบบั ที่ 12

28 ส่วนที่ 2 การประเมินสภาพแวดลอ้ มการพฒั นาประเทศ – สถานการณ์และแนวโนม้ ภายนอก – สถานการณ์และแนวโนม้ ภายใน ส่วนที่ 3 วตั ถุประสงคแ์ ละเป้าหมายการพฒั นาในช่วงแผนพฒั นาฯ ฉบบั ที่ 12 ส่วนที่ 4 ยทุ ธศาสตร์การพฒั นาประเทศ ยทุ ธศาสตร์ท่ี 1 : การเสริมสร้างและพฒั นาศกั ยภาพทุนมนุษย์ ยทุ ธศาสตร์ท่ี 2 : การสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้าใน สงั คม ยทุ ธศาสตร์ท่ี 3 : การสร้างความเขม้ แขง็ ทางเศรษฐกิจและแข่งขนั ได้ อยา่ งยง่ั ยนื ยทุ ธศาสตร์ที่ 4 : การเติบโตที่เป็นมิตรกบั ส่ิงแวดลอ้ มเพ่อื การพฒั นา อยา่ งยง่ั ยนื ยทุ ธศาสตร์ที่ 5 : การเสริมสร้างความมงั่ คงแห่งชาติเพ่อื การพฒั นา ประเทศสู่ความมงั่ คง่ั และยง่ั ยนื ยทุ ธศาสตร์ที่ 6 : การบริหารจดั การในภาครัฐ การป้องกนั การทุจริต ประพฤติมิชอบและธรรมาภิบาลในสังคมไทย

29 ยทุ ธศาสตร์ที่ 7 : การพฒั นาโครงสร้างพ้ืนฐานและระบบโลจิสติกส์ ยทุ ธศาสตร์ที่ 8 : การพฒั นาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจยั และนวตั กรรม ยทุ ธศาสตร์ท่ี 9 : การพฒั นาภาคเมือง และพ้ืนท่ีเศรษฐกิจ ยทุ ธศาสตร์ท่ี 10 : ความร่วมมือระหวา่ งประเทศเพอ่ื การพฒั นา ส่วนท่ี 5 การขบั เคล่ือนและติดตามประเมินผลแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 12

30 2.เศรษฐกจิ ชุมชน เศรษฐกจิ ชุมชน หมายถึง กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆไมว่ า่ จะเป็นการ ผลิตการบริโภค การจาหน่ายจ่ายแจกที่คนในทอ้ งถิ่นชุมชนไดม้ ีส่วน ร่วมคิดร่วมทาร่วมรับประโยชน์ของประชาชน และร่วมกนั เป็นเจา้ ของ เศรษฐกิจชุมชนมีรากฐานมาจากศกั ยภาพของชุมชน ภูมิปัญญาของ ชุมชน หรือทุนในชุมชน อาทิวฒั นธรรม ประเพณี สภาพภูมิประเทศ ความหลากหลายทางทรัพยากรท่ีมีอยู่ เศรษฐกิจชุมชนมีลกั ษณะสาคญั คือ ครอบครัวเป็นหน่วยการผลิต แรงงานของสมาชิกในครอบครัวเป็นปัจจยั ที่สาคญั ท่ีสุด เป็นปัจจยั ท่ี สาคญั ต่อการอยรู่ อดของครอบครัวตอ่ ความพอเพียง และต่อ ความสามารถในการพ่ึงตนเอง ตามแนวคิดเศรษฐกิจชุมชน ชุมชนเป็น ตวั ของตวั เอง มีพลวตั และสามารถท่ีจะอยรู่ อดดว้ ยตวั เองได้ พฒั นาเคียง คู่ไปกบั พฒั นาการของระบบทุนนิยม พฒั นาการของแนวคดิ แนวคิดเศรษฐกิจชุมชนเกิดจากการพฒั นาการเศรษฐกิจของโลกตาม แนวทางทุนนิยม ไดก้ ่อใหเ้ กิดปัญหาและผลเสียหลายประการแก่ ประเทศที่กาลงั พฒั นา และในขณะเดียวกนั การศึกษาคน้ ควา้ เศรษฐกิจ ชุมชนในหลายประเทศทาใหม้ ีหลกั ฐานในเชิงประจกั ษว์ า่ แมส้ งั คม

31 เศรษฐกิจจะไดผ้ า่ นพฒั นาการมาแลว้ หลายข้นั ตอน นบั แตช่ ุมชนบุพกาล ผา่ นยคุ เจา้ ขนุ มูลนาย ยคุ การลา่ อาณานิคม และ การเติบโตของระบบทุนนิยม แต่ชุมชนหมบู่ า้ น กย็ งั คงดารงเอกลกั ษณ์วฒั นธรรมของตน และ ยงั มีศกั ยภาพในการพฒั นาตนเอง เช่น การศึกษาชุมชนในลาตินอเมริกาของโฮเซ คาลอส มาเรียเตกี การศึกษาชุมชนในประเทศ อินเดียของมหาตมะคานธี และงาน ศึกษาเศรษฐกิจชุมชนไทยของฉตั ร ทิพย์ นาถสุภา และคณะ เป็นตน้

32 2.1 ปัญหาเศรษฐกจิ ชุมชน 1.ปัญหาความไมส่ มดุลของภาคเศรษฐกิจ การพฒั นาเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบนั มีการพ่งึ พาตา่ งประเทศมาก ข้ึน เช่น ตอ้ งมีการนาเขา้ เคร่ืองจกั ร วตั ถุดิบและเทคโนโลยี รวมท้งั การ ลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมากข้ึน รัฐบาลไดม้ ีการประกาศใช้ พระราชบญั ญตั ิส่งเสริมการลงทุนเพอ่ื กิจการอตุ สาหกรรม พ.ศ. 2503 โดยใหส้ ิทธิประโยชนต์ ่างๆแก่ผปู้ ระกอบการภาคอตุ สาหกรรมรวมท้งั มี การต้งั คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนมีภารกิจในการส่งเสริมใหเ้ กิด การลงทุนในกิจการที่เป็นประโยชนข์ องประเทศโดยการใหส้ ิทธิในการ ลงทุน เพอื่ เสริมสร้างความเขม้ แขง็ ใหก้ บั ระบบเศรษฐกิจและสงั คม 2.ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้าในการกระจายรายได้ 2.1 ปัญหาการกระจายรายได้ กลยทุ ธก์ ารพฒั นาประเทศที่ให้ ความสาคญั กบั ภาคอุตสาหกรรม ก่อใหเ้ กดความไมเ่ ป็นธรรมในการ กระจายรายไดร้ ะหวา่ งภาคอตุ สาหกรรมและภาคเกษตรกรรมอยา่ งเห็น ไดช้ ดั แนวโนม้ ในปัจจุบนั สดั ส่วนของภาคอุตสาหกรรมเพม่ิ มากข้ึน

33 ของผลิตภณั ฑม์ วลรวมในประเทศ ส่วนสดั ส่วนของภาคเกษตรกรรม ลดลง แต่การจา้ งแรงงานของ เกษตรกรรมยงั คงสูงเท่าอุตสาหกรรม ท้งั การลงทุนในภาคอตุ สาหกรรมยงั กระจุกตวั อยใู่ นกรุงเทพมหานคร เขตปริมณฑลและเมืองใหญๆ่ เทา่ น้นั 2.2 ปัญหาความยากจน แมป้ ัญหาความยากจนมีแนวโนม้ ดีข้ึนใน ปัจจุบนั โดยสัดส่วนคนจนลดลง คนจนส่วนใหญ่อาศยั ในชนบท ประกอบอาชีพหลกั ทางการเกษตร และหวั หนา้ ครัวเรือนมีการศึกษาช้นั ประถมหรือไมม่ ีการศึกษา แตค่ วามเหล่ือมล้าของรายไดร้ ะหวา่ งกลุ่ม ตา่ งๆของช้นั รายไดม้ ากข้ึน นอกเหนือจากความไม่เทา่ เทียมกนั ของ รายไดร้ ะหวา่ งบุคคลที่เพมิ่ มากข้ึนแลว้ ความไม่เท่าเทียมของรายไดท้ ี่ กระจายระหวา่ งภมู ิภาคกเ็ พ่ิมมากข้ึนดว้ ย ตวั อยา่ งปัญหาความยากจน ความยากจนที่เกิดข้ึนในชุมชน เช่น ปัญหาความยากจนท่ีมีผลสืบ เนื่องมาจากสภาพดินฟ้าอากาศท่ีไม่เอ้อื อานวยตอ่ การประกอบอาชีพ เกษตรกรรม ส่งผ ลใหป้ ริมาณผลผลิตทางเกษตรกรรมตกต่า

34 3 ปัญหาดา้ นคุณภาพชีวิต ถึงแมว้ า่ ปัจจุบนั คนไทยจะมอี ายยุ นื ยาวข้ึน เน่ืองจากการพฒั นาทางดา้ นสาธารสุข แตก่ ระแสวตั ถุนิยมและบริโภค นิยม รวมท้งั การเป็นสังคมเมืองมากข้ึน มีผลทาใหว้ ถิ ีชีวติ ของ ประชากรไทยโดยเฉพาะชุมชนเมือง เปลี่ยนแปลงอยา่ งรวดเร็ว ปัญหา สุขภาพจิตมีมากข้ึน ปัญหาสารเสพติดทวคี วามรุนแรงเพม่ิ ข้ึนส่งผลให้ เกิดปัญหาสงั คม 4.ปัญหาความเส่ือมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม การพฒั นาเศรษฐกิจของประเทศไทยเทา่ ที่ผา่ นมา ก่อใหเ้ กิดการขยายตวั ดา้ นการผลิตสินคา้ และบริการโดยมงุ่ เนน้ ใหค้ วามสาคญั เร่ืองความ เจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการเพิ่มรายไดข้ องประชากรซ่ึงมีการใช้ ทรัพยากรธรรมชาติเป็นปัจจยั ในการผลิตอยา่ งฟ่ ุมเฟื อยขาดการวางแผน ที่ดี ดงั น้นั ทรัพยากรธรรมชาติจึงเส่ือมโทรมและลดลงอยา่ งรวกเร็วตาม ปริมาณการผลิตสินคา้ และบริการท่ีเพ่ิมมากข้ึน 5.ปัญหาวกิ ฤตเศรษฐกิจ พ.ศ.2540 ในช่วง พ.ศ. 2528 ถึง พ.ศ. 2538 เศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตเร็ว มาก ปัจจยั ที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโต คือคา่ แรงงานท่ีอยใู่ นระดบั ต่า ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยมู่ าก รวมท้งั คา่ ของเงินที่มเี สถียรภาพ

35

36 2.2 แนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจชุมชน รัฐบาลไดม้ ีการดาเนินการเพือ่ แกป้ ัญหาหน้ีสินท่ีไมก่ ่อใหเ้ กิดรายได้ (NPLs) โดยกระทรวงการคลงั และธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วม ดาเนินการแผนฟ้ื นฟรู ะบบสถาบนั การ ท่ีประกาศ ในวนั ท่ี 14 สิงหาคม พ.ศ. 2541 โดยมีการดาเนินการดงั น้ี 1. รัฐบาลจะเพมิ่ เงินกองทุนของสถาบนั การเงินในรูปของการถือหุน้ 2. รัฐบาลจะเขา้ แทรกแซงสถาบนั การเงินและบริษทั เงินทุนท่ีดอ้ ย คุณภาพ 2.1 โอนสินทรัพยค์ ุณภาพดี 2.2 รวมกิจกรรมเขา้ ดว้ ยกนั และปรับโครงสร้างใหมโ่ ดยขยายเครือขา่ ย สาขา 2.3 รวมกิจการเขา้ ดว้ ยกนั กบั สถาบนั การเงินจองรัฐ 3. มีการจดั ต้งั บริษทั บริหารสินทรัพยภ์ าคเอกชน (Private AMCs) เพื่อ เอ้ืออานวยใหก้ ารบริหารสินทรัพยด์ อ้ ยคุณภาพของสถาบนั การเงิน เป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพและ ยดื หยนุ่ พอสมควร

37 4.รัฐบาลจะเสนอใหม้ ีการออกพระราชกาหนดเพ่อื แกไ้ ขขอ้ ติดขดั ทาง กฎหมายท่ีมีอยู่ เพอ่ื รองรับการเปลี่ยนแปลงดงั กล่าวขา้ งตน้ ซ่ึงไดแ้ ก่ การแกไ้ ขพระราชบญั ญตั ิการธนาคารพาณิชย์ 5. ภาระทางการเงินของรัฐบาลท่ีเกิดข้นึ จากแผนฟ้ื นฟูระบบสถาบนั การเงินน้ีจะไดร้ ับการชดเชยจากเงินที่ไดจ้ ากการขายสถาบนั การเงินของ รัฐใหแ้ ก่เอกชนในอนาคตรวมท้งั ราคาสินทรัพยท์ ่ีปรับตวั เพิม่ ข้ึนเมื่อ เศรษฐกิจฟ้ื นตวั

38 2.3 ความร่วมมือทางเศรษฐกจิ ชุมชน ชุมชนในภูมิภาคตา่ งๆ ดงั กลา่ วไดท้ าการคา้ ขายกนั ต้งั แต่ในอดีตตอ่ มา นอกจากการคา้ สินคา้ แลว้ ยงั มีการคา้ บริการและกิจกรรมการเศรษฐกิจ อื่นๆอีกมาก อยา่ งไรกต็ าม เนื่องจากชุมชนต่างๆมีความสามารถในการ ผลิตและการคา้ แตกต่างกนั จึงทาให้แต่ละชุมชนมีความไดเ้ ปรียบและ เสียเปรียบจากการติดต่อทางเศรษฐกิจซ่ึงกนั และกนั ไม่เทา่ เทียบกนั โดยมีชุมชนที่มีทุน มีทรัพยากร และเทคโนโลยรี ะดบั สูงกวา่ รวมท้งั การบริหารจดั การท่ีดีกวา่ ยอ่ มไดป้ ระโยชน์จาการดาเนินการทาง เศรษฐกิจชุมชนมากกวา่ ดว้ ยเหตุน้ี ชุมชนท่ีอยใู่ นภูมิภาคเดียวกนั จึงได้ ร่วมมือกนั จดั ต้งั กลุ่มเศรษฐกิจข้ึนเพ่อื เพิม่ อานาจต่อรอง และเพอ่ื ใหม้ ี พลงั ร่วมทางดา้ นการผลิตท่ีสามารถแขง่ ขนั กบั ชุมชนท่ีมีความไดเ้ ปรียบ ดงั กลา่ ว เป้าหมายสาคญั ของการพฒั นาเศรษฐกิจชุมชน คือ เพ่อื พฒั นาศกั ยภาพ ต้งั แต่ระดบั บุคคล ครอบครัว และชุมชน โดยใชก้ ิจกรรมเศรษฐกิจสร้าง “กระบวนการเรียนรู้” ซ่ึงจะทาใหช้ ุมชนพ่ึงตนเองได้ ในขณะเดียวกนั ยงั มุ่งพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คม ฟ้ื นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม อนุรักษว์ ฒั นธรรมและภมู ิปัญญาทอ้ งถิ่น ฯลฯ หรืออีกนยั หน่ึง เพือ่ พฒั นาชุมชนทอ้ งถ่ินอยา่ งบูรณาการ

39 แนวคดิ 1. เนน้ การพฒั นาอยา่ งบูรณาการ มีคนเป็นศนู ยก์ ลางของการพฒั นา และ ยดึ พ้ืนท่ีเป็นหลกั เพอ่ื ใหก้ ารพฒั นาตอบสนองความตอ้ งการของคนใน ชุมชน และสอดคลอ้ งกบั ศกั ยภาพของทอ้ งถิ่น 2. สร้างภาคีและเครือขา่ ยความร่วมมอื ในลกั ษณะ “พหุภาคี” เพ่อื ประสาน “พลงั สร้างสรรค”์ ท้งั จากภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน โดยมีองคก์ รชุมชนเป็นแกนกลาง ส่วนภาคีอ่ืนๆ ทาหนา้ ท่ีช่วยกระตุน้ อานวยความสะดวก ส่งเสริม และสนบั สนุนการพฒั นา 3. เริ่มการพฒั นาจากชุมชนทอ้ งถ่ินไปสู่ระดบั ชาติ และใหอ้ งคก์ รชุมชน เป็นจกั รกลสาคญั ในการดาเนินการพฒั นา เพ่อื ใหเ้ กิดพลงั การพฒั นา จากความตอ้ งการของคนในชุมชน ซ่ึงจะช่วยใหก้ ารพฒั นามีความ ตอ่ เนื่อง 4. ส่งเสริมการรวมกล่มุ ชาวบา้ นและการสร้างเครือข่ายองคก์ รชุมชน เพอื่ ใหค้ นในชุมชนมีส่วนร่วมในการพฒั นา และสร้างกระบวนการ เรียนรู้ร่วมกนั ท้งั ดา้ นการศึกษา สาธารณะสุข การผลิต การตลาด การ ระดมทุน การจดั การ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม

40 การอนุรักษว์ ฒั นธรรมและภมู ิปัญญาทอ้ งถิ่น ฯลฯ 5. ใชก้ ิจกรรมเศรษฐกิจสร้างการเรียนรู้และสร้างอาชีพที่หลากหลาย เพื่อเป็นทางเลือกใหแ้ ก่คนในชุมชน ซ่ึงมีความแตกต่างกนั ในดา้ นเพศ วยั การศึกษา ความถนดั ฐานะเศรษฐกิจ ฯลฯ 6. ยดึ ปรัชญาการพฒั นาเศรษฐกิจชุมชนตามแนวพระราชดารัส “การ พฒั นาเศรษฐกิจแบบพอเพยี ง” ตามข้นั ตอนของ “ทฤษฎีใหม”่ แนวทางปฏบิ ัติ 1. สร้างเวทีการเรียนรู้ เช่น เวทีประชาคมตาบล/อาเภอ ร้านคา้ ชุมชน ตลาดนดั ชุมชน ฯลฯ 2. วเิ คราะห์ศกั ยภาพของทอ้ งถ่ิน (ทุนในชุมชน) 3. วางแผนพฒั นา “เศรษฐกิจแบบพอเพียง” ตามข้นั ตอนของ “ทฤษฎี ใหม”่ 4. ส่งเสริมการรวมกลมุ่ (กลมุ่ อาชีพ กล่มุ ออมทรัพย)์ และการสร้าง เครือขา่ ยองคก์ รชุมชน 5. พฒั นาเทคโนโลยกี ารผลิต การแปรรูป การบรรจุหีบห่อ การ ส่ิงแวดลอ้ ม ฯลฯ

41 6. พฒั นาระบบตลาด เช่น ตลาดในทอ้ งถ่ิน สร้างเครือขา่ ยผผู้ ลิต- ผบู้ ริโภค เชื่อมโยงผผู้ ลิตกบั ตลาดในเมือง/โรงงาน อุตสาหกรรม การเกษตร ฯลฯ 7. พฒั นากิจกรรมทางดา้ นการศึกษา สังคม วฒั นธรรม สาธารณสุข และ ส่ิงแวดลอ้ ม 8. วิจยั เพ่อื สนบั สนุนงานพฒั นาเศรษฐกิจชุมชน 9. สร้างศนู ยก์ ารเรียนรู้เศรษฐกิจชุมชนแบบเบด็ เสร็จระดบั อาเภอ/ จงั หวดั โดยเนน้ การมีส่วนร่วมขององคก์ รชุมชนทอ้ งถิ่น 10. สร้างหลกั สูตรฝึกอบรมการพฒั นาเศรษฐกิจชุมชน และพฒั นา สถานที่ศึกษาดูงาน 11. พฒั นาระบบขอ้ มูลขา่ วสาร เพอ่ื ใชช้ ่วยตดั สินใจในการทาธุรกิจ ชุมชน 12. เผยแพร่ขอ้ มูลขา่ วสารการพฒั นาเศรษฐกิจชุมชนสู่สงั คมในวงกวา้ ง สรุป การพฒั นาเศรษฐกิจชุมชนใหค้ วามสาคญั ตอ่ การสร้างกระบวนการ เรียนรู้ใหแ้ ก่คนในชุมชนทอ้ งถิ่น จึงเป็นการพฒั นา ที่เนน้ กระบวนการ มากกวา่ รูปแบบ และตอ้ งการความตอ่ เน่ืองในการปฏิบตั ิรวมท้งั ให้ ความสาคญั ตอ่ การพฒั นาที่เร่ิมจาก ฐานทรัพยากรในทอ้ งถ่ิน (ทุนใน

42 ชุมชน) ตลอดจนการมีส่วนร่วมของพหุภาคี ไดแ้ ก่ ภาครัฐ ภาคธุรกิจ องคก์ รพฒั นาเอกชน นกั วชิ าการ สื่อมวลชน ฯลฯ เพ่ือนาไปสู่การพฒั นา ชุมชนทอ้ งถ่ินอยา่ งบูรณาการ ซ่ึงเป็นรากฐานท่ีสาคญั ของการพฒั นา ประเทศอยา่ งยง่ั ยนื

43 บรรณานุกรม การแกไ้ ขปัญหาและความร่วมมือทางเศรษฐกิจในระดบั ประเทศ https://shorturl.asia/Pzcas https://1th.me/X5Q7U การพฒั นาเศรษฐกิจ https://sites.google.com/site/kruchaiyooooo/sersthkic-phx-pheiyng- kab-kar-phathna-sersthkic-thiy/2-kar-phathna-sersthkic-khxng-thiy แนวทางการพฒั นาเศรษฐกิจของประเทศไทย https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=grooveriderz&month=08- 2007&date=13&group=9&gblog=10 แผนพฒั นาเศรษฐกิจของประเทศไทย https://sites.google.com/site/kruchaiyooooo/sersthkic-phx-pheiyng-kab-kar-phathna-sersthkic- thiy/3-phaen-phathna-sersthkic-laea-sangkhm-haeng-chati เศรษฐกิจชุมชน http://www.banrainarao.com/column/commu_econ_02 ปัญหาเศรษฐกิจชุมชนและแนวทางแกไ้ ขปัญหาเศรษฐกิจชุมชน https://sites.google.com/site/prawatisastrm1/hnwy-kar-reiyn-ru-thi3-payha-thang-sers-kic-ni- chumchn-laea-naewthang-kaekhi ความร่วมมือทางเศรษฐกิจชุมชน https://sites.google.com/site/parichatsirisom17/hnwy- kar-reiyn-ru-thi-5-khwam-rwm-mux-thang-sersthkic-rahwang-prathes/5-4-khwam-rwm-mux- thang-sersthkic

E-Book เร่ือง การแกป้ ัญหาและความร่วมมือทางเศรษฐกิจในระดบั ชุมชน และประเทศ เสนอ คุณครูณฐั รินีย์ สมนึก จดั ทาโดย 1.นายวทัญญู รูปเหมาะ ม.4/2 เลขท1่ี 1 2.นายอธิลกั ษณ์ ลากลู ม.4/2 เลขท่1ี 2 3.นายณัฐวณี ์ คุ้มประมูล ม.4/2 เลขท1่ี 3 4.นายธราพร อ่อนจันทร์ ม.4/2 เลขท1ี่ 4 5.นายสุพศิน แสงงาม ม.4/2 เลขท1ี่ 5


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook