คมู่ อื บริหารงานบคุ คล โรงเรยี นวัดสายลาโพงใต้ สำนกั งำนเขตพนื้ ทกี่ ำรศึกษำประถมศึกษำนครสวรรค์ เขต ๓ สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขน้ั พน้ื ฐำน กระทรวงศึกษำธิกำร
1 วิสยั ทัศน์ พันธกจิ เป้าหมาย อตั ลกั ษณ์ และเอกลกั ษณข์ องสถานศึกษา วิสยั ทัศน์ พัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษาด้วยนวตั กรรม ตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง พันธกิจ 1. จัดกิจกรรมสง่ เสริมใหผ้ ู้เรยี นมคี วามรู้ความสามารถ มคี ณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ และดำเนิน ชีวติ ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง 2. จัดกจิ กรรมส่งเสริมให้ผู้เรยี นมีทกั ษะการคดิ คำนวณ การอ่าน และการคดิ วเิ คราะห์ 3. ส่งเสริมและพัฒนาครใู นการนำเทคโนโลยี และพัฒนานวัตกรรมมาใช้ในการจดั การเรยี นการ สอน 4. สง่ เสรมิ ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาพัฒนานวตั กรรมในการบรหิ ารสถานศกึ ษา 5. สง่ เสริมให้สถานศกึ ษามชี มุ ชนแหง่ การเรียนร้ทู างวชิ าชีพ (PLC) 6. สง่ เสริมการพัฒนาแหลง่ เรยี นรู้ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 7. สง่ เสริมและพฒั นาระบบประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษาอย่างเป็นระบบ และทุกคนมสี ว่ น ร่วม เป้าหมาย 1. ผเู้ รยี นมีความรู้ความสามารถ มคี ุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ และดำเนินชีวติ ตามหลักปรัชญา เศรษฐกจิ พอเพยี ง 2. ผเู้ รยี นมที กั ษะการคิดคำนวณ การอ่าน และการคดิ วเิ คราะห์ 3. ครูสามารถนำเทคโนโลยี และมนี วัตกรรมในการจัดการเรียนการสอน 4. ผู้บรหิ ารมนี วัตกรรมในการบริหารสถานศกึ ษา 5. สถานศกึ ษามชี ุมชนแหง่ การเรยี นรทู้ างวชิ าชพี (PLC) 6. สถานศึกษามีแหลง่ เรียนรู้ ตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง 7. สถานศึกษามรี ะบบประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษาอยา่ งเป็นระบบ และทุกคนมสี ว่ นรว่ ม อัตลักษณ์ของโรงเรียนวัดสายลำโพงใต้ สร้างสรรค์งานศลิ ป์ งานประดษิ ฐ์ นอ้ มนำความคดิ เศรษฐกจิ พอเพียง เอกลกั ษณข์ องโรงเรยี นวัดสายลำโพงใต้ วิชาการเดน่ เนน้ คณุ ธรรม นำเทคโนโลยีมาใช้ ใส่ใจสขุ ภาพอนามยั
2 การบริหารงานบุคคล หมายถงึ การหาทางใช้คนทอี่ ยู่ร่วมกันในองคก์ รนั้น ๆใหท้ ำงานได้ผล ดีที่สดุ สนิ้ เปลืองค่าใช้จ่ายน้อย ที่สุด ในขณะเดียวกันก็สามารถทำให้ผู้ร่วมงานมีความสุขมีความพอใจ ท่ีจะให้ความร่วมมือและทำงาน ร่วมกับผู้บริหาร เพื่อใหง้ านขององค์กรน้ันๆ สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี แนวคิด 1) ปัจจัยทางการบริหารทั้งหลายคนถือเปน็ ปจั จัยทางการบรหิ ารทสี่ ำคญั ทส่ี ุด 2) การบรหิ ารงานบุคคลจะมีประสิทธิภาพและประสิทธผิ ลผ้บู รหิ ารจะต้องมคี วามรู้ ความเขา้ ใจและ มคี วามสามารถสูงในการบริหารงานบุคคล 3) การจัดบคุ ลากรให้ปฏิบัติงานไดเ้ หมาะสมกบั ความรู้ความสามารถจะมีส่วนทำให้บุคลากร มีขวัญ กำลงั ใจ มคี วามสุขในการปฏบิ ัตงิ าน ส่งผลใหง้ านประสบผลสำเรจ็ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ 4) การพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องจะทำให้บุคลากร เปลยี่ นแปลงพฤตกิ รรมและกระตอื รอื รน้ พฒั นางานใหด้ ียงิ่ ขึ้น 5) การบริหารงานบุคคลเนน้ การมสี ่วนรว่ มของบคุ ลากรและผ้มู สี ่วนไดเ้ สยี เป็นสำคัญ ขอบขา่ ยงานบคุ ลากร 1. ส่งเสรมิ และพัฒนาระบบการบริหารจัดการใหม้ ปี ระสิทธิภาพ 2. ส่งเสริมใหบ้ ุคลากรในโรงเรียนปฏบิ ัติตามในหน้าท่ีตามมาตรฐานวิชาชีพ และจรรยาบรรณ วิชาชีพครู 3. ส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของบุคลากรภายในโรงเรียนแก่ผู้เก่ียวข้องอย่าง ทัว่ ถงึ และมีประสิทธภิ าพ 4. ส่งเสรมิ และสนบั สนุนใหค้ รแู ละบุคลากรไดร้ ับการพฒั นาตามสมรรถนะวิชาชีพครู 5. ประสานความร่วมมือระหว่างโรงเรียน ผู้ปกครอง และชุมชน ในการพัฒนา โรงเรยี น 6. สง่ เสรมิ ให้คณะครปู ฏบิ ตั ิหน้าทดี่ ้วยความซื่อสตั ย์สุจริต 7. ส่งเสริมให้คณะครปู ฏิบตั ิตนในการดำเนนิ ชีวิตโดยยึดหลกั เศรษฐกิจพอเพียง เป้าหมาย (Goals) ปีการศึกษา 2564 – 2567 1. สง่ เสรมิ และพัฒนาระบบการบรหิ ารจัดการใหม้ ีประสทิ ธิภาพ 2. สง่ เสรมิ ใหบ้ คุ ลากรในโรงเรยี นปฏบิ ัติตามในหนา้ ทต่ี ามมาตรฐานวชิ าชพี และจรรยาบรรณ วิชาชพี ครู 3. สง่ เสรมิ การประชาสัมพนั ธ์ข้อมูลข่าวสารของบคุ ลากรภายในโรงเรยี นแกผ่ ู้เกยี่ วข้องอยา่ ง ท่ัวถงึ และมปี ระสทิ ธภิ าพ
3 4. สง่ เสรมิ และสนบั สนุนให้ครแู ละบุคลากรไดร้ ับการพฒั นาตามสมรรถนะวิชาชีพครู 5. ประสานความรว่ มมือระหวา่ งโรงเรียน ผปู้ กครอง และชมุ ชน ในการพัฒนา โรงเรยี น 6. สง่ เสรมิ ใหค้ ณะครปู ฏบิ ตั ิหน้าท่ดี ้วยความซ่ือสตั ยส์ จุ ริต 7. สง่ เสรมิ ให้คณะครปู ฏิบัตติ นในการดำเนินชีวิตโดยยดึ หลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง วางแผนอตั รากำลัง/การกำหนดตำแหน่ง มหี นา้ ที่ 1. จดั ทำแผนงาน/โครงการ แผนปฏิบัติงานประจำปแี ละปฏิทินปฏิบตั งิ าน 2. จดั ทำแผนงานอตั รากำลังครู / การกำหนดตำแหนง่ และความต้องการครใู นสาขาท่โี รงเรยี นมี ความต้องการ 3. จัดทำรายงานอัตรากำลังครูต่อหน่วยงานต้นสงั กดั การสรรหาและบรรจุแต่งต้ัง มหี นา้ ท่ี 1. วางแผนดำเนินการสรรหาและเลอื กสรรและกำหนดรายละเอยี ดแผนปฏบิ ตั ิงาน 2. กำหนดรายละเอียดเกี่ยวกบั การสรรหาการเลอื กสรรคณุ สมบตั ิของบุคคลท่รี บั สมัคร 3. จัดทำประกาศรบั สมคั ร 4. รับสมคั ร 5. การตรวจสอบคณุ สมบตั ผิ สู้ มคั ร 6. ประกาศรายชื่อผู้มสี ิทธริ บั การประเมิน 7. แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการสรรหาและเลอื กสรร 8. สอบคดั เลอื ก 9. ประกาศรายช่ือผผู้ า่ นการเลอื กสรร 10. การเรยี กผทู้ ผี่ า่ นการคัดเลอื กมารายงานตัว 11. จัดทำรายต่อหน่วยงานตน้ สงั กดั การพฒั นาบุคลากร มหี นา้ ที่ 1. จัดทำแผนงาน/โครงการ/แผนปฏิบัตกิ ารประจำปี 2. สำรวจความต้องการในการพฒั นาครูและบุคลากรในโรงเรยี น 3. จดั ทำแผนพฒั นาตนเองของครูและบคุ ลากรในโรงเรียน 4. สง่ เสรมิ และสนบั สนนุ ให้ครแู ละบคุ ลากรได้รบั การพฒั นา 5. จัดทำแฟม้ บุคลากรในโรงเรยี น 6. ตดิ ตาม ประเมินผล สรุปรายงานผลการปฏบิ ัตงิ านเสนอผูอ้ ำนวยการ 7. งานอ่นื ๆ ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย
4 การเล่ือนขน้ั เงนิ เดือน มีหนา้ ท่ี 1. จดั ทำแผนงาน/โครงการ/แผนปฏิบัตกิ ารประจำปี 2. นเิ ทศ ติดตามผลการปฏบิ ตั งิ านของครแู ละบคุ ลากรในโรงเรียน 3. ประชุมคณะกรรมการในการพจิ ารณาเลื่อนขัน้ เงินเดอื นประจำปี 4. จดั ทำบญั ชีผู้ท่ีได้รบั การพิจารณาเลอื่ นขนั้ ประจำปีโดยยดึ หลกั ความโปร่ งใส คุณธรรม จริยธรรมและการปฏบิ ัตงิ านทร่ี บั ผดิ ชอบ 5. แตง่ ตงั้ ผู้ท่ีไดร้ ับการเล่ือนขั้นเงินเดือนรายงานต่อตน้ สงั กดั มหี น้าที่ เครอื่ งราชอิสรยิ าภรณ์ โรงเรยี น 1. จัดรวบรวมเอกสารในการเสนอขอพระราชทานเครอื่ งราชอสิ ริยาภรณ์ โรงเรียน 2. สำรวจความตอ้ งการขอพระราชทานเครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณ์ของคณะครแู ละบคุ ลากร มีหน้าท่ี 3. สง่ เสรมิ และสนบั สนนุ ขอพระราชทานเครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณข์ องคณะครูและบุคลากรใน 4. จัดทำแฟ้มข้อมลู การไดร้ บั พระราชทานเคร่อื งราชอิสรยิ าภรณข์ องคณะครแู ละบุคลากรใน วินยั และการรักษาวินัย 1. จัดรวบรวมเอกสารเกี่ยววนิ ัยและการรกั ษาวนิ ัยของข้าราชการครูและบคุ ลากรในโรงเรีย 2. จดั ทำแฟม้ ขอ้ มลู เกี่ยวกับการทำผิดเกยี่ วกบั วินัยของข้าราชการครแู ละบุคลากรในโรงเรียน สวัสดกิ ารครู มีหน้าที่ 1. วางแผนดำเนนิ งานเกย่ี วกบั สวสั ดิการของครูและบคุ ลากรในโรงเรียน 2. มอบของขวัญเปน็ กำลังใจในวนั สำคัญต่างๆ วนั เกิด แสดงความยนิ ดีท่ผี ่านการประเมนิ ครู ชำนาญการพิเศษ ของครูและบคุ ลากรในโรงเรียน 3. ซอ้ื ของเยีย่ มไขเ้ มือ่ เจบ็ ป่วยหรือนอนพกั รกั ษาตวั ในโรงพยาบาล
5 สำมะโนนกั เรยี น/รบั นักเรียน มหี นา้ ท่ี 1. วางแผนในการจดั ทำสำมะโนนักเรยี น 2. สำมะโนนักเรยี นในเขตหมู่ 1, 10 หมู่ 15 และหมู่ 14 ต.พนมรอก ซ่งึ เป็นเขตบรกิ าร ของโรงเรยี น 3. จดั ทำเอกสารการรบั สมคั รนกั เรียน เด็กเลก็ ชนั้ อนบุ าล 2 ประถมศึกษาปีที่ 1 4. เปิดรบั สมัครนักเรยี น เดก็ เลก็ ชน้ั อนุบาล 2 ประถมศกึ ษาปที ่ี 2 5. จัดทำแฟม้ นกั เรียน เดก็ เลก็ ชัน้ อนบุ าล 2 ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 6. สรปุ การจดั ทำสำมะโนนกั เรียนรายงานหน่วยงานต้นสังกดั การปฏบิ ัติราชการของขา้ ราชการครู การลา การลาแบง่ ออกเปน็ 9 ประเภท คือ 1. การลาปว่ ย 2. การลาคลอดบุตร 3. การลากจิ ส่วนตัว 4. การลาพกั ผอ่ น 5. การลาอปุ สมบทหรอื การลาไปประกอบพธิ ีฮจั ย์ 6. การลาเข้ารับการตรวจเลือกหรอื เขา้ รบั การเตรียมพล 7. การลาไปศึกษา ฝกึ อบรม ดูงาน หรอื ปฏบิ ัตกิ ารวิจยั 8. การลาไปปฏบิ ัติงานในองคก์ ารระหวา่ งประเทศ 9. การลาติดตามคสู่ มรส การลาป่วย ข้าราชการซ่ึงประสงค์จะลาป่วยเพ่ือรักษาตัวให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อ ผู้บงั คับบัญชาตามลำดบั จนถึงผมู้ ีอำนาจอนุญาตกอ่ นหรือในวนั ที่ลาเว้นแต่ในกรณีจำเป็นจะเสนอหรือจัดส่ง ใบลา ในวันแรกที่มาปฏบิ ัติราชการก็ได้ ในกรณีท่ีข้าราชการผู้ขอลามีอาการป่วยจนไม่สามารถจะลงชือ่ ใน ใบลาไดจ้ ะให้ผูอ้ น่ื ลาแทนกไ็ ด้ แตเ่ ม่อื สามารถลงช่ือไดแ้ ล้วให้เสนอหรือจัดสง่ ใบลาโดยเรว็ การลาป่วยตัง้ แต่ 30 วนั ขึน้ ไป ต้องมใี บรบั รองของแพทย์ซง่ึ เป็นผทู้ ี่ได้ขึ้นทะเบยี นและ รับใบอนญุ าตเปน็ ผูป้ ระกอบวชิ าชีพเวช กรรมแนบไปกบั ใบลาด้วย ในกรณีจำเปน็ หรอื เหน็ สมควรผู้มีอำนาจอนุญาตจะสง่ั ให้ใช้ใบรับรองของแพทย์ ซ่ึงผ้มู อี ำนาจอนุญาตเหน็ ชอบแทนกไ็ ด้ การลาป่วยไม่ถงึ 30 วัน ไม่ว่าจะเปน็ การลาครัง้ เดียวหรือหลายครงั้ ติดต่อกนั ถา้ ผ้มู อี ำนาจ อนญุ าตเหน็ สมควร จะสง่ั ใหม้ ใี บรบั รองแพทย์ตามวรรคสามประกอบใบลา หรือสง่ั ใหผ้ ้ลู าไปรับการ ตรวจจากแพทยข์ องทางราชการเพื่อประกอบการพิจารณาอนญุ าตกไ็ ด้
6 การลาคลอดบุตร ข้าราชการซึ่งประสงค์จะลาคลอดบุตร ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อ ผู้บังคับบัญชาตามลำดับ จนถึงผู้มีอำนาจอนุญาตก่อนหรือในวนั ท่ีลา เวน้ แต่ไม่สามารถจะลงช่ือในใบลาได้ จะให้ผู้อื่นลาแทน ก็ได้ แตเ่ มื่อสามารถลงชอ่ื ได้แล้วให้เสนอหรอื จดั ส่งใบลาโดยเร็ว และมสี ิทธิลาคลอดบุตร โดยไดร้ ับ เงินเดอื นคร้ังหน่ึงได้ การลาคลอดบตุ รจะลาในวนั ที่คลอดกอ่ นหรือหลงั วนั ท่ีคลอดบตุ รก็ได้ แตเ่ มอ่ื รวมวนั ลาแล้ว ตอ้ งไม่เกิน 90 วนั การลากิจส่วนตัว ข้าราชการซ่ึงประสงค์จะลากิจส่วนตัว ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อ ผ้บู ังคับบญั ชาตามลำดับ จนถึงผู้มีอำนาจอนุญาต และเมื่อได้รบั อนุญาตแล้วจึงจะหยุดราชการได้ เว้นแต่มี เหตุจำเป็น ไม่สามารถรอรับอนุญาตได้ทันจะเสนอหรือจัดส่งใบลาพร้อมด้วยระบุเหตุจำเป็นไว้แล้ว หยุด ราชการ ไปก่อนก็ได้ แต่จะต้องชี้แจงเหตุผลใหผ้ ู้มอี ำนาจอนุญาตทราบโดยเร็ว ในกรณีมีเหตพุ ิเศษทไี่ ม่อาจ เสนอหรือจัดส่งใบลาก่อนตามวรรคหน่ึงได้ ให้เสนอหรือจัดส่ง ใบลาพร้อมท้ังเหตุผลความจำเป็นต่อ ผบู้ ังคับบัญชาตามลำดับจนถึงผูม้ อี ำนาจอนญุ าตทนั ทใี นวนั แรก ทม่ี าปฏบิ ัตริ าชการ ขา้ ราชการมีสิทธิลากิจ ส่วนตัว โดยไดร้ ับเงินเดือนปลี ะไม่เกิน 45 วันทำการ ข้าราชการท่ีลาคลอดบุตรตามข้อ 18 แล้ว หาก ประสงค์จะลากิจส่วนตัวเพ่อื เลี้ยงดบู ตุ รใหม้ ี สิทธลิ าต่อเนอื่ งจากการลาคลอดบตุ รได้ไม่เกนิ 150 วันทำการ โดยไม่มีสิทธิได้รับเงินเดือนระหว่างลา การลาพกั ผอ่ น ข้าราชการมีสิทธิลาพักผ่อนประจำปีในปีหนึ่งได้ 10 วันทำการ เว้นแต่ ขา้ ราชการดงั ต่อไปน้ี ไมม่ สี ทิ ธิลาพักผ่อนประจำปใี นปีทไี่ ดร้ ับบรรจุเข้ารบั ราชการยงั ไม่ถงึ 6 เดือน 1. ผู้ซึ่งได้รับบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการคร้ังแรก ผู้ซึ่งลาออกจากราชการเพราะเหตุ ส่วนตวั แล้วต่อมาได้รบั บรรจุเข้ารบั ราชการอีก 2. ผซู้ ง่ึ ลาออกจากราชการเพื่อดำรงตำแหนง่ ทางการเมอื ง หรอื เพือ่ สมัครรับเลือกต้งั แล้ว ตอ่ มาไดร้ ับบรรจเุ ข้ารบั ราชการอีกหลัง 6 เดอื น นบั แต่วันออกจากราชการ 3. ผู้ซ่ึงถูกสั่งให้ออกจากราชการในกรณีอ่ืน นอกจากกรณไี ปรับราชการทหารตามกฎหมาย ว่า ดว้ ยการรับราชการทหารและกรณีไปปฏิบัติงานใด ๆ ตามความประสงค์ของทางราชการ แล้วต่อมา ได้รับ บรรจุเข้ารับราชการอีกถ้าในปีใดข้าราชการผู้ใดมิได้ลาพักผอ่ นประจำปีหรือลาพักผอ่ นประจำปี แลว้ แต่ไม่ ครบ 10 วนั ทำการ ให้สะสมวนั ท่ยี ังมไิ ดล้ าในปีน้ันรวมเข้ากับปีต่อ ๆไปได้ แต่วันลาพกั ผ่อน สะสมรวมกับวนั ลาพกั ผอ่ นในปปี ัจจบุ ันจะตอ้ งไมเ่ กนิ 20 วนั ทำการ สำหรับผูท้ ่ีได้รับราชการตดิ ตอ่ กันมาแลว้ ไมน่ ้อยกว่า 10 ปี ใหม้ สี ทิ ธนิ ำวนั ลาพกั ผ่อนสะสม รวมกบั วันลาพักผ่อนในปีปจั จบุ ันได้ไม่เกิน 30 วันทำการ การลาอุปสมบทหรือการลาไปประกอบพิธีฮัจย์ ข้าราชการซ่ึงประสงค์จะลาอุปสมบทใน พระพุทธศาสนา หรอื ข้าราชการทีน่ ับถือศาสนา อิสลามซึง่ ประสงคจ์ ะลาไปประกอบพธิ ฮี ัจย์ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบียให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับจนถึงผู้มีอำนาจพิจารณาหรือ อนญุ าตก่อนวนั อปุ สมบท หรือกอ่ นวนั เดินทางไปประกอบพธิ ีฮจั ย์ไม่น้อยกว่า 60 วัน ในกรณีมเี หตุพิเศษไม่ อาจเสนอหรือจัดส่งใบลาก่อนตามวรรคหน่ึงให้ช้ีแจงเหตุผลความ จำเป็นประกอบการลา และให้อยู่ใน ดลุ พนิ จิ ของผู้มีอำนาจทจ่ี ะพิจารณาให้ลาหรอื ไม่กไ็ ด้ ขา้ ราชการทีไ่ ด้รบั พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ ลาอุปสมบทหรือไดร้ บั อนุญาตให้ลาไป ประกอบพธิ ีฮจั ยแ์ ล้วจะตอ้ งอุปสมบทหรือออกเดนิ ทางไปประกอบพธิ ี
7 ฮจั ยภ์ ายใน 10 วนั นับแต่ วนั เรม่ิ ลา และจะตอ้ งกลบั มารายงานตวั เข้าปฏบิ ตั ิราชการภายใน 5 วัน นับแต่ วันท่ีลาสิกขา หรอื วันที่เดนิ ทางกลบั ถงึ ประเทศไทยหลงั จากการเดนิ ทางไปประกอบพิธีฮัจย์ การลาเข้ารับการตรวจเลือกหรอื เข้ารับการเตรยี มพล ขา้ ราชการทไ่ี ด้รบั หมายเรยี กเข้ารับการ ตรวจเลือก ให้รายงานลาต่อผู้บังคับบัญชาก่อนวัน เข้ารับการตรวจเลือกไม่น้อยกว่า 48 ชั่วโมง ส่วน ข้าราชการทีไ่ ด้รบั หมายเรียกเขา้ รบั การเตรียมพล ให้รายงานลาต่อผู้บงั คบั บัญชาภายใน 48 ชั่วโมง นับแต่ เวลารับหมายเรียกเป็นต้นไป และให้ไปเข้า รับการตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรียมพลตามวันเวลาใน หมายเรียกน้ันโดยไม่ต้องรอรับคำส่ัง อนุญาต และให้ผู้บังคับบัญชาเสนอรายงานลาไปตามลำดับจนถึง หวั หนา้ สว่ นราชการ หรือหวั หน้า ส่วนราชการขึ้นตรง การลาไปศึกษา ฝึกอบรมดูงาน หรือปฏิบัติการวิจัย ข้าราชการซ่ึงประสงค์จะลาไปศึกษา ฝึกอบรม ดูงาน หรือปฏิบัติการวิจัย ณ ต่างประเทศ ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับ จนถึงปลัดกระทรวงหรือหัวหน้าสว่ นราชการขนึ้ ตรงเพ่ือพิจารณาอนญุ าตสำหรับการลาไปศึกษาฝึกอบรมดู งาน หรือปฏิบัติการวิจัยในประเทศให้เสนอหรือจัดส่ง ใบลาตามลำดับจนถึงหัวหน้าส่วนราชการ หรือ หัวหนา้ สว่ นราชการขึ้นตรงเพอื่ พิจารณาอนญุ าต เวน้ แต่ข้าราชการกรงุ เทพมหานครให้เสนอหรอื จัดสง่ ใบลา ต่อปลดั กรงุ เทพมหานคร สำหรับหวั หน้า ส่วนราชการให้เสนอหรือจัดสง่ ใบลาต่อปลัดกระทรวง หัวหน้า สว่ นราชการข้นึ ตรงและขา้ ราชการ ในราชบัณฑิตยสถานให้เสนอหรอื จัดสง่ ใบลาต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัด ส่วนปลดั กรุงเทพมหานครให้เสนอ หรือจดั ส่งใบลาต่อผูว้ า่ ราชการกรุงเทพมหานคร เพอ่ื พจิ ารณาอนุญาต การลาไปปฏิบัตงิ านในองค์การระหว่างประเทศ ข้าราชการซึง่ ประสงค์จะลาไปปฏิบัติงานใน องค์การระหว่างประเทศ ให้เสนอหรือจดั ส่งใบลา ต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับจนถึงรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเพ่ือ พจิ ารณา โดยถอื ปฏิบตั ิตามหลักเกณฑ์ ที่กำหนด การลาติดตามคู่สมรส ข้าราชการซึ่งประสงค์ติดตามคู่สมรสให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อ ผู้บังคับบัญชาตามลำดับ จนถึงปลัดกระทรวงหรือหัวหน้าส่วนราชการข้ึนตรงแล้วแต่กรณี เพ่ือพิจารณา อนญุ าตให้ลาได้ไม่เกิน สองปแี ละในกรณจี ำเป็นอาจอนญุ าตให้ลาได้อีกสองปี แตเ่ มื่อรวมแล้วต้องไม่เกนิ สป่ี ี ถ้าเกินส่ีปี ให้ลาออกจากราชการสำหรับปลัดกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการข้ึนตรง และข้าราชการ ในราชบณั ฑิตยสถานให้เสนอหรือจดั สง่ ใบลาต่อรฐั มนตรเี จ้าสังกัด สว่ นปลัดกรุงเทพมหานครใหเ้ สนอ หรือ จัดสง่ ใบลาตอ่ ผ้วู ่าราชการกรงุ เทพมหานครเพอื่ พจิ ารณาอนญุ าต
8 วนิ ัยและการดำเนนิ การทางวินัย วินยั : การควบคมุ ความประพฤติของคนในองค์กรให้เป็นไปตามแบบแผนท่ีพงึ ประสงค์ วนิ ัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา : ขอ้ บัญญตั ิท่ีกำหนดเปน็ ข้อห้ามและ ขอ้ ปฏบิ ตั ิ ตามหมวด 6 แห่งพระราชบัญญัตริ ะเบยี บข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และทีแ่ ก้ไข เพม่ิ เตมิ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2551 โทษทางวินัย มี 5 สถาน คือ วินัยไมร่ า้ ยแรง มีดงั นี้ 1. ภาคทณั ฑ์ 2. ตัดเงนิ เดอื น 3. ลดข้ันเงนิ เดือน วนิ ยั ร้ายแรง มีดังน้ี 4. ปลดออก 5. ไล่ออก การว่ากล่าวตักเตือนหรือการทำทัณฑ์บนไม่ถือว่าเป็นโทษทางวินัยใช้ในกรณีท่ีเป็นความผิด เลก็ นอ้ ยและมเี หตุอันควรงดโทษ การว่ากลา่ วตักเตอื นไม่ต้องทำเปน็ หนงั สือ แต่การทำทณั ฑบ์ นต้องทำเป็นหนังสอื (มาตรา 100 วรรคสอง) โทษภาคทัณฑ์ ใช้ลงโทษในกรณที ่ีเปน็ ความผิดเล็กนอ้ ยหรือมเี หตอุ นั ควรลดหย่อน โทษภาคทัณฑไ์ ม่ต้องหา้ ม การเลอื่ นข้ันเงนิ เดอื น โทษตดั เงินเดอื นและลดข้นั เงนิ เดอื น ใชล้ งโทษในความผิดทไ่ี ม่ถงึ กบั เป็นความผดิ ร้ายแรง และไม่ใชก่ รณีทีเ่ ปน็ ความผิดเลก็ น้อย โทษปลดออกและไลอ่ อก ใช้ลงโทษในกรณีทเ่ี ป็นความผิดวินยั รา้ ยแรงเทา่ นัน้ การลดโทษความผดิ วินยั รา้ ยแรง ห้ามลดโทษตำ่ กว่าปลดออก ผถู้ ูกลงโทษปลดออกมสี ิทธไิ ด้รบั บำเหนจ็ บำนาญเสมือนลาออก การสง่ั ใหอ้ อกจากราชการไม่ใช่โทษทางวนิ ยั วินยั ไมร่ า้ ยแรง ไดแ้ ก่ 1. ไมส่ นบั สนนุ การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษตั ริยเ์ ปน็ ประมุข ตาม รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทยดว้ ยความบริสทุ ธใ์ิ จ 2. ไม่ปฏบิ ตั ิหน้าทร่ี าชการดว้ ยความซือ่ สตั ยส์ จุ รติ เสมอภาค และเท่ียงธรรม ต้องมีความวิรยิ ะ อตุ สาหะขยันหมน่ั เพยี ร ดูแลเอาใจใส่ รักษาประโยชนข์ องทางราชการ และตอ้ งปฏิบตั ติ น ตามมาตรฐานและ จรรยาบรรณวิชาชีพ
9 3. อาศยั หรอื ยอมใหผ้ อู้ นื่ อาศยั อำนาจและหนา้ ที่ราชการของตนไม่วา่ จะโดยทางตรง หรอื ทางออ้ มหาประโยชน์ให้แกต่ นเองและผอู้ ่ืน 4. ไมป่ ฏบิ ตั ิหนา้ ทรี่ าชการให้เปน็ ไปตามกฎหมายระเบียบแบบแผนของทางราชการและ หนว่ ยงานการศึกษามตคิ รม. หรอื นโยบายของรัฐบาลโดยถือประโยชนส์ ูงสุดของผเู้ รียน และไม่ให้ เกิดความ เสียหายแก่ราชการ 5. ไม่ปฏบิ ัติตามคำสัง่ ของผบู้ ังคบั บัญชาซง่ึ สงั่ ในหน้าทร่ี าชการโดยชอบด้วยกฎหมายและ ระเบียบของทางราชการแต่ถ้าเห็นว่าการปฏบิ ตั ติ ามคำสง่ั นนั้ จะทำใหเ้ สยี หายแกร่ าชการ หรอื จะ เปน็ การไม่ รกั ษาประโยชน์ของทางราชการจะเสนอความเหน็ เป็นหนังสอื ภายใน 7 วัน เพื่อให้ผบู้ ังคบั บญั ชาทบทวน คำส่งั กไ็ ด้ และเมอ่ื เสนอความเหน็ แล้ว ถา้ ผบู้ ังคับบญั ชายืนยนั เป็นหนงั สือใหป้ ฏบิ ัติ ตามคำสง่ั เดมิ ผ้อู ยใู่ ต้ บังคับบัญชาตอ้ งปฏบิ ตั ติ าม 6. ไม่ตรงต่อเวลา ไมอ่ ทุ ิศเวลาของตนให้แกท่ างราชการและผูเ้ รยี น ละท้ิงหรือทอดท้ิงหนา้ ท่ี ราชการโดยไม่มเี หตผุ ลอันสมควร 7. ไม่ประพฤตติ นเปน็ แบบอยา่ งทดี่ แี กผ่ เู้ รียนชมุ ชน สงั คม ไมส่ ภุ าพเรียบร้อยและรกั ษา ความ สามัคคี ไม่ชว่ ยเหลือเกอ้ื กลู ตอ่ ผูเ้ รียนและขา้ ราชการดว้ ยกนั หรือผรู้ ่วมงานไมต่ อ้ นรบั หรือ ใหค้ วามสะดวก ใหค้ วามเป็นธรรมต่อผู้เรียนและประชาชนผู้มาตดิ ต่อราชการ 8. กลัน่ แกลง้ กล่าวหา หรอื รอ้ งเรียนผู้อน่ื โดยปราศจากความเปน็ จรงิ 9. กระทำการหรือยอมใหผ้ อู้ ื่นกระทำการหาประโยชน์อันอาจทำใหเ้ ส่ือมเสยี ความเท่ียงธรรม หรือเสอ่ื มเสยี เกยี รติศักด์ใิ นตำแหนง่ หน้าที่ราชการของตน 10. เป็นกรรมการผูจ้ ัดการ หรอื ผู้จดั การ หรือดำรงตำแหนง่ อ่ืนใดท่ีมลี ักษณะงานคลา้ ยคลึงกัน นนั้ ในห้างหุ้นส่วนหรือบรษิ ทั 11. ไม่วางตนเป็นกลางทางการเมอื งในการปฏิบัตหิ น้าท่ี และในการปฏบิ ตั กิ ารอน่ื ทเี่ กยี่ วข้อง กบั ประชาชนอาศัยอำนาจและหน้าทร่ี าชการของตนแสดงการฝกั ใฝส่ ง่ เสรมิ เกอื้ กลู สนบั สนนุ บคุ คล กลมุ่ บคุ คลหรือพรรคการเมืองใด 12. กระทำการอนั ใดอนั ได้ช่อื วา่ เป็นผปู้ ระพฤตชิ วั่ 13. เสรมิ สรา้ งและพัฒนาใหผ้ อู้ ยใู่ ต้บงั คบั บญั ชามีวนิ ยั ไมป่ ้องกนั มใิ หผ้ อู้ ย่ใู ตบ้ งั คบั บญั ชา กระทำผดิ วนิ ยั หรอื ละเลย หรือมพี ฤติกรรมปกปอ้ ง ชว่ ยเหลือมิใหผ้ อู้ ย่ใู ตบ้ งั คับบัญชาถูกลงโทษทางวินยั หรือปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ีดังกล่าวโดยไมส่ จุ ริต วนิ ยั รา้ ยแรง ได้แก่ 1. ทจุ รติ ต่อหนา้ ทรี่ าชการ 2. จงใจไมป่ ฏบิ ตั ิตามกฎหมายระเบียบแบบแผนของทางราชการและหน่วยงานการศึกษามติ ครม.หรือนโยบายของรัฐบาลประมาทเลนิ เลอ่ หรอื ขาดการเอาใจใสร่ ะมัดระวังรกั ษาประโยชน์ ของทาง ราชการอนั เป็นเหตุใหเ้ กิดความเสียหายแกร่ าชการอย่างร้ายแรง 3. ขัดคำส่งั หรอื หลีกเล่ียงไม่ปฏิบตั ติ ามคำส่งั ของผบู้ งั คับบญั ชาซง่ึ สั่งในหนา้ ทรี่ าชการ โดยชอบดว้ ยกฎหมายและระเบียบของทางราชการอันเปน็ เหตใุ หเ้ สียหายแกร่ าชการอยา่ งร้ายแรง
10 4. ละท้งิ หน้าทห่ี รอื ทอดทง้ิ หนา้ ทีร่ าชการ โดยไมม่ เี หตผุ ลอนั สมควรเป็นเหตใุ หเ้ สียหายแก่ ราชการอย่างรา้ ยแรง 5. ละทิ้งหน้าทร่ี าชการติดต่อในคราวเดียวกนั เปน็ เวลาเกนิ กวา่ 15 วนั โดยไมม่ ีเหตผุ ลอัน สมควร 6. กลั่นแกลง้ ดหู มนิ่ เหยยี ดหยาม กดข่ี หรอื ขม่ เหงผเู้ รียนหรอื ประชาชนผมู้ าติดต่อราชการ อยา่ งรา้ ยแรง 7. กล่ันแกลง้ กลา่ วหา หรอื ร้องเรียนผอู้ ื่นโดยปราศจากความเปน็ จรงิ เป็นเหตุใหผ้ ้อู น่ื ได้รบั ความเสยี หายอย่างรา้ ยแรง 8. กระทำการหรอื ยอมใหผ้ อู้ ืน่ กระทำการหาประโยชน์อันอาจทำใหเ้ สือ่ มเสียความเทย่ี งธรรม หรือเสอ่ื มเสยี เกยี รตศิ กั ดใิ์ นตำแหนง่ หนา้ ทรี่ าชการโดยมุ่งหมายจะใหเ้ ป็นการซอ้ื ขายหรอื ใหไ้ ดร้ บั แต่งตัง้ ให้ ดำรงตำแหนง่ หรือวิทยฐานะใดโดยไม่ชอบดว้ ยกฎหมาย หรอื เปน็ การกระทำอันมลี กั ษณะ เปน็ การใหห้ รือ ได้มาซ่งึ ทรัพยส์ ินหรอื สทิ ธิประโยชนอ์ ื่นเพอื่ ใหต้ นเองหรือผูอ้ น่ื ได้รับการบรรจุและ แต่งต้ังโดยมชิ อบ 9. คดั ลอกหรอื ลอกเลยี นผลงานทางวิชาการของผอู้ ื่นโดยมิชอบหรอื นำเอาผลงานทางวชิ าการ ของผูอ้ ่ืน หรือจ้างวาน ใช้ผอู้ ื่นทำผลงานทางวชิ าการเพ่ือไปใช้ในการเสนอขอปรับปรงุ การกำหนดตำแหนง่ การเล่ือนตำแหนง่ การเล่อื นวทิ ยฐานะ หรอื การให้ไดร้ บั เงนิ เดอื นในระดบั ทสี่ ูงข้ึน 10. ร่วมดำเนินการคัดลอกหรือลอกเลียนผลงานของผอู้ ืน่ โดยมชิ อบ หรอื รบั จดั ทำผลงานทาง วิชาการ ไม่วา่ จะมคี ่าตอบแทนหรอื ไมเ่ พอ่ื ให้ผ้อู ่นื นำผลงานน้นั ไปใช้ประโยชนเ์ พอื่ ปรบั ปรงุ การกำหนด ตำแหนง่ เลอ่ื นตำแหนง่ เลอ่ื นวิทยฐานะ หรอื ให้ไดร้ บั เงนิ เดอื นในอันดับทส่ี ูงข้นึ 11. เขา้ ไปเกี่ยวขอ้ งกบั การดำเนนิ การใด ๆ อนั มลี ักษณะเป็นการทจุ รติ โดยการซ้ือสิทธหิ รอื ขาย เสียงในการเลอื กต้งั สมาชกิ รัฐสภา สมาชิกสภาทอ้ งถ่นิ ผู้บรหิ ารท้องถนิ่ หรอื การเลอื กต้งั อนื่ ท่มี ลี ักษณะเป็น การสง่ เสรมิ การปกครองในระบอบประชาธิปไตยรวมทง้ั การส่งเสริม สนบั สนนุ หรอื ชักจงู ใหผ้ ูอ้ ่นื กระทำการ ในลักษณะเดยี วกนั 12. กระทำความผิดอาญาจนได้รบั โทษจำคุก หรอื โทษทหี่ นกั กว่าจำคุกโดยคำพิพากษาถึงทสี่ ดุ ให้จำคกุ หรือให้รบั โทษทหี่ นักกว่าจำคกุ เว้นแตเ่ ป็นโทษสำหรบั ความผดิ ทีไ่ ดก้ ระทำโดยประมาท หรือลหโุ ทษ หรอื กระทำการอน่ื ใดอนั ได้ชือ่ วา่ เป็นผปู้ ระพฤตชิ ่วั อย่างรา้ ยแรง 13. เสพยาเสพติด หรอื สนับสนนุ ใหผ้ ้อู นื่ เสพยาเสพติด 14. เลน่ การพนันเปน็ อาจณิ 15. กระทำการลว่ งละเมิดทางเพศต่อผเู้ รียนหรอื นกั ศึกษาไม่วา่ จะอยใู่ นความดแู ลรบั ผิดชอบ ของตนหรอื ไม่ การดำเนนิ การทางวินยั การดำเนนิ การทางวนิ ัย กระบวนการและขนั้ ตอนการดำเนนิ การในการออกคำสงั่ ลงโทษ ซ่ึง เปน็ ข้ันตอนทม่ี ีลำดบั ก่อนหลงั ต่อเน่อื งกนั อนั ไดแ้ ก่ การตั้งเรอื่ งกลา่ วหาการสบื สวนสอบสวน การพิจารณา ความผิดและกำหนดโทษและการส่งั ลงโทษรวมท้งั การดำเนนิ การตา่ ง ๆ ในระหวา่ งการสอบสวนพิจารณา เช่น การสง่ั พกั การส่ังใหอ้ อกไว้กอ่ น เพ่อื รอฟังผลการสอบสวนพิจารณา
11 หลกั การดำเนินการทางวินยั 1. กรณที ่ผี บู้ งั คบั บัญชาพบวา่ ผูใ้ ตบ้ งั คับบญั ชาผู้ใดกระทำผดิ วนิ ยั โดยมีพยานหลกั ฐานในเบือ้ งต้น อยแู่ ลว้ ผบู้ งั คบั บญั ชากส็ ามารถดำเนินการทางวนิ ัยได้ทันที 2. กรณีทีม่ กี ารรอ้ งเรยี นดว้ ยวาจาใหจ้ ดปากคำ ใหผ้ รู้ อ้ งเรยี นลงลายมือช่อื และวัน เดอื น ปี พร้อมรวบรวมพยานหลกั ฐานอน่ื ๆ ประกอบการพจิ ารณาแลว้ ดำเนินการใหม้ ีการสบื สวนขอ้ เทจ็ จรงิ โดยตงั้ กรรมการสบื สวนหรือส่ังใหบ้ คุ คลใดไปสืบสวนหากเหน็ ว่ามมี ลู ก็ต้ังคณะกรรมการสอบสวน ตอ่ ไป 3. กรณมี ีการรอ้ งเรียนเปน็ หนงั สอื ผบู้ งั คับบญั ชาต้องสบื สวนในเบ้อื งต้นก่อนหากเห็นว่า ไม่มีมลู ก็ ส่งั ยุตเิ ร่อื งถา้ เห็นวา่ มมี ลู ก็ตงั้ คณะกรรมการสอบสวนตอ่ ไป กรณหี นงั สอื รอ้ งเรยี นไมล่ ง ลายมอื ชื่อและทอี่ ยู่ ของผรู้ ้องเรียนหรือไม่ปรากฏพยานหลักฐานทแ่ี น่นอนจะเข้าลักษณะของบตั ร สนเทห่ ์ มติครม.หา้ มมใิ หร้ บั ฟงั เพราะจะทำให้ข้าราชการเสยี ขวัญในการปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ี ขน้ั ตอนการดำเนนิ การทางวนิ ยั 1. การตัง้ เร่อื งกล่าวหาเป็นการตง้ั เร่อื งดำเนินการทางวินยั แก่ข้าราชการเมื่อปรากฏกรณีมมี ูลที่ ควรกล่าวหาว่า กระทำผิดวินัยมาตรา 98 กำหนดให้ผู้บังคับบัญชาแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนเพ่ือ ดำเนนิ การ สอบสวนให้ได้ความจริงและความยุติธรรมโดยไม่ชกั ช้าผู้ต้ังเร่ืองกลา่ วหาคือผู้บงั คบั บญั ชาของผู้ ถูก กล่าวหาความผิดวินัยไม่ร้ายแรง ผู้บังคับบัญชาชั้นต้นคือ ผู้อำนวยการสถานศึกษาสามารถแต่งต้ัง กรรมการสอบสวนข้าราชการในโรงเรียนทุกคนความผิดวินัยร้ายแรง ผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจบรรจุ และ แตง่ ต้งั ตามมาตรา 53 เปน็ ผมู้ อี ำนาจบรรจุและแตง่ ตัง้ คณะกรรมการสอบสวน 2 . การแจ้งข้อกล่าวหา มาตรา 98 กำหนดไว้วา่ ในการสอบสวนจะต้องแจ้งข้อกล่าวหาและ สรุปพยานหลักฐาน ท่ีสนับสนุนข้อกล่าวหาเท่าท่ีมีให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ โดยระบุหรือไม่ระบุชื่อพยานกไ็ ด้ เพื่อให้ ผู้ถูกกลา่ วหามโี อกาสช้ีแจงและนำสบื แกข้ ้อกล่าวหา 3. การสอบสวน คือ การรวบรวมพยานหลักฐานและการดำเนินการท้ังหลายอน่ื เพื่อจะทราบ ข้อเทจ็ จรงิ และพฤตกิ ารณ์ตา่ ง ๆ หรอื พสิ จู นเ์ กยี่ วกับเรอ่ื งทีก่ ลา่ วหาเพื่อให้ไดค้ วามจรงิ และยตุ ิธรรม และ เพื่อพิจารณาว่าผู้ถูกกลา่ วหาไดก้ ระทำผิดวินัยจริงหรือไม่ถ้าผดิ จริงก็จะได้ลงโทษ ข้อยกเวน้ กรณที ่เี ป็น ความผดิ ท่ปี รากฏชดั แจง้ ตามทก่ี ำหนดในกฎ ก.ค.ศ.จะดำเนนิ การ ทางวนิ ยั โดยไมส่ อบสวนกไ็ ด้ ความผิดที่ปรากฏชัดแจ้งตามท่ีกำหนดในกฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยกรณีความผิดท่ีปรากฏชัดแจ้ง พ.ศ.2549 ก. การกระทำผิดวนิ ัยอย่างไม่ร้ายแรงทเ่ี ป็นกรณคี วามผิดทปี่ รากฏอย่างชัดแจ้ง ได้แก่ (1) กระทำความผิดอาญาจนตอ้ งคำพิพากษาถงึ ทสี่ ุดว่าผนู้ ั้นกระทำผิดและผู้บังคบั บญั ชาเห็นว่า ข้อเท็จจรงิ ตามคำพพิ ากษาประจักษ์ชัด (2) กระทำผดิ วินัยไม่ร้ายแรงและได้รับสารภาพเปน็ หนังสือตอ่ ผู้บงั คับบัญชาหรือให้ถอ้ ยคำรับ สารภาพต่อผู้มหี นา้ ทสี่ ืบสวนหรอื คณะกรรมการสอบสวนโดยมีการบันทกึ ถ้อยคำเป็นหนงั สือ
12 ข. การกระทำผดิ วินัยอยา่ งรา้ ยแรงท่เี ป็นกรณคี วามผดิ ทปี่ รากฏชัดแจง้ ได้แก่ (1) กระทำความผิดอาญาจนได้รับโทษจำคุกหรอื โทษที่หนกั กวา่ จำคกุ โดยคำพิพากษาถงึ ท่ีสดุ ให้ จำคกุ หรือลงโทษท่ีหนกั กว่าจำคกุ (2) ละทิ้งหน้าที่ราชการติดตอ่ ในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกนิ กวา่ 15 วันผู้บังคับบัญชา สืบสวน แล้วเหน็ ว่าไมม่ เี หตผุ ลสมควร หรอื มพี ฤติการณ์อนั แสดงถงึ ความจงใจไม่ปฏบิ ตั ติ ามระเบียบ ของทางราชการ (3) กระทำผิดวินยั อย่างร้ายแรงและได้รับสารภาพเป็นหนังสอื ต่อผู้บังคับบญั ชาหรือให้ ถ้อยคำ รับสารภาพต่อผูม้ หี น้าท่ีสบื สวนหรือคณะกรรมการสอบสวนโดยมกี ารบนั ทึกถ้อยคำเปน็ หนงั สือ การอทุ ธรณ์ มาตรา 121 และมาตรา 122 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากร ทาง การศึกษา พ.ศ. 2547 บัญญัติให้ผู้ถูกลงโทษทางวินัยมีสิทธิอุทธรณ์คำส่ังลงโทษต่ออ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่ การศกึ ษา อ.ก.ค.ศ.ท่ี ก.ค.ศ. ตง้ั แล้วแตก่ รณี ภายใน 30 วัน เง่อื นไขในการอทุ ธรณ์ ผู้อทุ ธรณ์ ต้องเปน็ ผู้ท่ถี กู ลงโทษทางวินัยและไมพ่ อใจผลของคำส่ังลงโทษผูอ้ ทุ ธรณ์ ตอ้ งอุทธรณ์ เพอื่ ตนเองเทา่ น้ัน ไม่อาจอทุ ธรณแ์ ทนผอู้ ืน่ ได้ ระยะเวลาอุทธรณ์ ภายใน 30 วัน นบั แต่วนั ท่ีได้รบั แจ้งคำสงั่ ลงโทษต้องทำเปน็ หนงั สือ การอทุ ธรณโ์ ทษวนิ ัยไมร่ า้ ยแรง การอุทธรณ์คำสั่งโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน หรือลดข้ัน เงินเดอื นท่ผี ้บู ังคับบญั ชาสง่ั ดว้ ยอำนาจของตนเอง ต้องอทุ ธรณ์ตอ่ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นท่ีการศึกษาหรือ อ.ก.ค.ศ. ส่วนราชการ เว้นแต่ การส่งั ลงโทษตามมติใหอ้ ทุ ธรณต์ อ่ ก.ค.ศ. การอุทธรณ์โทษวินัยร้ายแรง การอุทธรณ์คำสั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออกจากราชการต้อง อทุ ธรณต์ ่อก.ค.ศ.ทั้งน้กี ารร้องทุกขค์ ำสงั่ ให้ออกจากราชการหรือคำส่ังพักราชการหรือให้ออกจากราชการไว้ กอ่ นก็ต้องรอ้ งทกุ ข์ตอ่ ก.ค.ศ.เชน่ เดียวกนั การรอ้ งทุกข์ หมายถึง ผ้ถู กู กระทบสิทธิหรอื ไม่ไดร้ ับความเปน็ ธรรมจากคำสงั่ ของฝ่ายปกครอง หรือคับข้องใจจากการกระทำของผบู้ ังคับบญั ชาใชส้ ิทธริ ้องทุกขข์ อความเป็นธรรมขอให้เพิกถอนคำสั่งหรือ ทบทวนการกระทำของฝ่ายปกครองหรอื ของผูบ้ งั คับบัญชา มาตรา 122 และมาตรา 123 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากร ทาง การศึกษาพ.ศ.2547บัญญัติให้ผ้ถู ูกสั่งให้ออกจากราชการมีสิทธิร้องทุกข์ต่อก.ค.ศ.และผู้ซึ่งตน เห็นว่าตน ไมไ่ ด้รบั ความเปน็ ธรรมหรอื มีความคบั ขอ้ งใจเนื่องจากการกระทำของผบู้ ังคบั บญั ชาหรอื กรณถี กู ตงั้ กรรมการ สอบสวนมีสทิ ธิรอ้ งทุกขต์ อ่ อ.ก.ค.ศ.เขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษาอ.ก.ค.ศ.ท่ีก.ค.ศ.ตง้ั หรือก.ค.ศ.แล้วแตก่ รณีภายใน30 วนั ผู้มสี ทิ ธริ ้องทกุ ข์ ไดแ้ ก่ ขา้ ราชการครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา เหตุทจ่ี ะรอ้ งทกุ ข์ (1) ถูกส่ังให้ออกจากราชการ (2) ถกู สัง่ พักราชการ (3) ถูกสงั่ ให้ออกจากราชการไวก้ ่อน
13 (4) ไมไ่ ดร้ ับความเปน็ ธรรม หรอื คบั ข้องใจจากการกระทำของผบู้ ังคับบญั ชา (5) ถูกตงั้ กรรมการสอบสวน การเลอื่ นขน้ั เงนิ เดอื น ขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาจะได้รับการพิจารณาเลอ่ื นข้นั เงนิ เดอื นในแต่ละครั้งตอ้ ง อยูใ่ นเกณฑ์ ดังน้ี 1. ในครึ่งปีท่ีแล้วมามีผลการปฏิบัติงาน ความประพฤติในการรักษาวินัย คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชพี อยใู่ นเกณฑ์ท่ีสมควรได้เลอ่ื นขน้ั เงินเดอื น 2. ในครึ่งปีท่ีแล้วมาจนถึงวันออกคำส่ังเล่ือนข้ันเงินเดือนไม่ถูกลงโทษทางวินัยที่หนักกว่าโทษ ภาคทัณฑ์ หรือถกู ลงโทษในคดีอาญาให้ลงโทษในความผดิ ทเ่ี กีย่ วกบั การปฏิบตั ิหน้าทีร่ าชการ หรือ ความผิด ท่ีทำให้เส่ือมเสยี เกียรติศกั ดิ์ของตำแหน่งหนา้ ที่ราชการของตน ซึ่งไมไ่ ช่ความผิดท่ไี ดก้ ระทำ โดยประมาทหรือ ความผิดลหุโทษ 3. ในครง่ึ ปีท่ีแล้วมาตอ้ งไม่ถกู ส่งั พกั ราชการเกินกวา่ สองเดือน 4. ในครง่ึ ปที ่แี ล้วมาต้องไม่ขาดราชการโดยไม่มีเหตผุ ลอันสมควร 5. ในคร่ึงปีทแ่ี ล้วมาได้รบั การบรรจเุ ข้ารับราชการมาแล้วเป็นเวลาไม่นอ้ ยกวา่ สเ่ี ดอื น 6. ในครึ่งปที แ่ี ล้วมาถ้าเปน็ ผไู้ ด้รับอนญุ าตไปศกึ ษาในประเทศฝึกอบรมและดูงาน ณ ตา่ งประเทศตอ้ งได้ปฏิบัติหน้าทรี่ าชการในครงึ่ ปีท่ีแลว้ มาเป็นเวลาไมน่ ้อยกวา่ สเี่ ดือน 7. ในคร่งึ ปีทแ่ี ลว้ มาต้องไม่ลาหรือมาทำงานสายเกนิ จำนวนคร้งั ทห่ี ัวหนา้ สว่ นราชการกำหนด 8. ในครึ่งปที ่แี ล้วมาต้องมีเวลาปฏบิ ตั ิราชการหกเดือนโดยมวี ันลาไมเ่ กนิ ยส่ี ิบสามวัน แต่ไม่รวม วนั ลา ดังตอ่ ไปน้ี 1) ลาอุปสมบทหรือลาไปประกอบพิธฮี จั ย์ 2) ลาคลอดบตุ รไมเ่ กนิ เก้าสบิ วนั 3) ลาปว่ ยซ่ึงจำเปน็ ต้องรกั ษาตวั เปน็ เวลานานไม่วา่ คราวเดยี วหรอื หลายคราวรวมกัน ไม่เกินหกสิบวนั ทำการ 4) ลาป่วยเพราะประสบอันตรายในขณะปฏบิ ัตริ าชการตามหนา้ ท่ีหรือในขณะเดินทางไป หรอื กลับจากการปฏบิ ัติราชการตามหนา้ ท่ี 5) ลาพักผอ่ น 6) ลาเข้ารบั การตรวจเลือกหรอื เข้ารับการเตรยี มพล 7) ลาไปปฏิบตั ิงานในองคก์ ารระหวา่ งประเทศ การฝึกอบรมและลาศึกษาตอ่ การฝึกอบรม หมายความว่า การเพมิ่ พูนความรคู้ วามชำนาญ หรอื ประสบการณ์ด้วยการเรียน หรือ การวิจยั ตามหลักสูตรของการฝึกอบรม หรือการสัมมนาอบรมเชิงปฏิบัติการ การดำเนนิ งานตาม โครงการ แลกเปล่ียนกับต่างประเทศ การไปเสนอผลงานทางวิชาการ และการประชุมเชิงปฏิบัติการ ทั้งนี้โดยมไิ ด้มี วตั ถปุ ระสงค์เพือ่ ให้ไดม้ าซ่ึงปริญญาหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพท่ี ก.พ.รับรอง และหมายความรวมถึงการ
14 ฝึกฝนภาษาและการรับคำแนะนำก่อนฝึกอบรมหรือการดูงานที่เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกอบรมหรือต่อจาก การฝกึ อบรมนน้ั ดว้ ย การดูงาน หมายความว่า การเพ่ิมพูนความรู้และประสบการณ์ด้วยการสังเกตการณ์ และการ แลกเปล่ียนความคิดเห็น (การดงู านมีระยะเวลาไมเ่ กิน 15 วัน ตามหลักสูตรหรอื โครงการ หรอื แผนการดู งานในตา่ งประเทศ หากมีระยะเวลาเกนิ กำหนดให้ดำเนนิ การเป็นการฝึกอบรม) การลาศึกษาต่อ หมายความว่า การเพิ่มพูนความรู้ด้วยการเรียนหรือการวิจัยตามหลักสูตรของ สถาบัน การศกึ ษา หรอื สถาบันวิชาชีพ เพ่อื ให้ไดม้ าซงึ่ ปรญิ ญาหรอื ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี ที่ ก.พ.รับรองและ หมายความรวมถึงการฝึกฝนภาษาและการได้รบั คำแนะนำกอ่ นเขา้ ศึกษาและการฝึกอบรม หรือการดงู านท่ี เปน็ ส่วนหน่ึงของการศึกษาหรือต่อจากการศกึ ษานนั้ ดว้ ย การออกจากราชการของขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาออกจากราชการเม่ือ(มาตรา 107 พ.ร.บ.ระเบียบ ขา้ ราชการครฯู ) 1) ตาย 2) พ้นจากราชการตามกฎหมายว่าดว้ ยบำเหนจ็ บำนาญข้าราชการ 3) ลาออกจากราชการและไดร้ บั อนุญาตให้ลาออก 4) ถกู ส่งั ใหอ้ อก 5) ถูกสง่ั ลงโทษปลดออกหรือไล่ออก 6) ถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ เว้นแต่ได้รับแต่งต้ังให้ดำรงตำแหน่งอ่ืนที่ไม่ต้องมี ใบอนญุ าตประกอบวิชาชพี การลาออกจากราชการ ข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาผใู้ ดประสงค์จะลาออกจากราชการ ให้ย่ืนหนังสือลาออกตอ่ ผ้บู งั คับบญั ชาเพ่อื ใหผ้ ูม้ อี ำนาจตาม มาตรา 53เป็นผพู้ จิ ารณาอนญุ าต กรณีผู้มีอำนาจตาม มาตรา 53 พิจารณาเห็นว่าจำเป็นเพ่ือประโยชน์แก่ราชการจะยับยั้งการ อนญุ าตใหล้ าออกไวเ้ ปน็ เวลาไม่เกนิ 90 วัน นับแต่วนั ขอลาออกกไ็ ด้ แตต่ อ้ งแจง้ การยับยั้ง พรอ้ มเหตุผลให้ผู้ ขอลาออกทราบ เม่ือครบกำหนดเวลาที่ยับย้ังแล้วให้การลาออกมีผลต้ังแต่วันถดั จากวนั ครบกำหนดเวลาท่ี ยับยั้ง ถา้ ผมู้ อี ำนาจตามมาตรา 53 ไมไ่ ด้อนุญาตและไมไ่ ดย้ บั ย้งั การอนญุ าตให้ลาออก ให้การลาออก มีผลต้ังแตว่ นั ขอลาออก ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผ้ใู ดประสงค์จะลาออกจากราชการเพื่อดำรงตำแหน่ง ทางการเมอื งหรอื เพ่ือสมัครรบั เลอื กตั้งใหย้ ื่นหนังสือลาออกต่อผู้บังคับบัญชา และใหก้ ารลาออกมีผลนบั ตั้งแต่วันทผี่ ู้นน้ั ขอลาออก
15 ระเบยี บ ก.ค.ศ ว่าดว้ ยการลาออกของข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ.2548 ข้อ 3 การย่ืนหนงั สอื ขอลาออกจากราชการใหย้ ื่นล่วงหน้าก่อนวนั ขอลาออกไม่น้อยกว่า 30 วนั กรณผี ู้มีอำนาจอนญุ าตการลาออกเหน็ วา่ มีเหตุผลและความจำเป็นพิเศษ จะอนุญาตเปน็ ลายลักษณ์อักษรก่อนวันขอลาออกให้ผู้ประสงค์จะลาออกย่นื หนังสือขอลาออกลว่ งหน้าน้อย กว่า 30 วัน ก็ได้ หนงั สอื ขอลาออกท่ยี ืน่ ลว่ งหนา้ ก่อนวนั ขอลาออกนอ้ ยกว่า 30 วนั โดยไม่ไดร้ ับอนญุ าตเปน็ ลาย ลกั ษณอ์ กั ษรจากผู้มีอำนาจอนุญาต หรือทีม่ ิได้ระบุวนั ขอลาออก ใหถ้ ือวันถดั จากวนั ครบกำหนด 30 วนั นับ แต่วันยืน่ เป็นวนั ขอลาออก ขอ้ 5 ผู้มีอำนาจอนญุ าตการลาออกพิจารณาวา่ จะส่ังอนุญาตให้ผู้น้ันลาออกจากราชการหรอื จะ สง่ั ยับยั้งการอนุญาตใหล้ าออกให้ดำเนินการ ดงั นี้ (1) หากพิจารณาเห็นว่าควรอนุญาตให้ลาออกจากราชการไดใ้ ห้มีคำสั่งอนุญาตให้ลาออก เป็นลายลักษณ์อักษรให้เสร็จส้ินก่อนวันขอลาออกแล้วแจ้งคำสั่งดังกล่าวให้ผู้ขอลาออกทราบก่อนวัน ขอ ลาออกด้วย (2) หากพิจารณาเห็นว่าควรยับยง้ั การอนุญาตให้ลาออกเนอื่ งจากจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่ ราชการ ให้มีคำสั่งยับยั้งการอนุญาตให้ลาออกเป็นลายลักษณ์อักษรให้เสร็จสิ้นก่อนวันขอลาออกแล้วแจ้ง คำสง่ั ดังกล่าวพร้อมเหตุผลให้ผูข้ อลาออกทราบกอ่ นวนั ขอลาออกด้วย ทั้งน้ีการยบั ยง้ั การอนุญาต ให้ลาออก ให้สงั่ ยับยัง้ ไวไ้ ดเ้ ปน็ เวลาไมเ่ กิน 90 วัน และสง่ั ยับยั้งได้เพียงครง้ั เดียวจะขยายอกี ไม่ได้ เม่ือครบกำหนดเวลาทยี่ บั ยง้ั แล้วให้การลาออกมีผลตงั้ แตว่ ัน ถดั จากวนั ครบกำหนดเวลาทย่ี ับย้งั ข้อ 6 กรณที ี่ผู้ขอลาออกไดอ้ อกจากราชการไปโดยผลของกฎหมาย เน่ืองจากผู้มอี ำนาจ อนญุ าต มิได้มีคำสั่งอนุญาตให้ลาออกและมิได้มีคำส่ังยับย้งั การอนุญาตให้ลาออกก่อนวันขอลาออก หรือเนื่องจาก ครบกำหนดเวลายับยั้งการอนุญาตให้ลาออกให้ผมู้ ีอำนาจอนุญาตมีหนังสือแจง้ วนั ออกจากราชการให้ผ้ขู อ ลาออกทราบภายใน 7 วัน นับแต่วันท่ีผู้นั้นออกจากราชการและแจง้ ให้สว่ นราชการท่เี กย่ี วขอ้ งทราบด้วย ขอ้ 7 การยนื่ หนังสอื ขอลาออกจากราชการเพอื่ ดำรงตำแหน่งทางการเมอื ง หรือเพื่อสมคั รรบั เลือกตัง้ ให้ยืน่ ตอ่ ผู้บังคบั บญั ชาอย่างช้าภายในวนั ทข่ี อลาออกและให้ผบู้ งั คับบัญชาดังกล่าว เสนอ หนังสือขอลาออกนั้นตอ่ ผู้บังคับบัญชาชั้นเหนือข้ึนไปตามลำดับจนถึงผู้มีอำนาจอนุญาตการลาออก โดยเรว็ เม่ือผมู้ อี ำนาจอนุญาตได้รบั หนงั สอื ขอลาออกแลว้ ให้มีคำส่ังอนญุ าตออกจากราชการไดต้ ้ังแต่ วนั ทข่ี อ ลาออก ครอู ตั ราจา้ ง กรณีครูอัตราจ้างท่ีจา้ งด้วยเงินงบประมาณให้ปฏิบัติหน้าที่ครู เช่น ปฏิบัติหน้าที่ครูผู้ชว่ ย ครูพ่ี เลย้ี ง หรือปฏิบัติหน้าทีค่ รูทีเ่ รียกช่อื ยา่ งอ่นื ให้ปฏบิ ตั ิตามระเบียบกระทรวงการคลงั วา่ ด้วยลูกจ้าง ประจำของ ส่วนราชการพ.ศ. 2537 และแนวปฏิบตั ิที่ใชเ้ พื่อการน้ัน
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: