รายงาน วิชา คอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพ่อื งานอาชพี รหัสวชิ า (200001 – 2001) เรื่อง ความร้เู บอ้ื งต้นเก่ียวกบั อนิ เตอรเ์ นต็ จดั ทาโดย นางสาว จริ นันท์ จนั ทรห์ อม รหัสประจาตวั นักศึกษา 65201110004 ระดับชนั้ ปวช.2/1 สาขาช่างซ่อมบารุง เสนอ อาจาร นจิ ยา อนิ ประสทิ ธิ์ รายงานนี้เป็นสว่ นหนง่ึ ของ วิชาคอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพอ่ื งานอาชีพ(รหสั วิชา200001 – 2001) หลักสตู รประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2566 วิทยาลยั เทคนิคทา่ หลวง จงั หวดั ลพบรุ ี
รายงาน วิชา คอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศเพื่องานอาชพี รหสั วิชา (200001 – 2001) เรือ่ ง ความรู้เบ้อื งตน้ เก่ียวกบั อินเตอรเ์ นต็ จดั ทาโดย นางสาว จริ นนั ท์ จนั ทร์หอม รหสั ประจาตัวนักศกึ ษา 65201110004 ระดับชัน้ ปวช.2/1 สาขาชา่ งซ่อมบารงุ เสนอ อาจาร นิจยา อนิ ประสทิ ธ์ิ รายงานนเ้ี ปน็ ส่วนหน่งึ ของ วชิ าคอมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศเพอ่ื งานอาชพี (รหสั วิชา200001 – 2001) หลักสตู รประกาศนยี บัตรวชิ าชพี (ปวช.) ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2566 วทิ ยาลัยเทคนคิ ทา่ หลวง จงั หวดั ลพบุรี
คำนำ รายงานนี้เป็นส่วนหน่ึงของวิชา คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ืออาชีพ (20001 – 2001) เข้าใจหลักการและกระบวนการใช้คอมพิวเตอร์และเทคโนโยลีสารสนเทศเพื่ออาชีพ สามาถใช้ ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ โปรแกรมสาเร็จรูปและเทคโนโลยีสารสนเทศตามลักษณงานชีพ มี คุณธรรม จริยธรรม และความรบั ผิดชอบในการใช้คอมพวิ เตอร์และระบบสารสนเทศในงานอาชีพ ผู้จัดทา นางสาว จิรนนั ท์ จันทรห์ อม
สารบญั หนา้ เร่ือง 1 2 ความหมายของอินเตอรเ์ นต็ 3 ความเปน็ มาของอินเทอรเ์ นต็ 4 อินเทอร์เนต็ ในประเทศไทย 5 การประยุกตใ์ ชอ้ ินเทอรเ์ น็ต ประโยชนข์ องอนิ เทอรเ์ น็ต 6 โทษของอนิ เทอร์เนต็ 7 8 บญั ญตั ิ 10 ประการของการใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ 9 หนว่ ยงานทม่ี ีบทบาทในอินเทอร์เน็ตของประเทศไทย 10 อินเตอรเ์ นต็ มคี วามสาคญั อยา่ งไร 11 โรคติดอินเทอรเ์ นต็ มารยาทการใช้ Internet
1 ความหมายของอินเตอร์เน็ต อินเทอร์เน็ต ( Internet ) คือ เครือข่ายของคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ท่ีเช่ือมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ท่ัวโลก เข้าด้วยกัน โดยอาศัยเครือข่ายโทรคมนาคมเป็นตัวเช่ือมเครือข่าย ภายใต้มาตรฐานการเช่ือมโยงด้วย โ ป ร โ ต ค อ ล เ ดี ย ว กั น คื อ TCP/ IP ( Transmission Control Protocol / Internet Protocol) เ พื่ อ ใ ห้ คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในอินเทอร์เน็ตสามารถสื่อสารระหว่างกันได้ นับว่าเป็นเครือข่ายท่ีกว้างขวางท่ีสุดใน ปจั จุบัน เนือ่ งจากมผี นู้ ยิ มใช้ โปรโตคอลอนิ เทอร์เน็ตจากทว่ั โลกมากทสี่ ุด อินเทอร์เน็ตจึงมีรูปแบบคล้ายกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระบบ WAN แต่มีโครงสร้างการทางานที่แตกต่างกัน มากพอสมควร เนื่องจากระบบ WAN เป็น เครือข่ายที่ถูกสร้างโดยองค์กรๆ เดียวหรือกลุ่มองค์กร เพื่อ วัตถุประสงค์ด้านใดด้านหน่ึง และมีผู้ดูแลระบบท่ีรับผิดชอบแน่นอน แต่อินเทอร์เน็ตจะเป็นการเชื่อมโยงกัน ระหว่างคอมพิวเตอร์นับล้านๆ เครื่องแบบไม่ถาวรขึ้นอยู่กับเวลาน้ัน ๆ ว่าใครต้องการเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต บ้าง ใครจะติดตอ่ สื่อสารกบั ใครก็ได้ จึงทาใหร้ ะบบอนิ เทอรเ์ นต็ ไม่มผี ใู้ ดรบั ผิดชอบหรือดแู ลทัง้ ระบบ
2 ความเปน็ มาของอนิ เทอรเ์ นต็ คอมพิวเตอร์ แตล่ ะระบบส่วนใหญ่จะแยกทางานกนั โดยอิสระ มีเพียงระบบคอมพิวเตอร์ทีต่ ั้งอยูใ่ กล้กันเท่าน้ัน ท่ีสามารถสื่อสารกันด้วย ความเร็วต่า จากปัญหาและอุปสรรคในการสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์และ ความต้องการใน การแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสารกันโครงการอาร์พาเน็ตอยู่ในความควบคุมดูแลของอาร์พา Advanced Research Projects Agency หรือ ARPA) ซ่ึงเป็นหน่วยงานย่อย ในสังกัดกระทรวงกลาโหมของ สหรัฐอเมริกา อาร์พาทาหน้าที่สนับสนุน งาน วิจัยพ้ืนฐานทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยให้ทุน สนับสนุน แก่หน่วยงานอ่ืน ๆ เช่น มหาวิทยาลัย และบริษัทเอกชนท่ีทาการวิจัยและพัฒนา ในปี พ.ศ.2512 (ค.ศ.1969) โครงการอาร์พาเน็ต ได้ริเริ่มขึ้น โดยเช่ือมต่อเคร่ืองคอมพิวเตอร์ระหว่างสถาบัน 4 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานตา บาร์บารา, มหาวิทยาลัยยูทาห์ และสถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์จากสถาบันท้ัง 4 แห่ง นี้เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ ต่างชนิด กันและใช้ระบบปฎิบัติการ ท่ีแตกต่างกันต่อมาเครือข่ายอาร์พาเน็ตได้รับความนิยมอย่างมาก มหาวิทยาลัย และหน่วยงานของรัฐและเอกชนต่าง ๆ ในสหรัฐอเมรกิ ารไดเ้ ข้ารว่ มเช่ือมต่อกบั เครอื ขา่ ยนี้เพ่อื ประโยชน์ในการ ศึกษา
3 อนิ เทอรเ์ น็ตในประเทศไทย ประเทศไทยได้เริ่มติดต่อกับอนิ เทอร์เน็ตในปี พ.ศ. 2530 ในลักษณะการใช้บริการ จดหมายเล็กทรอนิกส์แบบ แลกเปล่ียนถุงเมล์เป็นครั้งแรก โดยเร่ิมที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ (Prince of Songkla University) และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียหรือสถาบันเอไอที (AIT) ภายใตโ้ ครงการความร่วมมือ ระหว่างประเทศไทยและออสเตรเลีย (โครงการ IDP) ซ่ึงเป็นการติดต่อเชื่อมโยงโดยสายโทรศัพท์ จนกระท่ังปี พ.ศ. 2531 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ได้ย่ืนขอที่อยู่อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย โดย ได้รับที่อยู่อินเทอร์เน็ต Sritrang.psu.th ซ่ึงนับเป็นท่ีอยู่อินเทอร์เน็ตแห่งแรกของประเทศไทย ต่อมาปี พ.ศ. 2534 บริษัท DEC (Thailand) จากัดไดข้ อที่อยู่อนิ เทอร์เน็ตเพ่ือใชป้ ระโยชน์ภายในของบริษัท โดยได้รับ ที่อย่อู ินเทอร์เน็ตเป็น dect.co.th โดยทค่ี า “th” เปน็ ส่วนที่เรียกว่า โดเมน (Domain) ซึง่ เป็นสว่ นทีแ่ สดงโซน ของเครือข่ายอินเทอรเ์ นต็ ในประเทศไทย โดยยอ่ มาจากคาว่า Thailand กล่าวได้ว่าการใช้งานอินเทอร์เน็ตชนิดเต็มรูปแบบตลอด 24 ช่ัวโมง ในประเทศไทยเกิดขึ้นเป็นคร้ังแรกเม่ือ เดือน กรกฎาคม ปี พ.ศ. 2535 โดยสถาบันวิทยาบริการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เช่าวงจรส่ือสาร ความเร็ว 9600 บิตต่อวินาที จากการส่ือสารแห่งประเทศไทยเพื่อเช่ือมเข้าสู่อินเทอร์เน็ตท่ีบริษัท ยูยูเน็ต เทคโนโลยี (UUNET Technologies) ประเทศสหรฐั อเมรกิ า ใน ปีเดียวกัน ได้มีหน่วยงานท่ีเชื่อมต่อแบบออนไลน์กับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตผ่าน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลายแห่งด้วยกัน ได้แก่ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) มหาวิทยาลัย มหิดล สถาบันเทคโนโลยีพระจอม เกล้า วิทยาเขตเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญบริหารธุรกิจ โดย เรียกเครือข่ายนี้ว่าเครือข่าย “ไทยเน็ต” (THAInet) ซ่ึงนับเป็นเครือข่ายท่ีมี “ เกตเวย์ “ (Gateway) หรือ ประตูสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นแห่งแรกของประเทศไทย (ปัจจุบันเครือข่ายไทยเน็ตประกอบด้วย สถาบันการศึกษา 4 แห่งเท่าน้ัน ส่วนใหญ่ย้ายการเชื่อมโยงอินเทอร์เน็ตโดยผ่านเนคเทค (NECTEC) หรือศูนย์ เทคโนโลยอี เิ ล็กทรอนิกสแ์ ละคอมพวิ เตอร์แหง่ ชาต)ิ ปี พ.ศ. 2535 เช่นกัน เปน็ ปเี ริ่มตน้ ของการจัดตั้งกลุ่มจดหมายอเิ ล็กทรอนิกส์เพือ่ การศึกษาและวิจัยโดยมชี อื่ ว่า \"เอ็นดับเบิลยูจี\" (NWG : NECTEC E-mail Working Group) โดยการดูแลของเนคเทค และได้จัดต้ัง เครือข่ายชื่อว่า \"ไทยสาร\" (ThaiSarn : Thai Social/Scientific Academic and Research Network) เพ่ือ การติดตอ่ ส่ือสารและแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสารระหว่างกัน โดยเร่ิมแรกประกอบดว้ ยสถาบันการศึกษา 8 แห่ง ปัจจบุ นั เครอื ข่ายไทยสารเช่ือมโยงกบั สถาบนั ต่างๆ กว่า 30 แหง่ ท้ังสถาบนั การศึกษาและหนว่ ยงานของรัฐ
4 การประยุกต์ใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ อินเตอร์เน็ตเป็นเครือข่ายท่ีเช่ือมโยงท่ัวโลกจึงมีผู้ใช้จานวนมากเพราะการเช่ือมโยงของอินเตอร์ทาให้โลกไร้ พรหมแดน ข้อมูลข่าวสารจะติดต่อถึงกันอย่างรวดเร็วได้มีการประยุกต์ใช้อินเตอร์เน็ตกับงานอื่น ๆ ที่ได้รับ การพัฒนาขนึ้ มาใหม่ตลอดเวลา 1. Electronic mail หรือ E-mail เป็นการส่งข้อความติดต่อกันระหว่างบุคคลหรือกลุ่มบุคคล ท่ีมีลักษณะ คล้าย ๆ กับการส่งจดหมายถึงกัน แต่ปัจจุบนั การส่งไปรษณีย์อเิ ลคทรอนิกส์จะส่งเป็นรูปของตัวเลขหรือระบบ ดิจิตอล จึงสามารถสง่ รปู ภาพ เสยี ง และภาพเคลอื่ นไหวได้ด้วย 2. File Transfer Protocol หรือ FTP เป็นการโอนย้ายแฟ้มข้อมูลระหว่างกัน ผู้ใช้สามารถรับส่ง แฟม้ ขอ้ มลู ระหว่างสถานแี ละนาไปใช้ เช่น โปรแกรม cuteFTP โปรแกรม wsFTP เปน็ ต้น 3. Telnet การเช่ือมโยงคอมพวิ เตอร์เข้ากับเครือข่าย ทาใหต้ ดิ ตอ่ เคร่ืองคอมพิวเตอรท์ ีเ่ ปน็ สถานีบริการ ท่ีอยู่ห่างไกลได้ถ้าสถานีบริการนั้นยินยอม เช่น การส่งโปรแกรมหรือข้อมูลไปประมวลผลยังเคร่ือง คอมพวิ เตอรท์ อ่ี ยู่ตา่ งประเทศผา่ นทางระบบเครอื ข่ายโดยไมต่ ้องเดินทางไปเอง 4. Search engine ปัจจุบันมีฐานข้อมูลข่าวสารท่ีเก็บไว้ให้งานจานวนมาก ฐานข้อมูลแต่ละอย่างอาจจะ เกบ็ ในรปู แบบต่าง ๆ เช่น เป็นสง่ิ พิมพ์ รปู ภาพ ผู้ใช้สามารถเรียกอา่ น หรือนามาพิมพ์ ฐานขอ้ มูลเปน็ เหมือน ห้ อ ง ส มุ ด ข น า ด ใ ห ญ่ อ ยู่ ภ า ย ใ น เ ค รื อ ข่ า ย ที่ ส า ม า ร ถ ค้ น ห า ไ ด้ ฐ า น ข้ อ มู ล ใ น ลั ก ษ ณ ะ น้ี เรยี กวา่ World Wide Web หรอื www ซง่ึ เปน็ ฐานขอ้ มูลที่เชอ่ื มโยงท่ัวโลก 5. USENET การอ่านจากกลุ่มข่าวในอินเตอร์เน็ตจะมีกลุ่มข่าวเป็นกลุ่ม ๆ แยกตามความสนใจ ซ่ึง สามารถสง่ ข้อความไปไดแ้ ละผใู้ ชส้ ามารถเขยี นโตต้ อบได้ 6. Chat การสนทนาบนเครือข่ายเม่ือ อินเตอรเ์ นต็ เช่ือมตอ่ กนั ทัว่ โลกผใู้ ชจ้ ึงสามารถใช้เครอื ข่ายเปน็ ตวั กลาง ใน การตดิ ตอ่ สนทนากนั ได้โดยการสนทนากันด้วยตัวหนงั สอื ผา่ นทางจอภาพ ปจั จบุ ันพัฒนาก้าวหนา้ ทม่ี องเหน็ หน้ากันดว้ ย 7. การบริการสถานีวิทยุและโทรทัศน์บนเครือข่าย เป็นการประยุกต์ที่ก้าวหน้ามากขึ้น มีผู้ต้ังสถานีวิทยุบน เครือข่ายอินเตอร์หลายร้อยสถานี และยังมีการส่งกระจายภาพวีดีทัศน์บนเครือข่ายได้ด้วย แต่ยังส่งข้อมูล จานวนมากไมไ่ ด้ 8. การบริการบนอินเตอร์เน็ต ปัจจุบนั มีมากมายเช่น การเผยแพร่ข่าวสาร ความรู้ การซ้ือขายสินค้า การทา ธรุ กจิ อเิ ลคทรอนกิ ส์ การช่วยสอน และอ่นื ๆ ท่ีผู้ใชโ้ ต้ตอบได้
5 ประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต(ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ : NECTEC) ได้กล่าวถึง ประโยชนข์ องเครือขา่ ยอินเทอรเ์ น็ต ดังน้ี - สามารถใช้เป็นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลด้านการบันเทิง ด้าน การแพทย์และอืน่ ๆ ทีน่ ่าสนใจ - ระบบเครอื ขา่ ยอินเทอรเ์ นต็ จะทาหน้าที่เสมือนเป็นหอ้ งสมดุ ขนาดใหญ่ - นัก ศึกษาในมหาวิทยาลัย สามารถใช้อินเทอร์เน็ต ติดต่อกับมหาวิทยาลัยอ่ืน ๆ เพื่อค้นหาข้อมูลท่ีกาลัง ศกึ ษาอยู่ได้ ทัง้ ทข่ี อ้ มูลเป็นขอ้ ความ เสยี ง ภาพเคล่อื นไหวตา่ ง ๆ เป็นต้น - ค้นหาขอ้ มลู ตา่ ง ๆ เพอ่ื ช่วยในการตดั สนิ ใจทางธรุ กิจ - สามารถซ้อื ขายสนิ คา้ ผา่ นระบบเครือข่ายอินเทอรเ์ น็ต - ผู้ ใช้ที่เป็นบริษัทหรอื องค์กรตา่ งๆกส็ ามารถเปดิ ให้บริการและสนบั สนุนลูกค้าของ ตนผ่านระบบเครือขา่ ย อินเทอร์เน็ตได้ เช่น การให้คาแนะนา สอบถามปัญหาต่างๆ ให้แก่ลูกค้า แจกจ่ายตัวโปรแกรมทดลองใช้ (Shareware) หรอื โปรแกรมแจกฟรี (Freeware) เปน็ ตน้ - การพักผ่อนหยอ่ นใจ สนั ทนาการ เชน่ การค้นหาวารสารตา่ งๆ ผา่ นระบบเครือข่ายอินเทอรเ์ น็ตท่ี เรียกว่า Magazine Online รวมท้ังหนังสือพิมพ์และข่าวสารอ่ืน ๆ โดยมีภาพประกอบที่จอคอมพิวเตอร์ เหมือนกับวารสาร ตามร้านหนังสอื ทว่ั ๆ ไป - สามารถฟงั วิทยุผา่ นระบบอนิ เทอร์เนต็ ได้ - สามารถดึงข้อมูล (Download) ภาพยนตรต์ ัวอยา่ งทั้งภาพยนตรใ์ หมแ่ ละเก่ามาดไู ด้
6 1. โรคติดอนิ เทอร์เน็ต (Webaholic) อาการของโรคตดิ อินเทอร์เนต็ มีดงั นี้ - รู้สึกหมกม่นุ กับอนิ เทอรเ์ นต็ แมใ้ นเวลาท่ไี มไ่ ดต้ อ่ กบั อินเทอร์เนต็ - มีความต้องการใช้อินเทอรเ์ น็ตเป็นเวลานานขึน้ - ไมส่ ามารถควบคมุ การใช้อนิ เทอร์เนต็ ได้ - รู้สึกหงดุ หงดิ เมอ่ื ต้องใช้อินเทอร์เน็ตนอ้ ยลงหรือหยดุ ใช้ - ใช้อนิ เทอร์เน็ตเป็นวธิ ใี นการหลีกเลย่ี งปญั หาหรือคิดว่าการใช้อินเทอร์เนต็ ทาใหต้ นเองร้สู ึกดขี ึ้น - หลอกคนในครอบครวั หรือเพอื่ น เรือ่ งการใช้อนิ เทอรเ์ น็ตของตัวเอง - การใช้อินเทอร์เน็ตทาให้เกิดความเสี่ยงต่อการสูญเสียงาน การเรียนและความสัมพันธ์ยังใช้ อนิ เทอร์เนต็ ถงึ แมว้ า่ ต้องเสียคา่ ใช้จา่ ยมาก - มีอาการผิดปกติ อย่างเชน่ หดหู่ กระวนกระวายเมอ่ื เลกิ ใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ต - ใชเ้ วลาในการใช้อินเทอร์เนต็ นานกว่าท่ีตัวเองตงั้ ใจไว้ 2. เร่อื งอนาจารผิดศลี ธรรม ปัจจุบัน เร่ืองของข้อมูลต่างๆ ที่มีเน้ือหาขัดต่อศีลธรรม ลามกอนาจาร หรือรวมถึงภาพโป๊เปลือย รวมท้ังคลิปวีดิโอต่าง ๆ เป็นท่ีโจ่งแจ้งบนอินเทอร์เน็ตและส่ิงเหล่านี้สามารถเข้าสู่เด็กและเยาวชน ได้ง่ายโดย ผู้ปกครองไม่สามารถทจี่ ะให้ความดูแลได้เต็มที่ เพราะวา่ อนิ เทอร์เน็ตน้ันเป็นโลกที่ไร้พรมแดนและเปิดกวา้ งทา ใหส้ ่อื เหลา่ นี้ สามารถเผยแพรไ่ ปไดร้ วดเรว็ จนเราไมส่ ามารถจับกมุ หรือเอาผิด ผ้ทู ท่ี าส่ิงเหล่านี้ขนึ้ มาได้ 3. ไวรัส มา้ โทรจัน - ไวรัส เป็นโปรแกรมอิสระ ซ่ึงจะสืบพันธ์โดยการจาลองตัวเองให้มากขึ้นเร่ือย ๆ เพื่อที่จะทาลาย ข้อมูล หรืออาจทาให้เคร่ืองคอมพิวเตอร์ทางานช้าลงโดยการแอบใช้สอยหน่วยความจาหรือ พ้ืนที่ว่างบนดิสก์ โดยพลการ - ม้า โทรจัน เป็นตานานนักรบที่ซ่อนตัวอยู่ในม้าไม้แล้วแอบเข้าไปในเมืองจนกระท่ังยึด เมืองได้ สาเร็จ โปรแกรมนี้จะทาหน้าทีไ่ มพ่ ึงประสงค์มนั จะซอ่ นตัวอยใู่ นโปรแกรมทไี่ ม่ได้รับ อนุญาต มันมักจะทาในสง่ิ ทเี่ ราไม่ตอ้ งการและสง่ิ ที่มันทานัน้ ไมม่ ีความจาเปน็ ต่อเรา ด้วย
7 บญั ญตั ิ 10 ประการของการใช้อินเทอร์เน็ต 1. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอรท์ าร้าย หรือ ละเมดิ ผู้อ่ืน 2. ตอ้ งไมร่ บกวนการทางานของผูอน่ื 3. ตอ้ งไมส่ อดแนม แกไ้ ข หรือ เปดิ ดแู ฟม้ ข้อมลู ของผอู ่นื 4. ตอ้ งไม่ใช้คอมพิวเตอรเ์ พือ่ การโจรกรรมข้อมลู ขา่ วสาร 5. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอรส์ รา้ งหลกั ฐานท่ีเป็นเท็จ 6. ตอ้ งไม่คัดลอกโปรแกรมของผ้อู ื่นท่มี ลี ิขสิทธิ์ 7. ต้องไมล่ ะเมดิ การใชท้ รัพยากรคอมพวิ เตอร์ โดยท่ตี นเองไม่มีสิทธิ์ 8. ตอ้ งไมน่ าเอาผลงานของผูอ้ นื่ มาเปน็ ของตน 9. ตอ้ งคานึงถึงสง่ิ ทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ กับสงั คม ทีเ่ กิดจากการกระทาของทา่ น 10. ต้องใช้คอมพิวเตอรโ์ ดยเคารพกฎระเบยี บ กติกา และมีมารยาท
8 หน่วยงานท่ีมบี ทบาทในอินเทอร์เนต็ ของประเทศไทย ISP คง เป็นหน่วยงานแรกท่ีหลายๆ คนคงคิดถึงเมื่อนึกถึงหัวข้อนี้ รองลงไปก็คงเป็นเนคเทค ซ่ึงก็ถือว่าเป็น หน่วยงานท่ีมีบทบาทสาคัญต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของประเทศ ไทย แต่ก็ยังมีหน่วยงานอ่ืนอีกหลายหน่วย ดังน้ี การส่ือสารแห่งประเทศไทย ในฐานะผู้ผูกขาดบริการวงจรส่ือสารระหว่างประเทศ ผู้ให้ใบอนุญาต และ ถอดถอนสิทธิการให้บริการของ ISP รวมทั้งเป็นหุ้นส่วนของ ISP ทุกราย (32%) รวมท้ังเป็นผู้ให้บริการจุด แลกเปล่ียนสัญญาณภายในประเทศISP - Internet Service Providers หรือผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเชิง พาณิชย์ท้ัง 17 ราย (พ.ย. 2545) ในฐานะผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแก่บุคคลและองค์กรต่างๆ ผใู้ หบ้ ริการอินเทอรเ์ นต็ แบบไม่หวงั กาไร เชน่ School Net ทใ่ี ห้บรกิ ารโรงเรยี นต่างๆ ทวั่ ประเทศ, ThaiSarn ผู้ ให้บรกิ ารเชงิ วจิ ยั สาหรบั สถานศึกษา, UniNet เครือข่ายของทบวงมหาวทิ ยาลยั , EdNet เครือขา่ ยของกระทวง ศึกษาธิการ และ GINet เครือข่ายรัฐบาลTHNIC ในฐานะผู้ให้บริการจดทะเบียนช่ือโดเมนสัญชาติไทย (. th) และผู้ดูและบริการสอบถามช่ือโดเมนสัญชาติไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้การดูแลของ AIT NECTEC หรือศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ แห่งชาติ ในฐานหน่วยงานวิจัย ค้นคว้า และ พัฒนาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีการสื่อสารข้อมูล และในฐานะผู้ให้บริการจุดแลกเปล่ียนสัญญาณ ภายในประเทศ ผดู้ ูแลเครือข่าย Thaisarn, SchoolNet, GINet และในฐานะคณะอนกุ รรมการด้านนโยบาย ประวตั ิความเป็นมาของระบบเครอื ขายอินเตอร์เน็ต
9 อนิ เตอรเ์ น็ตมคี วามสาคัญอยา่ งไร เน่ืองจากปัจจุบันอินเทอร์เน็ต มีความสาคัญต่อชีวิตประจาวันของคนเรา หลาย ๆ ด้านทั้งการศึกษา พาณิชย์ ธุรกรรม วรรณกรรม และอื่น ๆ ดังนี้ ด้านการศึกษา สามารถใช้เป็นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล ทางวิชาการ ข้อมูล ด้านการบันเทิง ด้านการแพทย์ และอื่น ๆ ที่น่าสนใจ ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จะท า หนา้ ทเ่ี สมอื น เปน็ ห้องสมดุ ขนาดใหญ่ นกั ศึกษาในมหาวิทยาลยั สามารถใช้อนิ เทอรเ์ นต็ ติดตอ่ กับมหาวทิ ยาลยั อ่ืน ๆ เพ่ือค้นหาข้อมูลที่ก าลังศึกษาอยู่ได้ ท้ังข้อมูลท่ีเป็นข้อความ เสียง ภาพเคล่ือนไหวต่าง ๆ เป็นต้น ด้าน ธรุ กิจและการพาณิชย์ ค้นหาข้อมูลตา่ ง ๆ เพื่อช่วยในการตดั สินใจทางธุรกจิ สามารถ ซ้ือขายสินค้า ผ่านระบบ เครือขา่ ยอินเทอรเ์ น็ต ผ้ใู ช้ที่เปน็ บรษิ ัท หรอื องคก์ รต่าง ๆ กส็ ามารถเปดิ ใหบ้ รกิ าร และสนบั สนนุ ลูกคา้ ของตน ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ เช่น การให้คาแนะนา สอบถามปัญหาต่าง ๆ ให้แก่ลูกค้า แจกจ่ายตัว โปรแกรมทดลองใช้ (Shareware) หรือโปรแกรมแจก ฟรี (Freeware) เป็นต้น ด้านการบันเทิง การพักผ่อน หย่อนใจ สันทนาการ เช่น การค้นหาวารสารต่าง ๆ ผ่านระบบ เครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่เรียกว่า Magazine Online รวมทั้งหนังสือพิมพ์และข่าวสารอ่ืน ๆ โดยมี ภาพประกอบ ที่จอคอมพิวเตอร์เหมือนกับวารสารตาม ร้านหนังสือทั่ว ๆ ไป สามารถฟังวิทยุผ่าน ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ สามารถดึงข้อมูล (Download) ภาพยนตร์ตัวอย่างทั้งภาพยนตร์ใหม่ และเก่า มาดูได้ จากเหตุผลดังกล่าว พอจะสรุปได้ว่า อินเทอร์เน็ต มี ความสาคัญ ในรูปแบบ ดังน้ี * การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัย * การติดต่อสื่อสารที่สะดวก และรวดเร็ว * แหล่งรวบรวมข้อมูลแหล่งใหญ่ที่สุดของโลก โดยสรุปอินเทอร์เน็ต ได้น ามาใช้เป็นเครื่องมือที่จ าเป็นสาหรับงานไอที ท าให้เกิดช่องทางใน การเข้าถึงข้อมูลที่รวดเร็ว ช่วยในการตัดสินใจ และบริหารงานทั้ง ระดับบุคคลและองค์กร WWW (World Wide Web) คือระบบบริการของอินเตอร์เน็ตท่ีท าให้ผู้ใช้สามารถ เข้าถึงข้อมูลใน ระบบอินเตอร์เน็ตได้ ซ่ึงการใช้บริการ www จ าเป็นต้องมีส่วนประกอบ 2 ส่วนคือ 1. แหลง่ ขอ้ มลู หรอื เวบ็ ไซต์ (web site) 2. โปรแกรมเว็บบราวเซอร์ (Web Browser)
10 โรคตดิ อนิ เทอร์เนต็ โรคติดอินเทอร์เน็ต เป็นอาการทางจิตประเภทหน่ึง ซึ่งนักจิตวิทยาชื่อ Kimberly S Young ได้ศึกษาและ วิเคราะห์ไว้ว่า บุคคลใดที่มีอาการดังต่อไปนี้ อย่างน้อย 4 ประการ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปีแสดงว่าเป็น อาการติดอินเทอร์เน็ต o รู้สึกหมกมุ่นกับอินเทอร์เน็ต แม้ในเวลาที่ไม่ได้ต่อเข้าระบบอินเทอร์เน็ต o มีความ ตอ้ งการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเวลานานข้ึนอยู่เรื่อย ๆ o ไม่สามารถควบคุมการใชอ้ ินเทอร์เน็ตได้ o รู้สึกหงุดหงดิ เม่ือใช้อินเทอร์เน็ตน้อยลง หรือหยุดใช้ o คิดว่าเมื่อใช้อินเทอร์เน็ตแล้ว ท าให้ตนเองรู้สึกดีข้ึน o ใช้เป็น อินเทอร์เน็ตในการหลีกเล่ียงปัญหา o หลอกคนในครอบครัว หรือเพือ่ น เรื่องการใชอ้ ินเทอร์เน็ตของตนเอง o มอี าการผิดปกติเมื่อเลกิ ใชอ้ ินเทอร์เน็ต เชน่ หดหู่ กระวนกระวาย
11 มารยาทการใช้ Internet จรรยามารยาทบนอินเตอรเ์ น็ต (Netiquette) ทุกวนั น้ีอนิ เตอรเ์ นต็ ได้เข้ามามีบทบาทและ สง่ ผลกระทบต่อ ชวี ิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ในแทบทุกดา้ น รวมท้ังได้ก่อให้เกิดประเด็นปญั หาข้ึนใน สังคม ไม่วา่ ในเร่ือง ความ เป็นส่วนตัว ความปลอดภัย เสรีภาพของการพูดอ่านเขียน ความซื่อสัตย์ รวมถึงความตระหนักในเรื่อง พฤติกรรมท่ีเราปฏบิ ัตติ อ่ กันและกันในสงั คมอินเตอรเ์ น็ต ในบทความน้ี ผู้เขียนขอทบทวนเรือ่ ง จรรยามารยาท บนอินเตอร์เน็ตหรือที่เรียกกันในกลุ่มผใชู้ อ้ ินเตอร์เน็ตว่า “Netiquette” เพ่ือให้เป็นของฝากสาหรับสมาชิก ใหมท่ี่เรียกกันว่า “Net Newbies” และให้เป็นของ แถมเพ่ือการทบทวนสาหรับนักท่องเน็ตที่เป็น “ขา ประจา”
12 บรรณานุกรม http://www.academy.rbru.ac.th/uploadfiles/books/19-2016-11-28-11-01-38.pdf สบื ค้นวนั ท่ี 12 มถิ นุ ายน 2566
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: