- 49 - 7. ภาคผนวก แบบประเมินพฤติกรรมในการทางานเปน็ รายบุคคล ผลงาน/กจิ กรรมที่ ........ เรอื่ ง ............................................................................................ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ................................................................................................................ คาชีแ้ จง สังเกตพฤตกิ รรมในการปฏิบัติกิจกรรมของนักเรียน แล้วเขียนเครอื่ งหมาย ลงในช่องรายการ พฤติกรรมที่นักเรียนปฏิบตั ิ รายการพฤติกรรม ระดบั คณุ ภาพ ๔๓๒๑ เลขที่ ชื่อ–สกลุ สนใจในการทางาน ตอบคาถามตรงประเด็น เสนอความ ิคดเ ็หน รับฟังความคิดเห็นของผู้ ่ือน ใ ้หความ ่ชวยเหลือผู้อื่น มุ่ง ั่มนทางานให้สาเร็จ ประเมินและปรับปรุงงานด้วยความเ ็ตมใจ เคารพ ้ขอตกลงของก ่ลุม ทาตามห ้นาที่ ี่ทได้รับมอบหมาย พอใจ ักบความสาเ ็รจของงาน รวมคะแนน ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ เกณฑ์การประเมิน ๑. การให้คะแนน ให้ ๑ คะแนน ๒. การสรุปผลการประเมินใหเ้ ป็นระดับคุณภาพ ๔, ๓, ๒, ๑ กาหนดเกณฑ์ได้ตามความ เหมาะสมหรือ อาจใช้เกณฑด์ ังน้ี ๙–๑๐ คะแนน = ๔ (ดีมาก) ๗–๘ คะแนน = ๓ (ดี) ๕–๖ คะแนน = ๒ (พอใช้) ๐–๔ คะแนน = ๑ (ควรปรบั ปรุง)
- 50 - แผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยท่ี ๒ ชอ่ื หนว่ ย ความละอายและความไมท่ นต่อการทุจริต ช้ันประถมศึกษาปี เวลา ๑ ชว่ั โมง ท่ี ๕แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๒ เรือ่ ง การทาเวร ๑. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มีความรู้ความเขา้ ใจ เกีย่ วกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกบั ผลประโยชนส์ ่วนรวม ๑.๒ สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตน กับผลประโยชน์ส่วนรวมได้ ๒. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๒.๑ นักเรียนมคี วามร้คู วามเข้าใจ เก่ียวกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนกับผลประโยชนส์ ่วนรวม ๒.๒ นักเรียนสามารถคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตน กับผลประโยชนส์ ่วนรวมได้ ๓. สาระการเรยี นรู้ ๓.๑ ความรู้ การอยู่ร่วมกันในสังคม จาเป็นอย่างยิ่งท่ีเราต้องรู้จักมี ความรับผิดชอบรู้หน้าที่ของตนเอง แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนกับสว่ นรวม มีความรับผดิ ชอบต่อสงั คม รกั ษาสมบัติสว่ นตนและสว่ นรวม ๓.๒ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ๑. ความสามารถในการแกป้ ัญหา ๒. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต ๓.๓ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ มีวนิ ัย ๔. กิจกรรมการเรยี นรู้ ๔.๑ ข้ันตอนการเรยี นรู้ ๑) ให้นักเรยี นดูวีดทิ ัศน์ เรื่อง นักเรียนไม่ยอมทาเวร คณุ ครเู ลยจัดใหซ้ ะ ๒) ครูใหน้ ักเรียนจบั คู่ แลว้ ร่วมกนั วิเคราะห์ประเดน็ ดงั ต่อไปน้ี บนั ทึกลงในใบงาน เร่ืองคุณครูที่รัก ๑. ถ้านักเรียนเป็นคุณครทู ่านน้ัน นักเรียนจะแกป้ ัญหาจากการท่ีนักเรียนไม่ทาเวรอย่างไร ๒. ถ้าไมต่ อ้ งการใหห้ ้องเรยี นสกปรก นกั เรียนจะมีวิธีการชว่ ยกันอย่างไร ๓) ครใู หน้ ักเรียนทาใบงาน เรื่อง คุณครูท่ีรัก แล้วนาเสนอหน้าชัน้ เรยี น ๔) ครูให้นักเรียนแบ่งหนา้ ท่ีรับผดิ ชอบการทาเวรทั้งในหอ้ งเรยี น และนอกห้องเรียน ๕) ครใู ห้นักเรยี นสรา้ งกตกิ าการใช้หอ้ งเรยี นร่วมกัน โดยการเขยี นแผนภมู ิแลว้ นาไปติดป้ายนเิ ทศ
- 51 - ๖) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุป “การอยู่ร่วมกันในสังคมจาเป็นจะตอ้ งรหู้ น้าที่ของตนเองและ การพึ่งพาอาศัยซ่ึงกนั และกัน” เช่น การอยู่ในห้องเรียน นักเรียนจาเปน็ จะต้องดูแลรกั ษา จัดแบ่งเวรกนั เพ่ือให้ ห้องเรียนนา่ เรียน ๔.๒ สือ่ การเรยี นรู้ ๑) วีดีทัศน์ เรือ่ ง นักเรยี นไม่ยอมทาเวร คุณครูเลยจัดให้ซะ ๒) ใบงานเร่อื ง คุณครทู ร่ี กั ๕. การประเมินผลการเรียนรู้ ๕.๑ วธิ กี ารประเมนิ ๑) สงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล ๒) ตรวจใบงานเรือ่ ง คุณครูที่รัก ๕.๒ เครือ่ งมือในการประเมิน ๑) แบบประเมินผลงานนักเรียน ๒) แบบตรวจใบงาน เรอ่ื ง คุณครูท่รี กั ๕.๓ เกณฑก์ ารตัดสิน นกั เรยี นผา่ นเกณฑก์ ารประเมินระดับดี ถือวา่ ผา่ น 6. บันทึกหลงั การจดั การเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………….................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………........ ลงช่ือ ................................................ ครผู ู้สอน (...............................................)
- 52 - 7. ภาคผนวก แบบประเมนิ พฤติกรรมในการทางานเป็นรายบคุ คล ผลงาน/กจิ กรรมท่ี ........ เรอื่ ง ............................................................................................ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ................................................................................................................ คาชี้แจง สังเกตพฤติกรรมในการปฏิบัติกิจกรรมของนักเรียน แล้วเขียนเคร่ืองหมาย ลงในช่องรายการ พฤติกรรมทนี่ กั เรียนปฏบิ ัติ รายการพฤติกรรม ระดบั คณุ ภาพ สนใจในการทางาน ตอบคาถามตรงประเ ็ดน ๔๓๒๑ เสนอความคิดเห็น เลขที่ ชอื่ –สกลุ รับ ัฟงความคิดเห็นของผู้อื่น ใ ้หความช่วยเหลือผู้อื่น มุ่ง ่ัมนทางานให้สาเร็จ ประเมินและปรับปรุงงาน ด้วยความเต็มใจ เคารพข้อตกลงของกลุ่ม ทาตามหน้า ่ทีที่ได้รับ มพออใบจห ักมบาคยวามสาเร็จของ งราวนมคะแนน ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ เกณฑ์การประเมิน ๑. การใหค้ ะแนน ให้ ๑ คะแนน ๒. การสรุปผลการประเมินให้เป็นระดับคุณภาพ ๔, ๓, ๒, ๑ กาหนดเกณฑ์ได้ตามความ เหมาะสมหรือ อาจใช้เกณฑด์ งั นี้ ๙–๑๐ คะแนน = ๔ (ดีมาก) ๗–๘ คะแนน = ๓ (ดี) ๕–๖ คะแนน = ๒ (พอใช)้ ๐–๔ คะแนน = ๑ (ควรปรบั ปรุง)
- 53 - ใบงาน เรอ่ื ง คณุ ครูท่ีรกั คาช้ีแจง : ให้นกั เรยี นวิเคราะห์ในประเด็นต่อไปนี้ ๑. ถ้าหากนกั เรียนเป็นคุณครูในเรือ่ งน้ี นกั เรียนจะแกป้ ัญหาจากการที่นกั เรียนไมท่ าเวรอยา่ งไร ............................................................................................................................. ........................................ ........................................................................................................................................ ............................. ............................................................................................................................. ........................................ ............................................................................................................................. ........................................ .................................................... .................................................................................... ............................. ๒. ถ้าหากไมต่ ้องการใหห้ อ้ งเรยี นสกปรก นักเรียนมวี ธิ ีการช่วยกนั อย่างไร ............................................................................................................................. ........................................ .......................................................................................... ........................................................................... ............................................................................................................................. ........................................ ........................................................................................................................................... .......................... ........................................................................................................ .............................................................
- 54 - แผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยที่ ๒ ชื่อหน่วย ความละอายและความไมท่ นต่อการทุจริต ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๕ เวลา ๒ ชวั่ โมง แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๓ เร่อื ง การสอบ 1. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มีความรู้ ความเข้าใจเกีย่ วกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ ๑.๒ ปฏบิ ัตติ นเปน็ ผลู้ ะอายและไมท่ นต่อการทจุ ริตทุกรูปแบบ ๑.๓ ตระหนักและเห็นความสาคัญของการต่อตา้ นและการปอ้ งกนั การทุจริต 2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๒.๑ นักเรยี นสามารถบอกกฎระเบยี บในการสอบได้ ๒.๒ นักเรยี นสามารถบอกการกระทาที่ไม่เหมาะสมในขณะทาการสอบได้ ๒.๓ นกั เรยี นสามารถบอกผลเสียของการทจุ ริตในการสอบได้ 3. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ - กฎระเบยี บในการสอบ ผเู้ ขา้ สอบตอ้ งปฏิบัตดิ ังตอ่ ไปน้ี ๑) การแต่งกาย ถ้าเป็นนักเรียนหรือนักศึกษาต้องแต่งเคร่ืองแบบนักเรียนหรือนักศึกษาแล้วแต่กรณี ถ้าเป็นผ้สู มัครสอบต้องแตง่ กายใหส้ ภุ าพเรียบร้อยตามประเพณีนิยม ๒) ไปถงึ สถานทสี่ อบกอ่ นเวลาเร่มิ สอบตามสมควร ผ้ใู ดไปไมท่ นั เวลา ลงมือสอบวชิ าใด ไมม่ ีสิทธิ เขา้ สอบวชิ านนั้ แต่สาหรับการสอบวิชาแรกในตอนเช้าของ แตล่ ะวัน ผูใ้ ดเข้าห้องสอบหลังจากเวลาลงมือสอบ แลว้ ๑๕ นาที จะไมไ่ ดร้ บั อนุญาตให้สอบวิชานัน้ เวน้ แต่มเี หตคุ วามจาเป็นให้อย่ใู นดลุ ยพินจิ ของประธานดาเนินการสอบพิจารณาอนุญาต ๓) ไมเ่ ข้าห้องสอบก่อนไดร้ ับอนุญาต ๔) ไมน่ าเอกสาร เครื่องอเิ ล็กทรอนกิ สห์ รือเคร่ืองสอื่ สารใด เขา้ ไป ในห้องสอบ ๕) น่ังตามที่กาหนดให้ จะเปลี่ยนท่นี ่งั ก่อนได้รบั อนญุ าตไม่ได้ ๖) ปฏบิ ตั ติ ามระเบียบเกี่ยวกับการสอบ และคาส่งั ของผู้กากับการสอบ โดยไมท่ จุ ริตในการสอบ ๗) มิใหผ้ เู้ ขา้ สอบคนอ่นื คัดลอกคาตอบของตน รวมทั้งไม่พูดคยุ กับผู้ใดในเวลาสอบ เมือ่ มีข้อ สงสัยหรอื มีเหตจุ าเป็นให้แจ้งตอ่ ผูก้ ากับการสอบ ๘) ประพฤติตนเป็นสุภาพชน ๙) ผู้ใดสอบเสร็จก่อน ผู้นั้นต้องออกไปห่างจากห้องสอบ และไม่กระทาการใด อันเป็นการ รบกวนแกผ่ ูท้ ย่ี งั สอบอยู่ แตท่ ้ังนี้ผู้เขา้ สอบทกุ คนจะออกจากห้องสอบก่อนเวลา ๒๐ นาที หลังจากเร่ิมสอบวิชา น้นั ไม่ได้ ๑๐) ไม่นากระดาษสาหรับเขียนคาตอบทผ่ี ้กู ากบั การสอบแจกให้ออกไปจากห้องสอบ ๓.๒ สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน ๑) ความสามารถในการสอื่ สาร
- 55 - ๒) ความสามารถในการคดิ ๓) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ๓.๓ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ ซ่ือสตั ยส์ ุจริต 4. กจิ กรรมการเรียนรู้ ๔.๑ ขั้นตอนการเรียนรู้ ๑) ชว่ั โมงที่๑ ๑. ครสู นทนาเกย่ี วกบั การเรยี นการสอบของนกั เรยี น เชน่ ในการเรียนจะต้องมีการทดสอบเพ่ือให้ นกั เรียนไดร้ ู้ความสามารถของตนเอง การสอบมีหลายครั้ง ได้แก่ การสอบท้ายบทเรียน การสอบกลางภาคเรียนเป็น ตน้ ๒. ครแู นะนาเรอ่ื ง การทดสอบประเภทตา่ ง เชน่ ๒.1 การสอบภายในโรงเรียน ๒.2 การสอบแข่งขนั ประเภทต่าง ๒.3 การสอบเข้าทางาน ๓. ครแู นะนาเรื่องกฎระเบยี บกติกาในการเข้าหอ้ งสอบ ได้แก่ ไมน่ าหนังสือเข้าห้องสอบ ไม่สง่ เสียงดงั เปน็ ตน้ ๔. ครูใหน้ กั เรยี นชมวดี ิทศั น์ เรอื่ ง ลอกขอ้ สอบ ๕. ครูให้นกั เรยี นวพิ ากษ์วิจารณ์เกย่ี วกับเรือ่ งลอกข้อสอบ ตามประเดน็ ดังตอ่ ไปน้ี - ทาไมนกั เรียนชายจงึ ลอกขอ้ สอบ - ผลสดุ ท้ายของเรื่องลอกข้อสอบเปน็ อย่างไร ๖. ครูให้นักเรยี นชว่ ยกนั บอกพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในขณะทาการสอบ เช่น เคาะโต๊ะ คุยกันเป็น ตน้ ๗. ครูให้นักเรยี นชว่ ยกันบอกผลเสยี ของการทจุ รติ ในการสอบ เชน่ พักการเรียน เปน็ ต้น ๘. ให้นกั เรียนทาใบงานที่ ๑ เรื่อง การสอบ ตามประเดน็ ดังต่อไปนี้ ๘.1 กฎระเบยี บในการสอบ ๘.2 การกระทาท่ไี ม่เหมาะสมในการสอบ ๒) ช่วั โมงที่ ๒ ๑. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มเป็น ๕ กลุ่ม โดยให้ศึกษาค้นคว้าจากห้องสมุดและอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับ เรื่องการทจุ ริตในการสอบประเภทตา่ ง ๒. ครูให้นักเรยี นนาเสนอข่าว/เหตุการณ์จากการศึกษาค้นคว้าหน้าช้ันเรียน แล้วนาไปจัดป้ายนิเทศ ภายในบริเวณโรงเรียน ๓. ครูให้นักเรยี นรอ้ งเพลง “ความซือ่ สัตย์” และสรปุ ใจความสาคญั ของเนอ้ื เพลง ๔. ใหน้ ักเรียนบอกผลเสียของการทุจริต โดยเขยี นลงในใบงานท่ี ๒ แลว้ นาเสนอหนา้ ชัน้ เรียน ๕. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรปุ เก่ยี วกบั ผลเสียของการทุจริตในการสอบ
- 56 - ๔.๒ สือ่ การเรียนรู้ ๑) เพลง ความซ่ือสตั ย์ ๒) วดี ีทัศน์ เร่อื ง ลอกข้อสอบ ๓) ใบงานที่ ๑ เรือ่ ง การสอบ ๔) ใบงานที่ ๒ เรื่อง ผลเสยี ของการทุจรติ ในการสอบ 5. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๕.๑ วธิ กี ารประเมิน ๑) ตรวจผลงานใบงานท่ี ๑ และใบงานที่ ๒ ๒) สังเกตพฤตกิ รรม ซอื่ สตั ยส์ ุจรติ 5.2 เคร่อื งมอื ที่ใชใ้ นการประเมิน ๑) เกณฑ์การประเมินผลงานใบงานท่ี ๑ และใบงานท่ี ๒ ๒) แบบสังเกตพฤติกรรม ซื่อสตั ย์สจุ ริตในการทาขอ้ สอบ ๕.๓ เกณฑ์การตัดสนิ ๑) นกั เรยี นผ่านเกณฑ์การประเมนิ รอ้ ยละ ๘๐ ข้นึ ไป ๒) นกั เรียนผ่านเกณฑ์การประเมิน ระดบั ดี ข้นึ ไป ถือว่า ผ่าน 6. บันทึกหลังการจัดการเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………….................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………........ ลงชอ่ื ................................................ ครูผูส้ อน (...............................................)
7. ภาคผนวก - 57 - เพลง ความซ่อื สตั ย์ ความซือ่ สตั ยเ์ ป็นสมบัติของผู้ดี หากวา่ ใครไมม่ ีชาตนิ เ้ี อาดีไมไ่ ด้ มีความรทู้ ่วมหวั เอาตัวไมร่ อดถมไป คดโกงแลว้ ใครจะรบั ไว้ใหร้ ว่ มงานเอย จะรบั ไว้ใหร้ ว่ มงานเอย ความซอ่ื สตั ยเ์ ปน็ สมบตั ิของผ้ดู ี หากว่าใครไมม่ ีชาตินีเ้ อาดีไม่ได้ มีความร้ทู ่วมหัว เอาตวั ไมร่ อดถมไป คดโกงแล้วใครจะรับไว้ให้ร่วมงานเอย จะรบั ไว้ให้ร่วมงานเอย
- 58 - ใบงานที่ ๑ เรือ่ ง กฎระเบียบในการสอบ ชอ่ื ..............................................................................................................ช้นั ..........................เลขท่ี.................. คาช้ีแจง ให้นกั เรยี นตอบคาถามต่อไปนี้ ๑. กฎระเบยี บในการสอบมีอะไรบ้าง (ตอบอย่างน้อย ๕ ข้อ) ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ๒. การกระทาทไ่ี ม่เหมาะสมในการสอบมีอะไรบา้ ง (ตอบอย่างนอ้ ย ๕ ข้อ) ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________
- 59 - ใบงาน ท่ี ๒ เร่อื ง ผลเสียของการทจุ รติ ในการสอบ ชอื่ ...........................................................................................................ชน้ั ..........................เลขท.ี่ ................. คาชแี้ จง ใหน้ ักเรียนบอกผลเสียของการทจุ รติ ในการสอบ อยา่ งน้อย ๕ ขอ้ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________
- 60 - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม เรอื่ ง ซอื่ สตั ยส์ ุจริต ในการทาข้อสอบ คาช้ีแจง ให้นักเรียนเขียนเครื่องหมาย ลงในช่องท่ตี รงกบั พฤตกิ รรมทเ่ี กิดขึน้ จรงิ รายการ เลขท่ี ชอื่ - สกลุ ไม่ลอก ไม่นา ไม่จด ไม่ยืม ทา สรปุ ผล ข้อสอบ เครอ่ื งมือ คาตอบ อุปกรณ์ ข้อสอบ การประเมิน ผ้อู ่ืน สือ่ สาร เขา้ ห้อง ผู้อื่น เสร็จ ผ่าน ไม่ผา่ น เข้าห้อง สอบ ภายใน เวลาที่ สอบ กาหนด เกณฑ์การประเมนิ ผา่ นตั้งแต่ ๓ รายการ ถอื ว่า ผา่ น ผ่าน ๒ รายการ ถือว่า ไม่ผา่ น ลงชื่อ ผ้ปู ระเมิน () ///
- 61 - เกณฑก์ ารประเมนิ ในงานที่ ๑ และใบงานที่ ๒ ประเดน็ ท่ปี ระเมนิ ๔๓ คะแนน ๒ ๑ ๑.ผลงานตรงกับจดุ ประสงค์ที่ ผลงานไม่ กาหนด ผลงาน ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานสอดคล้อง สอดคลอ้ งกับ ๒.ผลงานท่มี คี วามสมบรู ณ์ สอดคลอ้ งกบั กับจดุ ประสงค์ กบั จุดประสงค์ จดุ ประสงค์ ๓.ผลงานที่มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ จุดประสงคท์ ุก เป็นสว่ นใหญ่ เป็นบางประเดน็ เน้อื หาสาระ ประเด็น ของผลงานไม่ ๔. ผลงานทม่ี ีความเป็นระเบียบ เนอ้ื หาสาระของ เนื้อหาสาระของ เนือ้ หาสาระของ ถกู ต้องเปน็ ส่วน ผลงานถูกต้อง ผลงานถกู ต้อง ผลงานถูกต้อง ใหญ่ ครบถ้วน เป็นสว่ นใหญ่ เปน็ บางประเดน็ ผลงานไมแ่ สดง แนวคดิ ใหม่ ผลงาน ผลงานมีแนว ผลงานมคี วาม แสดงออกถึง แปลกใหม่แต่ยัง น่าสนใจ แต่ยังไม่ ผลงานสว่ วน ความคิด ไม่เป็นระบบ มีแนวคดิ แปลก ใหญ่ไมฃ่เปน็ สรา้ งสรรค์ ใหม่ ระเบียบและมี แปลกใหมแ่ ละ ข้อบกพร่อง เปน็ ระบบ ผลงานส่วนใหญ่มี ผลงานมีความ ผลงานมคี วาม ความเป็นระเบียบ เป็นระเบยี บแต่มี เป็นระเบยี บ แตย่ งั มคี วาม ขอ้ บกพร่อง แสดงออกถึง บกพร่อง บางสว่ น ความประณีต เกณฑ์การประเมิน คะแนน ๑๔-๑๖ = ดีมาก คะแนน ๑๑-๑๓ = ดี คะแนน ๘-๑๐ = พอใช้ คะแนน ๑-๗ = ควรปรบั ปรงุ
- 62 - ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 5 เวลา ๒ ช่ัวโมง แผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยที่ ๒ ชื่อหนว่ ย ความละอายและความไมท่ นต่อการทุจริต แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๔ เรือ่ ง การแตง่ กาย 1. ผลการเรียนรู้ ๑.1 มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกีย่ วกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต ๑.๒ ปฏิบัติตนเปน็ ผ้ลู ะอายและไม่ทนต่อการทุจรติ ทุกรูปแบบ ๑.๓ ตระหนกั และเหน็ ความสาคญั ของการตอ่ ต้านและป้องกันการทจุ ริต 2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 2.1 นักเรียนสามารถบอกลกั ษณะของการแต่งกายท่เี หมาะสมถูกตอ้ งตามกาลเทศะได้ 2.2 นกั เรียนสามารถบอกลกั ษณะของการแตง่ กายท่ีถกู ต้องตามระเบียบของสถานศึกษาได้ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ความรู้ - การแตง่ กายตามกาลเทศะ การแต่งกายเป็นมารยาททั่ว ไปซ่ึงทุกคนต้องปฏิบัติเหมือนกันตามแต่โอกาสท่ีเหมาะสม เช่น แต่ง กายไปทางาน, ไปวัด, ทาบุญ, ไปเล่นกีฬา และงานพิธีต่าง หรือการแต่งกายที่อยู่ในเคร่ืองแบบของนักเรียน นักศึกษา ทหาร ตารวจ บริษัทห้างร้านที่กาหนดให้พนักงานแต่งกาย เป็นต้น หากบุคคลใดสามารถปฏิบัติได้ ตามกฎระเบยี บท่ีกาหนดถือว่าเป็นผู้มีมารยาทในการแต่งกายทีด่ ี การแตง่ กายตามระเบียบของสถานศึกษา 3.2 สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคดิ ๓) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ 3.3 คุณลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์ ความมวี ินัย 4. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 4.1 ขนั้ ตอนการเรียนรู้ ๑) ช่ัวโมงท่ี ๑ ๑. ครูและนักเรียนสนทนาเกี่ยวกับการแต่งกายของคนในสังคม เช่น การแต่งกายไปทางาน การแต่งกายไปรว่ มกิจกรรมทางสังคม เป็นต้น ๒. ครูใหน้ กั เรียนศกึ ษาใบความรทู้ ่ี ๑ เรือ่ ง การแตง่ กายที่เหมาะสม ๓. ให้นักเรียนดรู ูปภาพการแตง่ กายทเี่ หมาะสมในท่ีสาธารณะและสถานท่ีราชการแล้วช่วยกันบอก ลักษณะของการแต่งกายที่เหมาะสมถูกต้องตามกาลเทศะ เช่น แต่งกายไปทาบุญควรใส่สีขาวหรือ สีอ่อน ผ้หู ญงิ ส่วนมากจะนุ่งผา้ ไทย เป็นต้น
- 63 - ๔. ครใู ห้นักเรยี นดขู า่ ว เรือ่ ง “ป้าอยากดงั ” เกีย่ วกบั การแต่งกายไมเ่ หมาะสม ๕. ครแู บง่ นกั เรยี นเป็น ๕ กล่มุ แลว้ ให้นักเรียนเขียนวิพากษ์วิจารณ์พร้อมทั้งนาเสนอหน้าชั้นเรียนตาม ประเดน็ ตอ่ ไปน้ี 5.1การแตง่ กาย 5.2สถานที่ 5.3ความเหมาะสม ๖. ครูถามนักเรียนว่าถ้านักเรียนเป็นป้าในข่าว นักเรียนจะรู้สึกอย่างไร และจะทาอย่างป้า ในขา่ วหรือไม่ เพราะเหตใุ ด ๗. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับการแต่งกายเหมาะสมในที่สาธารณะ เช่น การแต่งกายไป สถานท่รี าชการ ผ้หู ญงิ ตอ้ งแต่งกายด้วยกระโปรง ไม่สวมรองเทา้ แตะ เป็นตน้ ๒) ช่ัวโมงที่ ๒ ๑. ครูให้นักเรียนศึกษาใบความรู้ที่ ๒ และให้นักเรียนท่ีแต่งกายเรียบร้อยถูกต้องตามระเบียบ ของโรงเรยี น (เคร่ืองแบบนักเรียน/เครื่องแบบลูกเสือ-เนตรนารี) ออกมายืนท่ีหน้าชั้นเรียน แล้วแนะนา การแต่งกายทถ่ี ูกตอ้ งว่ามอี ะไรบา้ ง ๒. ครูให้นักเรียนท่ีแต่งกายเครื่องแบบไม่ครบออกมายืนที่หน้าช้ันเรียน แล้วให้นักเรียนคนอ่ืน ชว่ ยกันบอกว่าขาดเครือ่ งหมายอะไรบ้าง ๓. ครูช้ีแนะให้นักเรียนเห็นถึงความสาคัญของการแต่งกายท่ีถูกต้องตามระเบียบของโรงเรียน ว่า นักเรียนชายแตง่ กายอยา่ งไร และนกั เรยี นหญงิ แตง่ กายอย่างไร ๔. ครูสัมภาษณ์นักเรียนที่แตง่ กายดว้ ยเครอื่ งแบบทถ่ี กู ต้องวา่ มคี วามรสู้ กึ อย่างไรและมีผลดีอย่างไร ต่อตนเองและส่วนรวม ๕. ครูสัมภาษณ์นักเรียนที่แต่งกายด้วยเครื่องแบบท่ีไม่ถูกต้องว่ามีความรู้สึกอย่างไรและมีผลเสีย อยา่ งไรต่อตนเองและสว่ นรวม ๖. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั สรุปเรอ่ื งการแตง่ กายทถ่ี ูกระเบียบของโรงเรยี น 4.2 สอื่ การเรยี นรู้ ๑) ใบความรูท้ ี่ ๑ เรอ่ื ง การแตง่ กายที่เหมาะสม ๒) ใบความร้ทู ่ี ๒ เรือ่ ง การแตง่ กายท่ีถูกต้องตามระเบยี บของโรงเรียน ๓) รปู ภาพการแต่งกายของบุคคลตา่ ง ๔) ขา่ ว “ปา้ อยากดัง” 5. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ 5.1 วิธีการประเมิน ๑) ทดสอบ ๒) สงั เกตพฤติกรรมความมวี ินัย 5.2 เครอื่ งมอื ท่ใี ชใ้ นการประเมนิ ๑) แบบทดสอบ ๒) แบบสังเกตพฤตกิ รรม ความมวี ินยั 5.3 เกณฑก์ ารตดั สนิ นักเรียนผา่ นเกณฑ์การประเมินร้อยละ ๘๐ ข้ึนไป
- 64 - 6. บันทึกหลังการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………….................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………........ ลงชือ่ ................................................ ครผู ู้สอน (...............................................)
7. ภาคผนวก - 65 - ใบความรทู้ ี่ ๑ เรือ่ ง การแต่งกายที่เหมาะสม การแตง่ กายเป็นมารยาททว่ั ไปซ่ึงทุกคนต้องปฏบิ ตั ิเหมือนกนั ตามแต่โอกาสท่เี หมาะสม เช่น แตง่ กายไปทางาน, ไปวดั ทาบญุ ,ไปเล่นกีฬา และงานพิธีตา่ ง หรือการแต่งกายทีอ่ ยูใ่ นเครื่องแบบของนักเรียน นักศกึ ษาทหาร ตารวจ บริษทั หา้ งรา้ นทก่ี าหนดให้พนักงานแต่งกาย เป็นต้น หากบคุ คลใดสามารถปฏิบัตไิ ด้ ตามกฎระเบยี บที่กาหนดถือว่าเปน็ ผู้มมี ารยาทในการแต่งกายที่ดี การแต่งกายไปวดั 1. เสือ้ ผา้ ควรใช้สีขาวหรือสีออ่ น 2. เนื้อผ้า ไม่โปร่งบางเกินไป ไมห่ รหู ราแพงเกนิ ไป 3. เสือ้ ผา้ ไมร่ ดั รดั รปู แต่หลวมพอสมควร สาหรับผหู้ ญงิ ไมค่ วรนงุ่ กระโปรงสน้ั แตค่ วรนุง่ กระโปรงยาว พอสมควร 4. ทรงผม ผชู้ าย ตดั ใหส้ นั้ ถ้าไว้ยาวกห็ วีใหเ้ รียบ ผู้หญิง อยา่ แตง่ ผมเกินงาม ผพู้ บเห็นจะได้ไมเ่ กิด ความคดิ ฟุ้งซ่าน 5. น้ามนั ใสผ่ ม หรอื น้าหอม ควรเป็นชนดิ กลนิ่ อ่อนทสี่ ุด จะได้ไมร่ บกวนผอู้ ่ืน 6. การแตง่ หนา้ เขยี นค้ิว ทาปาก ทาเลบ็ ฯลฯ จนเกินงามไมค่ วรกระทา 7. เครื่องประดับราคาแพง เชน่ แหวนเพชร นาฬิกาเรือนทอง หรอื สร้อยทองคาเส้นโต ฯลฯ ควรเว้น เด็ดขาด การแต่งกายไปงานแตง่ งาน การแตง่ กายไปงานแตง่ งานเป็นการแสดงถึงการให้ความยนิ ดกี ับเจา้ ภาพจงึ เป็นการแต่งกายในชุด ทีด่ ูสวยงาม และการแต่งกายไปงานเราควรคานึงถงึ การให้เกยี รติเจา้ ภาพด้วย เช่น เจา้ ภาพอาจจะกาหนด การแต่งกายมาเรากค็ วรปฏิบัตติ ามเพ่ือเป็นการใหเ้ กยี รติและเพ่ือแสดงความยนิ ดี เช่น แตง่ กายในชุดสขี าว สี ชมพูหรือเสื้อผ้าสอี ่อน ดสู วยงาม เปน็ ต้น การแตง่ กายไปงานอวมงคล งานอวมงคล คอื การทาบุญเล้ียงพระท่ีเกย่ี วกบั เรื่องการตาย นิยมทากันอยู่ 2 อย่างคอื ทาบุญ หน้า เรียกวา่ ทาบุญ 7 วัน 50 วัน หรอื 100 วนั และทาบุญอฐั ใิ นวนั คล้ายวนั ตายของผู้ลว่ งลับ - ถ้าเปน็ งานศพควรเปน็ สขี าวหรือสีดา - ถ้าเป็นวันทาบุญอัฐ ควรแต่งกายเรียบร้อย สเี รียบ ไม่มลี วดลายหรือฉูดฉาด จนเกนิ ควร เหมาะสมกับ งานไม่ใส่เคร่ืองประดับหรหู ราฟุ่มเฟอื ยจนเกินพอดี มารยาทการแตง่ กายท่ีพึงประสงค์ เป็นการแตง่ กายทีจ่ ะต้องคานงึ ถึงความสภุ าพเรยี บร้อย สะอาด ตั้งแตศ่ รี ษะจรดปลายเท้า เมื่อมีผู้พบเหน็ จะรู้สกึ ทันทีวา่ ผูท้ ี่แต่งกายดีถกู ต้องตามกาลเทศะ คือ คนที่ควรได้รับ การชมเชยจากสังคมและผูป้ ฏิสมั พันธ์ด้วย ในมุมกลบั กันหากแต่งกายไมส่ ุภาพเรียบร้อย ก็จะเกิดคาตาหนิ ติเตียน จากผู้ท่ีพบเห็นทาใหเ้ สื่อมเสียทงั้ ตนเอง สถานบนั ครอบครวั และสถานศึกษา
- 66 - ใบความรู้ที่ ๒ เรอื่ ง การแต่งกายทถ่ี กู ต้องตามระเบียบของโรงเรียน ระเบยี บกระทรวงศึกษาธกิ ารว่าด้วยเครอ่ื งแบบนักเรียน นกั เรยี นหรือนักศึกษาต้องประพฤติตนอยู่ในระเบยี บวินัยของโรงเรยี นหรือสถานศึกษาท่ีตนสงั กดั อยู่ และแต่งกายหรอื แต่งเครื่องแบบตามระเบยี บข้อบงั คับของโรงเรียน รวมทง้ั ต้องไม่แตง่ กายหรือประพฤตติ นไม่ เหมาะสมแก่สภาพของนักเรียนหรือนกั ศึกษาตามท่ีกาหนดในกระทรวง เครอ่ื งแบบนกั เรียนระดบั ประถมศกึ ษา นักเรียนชาย 1. เสอื้ ผ้าสขี าว แบบคอเชต้ิ หรอื คอปกกลม แขนสัน้ 2. เครือ่ งหมาย ใชช้ ือ่ อักษรย่อของสถานศกึ ษาปักที่อกเส้อื เบ้ืองขวา บนเนอ้ื ผ้าด้วยด้านหรอื ไหม โดยสถานศึกษารัฐใชส้ ีน้าเงิน สถานศึกษาเอกชนใชส้ ีแดง 3. กางเกง ผ้าสีดา สนี า้ เงิน สกี รมท่า หรือสแี ดง ขาสนั้ 4. รองเท้า หนังหรือผ้าใบสดี า แบบหมุ้ สน้ ปลายเท้า ชนดิ ผูกหรือมสี ายรัดหลงั เทา้ 5. ถุงเท้าส้นั สีขาว นกั เรียนหญิง 1. เสอื้ ผ้าสขี าว แบบคอเช้ิต คอบัว หรอื คอปกกลาสีผูกด้วยฟ้าผูกคอชายสามเหลี่ยมเง่ือนกลาสี สีดาหรือ สีกรมทา่ แขนสน้ั 2. เคร่ืองหมาย ชื่ออักษรย่อของสถานศกึ ษาปักท่ีอกเส้ือเบื้องขวา บนเนือ้ ผ้าดว้ ยด้ายหรือไหม โดย สถานศกึ ษารฐั บาลใชส้ ีนา้ เงนิ สถานศึกษาเอกชนใชส้ ีแดง 3. กระโปรง ผ้าดา สีนา้ เงนิ สกี รมท่าหรือสีแดง แบบจบี รูดรอบตัว หรือยาวเพยี งใตเ้ ข่า แบบจีบทบรอบเอว หรือพบั เป็นจบี ขา้ งละสามจบี ทง้ั ดา้ นหนา้ และดา้ นหลงั เม่อื สวมแล้วชายกระโปรงคลมุ เขา่ 4. รองเทา้ หนังหรือผา้ ใบสดี า แบบหุม้ สน้ หมุ้ ปลายเท้า ชนิดผกู หรอื มสี ายรดั หลงั เท้า 5. ถุงเท้าสัน้ สขี าว
- 67 - รปู ภาพการแตง่ กายของบคุ คลตา่ ง ๆ
- 68 -
- 69 -
- 70 - ขา่ ว เร่อื ง “ปา้ อยากดงั ” ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นคนไทย เดินทางมาร่วมงานถวายอาลัยที่สถานที่จัดงานแห่งหนึ่งคาดว่าเป็น วัด ไทยทนี่ อรธ์ ฮอลลีวูด แคลฟิ อรเ์ นยี สหรัฐอเมริกา แต่กลบั สวมชดุ เดรสสนั้ สดี า มีแถบลายดอกไม้สีแดง ปรากฏ ว่าถูกเจ้าหน้าท่ีห้ามไม่ให้เข้าไปในบริเวณพิธี หญิงสาวรายน้ียกมือถือขึ้นมาถ่ายแล้วถามเจ้าหน้าท่ีคนไทยว่า “คุณเป็นตารวจหรือเปล่า” ซึ่งเจ้าหน้าท่ีบอกว่า ผมเป็นหัวรักษาความปลอดภัย ผมมีสิทธิ์เชิญคุณออกได้ ผู้หญิงคนดังกล่าวก็แย้งว่า “ฉันไม่ได้ทาผิด” เจ้าหน้าท่ีพยายามชี้แจงว่าวันนี้ขอให้ทุกคนแต่งกายชุดสีดา ผู้หญิงคนดังกล่าวก็ถามว่า เส้ือผ้ามีสีสันไม่ได้ ผิดกฎหมายเหรอ เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่า ไม่ผิดกฎหมาย แต่คนไทย ทุกคนควรทาให้เหมือนกัน แต่ผู้หญิงรายน้ีกลับยืนยันว่าทุกคนมีสิทธ์ิ ประชาชนก็เข้าไปช้ีแจงว่าทุกถึงความ เหมาะสมของการแตง่ กายจนสุดทา้ ยโดนประชาชนตะโกนขบั ไลอ่ อกไปจากบริเวณดงั กลา่ ว คาชี้แจง ใหน้ ักเรียนเขียนวพิ ากษ์วจิ ารณ์เกีย่ วกบั ข่าว ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
- 71 - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม เร่อื ง ความมีวินยั คาชแี้ จง ให้นักเรยี นเขยี นเคร่ืองหมาย ลงในช่องท่ีตรงกับพฤตกิ รรมที่เกิดขึน้ จรงิ รายการ เลขท่ี ชอื่ - สกลุ แตง่ กาย แต่งกาย ปฏบิ ัตติ าม สรุปผล ถกู ตอ้ งตาม เหมาะสม ขอ้ ตกลง การประเมนิ ระเบยี บ ผา่ น ไม่ผา่ น ตาม ของ ของ กาลเทศะ สถานศึกษา โรงเรยี น เกณฑ์การประเมิน ผา่ นต้งั แต่ ๒ รายการ ถอื วา่ ผา่ น ผา่ น ๑ รายการ ถอื วา่ ไม่ผ่าน ลงชื่อ ผปู้ ระเมิน ( ) ///
- 72 - แผนการจัดการเรียนรู้ หนว่ ยท่ี ๒ ชอ่ื หน่วย ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 เวลา ๒ ชวั่ โมง แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 5 เร่ือง กิจกรรมนักเรียน 1. ผลการเรยี นรู้ มีความรู้ ความเข้าใจเกยี่ วกบั ความละอาย และความไมท่ นตอ่ การทุจรติ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 บอกความสาคญั ของกจิ กรรมนักเรียนได้ 2.๒ บอกประโยชนข์ องกิจกรรมนกั เรยี นได้ 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 ความรู้ ความสาคัญของกจิ กรรมนักเรียนน้ันเป็นการเสรมิ ให้การจัดการเรยี นการสอนบรรลตุ ามจุดมงุ่ หมาย ของการศึกษา โดยจะช่วยเสรมิ ในด้านการเรียนรู้ทางด้านทัศนคติ ค่านยิ ม ความสนใจ ความซาบซง้ึ และเกดิ ทักษะประสบการณ์และสามารถไปอยู่ในสงั คมอยา่ งเป็นสขุ ถา้ ปฏิบัติตามกฎระเบยี บ การจดั กจิ กรรมนักเรียนนับว่าเปน็ งานสาคัญอยา่ งหน่งึ กจิ กรรมนักเรียนเป็นกจิ กรรมทท่ี างโรงเรียน จัดขึน้ เพ่ือเสรมิ ทักษะประสบการณข์ องนักเรียนให้กว้างขวางและสมบูรณ์ ชว่ ยเสริมในดา้ นการเรยี นรู้ทางด้าน ทศั นคติ ค่านยิ ม ความสนใจ ตลอดจนให้ดารงชวี ิตอยู่ในสงั คมอย่างมีความสุข 3.2 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน ความสามารถในการคิด 3.3 คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ / คา่ นยิ ม 3.1 มีวนิ ัย 3.2 มุ่งมน่ั ในการทางาน 4. กจิ กรรมการเรียนรู้ 4.1 ขน้ั ตอนการเรียนรู้ ๑) ชว่ั โมงท่ี 1 ๑. ครสู นทนาและซกั ถามนกั เรียนเกยี่ วกับกจิ กรรมนักเรียนวา่ มีอะไรบา้ ง เช่น กิจกรรมเข้าค่าย กิจกรรมชมรม เปน็ ตน้ ๒. ครูอธบิ ายความสาคัญของกิจกรรมนักเรยี นว่าเป็นการเสริมให้การจดั การเรียนการสอนบรรลุ ตามจดุ มงุ่ หมายของการศึกษา โดยจะช่วยเสริมในด้านการเรียนร้ทู างด้านทัศนคติ คา่ นยิ ม ความสนใจ ความซาบซึ้ง ความไม่ทนและความละอายต่อการทุจรติ ต่อกิจกรรมนน้ั ตลอดจนทกั ษะในการ เคลือ่ นไหวและการใชอ้ วยั วะตา่ ง ของร่างกาย ๓. ครใู ห้นักเรยี นทา ใบงานท่ีเร่อื ง ชอบหรอื ไมช่ อบ แล้วสรุปว่าชอบหรอื ไม่ เพราะเหตุใด ๔. ครูอธบิ ายเรอ่ื งกจิ กรรมนกั เรยี น ปจั จบุ นั กจิ กรรมนักเรยี นอาจจะแบง่ ออกเปน็ 3 ส่วนใหญ่ 5.1 กิจกรรมการเรียนการสอน หมายถงึ กิจกรรมท่ีครูผูส้ อนและผู้ทเี่ กี่ยวข้องจัดข้นึ เพ่ือ สง่ เสรมิ ให้ผู้เรียนเกดิ การเรยี นรแู้ ละเข้าใจเนื้อหาของบทเรียนวชิ าตา่ ง ใหด้ ยี ่งิ ขึ้น กิจกรรมลกั ษณะนี้อาจจะจัด ขน้ึ ในหอ้ งเรยี นหรือนอกห้องเรยี นก็ได้
- 73 - 5.2 กิจกรรมนักเรียน หมายถึง กิจกรรมทจี่ ดั ข้ึนนอกเวลาเรยี นปกติหรอื นอกเหนือจาก ตารางสอนวิชาตา่ ง เพือ่ สนองความสนใจความสามารถและความถนัดของนักเรยี นอันเป็นการส่งเสริมให้ นักเรียนมีโอกาสแสวงหาความรใู้ หแ้ ตกฉานยิง่ ขึ้น 5.3 กิจกรรมอ่ืน เชน่ กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมโฮมรูม ซ่งึ เป็นกิจกรรมท่ีมจี ดุ มุง่ หมาย เฉพาะเกย่ี วกบั การแนะหรอื การปกครองนักเรียนซึ่งโดยปกตคิ รจู ะมีบทบาทในการดาเนินงานเสยี เอง ๕. ครแู บ่งกลุ่มนักเรียนประมาณ 4-6 คน แล้วให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทาใบงานท่ี ๒ เร่ืองปฏิบัติ ตน อย่างไรกิจกรรมจะสาเร็จ แลว้ เตรยี มนาเสนอต่อไป ๒) ช่วั โมงที่ ๒ ๑. ครอู ธบิ ายดังน้ี “กิจกรรมนักเรียนทุกกิจกรรมซึ่งมีประโยชน์ กิจกรรมจะสร้างให้นักเรียนอยู่ร่วมกันในสังคม อย่างมีความสุขถา้ หากนักเรยี นทาตามกฎระเบียบในแต่ละกิจกรรมต้ังไว้ และฝึกให้นักเรียนมีทักษะต่าง ในแต่ ละกิจกรรมท่ีปฏิบัติ อีกอย่างที่สาคัญถ้านักเรียนอยู่ในสังคมที่กว้างข้ึนถ้านักเรียนไม่ทุจริตแล้วทาตาม กฎระเบยี บในสังคมนักเรยี นก็จะอยู่ในสงั คมอย่างมีความสขุ ” ๒. ครูให้นักเรียนทาใบงานท่ี ๒ เรื่องประโยชน์ของกิจกรรม และร่วมกันสรุปประโยชน์ของ กิจกรรมนักเรยี นที่ได้ 4.2 สอื่ การเรยี นรู้ / แหล่งการเรยี นรู้ 1) ใบงานท่ี 1 เร่ืองชอบหรอื ไมช่ อบ 2) ใบงานที่ ๒ เรือ่ งประโยชนข์ องกจิ กรรม ๕. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 5.1 วธิ ีการประเมนิ 1) ตรวจใบงานท่ี 1 เรอ่ื งชอบหรอื ไม่ชอบ 2) ตรวจใบงานท่ี 2 เรื่องปฏิบัติตนอย่างไรกจิ กรรมจะสาเรจ็ 5.2 เครอ่ื งมือทใ่ี ช้ในการประเมนิ 1) ใบงานที่ 1 เร่อื งชอบหรอื ไมช่ อบ 2) ใบงานที่ 2 เรอ่ื งปฏิบัติตนอยา่ งไรกจิ กรรมจะสาเร็จ 5.3 เกณฑ์การตัดสิน นักเรียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมินรอ้ ยละ 80 ขน้ึ ไป ถอื วา่ ผา่ น 6. บนั ทึกหลังการจดั การเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………….................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………........ ลงชื่อ ................................................ ครผู ู้สอน (...............................................)
- 74 - 7. ภาคผนวก ใบงานท่ี 1 คาชีแ้ จง ให้นักเรยี นบอก “ชอบ” หรือ “ไม่ชอบ” เกีย่ วกับกจิ กรรมที่กาหนดให้ พรอ้ มทั้งอธิบายเหตุผล ประกอบ ลาดบั ท่ี กิจกรรม ชอบหรอื ไม่ชอบเพราะเหตุใด 1 กิจกรรมลกู เสือ 2 กิจกรรมทัศนศึกษา 3 กิจกรรมสหกรณร์ า้ นคา้ ในโรงเรยี น 4 กจิ กรรมกฬี าสภี ายในโรงเรียน 5 กจิ กรรมส่งเสรมิ วัฒนธรรมไทย 6 กิจกรรมทางด้านศาสนา 7 กิจกรรมใช้บริการหอ้ งสมุด 8 กิจกรรมสง่ เสรมิ วิชาการต่าง ในหลกั สูตร
- 75 - ใบงานท่ี 2 คาชี้แจง ใหน้ ักเรียนแต่ละกลมุ่ เขยี นประโยชนข์ องกจิ กรรมต่อไปนี้ กจิ กรรม ประโยชน์ ๑. กจิ กรรมชมรม ๒. กิจกรรมทัศนศกึ ษา ๓. กิจกรรมเข้าคา่ ยลกู เสือ
- 76 - แผนการจดั การเรยี นรู้ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 หนว่ ยท่ี ๒ ชอ่ื หน่วย ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ เวลา ๒ ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 6 เรอ่ื ง การเขา้ แถว 1. ผลการเรยี นรู้ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ 2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.2 นักเรียนสามารถบอกความหมายคาวา่ มารยาทในสงั คมได้ 2.3 นกั เรียนสามารถปฏิบัติตนเป็นผทู้ มี่ มี ารยาทดีงามในสังคมได้ 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 ความรู้ มารยาท หมายถึง กริยาวาจาท่ีเรียบร้อย เทียบกับคาภาษาอังกฤษได้ว่า Ettiquette ซ่ึงหมาย รวมถึงการแสดงออกทางกาย วาจาและใจ ถ้าไปในทางท่ีสุภาพเรียบร้อย ก็ถือว่ามีมารยาทดี การมีมารยาทดี เปรียบเสมือนมีอาภรณ์ประดับกายท่ีงดงาม เป็นที่ช่ืนชนและยอมรับของบุคคลรอบข้าง ผู้ที่มีมารยาทดี มักประสบความสาเร็จในชีวิตและหน้าที่การงาน เน่ืองจากได้รับการยอมรับและเช่ือถือทางสังคม การมีมารยาทดีจึงเปรียบเสมือนในเบิกทางไปสู่ความสาเร็จ บุคคลทั่วไปจึงควรเรียนรู้ความมีมารยาทเพ่ือให้ สามารถดารงชวี ิตในสงั คมได้อยา่ งมคี วามสุข 3.2 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น - ความสามารถในการคิด 3.3 คณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ - มวี ินัย 4. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 4.1 ขน้ั ตอนการเรยี นรู้ ๑) ชัว่ โมงที่ 1 ๑. ครูให้นกั เรียนดูวดี ิทัศน์ เร่ืองการเข้าแถวรับบรกิ าร แลว้ ซกั ถามนกั เรยี น ดงั นี้ 1.1 ทาไมผูช้ ายในเร่ืองถึงไมต่ อ่ แถว 1.2 ผลสดุ ท้ายผชู้ ายในเรอื่ งเปน็ อยา่ งไร ๒. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรุปดงั น้ี ๒.๒ มารยาท หมายถึง กริยาวาจาที่เรยี บร้อย เทียบกบั คาภาษาอังกฤษได้วา่ Ettiquette ซง่ึ หมายรวมถงึ การแสดงออกทางกาย วาจาและใจ ถา้ ไปในทางทสี่ ภุ าพเรียบร้อยกถ็ ือว่า มีมารยาทดี การมี มารยาทดเี ปรยี บเสมือนมีอาภรณ์ประดับกายทงี่ ดงาม เป็นท่ชี ่ืนชนและยอมรับของบุคคลรอบขา้ ง ผู้ทม่ี ี มารยาทดมี ักประสบความสาเรจ็ ในชวี ติ และหน้าท่ีการงานเนือ่ งจากไดร้ ับการยอมรบั และเชื่อถอื ทางสงั คม การมีมารยาทดจี งึ เปรยี บเสมือนในเบกิ ทางไปสคู่ วามสาเร็จบุคคลทวั่ ไปจงึ ควรเรียนรู้ความมมี ารยาท เพื่อให้ สามารถดารงชวี ิตในสังคมได้อย่างมีความสุข ๓. ครูยกตัวอย่างสถานที่สาธารณะท่คี นไปใชบ้ รกิ ารแล้วซักถามเกีย่ วกบั การใชบ้ ริการนั้น เช่น 3.1สถานทีโ่ รงพยาบาล 3.2ไปเพื่อทาอะไร (ไปพบแพทย์)
- 77 - 3.3จะพบแพทย์ไดเ้ ลยหรอื ไม่ (ยังไม่ได้) 3.4เพราะอะไร (ต้องต่อแถวจับบตั รคิว) 3.5 จับบตั รคิวแลว้ ตอ้ งทาอย่างไรตอ่ (ไปต่อแถวเพ่อื ช่ังน้าหนกั หรอื ไปตอ่ แถวเพื่อวัดส่วนสงู เปน็ ตน้ ๔. ครูสรุปว่า ทกุ สถานทที่ ีเ่ ราจะไปใช้บรกิ ารจะตอ้ งเขา้ แถวเพ่ือใหเ้ กดิ ความเรียบรอ้ ย ไมว่ ุ่นวาย และขณะเข้าแถวต้องมมี ารยาทด้วย เช่น ไม่สง่ เสยี งดัง ไมเ่ ร่งคนอืน่ ใหท้ าเร็ว เปน็ ต้น ๕. ครูใหน้ ักเรยี นแบ่งกลุ่มเปน็ ๕ กลุม่ โดยให้นกั เรยี นศึกษาภาพการกระทาในรูปภาพว่าเหมาะสม หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด แล้วนาเสนอหนา้ ชนั้ เรียน ๖. ใหน้ ักเรยี นทาใบงานท่ี ๑ เรอื่ ง การเข้าแถว ๒) ชัว่ โมงท่ี 2 ๑. ครแู บง่ นักเรยี นเปน็ ๕ กลุ่ม ใหแ้ สดงบทบาทสมมติ ดังน้ี กลุ่มที่ ๑ การเข้าแถวรบั ของแจกจากผ้แู จกสิง่ ของ กลุ่มท่ี ๒ การเข้าแถวซื้อของในโรงอาหาร กลุ่มที่ ๓ การเข้าแถวข้ึนรถมอเตอร์ไซค์ กลมุ่ ท่ี ๔ การเข้าแถวซื้อบัตรเข้าชมสวนสัตว์ กลมุ่ ที่ ๕ การเข้าแถวขนึ้ เคร่ืองเลน่ ๒. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรุป ๒.๑ การเขา้ แถวไมว่ า่ จะทากิจกรรมทโ่ี รงเรียนหรอื สถานท่ีสาธารณะถา้ นักเรียนปฏบิ ัตจิ น เกดิ เปน็ นสิ ยั ก็จะเปน็ ผลดีตอ่ ตัวนกั เรียนเองสามารถทาให้นกั เรียนอยรู่ ว่ มกับผอู้ นื่ ในสงั คมอยา่ งมี ความสุขได้ 4.2 สอื่ การเรียนรู้ / แหล่งการเรียนรู้ 1) https://www.youtube.com/watch?v=CQm0h9-b9p4 ๒) ใบความรเู้ รือ่ งมารยาท 3) บัตรภาพ 4) ใบงานท่ี 1 เรอ่ื ง การเขา้ แถว 5 การประเมนิ ผลการเรียนรู้ 5.1 วธิ ีการประเมนิ ตรวจใบงานท่ี 1 5.2 เครื่องมอื ท่ีใช้ในการประเมิน แบบทดสอบ ใบงานท่ี 1 5.3 เกณฑ์การตัดสิน นกั เรยี นผ่านเกณฑก์ ารประเมินรอ้ ยละ 80 ขึ้นไป ถือว่า ผา่ น 6. บนั ทึกหลงั การจัดการเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………….................... ลงชือ่ ................................................ ครผู ู้สอน (...............................................)
- 78 - 7. ภาคผนวก ใบความรู้ บุคลิกภาพของบุคคลนอกจากจะแสดงออกทางการแต่งกายแล้ว ยังสามารถเห็นได้โดยท่วงทีกริยา มารยาทอกี ดว้ ย บุคคลท่มี กี รยิ ามารยาทดจี ะมีโอกาสไดร้ บั ความนยิ มชมชอบและชื่นชมจากบคุ คลรอบข้าง คาว่ามารยาทหมายถึงกริยาวาจาที่เรียบร้อย เทียบกับคาภาษาอังกฤษได้ว่า Ettiquette ซ่ึงหมาย รวมถึงการแสดงออกทางกาย วาจาและใจ ถ้าไปในทางที่สุภาพเรียบร้อย ก็ถือว่ามีมารยาทดี การมีมารยาทดี เปรียบเสมือนมีอาภรณ์ประดับกายที่งดงาม เป็นท่ีช่ืนชนและยอมรับของบุคคลรอบข้าง ผู้ท่ีมีมารยาทดีมัก ประสบความสาเรจ็ ในชวี ติ และหนา้ ทก่ี ารงาน เน่ืองจากได้รับการยอมรับและเช่ือถือทางสังคม การมีมารยาทดี จงึ เปรยี บเสมือนในเบิกทางไปสู่ความสาเร็จ บุคคลทั่วไปจึงควรเรียนรู้การมีมารยาท เพ่ือให้สามารถดารงชีวิต ในสงั คมไดอ้ ยา่ งมีความสขุ
- 79 - ใบงานท่ี 1 เร่ือง การเขา้ แถว คาชี้แจง ให้นักเรยี นอธบิ ายชอบหรอื ไม่ชอบเพราะอะไร ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………
- 80 - บัตรภาพ 12 34 5
- 81 - หน่วยท่ี ๓ STRONG / จิตพอเพียงต่อตา้ นการทจุ รติ
- 82 - แผนการจัดการเรยี นรู้ ชั้น ประถมศกึ ษาปที ี่ ๕ หน่วยท่ี ๓ ชอ่ื หน่วย STRONG / จติ พอเพียงต่อตา้ นการทจุ ริต เวลา 1 ช่ัวโมง แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑ เร่อื ง ความพอเพียง ๑. ผลการเรียนรู้ ๑.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั STRONG / จติ พอเพยี งตอ่ ตา้ นการทจุ ริต ๑.๒ ปฏิบตั ิตนเปน็ ผู้ท่ี STRONG / จติ พอเพียงต่อต้านการทุจรติ ๒. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ นักเรยี นสามารถ ๒.๑ นกั เรยี นบอกพฤติกรรมการประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงระดับ บุคคล ชุมชน และสังคม ได้ ๒.๒ นักเรียนยกตัวอย่างกิจกรรมที่ปฏิบัติในชีวิตประจาวันท่ีประยุกต์มาจากหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงได้ ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ การประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นการเสริมสร้างให้มีการเรียนรู้วิชาการและ ทักษะต่าง ที่จาเป็นเพ่ือจะได้มีความเกรงกลัวและละอายต่อการประพฤติมิชอบ ไม่ตระหน่ี เป็นผู้ให้ เก้ือกูล แบง่ ปัน มีสติยั้งคดิ พิจารณาอยา่ งรอบคอบกอ่ นทจ่ี ะตดั สนิ ใจหรือกระทาการใด จนกระทั่งเกิดเป็นภูมิคุ้มกันท่ี ดใี นการดารงชวี ิต ๓.๒ ทักษะ / กระบวนการ ( สมรรถนะทเ่ี กิด ) 1) นกั เรียนมีทักษะการคดิ วิเคราะห์ 2) นกั เรยี นมีทักษะการคิดสรา้ งสรรค์ 3) นักเรยี นมที ักษะการคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ 4) นักเรยี นมีความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิตในกระบวนการทางานกลมุ่ 5) นักเรียนมที ักษะกระบวนการในการปฏบิ ตั ิงาน ๓.๓ คณุ ลักษณะที่พงึ ประสงค์ / คา่ นิยม 1) ใฝเ่ รยี นรู้ 2) อยู่อยา่ งพอเพียง 3) มงุ่ มน่ั ในการทางาน 4) มีวนิ ยั ๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้ / การจัดประสบการณ์ ๔.๑ ข้นั ตอนการเรียนรู้ / ข้ันตอนการจดั ประสบการณ์ ๑) ชว่ั โมงที่ ๑ ๑. นกั เรยี นฟงั เพลง เศรษฐกจิ พอเพียง ของน้องเดยี ร์ ทพิ ากร แป้นประจนุ
- 83 - ๒. นักเรยี นและครูรว่ มกันสนทนาส่งิ ทไ่ี ด้เรยี นร้จู ากเพลง ๓. นกั เรียนศกึ ษาแนวพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๙ ทางสายกลาง ของความพอดี ๕ ประการ จากใบความรู้ ครูอธบิ ายเพิม่ เติม ๔. นกั เรยี นแบง่ กลุ่ม ๓ กลมุ่ กลุ่มละเทา่ กัน ร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็น คิดวเิ คราะห์ สบื คน้ ขอ้ มูลตามหวั ข้อทมี่ อบหมาย บันทึกข้อมูลลงในกระดาษปรู๊ฟ กลุ่มที่ ๑ พฤตกิ รรมการประยุกตใ์ ชห้ ลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งระดับ บุคคล / ครอบครัว กลมุ่ ท่ี ๒ พฤตกิ รรมการประยุกต์ใชห้ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ระดบั ชมุ ชน กลมุ่ ที่ ๓ พฤติกรรมการประยุกต์ใชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ระดบั สงั คม 5. แต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนนาเสนอหน้าชัน้ เรียน 6. นักเรียนยกตัวอย่างกิจกรรมที่ปฏิบัติในชีวิตประจาวันที่ประยุกต์มาจากหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพยี ง ลงในแบบใบงาน แลว้ นาไปจดั ปา้ ยนิเทศ ๔.๒ ส่อื การเรยี นรู้ / แหล่งการเรียนรู้ ๑) เพลงเศรษฐกจิ พอเพยี งของนอ้ งเดยี ร์ ทิพากร แปน้ ประจุน ๒) ใบความรู้เรือ่ ง ทางสายกลางของความดี ๕ ประการ ๓) กระดาษปรฟู๊ ๔) ปากกาเคมี ๕) แบบใบงานเร่ือง กจิ กรรมท่ขี ้าพเจ้าปฏบิ ตั ใิ นชวี ิตประจาวนั ๕. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๕.๑ วิธกี ารประเมนิ 1) สงั เกตพฤติกรรม 2) ประเมนิ ผลงาน ๕.๒ เคร่ืองมือท่ใี ชใ้ นการประเมิน 1) แบบสงั เกตพฤติกรรม 2) แบบบนั ทกึ การประเมินผลงาน ๕.๓ เกณฑก์ ารตัดสนิ 1) การสังเกตพฤติกรรม ร้อยละ ๘๐ ถือว่าผา่ น ๒)นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์การประเมินระดับดี ข้นึ ไป ถือวา่ ผา่ น 6. บนั ทกึ หลังการจดั การเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………….................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………........ ลงชอื่ ................................................ ครผู ูส้ อน (...............................................)
- 84 - 7. ภาคผนวก ใบความรู้ เรื่อง ทางสายกลางของความดี ๕ ประการ ๑. ความพอดดี ้านจิตใจ : เข้มแข็งพง่ึ ตนเองได้ เอื้ออาทร ประนปี ระนอม คานงึ ถึงผลประโยชน์ ส่วนรวม ๒. ความพอดีด้านสังคม : มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน สร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน รู้จักผนึกกาลัง และ ท่ีสาคญั มกี ระบวนการเรยี นรู้ทีเ่ กิดจากฐานรากทม่ี น่ั คงและแข็งแรง ๓. ความพอดดี ้านทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม : รู้จักใช้และจัดการอย่างฉลาด และรอบคอบ เพ่ือให้เกิดความย่ังยืนสูงสุด ใช้ทรัพยากรท่ีมีอยู่ในประเทศ เพ่ือพัฒนาประเทศให้มั่นคงเป็น ขน้ั ตอนตอ่ ไปที่ ๔. ความพอดีด้านเทคโนโลยี ; รู้จักใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมให้สอดคล้องกับความต้องการและควร พัฒนาเทคโนโลยีจากภูมิปัญญาชาวบ้านของเราเองและสอดคล้องเป็นประโยชน์ต่อสภาพแวดล้อม ของเราเอง ๕. ความพอดีด้านเศรษฐกิจ : เพ่ิมรายได้ ลดรายจ่าย ดารงชีวิตอย่างพอสมควร พออยู่ พอกิน ตามอตั ภาพและฐานะของตนเอง
- 85 - แบบใบงาน เรอื่ ง กิจกรรมทข่ี ้าพเจา้ ปฏบิ ัติในชีวิตประจาวนั ชื่อ............................................................................................... เลขที่ ....................... ชน้ั ....................... คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นยกตัวอย่างกจิ กรรมทปี่ ฏิบตั ิในชวี ติ ประจาวันซึ่งประยุกต์ใช้หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง ( ขอ้ ละ ๑ คะแนน ) หลกั ปฏิบตั ิ กิจกรรมทปี่ ฏบิ ตั ิ ๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑......................................................................................................... ๒. ด้านจติ ใจ ๒......................................................................................................... ๓. ด้านสังคม ๑......................................................................................................... ๒........................................................................................ ................. ๔. ด้านทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อม ๑......................................................................................................... ๕. ดา้ นเทคโนโลยี ๒......................................................................................................... ๑......................................................................................................... ๒......................................................................................................... ๑......................................................................................................... ๒......................................................................................................... เกณฑก์ ารประเมนิ ถูกต้อง ๙ – ๑๐ ขอ้ ระดับ ดมี าก ๗ – ๘ ขอ้ ระดับ ดี ๕ – ๖ ขอ้ ระดับ ปานกลาง ตา่ กวา่ ๕ ขอ้ ระดบั ปรบั ปรงุ
- 86 - แบบสงั เกตพฤติกรรมนกั เรียน กลุ่มท่.ี ..................ช้นั ......................... ท่ี พฤตกิ รรม ความร่วมมอื การแสดงความ การตอบคาถาม การยอมรับฟัง การมีส่วนรว่ มใน รวม ชื่อ คิดเหน็ ความคดิ เห็น การอภิปราย ๒๐ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ คะแนน เกณฑ์การวดั ผล ใหค้ ะแนนระดบั คณุ ภาพของแตล่ ะกลมุ่ ดังน้ี ได้คะแนน ๑๖ คะแนน ขึ้นไป = ผ่าน ไดค้ ะแนนต่ากวา่ ๑๖ คะแนน ข้นึ ไป = ผ่าน ( ลงช่ือ ) ผู้สงั เกต (.....................................................) .............../................./...................
- 87 - แผนการจดั การเรียนรู้ หนว่ ยที่ ๓ ช่ือหนว่ ย STRONG / จิตพอเพยี งต่อตา้ นการทุจริต ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๕ เวลา 1 ช่ัวโมง แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๒ เรอ่ื ง ความโปร่งใส ๑. ผลการเรียนรู้ ๑.๑ มีความรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกบั STRONG / จติ พอเพียงต่อต้านการทจุ ริต ๑.๒ ปฏิบัตติ นเปน็ ผู้ที่ STRONG / จิตพอเพยี งต่อต้านการทจุ ริต ๒. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๒.๑ มคี วามรู้ ความเข้าใจเก่ยี วกบั STRONG / จติ พอเพียงต่อต้านการทจุ ริต ๒.๒ ปฏบิ ตั ติ นเป็นผทู้ ี่ STRONG / จติ พอเพยี งต่อต้านการทุจรติ ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ ความโปร่งใส คือ การกระทาการใด ที่สามารถมองเหน็ ได้ คาดเดาได้ และเขา้ ใจได้ การมี ระบบงาน และขัน้ ตอนการทางานท่ีชดั เจน ถูกต้อง อยา่ งตรงไป ตรงมา ๓.๒ สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน ๑) ความสามารถในการส่ือสาร ๒) ความสามารถในการคิด ๓) ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ๓.๓ คณุ ลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ ๑)ใฝเ่ รยี นรู้ ๒) ซอ่ื สตั ย์สุจรติ ๔. กจิ กรรมการเรียนรู้ / การจดั ประสบการณ์ ๔.๑ ข้นั ตอนการเรยี นรู้ / ข้ันตอนการจัดประสบการณ์ ๑. ครูนาเข้าสู่บทเรียนโดยให้นักเรียนร่วมกันร้องเพลง โตไปไม่โกง พร้อมกัน และร่วมกันสรุป ความหมายของเพลง ๒. ให้นักเรียนแบ่งออกเป็นกลุ่ม ๔ กลุ่ม โดยให้ นักเรียนเข้าแถวเรียงตามลาดับ และนับเลข ๑ –๔ นักเรยี นท่ีนับเลขเหมือนกันอยูก่ ล่มุ เดียวกัน ๓. ครูให้นักเรียนอ่านบัตรคา “ โปร่งใส ” และให้แต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายถึงความหมายของคาว่า“ โปร่งใส ” ๔. แตล่ ะกลมุ่ นาเสนอความหมายของคาว่า “ โปร่งใส ”ที่ร่วมกันอภิปรายโดยส่งตัวแทนนาเสนอหน้า ชนั้ เรียน ๕. ครูและนักเรยี นสรุปความหมายรว่ มกันอกี คร้งั ๖. แต่ละกลุ่มคิดบทละครสั้น หรือสร้างสถานการณ์สั้น ที่สะท้อนถึงปัญหาที่เกิดจากความไม่“ โปร่งใส” ความยาวไมเ่ กิน ๕ นาที
- 88 - ๗. ให้แตล่ ะกลุ่มซอ้ มการแสดงเพื่อนาเสนอ ๘. แต่ละกลมุ่ นาเสนอกลมุ่ ละ ๕ นาที ๙. ร่วมกันอภิปรายถึงสถานการณ์ / เร่ืองที่นาเสนอ ว่า ตัวแสดงในเรื่องมีใครบ้าง แต่ละตัวแสดงมี นิสัยอย่างไร เหตุการณ์ใดท่ีแสดงถึงความไม่โปร่งใส และจะก่อให้เกิดปัญหาใดจากความไม่โปร่งใสที่ส่งผลต่อ ตนเอง ตอ่ สังคม และประเทศชาติ ๑๐. รว่ มกันอภปิ รายขอ้ สรปุ ในการป้องกันแก้ไขปญั หาความไมโ่ ปร่งใส ๑๑. นักเรยี น รว่ มกนั ร้องเพลง โตไปไมโ่ กง เปน็ การจบบทเรยี นแลว้ สรปุ เนอ้ื หาจากเพลง ๔.๒ สื่อการเรยี นรู้ / แหล่งการเรียนรู้ ๑) เพลงโตไปไม่โกง ๒) บตั รคา “ โปร่งใส ” ๓) บทละครสน้ั / สถานการณ์สนั้ ท่ีสะท้อนปัญหา ๕. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๕.๑ วิธกี ารประเมิน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี น ๕.๒ เครอื่ งมอื ทใี่ ช้ในการประเมิน แบบสังเกตพฤติกรรมของนักเรียน ๕.๓ เกณฑก์ ารตดั สนิ นักเรยี นผ่านเกณฑ์การประเมิน รอ้ ยละ ๘๐ ข้นึ ไป ถือว่า ผา่ น 6. บนั ทึกหลังการจัดการเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………….................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………........ ลงชื่อ ................................................ ครผู ้สู อน (...............................................)
- 89 - 7. ภาคผนวก เพลงโตไปไม่โกง จติ สานึกท่เี ราต้องมี เพอ่ื จะเป็นคนดี เม่อื เปน็ ผู้ใหญ่ หา้ ข้อ ห้าคา แคท่ าให้ได้ เปน็ เรื่องง่าย เท่านั้นเอง ข้อ ๑ ซื่อสตั ย์ ข้อ ๒ รับผิดชอบ ขอ้ ๓ รักในความเป็นธรรม ข้อ ๔ พอเพียง ขอ้ ๕ ทาเพ่อื ส่วนรวม แค่น้ีทางา่ ยไมย่ ากเลย เปน็ คนดี เราจะไม่คดโกง คนคดโกง เขาเปน็ คนไม่ดี เมือ่ เปน็ ผู้ใหญจ่ ะไม่ลืมเร่ืองน้ี จะเปน็ คนดี “ โตไปไม่โกง ” ( ซา้ , ) ลา ล้า ลา โตไปไม่โกง ( ซา้ ๔ ครง้ั )
- 90 - ใบความรู้สาหรับครู ความโปร่งใส (Transparency) หมายถึง การกระทาการใด ท่ผี ูอ้ ืน่ สามารถมองเห็นได้ คาดเดาได้ และ เข้าใจได้ การมีระบบงานและข้ันตอนการทางานท่ชี ัดเจน (ซ่งึ จะดูได้จาก กฎระเบยี บ หรือประกาศ) การ เปิดเผยขอ้ มลู ข่าวสารท่ีถูกตอ้ งอย่างตรงไปตรงมา ความโปรง่ ใสจึงเปน็ เคร่ืองมือที่สาคัญในการตรวจสอบความ ถูกต้อง และชว่ ยปอ้ งกนั ไมใ่ ห้เกดิ การทุจรติ รวมทั้งนาไปสกู่ ารสร้างความไวว้ างใจซงึ่ กันและกนั
- 91 - แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบตั ิกิจกรรมของนักเรยี น เรื่อง........................................................... ท่ี พฤติกรรม ความสนใจ การแสดงความ การตอบคาถาม การยอมรบั ฟัง การทางานท่ี หมาย ช่ือ คดิ เห็น ความคดิ เหน็ ไดร้ ับมอบหมาย เหตุ ๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑ เกณฑก์ ารวดั ผล ใหค้ ะแนนระดบั คณุ ภาพของแตล่ ะกลุ่ม ดังนี้ ไดค้ ะแนน ๑๖ คะแนน ข้นึ ไป = ผ่าน ไดค้ ะแนนต่ากว่า ๑๖ คะแนน ขึ้นไป = ผ่าน ( ลงชอ่ื ) ผู้สงั เกต (.....................................................) .............../................./....................
- 92 - แผนการจดั การเรียนรู้ หนว่ ยที่ ๓ ชื่อหน่วย STRONG / จติ พอเพยี งตอ่ ต้านการทจุ รติ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๕ เวลา ๑ ชัว่ โมง แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี ๓ เร่ือง ความตืน่ รู้ / ความรู้ 1. ผลการเรียนรู้ ๑.๑ มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกบั STRONG / จิตพอเพยี งตอ่ ต้านการทจุ ริต ๑.๒ ปฏิบัตติ นเปน็ ผู้ที่ STRONG / จติ พอเพียงต่อต้านการทุจรติ ๑.๓ ตระหนกั และเห็นความสาคญั ของการต่อตา้ นและป้องกนั การทจุ รติ 2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๒.๑ นักเรียนสามารถบอกความหมายของการทจุ รติ ได้ ๒.๒ นักเรยี นสามารถบอกลกั ษณะของบคุ คลที่มีความต่ืนรใู้ นเรอ่ื งการทุจรติ ได้ 3. สาระการเรยี นรู้ ๓.๑ ความรู้ - ความต่ืนรู้ ความต่นื รู้ หมายถึง การจัดการความเปน็ ไปได้ใหม่ของชีวิต โดยท่ีมีสติอยู่กับส่ิงท่ีเกิดขึ้น รู้ความจริง ของชีวติ ทีเ่ ปน็ ส่ิงไม่แนน่ อน เท่าทนั เหตกุ ารณ์ ๓.๒ สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น ๑) ความสามารถในการส่ือสาร ๒) ความสามารถในการคิด ๓) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต ๓.๓ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ 4. กิจกรรมการเรียนรู้ ๔.๑ ข้ันตอนการเรยี นรู้ ๑) ให้นักเรียนชมวีดิทัศน์เรื่อง “คอร์รัปชันไม่ใช่เร่ืองไกลตัว” เป็นเรื่องเก่ียวกับความหมาย ของการทุจริตทกุ รูปแบบ เช่น การรบั สนิ บน การอปุ ถัมภพ์ วกพอ้ งเพือ่ ให้เข้าทางาน เปน็ ตน้ ๒) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเร่ืองท่ีชมวีดิทัศน์ว่า การทุจริตมีหลายรูปแบบ เช่น การคดโกง การจดั ซอ้ื จดั จ้าง การทุจริตตอ่ หนา้ ที่ เป็นต้น ๓) ครูเล่าข่าวเร่ือง “ผอ.สามเสนถูกสอบรับแป๊ะเจ๊ียะ” แล้วถามนักเรียนว่าใครรู้ข่าวเร่ืองน้ีบ้างและ ใครไม่รู้ข่าวเร่ืองนบ้ี า้ ง ๔) ครสู รุปนกั เรยี นท่ีร้ขู า่ วเร่อื งนี้ แสดงวา่ นักเรียนเปน็ ผตู้ น่ื รู้ ๕) ครอู ธบิ ายความหมายของคาวา่ ตื่นรู้ ๖) ครูให้นักเรียนช่วยกันบอกลักษณะของบุคคลท่ีตื่นรู้ ในเร่ืองการทุจริต เช่น กลุ่มชาวบ้านประท้วง เร่อื ง การทุจริตการรบั จานาข้าวของรัฐบาล แสดงว่ากลุ่มชาวบ้านกลุม่ นเ้ี ปน็ ผตู้ ื่นรู้ในเร่ืองการทุจรติ
- 93 - ๗) ครูให้นักเรียนรวบรวมข่าวท่ีเกี่ยวกับการทุจริตรูปแบบต่าง พร้อมวิเคราะห์แสดงความคิดเห็น เกีย่ วกับข่าวการทุจริต ๘) ครูให้นกั เรียนนาเสนอขา่ วหนา้ ชน้ั เรยี นแลว้ นาไปจัดป้ายนเิ ทศบรเิ วณโรงเรยี น ๔.๒ สอ่ื การเรียนรู้ / แหล่งเรยี นรู้ ๑) ขา่ วจากหนังสอื พิมพ์ ๒) วดี ีทัศน์ เรือ่ ง “คอร์รัปชันไมใ่ ช่เร่อื งไกลตัว” ๓) หอ้ งสมุด ๔) อนิ เทอรเ์ น็ต 5. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๕.๑ วิธีการประเมนิ ๑) ตรวจผลงานการวิเคราะห์ข่าว 5.2 เคร่อื งมอื ท่ีใช้ในการประเมนิ ๑) แบบให้คะแนนการตรวจผลงานการวิเคราะห์ข่าว ๒) แบบสังเกตพฤติกรรม เรือ่ ง ซื่อสัตยส์ จุ ริต ๕.๓ เกณฑ์การตัดสนิ นกั เรียนผ่านเกณฑ์การประเมนิ รอ้ ยละ ๘๐ ขน้ึ ไป ถือวา่ ผา่ น 6. บันทกึ หลงั การจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………….................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………........ ลงชอื่ ................................................ ครผู ู้สอน (...............................................)
7. ภาคผนวก - 94 - แบบประเมินการเขียนวิเคราะหข์ า่ ว รายการ เลขที่ ช่อื - สกลุ เขียนได้ เขยี น เขียนมีเหตผุ ล การใช้ภาษา การลาดับ สรุปผล ตรง แยกแยะ ประกอบอย่าง ได้เหมาะสม ความคดิ การประเมนิ ประเดก็ ได้ เหตกุ ารณ์ ประเด็น ชดั เจน เหมาะสม อยา่ ง ๑๒ ต่อเนอ่ื ง ๑ ๒ ๑ ๒๑๒ ๑๒ ผา่ น ไม่ ผ่าน เกณฑก์ ารประเมิน ผู้ประเมนิ นกั เรียนผ่านเกณฑ์การประเมินรอ้ ยละ ๘๐ ข้นึ ไป ถอื วา่ ผา่ น ) ลงช่อื ( // /
- 95 - แบบสงั เกตพฤติกรรม เร่ือง ซื่อสตั ยส์ ุจริต คาชี้แจง ใหน้ ักเรียนเขียนบันทกึ เคร่ืองหมาย ลงในช่องท่ีตรงกบั พฤติกรรมท่เี กดิ ข้ึนจรงิ รายการ รจู้ กั สรุปผล พดู แยกแยะ การประเมนิ ความ ประโยชน์ เลขที่ ช่อื - สกลุ จริง ไมล่ กั ตรงไป ทาตัว สว่ นตน ขโมย ตรงมา นา่ เชอื่ ถอื กบั ประโยชน์ ผา่ น ไมผ่ ่าน สว่ นรวม เกณฑ์การประเมิน ผูป้ ระเมิน ผ่านตง้ั แต่ ๓ รายการ ถือว่า ผา่ น ) ผา่ น ๒ รายการ ถอื วา่ ไมผ่ ่าน // ลงช่อื ( /
- 96 - แผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยท่ี ๓ ชอ่ื หนว่ ย STRONG / จิตพอเพยี งตอ่ ตา้ นการทุจรติ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 เวลา ๑ ชัว่ โมง แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๔ เรื่อง ตอ่ ตา้ นทจุ รติ 1. ผลการเรยี นรู้ ๑.1 มีความรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกบั STRONG / จิตพอเพยี งตอ่ ต้านการทจุ รติ ๑.๒ ปฏบิ ัติตนเป็นผู้ท่ี STRONG / จติ พอเพียงตอ่ ตา้ นการทุจรติ ๑.๓ ตระหนักและเหน็ ความสาคญั ของการต่อต้านและป้องกันการทจุ รติ 2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.1 นกั เรียนสามารถบอกผลเสยี ของการทจุ ริตได้ 2.2 นกั เรียนสามารถบอกการกระทาทเี่ ปน็ การต่อต้านการทจุ ริตได้ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ความรู้ - ความหมายของการต่อตา้ นการทุจรติ การต่อต้านการทุจริต หมายถึง การไม่สนับสนุนกิจการของกลุ่มหรือบุคคลท่ีกระทาการโดยมิ ชอบในการแสวงหาผลประโยชน์ 3.2 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคิด 3.3 คุณลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ ซ่อื สตั ย์สุจริต 4. กจิ กรรมการเรียนรู้ 4.1 ข้นั ตอนการเรียนรู้ ๑) ครูเล่าข่าวเกีย่ วกับปัญหาการทุจรติ เร่ือง “กทม.ไล่ออก 4 ข้าราชการ พัวพันทุจริตไฟประดับลาน คนเมือง” แลว้ ถามนกั เรียน ดังนี้ ๑. ผลเสียของการทุจริตมอี ะไรบ้าง ๒. ถ้านกั เรียนเป็นขา้ ราชการ ๔ คนนี้ นกั เรยี นจะทุจรติ หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด ๒) ครูใหน้ กั เรียนศึกษาใบความรู้ เรื่อง “รูปแบบการทุจรติ ” แล้วทาแผนผังความคิด ๓) ครูอธิบายความหมายของการต่อต้านการทุจริตและยกตัวอย่างการกระทาท่ีแสดงถึงการต่อต้านการ ทจุ ริตทุกรปู แบบ ๔) ครแู บ่งนักเรยี นออกเป็น ๔ กลมุ่ ให้แสดงบทบาทสมมติ เร่ือง การต่อต้านการทุจริตรูปแบบต่าง ดังนี้ กลมุ่ ที่ ๑ เนือ้ หาเกี่ยวกบั การต่อตา้ นการทุจริตในการจดั ซื้อจัดจา้ ง กล่มุ ที่ ๒ เนอ้ื หาเก่ียวกบั การต่อต้านการทจุ รติ การเลอื กตั้ง สมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎร
- 97 - กลุม่ ท่ี ๓ เน้อื หาเก่ยี วกับการตอ่ ต้านการทุจรติ โครงการต่าง เชน่ โครงการทาถนนหลวง เปน็ ต้น กลุ่มที่ ๔ เนื้อหาเก่ียวกับการต่อต้านการทุจริต การใช้อานาจหน้าท่ีแสวงหาผลประโยชน์ เช่น เจา้ หน้าท่ตี ารวจต้ังดา่ นรีดไถเงนิ จากประชาชน ๕) ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรุปเกย่ี วกับลกั ษณะการกระทาท่ีแสดงออกให้เห็นถึงการต่อต้านการทุจริต เช่น นักเรียนเห็นเจ้าหน้าที่ตารวจจราจรกาลังรับเงินจากคนขับรถฝ่าไฟแดง นักเรียนโทรแจ้ง ๑๙๑ หรือบอก ผู้ปกครอง ผู้ใหญ่ เปน็ ตน้ ๖) ครูให้นักเรียนทาใบงาน เร่ือง ผลเสียของการทุจริตและการกระทาที่เป็นการต่อต้านทุจริต แล้ว นาไปจดั ป้ายนเิ ทศ 4.2 สื่อการเรยี นรู้ ข่าว “กทม. ไลอ่ อก 4 ขา้ ราชการ พวั พนั ทจุ ริตไฟประดับลานคนเมือง” 5. การประเมินผลการเรียนรู้ 5.1 วิธกี ารประเมนิ ๑) ตรวจใบงาน เรื่อง ผลเสยี ของการทุจรติ และการกระทาท่เี ปน็ การต่อต้านทจุ ริต ๒) สังเกตการแสดงบทบาทสมมติ ๓) สงั เกตพฤตกิ รรมการซือ่ สัตย์สจุ รติ 5.2 เครื่องมอื ท่ใี ชใ้ นการประเมิน ๑) แบบให้คะแนนการตรวจใบงาน เร่ือง ผลเสียของการทุจริตและการกระทาที่เป็นการต่อต้านทุจริต ๒) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมซื่อสัตยส์ ุจรติ 5.3 เกณฑก์ ารตดั สนิ นักเรียนผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ร้อยละ ๘๐ ขึน้ ไป ถอื ว่า ผา่ น 6. บันทกึ หลงั การจดั การเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………….................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………........ ลงช่อื ................................................ ครผู สู้ อน (...............................................)
7. ภาคผนวก - 98 - ขา่ ว เรอ่ื ง “ไลอ่ อก ๔ ข้าราชการ” เมื่อวันที่ ๒๓ พ.ย.นางวรรณวิไล พรหมลักขโณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการ ประชุมคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร (ก.ก.) ซ่ึงมีการพิจารณามติของคณะอนุกรรมการวิสามัญ เกย่ี วกับวนิ ัยและการออกจากราชการทั้งน้ี อ.ก.ก.วินัย มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ไล่ออกข้าราชการ กทม.ท้ัง ๔ ราย ประกอบด้วย ๑.น.ส.ปราณี สตั ยประกอบ อดตี รองปลดั กทม.ตาแหน่งผู้อานวยการสานักวฒั นธรรม กีฬา และ การท่องเท่ียวในขณะน้ัน ๒. นายธวัชชัย จันทร์งามรอง ผอ.สานักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว ตาแหน่ง ผอ. กองการท่องเท่ียวในขณะน้ัน ๓. นายมรกต ภูมิพานิช และ ๔. นายสิทธิโชค อภิบาล นักพัฒนาการท่องเท่ียว ปฏิบัตกิ าร ตาแหน่งในขณะนั้นขณะทีท่ ี่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานครได้รับรองมติดังกล่าว และมอบหมายให้กรรมการดาเนินการต่อส่งเรื่องให้ฝ่ายบริหาร ซ่ึงหากฝ่ายบริหารลงนามในคาสั่ง ก็จะมีผล ทันที
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134