Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อาจูหนานมงคล 38 ประการ

อาจูหนานมงคล 38 ประการ

Published by อาจูหนานภิกขุ, 2020-01-12 20:50:53

Description: อาจูหนานมงคล 38 ประการ

Search

Read the Text Version

มงคล ๓๘ ประการ บรรยายโดย พระครูปริยตั โิ ชตยิ าภรณ์ เจ้าคณะตาบลกกกงุ 1

มงคล ๓๘ ประการ มงคล คือเหตุแห่งความสุข ความก้าวหน้าในการดาเนินชีวติ ซ่ึง พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ให้พทุ ธศาสนิกชนได้พงึ ปฏบิ ัตินามาจาก บทมงคลสูตรทพี่ ระพทุ ธเจ้าตรัสตอบปัญหาเทวดาทถ่ี ามว่า คุณธรรม อนั ใดทที่ าให้ชีวติ ประสบความเจริญหรือมี “ มงคลชีวติ ” “ มงคลชีวติ ” มี ๓๘ ประการ 2

๑. การไม่คบคนพาล ลกั ษณะของคนพาลมี ๓ ประการคือ ๑. คิดชวั่ คือการมีจิตคิดอยากไดใ้ นทางทุจริต มีความพยาบาท และมิจฉาทิฐิ คือเห็นผิดเป็นชอบ ๒. พดู ชวั่ คือคาพดู ท่ีประกอบไปดว้ ยวจีทุจริตเช่น พดู เทจ็ พดู ส่อเสียด พดู คาหยาบ และพดู เพอ้ เจอ้ ๓. ทาชว่ั คือทาอะไรท่ีประกอบดว้ ยกายทุจริตเช่น การฆ่าสตั ว์ ลกั ขโมย ฉอ้ โกง ประพฤติผดิ ในกาม 3

๒. การคบบณั ฑิต บณั ฑติ หมายถึงผทู้ รงความรู้ มีปัญญา มีจิตใจที่ งาม และมีการดาเนินชีวติ ท่ีถูกตอ้ ง รู้ดีรู้ชวั่ มีลกั ษณะดงั น้ีคือ ๑. เป็นคนคิดดี คือการไม่คิดละโมบ ไม่พยาบาทปองร้ายใคร ความ กตญั ญูรู้คุณ ๒. เป็นคนพดู ดี คือวจีสุจริต พดู จริง ไม่พดู หยาบ ถากถาง นินทาวา่ ร้าย ๓. เป็นคนทาดี คือทาอาชีพสุจริต มีเมตตา ทาทานเป็นปกตินิสยั อยใู่ น ศีลธรรม 4

๔. การอยู่ในถน่ิ อนั สมควร ถนิ่ อนั สมควรควรประกอบด้วยส่ิงแวดล้อม ๔ อย่างได้แก่ ๑.อาวาสเป็นที่สบาย หมายถึงอยแู่ ลว้ สบาย สะอาด อากาศดี ไม่มีอบายมุข ๒.อาหารเป็นท่ีสบาย หมายถึงอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ ๓.บุคคลเป็นท่ีสบาย หมายถึงท่ีที่มีคนดี จิตใจโอบออ้ มอารี มีศีลธรรม ๔.ธรรมะเป็นท่ีสบาย หมายถึงมีท่ีพ่ึงดา้ นธรรมะ มีที่ฟังธรรม มีวดั อยใู่ น ละแวกน้นั 6

๕. เคยทาบุญมาก่อน การทาบุญ น้นั มีหลายวิธี แต่พอสรุปไดส้ ้นั ๆดงั น้ีคือ ๑. การทาทาน ๒. การรักษาศีล ๓. การเจริญภาวนา 7

๖. การต้งั ตนชอบ การต้งั ตนชอบ หมายถึงการดาเนินชีวติ อยา่ งมีเป้าหมาย ดว้ ยความ ถูกตอ้ งและสุจริต อยใู่ นสมั มาอาชีพ มีแผนการที่จะไปใหถ้ ึงจุดหมาย น้นั ดว้ ยความไม่ประมาท มีการเตรียมพร้อม และมีความอดทนไม่ละทิ้ง กลางคนั 8

๗. ความเป็ นพหูสูต คือเป็นผทู้ ่ีฟังมาก เล่าเรียนมาก เป็นผรู้ อบรู้ โดยมีลกั ษณะดงั น้ีคือ ๑.รู้ลึก คือการรู้ในสิ่งน้นั ๆ เรื่องน้นั ๆอยา่ งหมดจดทุกแง่ทุกมุม อยา่ งมีเหตุมีผล รู้ถึงสาเหตุจนเรียกวา่ ความชานาญ ๒.รู้รอบ คือการรู้จกั ช่างสงั เกตในสิ่งต่างๆ รอบตวั เช่นเหตุการณ์แวดลอ้ มเป็นตน้ ๓.รู้กวา้ ง คือการรู้ในส่ิงใกลเ้ คียงกบั เรื่องน้นั ๆ ที่เกี่ยวขอ้ งกนั สมั พนั ธ์กนั เป็นตน้ ๔.รู้ไกล คือการศึกษาถึงความเป็นไปได้ ผลในอนาคตเป็นตน้ 9

๘. การรอบรู้ในศิลปะ ศิลปะ คือส่ิงท่ีแสดงออกถึงความงดงาม และมีความสุนทรีย์ ถา้ ท่านอยากเป็นคนมีศิลปะ ควรตอ้ งฝึกใหม้ ีคุณสมบตั ิเหล่าน้ีไวใ้ นตวั คือ ๑.มีศรัทธาในความงดงามของส่ิงต่างๆ ๒.หมนั่ สงั เกตและพิจารณา ๓.มีความประณีต อารมณ์ละเอียดอ่อน ๔.เป็นคนสุขมุ มีความคิดสร้างสรรค์ 10

๙. มีวนิ ัยทด่ี ี วนิ ัย กค็ ือขอ้ กาหนด ขอ้ บงั คบั กฎเกณฑเ์ พ่ือควบคุมใหม้ ีความเป็น ระเบียบนน่ั เอง มีท้งั วินยั ของสงฆแ์ ละของคนทวั่ ไป สาหรับของ สงฆ์น้นั มีท้งั หมด ๗ อย่างหรือเรียกว่า อนาคาริยวินัย ส่วนของ บุคคลท่ัวไปก็มี ๑๐ อย่าง คือการละเว้นจากอกุศลกรรม ๑๐ ประการ ไดแ้ ก่ ๑.ไม่ฆ่าชีวติ คน หรือสตั ว์ ๖. ไม่พดู ส่อเสียด นินทาวา่ ร้า ๒.ไม่ลกั ทรัพย์ ๗. ไม่พดู ไร้สาระ เพอ้ เจอ้ ๓.ไม่ประพฤติผดิ ๘. ไม่โลภอยากไดข้ องเขา ๔.ไม่พดู โกหก ๙. ไม่คิดร้าย ผกู ใจเจบ็ 11 ๕.ไม่พดู จาหยาบคาย ๑๐.ไม่เห็นผดิ เป็นชอบ

๑๐. กล่าววาจาอนั เป็ นสุภาษติ คาวา่ วาจาอนั เป็ นสุภาษติ ในท่ีน้ีมิไดห้ มายถึงเพียงวา่ ตอ้ งเป็นคาร้อยกรอง ร้อยแกว้ เป็นคาคมบาดใจมีความหมายลึกซ้ึงเท่าน้นั แต่รวมถึงคาพดู ที่ดี มีประโยชนต์ ่อผฟู้ ัง ซ่ึงสรุปวา่ ประกอบดว้ ยลกั ษณะดงั น้ี ๑. ตอ้ งเป็นคาจริง คือขอ้ มูลที่ถูกตอ้ ง มีหลกั ฐานอา้ งอิงได้ ๒. ตอ้ งเป็นคาสุภาพ คือพดู ดว้ ยภาษาที่สุภาพ เครื่องบินไม่สามารถติดแก๊สได้ ๓. พดู แลว้ มีประโยชน์ คือมีประโยชน์ตอ่ ผฟู้ ังในทางดี ๔. พดู ดว้ ยจิตที่มีเมตตา คือพดู ดว้ ยจิตใจท่ีมีความปรารถนาดี 12๕. พดู ไดถ้ ูกกาลเทศะ คือพดู ในสถานที่ และในเวลาท่ีเหมาะสม

๑๑. การบารุงบดิ ามารดา ท่านวา่ พ่อแม่น้นั เปรียบไดเ้ ป็ นท้งั ครูของลูก เทวดาของลูก พรหมของลูก และอรหันตข์ องลูก กล่าวคือ พ่อแม่ไดค้ อยอบรมสั่งสอนลูก คอยปกป้อง คุม้ ครอง เล้ียงดู ให้การศึกษาเล่าเรียน ส่งเสียเท่าที่มีความสามารถจะให้ได้ ไ ม่ ถื อ โ ก ร ธ เ ม่ื อ ลู ก ป ร ะ ม า ท ดงั น้นั พอ่ และแม่จึงเปรียบเป็ น อาหุไนยบุคคล คือเป็ นเหมือนพระที่ควรแก่ ก า ร เ ค า ร พ นั บ ถื อ แ ล ะ รั บ ข อ ง บู ช า 13

๑๒. การสงเคราะห์บุตร การสงเคราะห์บุตร พอ่ แม่ มีหนา้ ท่ีที่ตอ้ งใหก้ บั ลูกของเราคือ ๑. ใหไ้ ดค้ ูค่ รองที่ดี (ใชป้ ระสบการณ์ของเราใหค้ าปรึกษาแก่ลูก) ๒. มอบทรัพยใ์ หใ้ นโอกาสอนั ควร (การทาพนิ ยั กรรม กถ็ ือวา่ เป็นสิ่งถูกตอ้ ง) ๓. ใหก้ ารศึกษาหาความรู้ ๔. หา้ มไม่ใหท้ าความชวั่ ๕. ปลูกฝัง สนบั สนุนใหท้ าความดี 14

๑๓. การสงเคราะห์ภรรยา การสงเคราะห์ภรรยา มีดงั น้ี ๑.ยกยอ่ งนบั ถือวา่ เป็นภรรยา คือการแนะนาเปิ ดเผยวา่ เป็นภรรยา ๒.ไม่ดูหมิ่น คือไม่ดูถูกภรรยาเม่ือทาไม่ถูก หรือเรื่องชาติตระกลู การศึกษาวา่ ต่า ๓.ไม่ประพฤตินอกใจภรรยา หรือเที่ยวหาความสาราญกบั หญิงบริการ ๔.มอบความเป็นใหญ่ใหใ้ นบา้ น คือการมอบธุระทางบา้ น ๕.ใหเ้ ครื่องแตง่ ตวั คือใหค้ วามสุขเร่ืองการแตง่ ตวั 15

๑๔. ทางานไม่ให้คงั่ ค้าง สาเหตุทท่ี าให้งานคง่ั ค้างน้ัน สรุปได้ดงั นี้ ๑.ทางานไม่ถูกกาล ๒.ทางานไม่ถูกวธิ ี ๓.ไม่ยอมทางาน หลกั การทางานให้เสร็จลุล่วงมดี งั นี้ ๑.ฉนั ทะ คือมีความพอใจในงานที่ทา ๒.วริ ิยะ คือมีความต้งั ใจ พากเพยี รในงานท่ีทา ๓.จิตตะ คือมีความเอาใจใส่ในงานท่ีทา 16 ๔.วมิ งั สา คือมีการคิดพิจารณาทบทวนงานน้นั ๆ

๑๕. การให้ทาน การให้ทาน คือการใหท้ ่ีไม่หวงั ผลตอบแทนโดยหมายใหผ้ ไู้ ดร้ ับไดพ้ น้ จากทุกข์ แบ่งออกเป็น ๓ อยา่ งไดแ้ ก่ ๑.อามิสทาน คือการใหว้ ตั ถุ ส่ิงของ หรือเงินเป็นทาน ๒.ธรรมทาน คือการสอนใหธ้ รรมะเป็นความรู้เป็นทาน ๓.อภยั ทาน คือการใหอ้ ภยั ในส่ิงท่ีคนอื่นทาไม่ดีกบั เรา ไม่จองเวร หรือพยาบาท 17

๑๖. การประพฤติธรรม การประพฤติธรรม กค็ ือการปฏิบตั ิใหเ้ ป็นไป แบ่งออกเป็น กายสุจริต คือ ๑.การไม่ฆ่าสตั ว์ ๒.การไม่ลกั ทรัพย์ ๓.การไม่ประพฤติผดิ ในกาม วจสี ุจริต คือ ๑.การไม่พดู เทจ็ ๒.การไม่พดู คาหยาบ ๓.การไม่พดู จาส่อเสียด ๔.การไม่พดู เพอ้ เจอ้ เหลวไหล มโนสุจริต คือ ๑.การไม่โลภอยากไดข้ องผอู้ ่ืน ๒.การไม่คิดพยาบาทปองร้ายผอู้ ื่น ๓.การเห็นชอบ คือมีความเช่ือความเขา้ ใจในความเป็นจริง 18

๑๗. การสงเคราะห์ญาติ การสงเคราะห์ญาติ ทาไดท้ ้งั ทางธรรมและทางโลก ไดแ้ ก่ ในทางธรรม กช็ ่วยแนะนาใหท้ าบุญกศุ ล ใหร้ ักษาศีล และทาสมาธิภาวนา ในทางโลก น้นั ไดแ้ ก่ ๑. ใหท้ าน คือการสงเคราะห์เป็นทรัพยส์ ินเงินทอง เพื่อใหเ้ ขาพน้ จากทุกขต์ ามแต่กาลงั ๒. ใชป้ ิ ยวาจา คือการพดู ดว้ ยถอ้ ยคาที่อ่อนโยน สุภาพ ๓. มีอตั ถจริยา คือการประพฤติตนใหเ้ ป็นประโยชน์ กบั เขาอาจช่วยเหลือดว้ ยแรงกาย กาลงั ใจ ช่วยญาตทิ างานศพ ๔. รู้จกั สมานตั ตา คือการวางตวั ใหเ้ หมาะสมอยา่ งเสมอ 19 ตน้ เสมอปลาย

๑๘. ทางานท่ไี ม่มโี ทษ งานทไ่ี ม่มโี ทษ ประกอบดว้ ยลกั ษณะดงั ตอ่ ไปน้ี ๑.ไม่ผดิ กฎหมาย คือทาใหถ้ ูกตอ้ งตามกฎหมายของบา้ นเมือง ๒.ไม่ผดิ ประเพณี คือแบบแผนท่ีปฏิบตั ิกนั มาแตเ่ ดิม ควรดาเนินตาม ๓.ไม่ผดิ ศีล คือขอ้ หา้ มท่ีบญั ญตั ิไวใ้ นศีล ๕ ๔.ไม่ผดิ ธรรม คือหลกั ธรรมท้งั หลายอาทิเช่น การพนนั การหลอกลวง 20

๑๙. ละเว้นจากบาป บาป คือส่ิงท่ีไม่ดี เสีย ความชว่ั ท่ีติดตวั ซ่ึงไม่ควรทา ท่านวา่ สิ่งท่ี ทาแลว้ ถือวา่ เป็นบาปไดแ้ ก่ อกศุ ลกรรมบถ ๑๐ คือ ๑.ฆ่าสตั ว์ ๒. ประพฤติผดิ ในกาม ๓.ลกั ทรัพย์ ๔.คิดพยาบาทปองร้ายคนอ่ืน ๕.พดู ส่อเสียด ๖.พดู คาหยาบ ๗.พดู เพอ้ เจอ้ ๘.โลภอยากไดข้ องเขา ๙.พดู เทจ็ ๑๐.เห็นผดิ เป็นชอบ 21

๒๐. สารวมจากการด่ืมนา้ เมา วา่ ดว้ ยเรื่องของนา้ เมาน้นั อาจทามาจากแป้ง ขา้ วสุก การปรุงโดยผสมเช้ือ หรืออะไรกแ็ ลว้ แต่ท่ีดื่มแลว้ ทาใหม้ ึนเมา เช่นเบียร์ ไวน์ ไม่ใช่แคเ่ หลา้ เท่าน้นั ลว้ นมีโทษอนั ไดแ้ ก่ ๑.ทาใหเ้ สียทรัพย์ ๒.ทาใหเ้ กิดการทะเลาะววิ าท ๓.ทาใหเ้ กิดโรค ๔.ทาใหล้ ืมตวั ไม่รู้จกั อาย ๕.ทอนกาลงั ปัญญา 22

๒๑. ไม่ประมาทในธรรมท้งั หลาย ธรรม ในทนี่ ้ีก็คอื หลกั ปฏบิ ตั ทิ ที่ าแลว้ มีผลในทางดี และเป็ นจรงิ ทพี่ ระสมั มาสมั พุทธเจา้ ไดท้ รงโปรดแนะทางไว้ ในทปี่ ระมาทในธรรมนน้ั มีลกั ษณะทสี่ รุปไดด้ งั น้ีคอื ๑.ไมท่ าเหตดุ ี แตจ่ ะเอาผลดี ๒.ทาตวั เลว แตจ่ ะเอาผลดี ๓.ทายอ่ หยอ่ น แตจ่ ะเอาผลมาก 23

๒๒. มีความเคารพ ๑.พระพทุ ธเจา้ ๒.พระธรรม ๓.พระสงฆ์ ๔.การศึกษา ๕.ความไม่ประมาท คือการดาเนินตามหลกั ธรรมคาสอนพระพุทธศาสนาอ่ืนๆ ดว้ ยความเคารพ ๖.การสนทนาปราศรัย คือการตอ้ นรับอาคนั ตุกะผมู้ าเยอื นดว้ ยความเคารพ 24

๒๓. มีความถ่อมตน ๑. ตอ้ งคบกลั ยาณมิตร คือเพ่ือนที่ดีมีศีลมีธรรม ๒. ตอ้ งรู้จกั คิดไตร่ตรอง คือการรู้จกั คิดหาเหตุผลอยตู่ ลอดเวลา ๓. ตอ้ งมีความสามคั คี คือการมีความสามคั คีในหมู่คณะ และรับฟังและเคารพ ความคิดเห็นของผอู้ ื่น อยา่ งมีเหตุผล 25

๒๔. มีความสนั โดษ คาวา่ สนั โดษไมไ่ ดห้ มายถงึ การอยูล่ าพงั คนเดยี ว แตห่ มายถงึ การพอใจในสง่ิ ทตี่ นมีอยู่ ในของของตวั ซง่ึ ทา่ นไดใ้ หน้ ิยามทเี่ ป็ นลกั ษณะของความสนั โดษเป็ นดงั น้ี คอื ๑.ยถาลาภสนั โดษ หมายถงึ ความยนิ ดตี ามมตี ามเกดิ คอื มแี คไ่ หนก็พอใจเทา่ นน้ั ๒.ยถาพลสนั โดษ หมายถงึ ความยนิ ดีตามกาลงั เรามีกาลงั แคไ่ หนก็พอใจเทา่ นน้ั ๓.ยถาสารูปสนั โดษ หมายถงึ ความยนิ ดตี ามควร ซง่ึ โยงใยไปถงึ ความพอเหมาะพอควร 26

๒๕. มีความกตญั ญู ความกตญั ญูคอื การรคู้ ณุ และตอบแทนทา่ นผนู้ น้ั การราลกึ ถงึ พระคณุ ผูท้ เี่ คย ใหค้ วามอุปการะแกเ่ ราดว้ ยความเคารพยงิ่ มีดงั น้ี ๑.กตญั ญตู อ่ บุคคล บคุ คลทคี่ วรกตญั ญกู ็คอื ใครก็ตามทมี่ ีบญุ คณุ และตอบแทนพระ คณุ เชน่ บดิ า มารดา อาจารย์ ๒.กตญั ญตู อ่ สตั ว์ ไดแ้ กส่ ตั ว์ทชี่ ว่ ยทางานใหเ้ รา เราก็ควรเลี้ยงดูใหด้ ีเชน่ ชา้ ง มา้ ววั ควาย หรือสุนขั ทชี่ ว่ ยเฝ้ าบา้ น ๓.กตญั ญตู อ่ สง่ิ ของ ไดแ้ กห่ นงั สือทใี่ หค้ วามรูแ้ กเ่ รา อปุ กรณ์ทา มาหากนิ ตา่ งๆ เรา ไมค่ วรทงิ้ ควา้ ง 27

๒๖. การฟังธรรมตามกาล การฟงั ธรรมนน้ั ควรทาเมอื่ มโี อกาส เชน่ ตามวนั สาคญั ตา่ งๆ เราสามารถนามาใชเ้ พือ่ ปรบั ปรุงชีวติ ใหด้ ขี น้ึ ทา่ นวา่ เวลาทคี่ วรไปฟงั ธรรมนน้ั มีดงั นี้คอื ๑. วนั ธรรมสวนะ ก็คอื วนั พระ หรอื วนั ทสี่ าคญั ทางศาสนา ๒. เมอื่ มีผูม้ าแสดงธรรม ก็อยา่ งเชน่ การฟงั ธรรมตามวทิ ยุ ตามสถานทตี่ า่ งๆ หรอื การอา่ นจากสือ่ ตา่ งๆ ๓. เมอื่ มโี อกาสอนั สมควร เมอื่ มเี วลาวา่ ง หรอื ในงานบวช งานกฐนิ งานวดั เป็ นตน้ 28

๒๗. มีความอดทน ความอดทนน้นั สามารถจาแนกออกไดเ้ ป็นดงั ตอ่ ไปน้ีคือ ๑.ความอดทนต่อความลาบาก คือความลาบากท่ีตอ้ งประสพตามธรรมชาติ ๒.ความอดทนตอ่ ทุกขเวทนา คือทุกขท์ ่ีเกิดจากสังขารของเราเอง ๓.ความอดทนตอ่ ความเจบ็ ใจ คือการท่ีคนอ่ืนทาใหเ้ ราตอ้ งผิดหวงั ๔.ความอดทนตอ่ อานาจกิเลส คือสิ่งยวั่ ยวนท้งั หลายท้งั ทางใจและทางกาย 29

๒๘. เป็ นผู้ว่าง่าย การทาใหเ้ ป็นคนว่าง่ายน้นั ทาไดด้ งั น้ี ๑. ลดมานะของตวั คือการไม่ถือดี ไม่ถือตวั ๒.ละอุปาทาน คือการไม่ยดึ ถือในส่ิงที่เรามี เราเป็น หรือถือมนั่ ในอานาจกิเลสต่างๆ ๓.มีสมั มาทิฐิ คือมีปัญญาที่เห็นชอบ การเห็นถูกเห็นควรตามหลกั อริยสัจ ๔ 30

๒๙. การได้เห็นสมณะ คาวา่ สมณะ แปลตรงตวั ผสู้ งบ (หมายถึงผอู้ ยใู่ นสมณะเพศ) คุณสมบตั ิของสมณะตอ้ ง ประกอบไปดว้ ย ๓ อยา่ งคือ ๑. ตอ้ งสงบกาย คือมีความสารวมในการกระทาทุกอยา่ ง รวมถึงกิริยา มรรยาท ตาม หลกั ศีลธรรม ๒. ตอ้ งสงบวาจา คือการพดู จาใหอ้ ยใู่ นกรอบของความพอดี มีความสุภาพ ๓. ตอ้ งสงบใจ คือการทาใจใหส้ งบปราศจากกิเลสครอบงา 31

๓๐. การสนทนาธรรมตามกาล การไดส้ นทนาธรรม ทาใหข้ ยายขอบเขตการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนความรู้ และไดร้ ู้ในสิ่งใหม่ๆ ที่ เราอาจนึกไม่ถึง หรือเป็นการเผอื่ แผค่ วามรู้ที่เรามีใหแ้ ก่ผอู้ ื่นไดท้ ราบดว้ ย ก่อนท่ีเราจะสนทนาธรรม ควรตอ้ งพจิ ารณาและคานึงถึงสิ่งต่อไปน้ีคือ ๑.ตอ้ งรู้เรื่องที่จะพดู ดี ๒.ตอ้ งพดู เรื่องจริง มีประโยชน์ ๓.ตอ้ งเป็นคาพดู ที่ไพเราะ ๔.ตอ้ งพดู ดว้ ยความเมตตา ๕.ตอ้ งพดู จาโออ้ วด ยกตนข่มท่าน 32

๓๑. การบาเพญ็ ตบะ ตบะ แปลวา่ ทาใหร้ ้อน ไม่วา่ ดว้ ยวธิ ีใด การบาเพญ็ ตบะหมายความถึงการทาใหก้ ิเลส ความ รุ่มร้อนตา่ งๆ หมดไป หรือเบาบางลง ลกั ษณะการบาเพญ็ ตบะมีดงั น้ี ๑.การมีใจสารวมในอินทรียท์ ้งั ๖ ไดแ้ ก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ไม่ใหก้ ิเลส ครอบงาใจเวลาที่รับรู้อารมณ์ผา่ นอินทรียท์ ้งั ๖ ๒.การประพฤติรักษาพรหมจรรย์ เวน้ จากการร่วมประเวณี ๓.การปฏิบตั ิธรรม คือการรู้และเขา้ ใจในหลกั ธรรมเช่นอริยสัจ โดยมีจุดหมายสูง สุดท่ีพระนิพพาน 33

๓๒. การประพฤตพิ รหมจรรย์ คาวา่ พรหมจรรย์หมายความถึง การบวชซ่ึงละเวน้ เมถุน การครองชีวติ ท่ีปราศจากเมถุน การ ประพฤติธรรมอนั ประเสริฐ ท่านวา่ ลกั ษณะของธรรมที่ถือวา่ เป็นการประพฤติพรหมจรรยน์ ้นั (ไม่ใช่วา่ ตอ้ งบวชเป็นพระ) มีอยดู่ งั น้ีคือ ๑. มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ๒. ช่วยเหลือผอู้ ่ืน ๓. ศึกษาปฏิบตั ิในศีล สมาธิ ปัญญา ๔. ใหท้ าน ๕. งดเวน้ จากการเสพกาม ๖. ยนิ ดีในคู่ของตน ๗. เพยี รพยายามที่จะละความชว่ั ๘. รักษาซ่ึงศีล ๘ ๙. ใชป้ ัญญาเห็นแจง้ ในอริยสจั ๔ ๑๐. รักษาศีล ๕ 34

๓๓. การเหน็ อริยสัจ อริยสัจ หมายถึงความจริงอนั ประเสริฐ หลกั แห่งอริยสจั มีอยู่ ๔ ประการ ๑. ทุกข์ คือความไม่สบายกายไม่สบายใจ ๒. สมุทยั คือ เหตุท่ีทาใหเ้ กิดทุกข์ ๓. นิโรธ คือความดบั ทุกข์ ความหลุดพน้ ๔. มรรค คือขอ้ ปฏิบตั ิ หรือหนทางที่นาไปสู่การดบั ทุกข์ การเดินทางสายกลางเพอ่ื ไปใหถ้ ึงการดบั ทุกข์ คือ มรรค ๘ ประการ 35

๓๔. การทาให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน นิพพาน คือ ภาวะของจิตที่ดบั กิเลสไดห้ มดสิ้น หลุดจากอานาจกรรม ซ่ึงกค็ ือพน้ จากทุกขน์ นั่ เอง ท่านวา่ ลกั ษณะของนิพพานมีอยู่ ๒ ระดบั ดงั น้ีคือ ๑.การดบั กิเลสขณะที่ยงั มีเบญจขนั ธ์เหลืออยู่ หรือการเขา้ ถึงนิพพานขณะที่ยงั มีชีวิตอยู่ ๒.การดบั กิเลสท่ีไม่มีเบญจขนั ธ์เหลืออยเู่ ลย คือการที่ร่างกายเราแตกดบั แลว้ ไปเสวยสุข อนั เป็นอมตะในพระนิพพาน 36

๓๕. มีจิตไม่หวน่ั ไหวในโลกธรรม คาวา่ โลกธรรม มีความหมายถึงเร่ืองราวท่ีเกิดข้ึนอยเู่ ป็นประจาบนโลกน้ี ซ่ึง เราไม่ควรมีจิตหวนั่ ไหวต่อสิ่งต่างๆ เหล่าน้ี ท่านวา่ ลกั ษณะของโลกธรรมมี ๔ ประการคือ ๑. การไดล้ าภ เมื่อมีลาภผลกย็ อ่ มมีความเส่ือมเป็นธรรมดา ๒. การไดย้ ศ ยศถาบรรดาศกั ด์ิลว้ นเป็นส่ิงสมมุติข้ึนมาท้งั น้นั ๓. การไดร้ ับการสรรเสริญ ที่ใดมีคนนิยมชมชอบ ๔. การไดร้ ับความสุข ที่ใดมีสุขท่ีนน่ั กจ็ ะมีทุกขด์ ว้ ย 37

๓๖. มีจิตไม่เศร้าโศก ท่านวา่ มีเหตุอยู่ ๒ ประการท่ีทาใหจ้ ิตเราตอ้ งโศกเศร้าคือ ๑.ความโศกเศร้าท่ีเกิดเน่ืองมาจากความรัก รวมถึงรักสิ่งของ ทรัพยส์ ินเงินทองดว้ ย ๒.ความโศกเศร้าท่ีเกิดจากความใคร่ การทาใหจ้ ิตใจไม่โศกเศร้าน้นั มีขอ้ แนะนาดงั น้ี ๑.ใชป้ ัญญาพิจารณาอยเู่ นืองๆ ๒.ไม่ยดึ มน่ั ในตวั ตน หรือความจีรังยง่ั ยนื ๓.ทุกอยา่ งในโลกลว้ นเปล่ียนแปลงอยทู่ ุกขณะ 38 ๔.คิดวา่ ทุกส่ิงทุกอยา่ งลว้ นไม่เท่ียงดว้ ยกนั ท้งั น้นั

๓๗. มีจิตปราศจากกเิ ลส กเิ ลส ก็คอื สงิ่ ทที่ าใหเ้ กดิ ความเศรา้ หมอง ซง่ึ ไดแ้ ก่ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ทา่ นไดแ้ บง่ ประเภทของกเิ ลสออกเป็ นดงั น้ี คอื ๑. ราคะ ความอยากไดใ้ นทางไมช่ อบ, ความเพง่ เล็งจะเอาของคนอืน่ มาเป็ นของตวั ๒. โทสะ การคดิ ประทษุ รา้ ย เนื่องดว้ ยมใี จพยาบาทแลว้ ก็มใี จคดิ หมายทารา้ ย ๓. โมหะความเห็นผดิ เป็ นชอบ เชน่ การไมเ่ ชือ่ ในเรอื่ งบาป เรอื่ งบญุ (มจิ ฉาทฐิ )ิ ความหลงผดิ ไมร่ ตู้ ามความเป็ นจรงิ (โมหะ) เป็ นตน้ 39

๓๘. มีจติ เกษม เกษม หมายถงึ มีความสุข สบาย หรอื สภาพทมี่ จี ติ ใจทเี่ ป็ นสขุ ในทนี่ ้ีหมายถงึ การละแลว้ ซงึ่ กเิ ลส ทที่ า่ นวา่ ไวว้ า่ เป็ นเครือ่ งผูกอยู่ ๔ ประการคอื ๑. การละกามโยคะ คอื การละความยนิ ดใี นวตั ถุ สงิ่ มชี ีวติ ทง้ั หลายเรียกวา่ กามคณุ ซง่ึ ประ กอบดว้ ย รูป รส กลน่ิ เสยี ง และสมั ผสั ๒. การละภวโยคะ คอื การละความยนิ ดใี นภพ โดยใหเ้ ห็นวา่ สง่ิ ใดๆในโลกลว้ นไมเ่ ทยี่ งแท้ ๓. การละทฏิ ฐโิ ยคะ คอื การละความยนิ ดี โดยใหด้ าเนินตามหลกั คาสอนของพระพุทธเจา้ ๔. การละอวชิ ชาโยคะ คอื การละความยนิ ดี ในอวชิ ชาทง้ั หลาย ความไมร่ ทู้ ง้ั หลาย 40

Thank you for your attention 41


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook