ตัวชี้วดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลางต้องรแู้ ละควรรู้ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ สาหรบั การจัดการเรยี นรู้ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔ ภายใตส้ ถานการณแ์ พร่ระบาดของโรคติดเชอื้ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ โรงเรยี นวัดสายลาโพงใต้ สานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต ๓
สารบัญ หนา้ สรปุ ตัวชว้ี ดั และสาระการเรียนรแู้ กนกลางต้องรแู้ ละควรรู้ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6 1 ภาษาไทย 2 คณติ ศาสตร์ 5 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 7 สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม 15 สุขศกึ ษาและพลศึกษา 22 ศลิ ปะ 25 การงานอาชพี 27 ภาษาตา่ งประเทศ (ภาษาอังกฤษ) 28
สรุปตวั ชี้วัดและสาระการเรยี นรูแ้ กนกลางต้องรูแ้ ละควรรู้ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 6 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) กลุม่ สาระการเรียนรู้ ตัวชีว้ ดั ต้องรู้ ควรรู้ หมายเหตุ ทั้งหมด ภาษาไทย คณิตศาสตร์ 34 28 6 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม 21 15 6 สขุ ศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ 30 20 11 ว 2.1 ป.6/1 เปน็ ทั้งตอ้ งรแู้ ละควรรู้ การงานอาชพี ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) 39 24 15 22 6 16 27 17 10 5 41 20 19 1
๒ ตัวช้วี ดั และสาระการเรียนรแู้ กนกลางต้องรู้และควรรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ชั้น ที่ รหสั ตัวชี้วดั ตวั ช้ีวดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.๖ 1 ท ๑.๑ ป.๖/๑ อำ่ นออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ และ กำรอ่ำนออกเสียงร้อยแกว้ ทเ่ี ปน็ บทร้อยกรองได้ถูกตอ้ ง โวหำรต่ำง ๆ ประกอบด้วย 2 ท ๑.๑ ป.๖/๒ อธิบำยควำมหมำยของคำ ประโยค - คำท่มี พี ยัญชนะควบกลำ้ และข้อควำมท่ีเป็นโวหำร - คำทีม่ อี ักษรนำ - คำที่มีตัวกำรันต์ - คำท่มี ำจำกภำษำตำ่ งประเทศ - อักษรย่อและเคร่อื งหมำย วรรคตอน - วัน เดอื น ปแี บบไทย - ข้อควำมทเ่ี ปน็ โวหำรตำ่ ง ๆ - สำนวนไทยทีเ่ ปน็ คำพังเพย และสภุ ำษติ กำรอำ่ นทำนองเสนำะบทรอ้ ยกรอง ท่เี ป็นโวหำรต่ำง ๆ 3 ท ๑.๑ ป.๖/๓ อ่ำนเรอ่ื งสัน้ ๆ อย่ำงหลำกหลำย กำรอำ่ นจับใจควำมจำกสอ่ื ตำ่ ง ๆ โดยจับเวลำแลว้ ถำมเกยี่ วกบั เร่ืองท่ีอำ่ น เชน่ - เรื่องสัน้ - บทควำมจำกสอ่ื อเิ ล็กทรอนกิ ส์ 4 ท ๑.๑ ป.๖/๔ แยกข้อเท็จจรงิ และข้อคดิ เหน็ จำกเร่ืองท่ีอ่ำน - ประกำศทำงกำร 5 ท ๑.๑ ป.๖/๕ อธบิ ำยกำรนำควำมรูแ้ ละควำมคดิ - วรรณคดีและวรรณกรรม จำกเรอื่ งทอ่ี ำ่ นไปตัดสนิ ใจแก้ปญั หำ ในหนังสอื เรยี น ในกำรดำเนินชีวติ - บทเรยี นจำกกลมุ่ สำระกำรเรยี นรูอ้ นื่ 6 ท ๑.๑ ป.๖/๖ อำ่ นงำนเขียนเชิงอธบิ ำย คำสั่ง กำรอำ่ นงำนเขยี นเชงิ อธบิ ำย คำสง่ั ข้อแนะนำและปฏบิ ตั ติ ำม ขอ้ แนะนำ และปฏบิ ัติตำม เช่น - กำรใชพ้ จนำนุกรม - กำรปฏบิ ัติตนในกำรอยู่รว่ มกนั ในสงั คม - ข้อตกลงในกำรอยรู่ ่วมกนั ในโรงเรียนและกำรใช้สถำนที่ สำธำรณะในชมุ ชนและทอ้ งถ่ิน 7 ท ๑.๑ ป.๖/๗ อธิบำยควำมหมำยของข้อมูล กำรอำ่ นขอ้ มูลจำกแผนผงั แผนท่ี จำกกำรอำ่ นแผนผัง แผนท่ี แผนภมู ิ แผนภมู ิ และกรำฟ และกรำฟ 8 ท ๑.๑ ป.๖/๘ อำ่ นหนงั สือตำมควำมสนใจ กำรอำ่ นหนงั สือตำมควำมสนใจ เช่น และอธิบำยคุณค่ำทไ่ี ด้รับ - หนังสือทน่ี ักเรียนสนใจ และเหมำะสมกับวยั - หนงั สอื อ่ำนที่ครแู ละนักเรยี น กำหนดรว่ มกัน สำหรับกำรจัดกำรเรยี นรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเชอื้ ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)
๓ ชั้น ที่ รหสั ตวั ชี้วัด ตัวช้วี ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.6 9 ท ๑.๑ ป.๖/๙ มมี ำรยำทในกำรอำ่ น มำรยำทในกำรอ่ำน 10 ท ๒.๑ ป.๖/๑ คัดลำยมือตวั บรรจงเตม็ บรรทัด กำรคดั ลำยมือตัวบรรจงเตม็ บรรทัด และครึง่ บรรทัด และคร่ึงบรรทัดตำมรูปแบบ กำรเขียนตัวอักษรไทย 11 ท ๒.๑ ป.๖/๒ เขียนสอื่ สำรโดยใช้คำไดถ้ ูกต้องชดั เจน กำรเขยี นส่อื สำร เช่น และเหมำะสม - จดหมำยกิจธุระในชวี ิตประจำวนั - รำยงำนกำรศึกษำค้นคว้ำ 12 ท ๒.๑ ป.๖/๓ เขียนแผนภำพโครงเรื่อง และแผนภำพ กำรเขยี นแผนภำพโครงเรอื่ ง ควำมคิดเพอ่ื ใช้พฒั นำงำนเขียน และแผนภำพควำมคดิ 13 ท ๒.๑ ป.๖/๔ เขยี นเรียงควำม กำรเขียนเรียงควำม 14 ท ๒.๑ ป.๖/๕ เขียนยอ่ ควำมจำกเร่ืองที่อำ่ น กำรเขยี นย่อควำมจำกวรรณคดี และวรรณกรรมในหนงั สือเรยี น หรอื ส่ือตำ่ ง ๆ 15 ท ๒.๑ ป.๖/๖ เขยี นจดหมำยส่วนตวั กำรเขยี นจดหมำยสว่ นตวั ในชีวิตประจำวนั เช่น - จดหมำยขอโทษ - จดหมำยแสดงควำมขอบคุณ - จดหมำยแสดงควำมเห็นใจ - จดหมำยแสดงควำมยนิ ดี 16 ท ๒.๑ ป.๖/๗ กรอกแบบรำยกำรตำ่ ง ๆ กำรกรอกแบบรำยกำร - แบบคำร้องต่ำง ๆ - ใบสมคั รศึกษำต่อ - แบบฝำกส่งพัสดุและไปรษณียภณั ฑ์ 17 ท ๒.๑ ป.๖/๘ เขียนเรื่องตำมจนิ ตนำกำร กำรเขยี นเร่ืองตำมจินตนำกำร และสรำ้ งสรรค์ กำรเขียนโน้มน้ำวใจ 18 ท ๒.๑ ป.๖/๙ มมี ำรยำทในกำรเขียน มำรยำทในกำรเขียน 19 ท ๓.๑ ป.๖/๑ พดู แสดงควำมรู้ ควำมเข้ำใจ กำรพูดแสดงควำมรู้ ควำมเข้ำใจ จดุ ประสงคข์ องเรื่องที่ฟังและดู และวิเครำะห์ควำมน่ำเช่ือถือ 20 ท ๓.๑ ป.๖/๒ ตั้งคำถำมและตอบคำถำมเชิงเหตผุ ล ของเร่ืองท่ีฟงั และดูจำกสื่อตำ่ ง ๆ จำกเรื่องที่ฟังและดู - นิทรรศกำร 21 ท ๓.๑ ป.๖/๓ วิเครำะหค์ วำมน่ำเชื่อถือจำกกำรฟัง - สอื่ สงั คมออนไลน์ และดูสอ่ื โฆษณำอย่ำงมีเหตผุ ล 22 ท ๓.๑ ป.๖/๔ พดู รำยงำนเรื่องหรือประเด็น กำรพูดนำเสนอรำยงำนกำรศึกษำ ทศ่ี กึ ษำค้นควำ้ จำกกำรฟัง กำรดู และ คน้ ควำ้ กำรสนทนำ 23 ท ๓.๑ ป.๖/๕ พดู โน้มน้ำวอย่ำงมเี หตุผล และ กำรพูดโน้มน้ำวในสถำนกำรณ์ต่ำง ๆ น่ำเชือ่ ถือ สำหรับกำรจัดกำรเรียนรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเชอื้ ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)
๔ ชน้ั ที่ รหสั ตัวชี้วัด ตวั ชว้ี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.6 24 ท ๓.๑ ป.๖/๖ มีมำรยำทในกำรฟัง กำรดู และกำรพูด มำรยำทในกำรฟัง กำรดู และกำรพูด 25 ท ๔.๑ ป.๖/๑ วิเครำะห์ชนิดและหนำ้ ท่ีของคำ ชนิดและหน้ำทข่ี องคำ ในประโยค - คำนำม - คำสรรพนำม - คำกริยำ - คำวิเศษณ์ ๒8 6 - คำบุพบท - คำเช่อื ม - คำอุทำน 26 ท ๔.๑ ป.๖/๒ ใช้คำไดเ้ หมำะสมกบั กำลเทศะ คำรำชำศัพท์ และบุคคล ระดบั ภำษำ 27 ท ๔.๑ ป.๖/๓ รวบรวมและบอกควำมหมำย คำที่มำจำกภำษำต่ำงประเทศ ของคำภำษำต่ำงประเทศท่ีใช้ ในภำษำไทย กำรวิเครำะห์สว่ นประกอบ ของประโยค 28 ท ๔.๑ ป.๖/๔ ระบลุ ักษณะของประโยค - ประโยคสำมญั - ประโยครวม 29 ท ๔.๑ ป.๖/๕ แต่งบทร้อยกรอง - ประโยคซอ้ น 30 ท ๔.๑ ป.๖/๖ วเิ ครำะห์และเปรียบเทียบสำนวน กลอนสุภำพ ทเ่ี ปน็ คำพงั เพย และสภุ ำษิต สำนวนไทยทีเ่ ปน็ คำพังเพย 31 ท ๕.๑ ป.๖/๑ แสดงควำมคดิ เหน็ จำกวรรณคดี และสภุ ำษติ หรือวรรณกรรมที่อ่ำน วรรณคดีและวรรณกรรม 32 ท ๕.๑ ป.๖/๒ เล่ำนิทำนพืน้ บ้ำนทอ้ งถิ่นตนเอง - นทิ ำนพน้ื บำ้ นอำเซยี น และนทิ ำนพืน้ บำ้ นของท้องถิ่นอื่น - บทร้อยกรองทีม่ ีคณุ ค่ำ 33 ท ๕.๑ ป.๖/๓ อธบิ ำยคุณค่ำของวรรณคดี - บทอำขยำน - หนังสืออ่ำนนอกเวลำ และวรรณกรรมท่ีอ่ำนและนำไป - วรรณคดีและวรรณกรรม ประยกุ ต์ใช้ในชวี ติ จรงิ 34 ท ๕.๑ ป.๖/๔ ทอ่ งจำบทอำขยำนตำมท่กี ำหนดและ ในบทเรยี น บทร้อยกรองท่ีมีคุณคำ่ ตำมควำมสนใจ รวม ๓๔ ตัวชี้วดั สำหรับกำรจดั กำรเรียนรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางตอ้ งรู้และควรรู้ ๕ กลมุ่ สาระการเรยี นรูค้ ณิตศาสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ช้ัน ที่ รหสั ตัวช้ีวัด ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.๖ 1 ค 1.1 ป.6/1 เปรียบเทียบ เรียงลำดับเศษสว่ น เศษสว่ น และจำนวนคละ จำกสถำนกำรณ์ - กำรเปรยี บเทยี บและเรียงลำดบั เศษสว่ น ต่ำง ๆ และจำนวนคละโดยใชค้ วำมรู้เร่ือง ค.ร.น. 2 ค 1.1 ป.6/2 เขยี นอัตรำส่วนแสดงกำรเปรียบเทยี บ อัตราส่วน ปรมิ ำณ ๒ ปริมำณ จำกข้อควำม - อตั รำสว่ น อัตรำสว่ นที่เทำ่ กัน หรือสถำนกำรณ์ โดยทปี่ รมิ ำณ และมำตรำสว่ น แต่ละปริมำณเปน็ จำนวนนับ 3 ค 1.1 ป.6/3 หำอัตรำส่วนทีเ่ ทำ่ กบั อัตรำสว่ น ทก่ี ำหนดให้ 4 ค 1.1 ป.6/4 หำ ห.ร.ม. ของจำนวนนบั ไมเ่ กนิ จานวนนับและ ๐ ๓ จำนวน - ตวั ประกอบ จำนวนเฉพำะ ตัวประกอบ 5 ค 1.1 ป.6/5 หำค.ร.น. ของจำนวนนบั ไมเ่ กิน เฉพำะและกำรแยกตวั ประกอบ ๓ จำนวน - ห.ร.ม. และ ค.ร.น. 6 ค 1.1 ป.6/6 แสดงวธิ หี ำคำตอบของโจทยป์ ัญหำ - กำรแกโ้ จทยป์ ญั หำเก่ยี วกบั ห.ร.ม. และ โดยใช้ควำมรเู้ กยี่ วกับ ห.ร.ม. ค.ร.น. และ ค.ร.น. 7 ค 1.1 ป.6/7 หำผลลพั ธ์ของกำรบวก ลบ คูณ การบวก การลบ การคูณ การหาร หำรระคนของเศษสว่ นและ เศษส่วน จำนวนคละ - กำรบวก กำรลบเศษสว่ นและจำนวน 8 ค 1.1 ป.6/8 แสดงวธิ ีหำคำตอบของโจทย์ปัญหำ คละโดยใชค้ วำมร้เู ร่ือง ค.ร.น. เศษสว่ นและจำนวนคละ - กำรบวก ลบ คูณ หำรระคนของเศษสว่ น ๒ -๓ ข้นั ตอน และจำนวนคละ - กำรแก้โจทยป์ ญั หำเศษส่วนและจำนวนคละ 9 ค 1.1 ป.6/9 หำผลหำรของทศนยิ มทตี่ ัวหำร ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคูณ และผลหำร เปน็ ทศนิยมไมเ่ กิน การหาร ๓ ตำแหน่ง - ควำมสัมพันธร์ ะหว่ำงเศษส่วนและ 10 ค 1.1 ป.6/10 แสดงวิธีหำคำตอบของโจทย์ ทศนิยม ปัญหำกำรบวก กำรลบ กำรคูณ - กำรหำรทศนยิ ม กำรหำรทศนยิ ม ๓ ขน้ั ตอน - กำรแก้โจทยป์ ัญหำเก่ยี วกับทศนิยม (รวมกำรแลกเงินตำ่ งประเทศ) 11 ค 1.1 ป.6/11 แสดงวธิ ีหำคำตอบของโจทยป์ ัญหำ อตั ราสว่ นและร้อยละ อัตรำสว่ น - กำรแกโ้ จทยป์ ัญหำอัตรำสว่ น 12 ค 1.1 ป.6/12 แสดงวิธหี ำคำตอบของโจทย์ปัญหำ และมำตรำสว่ น ร้อยละ ๒ - ๓ ขนั้ ตอน - กำรแกโ้ จทย์ปญั หำร้อยละ 13 ค 1.2 ป.6/1 แสดงวิธคี ิดและหำคำตอบของ แบบรูป ปญั หำเก่ยี วกับแบบรูป - กำรแก้ปัญหำเกยี่ วกบั แบบรูป สำหรบั กำรจัดกำรเรยี นรู้ ปีกำรศึกษำ 2564ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเช้ือไวรสั โคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขนั้ พืน้ ฐำน ร่วมกับ สถำบนั ส่งเสรมิ กำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี
๖ ชั้น ที่ รหสั ตวั ชี้วดั ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.๖ 14 ค 2.1 ป.6/1 แสดงวิธหี ำคำตอบของโจทย์ปัญหำ ปรมิ าตรและความจุ 15 ค 2.1 ป.6/2 16 ค 2.1 ป.6/3 เกีย่ วกับปรมิ ำตรของรูปเรขำคณิต - ปริมำตรของรูปเรขำคณิตสำมมิติ 17 ค 2.2 ป.6/1 สำมมิตทิ ีป่ ระกอบดว้ ยทรงสเี่ หล่ียม ทป่ี ระกอบดว้ ยทรงสเี่ หลย่ี มมุมฉำก 18 ค 2.2 ป.6/2 19 ค 2.2 ป.6/3 มมุ ฉำก - กำรแก้โจทย์ปัญหำเกี่ยวกับปริมำตร 20 ค 2.2 ป.6/4 21 ค 3.1 ป.6/1 ของรปู เรขำคณติ สำมมิติทป่ี ระกอบดว้ ย ทรงสี่เหลย่ี มมุมฉำก 15 6 แสดงวิธีหำคำตอบของโจทย์ปัญหำ รูปเรขาคณิตสองมิติ เกยี่ วกบั ควำมยำวรอบรูปและ - ควำมยำวรอบรูปและพ้ืนท่ีของรูป พน้ื ท่ีของรปู หลำยเหลยี่ ม สำมเหลีย่ ม แสดงวธิ หี ำคำตอบของโจทย์ปัญหำ - มุมภำยในของรปู หลำยเหลีย่ ม เกยี่ วกบั ควำมยำวรอบรูปและ - ควำมยำวรอบรปู และพน้ื ที่ของรปู หลำยเหลย่ี ม พนื้ ทข่ี องวงกลม - กำรแก้โจทย์ปัญหำเก่ยี วกับควำมยำว รอบรปู และพ้นื ที่ของรปู หลำยเหลยี่ ม - ควำมยำวรอบรูปและพืน้ ท่ีของวงกลม - กำรแกโ้ จทยป์ ญั หำเกีย่ วกบั ควำมยำว รอบรูปและพืน้ ที่ของวงกลม จำแนกรูปสำมเหลยี่ มโดยพิจำรณำ รปู เรขาคณิตสองมติ ิ จำกสมบตั ขิ องรปู - ชนิดและสมบัตขิ องรปู สำมเหล่ยี ม สร้ำงรปู สำมเหลย่ี มเม่ือกำหนด - กำรสร้ำงรปู สำมเหลย่ี ม ควำมยำวของด้ำนและขนำดของมุม - ส่วนตำ่ ง ๆ ของวงกลม - กำรสร้ำงวงกลม บอกลักษณะของรูปเรขำคณิต รปู เรขาคณิตสามมิติ สำมมติ ชิ นดิ ต่ำง ๆ - ทรงกลม ทรงกระบอก กรวย พีระมดิ ระบรุ ูปเรขำคณิตสำมมติ ิ - รูปคล่ีของทรงกระบอก กรวย ปริซมึ ทป่ี ระกอบจำกรูปคลี่ และระบุ พีระมิด รูปคลขี่ องรูปเรขำคณติ สำมมิติ ใชข้ ้อมลู จำกแผนภูมิรูปวงกลม การนาเสนอข้อมลู ในกำรหำคำตอบของโจทยป์ ัญหำ - กำรอ่ำนแผนภมู ริ ปู วงกลม รวม 21 ตวั ชวี้ ัด สำหรับกำรจัดกำรเรยี นรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคตดิ เชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำข้ันพื้นฐำน รว่ มกับ สถำบนั ส่งเสรมิ กำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ตวั ชี้วดั และสาระการเรยี นรู้แกนกลางตอ้ งรู้และควรรู้ ๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 ช้นั ที่ รหสั ตวั ชี้วัด ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.6 1 ว 1.2 ป.6/1 ว 1.2 ป.6/2 ระบุสำรอำหำรและบอกประโยชน์ • สำรอำหำรท่ีอยใู่ นอำหำรมี 6 ประเภท 2 ว 1.2 ป.6/3 3 ของสำรอำหำรแต่ละประเภทจำก ไดแ้ ก่ คำร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมนั ว 1.2 ป.6/4 4 ว 1.2 ป.6/5 อำหำรท่ตี นเองรบั ประทำน เกลอื แร่ วติ ำมิน และน้ำ 5 บอกแนวทำงในกำรเลือก • อำหำรแตล่ ะชนิดประกอบด้วยสำรอำหำร รบั ประทำนอำหำร ใหไ้ ดส้ ำรอำหำร ท่ีแตกต่ำงกนั อำหำรบำงอยำ่ งประกอบดว้ ย ครบถ้วน ในสัดส่วนทเ่ี หมำะสมกับ สำรอำหำรประเภทเดียว อำหำรบำงอยำ่ ง เพศและวัย รวมท้ังควำมปลอดภัยตอ่ ประกอบดว้ ยสำรอำหำรมำกกวำ่ หน่ึงประเภท สุขภำพ • สำรอำหำรแตล่ ะประเภทมีประโยชนต์ อ่ ตระหนักถึงควำมสำคัญของ รำ่ งกำยแตกต่ำงกัน โดยคำร์โบไฮเดรต สำรอำหำร โดยกำรเลอื ก โปรตนี และไขมันเปน็ สำรอำหำรทใี่ ห้ รบั ประทำนอำหำรท่ีมีสำรอำหำร พลังงำนแกร่ ่ำงกำย สว่ นเกลอื แร่วติ ำมิน ครบถ้วนในสดั สว่ นที่เหมำะสม และน้ำ เป็นสำรอำหำรที่ไมใ่ ห้พลังงำน กับเพศและวยั รวมทงั้ ปลอดภัยตอ่ แกร่ ำ่ งกำย แต่ช่วยใหร้ ่ำงกำยทำงำน สุขภำพ ไดเ้ ปน็ ปกติ • กำรรบั ประทำนอำหำร เพ่ือใหร้ ่ำงกำย เจริญเติบโต มีกำรเปลยี่ นแปลงของ ร่ำงกำยตำมเพศและวัย และมสี ุขภำพดี จำเปน็ ต้องรบั ประทำนให้ได้พลงั งำน เพยี งพอกบั ควำมต้องกำรของร่ำงกำย และใหไ้ ด้สำรอำหำรครบถ้วน ในสดั ส่วน ท่เี หมำะสมกับเพศและวัย รวมทัง้ ต้อง คำนงึ ถึงชนดิ และปรมิ ำณของวัตถุเจือปน ในอำหำรเพื่อควำมปลอดภยั ตอ่ สุขภำพ สรำ้ งแบบจำลองระบบย่อยอำหำร • ระบบยอ่ ยอำหำรประกอบดว้ ยอวัยวะต่ำง ๆ และบรรยำยหน้ำที่ของอวัยวะ ในระบบย่อยอำหำร รวมทั้ง ไดแ้ ก่ ปำก หลอดอำหำร กระเพำะอำหำร อธบิ ำยกำรย่อยอำหำรและ ลำไส้เลก็ ลำไสใ้ หญ่ ทวำรหนัก ตบั และ กำรดดู ซมึ สำรอำหำร ตบั ออ่ น ซึ่งทำหนำ้ ท่ีร่วมกันในกำรยอ่ ย และดูดซมึ สำรอำหำร ตระหนักถึงควำมสำคญั ของ - ปำกมฟี ันช่วยบดเค้ยี วอำหำรใหม้ ีขนำด ระบบยอ่ ยอำหำรโดยกำรบอก แนวทำงในกำรดแู ลรกั ษำอวัยวะ เล็กลงและมีลน้ิ ช่วยคลุกเคลำ้ อำหำร ในระบบย่อยอำหำรใหท้ ำงำน กับน้ำลำย ในนำ้ ลำยมเี อนไซม์ยอ่ ยแป้ง เป็นปกติ ให้เปน็ นำ้ ตำล - หลอดอำหำรทำหน้ำที่ลำเลียงอำหำร จำกปำกไปยังกระเพำะอำหำร ภำยในกระเพำะอำหำรมีกำรยอ่ ยโปรตนี โดยกรดและเอนไซม์ทีส่ ร้ำงจำก กระเพำะอำหำร สำหรบั กำรจดั กำรเรยี นรู้ ปีกำรศึกษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเชอื้ ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขนั้ พื้นฐำน ร่วมกับ สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี
๘ ช้ัน ท่ี รหัสตัวช้ีวดั ตวั ช้ีวดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.6 - ลำไสเ้ ลก็ มีเอนไซม์ท่ีสรำ้ งจำก อธบิ ำยและเปรยี บเทยี บ ผนังลำไสเ้ ลก็ เองและจำกตบั อ่อนท่ชี ่วย 6 ว 2.1 ป.6/1 กำรแยกสำรผสม โดยกำรหยิบออก ย่อยโปรตีน คำร์โบไฮเดรตและไขมัน กำรรอ่ น กำรใช้แมเ่ หลก็ ดึงดูด โดยโปรตีน คำรโ์ บไฮเดรต และไขมนั กำรรนิ ออก กำรกรอง และ ทีผ่ ่ำนกำรยอ่ ยจนเป็นสำรอำหำรขนำด กำรตกตะกอน โดยใช้หลกั ฐำน เลก็ พอท่ีจะดดู ซมึ ได้ รวมถงึ น้ำ เกลอื แร่ เชิงประจักษ์ รวมทั้งระบุวธิ ี และวติ ำมนิ จะถูกดดู ซมึ ทีผ่ นงั ลำไสเ้ ล็ก แกป้ ัญหำในชีวติ ประจำวัน เขำ้ สูก่ ระแสเลือดเพอ่ื ลำเลียงไปยงั เก่ียวกับกำรแยกสำร ส่วนตำ่ ง ๆ ของรำ่ งกำย ซ่ึงโปรตีน คำรโ์ บไฮเดรต และไขมัน จะถกู นำไปใช้ เปน็ แหล่งพลงั งำนสำหรบั ใชใ้ นกิจกรรม ตำ่ ง ๆ สว่ นนำ้ เกลอื แร่ และวิตำมนิ จะช่วยใหร้ ่ำงกำยทำงำนได้เป็นปกติ - ตบั สร้ำงนำ้ ดีแลว้ ส่งมำยังลำไสเ้ ลก็ ชว่ ยใหไ้ ขมนั แตกตวั - ลำไส้ใหญ่ทำหน้ำที่ดูดน้ำและเกลือแร่ เปน็ บริเวณท่มี ีอำหำรทีย่ ่อยไม่ได้ หรือย่อยไมห่ มดเปน็ กำกอำหำร ซงึ่ จะถูกกำจดั ออกทำงทวำรหนัก • อวยั วะต่ำง ๆ ในระบบย่อยอำหำร มีควำมสำคัญจึงควรปฏิบัติตน ดูแลรกั ษำ อวัยวะให้ทำงำนเป็นปกติ • สำรผสมประกอบด้วยสำรต้ังแต่ 2 ชนดิ ขน้ึ ไปผสมกนั เช่น นำ้ มนั ผสมน้ำ ขำ้ วสำรปนกรวดทรำย วธิ กี ำรท่เี หมำะสม ในกำรแยกสำรผสมขึน้ อยู่กับลกั ษณะและ สมบัตขิ องสำรท่ผี สมกนั ถ้ำองคป์ ระกอบ ของสำรผสมเปน็ ของแข็งกับของแข็ง ทีม่ ขี นำดแตกต่ำงกันอยำ่ งชดั เจน อำจใช้ วธิ กี ำรหยิบออก หรือกำรร่อนผำ่ นวัสดุท่มี รี ู ถ้ำมีสำรใดสำรหน่ึงเปน็ สำรแม่เหล็ก อำจใช้วิธกี ำรใชแ้ ม่เหลก็ ดึงดูด ถ้ำองคป์ ระกอบเป็นของแข็งท่ีไมล่ ะลำย ในของเหลว อำจใชว้ ิธีกำรรนิ ออก กำรกรอง หรือกำรตกตะกอน ซ่ึงวิธกี ำรแยกสำร สำมำรถนำไปใช้ประโยชน์ในวิตประจำวันได้ สำหรบั กำรจดั กำรเรียนรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขน้ั พ้นื ฐำน ร่วมกับ สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี
๙ ชน้ั ที่ รหสั ตวั ชี้วดั ตวั ช้วี ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.6 7 ว 2.2 ป.6/1 อธิบำยกำรเกดิ และผลของ แรงไฟฟ้ำซึ่งเกิดจำกวัตถุ • วตั ถุ 2 ชนดิ ท่ีผ่ำนกำรขดั ถูแลว้ 8 ว 2.3 ป.6/1 ทผี่ ่ำนกำรขัดถู โดยใชห้ ลกั ฐำน เม่อื นำเข้ำใกล้กันอำจดงึ ดดู หรอื ผลกั กนั 9 ว 2.3 ป.6/2 เชิงประจักษ์ แรงทเี่ กิดขึน้ นเ้ี ป็นแรงไฟฟ้ำ ซงึ่ เป็น แรงไม่สัมผัส เกิดขนึ้ ระหวำ่ งวัตถทุ ่มี ี 10 ว 2.3 ป.6/3 ระบุส่วนประกอบและบรรยำย ประจไุ ฟฟ้ำ ซึ่งประจุไฟฟำ้ มี 2 ชนิด คือ 11 ว 2.3 ป.6/4 หน้ำทข่ี องแตล่ ะส่วนประกอบของ ประจไุ ฟฟำ้ บวกและประจไุ ฟฟำ้ ลบ 12 ว 2.3 ป.6/5 วงจรไฟฟ้ำอยำ่ งงำ่ ย จำกหลักฐำน วตั ถุที่มีประจุไฟฟ้ำชนิดเดยี วกนั ผลักกนั 13 ว 2.3 ป.6/6 เชงิ ประจักษ์ ชนดิ ตรงขำ้ มกันดึงดูดกัน เขยี นแผนภำพและต่อวงจรไฟฟ้ำ อยำ่ งงำ่ ย • วงจรไฟฟ้ำอยำ่ งง่ำยประกอบดว้ ย แหล่งกำเนิดไฟฟ้ำ สำยไฟฟ้ำ และ ออกแบบกำรทดลองและทดลอง เครอ่ื งใช้ไฟฟำ้ หรืออปุ กรณ์ไฟฟ้ำ ด้วยวธิ ีทเี่ หมำะสมในกำรอธบิ ำย แหลง่ กำเนิดไฟฟ้ำ เชน่ ถำ่ นไฟฉำย วธิ ีกำรและผลของกำรต่อ หรือ แบตเตอรี่ ทำหนำ้ ทใี่ ห้พลังงำนไฟฟำ้ เซลลไ์ ฟฟำ้ แบบอนกุ รม สำยไฟฟำ้ เปน็ ตัวนำไฟฟ้ำ ทำหนำ้ ที่ ตระหนักถึงประโยชนข์ องควำมรู้ เชอ่ื มต่อระหว่ำงแหล่งกำเนิดไฟฟ้ำและ ของกำรต่อเซลล์ไฟฟ้ำแบบอนกุ รม เครื่องใช้ไฟฟ้ำเข้ำด้วยกนั เคร่ืองใช้ไฟฟ้ำ โดยบอกประโยชน์และกำรประยุกตใ์ ช้ มีหนำ้ ท่เี ปลย่ี นพลังงำนไฟฟ้ำเป็นพลังงำนอน่ื ในชีวติ ประจำวัน ออกแบบกำรทดลองและทดลอง • เมื่อนำเซลล์ไฟฟ้ำหลำยเซลล์มำต่อเรียงกนั ด้วยวิธที ่ีเหมำะสมในกำรอธิบำย โดยให้ขั้วบวกของเซลล์ไฟฟ้ำเซลลห์ นงึ่ กำรตอ่ หลอดไฟฟ้ำแบบอนกุ รม ตอ่ กับข้วั ลบของอีกเซลล์หนง่ึ เป็นกำรตอ่ และแบบขนำน แบบอนุกรม ทำให้มีพลังงำนไฟฟ้ำเหมำะสม ตระหนกั ถึงประโยชนข์ องควำมรู้ กับเครื่องใช้ไฟฟ้ำ ซึง่ กำรต่อเซลลไ์ ฟฟ้ำ ของกำรต่อหลอดไฟฟ้ำแบบ แบบอนกุ รมสำมำรถนำไปใชป้ ระโยชน์ อนกุ รมและแบบขนำน ในชีวิตประจำวนั เชน่ กำรตอ่ เซลล์ไฟฟำ้ โดยบอกประโยชน์ ข้อจำกดั และ ในไฟฉำย กำรประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจำวนั • กำรต่อหลอดไฟฟ้ำแบบอนุกรม เม่ือถอดหลอดไฟฟ้ำดวงใดดวงหนง่ึ ออก ทำให้หลอดไฟฟำ้ ท่ีเหลือดับทั้งหมด สว่ นกำรตอ่ หลอดไฟฟ้ำแบบขนำน เมอ่ื ถอดหลอดไฟฟ้ำดวงใดดวงหนึง่ ออก หลอดไฟฟำ้ ทเี่ หลือก็ยงั สวำ่ งได้ กำรตอ่ หลอดไฟฟ้ำแตล่ ะแบบสำมำรถ นำไปใชป้ ระโยชน์ได้ เช่น กำรต่อหลอด ไฟฟำ้ หลำยดวงในบ้ำนจึงต้องตอ่ หลอด ไฟฟำ้ แบบขนำน เพ่ือเลือกใช้หลอดไฟฟำ้ ดวงใดดวงหน่ึงได้ตำมต้องกำร สำหรบั กำรจัดกำรเรียนรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้นั พน้ื ฐำน ร่วมกับ สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๐ ชน้ั ที่ รหสั ตัวช้ีวัด ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.6 14 ว 2.3 ป.6/7 อธบิ ำยกำรเกิดเงำมืดเงำมัว • เม่ือนำวตั ถุทึบแสงมำกน้ั แสงจะเกิดเงำ จำกหลักฐำนเชิงประจักษ์ บนฉำกรบั แสงที่อยดู่ ้ำนหลงั วัตถุ 15 ว 2.3 ป.6/8 เขยี นแผนภำพรังสีของแสง โดยเงำมรี ูปร่ำงคล้ำยวตั ถุทท่ี ำใหเ้ กิดเงำ 16 ว 3.1 ป.6/1 แสดงกำรเกิดเงำมืดเงำมวั เงำมัวเปน็ บรเิ วณทม่ี ีแสงบำงสว่ นตกลง บนฉำก สว่ นเงำมืดเป็นบริเวณทไี่ ม่มแี สง 17 ว 3.1 ป.6/2 สร้ำงแบบจำลองท่อี ธบิ ำย ตกลงบนฉำกเลย กำรเกดิ และเปรยี บเทียบ • เม่อื โลกและดวงจันทร์โคจรมำอยู่ใน ปรำกฏกำรณ์สุรยิ ุปรำคำ แนวเสน้ ตรงเดยี วกันกับดวงอำทิตย์ และจันทรปุ รำคำ ในระยะทำงทเี่ หมำะสม ทำให้ดวงจันทร์ บงั ดวงอำทิตย์ เงำของดวงจันทร์ทอดมำยงั อธิบำยพฒั นำกำรของเทคโนโลยี โลก ผู้สงั เกตที่อยบู่ ริเวณเงำจะมองเหน็ อวกำศ และยกตวั อยำ่ งกำรนำ ดวงอำทิตย์มดื ไป เกิดปรำกฏกำรณ์ เทคโนโลยีอวกำศมำใช้ประโยชน์ สุริยุปรำคำ ซึ่งมที ้ังสุริยปุ รำคำเตม็ ดวง ในชีวติ ประจำวนั จำกขอ้ มลู สรุ ยิ ปุ รำคำบำงส่วน และสรุ ยิ ุปรำคำวงแหวน ทร่ี วบรวมได้ • หำกดวงจนั ทร์และโลกโคจรมำอยู่ใน แนวเสน้ ตรงเดียวกันกับดวงอำทติ ย์ แลว้ ดวงจันทร์เคลอ่ื นที่ผำ่ นเงำของโลก จะมองเห็นดวงจนั ทรม์ ืดไปเกิด ปรำกฏกำรณ์จันทรุปรำคำ ซง่ึ มที ั้ง จนั ทรปุ รำคำเตม็ ดวง และจันทรุปรำคำ บำงสว่ น • เทคโนโลยีอวกำศเรมิ่ จำกควำมต้องกำร ของมนุษยใ์ นกำรสำรวจวตั ถทุ ้องฟ้ำ โดยใชต้ ำเปลำ่ กล้องโทรทรรศน์ และได้พัฒนำไปสูก่ ำรขนสง่ เพ่ือสำรวจ อวกำศ ดว้ ยจรวดและยำนขนสง่ อวกำศ และยังคงพัฒนำอย่ำงต่อเน่ือง ปจั จบุ ัน มีกำรนำเทคโนโลยอี วกำศบำงประเภท มำประยุกตใ์ ช้ในชีวติ ประจำวัน เช่น กำรใช้ดำวเทยี มเพอื่ กำรสอ่ื สำร กำรพยำกรณ์อำกำศ หรอื กำรสำรวจ ทรพั ยำกรธรรมชำติ กำรใชอ้ ุปกรณ์วดั ชพี จรและกำรเตน้ ของหัวใจ หมวกนิรภยั ชุดกีฬำ สำหรบั กำรจัดกำรเรียนรู้ ปีกำรศึกษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขั้นพื้นฐำน ร่วมกับ สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๑ ชน้ั ที่ รหสั ตัวชี้วดั ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.6 18 ว 3.2 ป.6/1 เปรียบเทียบกระบวนกำรเกิด • หินเป็นวสั ดแุ ขง็ เกดิ ข้นึ เองตำมธรรมชำติ หินอคั นี หินตะกอน และ ประกอบดว้ ย แรต่ ั้งแตห่ นึ่งชนิดขึ้นไป หนิ แปร และอธิบำยวฏั จักรหิน สำมำรถจำแนกหนิ ตำมกระบวนกำรเกดิ จำกแบบจำลอง ไดเ้ ป็น 3 ประเภท ได้แก่ หนิ อัคนี หินตะกอน และหนิ แปร 19 ว 3.2 ป.6/2 บรรยำยและยกตัวอยำ่ ง • หนิ อัคนเี กดิ จำกกำรเยน็ ตวั ของแมกมำ กำรใช้ประโยชนข์ องหินและแร่ เนือ้ หินมลี ักษณะเป็นผลกึ ทง้ั ผลกึ ขนำด ในชีวติ ประจำวนั จำกขอ้ มลู ใหญ่และขนำดเล็ก บำงชนิดอำจเป็น ทีร่ วบรวมได้ เนอื้ แก้วหรือมรี พู รนุ • หนิ ตะกอน เกิดจำกกำรทบั ถมของตะกอน เมอื่ ถูกแรงกดทบั และมีสำรเชื่อมประสำน จึงเกดิ เป็นหนิ เน้อื หินกลุม่ น้สี ่วนใหญ่ มีลกั ษณะเปน็ เม็ดตะกอน มที ้ังเนือ้ หยำบ และเนือ้ ละเอยี ด บำงชนดิ เป็นเนอ้ื ผลกึ ทีย่ ดึ เกำะกันเกดิ จำกกำรตกผลึกหรือ ตกตะกอนจำกนำ้ โดยเฉพำะน้ำทะเล บำงชนิดมลี ักษณะเป็นชนั้ ๆ จงึ เรียก อกี ชือ่ วำ่ หินชน้ั • หนิ แปร เกิดจำกกำรแปรสภำพของหนิ เดิม ซึ่งอำจเป็นหินอัคนหี ินตะกอน หรอื หินแปร โดยกำรกระทำของควำมร้อน ควำมดัน และปฏิกิริยำเคมเี น้ือหนิ ของหินแปร บำงชนดิ ผลกึ ของแร่เรียงตัวขนำนกนั เป็นแถบ บำงชนิดแซะออกเป็นแผน่ ได้ บำงชนิดเป็นเนอ้ื ผลึกที่มคี วำมแข็งมำก • หนิ ในธรรมชำตทิ ้งั 3 ประเภท มกี ำรเปล่ยี นแปลงจำกประเภทหน่งึ ไปเป็นอีกประเภทหน่ึง หรือประเภทเดิมได้ โดยมีแบบรูปกำรเปลีย่ นแปลงคงท่ีและ ต่อเนือ่ งเปน็ วฏั จกั ร • หนิ และแร่แตล่ ะชนิดมีลักษณะและสมบัติ แตกตำ่ งกนั มนษุ ย์ใชป้ ระโยชน์จำกแร่ ในชีวิตประจำวนั ในลักษณะต่ำง ๆ เช่น นำแร่มำทำเคร่อื งสำอำง ยำสีฟนั เครอ่ื งประดับ อปุ กรณ์ทำงกำรแพทย์ และนำหนิ มำใชใ้ นงำนก่อสร้ำงตำ่ ง ๆ เปน็ ตน้ สำหรับกำรจัดกำรเรยี นรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำข้นั พื้นฐำน ร่วมกับ สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี
๑๒ ชั้น ท่ี รหสั ตวั ช้ีวดั ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.6 20 ว 3.2 ป.6/3 สร้ำงแบบจำลองทีอ่ ธิบำย • ซำกดกึ ดำบรรพเ์ กิดจำกกำรทับถม 21 ว 3.2 ป.6/4 หรือกำรประทับรอยของสงิ่ มีชีวติ ในอดตี 22 ว 3.2 ป.6/5 กำรเกิดซำกดึกดำบรรพ์และ จนเกิดเป็นโครงสร้ำงของซำกหรือรอ่ งรอย ของสง่ิ มชี วี ติ ท่ปี รำกฏอยู่ในหนิ คำดคะเนสภำพแวดล้อม ในประเทศไทยพบซำกดึกดำบรรพ์ ในอดีตของซำกดึกดำบรรพ์ ทีห่ ลำกหลำย เช่น พืช ปะกำรัง หอย ปลำ เต่ำ ไดโนเสำร์ และรอยตีนสตั ว์ • ซำกดึกดำบรรพ์สำมำรถใช้เป็นหลักฐำนหนึ่ง ที่ชว่ ยอธิบำยสภำพแวดลอ้ มของพืน้ ท่ี ในอดีตขณะเกิดส่ิงมชี วี ติ น้ัน เชน่ หำกพบซำกดึกดำบรรพ์ของหอยน้ำจดื สภำพแวดลอ้ มบรเิ วณนนั้ อำจเคยเปน็ แหล่งน้ำจืดมำก่อน และหำกพบซำก ดกึ ดำบรรพ์ของพืช สภำพแวดลอ้ มบริเวณ นนั้ อำจเคยเปน็ ป่ำมำก่อน นอกจำกน้ี ซำกดึกดำบรรพ์ยงั สำมำรถใช้ระบอุ ำยุ ของหิน และเป็นข้อมลู ในกำรศกึ ษำ ววิ ฒั นำกำรของส่ิงมชี วี ติ • ลมบก ลมทะเล และมรสมุ เกิดจำกพ้ืนดิน เปรียบเทยี บกำรเกิดลมบก ลมทะเล และมรสุม รวมทงั้ อธบิ ำย และพน้ื นำ้ ร้อนและเยน็ ไม่เท่ำกันทำให้ ผลทมี่ ีตอ่ สง่ิ มีชวี ิตและสงิ่ แวดล้อม อุณหภูมิอำกำศเหนือพ้ืนดินและพ้ืนน้ำ แตกตำ่ งกนั จงึ เกดิ กำรเคลื่อนทีข่ อง จำกแบบจำลอง อำกำศจำกบริเวณทีม่ ีอณุ หภูมติ ่ำไปยงั บริเวณท่มี อี ุณหภูมสิ งู • ลมบกและลมทะเลเป็นลมประจำถ่นิ ทีพ่ บบริเวณชำยฝงั่ โดยลมบกเกิดในเวลำ กลำงคนื ทำให้มีลมพดั จำกชำยฝัง่ ไปสู่ ทะเล ส่วนลมทะเลเกดิ ในเวลำกลำงวัน ทำให้มีลมพดั จำกทะเลเข้ำสู่ชำยฝง่ั อธบิ ำยผลของมรสมุ ต่อกำรเกิดฤดู • มรสุมเปน็ ลมประจำฤดเู กดิ บริเวณเขตรอ้ น ของโลก ซึง่ เป็นบริเวณกว้ำงระดับภูมิภำค ของประเทศไทย จำกข้อมูล ประเทศไทยได้รับผลจำกมรสุม ตะวนั ออกเฉยี งเหนือในชว่ งประมำณ ทร่ี วบรวมได้ กลำงเดือนตุลำคมจนถงึ เดือนกมุ ภำพนั ธ์ ทำให้เกดิ ฤดหู นำว และได้รบั ผลจำกมรสมุ ตะวนั ตกเฉียงใตใ้ นชว่ งประมำณ กลำงเดอื นพฤษภำคมจนถงึ กลำงเดอื น ตุลำคมทำใหเ้ กดิ ฤดูฝน ส่วนชว่ งประมำณ กลำงเดือนกุมภำพันธจ์ นถึงกลำงเดอื น พฤษภำคมเป็นช่วงเปล่ยี นมรสมุ และ ประเทศไทยอยูใ่ กล้เสน้ ศนู ยส์ ูตร สำหรับกำรจดั กำรเรียนรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพืน้ ฐำน ร่วมกบั สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๓ ช้ัน ที่ รหสั ตวั ชี้วัด ตัวช้ีวดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.6 แสงอำทิตย์เกือบต้ังตรงและตั้งตรง 23 ว 3.2 ป.6/6 24 ว 3.2 ป.6/7 ประเทศไทยในเวลำเทยี่ งวนั ทำให้ไดร้ บั 25 ว 3.2 ป.6/8 ควำมรอ้ นจำกดวงอำทิตย์อย่ำงเต็มท่ี 26 ว 3.2 ป.6/9 27 ว 4.2 ป.6/1 อำกำศจึงรอ้ นอบอ้ำวทำใหเ้ กิดฤดรู อ้ น บรรยำยลักษณะและผลกระทบ • น้ำท่วม กำรกดั เซำะชำยฝ่ัง ดินถล่ม ของน้ำทว่ มกำรกัดเซำะชำยฝ่งั ดนิ แผ่นดินไหวและสึนำมิ มผี ลกระทบต่อชีวติ ถลม่ แผน่ ดนิ ไหว สนึ ำมิ และสิง่ แวดล้อมแตกต่ำงกัน ตระหนกั ถึงผลกระทบของภัย • มนษุ ย์ควรเรยี นรู้วิธปี ฏบิ ตั ติ นให้ปลอดภยั ธรรมชำตแิ ละธรณีพิบัติภยั เชน่ ตดิ ตำมขำ่ วสำรอยำ่ งสมำ่ เสมอ โดยนำเสนอแนวทำงในกำร เตรยี มถุงยงั ชีพให้พร้อมใชต้ ลอดเวลำ เฝำ้ ระวังและปฏิบัตติ นให้ และปฏิบัติตำมคำสัง่ ของผู้ปกครอง ปลอดภยั จำกภัยธรรมชำติ และเจ้ำหน้ำที่อย่ำงเคร่งครดั เมื่อเกิดภัย และธรณพี ิบัติภยั ท่ีอำจเกิด ธรรมชำติและธรณีพิบัติภัย ในท้องถน่ิ สร้ำงแบบจำลองท่อี ธบิ ำยกำรเกิด • ปรำกฏกำรณเ์ รือนกระจกเกิดจำก ปรำกฏกำรณ์เรือนกระจก และผล แกส๊ เรือนกระจกในช้นั บรรยำกำศของโลก ของปรำกฏกำรณ์เรอื นกระจก กกั เก็บควำมร้อนแลว้ คำยควำมร้อน ต่อส่งิ มีชีวติ บำงส่วนกลับสผู่ วิ โลก ทำให้อำกำศบนโลก ตระหนักถึงผลกระทบของ มอี ณุ หภมู เิ หมำะสมตอ่ กำรดำรงชวี ติ ปรำกฏกำรณ์เรือนกระจก • หำกปรำกฏกำรณเ์ รอื นกระจกรนุ แรงมำกขนึ้ โดยนำเสนอแนวทำงกำรปฏบิ ัติตน จะมผี ลตอ่ กำรเปลีย่ นแปลงภูมิอำกำศโลก เพ่ือลดกจิ กรรมทก่ี ่อให้เกิดแก๊ส มนุษยจ์ ึงควรร่วมกันลดกิจกรรมท่ีก่อใหเ้ กิด แก๊สเรอื นกระจก เรอื นกระจก ใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะ • กำรแก้ปญั หำอยำ่ งเป็นขั้นตอนจะชว่ ยให้ ในกำรอธบิ ำยและออกแบบวิธกี ำร แกป้ ญั หำได้อยำ่ งมีประสิทธิภำพ แก้ปัญหำท่ีพบ • กำรใช้เหตุผลเชิงตรรกะเป็นกำรนำ ในชวี ติ ประจำวัน กฎเกณฑ์ หรอื เงอื่ นไขทีค่ รอบคลุมทุกกรณี มำใช้พิจำรณำในกำรแกป้ ญั หำ • แนวคดิ ของกำรทำงำนแบบวนซ้ำและ เงื่อนไข • กำรพิจำรณำกระบวนกำรทำงำน ทีม่ ีกำรทำงำนแบบวนซ้ำหรือเงื่อนไข เปน็ วิธกี ำรที่จะชว่ ยให้ออกแบบวิธีกำร แกป้ ัญหำเปน็ ไปอย่ำงมีประสิทธภิ ำพ • ตัวอยำ่ งปญั หำ เชน่ กำรคน้ หำเลขหน้ำท่ี ตอ้ งกำรใหเ้ ร็วท่ีสดุ กำรทำยเลข 1 - 1,000,000 โดยตอบให้ถกู ภำยใน 20 คำถำม กำรคำนวณเวลำในกำรเดินทำง โดยคำนงึ ถงึ ระยะทำง เวลำ จุดหยดุ พกั สำหรบั กำรจัดกำรเรยี นรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขน้ั พื้นฐำน ร่วมกบั สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๔ ช้ัน ที่ รหสั ตวั ชี้วดั ตัวชวี้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.6 28 ว 4.2 ป.6/2 ออกแบบและเขียนโปรแกรม • กำรออกแบบโปรแกรมสำมำรถทำไดโ้ ดย อย่ำงง่ำย เพอ่ื ใช้แกป้ ญั หำ เขยี นเปน็ ข้อควำมหรือผังงำน 29 ว 4.2 ป.6/3 ในชวี ติ ประจำวนั ตรวจหำ • กำรออกแบบและเขียนโปรแกรมที่มีกำรใช้ ขอ้ ผดิ พลำดของโปรแกรมและแกไ้ ข ตวั แปร กำรวนซำ้ กำรตรวจสอบเงื่อนไข 30 ว 4.2 ป.6/4 • หำกมีขอ้ ผดิ พลำดใหต้ รวจสอบกำรทำงำน ทลี ะคำส่งั เม่ือพบจดุ ท่ีทำใหผ้ ลลพั ธ์ ไม่ถูกตอ้ ง ให้ทำกำรแก้ไขจนกวำ่ จะได้ ผลลพั ธ์ท่ถี กู ต้อง • กำรฝกึ ตรวจหำข้อผดิ พลำดจำกโปรแกรม ของผู้อ่ืนจะชว่ ยพฒั นำทกั ษะกำรหำ สำเหตุของปัญหำไดด้ ยี ่ิงขึ้น • ตวั อย่ำงโปรแกรม เช่น โปรแกรมเกม โปรแกรมหำคำ่ ค.ร.น. เกมฝึกพมิ พ์ • ซอฟตแ์ วรท์ ่ีใช้ในกำรเขยี นโปรแกรม เชน่ Scratch, Logo ใช้อนิ เทอรเ์ น็ตในกำรค้นหำข้อมลู • กำรค้นหำอยำ่ งมีประสิทธภิ ำพ อย่ำงมปี ระสทิ ธิภำพ เปน็ กำรคน้ หำขอ้ มูลท่ไี ด้ตรงตำม ควำมต้องกำรในเวลำทรี่ วดเร็วจำก แหล่งข้อมูลท่นี ่ำเช่ือถือหลำยแหล่ง และ ขอ้ มูลมีควำมสอดคล้องกนั • กำรใช้เทคนคิ กำรค้นหำข้ันสูง เชน่ กำรใชต้ ัวดำเนินกำร กำรระบุรูปแบบ ของขอ้ มลู หรือชนิดของไฟล์ • กำรจัดลำดับผลลพั ธ์จำกกำรคน้ หำ ของโปรแกรมค้นหำ • กำรเรียบเรียง สรปุ สำระสำคัญ (บรู ณำกำรกบั วิชำภำษำไทย) ใชเ้ ทคโนโลยสี ำรสนเทศ • อันตรำยจำกกำรใชง้ ำนและอำชญำกรรม ทำงำนรว่ มกันอยำ่ งปลอดภยั ทำงอินเทอรเ์ นต็ แนวทำงในกำรป้องกนั เข้ำใจสิทธิและหน้ำท่ขี องตน • วธิ ีกำหนดรหัสผำ่ น เคำรพในสิทธิของผู้อื่น • กำรกำหนดสทิ ธก์ิ ำรใช้งำน (สิทธิใ์ นกำรเข้ำถงึ ) แจง้ ผเู้ กยี่ วขอ้ งเม่ือพบขอ้ มูลหรือ • แนวทำงกำรตรวจสอบและปอ้ งกันมลั แวร์ บุคคลท่ีไมเ่ หมำะสม • อนั ตรำยจำกกำรติดตง้ั ซอฟตแ์ วร์ ท่อี ย่บู นอินเทอรเ์ น็ต รวม 30 ตัวชี้วดั 20 11 หมายเหตุ: ตัวช้ีวัด ว 2.1 ป.6/1 มลี กั ษณะเฉพำะคือเป็นทง้ั ตวั ชวี้ ดั ตอ้ งรู้และควรรู้ รำยละเอยี ดดังนี้ ตอ้ งรู้ : กำรหยิบออก กำรร่อน กำรใชแ้ ม่เหลก็ ดึงดดู กำรรินออก กำรกรอง กำรตกตะกอน ควรรู้ : วธิ แี กป้ ญั หำในชวี ิตประจำวนั เกย่ี วกบั กำรแยกสำร เป็นเน้อื หำทป่ี ระยุกตใ์ ช้ควำมรู้จำกทเี่ รียนมำแลว้ ไปแกป้ ัญหำ ครอู ำจจดั เป็นกิจกรรมเสริมเพื่อให้นักเรยี นได้นำควำมรทู้ ีเ่ รียนมำแล้วมำใช้ สำหรบั กำรจัดกำรเรยี นรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขน้ั พืน้ ฐำน ร่วมกับ สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ตัวช้ีวดั และสาระการเรยี นรู้แกนกลางทต่ี อ้ งรู้และควรรู้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๑๕ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ช้นั ที่ รหัสตัวช้ีวัด ตวั ช้ีวดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.6 1 ส ๑.๑ ป.๖/๑ วิเครำะหค์ วำมสำคญั พระพุทธศำสนำในฐำนะเป็นศำสนำ ของพระพทุ ธศำสนำ ประจำชำติ เช่น เปน็ เอกลักษณ์ ในฐำนะเปน็ ศำสนำ ของชำติไทย เป็นรำกฐำนและ ประจำชำติ หรือควำมสำคญั มรดกทำงวฒั นธรรมไทย ของศำสนำที่ตนนบั ถือ เป็นศูนยร์ วมจิตใจ และเป็นหลัก ในกำรพฒั นำชำติไทย 2 ส ๑.๑ ป.๖/๒ สรุปพทุ ธประวตั ิตงั้ แต่ปลงอำยุ สรุปพุทธประวัติ (ทบทวน) สงั ขำรจนถึงสงั เวชนยี สถำน o ปลงอำยสุ ังขำร หรอื ประวัติศำสดำทต่ี นนบั ถือ o ปจั ฉิมสำวก ตำมท่ีกำหนด o ปรนิ พิ พำน o กำรถวำยพระเพลงิ o แจกพระบรมสำรีรกิ ธำตุ o สงั เวชนยี สถำน ๔ 3 ส ๑.๑ ป.๖/๓ เหน็ คุณค่ำและประพฤตติ น พุทธสำวก พทุ ธสำวกิ ำ ตำมแบบอย่ำงกำรดำเนนิ ชีวิต พระรำธะ และข้อคิดจำกประวตั สิ ำวก ชำดก ชำดก เร่อื งเล่ำ และศำสนิกชน ทีฆตี ิโกสลชำดก ตัวอยำ่ งตำมที่กำหนด ศำสนิกชนตวั อย่ำง พ่อขนุ รำมคำแหงมหำรำช 4 ส ๑.๑ ป.๖/๔ วเิ ครำะหค์ วำมสำคญั และเคำรพ ไตรสิกขำ พระรตั นตรยั ปฏิบตั ิตำมไตรสิกขำ ศีล สมำธิ ปัญญำ และหลักธรรมโอวำท ๓ (เรียนในชั้นป.4 และป.5) ในพระพทุ ธศำสนำ หรือหลักธรรม โอวำท ๓ ของศำสนำท่ีตนนบั ถอื ไม่ทำชัว่ ตำมที่กำหนด o อกุศลมลู ๓ ทำควำมดี o กุศลมูล ๓ o คำรวะ ๖ o กตัญญูกตเวทีต่อ พระมหำกษัตริย์ o มงคล ๓๘ - มีวนิ ัย - กำรงำนไม่มโี ทษ - ไม่ประมำทในธรรม ทำจติ ให้บรสิ ุทธิ์ (บริหำรจิต และเจริญปญั ญำ) พุทธศำสนสภุ ำษิต สจฺเจน กติ ฺตึ ปปโฺ ปติ : คนจะได้เกียรติด้วยสัจจะ ยถำวำที ตถำกำรี : พดู เช่นไร ทำเชน่ น้นั สำหรับกำรจัดกำรเรยี นรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)
๑๖ ชน้ั ท่ี รหัสตัวชี้วัด ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.6 5 ส ๑.๑ ป.๖/๕ ชน่ื ชมกำรทำควำมดีของบุคคล ตัวอย่ำงกำรกระทำควำมดี ในประเทศตำมหลักศำสนำ ของบุคคลในประเทศ พรอ้ มท้งั บอกแนวปฏบิ ตั ิ ในกำรดำเนนิ ชวี ิต 6 ส ๑.๑ ป.๖/๖ เหน็ คณุ ค่ำและสวดมนต์ ควำมหมำยของสตสิ ัมปชัญญะ แผเ่ มตตำ และบริหำรจติ สมำธิ และปญั ญำ (ทบทวน) เจริญปัญญำ มสี ติท่เี ปน็ พ้ืนฐำน วิธปี ฏบิ ัติและประโยชน์ของ ของสมำธใิ นพระพุทธศำสนำ กำรบรหิ ำรจิตและเจริญปัญญำ หรือกำรพฒั นำจิตตำมแนวทำง (ทบทวน) ของศำสนำทีต่ นนบั ถอื ตำมท่ีกำหนด 7 ส ๑.๑ ป.๖/๗ ปฏบิ ัติตนตำมหลักธรรม อบำยมขุ ๖ อกุศลมลู ๓ กุศลมลู ๓ ของศำสนำท่ตี นนบั ถอื เพอื่ แก้ปัญหำอบำยมุข และสงิ่ เสพตดิ หลักธรรมสำคญั ของศำสนำตำ่ ง ๆ 8 ส ๑.๑ ป.๖/๘ อธิบำยหลักธรรมสำคัญ ของศำสนำอืน่ ๆ โดยสงั เขป ศำสนำอิสลำม : หลกั ศรัทธำ หลกั ปฏิบัติ หลกั จริยธรรม คริสต์ศำสนำ : บัญญตั ิ ๑๐ ประกำร 9 ส ๑.๑ ป.๖/๙ อธิบำยลักษณะสำคญั ของ ศำสนพธิ ีของศำสนำตำ่ ง ๆ ศำสนพธิ ี พิธีกรรมของศำสนำอ่ืน ๆ o ศำสนำอสิ ลำม เชน่ และปฏิบัติตนได้อยำ่ งเหมำะสม กำรละหมำด กำรถือศีลอด เม่ือต้องเข้ำร่วมพิธี กำรบำเพ็ญฮัจญ์ ฯลฯ o คริสต์ศำสนำ เชน่ ศีลลำ้ งบำป ศลี อภยั บำป ศีลกำลงั ศีลมหำสนทิ ฯลฯ o ศำสนำฮินดู เช่น พิธีศรำทธ์ พิธบี ชู ำเทวดำ 10 ส ๑.๒ ป.๖/๑ อธิบำยควำมรูเ้ กี่ยวกบั สถำนที่ ควำมร้เู บอ้ื งตน้ เกี่ยวกบั สถำนที่ ตำ่ ง ๆ ในศำสนสถำน และ ต่ำง ๆ ภำยในวดั เชน่ ปฏบิ ัตติ นได้อย่ำงเหมำะสม เขตพุทธำวำส สังฆำวำส กำรปฏบิ ัตติ นที่เหมำะสม ภำยในวัด 11 ส ๑.๒ ป.๖/๒ มีมรรยำทของควำมเปน็ มรรยำทของศำสนิกชน ศำสนิกชนทด่ี ีตำมท่กี ำหนด กำรถวำยของแก่พระภิกษุ กำรปฏิบตั ิตนในขณะฟงั ธรรม กำรปฏบิ ัตติ นตำมแนวทำงของ พทุ ธศำสนิกชน เพอ่ื ประโยชนต์ อ่ ศำสนำ สำหรับกำรจดั กำรเรียนรู้ ปีกำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)
๑๗ ชน้ั ท่ี รหัสตัวชี้วดั ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.6 12 ส ๑.๒ ป.๖/๓ อธบิ ำยประโยชน์ของกำรเข้ำร่วม พธิ ที อดผ้ำป่ำ ในศำสนพธิ ี พธิ ีกรรม และกจิ กรรม พิธที อดกฐิน ในวันสำคัญทำงศำสนำ ระเบียบพธิ ีในกำรทำบุญ ตำมท่ีกำหนด และปฏิบตั ิตน งำนอวมงคล ไดถ้ ูกต้อง กำรปฏิบตั ติ นท่ีถูกต้อง ในศำสนพธิ ี พิธกี รรม และ วันสำคัญทำงศำสนำ เช่น วนั มำฆบชู ำ วนั วสิ ำขบชู ำ วันอัฐมบี ชู ำ วนั อำสำฬหบูชำ วันธรรมสวนะ ประโยชนข์ องกำรเข้ำร่วม ในศำสนพิธี พิธีกรรม และ วนั สำคญั ทำงศำสนำ 13 ส ๑.๒ ป.๖/๔ แสดงตนเปน็ พุทธมำมกะ กำรแสดงตนเป็นพทุ ธมำมกะ หรือแสดงตนเป็นศำสนิกชน ขน้ั เตรยี มกำร ของศำสนำท่ีตนนบั ถือ ขั้นพธิ ีกำร 14 ส ๒.๑ ป.๖/๑ ปฏิบตั ิตำมกฎหมำยทเ่ี กี่ยวข้อง กฎหมำยทเี่ กีย่ วข้องกบั กบั ชวี ิตประจำวันของครอบครัว ชวี ติ ประจำวนั ของครอบครวั และชุมชน และชมุ ชน เชน่ o กฎหมำยจรำจร กฎหมำย ยำเสพติดใหโ้ ทษ กฎหมำย ทะเบียนรำษฎร o เทศบัญญตั ิ ข้อบัญญัติ อบต. อบจ. ประโยชนข์ องกำรปฏิบัติตน หรือเคำรพกฎหมำยดังกล่ำว 15 ส ๒.๑ ป.๖/๒ วิเครำะห์กำรเปลี่ยนแปลง ควำมหมำยและประเภท วัฒนธรรมตำมกำลเวลำและ ของวัฒนธรรม ธำรงรักษำวัฒนธรรมอันดีงำม กำรเปล่ียนแปลงวฒั นธรรม ตำมกำลเวลำ ท่มี ผี ลต่อตนเอง และสงั คมไทย แนวทำงกำรธำรงรักษำ วฒั นธรรมไทย สำหรับกำรจัดกำรเรยี นรู้ ปีกำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)
๑๘ ชน้ั ที่ รหัสตัวชี้วดั ตัวช้ีวดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.6 16 ส ๒.๑ ป.๖/๓ แสดงออกถึงมำรยำทไทย ควำมหมำยและสำคัญของกิริยำ ได้เหมำะสมถูกกำลเทศะ มำรยำทไทย มำรยำทไทยและมำรยำทสงั คม เช่น กำรแสดงควำมเคำรพ กำรยืน กำรเดนิ กำรนั่ง กำรนอน กำรรบั ของส่งของ กำรรบั ประทำนอำหำร กำรแสดง กริ ยิ ำอำกำร กำรทักทำย กำรสนทนำ กำรใช้คำพูด 17 ส ๒.๑ ป.๖/๔ อธิบำยคณุ คำ่ ทำงวัฒนธรรม ประโยชนแ์ ละคุณค่ำ ที่แตกต่ำงกันระหว่ำงกลมุ่ คน ในสงั คมไทย ทำงวัฒนธรรม 18 ส ๒.๑ ป.๖/๕ ตดิ ตำมข้อมูลข่ำวสำรเหตุกำรณ์ ควำมแตกต่ำงทำงวฒั นธรรม ตำ่ ง ๆ ในชีวิตประจำวนั เลอื กรบั และใช้ข้อมลู ข่ำวสำร ระหว่ำงกลุ่มคนภำคตำ่ ง ๆ ในกำรเรยี นรู้ได้เหมำะสม ในสังคมไทย 19 ส ๒.๒ ป.๖/๑ เปรียบเทียบบทบำท หน้ำท่ี ขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน แนวทำงกำรรักษำวัฒนธรรม และรัฐบำล แหล่งข้อมูล ขำ่ วสำร เหตุกำรณ์ ตำ่ ง ๆ เช่น จำกวิทยุ โทรทัศน์ หนงั สือพิมพ์ แหล่งข่ำวตำ่ ง ๆ จำกหอจดหมำยเหตุ สถำนกำรณ์จริง หรอื จดหมำยเหตุ ประโยชน์จำกกำรติดตำมข้อมูล ขำ่ วสำร เหตกุ ำรณต์ ำ่ ง ๆ หลกั กำรเลือกรับและใชข้ ้อมลู ข่ำวสำรจำกสื่อต่ำง ๆ รวมทั้ง สอื่ ท่ีไร้พรมแดน กฎหมำยทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั ชวี ติ ประจำวนั ของครอบครัว และชุมชน เชน่ o กฎหมำยจรำจร o กฎหมำยยำเสพติดใหโ้ ทษ o กฎหมำยทะเบียนรำษฎร o เทศบญั ญัติ ขอ้ บัญญัติ อบต. อบจ. ประโยชน์ของกำรปฏบิ ตั ิตน หรือเคำรพกฎหมำยดังกล่ำว 20 ส ๒.๒ ป.๖/๒ มสี ่วนรว่ มในกิจกรรมต่ำง ๆ กจิ กรรมต่ำง ๆ เพ่ือสง่ เสริม ท่สี ่งเสริมประชำธปิ ไตย ในท้องถ่ินและประเทศ ประชำธปิ ไตย ในท้องถ่นิ และประเทศ สำหรับกำรจัดกำรเรียนรู้ ปีกำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)
๑๙ ชั้น ที่ รหัสตัวช้ีวดั ตวั ช้ีวดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.6 21 ส ๒.๒ ป.๖/๓ อภปิ รำยบทบำท ควำมสำคญั กำรมสี ว่ นในกำรออกกฎหมำย ในกำรใช้สิทธิออกเสยี งเลือกตั้ง ระเบียบ กติกำ กำรเลือกต้ัง ตำมระบอบประชำธิปไตย สอดส่องดูแลผ้มู ีพฤตกิ รรม กำรกระทำผิดเก่ียวกับกฎหมำย กำรเลือกตัง้ และแจง้ ต่อเจ้ำหน้ำที่ ผรู้ บั ผิดชอบ ตรวจสอบคุณสมบัตผิ ้ใู ช้สิทธิ เลือกต้ัง กำรใชส้ ทิ ธิออกเสียงเลือกตงั้ ตำมระบอบประชำธปิ ไตย บทบำทของผผู้ ลิตที่มีคุณภำพ 22 ส ๓.๑ ป.๖/๑ อธบิ ำยบทบำทของผผู้ ลิต เชน่ คำนึงถึงส่งิ แวดล้อม ท่ีมคี วำมรบั ผดิ ชอบ มีจรรยำบรรณ ควำมรับผิดชอบ ตอ่ สงั คม วำงแผนกอ่ นเร่มิ ลงมือทำ 23 ส ๓.๑ ป.๖/๒ อธบิ ำยบทบำทของผบู้ รโิ ภค กิจกรรมต่ำง ๆ เพื่อลดควำม ทร่ี เู้ ท่ำทัน ผิดพลำด และกำรสญู เสีย ฯลฯ 24 ส ๓.๑ ป.๖/๓ บอกวิธแี ละประโยชน์ของกำร พฤตกิ รรมของผู้บริโภค ใชท้ รัพยำกรอยำ่ งยง่ั ยืน คุณคำ่ และประโยชนข์ องผู้บริโภค 25 ส ๓.๒ ป.๖/๑ อธิบำยควำมสมั พนั ธ์ระหว่ำง ผูผ้ ลิต ผบู้ ริโภค ธนำคำร และ ท่ีรเู้ ทำ่ ทนั ที่มีต่อตนเอง ครอบครวั รัฐบำล และสังคม 26 ส ๓.๒ ป.๖/๒ ยกตัวอย่ำงกำรรวมกลมุ่ ทำงเศรษฐกิจภำยในท้องถิ่น ควำมหมำย และควำมจำเป็น ของทรัพยำกร หลักกำรและวิธีใชท้ รัพยำกร ให้เกิดประโยชน์สงู สุด (ลดกำรสูญเสียทุกประเภท) วธิ กี ำรสรำ้ งจติ สำนกึ ให้คนในชำติ รู้คุณค่ำของทรัพยำกรทมี่ ีอยูจ่ ำกัด ควำมสัมพนั ธ์ระหว่ำงผูผ้ ลิต ผบู้ รโิ ภค ธนำคำร และรฐั บำล ทม่ี ตี ่อระบบเศรษฐกิจอย่ำงสังเขป เชน่ กำรแลกเปล่ยี นสนิ คำ้ และ บรกิ ำร รำยได้และรำยจ่ำย กำรออมกับธนำคำร กำรลงทุน ภำษีและหนว่ ยงำนท่ีจดั เก็บภำษี สิทธขิ องผใู้ ชแ้ รงงำนในประเทศไทย กำรรวมกลุ่มเชงิ เศรษฐกจิ เพ่ือประสำนประโยชน์ในท้องถ่นิ เช่น กลุ่มออมทรัพย์ กลุม่ แมบ่ ้ำน กองทนุ หมูบ่ ้ำน สำหรับกำรจัดกำรเรยี นรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)
๒๐ ช้นั ท่ี รหัสตัวช้ีวดั ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.6 27 ส ๔.๑ ป.๖/๑ อธิบำยควำมสำคัญของวิธกี ำร ควำมหมำยและควำมสำคญั ทำงประวตั ิศำสตร์ ในกำรศึกษำ ของวธิ กี ำรทำงประวตั ิศำสตร์ เร่ืองรำวทำงประวตั ิศำสตร์ อย่ำงง่ำย ๆ ที่เหมำะสม อยำ่ งง่ำย ๆ กับนักเรยี น กำรนำวิธกี ำรทำงประวัติศำสตร์ ไปใชศ้ ึกษำเรื่องรำวในท้องถิน่ 28 ส ๔.๑ ป.๖/๒ นำเสนอข้อมลู จำกหลักฐำน กำรนำเสนอข้อมลู ท่ีได้จำก ทหี่ ลำกหลำยในกำรทำควำมเข้ำใจ หลกั ฐำนทำงประวัติศำสตร์ เรอื่ งรำวสำคัญในอดตี ด้วยวธิ ีกำรต่ำง ๆ เช่น กำรเลำ่ เรอื่ ง กำรจดั นิทรรศกำร กำรเขียนรำยงำน 29 ส ๔.๒ ป.๖/๑ อธบิ ำยสภำพสงั คม เศรษฐกิจและ พัฒนำกำรทำงประวตั ศิ ำสตร์ กำรเมืองของประเทศเพ่ือนบ้ำน ของประเทศเพ่ือนบ้ำน โดยสังเขป ในปจั จบุ นั เพื่อให้เข้ำใจสภำพปัจจบุ นั ของประเทศเหล่ำนน้ั สภำพสังคม เศรษฐกิจ และ กำรเมืองของประเทศเพื่อนบำ้ น ของไทยในปจั จบุ ัน โดยสังเขป 30 ส ๔.๒ ป.๖/๒ บอกควำมสัมพนั ธข์ องกลมุ่ อำเซียน ควำมเป็นมำของกล่มุ อำเซียน โดยสังเขป โดยสังเขป ควำมสมั พันธ์ของกลุม่ อำเซียน ทำงเศรษฐกิจ และสังคม ในปัจจบุ ันโดยสังเขป 31 ส ๔.๓ ป.๖/๑ อธบิ ำยพัฒนำกำรของไทยสมัย กำรสถำปนำอำณำจักร รตั นโกสินทรโ์ ดยสงั เขป รัตนโกสินทรโ์ ดยสังเขป พัฒนำกำรด้ำนต่ำง ๆ ของไทย 32 ส ๔.๓ ป.๖/๓ ยกตวั อย่ำงผลงำนของ สมยั รัตนโกสนิ ทร์ โดยสังเขป ตำมชว่ งเวลำต่ำง ๆ เช่น บคุ คลสำคัญดำ้ นต่ำง ๆ สมัยรตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ สมัยรัตนโกสินทร์ สมยั ปฏริ ูปประเทศ และสมัยประชำธิปไตย 33 ส ๔.๓ ป.๖/๔ อธบิ ำยภมู ิปัญญำไทย ผลงำนของบุคคลสำคัญ ที่สำคัญสมยั รัตนโกสินทร์ ทน่ี ่ำภำคภมู ิใจ และควรค่ำ ทำงด้ำนตำ่ ง ๆ ในสมัย แก่กำรอนรุ กั ษ์ไว้ รตั นโกสินทร์ เช่น o พระบำทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟำ้ จฬุ ำโลกมหำรำช o สมเด็จพระบวรรำชเจ้ำ มหำสรุ สงิ หนำท o พระบำทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้ำ เจำ้ อยู่หวั ภูมิปัญญำไทยสมยั รัตนโกสนิ ทร์ เชน่ ศิลปกรรม วรรณกรรม สำหรับกำรจดั กำรเรยี นรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)
๒๑ ช้นั ที่ รหสั ตัวช้ีวดั ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.6 34 ส ๔.๓ ป.๖/๒ อธบิ ำยปัจจัยทีส่ ่งเสรมิ ปจั จยั ที่ส่งเสรมิ ควำมจรญิ รุ่งเรือง ควำมเจริญร่งุ เรอื งทำงเศรษฐกิจ ทำงเศรษฐกิจและกำรปกครอง และกำรปกครองของไทย ของไทย ในสมัยรตั นโกสินทร์ สมัยรัตนโกสินทร์ 35 ส 5.1 ป.6/1 สบื ค้นและอธิบำยข้อมูลลักษณะ เครอ่ื งมอื ทำงภมู ศิ ำสตร์ (แผนท่ี ทำงกำยภำพของประเทศไทย รปู ถำ่ ยทำงอำกำศ ภำพจำก ด้วยแผนท่ี รปู ถำ่ ยทำงอำกำศ ดำวเทยี ม) ท่แี สดงลักษณะ และภำพจำกดำวเทียม ทำงกำยภำพของประเทศไทย 36 ส 5.1 ป.6/2 อธบิ ำยควำมสัมพนั ธร์ ะหว่ำง ควำมสัมพนั ธ์ระหว่ำงลักษณะ ลกั ษณะ ทำงกำยภำพกับภยั พิบตั ิ ทำงกำยภำพกับภยั พบิ ัตขิ อง ในประเทศไทย เพ่ือเตรยี มพร้อม ประเทศไทย เช่น อุทกภัย รบั มอื ภัยพิบตั ิ แผ่นดินไหววำตภัย สึนำมิ ภยั แล้ง ดนิ ถลม่ และโคลนถล่ม กำรเตรียมพรอ้ มรับมอื ภัยพบิ ัติ 37 ส 5.2 ป.6/1 วิเครำะหป์ ฏิสัมพนั ธร์ ะหวำ่ ง สิง่ แวดลอ้ มทำงกำยภำพกบั ส่งิ แวดลอ้ มทำงกำยภำพกับ ลกั ษณะกิจกรรมทำงเศรษฐกิจ ลักษณะกจิ กรรมทำงเศรษฐกิจ และสงั คม (ประชำกร เศรษฐกิจ และสงั คมในประเทศไทย สงั คม และวฒั นธรรม) ในประเทศไทย ปฏิสัมพันธร์ ะหวำ่ งมนุษย์กับ สิ่งแวดลอ้ ม 38 ส 5.2 ป.6/2 วเิ ครำะหก์ ำรเปลยี่ นแปลง กำรเปล่ียนแปลงทำงกำยภำพ ทำงกำยภำพของประเทศไทย ของประเทศไทย ในอดีตกับปจั จุบนั และผลท่ี ผลจำกกำรเปลยี่ นแปลง เกิดขึ้นจำกกำรเปลีย่ นแปลง ทำงกำยภำพ ทม่ี ีต่อกิจกรรม ทำงเศรษฐกจิ และสังคม (ประชำกร เศรษฐกจิ สงั คม และวัฒนธรรม) ของประเทศไทย ในอดีตกบั ปจั จุบัน 39 ส 5.2 ป.6/3 นำเสนอตัวอยำ่ งท่ีสะท้อนใหเ้ ห็น ผลจำกกำรรกั ษำและทำลำย ผลจำกกำรรักษำและทำลำย ทรพั ยำกร และส่ิงแวดล้อม ทรัพยำกร และส่งิ แวดลอ้ ม ในประเทศไทย และเสนอแนวทำง ในกำรจัดกำร แนวทำงในกำรจัดกำรทรัพยำกร ท่ยี ัง่ ยืนในประเทศไทย และสงิ่ แวดลอ้ มท่ีย่ังยืน โดยมจี ติ สำนกึ รคู้ ณุ คำ่ รวม 39 ตัวชี้วัด 24 15 สำหรับกำรจดั กำรเรียนรู้ ปีกำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)
ตัวช้วี ัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางตอ้ งรู้และควรรู้ กลุ่มสาระการเรียนรูส้ ขุ ศึกษาและพลศึกษา ๒๒ ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ช้นั ท่ี รหสั ตวั ชี้วดั ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.6 1 พ 1.1 ป.6/1 อธบิ ำยควำมสำคัญของระบบสืบพันธุ์ ควำมสำคัญของระบบสืบพนั ธ์ุ ระบบไหลเวียนโลหติ และระบบหำยใจ ระบบไหลเวียนโลหิต และระบบหำยใจ ท่มี ผี ลตอ่ สขุ ภำพ กำรเจริญเติบโต ทีม่ ีผลต่อสขุ ภำพ กำรเจรญิ เติบโต และพฒั นำกำร และพัฒนำกำร 2 พ 1.1 ป.6/2 อธบิ ำยวิธกี ำรดูแลรกั ษำระบบสบื พนั ธุ์ วธิ ดี แู ลรักษำระบบสบื พนั ธุ์ ระบบไหลเวยี นโลหติ และระบบหำยใจ ระบบไหลเวียนโลหิต และระบบหำยใจ ให้ทำงำนตำมปกติ ให้ทำงำนตำมปกติ 3 พ 2.1 ป.6/1 อธบิ ำยควำมสำคัญของกำรสรำ้ ง ควำมสำคัญของกำรสรำ้ งและรักษำ และรกั ษำสมั พันธภำพกบั ผ้อู ื่น สัมพันธภำพกบั ผู้อนื่ ปจั จยั ท่ีช่วยให้กำรทำงำนกลุ่ม ประสบควำมสำเรจ็ - ควำมสำมำรถส่วนบคุ คล - บทบำทหนำ้ ทีข่ องสมำชิกในกลมุ่ - กำรยอมรับควำมคิดเห็นและ ควำมแตกตำ่ งระหว่ำงบุคคล - ควำมรบั ผดิ ชอบ 4 พ 2.1 ป.6/2 วเิ ครำะห์พฤติกรรมเส่ยี งที่อำจนำไปสู่ พฤติกรรมเส่ยี งท่นี ำไปสู่กำรมีเพศสมั พันธ์ กำรมเี พศสมั พันธ์ กำรติดเชื้อเอดส์ กำรติดเช้อื เอดส์ และกำรตงั้ ครรภ์ และกำรตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร กอ่ นวัยอันควร 5 พ 3.1 ป.6/1 แสดงทักษะกำรเคลื่อนไหวรว่ มกับ กำรเคล่ือนไหวรว่ มกบั ผอู้ ื่นแบบผลดั ผู้อนื่ ในลักษณะแบบผลัด และแบบ ในลกั ษณะผสมผสำน ในกำรร่วม ผสมผสำนไดต้ ำมลำดับทั้งแบบ กิจกรรมทำงกำย เช่น กจิ กรรมแบบ อยู่กับที่ เคลอ่ื นที่ และใช้อปุ กรณ์ ผลดั กำยบริหำรประกอบเพลง ประกอบและกำรเคลื่อนไหว ยดื หยุ่นข้ันพ้ืนฐำนท่ีใชท้ ่ำตอ่ เน่อื ง ประกอบเพลง และกำรต่อตัวทำ่ ง่ำย ๆ 6 พ 3.1 ป.6/2 จำแนกหลกั กำรเคลอ่ื นไหว กำรเคลื่อนไหวในเรื่องกำรรบั แรง ในเร่อื งกำรรบั แรง กำรใชแ้ รง กำรใช้แรง และควำมสมดลุ และควำมสมดุลในกำรเคล่ือนไหว กับกำรพฒั นำทักษะกำรเคล่ือนไหว ร่ำงกำยในกำรเล่นเกม เลน่ กีฬำ ในกำรเล่นเกมและกีฬำ และนำผลมำปรับปรุง เพ่ิมพูนวิธี ปฏบิ ัตขิ องตนและผูอ้ ่ืน 7 พ 3.1 ป.6/3 เลน่ กฬี ำไทย กฬี ำสำกลประเภทบคุ คล กำรเล่นกีฬำไทย กีฬำสำกล ประเภท และประเภททีมอยำ่ งละ ๑ ชนดิ บคุ คลและประเภททีม เชน่ กรฑี ำ ประเภทลแู่ ละลำน เปตอง ว่ำยนำ้ เทเบลิ เทนนิส วอลเลยบ์ อล ฟุตบอล ตะกร้อวง สำหรับกำรจัดกำรเรยี นรู้ ปีกำรศึกษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)
๒๓ ชั้น ท่ี รหสั ตัวช้ีวดั ตัวช้วี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.6 8 พ 3.1 ป.6/4 ใชท้ กั ษะกลไกเพือ่ ปรับปรุงเพ่ิมพนู กำรใช้ขอ้ มูลดำ้ นทักษะกลไกเพื่อปรับปรงุ ควำมสำมำรถของตนและผู้อื่น และเพ่ิมพนู ควำมสำมำรถในกำร ในกำรเล่นกีฬำ ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมทำงกำยและเล่นกีฬำ 9 พ 3.1 ป.6/5 ร่วมกิจกรรมนันทนำกำร อย่ำงนอ้ ย กำรนำควำมรู้และหลกั กำรของ ๑ กิจกรรม แลว้ นำควำมรแู้ ละ กิจกรรมนนั ทนำกำรไปใช้เปน็ ฐำน หลักกำรท่ีได้ไปใชเ้ ป็นฐำนกำรศึกษำ กำรศึกษำหำควำมรู้ หำควำมร้เู รอ่ื งอ่นื ๆ 10 พ 3.2 ป.6/1 อธบิ ำยประโยชน์และหลกั กำร ประโยชน์และหลักกำรออกกำลังกำย ออกกำลังกำยเพอ่ื สุขภำพ เพ่ือสุขภำพ สมรรถภำพทำงกำยและ สมรรถภำพทำงกำยและ กำรสรำ้ งเสรมิ บคุ ลิกภำพ กำรสรำ้ งเสริมบุคลิกภำพ 11 พ 3.2 ป.6/2 เลน่ เกมทใี่ ช้ทักษะกำรวำงแผน กำรเลน่ เกมทใ่ี ช้ทักษะกำรวำงแผน และสำมำรถเพ่มิ พูนทักษะ กำรออกกำลังกำยและเคลอ่ื นไหว กำรเพ่ิมพนู ทักษะกำรออกกำลังกำย อย่ำงเปน็ ระบบ และกำรเคลือ่ นไหวอยำ่ งเป็นระบบ 12 พ 3.2 ป.6/3 เล่นกีฬำทตี่ นเองชน่ื ชอบและ กำรเลน่ กีฬำประเภทบุคคลและ สำมำรถประเมนิ ทักษะกำรเล่น ประเภททีมท่ชี น่ื ชอบ ของตนเป็นประจำ กำรประเมินทักษะกำรเล่นกีฬำของตน 13 พ 3.2 ป.6/4 ปฏิบัตติ ำมกฎ กติกำตำมชนิดกีฬำ กฎ กติกำในกำรเล่นกีฬำไทย กีฬำสำกล ทเ่ี ลน่ โดยคำนึงถึงควำมปลอดภยั ตำมชนิดกีฬำท่ีเลน่ ของตนเองและผอู้ ่นื 14 พ 3.2 ป.6/5 จำแนกกลวธิ ีกำรรกุ กำรปอ้ งกนั กลวธิ ีกำรรุก กำรป้องกันในกำรเลน่ กีฬำ และนำไปใชใ้ นกำรเลน่ กฬี ำ 15 พ 3.2 ป.6/6 เล่นเกมและกฬี ำด้วยควำมสำมัคคี กำรสร้ำงควำมสำมัคคีและควำมมนี ้ำใจ และมีนำ้ ใจนักกีฬำ นักกฬี ำในกำรเล่นเกมและกีฬำ 16 พ 4.1 ป.6/1 แสดงพฤติกรรมในกำรป้องกันและ ควำมสำคัญของสิ่งแวดล้อมท่ีมผี ล แก้ไขปัญหำส่ิงแวดล้อมที่มผี ล ตอ่ สุขภำพ ต่อสุขภำพ ปัญหำของสง่ิ แวดลอ้ มท่มี ีผล ตอ่ สุขภำพ กำรปอ้ งกันและแก้ไขปัญหำ ส่ิงแวดล้อมท่มี ผี ลต่อสขุ ภำพ 17 พ 4.1 ป.6/2 วเิ ครำะห์ผลกระทบที่เกิดจำก โรคตดิ ตอ่ สำคัญที่ระบำดในปัจจุบนั กำรระบำดของโรคและเสนอ ผลกระทบทเี่ กิดจำกกำรระบำดของโรค แนวทำงกำรป้องกันโรคติดตอ่ กำรปอ้ งกันกำรระบำดของโรค สำคัญท่ีพบในประเทศไทย สำหรบั กำรจัดกำรเรียนรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)
๒๔ ชั้น ที่ รหสั ตวั ช้ีวดั ตัวชว้ี ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.6 18 พ 4.1 ป.6/3 แสดงพฤตกิ รรมทบี่ ่งบอกถึง พฤติกรรมท่แี สดงออกถึงควำมรับผดิ ชอบ ควำมรับผดิ ชอบต่อสขุ ภำพ ต่อสขุ ภำพของสว่ นรวม ของส่วนรวม 19 พ 4.1 ป.6/4 สร้ำงเสริมและปรบั ปรุงสมรรถภำพ วธิ ีทดสอบสมรรถภำพทำงกำย ทำงกำยเพื่อสุขภำพอยำ่ งต่อเนือ่ ง กำรสรำ้ งเสรมิ และปรบั ปรงุ สมรรถภำพ ทำงกำยตำมผลกำรทดสอบสมรรถภำพ ทำงกำย 20 พ 5.1 ป.6/1 วิเครำะห์ผลกระทบจำกควำมรุนแรง ภัยธรรมชำติ ของภยั ธรรมชำตทิ ีม่ ีตอ่ รำ่ งกำย - ลักษณะของภยั ธรรมชำติ จติ ใจ และสงั คม - ผลกระทบจำกควำมรนุ แรงของ ภยั ธรรมชำตทิ ี่มีตอ่ รำ่ งกำย จิตใจ และสงั คม 21 พ 5.1 ป.6/2 ระบุวิธปี ฏิบัติตน เพื่อควำมปลอดภยั กำรปฏบิ ตั ิตนเพ่ือควำมปลอดภัย จำกธรรมชำติ จำกภัยธรรมชำติ 22 พ 5.1 ป.6/3 วิเครำะห์สำเหตขุ องกำรตดิ สำรเสพติด สำเหตขุ องกำรตดิ สำรเสพตดิ และชกั ชวนใหผ้ ู้อื่นหลีกเลยี่ ง ทกั ษะกำรส่ือสำรให้ผอู้ ื่นหลกี เลย่ี ง สำรเสพตดิ สำรเสพตดิ รวม 22 ตวั ชี้วัด 6 16 สำหรับกำรจัดกำรเรียนรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)
ตวั ชี้วดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลางตอ้ งรู้และควรรู้ กลุ่มสาระการเรยี นร้ศู ิลปะ ๒๕ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ชัน้ ที่ รหสั ตวั ชี้วดั ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.๖ 1 ศ ๑.๑ ป.๖/๑ ระบสุ ีคูต่ รงข้ำม และอภิปรำยเกีย่ วกับ กำรใชส้ ีคู่ตรงขำ้ มในกำรถำ่ ยทอด กำรสร้ำงสรรค์งำนทัศนศลิ ป์โดยใช้ 2 ศ ๑.๑ ป.๖/๒ ควำมคิดและอำรมณ์ 3 ศ ๑.๑ ป.๖/๖ อธิบำยหลักกำรจัดขนำดสัดส่วน วงสธี รรมชำติ สคี ู่ตรงข้ำม หลักกำรจัดขนำด ควำมสมดลุ ในกำรสร้ำงงำนทัศนศลิ ป์ สัดส่วน และควำมสมดลุ 4 ศ ๑.๑ ป.๖/๓ สรำ้ งสรรค์งำนทศั นศลิ ป์โดยใช้ สคี ตู่ รงขำ้ มหลักกำรจดั ขนำดสัดส่วน 5 ศ ๑.๑ ป.๖/๔ และควำมสมดลุ 6 ศ ๑.๑ ป.๖/๕ สร้ำงงำนทศั นศิลป์จำกรปู แบบ ๒ มิติ 7 ศ ๑.๑ ป.๖/๗ เป็น๓ มิติ โดยใช้หลักกำรของแสงเงำ งำนทศั นศลิ ป์รูปแบบ ๒ มิติ และ ๓ มิติ และนำ้ หนัก 8 ศ ๑.๒ ป.๖/๑ สร้ำงสรรคง์ ำนปนั้ โดยใช้หลักกำรเพ่ิม กำรใชห้ ลกั กำรเพิ่มและลดในกำร 9 ศ ๑.๒ ป.๖/๒ และลด สรำ้ งสรรคง์ ำนป้ัน สร้ำงสรรคง์ ำนทศั นศลิ ป์โดยใช้ 10 ศ ๑.๒ ป.๖/๓ หลักกำรของรปู และพ้นื ทวี่ ำ่ ง รูปและพ้ืนท่วี ำ่ งในงำนทัศนศิลป์ สร้ำงงำนทศั นศลิ ป์เป็นแผนภำพ 11 ศ 2.1 ป.6/1 แผนผัง และภำพประกอบ กำรสรำ้ งงำนทัศนศิลปเ์ ป็นแผนภำพ 12 ศ 2.1 ป.6/2 เพ่อื ถ่ำยทอดควำมคิดหรอื เรื่องรำว แผนผัง และภำพประกอบ เกีย่ วกบั เหตุกำรณต์ ำ่ ง ๆ 13 ศ 2.1 ป.6/3 บรรยำยบทบำทของงำนทศั นศิลป์ บทบำทของงำนทัศนศิลป์ในชีวติ และ ทีส่ ะท้อนชีวิตและสังคม สังคม 14 ศ 2.1 ป.6/4 อภปิ รำยเกี่ยวกบั อทิ ธพิ ลของควำมเช่ือ ควำมศรทั ธำในศำสนำทีม่ ผี ลต่องำน อทิ ธิพลของศำสนำและวฒั นธรรม ทศั นศิลป์ในทอ้ งถิ่น ทมี่ ตี อ่ กำรสร้ำงงำนทศั นศิลป์ในทอ้ งถ่ิน ระบแุ ละบรรยำยอทิ ธิพลทำงวัฒนธรรม ในท้องถิ่นที่มีผลต่อกำรสร้ำงงำน ทศั นศิลป์ของบุคคล บรรยำยเพลงท่ีฟัง โดยอำศัย องคป์ ระกอบดนตรแี ละศัพท์สังคตี องคป์ ระกอบดนตรี และศัพท์สังคตี จำแนกประเภท และบทบำทหนำ้ ท่ี เครือ่ งดนตรีไทยแต่ละภำค เครอ่ื งดนตรีไทยและเคร่ืองดนตรี ทมี่ ำจำกวัฒนธรรมตำ่ ง ๆ บทบำทและหนำ้ ท่ีของเครอ่ื งดนตรี อ่ำน เขียนโน้ตไทย และโนต้ สำกล ประเภทของเคร่ืองดนตรีสำกล ทำนองง่ำย ๆ เครื่องหมำยและสญั ลักษณ์ทำงดนตรี ใชเ้ คร่อื งดนตรบี รรเลงประกอบ กำร โน้ตบทเพลงไทย อัตรำจังหวะสองชนั้ รอ้ งเพลง ด้นสด ท่ีมีจงั หวะ โนต้ บทเพลงสำกลในบันไดเสยี ง C Major และทำนองง่ำย ๆ กำรรอ้ งเพลงประกอบดนตรี กำรสรำ้ งสรรคร์ ูปแบบจังหวะและทำนอง ดว้ ยเครอ่ื งดนตรี สำหรับกำรจดั กำรเรียนรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)
๒๖ ชั้น ที่ รหสั ตัวช้ีวดั ตัวชวี้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.6 15 ศ 2.1 ป.6/5 บรรยำยควำมรู้สึกที่มีต่อดนตรี กำรบรรยำยควำมรู้สึกและแสดง 16 ศ 2.1 ป.6/6 แสดงควำมคดิ เห็นเก่ียวกบั ทำนอง ควำมคิดเหน็ ที่มีต่อบทเพลง - เน้ือหำในบทเพลง จังหวะ กำรประสำนเสยี ง และ - องค์ประกอบในบทเพลง คณุ ภำพเสียงของเพลงทีฟ่ ัง - คณุ ภำพเสยี งในบทเพลง 17 ศ 2.2 ป.6/1 อธิบำยเรอื่ งรำวของดนตรไี ทย ดนตรไี ทยในประวัติศำสตร์ - ดนตรีในเหตุกำรณส์ ำคัญ ในประวัตศิ ำสตร์ 18 ศ 2.2 ป.6/2 จำแนกดนตรีท่ีมำจำกยุคสมยั ทต่ี ่ำงกนั ทำงประวตั ิศำสตร์ - ดนตรีในยุคสมยั ตำ่ ง ๆ 19 ศ 2.2 ป.6/3 อภิปรำยอทิ ธิพลของวัฒนธรรม ต่อดนตรใี นทอ้ งถิน่ 20 ศ 3.1 ป.6/1 สรำ้ งสรรค์กำรเคล่ือนไหวและกำรแสดง กำรประดิษฐ์ทำ่ ทำงประกอบเพลงปลุกใจ โดยเนน้ กำรถำ่ ยทอดลลี ำ หรอื อำรมณ์ หรอื เพลงพื้นเมืองหรอื ท้องถ่ิน เน้นลีลำ หรืออำรมณ์ 21 ศ 3.1 ป.6/2 ออกแบบเคร่อื งแต่งกำย หรอื อุปกรณ์ กำรออกแบบสร้ำงสรรค์ - เคร่ืองแต่งกำย ประกอบกำรแสดงอยำ่ งงำ่ ย ๆ - อปุ กรณ์ ฉำกประกอบกำรแสดง 22 ศ 3.1 ป.6/3 แสดงนำฏศลิ ป์และละครงำ่ ย ๆ กำรแสดงนำฏศลิ ปแ์ ละกำรแสดงละคร - รำวงมำตรฐำน - ระบำ - ฟอ้ น - ละครสรำ้ งสรรค์ 23 ศ 3.1 ป.6/4 บรรยำยควำมรูส้ กึ ของตนเอง บทบำทและหน้ำที่ในงำนนำฏศลิ ป์ ทม่ี ตี อ่ งำนนำฏศิลปแ์ ละกำรละคร และกำรละคร อยำ่ งสรำ้ งสรรค์ หลกั กำรชมกำรแสดง 24 ศ 3.1 ป.6/5 แสดงควำมคดิ เห็นในกำรชมกำรแสดง - กำรวิเครำะห์ - ควำมร้สู ึกชืน่ ชม 25 ศ 3.1 ป.6/6 อธบิ ำยควำมสัมพันธ์ระหวำ่ งนำฏศลิ ป์ องค์ประกอบทำงนำฏศิลปแ์ ละกำรละคร และกำรละครกับสงิ่ ท่ปี ระสบ ในชีวิตประจำวนั 26 ศ 3.2 ป.6/1 อธิบำยส่ิงทม่ี ีควำมสำคญั ต่อกำรแสดง ควำมหมำย ควำมเป็นมำ ควำมสำคญั นำฏศลิ ป์และละคร ของนำฏศิลป์ โขน ละคร และบุคคลสำคัญ ทำงนำฏศิลป์และกำรละคร 27 ศ 3.2 ป.6/2 ระบุประโยชนท์ ่ไี ด้รบั จำกกำรแสดง กำรแสดงนำฏศิลปแ์ ละละคร ในวนั สำคญั หรอื กำรชมกำรแสดงนำฏศลิ ป์ ของโรงเรียน และละคร รวม ๒๗ ตัวชี้วดั ๑7 ๑0 สำหรบั กำรจดั กำรเรยี นรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)
ตวั ชี้วดั และสาระการเรียนรูแ้ กนกลางตอ้ งรู้และควรรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ ๒๗ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ การดารงชวี ิต ประกอบด้วย งานบ้าน งานเกษตร งานชา่ ง งานประดษิ ฐ์ งานธุรกจิ และงานอ่นื ๆ แต่ไมไ่ ด้กาหนดให้ จดั การเรียนรคู้ รบทั้ง ๕ งาน เป็นการเปิดโอกาสใหเ้ ลอื กตามความเหมาะสม ในทน่ี เี้ ป็นเพียงตัวอยา่ งของงาน เท่าน้นั ชน้ั ท่ี รหสั ตัวช้ีวัด ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.๖ ๑ ง ๑.๑ ป.๖/๑ อภปิ รายแนวทางในการทางาน วางแผนและปรบั ปรงุ การทางาน และปรบั ปรุงการทางาน แตล่ ะขน้ั ตอน โดยใชท้ กั ษะการจัดการ แตล่ ะขัน้ ตอน และการทางานร่วมกัน ขณะปฏิบัติงาน และเม่ือทางานสาเรจ็ แล้ว โดยฝกึ ปฏิบตั ิ ผา่ นงาน เช่น - ปลูกผัก เลีย้ งปลาสวยงาม ประกอบอาหาร ประดิษฐ์ของเล่น 2 ง ๑.๑ ป.๖/๒ ใช้ทกั ษะการจดั การในการทางาน ของใช้ ของตกแตง่ เพ่ือการจัดจาหนา่ ย 3 ง ๑.๑ ป.๖/๓ และมที ักษะการทางานร่วมกัน โดยเลอื กตามบริบทของสถานศึกษา - ทาบัญชีรายรับ – รายจา่ ย ปฏิบตั ิตนอยา่ งมีมารยาท ทางานกบั สมาชิกในครอบครัวและผู้อน่ื ในการทางานกับครอบครัว อย่างมีมารยาท เช่น พดู จาสุภาพ ใชข้ อง และผูอ้ น่ื รว่ มกนั แบ่งปนั การใหส้ ิทธ์ผิ ู้ที่มาก่อน และรอคอยตามลาดบั 4 ง 2.๑ ป.๖/๑ สารวจตนเองเพื่อวางแผน การสารวจตนเอง เพ่ือวางแผนในการ ในการเลอื กอาชีพ เลือกอาชพี โดยคานงึ ถึงคุณธรรม ความรู้ ความสามารถ ความสนใจ และ 5 ง 2.๑ ป.๖/๒ ระบุความรู้ความสามารถ และ บคุ ลิกภาพทีส่ ัมพันธก์ ับอาชีพ คณุ ธรรมท่สี มั พนั ธ์กับอาชีพ ทีส่ นใจ ที่สนใจ คุณธรรมในการประกอบอาชพี เชน่ - ความซอ่ื สัตย์ - ความขยัน อดทน - ความยตุ ิธรรม - ความรับผดิ ชอบ รวม 5 ตัวชีว้ ัด 41 ยกเลกิ มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชว้ี ดั สาระที่ 2 และสาระท่ี 3 คงเหลือ 2 สาระ คือ สาระที่ 1 การดาเนนิ ชีวติ และครอบครวั และสาระท่ี 4 การอาชีพ และเปลยี่ นชอื่ สาระที่ 4 การอาชีพ เปน็ สาระท่ี 2 การอาชีพ ตามคาสั่ง สพฐ. ท่ี 921/2561 ลงวนั ท่ี 3 พฤษภาคม 2561 สาหรับการจดั การเรยี นรู้ ปกี ารศึกษา 2564 ภายใต้สถานการณ์แพรร่ ะบาดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19)
๒๘ ตัวชวี้ ัดและสาระการเรียนรแู้ กนกลางต้องรู้และควรรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ชัน้ ที่ รหัสตัวช้ีวดั ตัวชี้วดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.6 1 ต 1.1 ป.6/1 ปฏบิ ตั ิตำมคำส่งั คำขอร้อง คำส่ัง คำขอร้อง ภำษำท่ำทำง และคำแนะนำ และคำแนะนำที่ฟงั และอำ่ น ในกำรเล่นเกม กำรวำดภำพ กำรทำอำหำร และเครื่องดื่ม และกำรประดิษฐ์ - คำส่ัง เช่น Look at the…/here/over there./Say it again./Read and draw./ Put a/an…in/on/under a/an…/ Don’t go over there. etc. - คำขอร้อง เชน่ Please look up the meaning in a dictionary./Look up the meaning in a dictionary, please./ Can/Could you help me, please? etc. - คำแนะนำ เช่น You should read everyday./ Think before you speak./ - คำศพั ทท์ ี่ใช้ในกำรเลน่ เกม Start./ My turn./Your turn./Roll the dice./ Count the number./Finish./ - คำบอกลำดับข้ันตอน First,… Second,… Next,… Then,… Finally,… etc. 2 ต 1.1 ป.6/2 อำ่ นออกเสยี งข้อควำม นิทำน ข้อควำม นิทำน และบทกลอน และบทกลอนสนั้ ๆ ถูกต้อง กำรใชพ้ จนำนุกรม ตำมหลักกำรอ่ำน หลักกำรอำ่ นออกเสียง เชน่ - กำรออกเสยี งพยัญชนะตน้ คำและพยัญชนะ ทำ้ ยคำ - กำรออกเสียงเน้นหนัก-เบำในคำและกลมุ่ คำ - กำรออกเสียงตำมระดับเสยี งสงู -ตำ่ ในประโยค - กำรออกเสียงเชือ่ มโยง (linking sound) ในขอ้ ควำม - กำรออกเสยี งบทกลอนตำมจงั หวะ 3 ต 1.1 ป.6/3 เลอื ก/ระบุประโยค หรอื ขอ้ ควำม ประโยคหรือข้อควำม สัญลกั ษณ์ เคร่ืองหมำย สน้ั ๆ ตรงตำมภำพ สญั ลกั ษณ์ และควำมหมำยเก่ยี วกบั ตนเอง ครอบครวั หรอื เคร่ืองหมำยทอี่ ่ำน โรงเรยี น สิง่ แวดล้อม อำหำร เครื่องดื่ม เวลำวำ่ งและนันทนำกำร สขุ ภำพและสวัสดิกำร กำรซอื้ –ขำย และลมฟ้ำอำกำศ เปน็ วงคำศัพท์ สะสมประมำณ ๑,๐๕๐ - ๑,๒๐๐ คำ (คำศัพท์ท่ีเป็นรูปธรรมและนำมธรรม) สำหรบั กำรจัดกำรเรยี นรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)
๒๙ ชัน้ ที่ รหสั ตวั ช้ีวัด ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.6 4 ต 1.1 ป.6/4 บอกใจควำมสำคัญและตอบคำถำม ประโยค บทสนทนำ นทิ ำน หรือเรื่องเล่ำ จำกกำรฟังและอ่ำนบทสนทนำ คำถำมเกี่ยวกับใจควำมสำคญั ของเร่ือง เช่น นทิ ำนงำ่ ย ๆ และเร่ืองเล่ำ ใคร ทำอะไร ทีไ่ หน เม่ือไร อยำ่ งไร ทำไม - Yes/No Question เช่น Is/Are/Can…? Yes,…is/are/can./ No,…isn’t/aren’t/can’t. Do/Does/Can/Is/Are...? Yes/No… etc. - Wh-Question เชน่ Who is/are…? He /She is…/They are… What…?/Where…? It is …/They are… What...doing? …is/am/are… etc. - Or-Question เช่น Is this/it a/an...or a/an…? It is a/an… Is/Are/Was/Were/Did…or…? etc. 5 ต 1.2 ป.6/1 พดู /เขียนโต้ตอบในกำรสอ่ื สำร บทสนทนำท่ีใช้ในกำรทักทำย กล่ำวลำ ขอบคุณ ระหวำ่ งบคุ คล ขอโทษ ชมเชย กำรพดู แทรกอย่ำงสุภำพ ประโยค/ข้อควำมทใี่ ชแ้ นะนำตนเอง เพ่ือน และบคุ คลใกลต้ วั และสำนวนกำรตอบรบั เชน่ Hi/ Hello/Good morning/Good afternoon/ Good evening/I am sorry./ How are you?/I’m fine./Very well./ Thank you. And you?/Hello. I am… / Hello,…I am… This is my sister. Her name is… Hello,…/Nice to see you. Nice to see you, too./Goodbye./Bye./ See you soon/later./Great!/Good./ Very good. Thank you./Thank you very much./You’re welcome./It’s O.K./ That’s O.K./That’s all right./Not at all./ Don’t worry./Never mind./Excuse me./ Excuse me, Sir./Miss./Madam. etc. 6 ต 1.2 ป.6/2 ใช้คำสง่ั คำขอร้อง คำขออนุญำต คำสั่ง คำขอร้อง คำขออนุญำต และคำแนะนำ และใหค้ ำแนะนำ ท่มี ี ๒ - ๓ ขน้ั ตอน สำหรับกำรจดั กำรเรียนรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)
๓๐ ชน้ั ที่ รหัสตวั ช้ีวัด ตัวชว้ี ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ป.6 7 ต 1.2 ป.6/3 พูด/เขยี นแสดงควำมต้องกำร คำศพั ท์ สำนวนภำษำ และประโยคทใ่ี ช้บอก ขอควำมช่วยเหลือ ตอบรับและ ควำมต้องกำร ขอควำมช่วยเหลอื ตอบรับและ ปฏเิ สธกำรให้ควำมชว่ ยเหลือ ปฏเิ สธกำรใหค้ วำมช่วยเหลือ เชน่ ในสถำนกำรณง์ ำ่ ย ๆ Please…/May…?/I need…/Help me!/ Can/Could…?/Yes,.../No,… etc. 8 ต 1.2 ป.6/4 พูดและเขยี นเพ่ือขอและใหข้ ้อมลู คำศัพท์ สำนวนภำษำ และประโยคที่ใช้ขอ เกีย่ วกบั ตนเอง เพ่ือน ครอบครัว และใหข้ ้อมลู เกยี่ วกับตนเอง เพอื่ น ครอบครัว และเรือ่ งใกล้ตัว และเร่ืองใกล้ตัว เชน่ What do you do? I’m a/an… What is she /he? She/He is a/an (อำชพี ) How old/tall…? I am… Is/Are/Can…or…? …is/are/can… Is/Are…going to…or…? …is/are going to… etc. 9 ต 1.2 ป.6/5 พดู /เขียนแสดงควำมรู้สกึ ของตนเอง คำและประโยคทใ่ี ช้แสดงควำมรู้สกึ เกยี่ วกบั เรื่องตำ่ ง ๆ ใกล้ตวั และกำรใหเ้ หตผุ ลประกอบ เช่น ชอบ ไม่ชอบ กจิ กรรมตำ่ ง ๆ พร้อมทั้งให้เหตผุ ล ดใี จ เสียใจ มคี วำมสุข เศร้ำ หิว รสชำติ สวย สน้ั ๆ ประกอบ นำ่ เกลยี ด เสียงดัง ดี ไม่ดี เชน่ I’m…/He/She/It is…/You/We/They are… I/You/We/They like…/He/She likes… because… I/You/We/They love…/He/She loves… because… I/You/We/They don’t like/love/feel… because… He /She doesn’t like/love/feel… because… I/You/We/They feel…because… etc. 10 ต 1.3 ป.6/1 พดู /เขยี นให้ข้อมูลเกย่ี วกับตนเอง ประโยคและข้อควำมที่ใชใ้ นกำรใหข้ ้อมลู เพ่อื น และสงิ่ แวดลอ้ มใกล้ตวั เก่ยี วกบั ตนเอง กจิ วัตรประจำวนั เพื่อน ส่ิงแวดล้อมใกลต้ ัว เชน่ ข้อมูลสว่ นบุคคล สิ่งตำ่ ง ๆ จำนวน ๑ - ๑,๐๐๐ ลำดับที่ วนั เดือน ปี ฤดกู ำล เวลำ กิจกรรมทท่ี ำ สี ขนำด รปู ทรง ตำแหนง่ ของสง่ิ ตำ่ ง ๆ ทศิ ทำงง่ำย ๆ สภำพดนิ ฟ้ำอำกำศ อำรมณ์ ควำมร้สู ึก เครอ่ื งหมำยวรรคตอน 11 ต 1.3 ป.6/2 เขยี นภำพ แผนผงั แผนภมู แิ ละ คำ กลุ่มคำ และประโยคที่มคี วำมหมำย ตำรำงแสดงข้อมลู ตำ่ ง ๆ ที่ฟัง สมั พนั ธก์ ับภำพ แผนผงั แผนภมู ิ และตำรำง หรืออำ่ น สำหรบั กำรจัดกำรเรยี นรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พรร่ ะบำดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)
๓๑ ชั้น ที่ รหัสตวั ชี้วัด ตัวช้ีวัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ป.6 12 ต 1.3 ป.6/3 พดู /เขียนแสดงควำมคิดเหน็ ประโยคทใี่ ช้ในกำรแสดงควำมคิดเห็น เกี่ยวกบั เรื่องต่ำง ๆ ใกลต้ ัว 13 ต 2.1 ป.6/1 ใชถ้ ้อยคำ นำ้ เสยี ง และกิริยำทำ่ ทำง กำรใชถ้ ้อยคำ นำ้ เสียง และกิรยิ ำท่ำทำง อย่ำงสุภำพ เหมำะสม ตำมมำรยำท ตำมมำรยำทสังคมและวัฒนธรรมของ สงั คมและวฒั นธรรมของเจ้ำของภำษำ เจำ้ ของภำษำ เชน่ กำรขอบคุณ ขอโทษ กำรใช้สหี น้ำทำ่ ทำงประกอบกำรพูด ขณะแนะนำตนเอง กำรสัมผสั มือ กำรโบกมอื กำรแสดงควำมรสู้ ึกชอบ/ไมช่ อบ กำรกล่ำว อวยพร กำรแสดงอำกำรตอบรับหรอื ปฏิเสธ 14 ต 2.1 ป.6/2 ใหข้ ้อมลู เกี่ยวกับเทศกำล/วันสำคญั / ข้อมลู และควำมสำคัญของเทศกำล/ งำนฉลอง/ชวี ติ ควำมเป็นอยู่ วันสำคัญ/งำนฉลองและชวี ิตควำมเป็นอยู่ ของเจ้ำของภำษำ ของเจำ้ ของภำษำ เช่น วนั ครสิ ตม์ ำส วนั ขึ้นปใี หม่ เครอื่ งแตง่ กำย ฤดกู ำล อำหำร เครื่องดมื่ 15 ต 2.1 ป.6/3 เข้ำร่วมกิจกรรมทำงภำษำ กิจกรรมทำงภำษำและวัฒนธรรม เชน่ และวฒั นธรรมตำมควำมสนใจ กำรเล่นเกม กำรรอ้ งเพลง กำรเลำ่ นิทำน วันขอบคุณพระเจ้ำ วันคริสต์มำส วันข้ึนปีใหม่ 16 ต 2.2 ป.6/1 บอกควำมเหมือน/ควำมแตกต่ำง ควำมเหมือน/ควำมแตกต่ำงระหว่ำง ระหวำ่ งกำรออกเสยี งประโยค กำรออกเสยี งประโยคชนดิ ต่ำง ๆ ชนดิ ตำ่ ง ๆ กำรใชเ้ ครื่องหมำย ของภำษำตำ่ งประเทศและภำษำไทย วรรคตอน และกำรลำดับคำ กำรใช้เคร่ืองหมำยวรรคตอนและกำรลำดับคำ ตำมโครงสร้ำงประโยคของ ตำมโครงสร้ำงประโยคของภำษำต่ำงประเทศ ภำษำต่ำงประเทศและภำษำไทย และภำษำไทย 17 ต 2.2 ป.6/2 เปรียบเทยี บควำมเหมอื น/ กำรเปรยี บเทยี บควำมเหมือน/ควำมแตกตำ่ ง ควำมแตกต่ำงระหวำ่ งเทศกำล ระหวำ่ งเทศกำล งำนฉลองและประเพณี งำนฉลองและประเพณีของ ของเจำ้ ของภำษำกับของไทย เจ้ำของภำษำกบั ของไทย 18 ต 3.1 ป.6/1 ค้นคว้ำ รวบรวมคำศัพท์ท่ีเก่ียวข้อง กำรค้นควำ้ กำรรวบรวม และกำรนำเสนอ กบั กลุม่ สำระกำรเรียนรู้อ่ืน คำศัพท์ท่ีเก่ียวข้องกับกลุ่มสำระกำรเรียนรู้อื่น จำกแหลง่ กำรเรยี นรู้ และนำเสนอ ดว้ ยกำรพูด/กำรเขยี น 19 ต 4.1 ป.6/1 ใชภ้ ำษำสื่อสำรในสถำนกำรณ์ต่ำง ๆ กำรใชภ้ ำษำส่ือสำรในสถำนกำรณ์ต่ำง ๆ ทีเ่ กิดขึ้นในห้องเรียนและสถำนศึกษำ ท่เี กดิ ขน้ึ ในห้องเรียนและสถำนศกึ ษำ 20 ต 4.2 ป.6/1 ใชภ้ ำษำต่ำงประเทศในกำรสืบคน้ กำรใชภ้ ำษำตำ่ งประเทศในกำรสบื ค้น และรวบรวมข้อมูลตำ่ ง ๆ และกำรรวบรวมข้อมลู ตำ่ ง ๆ รวม 20 ตัวช้ีวดั 19 1 สำหรับกำรจัดกำรเรียนรู้ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเชอื้ ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19)
Search
Read the Text Version
- 1 - 34
Pages: