วสั ดุอปุ กรณในชีวิต ประจาํ วัน ด.ญ.วัลลภา สังขะวรรณ
จดั ทําโดย ด.ญ.วลั ลภา สงั ขะวรรณ ชนั มธั ยมศึกษา2/3 เลขที 37 รร.โพธไิ ทรพทิ ยาคาร เสมอ คณุ ครู ภัทราวรรณ อุทธสงิ ห์ วชิ าออกแบบและเทคโนโลยี
คํานาํ หนงั สอื เล่มนี เปนสว่ นหนงึ ของ รายวชิ า ว22103 เพอื การเรยี นรใู้ นระดบั ชนั มธั ยมศึกษาปที2 การค้นควา้ และการเขยี นรายงาน โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์เพอื ใหท้ ราบถึง เรอื ง วสั ดใุ นชวี ติ ประจาํ วนั เพอื ใชป้ ระกอบการเรยี นการสอน
เรอื ง สารบญั หนา้ คํานาํ ก สารบญั ข ไมธ้ รรมชาติ 1 ไมป้ ระกอบ 2 โลหะกล่มุ เหล็ก 3 โลหะนอกกล่มุ เหล็ก 4 เทอรโ์ มพลาสติก. 5 เทอรโ์ มเซตติงพลาสติก6 ยางธรรมชาติ 7 ยางสงั เคราะห์ 8 อ้างอิง 9
ไม้ธรรมชาติ ไม้เปนวัสดุจากธรรมชาติทีมนุษย์รู้จักนาํ มาใช้นานแล้ว ใน สมัยโบราณเมือยังไม้ยังมีปริมาณมากและมีราคาถูก มนุษย์จะนาํ ไม้จากธรรมชาติมาสร้างทีอยู่อาศัยและเครือง มือเครืองใช้ต่างๆ ต่อมาเมือประชากรมีจาํ นวนเพิมมาก ขึนก็ยิงมีการนาํ ไม้จากธรรมชาติมาใช้ประโยชน์มากขึน ส่งผลให้ปาไม้ถูกทําลายและปริมาณของไม้จากธรรมชาติ ลดลงอย่างรวดเร็ว ทําให้ไม้จากธรรมชาติเปนวัสดุทีหา ยากและมีราคาแพง มนุษย์จึงพยายามหาวัสดุอืนๆ มาใช้ แทนไม้ผ่านทางกรรมวิธีทางวิศวกรรม เช่น แผ่นไวนิล กระเบือง แผ่นลามิเนต ฯลฯ เปนต้น แต่ความนิยมในการ ใช้ไม้จากธรรมชาติก็ยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิงการนาํ ไม้มาใช้ทําพืนบ้าน
ไมป้ ระกอบ หมายถึง ผลิตภัณฑ์จากไมท้ ียอ่ ยเปนชนิ ไสเปนฝอย หรอื แยกเปนเสน้ ใย แล้วนํามา อัดรวมกันเขา้ เปนชนิ เปนแผ่น ทังนี โดยจะ มวี ตั ถเุ ชอื มประสานด้วยหรอื ไมก่ ็ได้ จดั เปน อุตสาหกรรมทีใชไ้ มข้ นาดเล็ก ตลอดจนเศษ ไมป้ ลายไมใ้ ห้เปนประโยชน์อยา่ งสาํ คัญ ไม้ ประกอบอาจแบง่ ออกได้เปน ๓ พวก คือ แผ่น ชนิ ไมอ้ ัด แผ่นใบไมอ้ ัดและแผ่นฝอยไมอ้ ัด
โลหะกล่มุ เหล็ก เปนวสั ดทุ ีมกี ําลังรบั การรบั แรงสงู มคี วามคงทน ตลอดอายุการใชง้ านหากมกี ารบาํ รุงรกั ษาทีดี และ มรี ูปทรงมาตราฐานทีเมน่ ยาํ ไมเ่ ปลียนแปลงง่าย จงึ ถกู นาํ มาใชง้ านในด้านต่าง ๆ เชน่ ทําเปนเครอื ง มอื กสกิ รรม เครอื งมอื ชา่ ง ใชใ้ นงานก่อสรา้ ง หรอื ใชใ้ นงานอุตสาหกรรมเปนต้น จงึ จดั ได้วา่ โลหะ เหล็กมคี วามสาํ คัญต่อมนษุ ยม์ ากเพราะนอกจากจะ สรา้ ง ความเจรญิ ให้กับโลกแล้วยงั เปนสว่ น ประกอบของอาวุธยุโทปกรณท์ ีมนษุ ยน์ าํ มาฆา่ ฟน กันอีกด้วย
โลหะนอกกล่มุ เหล็ก หมายถึง โลหะทีไมม่ เี หล็กเปนองค์ประกอบสว่ น ใหญ่ เชน่ ทองแดง, อะลมู เิ นียม, แมกนีเซยี ม, สงั กะสี ฯลฯ ในทางวศิ วกรรมและอุตสาหกรรม จะใชโ้ ลหะนอกกล่มุ เหล็กในปรมิ าณทีนอ้ ยกวา่ โลหะในกล่มุ เหล็ก ทังนีเนอื งเพราะราคาทีสงู กวา่ ของโลหะนอกกล่มุ เหล็กนนั เอง ดังนนั จงึ มกั ใช้ งานโลหะนอกกล่มุ เหล็กในกรณีทีจาํ เปน เชน่ คณุ สมบตั ิทีต้องการในงานนนั ๆ ไมส่ ามารถใช้ โลหะในกล่มุ เหล็กได้
เทอรโ์ มพลาสติก เปนพลาสติกทีมจี ุดหลอมเหลว และมจี ุดอ่อนตัว (ต่างจาก เทอรโ์ มเซท็ พลาสติก) มโี ครงสรา้ งแบบสายยาวหรอื แบบ สาขาสามารถนาํ กลับมาใชใ้ หมไ่ ด้อีก เทอรโ์ มพลาสติกจะ เกิดการอ่อนตัวและหลอมเหลวเมอื ได้รบั ความรอ้ น และจะ เกิดแขง็ ตัวเมอื ทําให้เยน็ ลง พลาสติกทีแขง็ ตัวแล้วสามารถ นาํ มาหลอมซาํ ได้ ด้วยความรอ้ นเทอรโ์ มพลาสติก ดังนนั เทอรโ์ มพลาสติกจงึ เปนวสั ดทุ ีมสี มบตั ิเหมาะสม สาํ หรบั การ ขนึ รูปเปนผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เทอรโ์ มพลาสติกจะอ่อนตัว และ หลอมเหลวเมอื ได้รบั ความรอ้ นและจะแขง็ ตัวเมอื ทําให้เยน็ ลง พลาสติกทีแขง็ ตัวแล้วสามารถนาํ มาหลอมซาํ ได้ ด้วย ความรอ้ นเทอรโ์ มพลาสติก
เทอรโ์ มเซตตงิ พลาสตกิ (THERMOSETTING PLASTIC) เปนพลาสติกทีมสี มบตั ิ พเิ ศษ คือทนทานต่อการเปลียนแปลงอุณหภมู แิ ละทน ปฏิกิรยิ าเคมไี ด้ดี เกิดคราบและรอยเปอนได้ยาก คงรูป หลังการผา่ นความรอ้ นหรอื แรงดันเพยี งครงั เดียว เมอื เยน็ ลงจะแขง็ มาก ทนความรอ้ นและความดัน ไมอ่ ่อนตัวและ เปลียนรูปรา่ งไมไ่ ด้ แต่ถ้าอุณหภมู สิ งู ก็จะแตกและไหม้ เปนขเี ถ้าสดี ํา พลาสติกประเภทนีโมเลกลุ จะเชอื มโยง กันเปนรา่ งแหจบั กันแนน่ แรงยดึ เหนียวระหวา่ งโมเลกลุ แขง็ แรงมาก จงึ ไมส่ ามารถนาํ มาหลอมเหลวได้ กล่าวคือ เกิดการเชอื มต่อขา้ มไปมาระหวา่ งสายโซข่ องโมเลกลุ ของโพลิเมอร์ (CROSS LINKING AMONG POLYMER CHAINS)
ยางธรรมชาติ คือวสั ดพุ อลิเมอรท์ ีประกอบด้วยไฮโดรเจนและ คารบ์ อน ยางเปนวสั ดทุ ีมคี วามยดื หยุน่ สงู ยาง ทีมตี ้นกําเนดิ จากธรรมชาติจะมาจากของเหลว ของพชื บางชนดิ ซงึ มลี ักษณะเปนของเหลวสขี าว คล้ายนาํ นม มสี มบตั ิเปนคอลลอยด์ อนภุ าคเล็ก มี ตัวกลางเปนนาํ ยางในสภาพของเหลวเรยี กวา่ นาํ ยาง ยางทีเกิดจากพชื นีเรยี กวา่ ยางธรรมชาติ ใน ขณะเดียวกันมนษุ ยส์ ามารถสรา้ งยางสงั เคราะห์ ได้จากปโตรเลียม
ยางสงั เคราะห์ ได้มกี ารผลิตมานานแล้ว ตังแต่ ค.ศ. 1940 ซงึ สาเหตทุ ีทําให้มกี ารผลิตยาง สงั เคราะห์ขนึ ในอดีต เนืองจากการ ขาดแคลนยางธรรมชาติทีใชใ้ นการผลิต อาวุธยุทโธปกรณ์และปญหาในการขนสง่ จากแหล่งผลิตในชว่ งสงครามโลกครงั ที 2จนถึงปจจุบนั ได้มกี ารพฒั นาการผลิตยาง สงั เคราะห์เพอื ให้ได้ยางทีมคี ณุ สมบตั ิตาม ต้องการในการใชง้ านทีสภาวะต่าง ๆ เชน่ ที สภาวะทนต่อนํามนั ทนความรอ้ น ทนความ เยน็ เปนต้น
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: