Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารประกอบหลักสูตรฯ พุทธศักราช 2564 กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ

เอกสารประกอบหลักสูตรฯ พุทธศักราช 2564 กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ

Description: เอกสารประกอบหลักสูตรฯ พุทธศักราช 2564 กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ

Search

Read the Text Version

47 สื่อ/แหลง่ เรยี นรู้ ในการจดั การเรยี นรทู้ กุ รายวชิ าของกลมุ่ สาระการเรยี นรูศ้ ิลปะ ศกึ ษาหาความรู้หรอื เรียนรจู้ ากแหลง่ เรียนรู้ ดงั น้ี 1. ห้องสมดุ โรงเรียนวัดสายลําโพงใต และหองสมดุ หนวยงานอน่ื ๆ 2. แหลง่ วทิ ยาการทง้ั ภาครัฐและเอกชน ซึ่งให้บริการความรูใ้ นเรอ่ื งต่าง ๆ 3. ภมู ิปญั ญาท้องถิน่ ปราชญช์ าวบา้ นท่มี คี วามรูค้ วามสามารถ มีประสบการณ์งานศิลปะ สาขา ตา่ ง ๆ ทม่ี อี ยูใ่ นชมุ ชนทอ้ งถิ่น ฯลฯ 4. ส่ือประกอบการสอน เชน่ แผนภาพ แผนภมู ิ เคร่อื งโทรทศั น์ เคร่อื งดนตรีไทย เครือ่ งดนตรี สากล เครอื่ งแตง่ กายนาฏศิลป์ 5. ส่ือสงิ่ พิมพต์ า่ ง ๆ เชน่ เอกสารประกอบการสอน แผน่ พบั วารสาร หนงั สอื อ้างองิ หนังสอื พิมพ์ 6. ทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ ม เชน่ อทุ ยานแห่งชาติ สวนสัตว์ พพิ ธิ ภณั ฑ์ สวนพฤกษศาสตร์ พพิ ิธภัณฑพ์ ืช ศนู ย์ชีววิทยา 7. สอ่ื อเี ล็คทรอนิกส์ เชน่ อินเทอรเ์ น็ต ซดี ี–รอม วีซีดี วีดที ัศน์ ฯลฯ 8. หอศลิ ป์ จดั แสดงผลงานทางดา้ นศิลปะทงั้ งาน จิตกรรม ประตมิ ากรรม เชน่ หอศิลป์กรุงเทพมหานคร หอ ศิลปเ์ จ้าฟาู หอศลิ ป์ประติมากรรมกรุงเทพมหานคร เป็นตน้ 9. นิทรรศการ(ชั่วคราว)/ นทิ รรศการ(ถาวร) จดั แสดงผลงานของศิลปนิ หลากหลายรปู ตามสถานท่ตี ามความ เหมาะสมตา่ งๆ

48 การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ การดําเนินการการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรตู้ ามกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ คณะกรรมการจัดทาํ หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรียนรู้ศิลปะ ได้กาํ หนดวธิ กี ารปฏบิ ัตดิ งั นี้ 1. ประเมนิ ผลให้ครอบคลุมทั้งด้านความรู้ ทกั ษะ กระบวนการ และคุณลักษณะ โดยมีการประเมนิ ผลดังนี้ 1.1 การประเมนิ ผลก่อนเรียน 1.1.1 ประเมนิ ผลก่อนเรยี น เพอื่ ตรวจสอบความพร้อมและพ้ืนฐานของผู้เรยี นและจัดกจิ กรรมซ่อม เสรมิ เพ่อื ให้มคี วามรู้พ้นื ฐานเพยี งพอทจี่ ะเรียน 1.1.2 ประเมินก่อนเรียน เพ่ือตรวจสอบความรอบรู้ในเนื้อหา และทักษะท่ีจะเร่ิมเรียน เพ่ือเปน็ ข้อมลู เปรยี บเทียบผลการเรยี นหลังเรยี น แสดงการพัฒนาการของผเู้ รียน 1.1.3 การประเมนิ ผลระหวา่ งเรยี น ให้มกี ารประเมนิ ผลเป็นระยะๆ และสอดคลอ้ งกับตัวชี้วดั โดยใช้ การประเมินผลตามสภาพจริง ด้วยวธิ ีการทีห่ ลากหลายทั้งวิธีการวัด เครื่องมือ และแหลง่ ข้อมลู เพ่ือมุ่ง ตรวจสอบพฒั นาการของผ้เู รียน และนําผลการประเมนิ ไปปรับปรงุ แก้ไขจนผเู้ รียนสามารถบรรลุตามเกณฑ์ข้ัน ตํา่ ทก่ี ําหนดไว้ โดยใชว้ ิธีการทหี่ ลากหลายเหมาะสมกับศักยภาพของแตล่ ะบคุ คล 1.1.4 การประเมนิ รายภาค ในการประเมนิ ผลปลายปี ในระดับประถมศึกษา และปลายภาค ใน ระดบั มัธยมศึกษา ประเมนิ จากการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม เช่น จากผลงาน ชิ้นงาน โครงงาน แฟมู สะสมผลงาน หรือ แบบทดสอบ ท้ังนใ้ี ห้สอดคลอ้ งกบั ตวั ช้ีวดั 2. การกําหนดสัดสว่ นระหว่างเรียนกบั การประเมนิ ปลายป/ี ปลายภาค ประเมนิ ผลระหว่างเรียน และการ ประเมนิ ผลปลายป/ี ปลายภาค ให้มีการประเมินทั้งด้าน ความรู้ ทกั ษะ กระบวนการ และคุณลักษณะ 3. การจดั ทาํ เอกสารบันทึกข้อมูลสารสนเทศของผู้เรียน ประกอบด้วย ประเมินผลตลอดปลายปี ระดับประถมศกึ ษา และตลอดปลายภาคเรียน ระดับมัธยมศึกษา โดยมี หัวข้อดงั น้ี 1) การประเมินผลก่อนเรยี น 2) การประเมนิ ระหว่างเรยี น 3) การประเมินปลายภาค 4. อตั ราสว่ นนา้ํ หนกั คะแนนระหว่างความรู้ (K) ทกั ษะความรูแ้ ละกระบวนการ น้าํ หนักคะแนนของแตล่ ะ ตวั ชีว้ ดั (P) สมรรถนะสําคัญผูเ้ รยี น 5 ขอ้ (A) คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 8 ขอ้ 5. การตัดสนิ ผลการเรยี นกลุ่มสาระการเรยี นรูศ้ ิลปะ ตดั สินผลการเรยี นเปน็ รายวิชากาํ หนดเป็นระดบั ผลการเรียน 8 ระดับ คือ 4 หมายถงึ ผลการเรียนดเี ยี่ยม (80 - 100 คะแนน) 3.5 หมายถงึ ผลการเรยี นดมี าก (75 - 79 คะแนน) 3.0 หมายถึง ผลการเรียนดี (70 - 74 คะแนน) 2.5 หมายถงึ ผลการเรียนค่อนข้างดี (65 - 69 คะแนน) 2 หมายถึง ผลการเรยี นน่าพอใจ (60 - 64 คะแนน) 1.5 หมายถงึ ผลการเรยี นพอใช้ (55 - 59 คะแนน) 1 หมายถงึ ผลการเรยี นผ่านเกณฑ์ขนั้ ตํ่า (50 - 54 คะแนน) 0 หมายถึง ผลการเรียนตํา่ กว่าเกณฑ์ ( 0- 49 คะแนน)

ภาคผนวก

50 อภธิ านศัพท์ ทัศนศิลป์ โครงสรา้ งเคล่อื นไหว (mobile) เปน็ งานประติมากรรมทมี่ ีโครงสรา้ งบอบบางจัดสมดุลด้วยเส้นลวดแขง็ บาง ๆ ท่ีมีวัตถุรปู รา่ ง รปู ทรง ตา่ ง ๆ ทอี่ อกแบบเชอ่ื มตดิ กบั เส้นลวด เปน็ เคร่อื งแขวนทีเ่ คล่อื นไหวได้ด้วยกระแสลมเพยี งเบา ๆ งานส่ือผสม (mixed media) เป็นงานออกแบบทางทัศนศลิ ปท์ ป่ี ระกอบดว้ ยหลายสอื่ โดยใช้วัสดหุ ลาย ๆ แบบ เชน่ กระดาษ ไม้ โลหะ สร้างความผสมกลมกลืนด้วยการสร้างสรรค์ จงั หวะ (rhythm) เปน็ ความสัมพันธ์ของทศั นธาตุ เชน่ เสน้ สี รูปรา่ ง รปู ทรง นํ้าหนกั ในลกั ษณะของการซ้ํากนั สลับไป มา หรอื ลกั ษณะลืน่ ไหล เคลื่อนไหวไมข่ าดระยะจังหวะทม่ี ีความสมั พนั ธ์ต่อเน่ืองกันจะช่วยเน้นให้เกิดความเดน่ หรือทางดนตรีกค็ ือการซ้ํากนั ของเสียงในชว่ งเทา่ กันหรือแตกต่างกันจังหวะใหค้ วามรู้สึกหรอื ความพอใจทาง สุนทรยี ภาพในงานศิลปะ ทัศนธาตุ (visual elements) สิง่ ท่ีเป็นปจั จยั ของการมองเห็นเปน็ สว่ นต่าง ๆ ท่ปี ระกอบกนั เป็นภาพ ได้แก่ เสน้ น้าํ หนกั ท่ีวา่ ง รปู รา่ ง รปู ทรง สี และลกั ษณะพื้นผิว ทัศนยี ภาพ (perspective) วิธีเขยี นภาพของวตั ถใุ หม้ องเหน็ ว่ามรี ะยะใกลไ้ กล ทศั นศิลป์ (visual art) ศิลปะทรี่ ับรู้ไดด้ ้วยการเหน็ ไดแ้ ก่ จิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ และงานสรา้ งสรรค์อน่ื ๆ ท่ีรบั ร้ดู ว้ ยการเห็น ภาพปะติด (collage) เปน็ ภาพทท่ี ําขึน้ ด้วยการใชว้ ัสดตุ า่ ง ๆ เช่น กระดาษ ผา้ เศษวัสดุธรรมชาติ ฯลฯ ปะตดิ ลงบนแผน่ ภาพ ด้วยกาวหรือแปูงเปียก วงสีธรรมชาติ (color circle) คือวงกลมซ่งึ จดั ระบบสใี นแสงสีรงุ้ ทเ่ี รียงกันอยู่ในธรรมชาติ สีวรรณะอุ่น จะอยู่ในซีกท่ีมีสีแดงและ เหลือง ส่วนสีวรรณะเย็นอยใู่ นซีกท่มี ีสเี ขยี ว และสีมว่ ง สีคตู่ รงขา้ มกันจะอยู่ตรงกันขา้ มในวงสี วรรณะสี (tone) ลักษณะของสีทแี่ บ่งตามความร้สู กึ อนุ่ หรอื เยน็ เช่น สแี ดง อยู่ในวรรณะอุ่น (warm tone) สีเขียวอยูใ่ นวรรณะเยน็ (cool tone) สีคู่ตรงขา้ ม (complementary colors) สที ่อี ยูต่ รงกนั ขา้ มกนั ในวงสธี รรมชาติเปน็ คู่สีกัน คือ สีคู่ทตี่ ัดกันหรือต่างจากกันมากที่สดุ เชน่ สีแดง กบั สีเขียว สเี หลอื งกับสีม่วง สนี ้าํ เงินกับสีส้ม องค์ประกอบศิลป์ (composition of art) วิชาหรอื ทฤษฎที ่เี ก่ยี วกบั การสรา้ งรปู ทรงในงานทัศนศิลป์

51 ดนตรี การดาเนนิ ทานอง (melodic progression) 1. การกา้ วเดนิ ไปขา้ งหน้าของทํานอง 2. กระบวนการดาํ เนินคอรด์ ซ่ึงแนวทํานองขยับทลี ะข้ัน ความเข้มของเสยี ง (dynamic) เสียงเบา เสยี งดัง เสียงที่มีความเข้มเสยี งมากก็ย่ิงดงั มากเหมอื นกับ loudness ด้นสด เปน็ การเลน่ ดนตรหี รือขบั ร้อง โดยไมไ่ ด้เตรียมซ้อมตามโน้ตเพลงมาก่อน ผู้เลน่ มีอสิ ระในการกําหนด วธิ ีปฏิบตั ิเคร่ืองดนตรีและขับรอ้ ง บนพ้ืนฐานของเน้ือหาดนตรที ี่เหมาะสม เช่น การบรรเลง ในอตั ราความเรว็ ท่ี ยดื หยนุ่ การบรรเลงด้วยการเพิ่มหรอื ตดั โน้ตบางตวั บทเพลงไลเ่ ลียน (canon) แคนอน มาจากภาษากรีก แปลว่า กฎเกณฑ์ หมายถึงรูปแบบบทเพลงที่มหี ลายแนวหรือดนตรหี ลาย แนว แต่ละแนวมีทํานองเหมือนกนั แตเ่ รม่ิ ไมพ่ ร้อมกันแต่ละแนว จึงมีทํานองที่ไล่เลยี นกันไปเป็นระยะเวลายาว กว่าการเลยี นท่ัวไป โดยทัว่ ไปไม่ควรตา่ํ กวา่ 3 หอ้ ง ระยะขั้นค่รู ะหว่างสองแนว ที่เลยี นกันจะห่างกันเปน็ ระยะ เท่าใดก็ได้ เชน่ แคนอนคูส่ อง หมายถึง แคนอนที่แนวทั้งสอง เริ่มท่ีโน้ตหา่ งกันเปน็ ระยะคู่ 5 และรกั ษาระยะคู่ 5 ไปโดยตลอดถอื เปน็ ประเภทของลลี าสอดประสานแนวทํานองแบบเลียนที่มีกฎเกณฑ์เขม้ งวดที่สุด ประโยคเพลง (phrase) กลมุ่ ทาํ นอง จงั หวะท่เี รียบเรียงเชอื่ มโยงกันเปน็ หน่วยของเพลงท่ีมีความคดิ จบสมบูรณ์ในตวั เอง มักลง ท้ายดว้ ยเคเดนซ์ เป็นหนว่ ยสําคญั ของเพลง ประโยคเพลงถาม - ตอบ เป็นประโยคเพลง 2 ประโยคที่ตอ่ เน่ืองกันลีลาในการตอบรับ – สง่ ล้อ – ลอ้ เลียนกนั อย่างสอดคล้อง เป็นลักษณะคล้ายกนั กบั บทเพลงรปู แบบ AB แต่เป็นประโยคเพลงสัน้ ๆ ซึง่ มักจะมีอัตราความเรว็ เทา่ กัน ระหวา่ ง 2 ประโยค และความยาวเทา่ กนั เช่น ประโยคเพลงที่ 1 (ถาม) มคี วามยาว 2 หอ้ งเพลง ประโยคเพลง ที่ 2 (ตอบ) กจ็ ะมคี วามยาว 2 ห้องเพลง ซึง่ จะมลี ีลาต่างกนั แต่สอดรบั กันได้กลมกลนื ผลงานดนตรี ผลงานทีส่ รา้ งสรรค์ขึ้นมาโดยมคี วามเกีย่ วข้องกบั การนําเสนองานทางดนตรี เชน่ บทเพลง การ แสดงดนตรี เพลงทานองวน (round) เพลงทีป่ ระกอบด้วยทํานองอย่างนอ้ ย ๒ แนว ไลเ่ ลยี นทํานองเดยี วกัน แต่ต่างเวลาหรือจังหวะ สามารถไลเ่ ลยี นกนั ไปไดอ้ ย่างต่อเนอื่ งจนกลบั มาเริ่มต้นใหม่ได้อีกไมม่ ีวันจบ รูปร่างทานอง (melodic contour) รูปรา่ งการข้ึนลงของทํานอง ทาํ นองท่สี มดุลจะมที ศิ ทางการขน้ึ ลงทเี่ หมาะสม สีสันของเสียง ลักษณะเฉพาะของเสียงแต่ละชนดิ ท่มี เี อกลกั ษณ์เฉพาะตา่ งกัน เช่น ลักษณะเฉพาะของสีสันของเสียง ผู้ชายจะมคี วามทุ้มต่าํ แตกตา่ งจากสสี ันของเสียงผ้หู ญิง ลกั ษณะเฉพาะของสสี ันของเสียง ของเด็กผชู้ ายคน หนง่ึ จะมคี วามแตกตา่ งจากเสยี งเดก็ ผชู้ ายคนอ่ืน ๆ

52 องคป์ ระกอบดนตรี (elements of music) สว่ นประกอบสาํ คัญที่ทําใหเ้ กิดเสยี งดนตรี ไดแ้ ก่ทาํ นอง จังหวะ เสียงประสาน สีสนั ของเสยี ง และเนื้อ ดนตรี อัตราความเรว็ (tempo) ความชา้ ความเรว็ ของเพลง เช่น อัลเลโกร(allegero) เลนโต (lento) ABA สัญลักษณบ์ อกรูปแบบวรรณกรรมดนตรแี บบตรีบท หรอื เทอร์นารี (ternary) ternary form สังคีตลกั ษณ์สามตอน โครงสร้างของบทเพลงท่ีมสี ว่ นสําคัญขยับทลี ะขั้นอยู่ 3 ตอน ตอนแรกและตอน ที่ 3 คือ ตอน A จะเหมือนหรือคลา้ ยคลึงกนั ท้งั ในแง่ของทาํ นองและกุญแจเสยี ง สว่ นตอนท่ี 2 คือ ตอน B เป็นตอนทีแ่ ตกต่างออกไป ความสําคญั ของสังคตี ลักษณน์ ี้ คือ การกลบั มา ของตอน A ซง่ึ นําทํานองของสว่ น แรกกลับมาในกุญแจเสียงเดมิ เป็นสังคีตลกั ษณท์ ่ีใชม้ ากที่สุดโดยเฉพาะในเพลงร้อง จงึ อาจเรยี กว่า สังคีตลกั ษณ์ เพลงรอ้ ง (song form) ก็ได้

53 นาฏศิลป์ การตบี ท การแสดงท่ารําตามบทร้อง บทเจรจาหรอื บทพากย์ควรคํานึงถงึ ความหมายของบท แบง่ เปน็ การตบี ท ธรรมชาติ และการตบี ทแบบละคร การประดษิ ฐ์ท่า การนาํ ภาษาทา่ ภาษานาฎศิลป์ หรือ นาฏยศพั ท์มาออกแบบ ให้สอดคล้องสัมพันธ์กบั จังหวะทาํ นอง บทเพลง บทร้อง ลลี า ความสวยงาม นาฏยศัพท์ ศพั ท์เฉพาะทางนาฎศลิ ป์ ทใ่ี ชเ้ กี่ยวกบั การเรียกทา่ รํา กิริยาทแี่ สดงมสี ่วนศีรษะใบหนา้ และไหล่ ส่วนแขนและมือ ส่วนของลําตัว สว่ นขาและเท้า บุคคลสาคญั ในวงการนาฎศลิ ป์ เปน็ ผ้เู ชย่ี วชาญทางนาฎศิลป์ และภมู ิปัญญาทอ้ งถ่นิ ท่สี รา้ งผลงาน ภาษาท่า การแสดงท่าทางแทนคําพดู ใชแ้ สดงกิรยิ าหรืออริ ิยาบถ และใชแ้ สดงถึงอารมณ์ภายใน ส่วนขาและเท้า กริ ยิ าแสดง เชน่ กระทบ ยดื ยุบ ประเทา้ กระดกเทา้ กระทุ้ง จรด ขยบั ซอย วางสน้ ยกเทา้ ถดั เท้า ส่วนแขนและมือ กิรยิ าทแ่ี สดง เชน่ จบี ต้งั วง ล่อแกว้ มว้ นมือ สะบัดมือ กรายมอื ส่ายมือ ส่วนลาตวั กริ ยิ าทีแ่ สดง เช่น ยกั ตวั โย้ตวั โยกตัว สว่ นศรี ษะใบหน้าและไหล่ กิรยิ าทแี่ สดง เช่น เอียงศรี ษะ เอียงไหล่ กดไหล่ กลอ่ มไหล่ กล่อมหนา้ ส่ิงทีเ่ คารพ ในสาระนาฎศิลปม์ สี ิ่งทีเ่ คารพสบื ทอดมา คือ พ่อแก่ หรือพระพรตฤษี ซึง่ ผู้เรยี นจะต้อง แสดงความ เคารพ เม่ือเร่ิมเรียนและก่อนแสดง องคป์ ระกอบนาฎศิลป์ จงั หวะและทํานองการเคลื่อนไหว อารมณแ์ ละความรู้สึก ภาษาทา่ นาฎยศัพท์ รูปแบบของการ แสดง การแต่งกาย องค์ประกอบละคร การเลือกและแตง่ บท การเลือกผูแ้ สดง การกําหนดบุคลกิ ของผูแ้ สดง การพฒั นารปู แบบของการ แสดง การปฏบิ ตั ิตนของผแู้ สดงและผูช้ ม

1. นางจุไร พรพนม คณะผู้จัดทำ 2 นางสาวชรดิ า เหลี่ยมดี 3. นางสิรภิ สั สร ปานกลำ่ ประธานกรรมการ 4. นางจนั ทนา เกิดบญุ มา กรรมการ 5. นายจริ ายุ คงเพ็ชรศักด์ิ กรรมการ 6. นางสาวจนิ ตจ์ ฑุ า อว่ มทร กรรมการ 7. นายคฑามาศ บำรุงอินทร์ กรรมการ 8. นางชญาณ์ทิพย์ จนั ทอง กรรมการ กรรมการ กรรมการและเลขานกุ าร

บรรณานกุ รม กระทรวงศกึ ษาธิการ. (2544). หลกั สูตรการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2544 . กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ครุ สุ ภาลาดพรา้ ว. สภาพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาต.ิ (2549). แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาตฉิ บับที่ 10. สาํ นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา. (2547). ข้อเสนอยุทธศาสตร์การปฏริ ปู การศกึ ษา. กรุงเทพฯ: เซน็ จรู ่ี. สํานกั นายกรฐั มนตร,ี สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาแหง่ ชาต.ิ (2542). พระราชบัญญัตกิ ารศกึ ษา แหง่ ชาติ พ.ศ. 2542. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพอ์ งค์การรับสง่ สินค้าและพสั ดุภณั ฑ์ (ร.ส.พ.). สํานักวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา. (2546 ก.). สรุปผลการประชุมวเิ คราะห์หลกั สตู รการศกึ ษา ขนั้ พ้ืนฐาน. 27-28 ตุลาคม 2546 โรงแรมตรัง กรงุ เทพฯ. (เอกสารอดั สําเนา). สํานักวชิ าการและมาตรฐานการศึกษา. (2548 ก). รายงานการวจิ ัย การใช้หลักสตู รการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน ตามทัศนะของผสู้ อน. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์องค์การรับสง่ สินคา้ และพสั ดุภณั ฑ์ (ร.ส.พ.). สํานกั วชิ าการและมาตรฐานการศึกษา. (2548 ข.). รายงานการวิจยั โครงการวิจยั เชิงทดลองกระบวนการ สรา้ งหลกั สูตรสถานศกึ ษาแบบองิ มาตรฐาน. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์องค์การรับส่งสนิ ค้า และพัสดภุ ณั ฑ์ (ร.ส.พ.). สวุ มิ ล ว่องวาณิช และ นงลักษณ์ วิรชั ชยั . (2547). การประเมินผลการปฏริ ูปการเรียนรูต้ ามพระราชบัญญัติ การศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 พหกุ รณศี กึ ษา.

โรงเรียนวัดสายลาโพงใต้ สงั กดั สำนกั งำนเขตพ้นื ทกี่ ำรศกึ ษำประถมศกึ ษำนครสวรรค์ เขต ๓ สังกัดสำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขนั้ พ้นื ฐำน กระทรวงศกึ ษำธกิ ำร