Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ไฟฟ้าสถิต

ไฟฟ้าสถิต

Published by youbb1111, 2017-09-07 05:08:34

Description: บทความ ไฟฟ้าสถิต (นาย บุรยกร ชุแจ่ม 2สชฟ.ม.6 ก.2 เลขที่7) (1)

Search

Read the Text Version

ไฟฟ้าสถิต(Static electricity) เรยี บเรยี งโดย นาย บณุ ยกร ชูแจ่ม สาขาวชิ าไฟฟา้ กาลัง วทิ ยาลยั เทคนิคสโุ ขทยัstudent

ไฟฟา้ สถติ คอื อะไร? ไฟฟ้าสถิต (องั กฤษ: Static electricity) คือความไมส่ มดุลยข์ องประจุไฟฟ้าภายในหรือบนพ้ืนผวิ ของวัสดุหน่ึง ประจุยังคงอยูก่ ับท่ีจนกระท่ังมนั สามารถจะเคลื่อนทีโ่ ดยอาศยั การไหลของอเิ ลก็ ตรอน (กระแสไฟฟ้า) หรอื มกี ารปลดปล่อยประจุ (องั กฤษ: electrical discharge) ไฟฟ้าสถติ มีช่ือท่ีขดั กับไฟฟ้ากระแสที่ไหลผ่านเส้นลวดหรือตัวนาอนื่ และนาสง่ พลังงาน[1] ประจุไฟฟา้ สถิตสามารถสร้างขึ้นได้เม่ือไรกต็ ามทส่ี องพ้นื ผิวสัมผสั กันและแยกจากกัน และอยา่ งน้อยหนงึ่ ในพ้นื ผวิ นัน้ มคี วามต้านทานสูงต่อกระแสไฟฟา้ (และดังนน้ั มนั จึงเปน็ ฉนวนไฟฟ้า)ผลกระทบท้ังหลายจากไฟฟ้าสถิตจะคุน้ เคยกบั คนส่วนใหญ่เพราะผู้คนสามารถรสู้ ึก, ไดย้ ิน, และแมแ้ ต่ได้เหน็ ประกายไฟเมื่อประจสุ ว่ นเกินจะถูกทาให้เปน็ กลางเมื่อถูกนาเข้ามาใกลก้ ับตวั นาไฟฟา้ ขนาดใหญ่ (เช่นเส้นทางที่ไปลงดิน) หรอื ภูมิภาคที่มีประจสุ ว่ นเกินทีม่ ีข้ัวตรงข้าม (บวกหรือลบ)ปรากฏการณ์ทค่ี นุ้ เคยของชอ็ กจากไฟฟ้าสถิต หรือท่เี จาะจงมากข้นึ คือการปลดปล่อยไฟฟา้สถิต (องั กฤษ: electrostatic discharge) จะเกิดจากการเป็นกลางของประจุ ประจไุ ฟฟา้ เป็นปริมาณทางไฟฟา้ ปริมาณหน่ึงทกี่ าหนดขนึ้ ธรรมชาติ ของสสารจะประกอบด้วยหนว่ ยยอ่ ยๆ ท่มี ีลักษณะและ มีสมบัติเหมือนกนั ทเี่ รียกวา่ อะตอม(atom)ภายในอะตอม จะประกอบดว้ ยอนุภาคมูลฐาน3ชนดิ ได้แก่ โปรตอน (proton) นิวตรอน (neutron) และ อเิ ลก็ ตรอน(electron)โดยทโ่ี ปรตอนมีประจุไฟฟ้าบวกกับนิวตรอนที่เป็นกลางทางไฟฟา้ รวมกนั อยูเ่ ป็นแกนกลางเรียกว่านิวเคลยี ส (nucleus) สว่ นอิเล็กตรอน มี ประจุ ไฟฟ้าลบ จะอย่รู อบๆนิวเคลยี สสาเหตขุ องการเกิดไฟฟ้าสถิต วัสดทุ ั้งหลายจะทาจากหลายอะตอมที่ปกติแล้วจะเปน็ กลางทางไฟฟา้ เพราะพวกมนั มีจานวนของประจุบวก (โปรตอนในนิวเคลยี ส) และจานวนของประจลุ บ (อิเลก็ ตรอนใน \"วงรอบนิวเคลียส\")เทา่ กนั ปรากฏการณข์ องไฟฟ้าสถิตจะเกดิ ขนึ้ ได้เมื่อมีการแยกประจุบวกและลบออกจากกนั เมอื่ วัตถุสองชนดิ สัมผัสกนั อิเลก็ ตรอนอาจยา้ ยจากวัตถหุ นึง่ ไปยังอีกวตั ถุหนงึ่ ทาใหว้ ัตถหุ น่ึงมปี ระจุบวกเกินและอีกวัตถุหนึ่งมีประจุลบเกินในจานวนท่เี ทา่ กนั เม่อื แยกวัตถทุ งั้ สองออกจากกนั จงึ เกิดการไมส่ มดุลของประจุขึ้นในวตั ถแุ ต่ละตัว วัตถทุ ี่มีประจุลบเกิน ก็ถอื ว่าเกิดไฟฟ้าสถติ ประจุลบ วัตถุท่ีประจบุ วกเกิน กเ็ รียกวา่ เกิดไฟฟ้าสถติ ประจุบวก การแยกประจุที่เหนยี่ วนาจากการสมั ผสัดบู ทความหลักที:่ ผลกระทบไทรโบอเิ ลก็ ตรกิ อเิ ลก็ ตรอนสามารถแลกเปลยี่ นกนั ระหว่างวัสดุโดยการสัมผัส วัสดทุ มี่ อี ิเลก็ ตรอนผกู พนั อยา่ งอ่อนมีแนวโนม้ ท่ีจะสญู เสียพวกมนั ในขณะทวี่ สั ดุที่มวี งรอบนอกมีท่วี ่างมีแนวโนม้ ทีจ่ ะได้รบั พวกมนัธรรมชาตินเี้ รียกวา่ ผลกระทบไทรโบอเิ ล็กตรกิ และเป็นผลให้วัสดหุ นึง่ กลายเปน็ มีประจบุ วกและอีกวสั ดหุ นึ่งมปี ระจุลบ ขวั้ และความแขง็ แรงของประจุบนวส้ ดุท้งั สองทนั ทที ่ีพวกมันถูกแยกออกจากกนั

จะขึ้นอยูก่ บั ตาแหน่งทีส่ ัมพันธก์ ันระหวา่ งพวกมนั ในไฟฟ้าสถิต#ชดุ ของไทรโบอิเล็กตริก ผลกระทบไทรโบอเิ ล็กตรกิ เปน็ สาเหตหุ ลกั ของการผลิตไฟฟา้ สถติ ทส่ี ังเกตไดใ้ นชีวติ ประจาวัน และในการสาธิตตามโรงเรยี นมธั ยมทางวิทยาศาสตร์ทัว่ ไปทีเ่ กี่ยวข้องกับการถวู ัสดทุ ี่แตกตา่ งเขา้ ด้วยกัน (เชน่ ขนสตั ว์กับแกนอาคริลิค) การแยกประจทุ เี่ หนยี่ วนาโดยการสมั ผัสเปน็ สาเหตุท่ที าให้เส้นผมของคุณตง้ั ขึ้นและทาใหเ้ กิดการ \"เกาะติดจากไฟฟ้าสถิต\" (ตวั อย่างเชน่ บอลลูนเม่อื ขัดถกู ับผมจะกลายเป็นมีประจลุ บเมื่ออยู่ใกล้กบั กาแพงบอลลูนท่ีมปี ระจุจะดดู กับอนภุ าคประจุบวกในผนงั และสามารถ \"เกาะติด\" กับมนั ปรากฏให้เห็นวา่ มนั ถูกแขวนตา้ นแรงโนม้ ถว่ งของโลก) การแยกประจุท่เี หนี่ยวนาจากความดันดบู ทความหลักที:่ ผลกระทบไพโซอเิ ล็กตริก ความเครียดเชงิ กลทจี่ ่ายให้จะทาใหเ้ กิดการแยกประจุในบางประเภทของผลึกและโมเลกุลเซรามิกส์ การแยกประจทุ ี่เหน่ียวนาจากความรอ้ นความรอ้ นจะทาให้เกิดการแยกประจุในอะตอมหรอื โมเลกลุ ของวสั ดุบางอย่าง วสั ดไุ พโรอิเล็กตริกทัง้ หมดยงั เปน็ ไพโซอเิ ลก็ ตริกอกี ดว้ ย คุณสมบตั ิของอะตอมหรือโมเลกลุ ของการตอบสนองตอ่ ความรอ้ นและความดนั จะสัมพนั ธก์ ันอยา่ งใกล้ชดิ วัตถทุ ่มี ีประจเุ มือ่ ถกู นามาใกล้กับวัตถทุ เ่ี ป็นกลางทางไฟฟ้าจะทาใหเ้ กดิ การแยกประจภุ ายในวัตถุท่เี ป็นกลาง ประจุข้วั เดียวกันจะผลักกนั และประจุขั้วตรงขา้ มกันจะดดู กัน เม่ือแรงอันเน่อื งมาจากปฏสิ ัมพันธข์ องประจุไฟฟ้าตกลงไปอย่างรวดเร็วตามระยะห่างที่เพ่ิมขน้ึ ประจุ (ขั้วตรงข้าม) ที่อยูใกล้มากกว่าจะส่งผลกระทบมากกวา่ และวัตถทุ ้ังสองจะรสู้ ึกถึงแรงดงึ ดูด ผลจะเดน่ ชดั มากที่สดุ เม่อื วัตถทุ ี่เป็นกลางเป็นตัวนาไฟฟา้ เมื่อประจมุ อี สิ ระมากขึ้นทจี่ ะเคลือ่ นทไี่ ปรอบ ๆ การลงดนิ อยา่ งระมัดระวังของบางส่วนของวัตถทุ ่มี ีการแยกประจุท่ีเกิดขึ้นจากประจสุ ามารถเพ่ิมหรอื ลดอิเล็กตรอนอย่างถาวรปลอ่ ยให้วตั ถุเหลือแตเ่ พียงประุจุถาวร กระบวนการนี้เปน็ ส่วนประกอบสาคญั ในการทางานของเคร่อื งกาเนิดไฟฟ้าแวนเดอแกรฟฟ์ อปุ กรณ์ที่ใช้กันท่ัวไปในการสาธิตผลกระทบของไฟฟ้านิง่การกาจดั และป้องกนั ไฟฟา้ การกาจัดหรือการป้องกันการสะสมของประจุไฟฟ้าสถิตอาจทาได้ง่ายๆแคเ่ ปิดหน้าตา่ งหรอื ใช้เครอ่ื งทาความชืน้ (องั กฤษ: humidifier) เพ่อื เพ่ิมความชิ้นของอากาศ ทาให้อากาศเปน็ สอ่ืกระแสไฟฟ้ามากข้นึ เครอื่ งสรา้ งไอออนจากอากาศ (องั กฤษ: air ionizer) ก็สามารถทางานได้เหมอื นกนั อปุ กรณ์ทไี่ วเฉพาะต่อการปลดปลอ่ ยประจุไฟฟา้ (โดยรวดเร็ว)อาจจะไดร้ บั แกไ้ ขด้วยการใช้ตัวแทนตา้ นไฟฟ้าสถิตย์ซง่ึ จะเพิม่ ชัน้ พนิ้ ผวิ การนาไฟฟ้าเพื่อให้ประจุส่วนเกินมีการกระจายออกไปท่วัผิวหน้า น้ายาปรับผ้านุ่มและแผ่นเป่าแหง้ ทีใ่ ช้ในเครอ่ื งซักผ้าและเครื่องอบผ้าเปน็ ตวั อย่างหน่งึ ของตวั แทนต้านไฟฟ้าสถติ ที่ใชใ้ นการปอ้ งกันและกาจัดการยึดติดของประจุ[3]

อปุ กรณ์สารกึง่ ตัวนาจานวนมากทใ่ี ช้ในอปุ กรณ์อเิ ล็กทรอนิกสม์ คี วามไวเฉพาะต่อการปลดปลอ่ ยประจุไฟฟา้ ถุงตา้ นไฟฟา้ สถติ มักใชห้ ่ออปุ กรณ์เพอ่ื ปกป้องอปุ กรณ์ดงั กล่าว คนท่ที างานกับวงจรที่มอี ปุ กรณเ์ หล่านี้มักจะลงดนิ ตัวเขาเองดว้ ยสายรดั ขอ้ มอื ตา้ นไฟฟา้ สถิต ในโรงงานอตุ สาหกรรมเช่นโรงงานสีหรือแปง้ หรือในโรงพยาบาล, รองเทา้ ปลอดภยั ตา้ นไฟฟ้าสถติ บางครงั้ ถกู นามาใช้เพ่ือป้องกันการสะสมของประจุไฟฟ้าเนอ่ื งจากมันจะสมั ผสั กับพื้น รองเท้าเหล่าน้ีมีพื้นรองเทา้ ที่มกี ารนาไฟฟา้ ทดี่ ี รองเท้าต้านไฟฟ้าสถติ ไม่ควรจะสับสนกับรองเทา้ ฉนวนซึง่ จะใหผ้ ลตรงกนั ขา้ ม เพราะรองเท้าฉนวนใชป้ ้องกนั ไฟฟ้าช็อกอย่างรุนแรงจากไฟฟา้ สายเมนการปลดปลอ่ ยไฟฟ้าสถิต ประกายไฟทเ่ี กิดจากไฟฟา้ สถิตจะเกดิ จากการปลดปล่อยไฟฟา้ สถิต เมื่อประจุส่วนเกินจะถกูเปน็ กลางโดยการไหลของประจุจากหรือไปยังสภาพแวดลอ้ ม ความร้สู ึกของไฟฟา้ ชอ็ กจะเกิดจากการกระตุ้นของเสน้ ประสาทเมือ่ กระแสเป็นกลางไหลผา่ นร่างกายมนุษย์ พลังงานทเ่ี ก็บไว้ในรูปไฟฟ้าสถิตยบ์ นวตั ถุหนงึ่ จะแปรผันข้ึนอยกู่ บั ขนาดของวตั ถุและคา่ คาปาซิแตนซ์ของมัน, แรงดนั ไฟฟา้ ท่ีใชใ้ สป่ ระจใุ หม้ ัน และค่าคงที่ไดอเิ ลก็ ตรกิ ของตวั กลางโดยรอบสาหรับการสร้างแบบจาลองของ ผลกระทบของการปล่อยปล่อยไฟฟ้าสถิตบนอุปกรณ์อเิ ล็กทรอนิกส์ทม่ี ีความไว มนุษย์จะถูกแสดงเป็นตัวเก็บประจุขนาด 100 pf ถกู ใส่ประจุจากแรงดนั ไฟฟ้า 4000 ถงึ35000 โวลต์ เมื่อสัมผัสกบั วตั ถุ พลังงานน้ีจะถูกปลดปล่อยในเวลาน้อยกวา่ หนง่ึ ส่วนล้านวนิ าทีในขณะทีพ่ ลังงานทง้ั หมดมขี นาดเล็ก ด้วยคา่ สบิ ยกกาลงั ของมลิ ลิจูล มันกย็ ังสามารถสรา้ งความเสียหายใหก้ บั อุปกรณ์อเิ ล็กทรอนิกสท์ ่ีมีความไว วตั ถขุ นาดทใี่ หญ่กว่าจะเก็บพลังงานไดม้ ากกว่า ซึ่งอาจเปน็อนั ตรายโดยตรงจากการสัมผัสของมนุษย์ หรืออาจจะใหป้ ระกายไฟที่สามารถจุดชนวนก๊าซหรือฝุ่นละอองไวไฟฟ้าผ่า การปลดปลอ่ ยประจุไฟฟา้ สถิตยต์ ามธรรมชาติ ฟา้ ผา่ เปน็ ตัวอย่างท่เี กิดตามธรรมชาตทิ ่ดี รามา่ อย่างหนึง่ ของการปลดปล่อยประจุไฟฟ้าสถิตย์ในขณะท่รี ายละเอียดยังไมช่ ัดเจนและยังคงเปน็ เร่ืองหน่ึงของการอภปิ ราย มีการคิดกนั วา่ การแยกประจใุ นช่วงเร่มิ ต้นถูกน่าจะเชอ่ื มโยงกับการสัมผสั กนั ระหว่างอนภุ าคน้าแขง็ ดว้ ยกนั ภายในเมฆพายุโดยทว่ั ไปการสะสมประจุอย่างมนี ยั สาคญั จะสามารถคงอยู่ในภูมิภาคของการนาไฟฟ้าทตี่ ่าเทา่ นั้น (มีประจุอิสระน้อยมากทเี่ คลอื่ นท่อี ยรู่ อบ ๆ) ด้วยเหตุนี้การไหลของประจทุ ่เี ปน็ กลางมักจะเปน็ ผลมาจาก

อะตอมและโมเลกุลทเ่ี ปน็ กลางในอากาศท่ีถูกฉกี ออกเพอ่ื แยกประจบุ วกและประจลุ บออกจากกัน ซ่งึจะเดินทางไปในทศิ ทางตรงข้ามเหมือนเปน็ กระแสไฟฟ้าหนงึ่ ซึง่ จะทาใหก้ ารสะสมเดิมของประจุเปน็กลาง ประจุไฟฟ้าสถติ ในอากาศโดยทัว่ ไปจะแตกตวั ในลักษณะนที้ ่ีแรงดนั ไฟฟ้าประมาณ 10,000โวลต์ต่อเซนติเมตร (10 กโิ ลโวลต์/ซม.) ขึ้นอยู่กับความชื้น การปลดปลอ่ ยประจุจะสรา้ งความร้อนย่งิ ยวดให้กับอากาศโดยรอบมาให้เกดิ เปน็ แสงวาบ (หรือทเี่ รียกว่าฟ้าแลบ) และผลิตคล่นื ช็อกเปน็ เสียงฟา้ รอ้ ง สายฟา้ ผ่าเป็นเพียงเวอร์ช่นั รุ่นท่ีถกู ปรบั ให้มีขนาดสูงขึน้ จากประกายไฟทเี่ ห็นได้ในเหตกุ ารณ์ท่ีเกิดข้นึ ในทอ้ งถิ่นส่วนใหญ่ของการปล่อยปล่อยไฟฟ้าสถติ แสงวาบเกิดข้นึ เนื่องจากอากาศในชอ่ งทางการปลดปล่อยประจุถูกทาใหม้ คี วามร้อนท่ีอุณหภมู สิ ูงซะจนมันเปล่งแสงจากความร้อนไฟฟา้ สถิตสะสมในวัสดขุ องไหลท่ีไวไฟและจุดระเบิดได้ การปลดปลอ่ ยไฟฟา้ สถิตสามารถสรา้ งอันตรายอย่างรนุ แรงในอตุ สาหกรรมเทีต่ ้องทางานกบัสารไวไฟทีป่ ระกายไฟฟ้าขนาดเล็กอาจจุดชนวนส่วนผสมทร่ี ะเบดิ ได้ การไหลของสารทเี่ ปน็ ผงละเอียดหรอื ของเหลวการนาตา่ ในทอ่ หรอื ผา่ นการกวนเชิงกลสามารถสะสมไฟฟ้าสถติ ย์ได้ ]การไหลของเมด็ ของวสั ดุเช่นทรายลงไปตามรางพลาสติกสามารถถ่ายโอนประจุได้ ซง่ึ สามารถวดั ได้อย่างง่ายดายโดยใช้มัลตมิ เิ ตอร์เช่ือมต่อกบั ฟอยล์โลหะท่ีซับในรางช่วงเวลานนั้และสามารถเป็นสัดส่วนหยาบ ๆ กับการไหลของอนุภาคเมฆฝ่นุ ของสารทเ่ี ปน็ ผงละเอียดสามารถไหม้ไฟหรือระเบดิ ได้ เมื่อมีการปบลดปล่อยประจุไฟฟา้ สถติ ในฝุ่นหรอื เมฆไอน้า การระเบดิ กเ็ กิดข้นึ ได้ทา่ มกลางอบุ ัติการณใ์ นอตุ สาหกรรมหลกั ท่เี คยเกดิ ขึ้นก็คือไซโลเมล็ดพชื ในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส, โรงงานสใี นประเทศไทย, โรงงานทาแม่พมิ พ์ไฟเบอรก์ ลาสในแคนาดา, การระเบิดถงั เกบ็ ในเมอื งเกลนพูลรฐั โอคลาโฮมาในปี 2003 และการดาเนินงานถงั บรรจุแบบเคลื่อนท่แี ละคลังน้ามันในเมือง Des Moines รฐ้ ไอโอวา และเมืองแวลลียเ์ ซนเตอร์รัฐแคนซัสในปี 2007 ความสามารถของของเหลวที่จะเก็บประจุไฟฟ้าจะข้ึนอยู่กับการนาไฟฟ้าของมัน เมื่อของเหลวการนาต่าไหลผ่านท่อหรือถูกเขย่าด้วยเครือ่ งกล การแยกประจทุ ่เี หนีย่ วนาโดยการสมั ผัสที่เรียกว่า ไฟฟ้าจากการไหล (อังกฤษ: flow electrification) จะเกดิ ขึ้น ของเหลวที่มกี ารนาไฟฟ้าต่า(ตา่ กวา่ 50 picosiemens ตอ่ เมตร) จะถูกเรยี กวา่ ตวั สะสม ของเหลวท่ีมีการนาสูงกว่า 50 pS/m จะเรียกว่าตัวไมส่ ะสม ในตัวไม่สะสม ประจุจะฟืน้ คืนสภาพไดเ้ รว็ ท่สี ุดเทา่ ท่ีพวกมันจะแยกออกจากกนัดงั นน้ั การสะสมประจุไฟฟ้าจึงไมไ่ ด้มนี ยั สาคญั ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี 50 pS/m คือคา่ ตา่ สุดการนาไฟฟ้าท่ีแนะนาสาหรบั การกาจดั ท่ีเพยี งพอของประจจุ ากของเหลว นา้ มันกา๊ ด (องั กฤษ: Kerosine) อาจมกี ารนาไฟฟ้าตง้ั แต่น้อยกวา่ 1 pS/m จนถงึ 20 pS/mเมื่อเปรียบเทยี บกัน น้าที่ถอดไอออนออกแลว้ จะมีการนาประมาณ 10,000,000 pS/m หรอื 10µS/m

น้ามันหมอ้ แปลงเปน็ สว่ นหน่งึ ของระบบฉนวนไฟฟ้าของหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญแ่ ละอปุ กรณ์ไฟฟา้ อืน่ ๆ การเตมิ มันลงไปใหมใ่ ห้กบั อุปกรณ์ขนาดใหญ่ตอ้ งปอ้ งกันการเตมิ ประจุไฟฟ้าสถิตของของเหลวซ่งึ อาจเกดิ ความเสยี หายตอ่ ฉนวนของหม้อแปลงทมี่ คี วามไวการเตมิ เชื้อเพลิง การไหลของของเหลวไวไฟเช่นน้ามันเบนซนิ ภายในท่อสามารถสร้างและสะสมไฟฟ้าสถติของเหลวไมม่ ขี ้วั เช่นเบนซนิ , โทลูอีน, ไซลีน, ดเี ซล, นา้ มนั ก๊าดและนา้ มนั ดิบชนดิ เบาแสดงความสามารถทีส่ าคัญสาหรับการสะสมประจุและการเกบ็ รักษาประจใุ นระหวา่ งการไหลดว้ ยความเรว็สงู การปลดปลอ่ ยไฟฟา้ สถิตสามารถจุดประกายไอน้ามันเชื้อเพลงิ เมือ่ พลงั งานการปลดปล่อยไฟฟ้าสถิตสูงพอ มันจะสามารถจดุ ประกายไอน้ามันเช้ือเพลิงกบั สว่ นผสมอากาศ เชอ้ื เพลิงท่ีแตกต่างกันจะมีขีดจากดั ไวไฟแตกตา่ งกนั และต้องมีพลังงานปลดปล่อยไฟฟ้าสถิตทีจ่ ะจุดชนวนในที่ระดับทีแ่ ตกตา่ งกันดว้ ย การปลดปลอ่ ยไฟฟ้าสถิตในขณะเติมพลงั งานด้วยนา้ มนั เบนซินเปน็ อนั ตรายท่ีเกิดขน้ึ ท่ีสถานีบริการน้ามัน ไฟยงั สามารถเกิดข้นึ ท่สี นามบนิ ในขณะเติมน้ามันอากาศยานด้วยน้ามันกา๊ ด เทคโนโลยีการลงดนิ ใหม่ ๆ เช่นการใช้วสั ดทุ ีเ่ ป็นตัวนาบวกกบั สารป้องกนั ไฟฟ้าสถิตยช์ ว่ ยในการป้องกันหรือช่วยกระจายการสะสมของไฟฟ้านงิ่ ไดอ้ ย่างปลอดภัย การไหลของก๊าซเพียงอย่างเดียวในทอ่ สามารถสร้างไฟฟ้าสถิตขนึ้ ได้ มันมีการจินตนาการว่ากลไกการสร้างประจุจะเกิดข้ึนไดก้ ต็ ่อเม่ืออนภุ าคของแขง็ หรือหยดของเหลวจะถูกนาพาอยใู่ นกระแสก๊าซเท่านน้ัการปลดปลอ่ ยไฟฟ้าสถิตในการสารวจอวกาศ เน่ืองจากความช้นื ท่ตี ่าอยา่ งรุนแรงในสภาพแวดล้อมตา่ งดาว ประจไุ ฟฟา้ สถิตขนาดใหญ่มากสามารถสะสมขึน้ ได้ ก่อใหเ้ กิดอันตรายอย่างใหญ่หลวงกับอปุ กรณ์อิเล็กทรอนิกสท์ ซี่ ับซ้อนท่ใี ชใ้ นยานพาหนะการสารวจอวกาศ ไฟฟ้าสถติ ถูกคิดวา่ จะเป็นอันตรายโดยเฉพาะอย่างยง่ิ สาหรับนกั บินอวกาศในภารกิจการวางแผนไปยังดวงจนั ทร์และดาวองั คาร การเดินขา้ มภมู ปิ ระเทศทแี่ ห้งอยา่ งสดุ ข้ัวอาจทาให้พวกเขาสะสมประจุเปน็ จานวนมหาศาล การเอ้ือมมอื ออกไปเปิดกลอนอากาศในขณะเดนิ ทางการกลับของพวกเขาอาจก่อใหเ้ กิดการปลดปล่อยไฟฟา้ สถติ ขนาดใหญ่ที่อาจทาลายอปุ กณ์รอิเลก็ ทรอนิกส์ท่ีมคี วามสาคัญการแตกรา้ วจากโอโซนรอยรา้ วโอโซนในทอ่ ยางธรรมชาติ การปลดปล่อยไฟฟา้ สถติ ในบรเิ วณทม่ี ีการปรากฏตัวของอากาศหรอื ออกซเิ จนสามารถสร้างโอโซนขนึ้ ได้ โอโซนสามารถลดคณุ ภาพชน้ิ สว่ นท่เี ป็นยาง สารท่มี ีคุณสมบัติยดื หย่นุ แบบยางธรรมชาติ(อังกฤษ: elastomer) จานวนมากมีความไวต่อการแตกร้าวจากโอโซน การเปิดรับต่อโอโซนจะสรา้ งรอยแตกทะลุลึกลงไปในองค์ประกอบทสี่ าคัญเชน่ ปะเก็นและโอริง นอกจากน้ีท่อส่งนา้ มันเช้อื เพลงิ ยงั

มีความเสีย่ งที่จะเกิดปญั หาเว้นแตจ่ ะมีมาตรการป้องกันทีร่ วมถงึ การใส่สารตา้ นโอโซนลงในส่วนผสมยาง หรือใช้ยางท่ีทนตอ่ โอโซน ไฟไหม้จากท่อนา้ มันเชือ้ เพลิงทม่ี รี อยแตกได้สร้างปัญหากับยานพาหนะมานาน โดยเฉพาะอย่างยงิ่ ในสว่ นของเครื่องยนตท์ โี่ อโซนสามารถถกู ผลติ ข้ึนโดยอปุ กรณ์ไฟฟ้า พลงั งานทีป่ ล่อยออกจากการปลดปล่อยไฟฟ้าสถิตย์อาจแตกตา่ งกันไปอยา่ งกวา้ งขวางพลังงาน E มคี ่าเปน็ จลู ส์สามารถคานวณได้จากค่าคาปาซแิ ตนซ์ (C) ของวัตถุและศักย์ไฟฟา้ สถติ V มีค่าเปน็ โวลต์ (V) โดยใช้สูตร E = ½CV2ผ้ทู ดลองประมาณความจุของร่างกายมนษุ ย์สงู ทีส่ ุดได้ถึง 400picofarads และดว้ ยความดันปลดปล่อยประจุที่ 50,000 โวลต์ เชน่ ในระหวา่ งการสมั ผสั กบั รถยนต์ท่ีมีประจุ จะสร้างประกายไฟด้วยพลังงาน 500 millijoules การประมาณการอีกประการหนึ่งคอื 100-300 pF และ 20,000 โวลต,์ สามารถผลติ พลงั งานสงู สุดที่ 60 มลิ ลิจูล IEC 479-2:1987 ระบวุ ่าการปลดปล่อยประจุไฟฟา้ สถิตท่ีมีพลงั งานสูงกว่า 5000 mJ เป็นความเส่ียงร้ายแรงโดยตรงตอ่ สขุ ภาพของมนษุ ย์ IEC 60065 ระบวุ ่าสนิ ค้าอปุ โภคบริโภคไมส่ ามารถปลดปล่อยมากกว่า 350 mJ เข้าสูค่ น ศกั ย์ไฟฟ้าสูงสดุ จะถกู จากดั ไว้ทปี่ ระมาณ 35-40 กิโลโวลตเ์ นือ่ งจากการปลดปล่อยโคโรนา (องั กฤษ: corona discharge) (การปลอ่ ยประจุเปน็ แสงเรือง) ท่ีกระจายประจทุ ี่ศักย์ไฟฟา้ สูงศกั ยไ์ ฟฟา้ ทีต่ า่ กวา่ 3000 โวลต์มกั จะไม่สามารถตรวจพบได้โดยมนษุ ย์ ศกั ย์ไฟฟ้าสูงสดุ ท่ีมักจะพบได้บนร่างกายมนุษยจ์ ะมชี ่วงระหวา่ ง 1 kV จนถึง 10 kV แม้ว่าในสภาวะทีเ่ หมาะสมค่าสูงทส่ี ุดจะอยู่ที่20-25 กโิ ลโวลต์ ความชน้ื สมั พทั ธ์ตา่ จะช่วเพ่ิมประจุสะสม; การเดนิ 20 ฟุต (6.1 เมตร) บนพ้ืนไวนิลที่ความช้ืนสมั พัทธ์ 15% จะทาใหเ้ กิดการสะสมของแรงดันไฟฟ้าไดถ้ ึง 12 กิโลโวลต์ในขณะทีค่ วามชืน้80% แรงดันไฟฟา้ จะมีเพยี ง 1.5 kV เทา่ น้ัน พลังงานประกายไฟเพยี ง 0.2 millijoules อาจสรา้ งอนั ตรายจากการเผาไหม้; พลังงานที่ต่าดงั กลา่ วมักจะต่ากวา่ เกณฑ์ของการรบั รู้ทางสายตาและหูของมนุษย์ พลงั งานการจุดประกายโดยทั่วไปคือ:0.017 mJ สาหรบั ไฮโดรเจน0.2-2 mJ สาหรบั ไอระเหยสารไฮโดรคารบ์ อน1-50 mJ ฝ่นุ ละเอยี ดทีต่ ิดไฟไดด้ ี40-1000 mJ ฝ่นุ หยาบไวไฟ พลังงานทจ่ี าเป็นใหเ้ กิดความเสยี หายตอ่ อปุ กรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกสส์ ว่ นใหญ่ (ต้องการอ้างอิง) อยู่ระหวา่ ง 2 ถงึ 1000 นาโนจลู ส์

พลงั งานท่ีค่อนขา้ งเลก็ มักจะเพยี ง 0.2-2 มลิ ลจิ ลู ส์ เป็นส่งิ จาเปน็ ที่จะจุดชนวนส่วนผสมไวไฟของนา้ มันเช้อื เพลิงและอากาศ สาหรับก๊าซและตัวทาละลายไฮโดรคารบ์ อนอุตสาหกรรมทวั่ ไป พลังงานจุดระเบิดขน้ั ต่าทีจ่ าเป็นสาหรบั จุดระเบิดสารผสมไอระเหยกับอากาศจะต่าสดุ สาหรับความเขม้ ขน้ ของไอระเหยท่ีอย่ตู รงกลางโดยประมาณระหวา่ งขีดจากัดการระเบดิ ตวั ล่างและขีดจากัดการระเบิดตัวบน และเพิ่มขน้ึ อยา่ งรวดเร็วเมอื่ ความเข้มข้นเบยี่ งเบนไปจากจดุ เหมาะสมน้ไี ปดา้ นใดด้านหนึง่ ละอองของของเหลวไวไฟอาจถูกจุดระเบิดท่ีจุดต่ากว่าจุดวาบไฟ (อังกฤษ: flash point)ของพวกมัน โดยท่วั ไปละอองของเหลวท่ีมีอนภุ าคขนาดตา่ กว่า 10 ไมโครเมตรจะทาตวั เหมอื นไอระเหย อนุภาคขนาดสงู กว่า 40 ไมโครเมตรจะทาตวั เหมือนฝุ่นทต่ี ิดไฟมากกวา่ ปกติความเขม้ ขน้ ไวไฟตา่ สดุ ของละอองจะอย่รู ะหว่าง 15 ถงึ 50 g/m3 ในทานองเดียวกนั การปรากฏตวั ของโฟมบนพน้ื ผิวของของเหลวไวไฟเพ่ิมความสามารถจดุ ระเบิดอย่างมีนัยสาคญั สเปรยฝ์ นุ่ ไวไฟสามารถจุดระเบิดได้เช่นกนั สง่ ผลใหเ้ กิดการระเบิดฝนุ่ (องั กฤษ: dust explosion) ขดี จากดั การระเบดิ ตวั ลา่ งมักจะอยู่ระหวา่ ง 50 ถึง 1000 g/m3; ฝนุ่ ทีล่ ะเอียดกวา่ มแี นวโน้มท่ีจะเกดิ ระเบิดไดม้ ากกวา่ และใชพ้ ลังงานจดุประกายน้อยกวา่ เพ่ือระเบิดออกไป การปรากฏตัวพรอ้ มกนั ของไอระเหยไวไฟและฝ่นุ ทีต่ ิดไฟได้สามารถลดพลังงานจุดระเบิดไดอ้ ยา่ งมีนยั สาคัญ; เพยี ง 1 ปริมาตร.% ของโพรเพนในอากาศสามารถลดพลังงานจุดระเบิดของฝนุ่ ละอองท่จี าเป็นได้เปน็ 100 เท่า ปริมาณออกซิเจนในชัน้ บรรยากาศทีส่ ูงกวา่ ปกติกช็ ่วยลดพลังงานการจดุ ระเบิดได้อย่างมีนัยสาคัญเชน่ กัน มีหา้ ประเภทของการปลดปล่อยไฟฟ้า:ประกายไฟฟ้า ท่รี ับผิดชอบกับส่วนใหญข่ องการเกดิ เพลงิ ไหมแ้ ละการระเบดิ ในโรงงานอุตสาหกรรมในสถานที่ที่ไฟฟา้ สถิตมีสว่ นเก่ยี วข้อง ประกายไฟฟ้าจะเกิดข้นึ ระหวา่ งวตั ถตุ ่อวตั ถุทม่ี ีศักย์ไฟฟ้าแตกต่างกนั การลงดนิ ท่ดี ีของทกุ สว่ นของอปุ กรณ์และการป้องกนั การสะสมประจบุ นอุปกรณ์และบคุ ลากรจะถกู ใชเ้ ปน็ มาตรการป้องกันBrush discharge เกิดข้ึนจากพืน้ ผวิ ที่ไม่นาไฟฟา้ แต่มีประจุหรอื ของเหลวท่ไี ม่นาไฟฟ้าแตม่ ปี ระจุสูงพลงั งานจะถกู จากัดไวท้ ่ีประมาณ 4 มิลลจิ ูลส์ ท่จี ะเป็นอนั ตรายแรงดนั ไฟฟ้าทีเ่ ก่ียวข้องจะตอ้ งสูงกวา่ทีป่ ระมาณ 20 กโิ ลวัตต์ ขัว้ พนื้ ผิวจะตอ้ งเปน็ ลบ บรรยากาศไวไฟจะต้องปรากฏทีจ่ ดุ ของการปลดปล่อยประจุ และพลังงานการปลอ่ ยจะต้องมีเพยี งพอทจี่ ะจุดระเบิด ต่อไป เนื่องจากพ้ืนผิวท่มี ีความหนาแนน่ ของประจสุ งู สุด พ้ืนท่อี ย่างน้อย 100 ซม2 จะต้องเขา้ มาเก่ยี วข้อง น้ีไม่ได้รับการพจิ ารณาว่าเปน็ อนั ตรายสาหรับเมฆฝุ่นPropagating brush discharge มีพลังงานสูงและเปน็ อนั ตราย เกิดขึน้ เม่ือผิวฉนวนหนาได้ถึง 8มลิ ลิเมตร (เชน่ เทฟลอนหรอื แกว้ เยือ่ บุของท่อโลหะสายดนิ หรอื เครอื่ งปฏกิ รณ์) มโ๊ อกาสทป่ี ระจุขนาดใหญจ่ ะสะสมระหวา่ งพ้นื ผิวตรงข้ามกัน ทาหนา้ ทเ่ี ปน็ ตัวเก็บประจทุ ี่มีพ้ืนที่ขนาดใหญ่

Cone discharge หรือเรยี กว่า bulking brush discharge จะเกดิ ขน้ึ บนพ้ืนผิวของผงท่ีมีประจแุ ละมีความต้านทานสงู กวา่ 1010 โอห์ม หรือลึกผ่านมวลผงอีกด้วย Cone discharge มกั จะไมส่ ามารถสังเกตเหน็ ได้ในปรมิ าณฝุ่นละอองตา่ กว่า 1 m3 พลังงานทีเ่ กีย่ วข้องจะข้ึนอยูก่ ับขนาดของเมด็ ผงและขนาดของประจุ และสามารถสงู ได้ถึง 20 mJ ปรมิ าณฝุน่ ละอองที่มีขนาดใหญ่กว่าก็ผลิตพลงั งานทสี่ ูงกวา่Corona discharge ไม่ถือว่าเป็นอันตรายใช้ในเคร่ืองถา่ ยเอกสาร มหี ลักการทางานที่สาคญั คือ แผน่ ฟลิ ม์ ที่ฉาบด้วยวสั ดุตวั นา ท่มี คี ุณสมบัติเปน็ตัวนาเมอ่ื ถูกแสงและเปน็ ฉนวนเมอื่ ไมไ่ ดถ้ กู แสง เม่ือเคร่ืองเรม่ิ ทางาน แผน่ ฟลิ ์มจะถกู ทาใหม้ ีประจุไฟฟา้ บวกทั่วท้ังแผ่น และจะสอง่ แสงไปยังสง่ิ พิมพ์ผ่านเลนส์ไปกระทบกบั แผ่นฟลิ ์ม ส่วนที่เป็นสีขาวบนสงิ่ พิมพ์แสงจะทะลผุ ่านออกมากระทบแผ่นฟลิ ม์ ทาให้บริเวณทถ่ี ูกแสงเปน็ ตัวนา เป็นผลให้บริเวณนน้ั มีสภาพเป็นกลางทางไฟฟ้า สว่ นตัวอกั ษรหรอื ภาพลายเส้นท่ีเปน็ สดี าจะดูดกลืนแสงจึงไมใ่ ห้แสงผ่านออกมากระทบแผ่นฟิล์มทาให้บรเิ วณที่ไมถ่ ูกแสงบนแผน่ ฟิล์มคงยังมีประจุไฟฟ้าบวกอยู่ เม่ือพ่นผงหมกึ ท่ีมีประจุไฟฟา้ ลบไปท่ีแผ่นฟลิ ์ม ผงหมึกจะไปเกาะเฉพาะบริเวณท่ีมีประจบุ วกเท่าน้นั สว่ นบรเิ วณอ่นื ท่ีไม่มีประจุไฟฟา้ ก็จะไม่มีผงหมกึ เกาะ ทาให้เห็นเป็นภาพของตน้ ฉบับบนแผน่ ฟิลม์ และเม่อืกดแผน่ กระดาษประจุบวกลงบนแผน่ ฟิลม์ ที่มผี งหมึกก็จะได้ภาพสาเนาปรากฏบนแผน่ กระดาษ นากระดาษนีไ้ ปอบความรอ้ นเพ่ือใหผ้ งหมึกติดแนน่ กจ็ ะไดภ้ าพสาเนาบนแผ่นกระดาษที่ชดั เจนและถาวรใชใ้ นการพน่ สี เครื่องพน่ สีใชส้ าหรบั พ่นผงหรอื ละอองสี เพ่ือใหส้ ีเกาะติดชน้ิ งานได้ดีกว่าการพ่นแบบธรรมดา ใชห้ ลักการทาผงหรือละอองสีกลายเปน็ อนภุ าคท่ีมปี ระจไุ ฟฟ้าขณะผงถกู พ่นออกจากเคร่ืองพน่ มีผลใหผ้ งหรอื ละอองสที ี่มปี ระจไุ ฟฟา้ น้นั มแรงดึงดูดกับผิวชน้ิ งานและจะเกาะตดิ ช้นิ งานนัน้ ได้ดีใชใ้ นเครื่องพมิ พ์ Inkjetใช้กบั ไมโครโฟรแบบตัวเก็บประจุ หลักการของไมโครโฟนแบบตัวเกบ็ ประจุคือ ประกอบด้วยแผ่นโลหะ 2 แผ่นท่ีขนานกัน แผน่ หน่ึงทาหนา้ ที่เป็นไดอะแฟรมรับคล่ืนเสียง ส่วนแผน่ ทีส่ องยึดติดกบั ฐานโดยแผน่ ทรี่ ับคลนื่ เสียงจะบางมากเม่ือมีคลืน่ เสยี งมากระทบ มนั จะสัน่ ตามความถแี่ ละกาลังของคลน่ืผลจากการสั่นของแผ่นบางน้ี จะทาให้ความจุไฟฟ้าเปลย่ี นแปลง เมือ่ ต่อไมโครโฟนแบบตัวเกบ็ ประจุนี้อนุกรมกับตัวต้านทานความต่างศกั ย์คร่อมไมโครโฟนแบบตัวเกบ็ ประจุจะเปล่ยี นแปลงตามความถี่ของคลื่นเสียง เป็นผลใหเ้ กดิ สัญญาณไฟฟา้ ไมโครโฟนแบบตัวเกบ็ ประจุน้ีเราสามารถนาไปใชก้ ับการร้องเพลง การพดู จะได้เสียงทชี่ ัดเจนและเปน็ ไมโครโฟนทนี่ ิยมใช้

ทางดา้ นการแพทย์ ชุดประดษิ ฐ์เส้นใยนาโนผลงานรางวัลชมเชย ประจาปี 2549 ของสานักงานคณะกรรมการวจิ ัยแห่งชาติผลงานประดษิ ฐ์ \" ระบบอิเล็กโตรสปินนง่ิ ควบคมุ ด้วยคอมพิวเตอร์ สาหรับประดิษฐเ์ ส้นใยนาโน ” (Computer-controlled Electrospinning System for Nanofibres Fabrication ) จากทมี วจิ ยัภาควิชาฟิสกิ ส์ คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแก่นได้รบั รางวัลชมเชยผลงานประดษิ ฐค์ ิดค้นสาขาด้านวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละอุตสาหกรรม ( สาขาวิทยาศาสตร์กายภาพและคณติ ศาสตร)์ประจาปี 2549 ของสานักงานคณะกรรมการวจิ ัยแห่งชาติ ( วช.) ในปัจจุบนั เสน้ ใยนาโน (nanofibres) ซ่ึงจัดเป็นหนง่ึ ในวัสดนุ าโนทส่ี าคญั เป็นเส้นใยสงั เคราะหท์ ี่กาลงั ได้รบั ความสนใจอย่างมาก เนอื่ งจากเสน้ ใยมีขนาดเสน้ ผ่าศนู ย์กลางในระดับนาโนเมตร ซ่ึงมขี ้อดี คือ มีอตั ราสว่ นระหว่างพนื้ ผิวตอ่ ปริมาตร (surface-to-volume ratio) สูงมากกว่า1,000 เท่า เม่ือเทยี บกับเส้นใยในระดับไมโครเมตร (microfibres) และมขี นาดของรูพรนุ (pore) ท่ีเล็ก สง่ ผลทาให้มีสมบัตติ า่ ง ๆ เช่น สมบตั ิเชงิ กล สมบัตทิ างไฟฟ้า หรอื สมบตั ิอ่ืน ๆ ท่ดี ีมาก เหมาะสาหรับงานเฉพาะด้าน ซ่ึงต้องการความได้เปรยี บของขนาดที่จ๋วิ แต่แจว๋ ไปใช้ เช่น การประยกุ ตใ์ ช้งานของเสน้ ใยนาโนพอลิเมอร์ท่ีย่อยสลายได้ ไม่เปน็ พษิ และมคี วามเขา้ กนั ได้ทางชวี ภาพ สาหรบั งานทางด้านวิศวกรรมเน้ือเยื่อกระดูก ( bone tissue engineering ) ผ้าปิดแผล (wound dressing)ระบบส่งยา (drug delivery system) ระบบการกรองอย่างละเอยี ด (ultrafiltration) เป็นตน้ สาหรับเทคนคิ ทีน่ ามาใช้ในการเตรียมเสน้ ใยนาโนมหี ลายวธิ ี ซึง่ แตล่ ะวิธกี ารมีข้อดี ข้อเสีย ท่ีแตกต่างกนั ไป ซ่ึง เทคนิคอิเล็กโตรสปนิ นิง่ (electrospinning) หรือ การปัน่ เส้นใยด้วยไฟฟ้าสถติเปน็ ทางเลอื กใหม่ทีไ่ ด้ถูกนามาใช้เตรยี มเส้นใยนาโนของวสั ดุพอลิเมอร์ และสารอนนิ ทรีย์ออกไซด์หลากหลายชนิด มาตรฐานบังคบั ใช้ 1.BS PD CLC/TR 50404:2003 รหัสของการปฏิบัตใิ นการควบคุมไฟฟ้าน่งิ ท่ีไม่พงึ ประสงค์ 2.NFPA 77 (2007) ขอ้ ควรปฏบิ ตั แิ นะนาเกี่ยวกบั ไฟฟ้าสถิต 3.API RP 2003 (1998) การป้องกนั การจดุ ระเบิดทีเ่ กิดจากกระแสน่งิ ฟา้ ผ่าและจรจดั การปอ้ งกันการเกิดไฟฟ้าสถติ ไฟฟ้าสถติ เกิดขึ้นเพราะมีการสะสมของอะตอมหรือประจุไฟฟ้าในในรา่ งกาย รวมทงั้ ยงั ไปถงึ สภาพอากาศที่แหง้ อีกด้วย ทเ่ี ป็นสาเหตุทาให้เกิดไฟฟ้าสถติ ไดอ้ ย่างงา่ ยดาย ดงั น้นั จงึ มีวิธีการป้องกนั การเกิดไฟฟ้าสถิตนนั่ กค็ ือ -ควรดมื่ นา้ ใหม้ ากๆ ทาโลชั่นบารุงผวิเพื่อไม่ใหร้ ่างกายหรือผวิ พรรณน้ันแหง้ กรา้ นทีเ่ ปน็ ตัวทาให้เกิดไฟฟ้าสถติ -หลีกเลี่ยงเสือ้ ผ้าทเี่ ปน็ ขนสัตว์ และผา้ ใยสังเคราะห์ -ควรสวมใสถ่ ุงเท้าผ้าคอตตอน และเลอื กใส่รองเทา้ ทเี่ ปน็ พน้ื ยาง

แหลง่ อา้ งอิง 1. Dhogal (1986). Basic Electrical Engineering, Volume 1. Tata McGraw-Hill. p. 41. ISBN 978-0-07-451586-0. 2. \"Ionizers and Static Eliminators\". GlobalSpec. 2009. สบื ค้นเมอื่ 2009-04-13. 3. \"Fabric Softener and Static\". Ask a Scientist, General Science Archive. US Department of Energy. 2003. สบื ค้นเมอื่ 2009-04-13. 4. \"Antistatic Bags for Parts\". PC Chop Shop (John Wiley and Sons). 2004. ISBN 978- 0-7821-4360-7. สืบค้นเม่ือ 2009-04-13. 5. \"Antistatic Wrist Strap\". PC Chop Shop (John Wiley and Sons). 2004. ISBN 978-0- 7821-4360-7. สืบคน้ เม่ือ 2009-04-13. 6. \"Safetoes: Safety Footwear\". Safetoes. Trojan Tooling. 2004. สบื คน้ เมื่อ 2009-04- 13. 7. Carlos Hernando Díaz, Sung-Mo Kang, Charvaka Duvvury, Modeling of electrical overstress in integrated circuits Springer, 1995 ISBN 0-7923-9505-0 page 5 8. J. J. Lowke (1992). \"Theory of electrical breakdown in air\". Journal of Physics D: Applied Physics 25 (2): 202– 210. Bibcode:1992JPhD...25..202L. doi:10.1088/0022-3727/25/2/012. 9. Kassebaum, J. H. & Kocken, R. A. (1995). \"Controlling Static Electricity in Hazardous (Classified) Locations\". Petroleum and Chemical Industry 42nd Annual Conference Papers: 105–113. ISBN 0-7803-2909- 0. doi:10.1109/PCICON.1995.523945. 10. Wagner, John P.; Clavijo, Fernando Rangel Electrostatic charge generation during impeller mixing of used transformer oil Department of Nuclear Engineering, Safety Engineering and Industrial Hygiene Program, Texas A&M University, College Station, online 21 August 2000; accessed Jan 2009 doi:10.1016/S0304-3886(00)00019-X 11. Downie, Neil A., Exploding Disk Cannons, Slimemobiles and 32 Other Projects for Saturday Science (Johns Hopkins University Press (2006), ISBN 978-0-8018- 8506-8, chapter 33, pages 259-266 \"Electric Sand\" 12. Hearn, Graham (1998). \"Static electricity: concern in the pharmaceutical industry?\". Pharmaceutical Science & Technology Today 1 (7): 286– 287. doi:10.1016/S1461-5347(98)00078-9.

13. Storage Tank Explosion and Fire in Glenpool, Oklahoma April 7, 2003 National Transportation Safety Board14. Static Spark Ignites Flammable Liquid during Portable Tank Filling Operation Chemical Safety Board October 29, 200715. Egorov, V.N. (1970). \"Electrification of petroleum fuels\". Khimiya i Tekhnologiya Topliv i Masel 4: 20–25.16. Chevron Corporation Aviation Fuels Technical Review 2006, accessed Dec 200817. Hearn, Graham Static electricity – guidance for Plant Engineers – Wolfson Electrostatics University of Southampton 2002; accessed Dec 200818. \"CarCare – Auto Clinic\" Popular Mechanics, April 2003, p. 163.19. Kinzing, G.E., 'Electrostatic Effects in Pneumatic Transport: Assessment, Magnitudes and Future Direction', Journal Pipelines, 4, 95–102, 198420. \"NASA – Crackling Planets\". สืบค้นเมือ่ 2008-01-20.21. Nomograms for capacitive electrostatic discharge risk assessment. Ece.rochester.edu. Retrieved on 2010-02-08.22. \"High voltage safety: VandeGraaff Electrostatic Generator\". amasci.com. สบื คน้ เม่อื 2010-01-27.23. Index. Wolfsonelectrostatics.com. Retrieved on 2011-03-17.24. M.A. Kelly, G.E. Servais and T.V. Pfaffenbach An Investigation of Human Body Electrostatic Discharge, ISTFA ’93: The 19th International Symposium for Testing & Failure Analysis, Los Angeles, California, USA/15–19 November 199325. \"ESD Terms\". eed.gsfc.nasa.gov. สบื คน้ เม่ือ 2010-01-27.26. Static Electricity Guidance for Plant Engineers Graham Hearn – Wolfson Electrostatics, University of Southampton


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook