Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore e-book mtm1

e-book mtm1

Description: e-book mtm1

Search

Read the Text Version

หนว่ ยการเรยี นท่ี 1 1 เรยี บเรียงโดย ภทั ราวรรณ สขุ พนั ธุ์

จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกความหมายของการค้าปลกี ร้านคา้ ปลกี และพอ่ คา้ ปลกี ได้ 2. อธิบายความส�ำคัญของธรุ กิจคา้ ปลกี ได้ 3. บอกหนา้ ทขี่ องธรุ กิจคา้ ปลกี ได้ 4. อธิบายวิวัฒนาการของธุรกิจคา้ ปลกี ได้ 5. อธิบายแนวโนม้ ของธุรกจิ ค้าปลกี ในอนาคตได้ 6. จำ� แนกประเภทของธรุ กิจคา้ ปลกี ได้ 7. มคี ณุ ลกั ษณะนิสยั เปน็ ผูร้ ู้รักสามคั คี สนใจไฝร่ ู้ 2 หนว่ ยการเรยี นที่ 1 ความรู้ท่ัวไปเกยี่ วกบั ธุรกจิ ค้าปลีก

สาระส�ำคญั ธรุ กจิ คา้ ปลกี เปน็ ธรุ กจิ พนื้ ฐานดง้ั เดมิ ของคนไทยทมี่ มี าชา้ นาน ตงั้ แตส่ มยั กรงุ สโุ ขทยั เปน็ ราชธานี ธุรกิจค้าปลีกจะเก่ียวข้องกับผู้บริโภคหรือผู้ซ้ือโดยตรง เพราะจะซ้ือสินค้าหรือใช้บริการ โดยตรงไมไ่ ด้นำ� ไปผลติ ขาย หรอื จ�ำหน่ายต่อลักษณะของธรุ กจิ คา้ ปลีกจะมีความหลากหลาย ทง้ั น้ี ข้ึนอยู่กับขนาดของกจิ การ วิธีการจดั ต้ังเงนิ ลงทนุ และการบรหิ ารจดั การ หรอื อาจแบ่งตามสนิ คา้ หรือสายผลิตภัณฑ์ที่จ�ำหน่าย แบ่งตามนโยบายด้านราคาสินค้า แบ่งตามลักษณะด�ำเนินการและ แบง่ ตามการควบคมุ กจิ การหรอื การเปน็ เจา้ ของ ธรุ กจิ คา้ ปลกี ทม่ี ขี นาดเลก็ ไดแ้ ก่ หาบเร่ แผงลอย หรอื ร้านขายของชำ� ทีเ่ รยี กวา่ โชวหว่ ย ความหมายของคนจีนจะหมายถึงร้านจ�ำหน่ายสินค้าท่วั ไป หรือร้านขายสินค้าเบ็ดเตล็ดจนถึงขนาดใหญ่ ได้แก่ ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าหรือธุรกิจข้าม ชาตทิ เ่ี ข้ามาลงทุนรูปแบบตา่ งกนั ไมว่ า่ จะเป็นดิสเคาวท์สโตร์ ซเู ปอรม์ าเก็ต ร้านคอนวเี นียนสโตร ์ ทีเ่ ปดิ ตลอด 24 ช่ัวโมง ธุรกจิ ค้าปลกี จะเป็นสถาบันทางการตลาดท่เี ชือ่ มโยงระหว่างผู้ผลติ และผู้ บรโิ ภค ขณะเดียวกันกเ็ ป็นหน่วยข้อมูลทางการตลาดให้ผ้บู ริโภคด้วยเช่นกนั 3 เรียบเรยี งโดย ภัทราวรรณ สุขพนั ธ์ุ

เนื้อหา 1. ความหมายของการค้าปลีก ร้านค้าปลกี และพอ่ คา้ ปลกี 2. ความสำ�คัญของธรุ กจิ คา้ ปลีก 3. หนา้ ทขี่ องธุรกจิ คา้ ปลกั 4. ววิ ฒั นาการของธรุ กจิ คา้ ปลีก 5. แนวโนม้ ของธุรกจิ ค้าปลีกในอนาคต 6. ประเภทของธรุ กจิ คา้ ปลกี ความหมายของการค้าปลีก ร้านค้าปลกี และพอ่ คา้ ปลกี การค้าปลีก (Retailing) เป็นกิจกรรมท้ังหมดท่ีเก่ียวข้องโดยตรงกับการ ขายสินค้าหรือบริการให้กับผู้บริโภคขั้นสุดท้าย โดยที่ผู้บริโภคจะซ้ือสินค้า เพ่ือน�ำไปใช้ ส่วนตัวที่ไม่ใช่เป็นการใช้เพ่ือธุรกิจ (Stanton, Etzel and Walker, 1994 : 667) จากความหมายข้างตน้ สามารถสรปุ สาระส�ำคัญได้ ดังน้ี 1. ขายใหก้ ับผ้บู ริโภคคนสดุ ทา้ ย 2. เป็นการซ้ือไปใชส้ ว่ นตัวไมไ่ ด้นำ� ไปขายหรือจำ� หนา่ ยหรอื ผลติ ตอ่ เช่น • ณเดช ซอื้ เสอ้ื สำ� เรจ็ รูป 3 ตัว เพอื่ นำ� ไปสวมใส่ • ญาญ่า ซ้อื หนังสือพมิ พ์ 1 ฉบบั เพอื่ น�ำไปอ่านขา่ วสาร ร้านค้าปลกี (Retail Store) หมายถงึ สถาบนั ทางการตลาด ท่ีทำ� หนา้ ท่ีเป็น หน่วยกระจายและจ�ำหน่ายสินค้าจากผู้ผลิตหรือพ่อค้าส่งไปยังผู้บริโภคโดยตรง เช่น ร้านล�ำปางภัณฑ์เพ็ญ ร้านหนังสือดวงใจบุ๊ค จังหวัดล�ำปาง หรือร้านเซเว่นฯ สาขา ประตูชัย ท้ังนี้จะหมายรวมถึง ธุรกิจค้าปลีกที่ไม่มีหน้าร้านด้วย เช่น การขายผ่าน ช่องทางพาณิชย์อิเลคทรอนิกส์ (E-commerce) การขายผ่านช่องทางโทรศัพท์ หรือท่ีเรียกว่า เทเลมาร์เก็ตติ้ง (Telemarketing) หรือโดยผ่านเครื่องจักรอัตโนมัติ (Automatic Vending Machine) เชน่ ตู้นำ�้ ดืม่ หยอดเหรียญ เปน็ ต้น พ่อค้าปลีก (Retailer) หมายถึง พ่อค้าที่ท�ำหน้าท่ีขายสินค้าให้กับผู้บริโภค คนสุดท้าย โดยที่พ่อค้าปลีกจะซ้ือสินค้าจากผู้ผลิต จากโรงงาน หรือพ่อค้าส่ง หรือ คนกลางอ่นื ๆ แต่มาขายให้ผบู้ ริโภคคนสุดทา้ ยโดยตรง 4 หนว่ ยการเรยี นที่ 1 ความรทู้ ่ัวไปเกี่ยวกบั ธุรกจิ คา้ ปลีก

ความสำ� คญั ของธรุ กิจคา้ ปลกี ในชวี ติ ประจำ� วนั ของเราทกุ วนั นี้ ตอ้ งพบกบั การคา้ ปลกี ตลอดเวลา นบั ตง้ั แตอ่ อกจากบา้ น จะเห็นร้านคา้ ปลีกมอี ยทู่ กุ หนทกุ แห่ง ตง้ั แต่ร้านคา้ ปลกี ขนาดเล็ก เช่น หาบเร่ แผงลอย รถเข็น จนถงึ กิจกรรมรา้ นคา้ ปลกี ขนาดใหญ่อยา่ งหา้ งสรรพสินคา้ ศนู ยก์ ารค้า หรือรา้ นสะดวกซอื้ ดังนั้น ธรุ กจิ รา้ นคา้ ปลีกจงึ มคี วามสำ� คญั ซ่งึ สามารถสรุปไดด้ ังน ้ี 1. ความสำ� คัญตอ่ ผบู้ รโิ ภค ธรุ กจิ ร้านคา้ ปลีก เปน็ ศูนยร์ วมสนิ คา้ จากผ้ผู ลติ และ ผจู้ ัด จ�ำหน่าย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคแต่ละคนท่ีมีความต้องการสินค้าท่ีหลากหลาย กันไป 2. ความส�ำคัญต่อผู้ผลิต พ่อค้าส่ง คนกลางอื่นๆ โดยการหาข้อมูลของผู้บริโภคให้ กับผู้ผลิต พ่อค้าส่ง คนกลางอื่นๆ เพ่ือผลิตตรงตามความต้องการ ตามรสนิยมของผู้บริโภค เช่น สี รปู แบบและขนาด เก็บรกั ษาสินค้าเพ่ือรอจ�ำหนา่ ย ทำ� ให้สนิ ค้ามเี พียงพอ 3. ความส�ำคัญต่อเศรษฐกิจ สังคม จ�ำนวนรา้ นคา้ ปลีกมีมาก จะมีการจา้ งงาน คนมี งานท�ำ รัฐบาลจดั เกบ็ ภาษีได้มากขึ้น น�ำเงินไป พัฒนาประเทศ มกี ารผลิตมากขน้ึ สร้างความ เจริญให้กบั ชุมชน สังคม เศรษฐกิจโดยรวม 5 เรยี บเรียงโดย ภทั ราวรรณ สขุ พนั ธุ์

หน้าที่ของธุรกจิ คา้ ปลีก ธุรกิจค้าปลีกจะเป็นองค์กรท่ีท�ำหน้าที่ เชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิต พ่อค้าส่ง หรือคนกลาง อื่นๆ หน้าท่ีสำ� คัญสามารถสรุปไดด้ ังน้ี 1. จัดหาสินค้าท่ีเหมาะสมส�ำหรับ ลูกค้า หรือผบู้ รโิ ภคในจ�ำนวนทเี่ หมาะสม ในเวลา ที่เหมาะสม ปริมาณท่ีเหมาะสม และราคาที่ เหมาะสม 2. ท�ำหนา้ ที่สง่ เสรมิ การขาย เชน่ โฆษณา ประชาสมั พันธ์ จัดแสดงสนิ ค้า 3. อ�ำนายความสะดวกแกล่ กู คา้ เช่น ตะกร้ารถเขน็ ทีจ่ อดรถ ทางสญั จร ระบบการ ขายเชื่อ บริการสง่ ถึงท่ี เปน็ ต้น 4. เปน็ คลงั เก็บสินคา้ ประเภทต่างๆ จากผู้ผลติ พ่อค้าส่งหรือคนกลาง 5. ท�ำหน้าท่ีการตลาดเพ่ือสังคม เช่น การมีส่วนร่วมในกิจกรรมเพ่ือพัฒนาชุมชน บริจาคแทง็ ก์น้�ำ ใหท้ ุนการศึกษา การสรา้ งฝายกั้นน้ำ� เปน็ ต้น 6 หนว่ ยการเรยี นท่ี 1 ความร้ทู วั่ ไปเกย่ี วกับธรุ กิจค้าปลีก

ววิ ฒั นาการของธรุ กิจค้าปลกี การค้าขายและการแลกเปล่ียนสินค้าหรือส่ิงของต่อกันนั้นมีมาต้ังแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็น ราชธานี (อธวิ ัฒน์ ทรัพยไ์ พฑูรย,์ 2545:16) และกล่าวกนั วา่ การค้าในสมัยนั้นเปน็ การแลกเปลยี่ น วัตถสุ ่งิ ของกนั (Barter System) มากกว่าทจ่ี ะซอ้ื ขายสนิ ค้าซ่งึ กันและกนั ซึ่งจากการวิเคราะห์จากหลักศิลาจารึกที่ค้นพบมีข้อความว่า “เมืองสุโขทัยนี้ดี ในน�้ำ มีปลา ในนามีข้าว เจ้าเมือง บ่เอาจังกอบในไพร่ลู่ทาง เพื่อนจูงวัวไปค้า ข่ีม้าไปขาย ใครจัก ใคร่ค้าช้างค้า ใคร่จักใคร่ค้าม้าค้า ใครจักใคร่ค้าเงินค้าทองค้า” นักประวัติศาสตร์จึงให้ความ เห็นว่ากิจการค้าปลีกได้เริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่บัดนั้น โดยพ่อค้าใช้ม้าเป็นพาหนะน�ำสินค้าไปเร่ขาย และแลกเปลี่ยนกัน เมื่อจ�ำเป็นต้องไปค้าขายในดินแดนไกล หรืออาจจะจูงวัวไปค้าขายด้วย ดังขอ้ ความทีไ่ ด้จารกึ ไว้วา่ “เพอ่ื นจูงวัวไปค้า ขมี่ า้ ไปขาย” ต่อมาเมื่อชุมชนขยายใหญ่ข้ึน ความ ต้องการสินค้าเพิ่มสูงข้ึน จึงกลายมาเป็นร้าน ขายปลีกตามแหล่งชุมชน ซึ่งเรียกกันว่าเป็น “ตลาดการคา้ ” ตลาดการค้า เป็นแหล่งรวมของเหล่า บรรดาพ่อค้าและลูกค้าที่น�ำสินค้าไปแลกเปล่ียน หรือซื้อขายกัน ในอดีตมักจะตั้งอยู่ใกล้แม่น�้ำ เนื่องจากการคมนาคมท่ีสะดวกที่สุดคือใช้เรือ การคมนาคมทางบกยังไม่แพร่หลาย สินค้า ท่ีน�ำไปซื้อขายแลกเปล่ียนกัน เช่น ข้าว ผัก ปลา หมู มะพร้าว หมากพลู ผลไม้ตามฤดูกาล เคร่ืองมือท�ำมาหากิน เช่น มีด พร้า ขวาน รปู ท่ี 1 แสดงการคา้ ขายทางน�ำ้ ของคนไทยในอดีต จอบ เสียม แหจับปลา สินค้าประเภทครัวเรือน ทม่ี า: www.commons.wikimedia.org เช่น ฟูก เบาะ หมอน เส้ือผ้า เคร่ืองจักสาน เครอื่ งใชต้ ่างๆ บรรดาของป่า เช่น น้�ำผงึ้ น้ำ� ออ้ ย มะพร้าว มีการแลกเปล่ียนซื้อขายกันมากในยุค กรุงศรีอยธุ ยา พ่อค้าชาวจีนมีบทบาททางด้านการค้า ในสมัยกรุงศรีอยุธยาค่อนข้างมาก โดยเฉพาะ อย่างยิ่งเป็นผู้ท่ีมีบทบาททางด้านการติดต่อ รปู ท่ี 2 ตลาดส�ำเพง็ ค้าขายกับต่างประเทศ เน่ืองจากมีความรู้ ท่มี า: www.letsgothai.net 7 เรียบเรยี งโดย ภัทราวรรณ สุขพนั ธ์ุ

และช�ำนาญในการต่อเรือสร้างเรือ การประกอบธุรกิจการค้าขายของชาวจีนได้พัฒนาต่อเนื่อง มาถึงสมัยกรุงธนบุรีและรัตนโกสินทร์ เม่ือพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ท ร ง มี พ ร ะ ร า ช ด� ำ ริ จ ะ ข ย า ย พ ร ะ น ค ร อ อ ก ไ ป ท า ง ฝ ั ่ ง ต ะ วั น อ อ ก ข อ ง แ ม ่ น�้ ำ เ จ ้ า พ ร ะ ย า จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บรรดาชาวจีนย้ายลงไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ใหม่ในสวน ต้ังแต่คลองวัดสามปล้ืม (วัดจักรวรรดิ) ลงไปจนถึงคลองเหนือวัดส�ำเพ็ง หรือท่ีเรียกอีกนาม หน่งึ ว่า “สามเพง็ ” เปน็ จดุ เรมิ่ ต้นของไชนา่ ทาวน์ ชุมชนชาวจนี จนถึงปัจจุบัน รปู ท่ี 3 ห้างเซน็ ทรัลเทรดดิ้ง ยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น เกิดการ ห้างสรรพสินคา้ แห่งแรกของคนไทย เปลยี่ นแปลงธรุ กจิ การคา้ ยคุ ทสี่ ำ� คญั โดยเฉพาะ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รปู ท่ี 4 ตลาดเยาวราช (รัชกาลท่ี 4) ชาวตะวันตกได้เข้ามาเปิดร้าน ท่ีมา: www.vannasiri.blogspot.com คา้ ขายสนิ คา้ จำ� นวนมาก เชน่ หา้ งบกี รมิ แอนโก, ห้างเฮลทิลแมน (จ�ำหน่ายนาฬิกา), ห้างหลุยส์ ทีเลยี วโนเวนส,์ ห้างยอนแซมสนั , ห้างเฟรเซอร์ แอนนีฟ, ห้างบัตเตอร์, ห้างเอส.เอ.บี (ขาย นาฬิกา), ห้างคล๊าก และห้างเอสสมิชแอนด์ซัน เป็นต้น สมัยรัชกาลท่ี 5 ในสมัยพระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการจัดให้ ถนนราชด�ำเนินเป็นศูนย์รวมของภัตตาคาร และคอฟฟีช๊อฟช้ันน�ำที่มีช่ือเสียง​เพื่อยกระดับ ธุรกิจการค้าย่านถนนราชด�ำเนินเพ่ือที่จะให้ บรรดาผู้มีฐานะชาวต่างประเทศที่เข้ามาพ�ำนัก ห รื อ ท ่ อ ง เ ที่ ย ว ใ น ป ร ะ เ ท ศ ไ ด ้ ซื้ อ ห า สิ น ค ้ า และกนิ ดื่มในสถานที่โออา่ หรูหรา สมัยรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ผลของสงครามโลก คร้ังที่ 1 ท�ำให้การค้าซบเซาและหยุดชะงัก โดยเฉพาะธุรกิจของชาวเยอรมันซึ่งเป็นประเทศ คู่สงครามจ�ำต้องปิดตัวลง ท�ำให้ธุรกิจของ คนจีนโพ้นทะเลและชาวไทยเชื้อสายจีนเริ่ม ขยายตัวเพ่ิมมากขึ้น เช่น ห้างขายยาเยาวราช 8 หนว่ ยการเรียนท่ี 1 ความรทู้ ่วั ไปเกย่ี วกบั ธรุ กิจค้าปลีก

ซงึ่ เรมิ่ ต้นครั้งแรกทย่ี ่านเยาวราช ถนนเจรญิ กรุง ดว้ ยการจ�ำหนา่ ยยากรกั ษาโรค ร้านเจ้ากรมเป๋อ ร้านธรรมวิทย์ ร้านเจียไต้จึง หรือ ร้านเจียไต๋ ของตระกูลเจียรวนนท์ จ�ำหน่ายเมล็ดพันธ์ผัก ปุ๋ย และยาฆ่าแมลง ต้ังอยู่ถนนทรงวาด ร้านเปียวฮะ ย่านเยาวราช ของตระกูลโชควัฒนา และร้านเฮียบเซ่งเชียง ของเจ้าสัวเทียม โชควัฒนา ซ่ึงภายหลังพัฒนามาเป็นสหพัฒนพิบูล หรือสหกรุ๊ปในปจั จบุ นั นี้ ซงึ่ กก็ ่อกำ� เนิดขึ้นท่ยี ่านสำ� เพง็ เชน่ เดียวกัน ช่วงสมัยรัชกาลที่ 6-7 เศรษฐกิจไทยถูกรุมเร้าจากปัญหาต่าง เช่น ภาวะเศรษฐกิจ ตกต�่ำ จนกลายเป็นสาเหตุให้มีการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยกลุ่มทหารและพลเรือน ทรี่ วมตวั กนั เรยี กชอื่ วา่ “คณะราษฎร” ในปี 2475 เหตผุ ลหนง่ึ ของการยดึ อำ� นาจครงั้ น้ี นอกเหนอื จากต้องการเปล่ียนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชไปสู่ระบอบประชาธิปไตย แล้ว ยังเกิดขึ้นเพราะปัญหาความขัดแย้งระหว่าง กลุ่มทุนใหญ่และกลุ่มทุนขุนนางอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักธุรกิจและนักหนังสือพิมพ์ ที่ไม่พอใจการรุกคืบหน้าของกลุ่มทุนต่างชาติ ทน่ี ำ� สินค้าเขา้ มาแข่งขนั กับสนิ คา้ ทผ่ี ลติ ในประเทศ (อธวิ ฒั น์ ทรัพย์ไพฑูรย,์ 6 อภิมหาอาณาจกั ร ธุรกจิ ค้าปลีกค้าสง่ , 2545 : 56-57) 9 เรียบเรียงโดย ภัทราวรรณ สุขพนั ธุ์

รูปท่ี 4 ห้างใตฟ้ ้าปัจจุบนั เป็นโรงแรมแกรนด์ไชน่า ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ธุรกิจค้า ส่วนด้านขวาเป็นห้างแมวด�ำ ปลีกของไทยซ่ึงพัฒนามาจาก ตลาดการค้า ท่มี า: www.dek-d.com.com ขนึ้ มาเปน็ ตกึ แถวและมยี า่ นทำ� เลการคา้ ทส่ี ำ� คญั คือ พาหุรัด ส�ำเพ็ง บางล�ำพู และเยาวราช รปู ที่ 4 ห้างเซน็ ทรลั ราชประสงค์ ค่อยๆ ปรับตัวตามการเปล่ียนแปลงของสังคม ท่มี า: www. www.dek-d.com เศรษฐกจิ และการเมอื งตามลำ� ดบั สภาวะการณ์ หลังสงครามโลก ปริมาณความต้องการสินค้า ทั้งอุปโภคและบริโภคเพิ่มสูงข้ึนอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ธุรกิจค้าปลีกค้าส่งของไทยขยายตัว เติบโตขึ้นอย่างมาก การค้าปลีกสมัยใหม่ท่ี เข้ามาสู่ไทยในขณะน้ันคือ “ห้างสรรพสินค้า” Department Store รนุ่ แรกๆ ไดแ้ ก่ ห้างใต้ฟา้ 10 หนว่ ยการเรียนที่ 1 ความรู้ท่วั ไปเกยี่ วกับธรุ กจิ คา้ ปลีก

และห้างแมวด�ำในย่านเยาวราช ห้างไนติงเกลโอลิมปิค เกิดขึ้นท่ีวังบูรพา แต่ห้างสรรพสินค้ารุ่นแรกๆ ดังกล่าว ไม่สามารถขยายฐานธุรกิจเติบโตได้มากนัก จนกระท่ัง ในปีพ.ศ. 2490 ห้างเซ็นทรัลเร่ิมเปิดด�ำเนินกิจการ หา้ งเซน็ ทรลั กลา่ วไดว้ า่ เปน็ ตน้ แบบของหา้ งสรรพสนิ คา้ ไทย สมัยใหม่ เอกลักษณ์ท่ีโดดเด่นของห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล นอกเหนือจากจ�ำหน่ายสินค้าท่ีมีคุณภาพ ราคาแน่นอน และจัดเรียงสินค้าอย่างเป็นระเบียบ เรียบร้อยแล้ว ยังมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ร้าน และ ผลิตภัณฑ์อย่างกว้างขวาง เพื่อให้ผู้คนเข้ามาจับจ่ายใช้สอยในห้างแทนการให้ลูกค้าเดินหา ร้านจำ� หนา่ ยสินคา้ ดว้ ยตนเอง โฆษณาทไ่ี ด้ผลดใี นยามนน้ั คือ วิทยุ ตอ่ มาห้างสรรพสนิ ค้า เรยี กได้ว่าเป็นปฐมบทของธรุ กจิ สมัยใหม่ (Modern Trade) และ ได้พัฒนาต่อมาเป็นศูนย์การค้าอันประกอบไปด้วยห้างสรรพสินค้าและร้านค้าหลากหลายประเภท จ�ำนวนมาก ท้ังศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า จัดได้ว่าเป็นตลาดนัดจ�ำหน่ายสินค้าอีกรูปหนึ่ง ทมี่ คี วามสำ� คญั และเกย่ี วขอ้ งกบั ชวี ติ ประจำ� วนั ของประชาชนผบู้ รโิ ภคทวั่ ไป นอกจากนย้ี งั เปน็ แหลง่ บันเทิงและมากไปดว้ ยสิ่งอ�ำนวยความสะดวกนานาชนิด จึงเป็นท่ีนิยมของผบู้ รโิ ภคจำ� นวนมาก 11 เรยี บเรยี งโดย ภทั ราวรรณ สขุ พันธุ์

แนวโนม้ ของธรุ กจิ ค้าปลกี ในอนาคต สรุปไดด้ งั นี้ 1. มีการขยายตัวของศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าในรูปแบบการเลือกซื้อลักษณะ One Stop Shopping ในขน้ั ตอนเดยี ว เพือ่ ให้สอดคล้องกบั พฤติกรรมบรโิ ภคท่เี ปลี่ยนแปลงไปใน ปจั จบุ ัน 2. ร้านค้าปลีกรูปแบบใหม่ที่ผสมผสานธุรกิจค้าปลีกหลายประเภทเข้าด้วยกัน มีการ รวมตัวกันระหวา่ งผู้คา้ ปลีก ผ้คู ้าส่ง และผูผ้ ลติ รวมตวั เป็นบรษิ ทั เดียวกัน เช่น บรษิ ัท ซี.พ.ี 3. มกี ารขยายตัวของธุรกิจค้าปลีกแบบสิทธิทางการคา้ มากขึ้น เช่น K.F.C. Mcdonalds และเซเว่นอีเลฟเว่น 4. ใหบ้ ริการชำ� ระเงนิ ผ่านระบบ Credit Cards 5. ใหค้ วามสำ� คัญกบั การใหล้ กู ค้าบริการตนเอง 6. การน�ำเทคโนโลยมี าชว่ ยในการบริหาร เชน่ คาดคะเนยอดขาย การควบคมุ สตอ๊ ก 7. การเติบโตการขยายตัวของร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ เช่น ร้านค้าปลีกขนาดเล็กขยาย เป็นศูนยก์ ลาง 8. มีการเพิ่มขึ้นของการค้าปลีกแบบไม่มีร้านค้า เชน่ ขายทางคอมพวิ เตอร์ ทางโทรศัพท์ 12 หนว่ ยการเรยี นท่ี 1 ความรทู้ ่วั ไปเกย่ี วกบั ธรุ กจิ ค้าปลกี

ประเภทของธุรกจิ ค้าปลกี ประเภทของธุรกิจค้าปลีก จะมีรูปแบบและลักษณะ แตกต่างกนั ไป ทัง้ นีข้ ้นึ อยู่กับรูปแบบกิจการ ลกั ษณะของสนิ คา้ ที่ขาย ราคาสินค้า ลักษณะการด�ำเนินการและการบริหาร จดั การ ซง่ึ ปจั จบุ นั กจิ การรา้ นคา้ ปลกี มกี ารพฒั นากนั โดยพฒั นา เปล่ียนจากร้านค้าเล็กๆ เป็นขนาดใหญ่ ต้นทุนด�ำเนินการสูงกว่ารูปแบบเดิม บริหารงานเป็น ระบบมากขนึ้ ใช้บคุ ลากรดำ� เนินการจ�ำนวนมาก มีการแขง่ ขันกนั สงู และใชก้ ลยุทธท์ างการตลาด ดงึ ดดู ใจผบู้ รโิ ภคใหห้ นั มาซื้อสินค้ามากขน้ึ ซง่ึ สามารถแบ่งได้ตามแผนภูมิท่ี 1.1 ดังน้ี แบ่งตามสินค้า แบ่งตามนโยบาย แบง่ ตามลกั ษณะ แบง่ ตามการควบคมุ หรือสายผลติ ภณั ฑ์ ด้านราคาสนิ ค้า ด�ำเนนิ การ กจิ การหรือการเป็น ทจี่ ำ� หน่าย เจ้าของ • รา้ นขายสินคา้ เฉพาะ • ร้านขายสนิ ค้าราคา • การขายปลีกทาง • รา้ นค้าอสิ ระ ถกู กวา่ ราคาตลาด โทรศพั ท์และทาง • ร้านค้าแบบลกู โซ่ อย่าง • รา้ นซูเปอรเ์ ซ็นเตอร์ ไปรษณยี ์ • สหกรณ์ผู้คา้ ปลีก • ร้านสรรพสินคา้ • รา้ นคลงั สินคา้ • การขายด้วย • ร้านทไ่ี ด้รบั สทิ ธทิ าง • รา้ นสรรพาหาร • รา้ นคา้ ปลกี ครบวงจร • รา้ นขายสินค้าราคา เคร่ืองจกั รอตั โนมตั ิ การค้า เดยี ว • การขายผา่ น • ศูนยก์ ารคา้ • ร้านคา้ สะดวกซอื้ อินเตอรเ์ น็ต • รา้ นประเภทธุรกจิ • การขายปลีกตามบ้าน บรกิ าร • การขายตรง แผนภูมิที่ 1.1 แสดงประเภทของร้านคา้ ปลกี ท่ีมา: อุษณีย์ จติ ตะปาโล ดดั แปลงจาก Philip Kolter, 1996 : 491 13 เรยี บเรียงโดย ภทั ราวรรณ สขุ พันธุ์

1. แบ่งตามสนิ ค้าหรือสายผลิตภณั ฑท์ ่ีจ�ำหนา่ ย 1.1 ร้านขายสนิ ค้าเฉพาะอยา่ ง หรือซูเปอรส์ โตร์ ร้านคา้ ประเภทน้ีมักจะมีสนิ ค้า อยู่ในสายผลิตภัณฑ์ลักษณะเฉพาะเจาะจง แต่จ�ำนวนสินค้าในสายผลิตภัณฑ์จะมีอยู่มาก เช่น ร้านจ�ำหน่ายวัสดุก่อสร้างหรือเคหะภัณฑ์ โฮมโปร โฮมมาร์ท ร้านจ�ำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า เพาเวอรบ์ าย รา้ นเวชภณั ฑ์ รา้ นวตั สนั เปน็ ตน้ โดยเนน้ จำ� หนา่ ยสนิ คา้ เฉพาะผลติ ภณั ฑ์ มสี นิ คา้ ครบ ไมว่ า่ จะเปน็ ความหลากหลายของยห่ี อ้ คณุ ภาพ ขนาด สี กลมุ่ ลกู คา้ เปา้ หมาย คอื ลกู คา้ ทตี่ อ้ งการ สนิ ค้าเฉพาะอยา่ ง 1.2 ร้านสรรพสินค้า (Department Store) รา้ นค้าปลีกประเภทนี้เกดิ ขน้ึ คร้ังแรก ในยุโรป ศตวรรษที่ 18 ในกรุงปารีส ประเทศฝร่ังเศส ร้านสรรพสินค้าแห่งแรกมีช่ือว่า The bon marche ต่อมาได้มีพ่อค้าปลีกชาวอเมริกาได้ไปเที่ยวยุโรปและน�ำวิธีการค้าปลีกมาใช้ ในอเมรกิ า และแพรห่ ลายเปน็ ที่นิยมกนั ทั่วโลกในปัจจบุ นั รา้ นสรรพสนิ ค้า มลี ักษณะดังน้ี 1. ก�ำหนดสว่ นบวกเพ่ิม (ก�ำไรขน้ั ต้น) ที่ตำ�่ เพื่อใหก้ ารหมุนเวยี นของสนิ คา้ สงู 2. ปดิ ป้ายบวกราคาสนิ คา้ ชดั เจน 3. สง่ เสรมิ และสนบั สนนุ ใหล้ กู คา้ เดนิ ดสู นิ คา้ รอบๆ โดยไม่มีข้อผูกพันก�ำหนด วา่ จะตอ้ งซอื้ สนิ คา้ 4. มพี นกั งานขายคอยตอ้ นรบั แนะนำ� การขาย (P.C : Purchasing Consultant) ใหค้ �ำปรกึ ษาการซ้อื สนิ ค้า 5. เน้นจัดวางสินค้าเป็นหมวดหมู่ เป็นแผนกๆ เช่น แผนกรองเท้า แผนกเครื่องส�ำอาง แผนกเสอื้ ผ้า 6. จดุ เดน่ ของหา้ งสรรพสนิ คา้ คอื การ รวมเอาร้านขายสินค้าเฉพาะอย่างมาไว้ในสถานท่ีเดียวกัน เน้นขายราคาแพง และสินค้าทันสมัยลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย คือ คนทำ� งาน หรอื ผู้มอี ำ� นาจซ้อื ต้องการสนิ ค้าคุณภาพ 14 หน่วยการเรยี นท่ี 1 ความร้ทู ่วั ไปเกี่ยวกบั ธรุ กจิ คา้ ปลีก

1.3 รา้ นสรรพาหาร (Supermarket) หรือซเู ปอรม์ าเก็ตเป็นรา้ นคา้ ปลกี ขนาดใหญ่ ที่ให้ลูกค้าบริการตนเอง สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นประเภทอาหารและของใช้ในชีวิตประจ�ำวัน เช่น อาหารสด ผักสด เครื่องกระป๋อง เป็นตน้ รา้ นสรรพาหาร มลี ักษณะดังนี้ 1. ลูกคา้ บรกิ ารตนเอง (Self - Service) 2. ไม่มีพนักงานคอยต้อนรับ หรือแนะน�ำ ใหค้ ำ� ปรกึ ษาหรอื ในการซอ้ื สนิ คา้ โดยรา้ นจะนำ� อปุ กรณก์ ารขาย ประเภท ตะกรา้ รถเขน็ เป็นต้น 3. การจัดตกแต่งร้านในลักษณะชั้นเปิด ไม่มีกระจกก้นั 4. จ�ำหน่ายสินค้าเน้นปริมาณมากแม้มี ก�ำไรนอ้ ย เพื่อให้อัตราการหมุนเวยี นของสนิ ค้าเรว็ ซึง่ ท�ำใหเ้ งินทุนหมุนเวียนไมข่ าดตอน 5. มอี ำ� นาจตอ่ รองกบั Supplier หรอื ผผู้ ลิตสินค้าได้ดี สำ� หรบั ซูเปอร์มารเ์ ก็ต แห่งแรกของประเทศไทยน้ัน ได้แก่ “แกงการู ซูเปอร์มาร์เก็ต” ตั้งในปี 2507 ส่วนลูกค้ากลุ่ม เปา้ หมายของรา้ นสรรพาหารเปน็ ลกู คา้ ทวั่ ไปทตี่ อ้ งการสนิ คา้ อปุ โภคบรโิ ภค เพอ่ื ใชใ้ นชวี ติ ประจำ� วนั 1.4 รา้ นค้าปลีกครบวงจร ไฮเปอร์มาร์เกต็ หรือ Super ware house Store เป็น ร้านคา้ ปลีกท่ีรวมเอารา้ นสรรพหาหาร รา้ นขายของถกู และรา้ นคลงั สนิ ค้า (Ware house Store) เขา้ ด้วยกนั ซ่งึ จะมีขนาดใหญก่ ว่าซเู ปอร์มารเ์ ก็ตถงึ 6 เทา่ มพี ้ืนท่ีมากกวา่ 1,000 ตารางเมตร ขึ้นไป จ�ำหน่ายสินค้าราคาประหยัด มสี ินค้าหลากหลาย โดยจัดวางสนิ ค้าคล้ายคลังสินค้า มจี ุด ช�ำระเงนิ ลักษณะเดียวกัน Supermarket 1.5 ร้านสะดวกซื้อ หรือ Convenience Store เปน็ รา้ นคา้ ปลกี ขนาดเลก็ ตั้งอยู่ ในย่านชุมชน เปิดขายสินค้าทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง จ�ำหน่ายสินค้าจ�ำเป็นในชีวิตประจ�ำวัน อาหารและเครื่องด่ืมประเภทฟาสต์ฟู้ด มีสินค้าไม่มากเท่าซูเปอร์มาร์เก็ต จุดเด่นท่ีส�ำคัญจะเน้น สถานท่ีอ�ำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นสถานท่ีให้บริการท่ีหลากหลายต่างๆ เชน่ บรกิ าร รบั ชำ� ระคา่ สาธารณปู โภค คา่ นำ้� คา่ ไฟ ที่ Counter Service ไดแ้ กร่ า้ นเซเวน่ อเี ลฟเวน่ รา้ นวชี ้อป รา้ นเอเอ็มพเี อม็ รา้ นเลมอนกรนี เปน็ ต้น ร้านค้าประเภทนี้อาจย่อส่วนให้เล็กลงตามความจ�ำเป็นของพ้ืนท่ีและปริมาณ สนิ คา้ ทว่ี างขาย ซึ่งเรียกวา่ “มนิ ิมาร์ท” (Minimart) 1.6 รา้ นคา้ ประเภทธรุ กจิ บรกิ าร เปน็ กจิ การทข่ี ายบรกิ ารอยา่ งเดยี วโดยไมม่ สี นิ คา้ เช่น สอนคอมพวิ เตอร์ ร้านเสริมสวย ร้านซ่อมรถ รา้ นบรกิ ารซกั รดี ร้านสตดู โิ อ โรงแรม และ โรงพยาบาล เป็นตน้ 15 เรียบเรียงโดย ภทั ราวรรณ สุขพนั ธุ์

2. แบ่งตามนโยบายดา้ นราคาสินค้า 2.1 รา้ นขายสนิ คา้ ราคาถกู หรอื Discount Store เป็นร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ท่ีจ�ำหน่ายสินค้าราคาถูกในปริมาณ มากๆ เน้นลูกค้าระดับกลางและระดับล่าง และยึดหลักให้ลูกค้า บริการตนเอง โดยร้านจัดอปุ กรณช์ ่วยขาย ได้แก่ รถเข็น ตะกรา้ ไว้ให้ สินค้าท่ีจ�ำหน่ายเป็นสินค้าท่ัวไป แต่เน้นขายราคาถูก คุณภาพปานกลาง ไม่เน้นสินค้าย่ีห้อดังเหมือนห้างสรรพสินค้า กลมุ่ ลกู ค้าเปา้ หมาย คอื ผ้มู รี ายได้ปานกลางถึงตำ�่ สรุปว่า ร้านประเภทน้ีใช้ราคาเป็นส่ิงจูงใจลูกค้า ส�ำหรับร้าน Discount Store ทีม่ ชี ่ือเสยี งและเปน็ ทีน่ ิยม ไดแ้ ก่ เทสโก้ โลตัส บกิ๊ ซี ซเู ปอร์เซ็นเตอร์ เป็นต้น 2.2 ซูเปอร์เซ็นเตอร์ เป็นร้านค้าปลีกที่มีการผสมผสานระหว่างซูเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้า เน้นจ�ำหน่ายสินค้าประเภทเส้ือผ้า เครื่องนุ่งห่ม เคร่ืองใช้ต่างๆ อาหาร ซ่ึงเจาะลูกค้าระดบั กลาง เป็นธรุ กิจคา้ ปลีกท่อี ยใู่ นเซ็กเมนทป์ ระเภทดิสเคาวทส์ โตร์ 2.3 รา้ นคลงั สนิ คา้ หรือเรียกวา่ Warehouse Store หรือ “แคช แอน แคร่ี สโตร์” เปน็ รา้ นขายสง่ ขนาดใหญท่ เ่ี นน้ ใหล้ กู คา้ บรกิ ารตนเอง ขายสนิ คา้ อปุ โภคบรโิ ภค ใชใ้ นชวี ติ ประจำ� วนั หรือของใช้ในครัวเรอื น สนิ ค้ามมี ากเน้นปรมิ าณหลากหลาย 20,000-30,000 รายการ ใหเ้ ลือก ลูกค้าซื้อสินค้าด้วยเงินสดหรือสมัครเป็นเป็นสมาชิกซ่ึงส่วนใหญ่เป็นองค์กร หน่วยงานห้างร้าน มากกวา่ บคุ คล ร้านคา้ ประเภทนี้ ไดแ้ ก่ แมค็ โคร เปน็ ต้น 2.4 ร้านขายสินค้าราคาเดียว หลังจากประเทศไทยประสบวิกฤติเศรษฐกิจ ได้มี ทุนข้ามชาติหล่ังไหลเข้ามาเป็นจ�ำนวนมาก ผู้ประกอบการค้าปลีกก็ได้เกิดแนวคิดใหม่ด้านค้าปลีก โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีกท่ีหลากหลายยิ่งข้ึน เห็นได้จากเครือเซ็นทรัลในนามกลุ่ม ซี อาร์ ซี ได้ ลงทนุ ค้าปลกี ในรูปแบบใหมอ่ ีก 2 รปู แบบ คอื Just 25 และ Red Dot (อธิวฒั น์ ทรพั ย์ไพฑูรย,์ 2546 : 145) Just 25 ตามแนวคิดแบบ One Price Store หรือราคาเดียวทั่วท้ังร้าน ด้วยการ เน้นจ�ำหน่ายสินค้าราคาเดียวทั้งร้าน 25 บาท ขายสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น ขนม กิฟท์ช้อป เคร่อื งสำ� อาง เปน็ ตน้ Red Dot เป็นแหล่งรวมสินค้า ราคาถูก จ�ำหน่ายสินค้าประเภทเส้ือผ้าแฟชั่น ซึ่งพฒั นามาจากแนวคิด รา้ นแฟชน่ั ริมถนนท่ัวไป 16 หน่วยการเรยี นท่ี 1 ความรทู้ ั่วไปเกีย่ วกบั ธุรกจิ ค้าปลกี

3. แบง่ ตามลกั ษณะการประกอบ ธรุ กจิ 3.1 การขายปลีกทางโทรศัพท์ และทางไปรษณีย์ ซ่ึงเป็นการขายท่ีไร้หน้าร้าน วิธีน้ีสะดวกรวดเร็ว ประหยัดเวลาและเสียค่าใช้ จ่ายน้อย ใช้กับสินค้าพิเศษ ไม่มีขายในท้องตลาด มลี ูกคา้ กระจัดกระจายทวั่ ไป 3.2 การขายปลีกโดยเคร่ืองจักร อัตโนมัติ หรือ Automatic Vending Machine ไดแ้ ก่ ตู้น�ำ้ ดมื่ หยอดเหรยี ญ เครื่องซกั ผ้าหยอดเหรยี ญ ตู้โทรศัพท์ ตูเ้ กม เปน็ ตน้ วิธีนี้ผู้บริโภคจะได้รับความสะดวกสบาย สมารถใช้บริการตลอดเวลา ไม่ต้อง ใช้พนักงานขาย ขณะเดียวกันผู้ขายจะต้องเติมสินค้าในเครื่องจักรอัตโนมัติอยู่เสมอ หรือบางคร้ัง เครอื่ งจักรอัตโนมตั ขิ ดั ต้อง เสียหายหรืออาจถกู ลักขโมย ทำ� ใหผ้ ู้ขายตอ้ งเสียคา่ ใชจ้ ่ายเพม่ิ ขึ้น 3.3 การขายผ่านอินเตอร์เน็ต โดยผู้ขายเปิดเว็ปไซด์ข้ึน เป็นการขยายช่องทาง การจัดจำ� หน่ายขน้ึ ใหมอ่ กี ชอ่ งทางหนึง่ ท่ีไดร้ บั ความนิยมแพรห่ ลายเกือบท่ัวโลก 3.4 การขายตามบ้าน หรือเป็นการขายแบบเก่าแก่ด้ังเดิม โดยผู้ขายเข้าเย่ียม ลูกค้าตามบ้านและเสนอขายสินค้า ปัจจุบันการขายตามบ้านได้พัฒนารูปแบบการจัดเป็น “ตลาดนัด” ตามชุมชนทุกสัปดาห์ๆ 1-2 วัน เพ่ือน�ำสินค้าอ�ำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภค ที่อยู่ในชุมชนและหมู่บ้านห่างไกล เช่น ตลาดนัด คลองถม เปน็ ต้น 3.5 การขายตรง เป็นการขายปลีก โดยผู้จ�ำหน่ายอิสระออกไปขายสินค้าโดยตรง ให้กับลูกค้า โดยได้รับผลตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์ จากยอดขาย นิยมใช้กับสินค้าประเภทเครื่อง ส�ำอาง อาหารเสรมิ เช่น Amway Avon กฟิ ฟารีน เป็นต้น 17 เรยี บเรยี งโดย ภัทราวรรณ สขุ พนั ธ์ุ

4. แบ่งตามการควบคุมกิจการ หรือความเป็นเจา้ ของ 4.1 ร้านค้าปลีกอิสระ หรือร้าน ข า ย ข อ ง ช� ำ ห รื อ เ รี ย ก กั น ใ น ห มู ่ ช า ว จี น ว ่ า “ร้านโชวห่วย” ซ่ึงหมายถึงร้านจ�ำหน่ายสินค้า ท่วั ไปสนิ คา้ เบด็ เตล็ด เชน่ ขา้ วสาร น�้ำปลา สบู่ ยาสฟี นั เปน็ รา้ นคา้ ปลกี ดง้ั เดมิ ซง่ึ เจา้ ของดำ� เนนิ การด้วยตนเองทง้ั หมด 4.2 ร้านค้าปลีกแบบลูกโซ่ หรือ Chain Store เป็นลักษณะของเจ้าของกิจการ คนเดียวกันแต่เปิดสาขาหลายๆ แห่ง ซ่ึงเป็น การขยายกิจการสาขาออกไปในแนวราบ เช่น ร้านหนังสือดวงใจบุ๊ค สาขาล�ำปาง และสาขา ศรชี มุ สาขาแพร่ และสาขาตาก เปน็ ต้น 4.3 รา้ นคา้ ปลกี แบบสหกรณ์ เปน็ ร้านค้าปลีกท่ีผู้บริโภค มีส่วนเป็นเจ้าของกิจการ โดยการซื้อหุ้น มีการเลือกตั้งกรรมการจัดหา สินค้ามาจ�ำหน่ายแก่สมาชิก ผู้ถือหุ้นในราคาถูก ตอนส้ินปีจะมีการจ่ายเงินปันผลคืนจากยอดซ้ือ หรือคา่ หนุ้ ตามผลกำ� ไรจากการดำ� เนนิ งานน้ัน 4.4 ร้านค้าปลีกที่ได้รับสิทธิทาง การค้า หรือเรียกว่า “แฟรนไชส์” (Franchise) ลักษณะเป็นร้านค้าปลีกท่ีเกิดจากข้อตกลงร่วม กันระหว่างผู้ใช้สิทธิทางการค้า (Franchiser) ซ่ึงอาจเป็นผู้ผลิตหรือพ่อค้าส่งกับผู้ซื้อสิทธิ ทางการค้า (Franchiser) ซึ่งอาจเป็นผู้ผลิต หรือพ่อค้าส่งกับผู้ซ้ือสิทธิทางการค้า (Franchisee) ซ่ึงมักเป็นพ่อค้าอิสระท่ีซ้ือสิทธิในการ เปน็ เจ้าของ การดำ� เนินการผลติ สนิ คา้ รวมถึงวิธีการดำ� เนินธุรกิจ ซอ่ื การค้า ค่านิยม สทิ ธบิ ตั ร โดยผู้ขายหรือผู้ให้สิทธทิ างการคา้ จะได้รับค่าตอบแทน 1. ค่าธรรมเนยี มแรกเขา้ 2. สว่ นแบง่ จากยอดขาย 18 หนว่ ยการเรยี นท่ี 1 ความร้ทู ว่ั ไปเก่ียวกบั ธรุ กิจค้าปลกี

3. คา่ เชา่ เคร่อื งมือ อุปกรณ์ (ถ้ามี) 4. สว่ นแบง่ กำ� ไร 5. คา่ ใบอนุญาต รา้ นค้าปลกี ประเภทนี้ ได้แก่ K.F.C, M.K สุก,้ี McDonald’s เป็นต้น 4.5 ศูนย์การค้า เป็นร้านค้าปลีกท่ีเกิดจากการรวมกลุ่มของห้างสรรพสินค้า ร้านขายสินค้าเฉพาะอย่าง โดยมีโรงภาพยนตร์ สถานท่ีจอดรถ ส�ำนักงานของบริษัทต่างๆ ตู้ A.T.M และสถานท่ีนั่งพักผ่อน มุมน้�ำตก น�้ำพุ ไว้ให้ลูกค้าได้เพลิดเพลิน ส�ำหรับเสริม สร้างบรรยากาศภายในศูนย์การค้าไว้บริการลูกค้า อ�ำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าในลักษณะ One Stop Shopping สำ� หรบั ศนู ยก์ ารคา้ ทม่ี ชี อื่ เสยี ง ไดแ้ ก่ เซน็ ทรลั พลาซา่ ศนู ยก์ ารคา้ เดอะมอล์ และสยามพารากอน เป็นตน้ 19 เรยี บเรียงโดย ภทั ราวรรณ สุขพนั ธ์ุ

สรปุ การค้าปลีก หมายถึง ธุรกิจค้าปลีกท่ีเป็นหน่วย การตลาดที่ท�ำหน้าท่ีจัดจ�ำหน่าย กระจายสินค้าไปยังผู้บริโภค โดยตรง โดยผู้บริโภคจะซื้อไปอุปโภคบริโภค มิได้น�ำไปผลิตขาย จ�ำหน่ายต่อหรือเพ่ือแสวงหาก�ำไร ธุรกิจค้าปลีกจะมีความส�ำคัญ ต่อผู้บริโภคโดยตรง เพราะจะเป็นแหล่งรวมสินค้าท�ำให้เกิด ความสะดวกสบายในการอปุ โภคบริโภคซอ้ื หา ย่งิ สนิ ค้าบรกิ ารใด เมื่อมีคนต้องการมาก ก็จะมีการผลิตสินค้าบริการนั้นมาก เช่นเดียวกันท�ำให้เกดการผลิต การจ้างงาน คนมีงานท�ำตามมา ส่งผลเศรษฐกิจ สังคมของประเทศโดยรวม นอกจากน้ีแล้ว ธุรกิจค้าปลีกยังท�ำหน้าท่ีคอยจัดหาสินค้า บริการท�ำหน้าท่ี ส่งเสริมการขาย อ�ำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าเป็นคลังเก็บสินค้า และท�ำการตลาดเพือ่ ชุมชน สงั คมและสงิ่ แวดลอ้ ม จะเห็นได้ว่าการค้าปลีกมีมานานตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย โดยมีการค้าขายและแลกเปลี่ยนสินค้า หรือส่ิงของต่อกัน ต่อมา เม่ือชุมชนขยายใหญ่ข้ึนจึงกลายมาเป็นร้านขายปลีกในชุมชน รวมกันที่เรียกว่า ตลาดชุมชน ซ่ึงเป็นสถานท่ีซื้อขายแลกเปล่ียน สินค้าระหว่างกันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ธุรกิจค้าปลีกได้พัฒนาจากตลาดชุมชนมาเป็น ตึกแถว มีห้างสรรพสินค้าเกิดข้ึนเป็นแห่งแรกชื่อห้างเซ็นทรัลเทรดด้ิง ธุรกิจค้าปลีกมาเฟื่องฟู ในปี พ.ศ. 2520 ผนวกกบั การเตบิ โตทางเศรษฐกจิ อยา่ งรวดเรว็ ในปี พ.ศ. 2529-2538 และมกี าร เปิดเสรีทางการเงินท�ำให้มีการเคล่ือนย้ายทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุน และเงินกู้ต่างประเทศ อตั ราดอกเบยี้ ตำ�่ ทำ� ใหเ้ กดิ ผปู้ ระกอบการใหม่ นำ� หนุ้ มาลงทนุ ธรุ กจิ คา้ ปลกี สมยั ใหมเ่ ปน็ จำ� นวนมาก ปัจจุบันกิจการธุรกิจค้าปลีกมีการพัฒนาเปล่ียนจากร้านค้าเล็กๆ มาเป็นขนาดใหญ่ มีการแข่งขันกันสูงและมีรูปแบบประเภทท่ีแตกต่างกันออกไป โดยแบ่งได้คือ แบ่งตามลักษณะ หรือสายผลิตภัณฑ์ท่ีจัดจ�ำหน่าย แบ่งตามนโยบายด้านราคาสินค้า แบ่งตามลักษณะการด�ำเนิน การประกอบธรุ กจิ และแบง่ ตามการควบคุมกิจการหรือการเป็นเจา้ ของ เป็นต้น จะเหน็ ว่าแนวโน้ม ของธุรกิจค้าปลีกในอนาคต จะมีการขยายตัวในรูปศูนย์กลางค้าขนาดใหม่ ที่ผสมผสานธุรกิจ หลายประเภทเข้าด้วยกันเพ่ืออ�ำนาจต่อรองด้านการแข่งขัน มีการน�ำเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาประยุกต์ใช้ ท�ำให้ธุรกิจค้าปลีกสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น บริการจัดการค้าปลีกได้ รวดเร็วขึ้น และช่วยลดตน้ ทุนการดำ� เนนิ งานได้อกี ดว้ ย 20 หนว่ ยการเรยี นที่ 1 ความรู้ทัว่ ไปเก่ยี วกบั ธรุ กิจคา้ ปลีก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook