Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือโครงการ

คู่มือโครงการ

Published by Sutarat Thongmai, 2021-07-21 04:12:04

Description: คู่มือโครงการ

Search

Read the Text Version

การทดลองตอนท่ี 4 เพอื่ ศึกษาความพึงพอใจของผใู้ ช้งานที่มีต่ออปุ กรณ์ช่วยกลัดกระดุม ตัวแปรต้น แบบประเมินความพึงพอใจการใช้อุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม พิจารณาจาก องค์ประกอบ 3 ด้าน ด้านโครงสร้างท่ัวไป ด้านการ ออกแบบและด้านการใช้ งาน ตัวแปรตาม ความพงึ พอใจของผ้ใู ชง้ าน ตวั แปรควบคุม กลุ่มตัวอย่าง,ชนดิ ของกระดุมทีใ่ ช้,ขนาดของกระดมุ ท่ใี ช้ 1.6 ขอ้ จากัดในงานวจิ ัย (ถ้ามี) - ประเด็นสาคัญท่ีเป็นข้อจากัด ในเร่ืองทฤษฎีที่นามาใช้ ระเบียบวิธีวิจัย การเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล ปรากฏการณต์ ามธรรมชาติ (ทไี่ ม่สามารถควบคมุ ได้) 1.7 ประโยชน์ที่คาดวา่ จะได้รบั ---------- กล่าวถึงคุณประโยชน์ท้ังทางตรงและทางอ้อมจากการทาโครงการเป็นรายข้อ จะล้อ วัตถปุ ระสงค์ของโครงการ ใช้คาทา…ใหท้ ราบ เช่น ทาให้ทราบข้อมูลพน้ื ฐานของประชากร ทาให้ทราบปจั จัยทม่ี อี ทิ ธพิ ลต่อการเลอื กสนิ ค้า ทาให้ทราบความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลพื้นฐานของประชากรกับปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการ เลอื กซอ้ื สินคา้ ทาใหท้ ราบขอ้ คิดเหน็ และข้อเสนอแนะทจ่ี ะเป็นประโยชน์ตอ่ การปรับปรงุ บริการในอนาคต หรือ เขยี นเปน็ ข้อความสรปุ - เป็นสงิ่ ประดิษฐท์ ่สี ามารถใช้กลัดกระดมุ ได้อย่างสะดวกสาหรับผู้สูงอายุหรอื ผู้พิการทาง แขน มือ ข้างใดข้างหนึ่ง ผู้ที่เกิดอุบัติเหตุที่เกี่ยวกับกระดูกทางแขน มือ ข้างใดข้างหน่ึงที่อยู่ในขณะ รักษา ตัวอยู่ท่ี บา้ นทีไ่ มส่ ามารถเคลอ่ื นไหวได้ 1.8 คานิยามศพั ทเ์ ฉพาะ ในชื่อเรื่องหัวข้อที่ทาวิจัย วัตถุประสงค์ สมมติฐานการวิจัย และขอบเขตการวิจัย จะมีคาหรือ ข้อความใดทีจ่ ะทาให้ ผู้อ่านสบั สนหรอื เข้าใจผดิ หรือคลาดเคลือ่ นไปจากท่ีผู้วิจยั กาหนดหรือไม่ ข้อสังเกต :- 1) ไมน่ ยิ ามศัพท์ทุกตัวแปรหรอื ทุกคาที่กล่าวถึง 2) ไม่นยิ ามศัพทค์ าพน้ื ๆธรรมดาๆทีค่ นทวั่ ไปร้คู วามหมายอยู่แลว้ 3) ไมน่ ยิ ามศพั ท์พรา่ เพรอื่

ตัวอย่าง : นิยามศัพท์เฉพาะ 1. ผู้สูงอายุ หมายถึง ตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ.2546 หมายความว่า บุคคลซ่ึงมีอายุ เกิน กวา่ หกสบิ ปีบรบิ ูรณ์ข้นึ ไป 2. อุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม หมายถึง อุปกรณ์ที่ประดิษฐ์ข้ึนโดยมีรูปทรงสี่เหลี่ยมขนาด กว้าง x ยาว x สูง เท่ากับ 2.5 x 15 x 1.4 เซนติเมตร วัสดุท าจากเหล็กโดยมีมือจับท่ีตดิ กับแหนบเพ่ือ ยึดเกาะกับ กระดมุ 3. ความพึงพอใจของผู้ใช้งาน หมายถึง การวัดระดับความรู้สึกชอบ ไม่ชอบต่อสิ่งประดิษฐ์ โดยมี ระดบั สเกลของความพงึ พอใจ 5 ระดบั ได้แก่ มากท่ีสุด มาก ปานกลาง น้อยและน้อยท่ีสดุ 1.9 ขั้นตอนการดาเนินงาน ---------- (สรุป วิธีการดาเนินการศึกษา) ให้นักศึกษาเขียนข้ันตอนการดาเนินงานเป็นข้อๆ ต้ังแต่ ต้นกระบวนการทางานจนจบกระบวนการทางานในแตล่ ะบท เน้นกระบวนการทางานใหญ่ๆ ตง้ั แตส่ ง่ หวั ข้อ โครงการจนถึงส่งรูปเล่มและช้ินงานที่สมบูรณ์ พร้อมสร้าง Flowchart อธิบายขั้นตอนการดาเนินงาน ประกอบด้วย 1.10 ระยะเวลาการทาโครงการ ---------- (นาเสนอในรปู แบบของตารางแผนการดาเนนิ งาน) เนน้ กระบวนการทางานใหญ่ๆ ต้ังแต่ ส่งหวั ข้อโครงการจนถึงสง่ รูปเล่มและชิ้นงานท่สี มบูรณ์ โดยจะมชี ่วงเวลาเขา้ มาประกอบด้วย ตวั อย่าง : ตารางที่ 1.1 ตารางแผนการดาเนินงาน ตารางการดาเนินงานโครงการนีใ้ ชเ้ วลาในพฒั นา ตัง้ แต่เดือน มิถนุ ายน พ.ศ. 2562 ถงึ เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ดงั ตารางท่ี 1.1 ระยะเวลาการดาเนินการ ท่ี ขน้ั ตอนการดาเนนิ การ พ.ศ. 2562 พ.ศ. 2563 ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. 1 คดิ หวั ข้อโครงงาน 2 จัดทาเอกสารแบบเสนอร่าง โครงการ 1.11 งบประมาณที่ใชใ้ นการทาโครงการ ---------- (สรุปงบประมาณ โดยประเมินราคาค่าจดั ทารปู เล่มโครงการ, คา่ วสั ดุ และอุปกรณท์ ่ตี ้อง ใช้ทงั้ หมดโดยประมาณ)

ตัวอย่างท่ี 12 (แนวคดิ และทฤษฏีทเ่ี กีย่ วข้อง) บทท่ี 2 [TH Sarabun PSK Size 18,หนา] แนวคิด ทฤษฎี เอกสารและงานวิจยั ทีเ่ กย่ี วข้อง ความรู้และทฤษฎีท่ีเก่ียวข้องกับงานวิจัยโครงการโต๊ะเก็บโน๊ตบุ๊คอัตโนมัติควบคุมด้วยอดูโน่ ซึ่งมี ความรู้มากมายและ ทฤษฎี ท่ีนามาใช้ในการสร้างโครงการในครั้งนี้ เพื่อให้โครงการสาเร็จมีความสมบูรณ์ และ ประสบผลสาเรจ็ คณะผู้จัดทาโครงการจงึ ได้นาความรูท้ เ่ี ก่ยี วข้องมาใช้กบั กับโครงการ ดงั น้ี 2.1 ทฤษฎีทเี่ กย่ี วขอ้ ง DB2 โดย Arthur Holm 2.2 บอรด์ Arduino UNO R3 2.3 หลักการการทางานมอเตอร์ [ตวั อย่างหวั ข้อของโครงการท่ีเป็นส่งิ ประดิษฐ์] 2.4 วัสดใุ นการสรา้ งช้ินงาน 2.5 กรอบแนวคิดในการวิจัย คือ การประมวลความคิดรวบยอดของงานวิจัยท่ีแสดงความ เกยี่ วข้องระหว่างตวั แปรท่ศี ึกษา ดงั น้ันหลกั สาคัญในการเขยี นกรอบแนวคิด คือ จะตอ้ งองิ แนวคิด หลักการ หรือทฤษฎีที่นามาใช้เป็นกรอบการทาวิจัย และแสดงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรท่ีศึกษา (สมถวิล วิจิตร วรรณา และคณะ. 2556 ) ตัวอยา่ ง ตัวอย่าง ตวั แปรตาม ตัวแปรอสิ ระ ความพงึ พอใจของกลุ่มตวั อย่างท่ีมีต่อการ 1. เพศ ใช้งานโต๊ะเก็บโนต๊ บุ๊คอตั โนมัติควบคุม 2. ระดบั ชัน้ ด้วยอดูโน่ของนักศึกษาวทิ ยาลยั 3. สาขาวิชา เทคโนโลยอี รรถวทิ ยพ์ ณิชยการ

2.6 งานวิจัยที่เก่ียวข้อง คือ แนวคิดหลักการ ทฤษฎี ตลอดจนตัวแปรท่ีเกี่ยวข้องกันในเรื่องที่ ศึกษา ช่วยให้สามารถกาหนดสมมติฐานการวิจัย ท่ีมีพื้นฐานมาจากทฤษฎี ตลอดจนเห็นภาพของความ เชอื่ มโยงระหวา่ งงานวจิ ัยในอดีตกับงานวจิ ยั ท่ีกาลังทา ช่วยใหผ้ ู้วจิ ยั ทราบว่ามีงานวจิ ัยอะไรบ้างทเี่ กี่ยวข้อง กับปัญหาการวจิ ยั ของเรา ซงึ่ มีผวู้ ิจัยไปแล้ว ตัวอยา่ ง : อภิวัฒน์ ศรศักดา (2555) ที่พบว่าการออกแบบ เครื่องเรือนประเภทลอยตัวที่ดีข้ึนอยู่กับการ แสดงออกของรูปร่างที่ดีและการจัดวางในตาแหน่งท่ีเหมาะสม ผู้ออกแบบต้องคานึงถึงความสัมพันธ์ของ เคร่ืองเรือน เพ่ือจัดวางเครื่องเรือนให้เกิดความสวยงามได้รับ ประโยชน์ใช้สอยเต็มท่ีและสอดคล้องกับ สภาพความเปน็ อยขู่ องผ้พู กั อาศัย บทท่ี 2 ในแตล่ ะประเภทโครงการ ควรมหี วั ขอ้ เบื้องตน้ ดังนี้ ทฤษฎเี กย่ี วกับเว็บไซต์ต่างๆ ควรมขี ้อมูลดังน้ี - ความหมายและความเป็นมาของอนิ เทอร์เน็ต - อินเทอรเ์ นต็ กับการศึกษา - เครือคอมพวิ เตอรเ์ พอ่ื โรงเรียนไทย - เว็บไซต์ โฮมเพจ และเว็บเพจ - การนาเสนอผา่ นเว็บ - การออกแบบเวบ็ เพจ - กรอบแนวคดิ ในการวจิ ยั - งานวิจยั ที่เกย่ี วข้อง ทฤษฎีเก่ยี วกับระบบฐานขอ้ มูล ควรมขี ้อมูลดังน้ี - ทฤษฎีเก่ยี วกับฐานข้อมลู - หลกั การออกแบบฐานขอ้ มูล - การเชื่อมโยงฐานข้อมลู - หลกั การวเิ คราะหแ์ ละออกแบบระบบ เช่น ER-Diagram, Context Diagram และ DFD - ทฤษฎี SQL เชน่ ความหมาย คาสง่ั ตวั อย่างโค้ต (เอาเฉพาะในโครงการเทา่ นั้น) - ทฤษฎโี ปรแกรมท่ีใช้ในการออกแบบระบบฐานข้อมูล เช่น Access, JAVA, C++ และ C# - กรอบแนวคดิ ในการวิจัย - งานวจิ ัยทเ่ี กี่ยวข้อง

ทฤษฎีเกีย่ วกับเกมคอมพวิ เตอร์และแอพพลเิ คชนั ควรมีข้อมูลดังนี้ - ความต้องการของระบบคอมพิวเตอร์ - พัฒนาการของเกม - ความหมายของเกม - ประเภทของเกม - ประโยชนข์ องเกม - ทฤษฎโี ครงสรา้ งของเกม - หลักการออกแบบเกม - หลักการสรา้ งแอนนเิ มชัน - ทฤษฎโี ปรแกรมตา่ งๆ ทเี่ กย่ี วขอ้ ง เชน่ PhotoShop , Unity - กรอบแนวคิดในการวจิ ัย - งานวิจัยที่เกยี่ วข้อง ทฤษฎีเก่ียวกบั แอนิเมชน่ั 3 มิติ ควรมขี อ้ มลู ดังนี้ - หลกั การเขยี นโครงเรือ่ ง - หลกั การเขียน Story Board - ทฤษฎีสี - ทฤษฎีการสรา้ งโมเดล และ Character - ทฤษฎีการจดั องค์ประกอบของฉาก (Art Diraction) - ทฤษฎกี ารสร้างวัตถุเคลอื่ นไหว - ทฤษฎกี ารใชม้ มุ กล้อง (Camera Diraction) - ทฤษฎีการใสพ่ น้ื ผวิ วตั ถุ (Materials) - ทฤษฎจี ดั แสง (Lighting) - ทฤษฎกี าร Rendering - เทคนิคพิเศษต่างๆ (Visual Effects) เช่น ไฟไหม้, พายุ, ฝนตก ระเบดิ เปน็ ต้น - ทฤษฎีเทคนคิ การตัดต่อภาพโดยใชโ้ ปรแกรมที่เก่ยี วข้อง - ทฤษฎเี ทคนิคการใช้เสียงประกอบ (Sound Effect) - ทฤษฎีเทคนคิ การซ้อนภาพ (Blue Screen)

ตวั อยา่ งท่ี 13 (วิธกี ารดาเนนิ โครงการ) บทที่ 3 วธิ ีการดาเนินโครงการ ในการดาเนินโครงการสร้างเว็บไซต์ขายเคร่ืองดนตรีสากลออนไลน์ (WEB BASE OF MUSICAL INSTRUMENT SHOP ONLINE) มีขั้นตอนการดาเนินโครงการวจิ ัย โดยทางกลุ่มผู้สร้างได้ร่วมกันวางแผน ในการปฏิบตั ิงาน และจดั แบ่งงานตามความเหมาะสม ข้ันตอนในการดาเนินโครงการวิจยั แบง่ ออกเป็นดงั นี้ 3.1 การวางแผนและการเตรียมการ 3.2 การสร้างและหาประสิทธภิ าพสง่ิ ประดษิ ฐห์ รอื วธิ กี ารพฒั นา สิ่งประดิษฐห์ รอื ผู้ผลติ ภณั ฑ์ 3.3 ประชากรและการส่มุ กลุ่มตัวอย่าง 3.4 เครื่องมือในการวิจัย 3.5 การเก็บรวบรวมข้อมูล 3.6 การวเิ คราะหข์ ้อมูล 3.1 การวางแผนและการเตรียมการ (เน้นการวางแผนในข้ันตอนการสร้างช้ินงานโครงการเพ่ิมเข้าไปในการวางแผนใหญ่ให้ละเอียดมา ยงิ่ ขึน้ ) การวางแผนและการเตรียมการ เริ่มเม่ือคณะกรรมการพิจารณาโครงการให้เสนอหัวข้อโครงการ ในภาคเรยี นที่ 1 ทางกลมุ่ ผูจ้ ัดทาได้เสนอหัวขอ้ โครงการสรา้ งเว็บไซต์ขายเคร่ืองดนตรสี ากลออนไลน์ ซึ่งมีลาดับขัน้ ตอนตา่ งๆ ในการดาเนนิ โครงการดงั ตารางที่ 3.1 3.1.1 การวางแผนทาโครงการ 1) เสนอหัวขอ้ โครงการกับอาจารย์ชวนากร สุขเกษม 2) หาข้อมลู เพิ่มเตมิ เรื่องความเป็นมาของเว็บไซต์ 3) อนุมัติโครงการ โดยอาจารย์ชวนากร สุขเกษม 4) เขียนโครงการบทที่ 1-2 5) ศึกษาแบบและขอ้ มลู โดยศึกษาตามเว็บไซตต์ า่ งๆ เปน็ ต้น... 6) ออกแบบ โดยจดั ทา Sitemap หรือ Story Board ขนึ้ มา 7) วางแผนการปฏิบัตงิ าน โดยจัดลาดบั ก่อนและหลังการปฏิบตั ิงาน 8) ส่งโครงการบทที่ 1-2 ใหอ้ าจารย์ชวนากร สขุ เกษม 9) ดาเนนิ การสร้างหนา้ เพจแรก 10) สรา้ งหนา้ Login

11) --------- (กล่าวถงึ การสรา้ งจนครบทัง้ หมด) 12) --------- (กลา่ วถึง การสร้างจนครบทัง้ หมด) 13) --------- (กลา่ วถึง การสรา้ งจนครบทงั้ หมด) 14) --------- (กลา่ วถงึ การสร้างจนครบทงั้ หมด) 15) ตบแต่งส่วนตา่ งๆ ในหนา้ เวบ็ จนครบทกุ สว่ น 16) ทดลองใช้งานเวบ็ จรงิ 17) เขียนโครงการบทท่ี 3-5 โดยนาข้อมูลที่ได้จาการสร้างเว็บไซต์, การออกแบบ, ผลการ ทดลองเว็บไซต์, การนาปัญหาที่ประสบในการดาเนินโครงการและข้อเสนอแนะต่างๆ มาเรยี บเรยี งใหไ้ ด้ใจความที่สมบูรณ์ 18) สง่ โครงการบทท่ี 1-5 โดยใหอ้ าจารย์ชวนากร สุขเกษม เปน็ ผตู้ รวจสอบความถกู ต้อง 19) ยืน่ ขอสอบโครงการ หลงั จากทฤษฎีบทท่ี 1-5 ได้ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องแลว้ 20) อนมุ ตั ิสอบโครงการ 21) สอบโครงการ เป็นการนาเสนอเนื้อหาต่างๆ ในบทท่ี 1-5 กับคณะกรรมการสอบ โครงการ ใหท้ ราบข้อมลู ตา่ งๆ ทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั การทาโครงการนี้ 22) ส่งโครงการ โดยนาเน้ือหาบทที่ 1-5 มาเข้าเล่ม แล้วนาไปให้กับคณะกรรมการสอบ โครงการไว้เป็นตัวอยา่ งในการศึกษาและเป็นหลักฐาน 3.1.2 การเตรียมการ 1) กาหนดคณุ สมบัติของเว็บไซตท์ ี่จัดสร้าง 2) --------- (กลา่ วถึง การเตรยี มการจนครบทกุ ขน้ั ตอน) 3) --------- (กลา่ วถงึ การเตรียมการจนครบทุกขั้นตอน) 4) --------- (กลา่ วถึง การเตรยี มการจนครบทกุ ขนั้ ตอน) 5) --------- (กลา่ วถึง การเตรียมการจนครบทุกข้นั ตอน) ตารางท่ี 3.1 แสดงแผนการดาเนนิ โครงการ เดอื นท่ี ลาดับขนั้ การทางาน ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. 52 52 52 52 52 52 52 53 53 1. เสนอหัวข้อโครงการ * 2. หาข้อมลู เพิม่ เติม * 3. อนมุ ตั โิ ครงการ * 4. เขียนโครงการบทท่ี 1-2 * 5. -------------เขียนจนครบทุกขัน้ ตอน ** ตามขอ้ 3.1.1 การวางแผนทาโครงการ 3.2 การสรา้ งและหาประสิทธิภาพสิง่ ประดษิ ฐห์ รือวธิ กี ารพฒั นา ส่ิงประดิษฐ์หรือผูผ้ ลิตภัณฑ์

3.2.1 การออกแบบสาหรับสรา้ งงานเวบ็ ไซต์ ในการสร้างเว็บไซต์ นักศึกษาจะต้องมีการออกแบบเว็บไซต์ก่อน ซ่ึงมหี ลักในการออกแบบ ดังนี้ 1) กาหนดโครงสร้างของเวบ็ ไซต์ การสร้างเว็บไซต์นั้นควรเร่ิมจากการสร้างแผนผังของเว็บไซต์ก่อน หรือที่เรียกว่า Site Map ดงั ภาพตวั อยา่ ง รปู ที่ 3.1 แสดง Sitemap ทงั้ หมดของเว็บไซต์ 2) กาหนดการเชือ่ มโยงระหวา่ งเวบ็ เพจ นักศึกษาต้องกาหนดการเช่ือมโยงให้เว็บเพจแต่ละหน้าเช่ือมโยงถึงกัน เพ่ือให้กลับไปกลับมา ระหวา่ งหน้าต่างๆ ได้โดยแสดงชือ่ ไฟล์ HTML แต่ละไฟล์ทม่ี กี ารเชือ่ มโยงสัมพันธก์ ัน 3) การออกแบบเว็บเพจแต่ละหน้า นักศึกษาสามารถออกแบบหน้าเว็บเพจแต่ละหน้าให้สวยงาม โดยเฉพาะในเว็บเพจหน้าแรก ซ่ึง เรยี กวา่ โฮมเพจ นักศกึ ษาควรออกแบบให้สวยงามเพ่อื ดงึ ดดู ความสนใจของผเู้ ขา้ ชม ในขั้นตอนการออกแบบนี้ บางทีอาจเรียกว่าการออกแบบเลย์เอาท์ (Lay Out) สามารถทาได้โดย การเขียนลงในกระดาษ หรอื ใชโ้ ปรแกรมคอมพวิ เตอร์ช่วยในการออกแบบกไ็ ด้ - การออกแบบหน้าเว็บเพ็จหลัก (Index) หนา้ แรกของเวบ็ เพจ็ ถือเป็นหน้าสาหรับต้องรับแขก เปน็ หน้าตาของเว็บไซต์ เมอ่ื ผู้ชมเปดิ เข้ามาก็ จะพบกับหน้านี้เป็นอันดับแรก โดยปกติหน้าแรกจะมีองค์ประกอบหลัก คือ โลโก้องค์กรแถบช่ือ องคก์ ร รปู ภาพ โฆษณา และแถบลงิ คเ์ ข้าสเู่ ว็บไซต์ ดังตัวอย่าง

รูปที่ 3.2 แสดงการออกแบบหนา้ เว็บเพจหลกั (Index) - การออกแบบหนา้ โฮมเพจ (Home.html) หน้าโฮมเพจหรือหน้าแรกเป็นหน้าเร่ิมต้นของเว็บไซต์ เป็นเสมือนหน้าสารบัญของหนังสือที่จะ บอกใหผ้ ู้อา่ นทราบว่าในแตล่ ะบทประกอบดว้ ยเรอ่ื งอะไร อยูห่ น้าไหน การจะเข้าสู่หนา้ อ่ืนๆ จะต้องสร้าง ลิงค์หรือการเช่ือมโยงเอาไว้ โดยนาโครงร่างจากหน้า Index บางส่วนมาใช้ หรืออาจตั้งชื่อ index2.html เป็น home.html กไ็ ด้ รูปท่ี 3.3 แสดงการออกแบบหนา้ โฮมเพจ (Home.html) - การออกแบบหนา้ สนิ คา้ ใหม่ (NewProduct.html)

หน้าสินค้าใหม่ใช้สาหรับแสดงรายการสินค้าใหม่ๆ หรือสินค้าขายดี เพื่อให้ผู้เยี่ยมชมสนใจเลือก ซอ้ื รูปแบบขอ้ หวั เวบ็ เพจ็ และเมนู จะยงั เหมอื นเดมิ แต่จะเพม่ิ เตมิ สินคา้ ใหม่ ดงั ตัวอยา่ ง รปู ท่ี 3.4 แสดงการออกแบบหนา้ สนิ คา้ ใหม่ (NewProduct.html) - การออกแบบหน้าแคตตาล็อก (catalog.html) หน้านี้ก็จะคล้ายกับสินค้าใหม่ แต่จะเป็นหน้าท่ีรวมสินค้าท้ังหมดไว้ โดยแยกเป็นหมวดหมู่อย่าง ชัดเจน มที ุกกลุ่มสินคา้ ทง้ั สนิ ค้าใหม่และสนิ คา้ ทมี่ ีจาหน่ายอยู่ปัจจบุ ัน ดงั ตัวอยา่ ง รูปที่ 3.5 แสดงการออกแบบหน้าแคตตาล็อก (catalog.html) - การออกแบบหน้าข้อมลู บรษิ ัท (Profile.html)

เว็บเพ็จหน้านี้จะบรรจุข้อมูลประวัติของบริษัท หน่วยงาน ตลอดจนผลงานท่ีผ่านมาอาจใช้ ช่อื about.html มีโครงสรา้ งดังตวั อย่าง รปู ท่ี 3.6 แสดงการออกแบบหน้าข้อมูลบริษทั (Profile.html) - การออกแบบหน้าสมัครสมาชิก (mumber.html) เป็นหน้าสาหรับให้ผู้ชมสมัครสมาชิกเว็บไซด์ หรือลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษ เช่น เมื่อซื้อ สนิ ค้าจะมีส่วนลด หรอื ได้คะแนนสะสม เปน็ ตน้ หน้าสมัครสมาชิกจะไม่เหมือนกับหน้าอื่นๆ เพราะต้องออกแบบให้เป็นไดนามิก (Dynamic) คือ ต้องรับข้อมูลจากผู้ใช้เข้ามาสู่ฐานข้อมูล ดังน้ัน การสร้างเว็บเพ็จหน้านี้ต้องใช้แอพพลิเคชัน ฐานข้อมูล เช่น ASP, PHP และ MS – Access เปน็ ตน้ ตัวอยา่ งการออกแบบ รปู ที่ 3.7 แสดงการออกแบบหนา้ สมัครสมาชิก (mumber.html)

5) ระดับ ปวช. เขียนเฉพาะแผนภาพ ER Model และ Data Dictionary ระดับ ปวส. เขียน แผนภาพ ER Model, Data Dictionary, Context Diagram และ Data Flow Diagram ของหน้าเว็บเพจ แต่ละส่วนทีม่ ีการเชือ่ มกับฐานข้อมูล โดยดตู ัวอยา่ งรูปที่ 3.17-3.21 4) การสรา้ งเวบ็ เพจแต่ละหน้า นาเว็บเพจท่ีออกแบบไว้มาสร้างโดยใช้ภาษา html หรืออาจใช้โปรแกรมสาเร็จรูป เช่น FrontPage, Macromedia Dreamweaver หรือโปรแกรมสาเรจ็ รปู อ่นื ๆ ตามความถนัด รูปท่ี 3.8 แสดงการสรา้ งเวบ็ เพจแต่ละหนา้ 5) การลงทะเบียนขอพืน้ ทเ่ี ว็บไซต์ เป็นการเผยแพร่เว็บไซต์ที่สร้างเสร็จแล้วเข้าสู่ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพ่ือให้บุคคลอ่ืนๆ สามารถเข้าชมเว็บไซต์ของเราได้ วิธีการก็คือนาเว็บไซต์ท่ีเราสร้างข้ึนไปไว้บนพื้นที่ที่ให้บริการ (Web Hosting) ซึ่งมีพ้ืนท่ีท่ีให้บริการฟรี และแบบท่ีต้องเสียค่าบริการ แต่ในการทาโครงการนักศึกษาจะจาลอง Server แทนก็ได้ 6) การอพั โหลดเวบ็ ไซต์ หลังจากสร้างเว็บไซต์และลงทะเบียนขอพื้นที่สาหรับฝากเว็บไซต์แล้ว ให้ใช้โปรแกรมสาหรับ อัปโหลด (Upload) เช่นโปรแกรม CuteFTP เพื่อให้คนท่ัวโลกสามารถเข้าชมเว็บไซต์ของเราผ่านทาง ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ แต่ในการทาโครงการนักศึกษาไม่ต้องมีการ Upload ขึ้นอินเทอร์เน็ตจริง เพยี งแตต่ ้องมกี ารจาลอง Web Server เพ่ือใช้งาน

3.2.2 การออกแบบสาหรับสร้างงานเกมคอมพวิ เตอร์ รปู ท่ี 3.9 แนวการทาเกม Animation ในการสรา้ งงานเกม Animation นกั ศึกษาจะต้องทาตามขั้นตอน ดงั ต่อไปน้ี 1) คิด Theme หลกั ของเรื่อง Theme หลักของเรื่องจะเป็นอะไรที่สัน้ ๆ แค่แนวคิดท่ีจะนาเสนอจบในประโยคเดียว ยกตัวอย่าง เช่น \"รักแท้ดูแลไม่ได้ไปขายกล้วยแขกดีกว่า\" เม่ือคิดว่าดีแล้ว (แน่นะ) ก็เข้าสู่ขั้นตอนการเขียนเรื่องย่อ หรืออีกอย่างก็คือ ชอ่ื เรือ่ ง 2) เขยี นเร่ืองยอ่ เร่ืองย่อคือ เรื่องเล่าย่อๆ ของท้ังเรื่อง ส่วนใหญ่มักจะจบใน 1 หน้า A4 ถ้านักศึกษาอยากรู้เรื่อง ยอ่ เปน็ ยังไงใหด้ ทู ีห่ ลัง DVD หนังไทย อาทิเช่น แฟนฉัน 3) บท ถ้าหากว่าหนังท่ีนักศึกษาทามีการเล่าเร่ืองท่ียาวมีบทพูดเยอะ ฉากเพียบ ก็เขียนบท บทคือ ตัวหนังสือท่ีเล่าเรื่องราวของการดาเนินเนื้อเรื่องแบบอ่านแล้วเห็นภาพเป็นฉากๆ มีการบอกมุมกล้อง เทคนิคถ่ายทาและ บทพูดไว้อย่างชัดเจน จะยกตัวอย่างบทจากหนังสือเร่ือง \"ลมหลง\" ของคุณน้าชาติ กอบจิตติ มา ณ ท่นี -้ี ------------------------------------------------

SEQ ไตเติ้ล ภายใน ผบั แห่งหนง่ึ กลางคนื a) ใกลม้ าก ในความมืด ตวั อกั ษรชอื่ เรื่อง ลมหลง ค่อยปรากฏข้ึนสกั ครู่ตัวอกั ษรเลือนหายไป เหลือไวแ้ ต่ความ มืด เสียงผู้คนในผับค่อยดังขึ้น เป็นเสียงสรวลเสเฮฮา มีเสียงดนตรีแว่วผสม เป็นเสียงแซ็กโซโฟน ทว่ งทานองโหยเศรา้ ใชเ้ ปน็ เพลงประกอบหลักของภาพยนตรเ์ รอ่ื งน้ี b) แทนสายตา (กลอ้ งหนงั 16 มม. มีเสยี งกล้องทางานตลอด) ในความมืด ไม้ขีดไฟถูกจุดขึ้น แสงสว่างของมันทาให้เหน็ เสลด (ป้ายบอกชื่อเร่ือง, ฉาก , คัต เป็น หนงั ของสายลม สเลตของเขาเขียนแต่เพียงว่า \"ในผับ 1\" ) สกั ครู่ภาพดบั วูปไป ท้ิงไวแ้ ต่ความมืด.... ตวั อกั ษรผแู้ สดงปรากฎขึ้น เสียงผู้คนและเสียงแซก็ โซโฟนดังตอ่ เนื่อง- ตวั อกั ษรเลือนออก c) ใกลม้ าก ภาพเลื่อนเข้าทีแ่ ซ็กโซโฟน เห็นนิ้วของนักดนตรกี าลงั ไลเ่ รียงไปตามท่วงทานอง ภาพเลือนออกไป เป็นความมดื ตวั อักษรรายช่ือผู้แสดง และผู้ทีเ่ กี่ยวข้องกบั ภาพยนตร์เรอ่ื งนีข้ ึ้น-ต่อเน่ือง ตัวอกั ษรเลอื นออก ------------------------------------------------- นี่คือตวั อย่างครา่ วๆ ของบทภาพยนตร์ หมายเหตุ SEQ ไตเติล้ ภายใน ผับแหง่ หนง่ึ กลางคนื แปลวา่ ส่วนไตเต้ิล ถ่ายภายใน (Indoor) สถานทที่ ่ี ผบั แหง่ หน่ึง เวลากลางคนื จากนน้ั กเ็ ปน็ มุมกล้อง และการเคลือ่ นกล้อง คาว่า \"แทนสายตา\" กแ็ ปลตรงตัว ภาพแทนสายตา ของ กลอ้ ง 16 มม. ดอลล่ี - คือรางรถไฟ แล้วเอาคนไปยืนท่ีแท่นบนราง แล้วใช้คนเข็นราง จะได้ภาพคล้าย ๆ แพน แต่ไม่มีการบดิ ของ perspective ข้ามไหล่ คือ ภาพที่เห็นด้านหน้าของไหล่คนหนึ่ง แต่เน้นหน้าของอีกคน ในหนังทั่วๆ ไปใช้อยู่ บอ่ ยๆ LS หมายถึง Long Shot ภาพมมุ กว้าง รอบๆ หอ้ ง MS หมายถงึ Medium Shot ภาพท่ีจบั ไปท่ีวัตถุไมก่ วา้ งมากนกั เชน่ ภาพคนท่นี ง่ั รวมกันที่โต๊ะ CU หมายถงึ Close Up ภาพท่จี ับเฉพาะจุด เช่น ภาพใบหนา้ คน 4) เขียน Storyboard ของเนอื้ เรอ่ื งทจ่ี ะทาต้ังแต่เริ่มต้นจนจบเน้อื เรอื่ ง เม่อื ได้บทลงตวั แล้ว กจ็ ะมาเขียน Storyboard Story board จะประกอบดว้ ย ด้านซ้ายเป็นภาพ ด้านขวาเปน็ ตวั อกั ษรอธบิ ายภาพ และมีเสยี ง ประกอบหรือเสยี งพูดจากบทด้วย การเขียน Storyboard อย่างโฆษณา 30 วินาที เขียนประมาณ 10-12 รปู เทา่ น้ัน

ตวั อยา่ งคาอธิบายภาพดา้ นขวา ภาพ MS. ชายสองคนคุยกัน (ดา้ นข้าง) เสยี ง ช.1 \"เฮย้ มงึ จะไปมตี ติง้ เปลา่ วะ โรบน้ิ \" ช.2 \"ไปวะ่ แต่เคา้ ให้เอาของเกยี่ วกับสาดดดด มาดว้ ยนี่ สาดดดด\" เพลงประกอบ \"ราวงดา๊ วด่าว\" คลอเบาๆ ------------------------------------------------------------------------------- รูปท่ี 3.10 การเขยี น Storyboard แบบที่ 1 หรือ รปู ท่ี 3.11 การเขยี น Storyboard แบบที่ 2 5) Shooting Board เม่อื ได้ Storyboard แลว้ คอ่ ยมาแตกเป็น Shooting board อีกคร้งั Shooting board จะเมือนกับ Story board แต่ความละเอียดสูงกว่า มีทุกภาพท่ีจะอยู่ในหนัง Animation ของนักศกึ ษา เพือ่ จะให้คนทาต่อทาได้อยา่ งถูกต้อง 6) Animatic เมือ่ เราได้ Shooting board เรียบรอ้ ยแลว้ ก่อนจะทาจริงเราต้องทา Animatic เสยี กอ่ น Animatic คือ ภาพเคลื่อนไหวคร่าวๆ ทาให้เห็นจังหวะของภาพ เห็นการตัดต่อ การเคล่ือนของ Animation ไม่ต้องซอยเฟรมเยอะ ปกตจิ ะใสเ่ สียงไปด้วยเลย ตวั อย่างน้ี 7) สรา้ งงาน Animation สรา้ งงาน Animation อย่างละเอยี ด เก็บรายละเอียดของเฟรมให้ครบทุกสว่ น

3.2.3 การออกแบบสาหรบั สร้างงานโปรแกรมระบบฐานข้อมลู 1. เขยี น E-R Diagram ดงั ตวั อยา่ ง รูปที่ 3.13 แผนภาพ E-R Diagram 2. เขียน Contex Diagram ดังตัวอย่าง รปู ท่ี 3.14 แผนภาพ Context Diagram

3. เขยี นแผนภาพ DFD Diagram Level 0 Login/Logout 1 Login/Logout User Admin Login/Logout Login/Logout Login Login/Logout User User D1 Member 2 User User User D2 Behavior 3 D4 Detail 4 D3 Student 5 D2 Behavior D1 Member รูปที่ 3.15 แผนภาพ DFD Diagram Level 0

4. เขียนแผนภาพ DFD Diagram Level 1 ยกตัวอย่างเชน่ DFD Fragment 1: Login Login/Logout 1 Login/Logout User Admin Login/Logout Login Login/Logout Login/Logout D1 Member รูปท่ี 3.16 แผนภาพ DFD การ Login DFD Fragment 2: จัดการข้อมลู User 2 User D1 Member User User User Admin User รูปที่ 3.17 แผนภาพ DFD การจดั การข้อมลู User D2 Behavior DFD Fragment 3: จดั การข้อมูลความประพฤติ User 3 Admin รูปท่ี 3.18 แผนภาพ DFD การจัดการข้อมูลความประพฤติ DFD Fragment 4: จดั การข้อมูลนกั ศกึ ษา 4 Admin D3 Student รปู ท่ี 3.19 แผนภาพ DFD การจัดการข้อมูลนกั ศกึ ษา

DFD Fragment 5: จัดการข้อมูลความประพฤติของนักศึกษา D4 Detail D3 Student 5 User Admin D2 Behavior D1 Member รูปท่ี 3.20 แผนภาพ DFD การจัดการข้อมลู ความประพฤติของนักศึกษา 3.2.4 การสรา้ งชน้ิ งานสิ่งประดิษฐ์นวัตกรรม ให้นักศกึ ษาปรกึ ษาอาจารยท์ ปี่ รึกษาแต่ละโครงการ ใน การกาหนดรายละเอียดในตัวโครงการ รายละเอียดที่ควรจะมี เช่น เครื่องมือและอุปกรณ์ท่ีใช้ในการ จดั สร้างช้นิ งาน, การออกแบบและเขียนแบบของช้นิ งาน ,ผงั ข้ันตอนการจัดสร้างช้นิ งาน เป็นตน้ ตวั อยา่ ง : (ที่มา http://www.lampangtc.ac.th/managefiles/file/inventor/91378_1807310885654.pdf) การดาเนินโครงการ เรื่อง อุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม มีจุดมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้าเพ่ือ ประดิษฐ์อุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุมเพื่อช่วยผู้สูงอายุท่ีมีอาการอ่อนแรง โดยมีรายละเอียดวิธีการดาเนินงาน วจิ ัย ดังนี้ วัสดแุ ละอุปกรณท์ ใ่ี ช้ 1.ลางเลอื่ นล้นิ ชกั Hefele 1 ลาง 2.แหนบสแตนเลส 1 อนั 3.แผ่นสแตนเลส 60 x 60 cm x 4 mm 1 แผ่น 4.กรรไกรตดั เล็บ วธิ ีดาเนินการศกึ ษาทดลอง การทดลองข้ันตอนที่ 1 เพื่อออกแบบและสรา้ งอุปกรณช์ ว่ ยกลัดกระดุมรูปแบบที่ 1 และ ปรับปรุง พฒั นาเปน็ รูปแบบที่ 2 1) การออกแบบ รูปท่ี 3.1 แบบร่างอปุ กรณ์ชว่ ยกลัดกระดุม รูปแบบที่ 1

รปู ที่ 3.3 รายละเอยี ดของอุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม รายละเอยี ดของอปุ กรณช์ ่วยกลดั กระดุม 1. รางเล่ือน 2. รางลูกปืน 3. ลกู ปนื 4. ลกู เลอื่ น 5. คมี คีบกระดมุ 6. ตัวจับ 7. ฝาปดิ ด้านบน การทดลองขัน้ ตอนที่ 2 เพื่อศึกษาชนดิ ของกระดมุ ท่ีมผี ลต่อการใชง้ านอุปกรณ์ชว่ ยกลดั กระดุม 2.1 เตรียมเส้ือพร้อมกระดุมท่ีท าจากพลาสติก ผ้า ไม้และโลหะ โดยเลือกกระดุมทรงกลม ให้มี ขนาดเสน้ ผา่ นศูนย์กลางเท่ากับ 1 เซนตเิ มตร 2.2 ทาการทดลองใช้อุปกรณ์ช่วยกลัดดกระดุม โดยเริ่มกลัดกระดุมแต่ละชนิด ทาซ้าอย่างละ 3 ครัง้ 2.3 บันทึกผลการทดลองใช้อุปกรณ์ชว่ ยกลัดกระดมุ ลงในตารางบนั ทกึ ผลการทดลอง การทดลองขั้นตอนที่ 3 เพ่อื ศึกษาขนาดของกระดุมท่ีมีผลตอ่ การใชง้ านอุปกรณช์ ว่ ยกลัด กระดุม 3.1 เตรียมเสื้อพร้อมกระดุมที่ทาจากผ้าโดยเลือกกระดุมทรงกลมให้มีขนาดเส้นผ่าน ศูนย์กลาง ตัง้ แต่ 0.5 – 3 เซนติเมตร 3.2 ทาการทดลองใช้อุปกรณ์ช่วยกลัดดกระดุม โดยเริ่มกลัดกระดุมแต่ละขนาดและ ทาซ้า อย่าง ละ 3 ครัง้ 3.3 บนั ทกึ ผลการทดลองใชอ้ ุปกรณ์ช่วยกลดั กระดุมลงในตารางบันทึกผลการทดลอง การทดลองข้นั ตอนท่ี 4 เพือ่ ศึกษาความพงึ พอใจของผู้ใชง้ านทมี่ ตี ่ออปุ กรณ์ช่วยกลดั กระดุม 4.1 ทาการคัดเลือกกลุ่มประชากรโดยเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง ( purposive sampling) ซง่ึ คอื ประชาชนในจังหวัดลาปาง ท่เี ป็นผู้พกิ ารทาง แขน มอื ขา้ งใดข้างหนึ่ง ผู้ทเี่ กดิ อบุ ัติเหตุท่ี เกี่ยวกับกระดูกทางแขน มือ ข้างใดข้างหน่ึงที่อยู่ในขณะรักษาตัวอยู่ท่ีบ้านท่ีไม่สามารถ เคล่ือนไหวได้ และ ผู้สูงอายุ จานวน 10 คน

4.2 ใช้เครอื่ งมอื ในการวจิ ยั คอื แบบสอบถามความพงึ พอใจตอ่ การใชง้ านอปุ กรณ์ช่วยกลัด กระดุม เป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ โดยให้ผู้ตอบเลือกข้อความที่ตรงกับความคิดเห็นของตน มากท่ีสุด เพียงหน่งึ ขอ้ ข้อคาถามทง้ั หมดมี 8 ขอ้ เกณฑ์ในการพิจารณาให้คะแนนการตอบแบบสอบถาม ระดับคะแนน แปรผล 5 ดีมาก 4 ดี 3 ปานกลาง 2 พอใช้ 1 ควรปรบั ปรุง การคิดคะแนนของผู้ตอบแบบสอบถาม มีดงั นคี้ ือเม่ือไดแ้ บบสอบถามแตล่ ะฉบบั ก็จะรวม คะแนน ในแต่ละด้าน แล้วจึงทาการวิเคราะห์ผลโดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูป คะแนนเฉลี่ยที่ได้จะอยู่ ระหว่าง 1 – 5 และได้ระดับของคะแนนในการตอบแบบสอบถามความพึงพอใจในการใชง้ านอปุ กรณ์ ช่วยกลัดกระดุม ดังน้ี คะแนน 4.50 – 5.00 หมายถึง มคี วามพึงพอใจอย่ใู นระดบั ดีมาก คะแนน 3.50 – 4.49 หมายถงึ มคี วามพึงพอใจอยใู่ นระดับ ดี คะแนน 2.50 – 3.49 หมายถึง มีความพงึ พอใจอยู่ในระดบั ปานกลาง คะแนน 1.50 – 2.49 หมายถงึ มคี วามพึงพอใจอยใู่ นระดับ น้อย คะแนน 1.00 – 1.49 หมายถึง มคี วามพึงพอใจอยู่ในระดับ ควรปรับปรุง

ตวั อย่างแบบสอบความพึงพอใจของผู้ใชง้ านอุปกรณช์ ่วยกลัดกระดุม แบบสอบถามความพึงพอใจของผูใ้ ชง้ าน โครงงานวทิ ยาศาสตร์ เร่อื ง อปุ กรณ์ช่วยกลัดกระดุม ตอนที่ 1 ขอ้ มลู ท่ัวไป คาชี้แจง โปรดใส่เคร่ืองหมาย ✓ ลงในช่องตามความจริงท่ีมีประโยชน์อย่างย่ิงต่อการดาเนินโครงงาน วิทยาศาสตร์ เพศ ชาย หญงิ อายุ ตา่ กว่า 20 ปี 21 – 30 ปี 31 – 40 ปี 41 – 50 ปี 51 - 60 ปี สถานะภาพ นักศึกษาระดบั ปวช. นักศกึ ษาระดับ ปวส. ครู เจา้ หนา้ ท่ี อน่ื ๆระบุ..................... ตอนที่ 2 ประเมินความพงึ พอใจของผู้ใช้งานท่ีมตี อ่ อปุ กรณช์ ว่ ยกลัดกระดมุ คาช้ีแจง โปรดใส่เคร่ืองหมาย ✓ ลงในช่องความคิดเห็นของท่านท่ีมีต่อเกณฑ์การประเมินท่ีมีต่อ อุปกรณ์ ชว่ ยกลดั กระดุม โดยมีระดบั การยอมรับ ดังนี้ ระดบั 5 หมายถึง มากทส่ี ุด ระดบั 4 หมายถงึ มาก ระดับ 3 หมายถงึ ปานกลาง ระดบั 2 หมายถงึ นอ้ ย ระดับ 1 หมายถึง นอ้ ยทส่ี ุด รายการประเมนิ ระดับความพึงพอใจของผูใ้ ชง้ านอปุ กรณ์ช่วย รายการประเมิน กลดั กระดุม มากทีส่ ุด มาก ปานกลาง นอ้ ย น้อยทส่ี ุด 54 3 2 1 1. ด้านโครงสร้างท่ัวไป 1.1 ขนาดนา้ หนักมคี วามเหมาะสม 1.2 มีความมนั่ คงแขง็ แรง 2.ดา้ นการออกแบบ 2.1 เลอื กใช้วสั ดมุ คี วามเหมาะสม 2.2 รูปร่างมีความเหมาะสมกับการ ใช้ 3.ด้านการใช้งาน 3.1 ใช้งานไดง้ ่าย 3.2 ดูแลรกั ษางา่ ย 3.3 ใชง้ านได้ตามวตั ถปุ ระสงค์

3.4 มีความปลอดภยั ในการใช้งาน ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................................ . ........................................................................................................................................................................ . ........................................................................................................................................................................ . ........................................................................................................................................................................ . คณะผูจ้ ดั ทา วทิ ยาลยั เทคนิคลาปาง 3.3 ประชากรและการสุ่มกลุ่มตวั อย่าง ประชากร (Population) หมายถึง กลุ่มของสิ่งต่างๆทั้งหมดที่ผู้วิจัยสนใจ ซึ่งอาจเป็นกลุ่มของ ส่งิ ของคน หรอื เหตกุ ารณ์ต่างๆ กลุ่มตัวอย่าง (Sample) หมายถึง เป็นส่วนหน่ึงของประชากรท่ีผู้วิจัยสนใจกลุ่มตัวอย่างที่ดี หมายถึงกลุ่มตัวอย่างที่มีลักษณะต่างๆที่สาคัญครบถ้วนเหมือนกับกลุ่มประชากรเป็นตัวแทนท่ีดีของกลุ่ม ประชากรได้ ตัวอย่าง : ทาการคัดเลือกกลุ่มประชากรโดยเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง (purposive sampling) ซ่ึงคือ ประชาชนในจังหวัดลาปาง ที่เป็นผู้พิการทาง แขน มือ ข้างใดข้างหนึ่ง ผู้ที่เกิด อุบัติเหตุท่ีเกี่ยวกับ กระดูกทางแขน มือ ข้างใดข้างหนึ่งท่ีอยู่ในขณะรักษาตัวอยู่ท่ีบ้านท่ีไม่สามารถ เคล่ือนไหวได้ และผู้สูงอายุ จานวน 10 คน 3.4 เครื่องมอื ในการวจิ ัย เคร่ืองมือการวิจัย หมายถึง วัสดุ อุปกรณ์หรือเทคนิควิธีการที่ผู้วิจัยใช้ในการเก็บข้อมูลการ วิจัย รวมทั้งโดยการพิจารณาเลอื กใชเ้ คร่อื งมือและเทคนิควธิ กี ารทม่ี ีผู้เช่ยี วชาญหรอื นักวิชาการได้คิดสร้าง ไว้เพ่ือใช้ในการวิจัย เช่น แบบสอบถามวัดทัศนคติของ Thurstone มาตราส่วนประมาณค่าของ Likert และวิธีการ Semantic Differential ของ Osgood เป็นต้น และหรือโดยการสร้างเครื่องมือ วิ จั ย ไ ด้ แ ก่ แ บ บ ส อ บ ถ า ม ( Questionnaires) แ บ บ สั ม ภ า ษ ณ์ (Interview) แ ล ะ แ บ บ สังเกตการณ์(Obsevtion ) เป็นต้น โดยอาศัยธรรมชาติและหลักการของปัญหาการวิจัย รวมทั้งเกณฑ์ มาตรฐาน แล้วจึงนาไปทดลองใช้ (Try Out) ปรับปรุงแก้ไขแล้ว จึงนาเคร่ืองมือการวิจัยไปใช้ใน ภาคสนาม ดาเนนิ การสารวจและเก็บขอ้ มูลการวจิ ัยจริงตอ่ ไป

3.4.1 แบบสอบถาม ( Questionnaire ) 3.4.2 การสมั ภาษณ์ 3.4.3 การสงั เกตการณ์ ( Observation ) ตัวอย่าง : ใช้เคร่ืองมือในการวิจัย คือ แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการใช้งานอุปกรณ์ช่วยกลัด กระดุม เป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ โดยให้ผู้ตอบเลือกข้อความท่ีตรงกับความคิดเห็นของตน มากที่สุด เพียงหน่งึ ข้อ ขอ้ ค าถามทง้ั หมดมี 8 ขอ้ เกณฑใ์ นการพจิ ารณาให้คะแนนการตอบแบบสอบถาม ระดบั คะแนน แปรผล 5 ดีมาก 4 ดี 3 ปานกลาง 2 พอใช้ 1 ควรปรบั ปรุง การคิดคะแนนของผู้ตอบแบบสอบถาม มีดังนค้ี ือเมื่อได้แบบสอบถามแตล่ ะฉบบั ก็จะรวม คะแนน ในแต่ละด้าน แล้วจึงทาการวิเคราะห์ผลโดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูป คะแนนเฉลี่ยที่ได้จะอยู่ ระหว่าง 1 – 5 และไดร้ ะดบั ของคะแนนในการตอบแบบสอบถามความพึงพอใจในการใช้งานอปุ กรณ์ ชว่ ยกลัดกระดุม ดังน้ี คะแนน 4.50 – 5.00 หมายถงึ มีความพึงพอใจอยูใ่ นระดบั ดมี าก คะแนน 3.50 – 4.49 หมายถึง มีความพงึ พอใจอยู่ในระดับ ดี คะแนน 2.50 – 3.49 หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับ ปานกลาง คะแนน 1.50 – 2.49 หมายถึง มคี วามพึงพอใจอยู่ในระดับ น้อย คะแนน 1.00 – 1.49 หมายถงึ มคี วามพึงพอใจอยใู่ นระดบั ควรปรบั ปรุง 3.5 การเก็บรวบรวมข้อมลู วิธกี ารเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล วิธีการเกบ็ รวบรวมข้อมลู สถติ ิ ในทางปฏิบัตอิ าจทาได้หลายวธิ ี คอื 3.5.1 วิธีการสัมภาษณ์จากผู้ให้คาตอบโดยตรง (Personal interview หรือ Face to face interview) 3.5.2 วิธีการสมั ภาษณ์ทางโทรศัพท์ (Enumeration by telephone) 3.5.3 วิธีการให้พนักงานไปทอดแบบไวใ้ หผ้ ูต้ อบกรอกข้อมูลเอง (Self enumeration) 3.5.4 วิธีการสง่ แบบข้อถามให้ผู้ตอบทางไปรษณยี ์ (Mailed questionnaire)

3.5.5 วธิ กี ารสังเกตการณ์ (Observation) 3.5.6 วิธีการบันทึกขอ้ มูลจากการวัดหรือนับ ตัวอยา่ ง : การเก็บรวบรวมขอ้ มลู ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ผวู้ ิจัยดาเนินการเกบ็ ขอ้ มูลดว้ ยตนเอง โดยมลี าดบั ขน้ั ตอนดังต่อไปนี้ 1. ก่อนแจกแบบสอบถาม ผู้วิจัยชี้แจงให้กลุ่มตัวอย่างทราบถึงวัตถุประสงค์ของการวิจัย ชี้แจง วธิ ีการตอบแบบสอบถามแกน่ กั ศึกษากลุ่มตวั อยา่ ง 2. ขณะกล่มุ ตัวอย่างตอบแบบสอบถาม ผูว้ จิ ัยเปดิ โอกาสให้ผู้ตอบแบบสอบถามถามถึงปญั หาในข้อ คาถามได้ตลอดเวลา 3. ตรวจแบบสอบถามโดยใหก้ ลุ่มตัวอย่างตอบแบบสอบถามใหค้ รบถว้ นทุกข้อคาถาม 3.6 การวิเคราะห์ข้อมลู การวิเคราะห์ข้อมูล หมายถึง การนาข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้ จากกลุ่มตัวอย่างหรือจากประชากร การ วิจัยจานวนหนึ่ง มาจาแนกเพ่ือตอบประเด็นปัญหาการวิจัย หรือทดสอบสมมุติฐานการวจิ ัยใหค้ รบทกุ ข้อ ถ้าข้อมูลเชิงปริมาณหรือเป็นตัวเลข ผู้วิจัยจะใช้วิธีการทางสถิติสรุปรวมข้อมูล แต่ถ้าเป็นข้อมูลเชิง คณุ ภาพ ผู้วิจยั จะใชว้ ธิ กี ารสรุปความ หรอื สังเคราะห์ข้อความ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณเป็นวิธีการวิเคราะห์ท่ีจะต้องใช้วิธีการทางสถิติช่วยสรุปรวมข้อมูล เพื่อ ตอบประเด็นปัญหาการวิจัยต่างๆ วิธีการทางสถิติแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ สถิติบรรยาย และสถิติ อ้างอิง ก่อนที่จะกล่าวถึงรายละเอียดของสถิติแต่ละประเภท จะขอกล่าวถึงการใช้วิธีการทางสถิติในการ วจิ ัยก่อนดังนี้ การหาค่าสถิติต่าง ๆในปัจจุบันผู้วิจัยไม่จาเป็นต้องคานวณหาค่าโดยการแทนค่าลงในสูตร เพราะ เรามีโปรแกรมคอมพิวเตอร์สาเรจ็ รปู สาหรับคานวณหาคา่ สถิตติ ่าง ๆ ที่ผู้วจิ ยั ต้องการได้ ตัวอยา่ ง : การวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์ขอ้ มูลคร้ังนี้ใช้โปรแกรม SPSS ในการคานวณหาค่าสถิตติ ่างๆ ดังนี้ 1. ข้อมูลทั่วไป หาค่ารอ้ ยละ 2. ข้อมูลเก่ียวกับความคิดเห็นท่ีมีต่อโครงการ IT Dream ซ่ึงจะมีการจัดแสดงชิ้นงานส่ิงประดิษฐ์ ของนักศึกษาสาขาวิชาเทคโนโลยสี ารสนเทศ วิทยาลัยเทคโนโลยีอรรถวิทย์พณิชยการ ที่เป็นข้อมูลจากขอ้ คาถามท่ีเป็น Rating Scale จะหาค่าเฉลี่ย (X) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) และเปรียบเทียบกับเกณฑ์ ของ John. W. Best โดยการให้เกณฑบ์ อกระดับความคิดเห็นในแบบสอบถามแต่ละข้อใชเ้ กณฑด์ ังนี้ คา่ เฉลย่ี ระหวา่ ง 4.50-5.00 หมายถึง ระดับความคดิ เหน็ /พงึ พอใจมากท่สี ดุ คา่ เฉลย่ี ระหว่าง 3.50-4.49 หมายถึง ระดบั ความคดิ เหน็ /พึงพอใจมาก

ค่าเฉลย่ี ระหวา่ ง 2.50-3.49 หมายถงึ ระดับความคิดเห็น/พงึ พอใจปานกลาง ค่าเฉลีย่ ระหวา่ ง 1.50-2.49 หมายถึง ระดบั ความคิดเห็น/พงึ พอใจนอ้ ย คา่ เฉลย่ี ระหวา่ ง 1.00-1.49 หมายถึง ระดบั ความคดิ เห็น/พึงพอใจน้อยทส่ี ุด ตัวอยา่ งท่ี 14 (ผลการศกึ ษา) บทท่ี 4 ผลการศกึ ษา ---------- (ให้กล่าวถึงผลของการศึกษาข้อมูลโดยละเอียด มีตารางหรือภาพประกอบทุกขั้นตอนที่ทางาน หรืออาจมวี ธิ ีการทางสถิตปิ ระกอบ และข้อมูลเปรียบเทยี บต่างๆ เพอื่ ใหก้ ารตคี วามขอ้ มลู ชดั เจนขนึ้ ) การใส่รูปภาพในบทที่ 4 รูปภาพจะต้องมีความคมชัด ทนทาน โดนน้าไม่เสียหาย และจะต้อง Print Screen ผลงานโครงการทุกหน้า นามาจัดวางให้ใกล้เคียงกับท่ีออกแบบไว้ในบทที่ 3 เพื่อ เปรียบเทยี บผลทไ่ี ดร้ ับจากการทาโครงการ กาหนดให้รูปภาพมีขนาดดังน้ี กว้าง 5 น้ิว ยาว 3 นิ้ว จัดให้อยู่กึ่งกลางหน้ากระดาษ มี คาบรรยายใต้รปู ภาพ ในหนงึ่ หนา้ กระดาษกาหนดให้มีรูปภาพได้เพยี ง 2 รปู เท่านน้ั 3 นิ้ว 5 นิ้ว รูปท่ี 4.1 ---------------คาบรรยายใต้ภาพ จัดชิดซา้ ย ห่างจากรูปภาพพอประมาณ ข้อความไมท่ ับ รูปภาพ

ตัวอยา่ งท่ี 15 (การจดั วางตาราง) ………………………………………………………….( เนือ้ ความท่ีบรรยายมาก่อน)…. (เวน้ 1 บรรทดั ) ตารางที่ 4.1 การใชง้ านความถขี่ องระบบโทรศัพทพ์ นื้ ฐานพกพาสว่ นบคุ คลพีซที ี ชอ่ งท่ี ความถ่ี ลกั ษณะการใชง้ าน 70 1915.85 MHz Guard Channel 71 1916.15 MHz ช่องสญั ญาณควบคุมสารอง 72 1916.45 MHz Guard Channel 73 1916.75 MHz ช่องสัญญาณควบคุมสาหรับการสื่อสารในพ้ืน สาธารณะภายนอกอาคาร (Public Mode ) 74 1917.05 MHz Guard Channel 75 1917.35 MHz ช่องสัญญาณควบคุมสาหรับการสื่อสารในพื้น สาธารณะภายนอกอาคาร (Public Mode ) (เว้น 1 บรรทัด) …(เนื้อความตอ่ ไปน้ี)……………………………………………………………………………………… หมายเหตุ ขอบตารางทัง้ สองข้างไม่มเี ส้นปิด ตัวอยา่ งที่ 16 (การจัดวางรูปภาพ) ……………………………………………………………………… (เน้ือความทบี่ รรยายมาก่อน)……… (เว้น 1 บรรทัด)

รปู ที่ 2.4 แสดงอุปกรณ์โครงขา่ ยอัจฉรยิ ะทใ่ี ชง้ านในประเทศไทย ท่ีตดิ ต้ัง ณ อาคารเทเลคอมทาวเวอร์ บริษทั เทเลคอมเอเชีย จากดั (มหาชน) 4.1 ผลการสร้างโครงการ ตวั อยา่ ง 4.1 ผลการออกแบบและสร้างอปุ กรณ์ช่วยกลัดกระดุม รปู ที่ 4.1 อุปกรณ์ช่วยกลดั กระดุมแบบมีเขยี้ ว ผลการออกแบบอุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุมทั้ง 2 แบบ คือ แบบไม่มีเข้ียวกับแบบมีเขี้ยว ผลการ ใช้ งานพบวา่ อปุ กรณ์ช่วยกลดั กระดมุ แบบมีเขี้ยวสามารถใชง้ านในการกลัดกระดุมได้ดกี วา่ แบบท่ไี ม่มี เขยี้ ว 4.2 ลาดบั ขั้นตอนในการเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมลู การดาเนินโครงงานเรื่อง อุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม มีจุดมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้าซึ่งแบ่ง ออกเปน็ 3 ตอนดังนี้ 1) เพ่ือศึกษาชนดิ ของกระดุมทีม่ ีผลต่อการใชง้ านอุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม 2) เพ่ือศึกษาขนาดของกระดุมทีม่ ีผลตอ่ การใชง้ านอปุ กรณ์ชว่ ยกลัดกระดมุ 3) เพ่ือศึกษาความพึงพอใจของผใู้ ชง้ านที่มีต่ออปุ กรณ์ช่วยกลดั กระดุม 4.3 ผลการวิเคราะหข์ ้อมูล ตอนที่ 1 ศึกษาชนดิ ของกระดมุ ท่มี ีผลต่อการใชง้ านอปุ กรณ์ช่วยกลัดกระดุม ชนิดของกระดุม ผลการใชอ้ ุปกรณ์ช่วยกลดั กระดุม หมายเหตุ กระดุมพลาสติก กระดุมพลาสติกแบบมีขอบอปุ กรณ์สามารถยึด ยกเว้นกระดุมพลาสติกแบบกลม เกาะได้ เกลย้ี ง กระดุมผ้า สามารถยดึ เกาะกระดมุ ได้ดี ใชง้ านง่าย - กระดมุ ไม้ ตอ้ งออกแรงในการยึดเกาะมากกว่ากระดมุ ผา้ -

กระดุมโลหะ กระดุมลน่ื ไมส่ ามารถยดึ เกาะได้ - ผลการศึกษาชนิดของกระดุมท่ีมีผลการใช้งานอุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม โดยศึกษากระดุมที่ทาจาก พลาสติก ผ้า ไม้และโลหะ พบว่าอุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุมสามารถยึดเกาะกับกระดุมท่ีทาจากผ้าได้ดีกว่า กระดุมชนิดอื่น กระดุมที่ทาจากไม้ โลหะ และพลาสติกไม่สามารถใชง้ านกับอปุ กรณช์ ่วยกลัดกระดมุ ได้ ตอนที่ 2 ศึกษาขนาดของกระดุมท่ีมผี ลต่อการใชง้ านอุปกรณช์ ่วยกลดั กระดมุ ขนาดเส้นผา่ น ผลการใชอ้ ุปกรณช์ ่วยกลัดกระดุม หมายเหตุ ศนู ย์กลางของกระดุม (เซนติเมตร) นอ้ ยกวา่ 1เซนติเมตร ยากตอ่ การใช้งาน ยึดจับไดย้ ากเพราะลื่น - 1 เซนติเมตร สามารถใช้งานได้ดี ยึดเกาะง่าย - 2 เซนติเมตรข้ึนไป สามารถใช้งานได้ดี แต่ต้องออกแรงมากกว่า - กระดุมทม่ี ี ขนาด 1 เซนตเิ มตร ผลการศึกษาขนาดของกระดุมที่มีผลต่อการใช้งานอุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม โดยใช้กระดุม ทั้งหมด 3 ขนาด ได้แก่ กระดุมที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางน้อยกว่า 1 เซนติเมตร ขนาด 1 เซนติเมตร และขนาด ใหญก่ วา่ 2 เซนตเิ มตร พบว่าอปุ กรณ์ชว่ ยกลัดกระดมุ สามารถใช้งานกับกระดุมท่ีมีขนาด เสน้ ผ่านศนู ยก์ ลาง 1-2 เซนติเมตรไดด้ ีกว่าขนาดอื่น ตอนท่ี 3 ศึกษาความพงึ พอใจของผู้ใชง้ านท่มี ตี ่ออปุ กรณช์ ่วยกลดั กระดุม รายการประเมนิ ระดับความพึงพอใจของผู้ใช้อุปกรณช์ ว่ ยกลดั กระดมุ ค่าเฉล่ีย สว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน แปรผล 1. ด้านโครงสร้างทวั่ ไป 1.1 ขนาดน้าหนักมีความเหมาะสม 4.34 0.79 มาก 1.2 มคี วามมนั่ คงแข็งแรง 4.36 0.79 มาก 2. ด้านการออกแบบ 2.1 เลือกใชว้ สั ดุมีความเหมาะสม 4.37 0.78 มาก 2.2 รูปรา่ งมีความเหมาะสมกบั การใช้ 4.33 0.82 มาก 3. ดา้ นการใชง้ าน 3.1 ใช้งานได้ง่าย 4.34 0.82 มาก 3.2 ดูแลรักษาง่าย 4.44 0.74 มาก 3.3 ใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์ 4.66 0.47 มากทส่ี ุด 3.4 มีความปลอดภัยในการใช้งาน 4.72 0.45 มากทส่ี ดุ

จากตารางผลการทดลองตอนท่ี 4 แสดงค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานความพึงพอใจ ของ ผู้ใช้งานท่ีมีต่ออุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุมซ่ึงแบ่งผลการประเมินออกเป็น 3 ด้าน ได้แก่ ด้านโครงสร้างทั่วไป ด้านการออกแบบ และ ด้านการใช้งาน โดยภาพรวมพบว่าความพึงพอใจของ ผู้ใช้งานที่มีต่ออุปกรณ์ช่วย กลดั กระดุมโดยเฉลี่ยอยู่ในระดับ มาก ขึน้ ไปทง้ั 3 ด้านและดา้ นท่ีมีค่าเฉลี่ย สูงสูดคอื ด้านการใชง้ าน ได้แก่ ใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์ มีค่าเฉล่ียเท่ากับ 4.66 ค่าเบี่ยงเบน มาตรฐาน 0.47 รองลงมาคือมีความ ปลอดภัยในการใชง้ าน มีคา่ เฉล่ีย 0.72 มคี า่ เบีย่ งเบนมาตรฐาน 0.45 ตัวอย่างที่ 17 (สรปุ อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ) บทท่ี 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ---------- (ให้กล่าวสรุปเร่ืองท้ังหมดของโครงการ อภิปรายข้อสรุปปัญหาในการทาโครงการและแปล ความหมายของข้อมูล ผลจากการทาโครงการเทียบกับโครงการอ่ืนๆ หรือค้นพบท่ีมีมาก่อนซ่ึงนาไปสู่ ข้อเสนอแนะในการศึกษาปัญหาอื่นๆ ต่อไป อาจกล่าวได้ว่าคล้ายกับการขยายความในบทคัดย่อให้ชัดเจ น เพียงพอสาหรับผู้ไม่มีเวลาอ่านโครงการทั้งเล่ม ได้อ่านศึกษาให้เข้าใจง่าย รวมทั้งข้อเสนอแนะในการนา โครงการนไ้ี ปใช้ประโยชน์) ยกตวั อย่างเช่น การดาเนินโครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง อุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม มีจุดมุ่งหมายของการศึกษา ค้นคว้าเพื่อออกแบบและสร้างอุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม ศึกษาชนิดของกระดุมท่ีมีผลต่อการใช้งาน อุปกรณ์ ช่วยกลัดกระดุม ศึกษาขนาดของกระดุมที่มีผลต่อการใช้งานอุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุมและ ศึกษาความพึง พอใจของผู้ใช้งานทมี่ ีตอ่ อุปกรณ์ชว่ ยกลดั กระดุม โดยผจู้ ดั ทาไดส้ รปุ อภปิ รายผลและ ข้อเสนอแนะดังน้ี 5.1 สรปุ ผลการวิจัย ---------------เขียนสรปุ การดาเนนิ โครงการตงั้ แตเ่ ร่ิมจนเสร็จสิ้นโครงการ ยกตัวอยา่ งเชน่ จากการศึกษาทดลอง 4 ขน้ั ตอน สรปุ ผลการทดลองได้ดังนี้ ตอนที่ 1 ออกแบบและสร้างอปุ กรณช์ ่วยกลัดกระดุม ผลการออกแบบอปุ กรณ์ชว่ ยกลัด กระดุมท้ัง 2 แบบ คอื แบบไมม่ ีเข้ียวกบั แบบมีเข้ยี ว ผลการใชง้ านพบว่า อุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุมแบบ มเี ขีย้ วสามารถ ใช้งานในการกลัดกระดุมได้ดกี ว่าแบบที่ไมม่ ีเขย้ี ว ตอนที่ 2 ศึกษาชนิดของกระดุมท่ีมีผลต่อการใช้งานอุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม ผลการศึกษา ชนิด ของกระดุมที่มีผลการใช้งานอุปกรณ์ชว่ ยกลัดกระดุม โดยศึกษากระดุมที่ทาจากพลาสติก ผ้า ไม้ และโลหะ

พบว่าอุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุมสามารถยึดเกาะกับกระดุมท่ีทาจากผ้าได้ดีกว่ากระดุมชนิด อื่น กระดุมที่ทา จากไม้ โลหะและพลาสติกไมส่ ามารถใชง้ านกบั อุปกรณ์ชว่ ยกลัดกระดุมได้ ตอนท่ี 3 ศึกษาขนาดของกระดุมที่มีผลต่อการใช้งานอุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม ผลการศึกษา ขนาด ของกระดุมที่มีผลต่อการใช้งานอุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม โดยใช้กระดุมทั้งหมด 3 ขนาด ได้แก่ กระดุมท่ีมี ขนาดเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางน้อยกวา่ 1 เซนตเิ มตร ขนาด 1 เซนตเิ มตรและขนาดใหญ่กวา่ 2 เซนติเมตร พบวา่ อุปกรณช์ ว่ ยกลดั กระดุมสามารถใช้งานกบั กระดุมที่มขี นาดเส้นผา่ นศูนย์กลาง 1-2 เซนตเิ มตรได้ดกี ว่าขนาด อน่ื ตอนที่ 4 ศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้งานท่ีมีต่ออุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม จากตารางการ แสดง ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานความพึงพอใจของผู้ใช้งานที่มีต่ออุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุม ซ่ึงแบ่งผล การประเมินออกเป็น 3 ด้าน ได้แก่ ด้านโครงสร้างทั่วไป ด้านการออกแบบ และ ด้านการใช้ งาน โดย ภาพรวมพบวา่ ความพึงพอใจของผู้ใชง้ านท่ีมตี ่ออปุ กรณช์ ่วยกลัดกระดุมโดยเฉล่ียอยใู่ นระดบั มาก ขึน้ ไปท้ัง 3 ด้านและด้านท่ีมีค่าเฉล่ียสูงสูดคือ ด้านการใช้งาน ได้แก่ ใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์ มี ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.66 คา่ เบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.47 รองลงมาคอื มคี วามปลอดภยั ในการใช้งาน มี คา่ เฉล่ยี 0.72 มคี ่าเบย่ี งเบน มาตรฐาน 0.45 5.2 อภปิ รายผล ยกตวั อย่างเช่น จากสรปุ ผลการศกึ ษาคน้ คว้าสามารถอภิปรายได้ดังน้ี จากการศึกษาพบว่าการออกแบบอุปกรณช์ ว่ ยกลัดกระดุมในครั้งแรกมปี ัญหาในสว่ นปลาย ของตัว จับ เน่ืองจากตัวอุปกรณ์ท่ีใช้ยึดจับเป็นแหนบปลายเกล้ียง จึงทาให้ยึดกับกระดุมได้ค่อนข้าง ยาก ดังน้ันจึง พัฒนาอุปกรณ์ช่วยกลัดกระดุมแบบที่ 2 โดยการเพ่ิมเขี้ยวที่ปลายของแหนบเพื่อเป็นการ เพ่ิมการยึดเกาะ กับกระดุม ในส่วนของการทดสอบกระดุมพบว่า อุปกรณ์สามารถใช้งานได้ดีกับ กระดุมท าจากผ้ามากกว่า เพราะวัตถุท้ังสองมีแรงเสียดทานต่อกันมากกว่ากระดุมพลาสติก ไม้และ โลหะ ขณะท่ีความเหมาะสมของ ขนาดกระดุมท่ีใช้คือ อยู่ระหว่างเส้นผ่านศูนย์กลาง 1-2 เซนติเมตร แต่อย่างไรก็ตามความยากง่ายของการ ใชง้ านอุปกรณย์ งั ขน้ึ กบั ความกวา้ งของรงั ดุมอีกดว้ ย 5.3 ข้อเสนอแนะในการนาผลการวิจยั ไปใช้ ---------------เป็นข้อเสนอแนะจากผลการวิจัยที่ผู้วจิ ัยต้องเขียนข้อเสนอแนะตาม ผลการวิจัยหรือข้อค้นพบ ที่ได้ โดยอาจนาเสนอข้อเสนอแนะได้ทั้งในเชิงนโยบาย หรือเชิงปฏิบัติก็ได้ ท้ังนี้ ประการสาคัญคือ ผู้วิจัย ควรให้ข้อเสนอแนะในส่ิงที่เป็นไปได้ ท้ังน้ีเพื่อให้ข้อเสนอแนะมีความน่าเช่ือถือ ผู้วิจัยอาจนาข้อมูลจาก วรรณกรรมมา อ้างองิ หรอื สนบั สนุนขอ้ เสนอแนะน้นั ดว้ ยกไ็ ด้ การเขียนขอ้ เสนอแนะ ไม่ควรเขยี นกว้างจนเกนิ ไป โดยผู้วจิ ัยควรให้ ข้อเสนอแนะท่ใี ห้คาตอบ ชดั เจนว่าผูท้ ่เี กย่ี วข้องควรทาอะไร ดว้ ยวธิ กี ารหรือแนวทาง อย่างไร

ยกตวั อย่างเชน่ ในการศึกษาคน้ ควา้ ครั้งนผ้ี ู้จกั ทามีข้อเสนอแนะดงั น้ี 1) ควรปรบั ปรุงลกั ษณะโครงสร้างให้มีขนาดเล็กลง เพอ่ื ความกระทดั รัดในการใชง้ านและ การเก็บ รักษา 2) ควรเลือกใช้วสั ดชุ นิดอื่น ๆ ทไี่ มใ่ ชโ่ ลหะเพ่อื ป้องกนั การเกิดบาดแผลขณะใช้งาน 3) ควรทาบรรจุภัณฑ์ เพื่อเหมาะแกก่ ารจาหน่าย 5.4 ขอ้ เสนอแนะในการทาวิจยั คร้งั ตอ่ ไป --------------- งานวิจัยส่วนใหญ่มักจะมีข้อจากัดหรือข้อบกพร่องอยู่บ้าง เน่ืองจากผู้วิจัย ไม่สามารถ ศึกษาวิจัยเรื่องใดเร่ืองหนึง่ ให้ครอบคลุมหรือมีความสมบรู ณ์ได้ทุกด้าน เช่น ข้อจากัดเร่ืองขอบเขตเนื้อหาท่ี ศึกษา การเข้าถึงประชากรหรือการเลือก ตัวอย่าง ตลอดจนระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูล หรือ งบประมาณ เป็นต้น ท้ังน้ี เพ่ือให้งานวิจัยมีความสมบูรณ์หรือมีการพัฒนาต่อไป ผู้วิจัยอาจมี ข้อเสนอแนะ ในการทาวิจัยในคร้ังต่อไป เพ่ือให้ผู้อื่นท่ีสนใจในหัวข้อใกล้เคียงสามารถ นาประเด็นท่ีเสนอแนะไว้ไป ศกึ ษาวิจยั เพ่มิ เตมิ ในอนาคต เช่น การขยายขอบเขตการ วิจยั การเพิ่มตวั แปร การศกึ ษาประชากรกลมุ่ อื่นๆ หรือการศกึ ษาเปรยี บเทยี บ เปน็ ตน้ ยกตวั อย่างเช่น 5.4.1 ข้อเสนอแนะท่ัวไป 1) เวบ็ ไซต์ควรมลี ูกเล่นที่เก่ยี วขอ้ งกับโครงการที่ทาให้พอเหมาะ ---------------เขยี นเป็นข้อๆ 5.4.2 ขอ้ เสนอแนะทางเทคนิค 1) เว็บไซต์ควรมีเทคนิคดา้ น 3 มิติให้ดูช้ินงาน เพื่อจะได้มีความน่าสนใจมากยง่ิ ขน้ึ 2) มีการเข้ารหัสผา่ นทม่ี ีความปลอดภัย ---------------เขียนเปน็ ขอ้ ๆ

ชอ่ื -ช่ือสกุล ตวั อย่างท่ี 18 (ประวัตผิ ้เู ขยี น) วนั เดอื นปีเกิด สถานทเ่ี กิด 1 นิ้ว 1.5 นิ้ว ประวัตผิ ูเ้ ขียน นายคุณานนท์ สุขเกษม xx กันยายน พ.ศ. 25xx กรุงเทพมหานคร

สถานที่อยู่ปัจจุบัน xx/xxx หมู่ 2 ซอยxxx ถนนxxx ตาบลxxx อาเภอxxx จงั หวดั xxx 10540 สถานท่ศี ึกษา สถาบนั เทคโนโลยรี าชมงคล วิทยาเขตพระนครเหนือ ประวตั กิ ารศึกษา ประกาศนียบตั รวิชาชพี สาขาช่างอุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีราช พ.ศ. 2538 มงคล วิทยาเขตพระนครเหนอื ประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูง สาขางานรองโครงสร้างเหล็ก สถาบัน พ.ศ. 2540 เทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพระนครเหนือ ผลงานและกจิ กรรม เป็นทีมงานในการจัดสร้างเคร่ืองเล่นสนามใหโ้ รงเรยี นอนบุ าล พ.ศ. 2538 เปน็ ตวั แทนเขา้ ร่วมแข่งขันกีฬากลมุ่ ราชมงคล ได้เหรียญเงิน พ.ศ. 2539 เป็นตัวแทนเข้ารว่ มแขง่ ขนั ทกั ษะวชิ าชพี ของกลุ่มราชมงคลทว่ั ประเทศ พ.ศ. 2539

ภาคผนวก ข แบบฟอร์มต่างๆ

(ตวั อย่างปกนอก) แบบฟอร์มเสนอร่างโครงการ สาขาวิชาเทคโนโลยสี ารสนเทศ แบบเสนอรา่ งโครงการ เรอื่ ง ช่อื ภาษาไทย ชอื่ ภาษาองั กฤษ โดย ชื่อผเู้ สนอคนที่ 1 รหัสประจาตัว ชื่อผ้เู สนอคนที่ 2 รหัสประจาตัว ชอ่ื ผู้เสนอคนท่ี 3 รหัสประจาตวั ภาคเรียนที่ 1/2564 สาขาวชิ าเทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาลัยเทคโนโลยีอรรถวิทย์พณชิ ยการ

แบบเสนอรา่ งโครงการ สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ ชอ่ื โครงการ (ภาษาไทย) (ภาษาองั กฤษ) ช่ือผู้เสนอโครงการ 1. ชอ่ื ผู้เสนอคนท่ี 1 พร้อมรหัสประจาตวั (หัวหน้ากล่มุ โครงการ) ชอ่ื ผ้รู ว่ มโครงการ 2. ช่ือผเู้ สนอคนที่ 2 พร้อมรหสั ประจาตัว 3. ช่อื ผู้เสนอคนท่ี 3 พร้อมรหสั ประจาตัว นักศกึ ษาสาขาวชิ าเทคโนโลยีสารสนเทศ รอบ (เช้า / บ่าย / บา่ ย*) ชือ่ อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ (ตอ้ งเป็นอาจารย์ในสาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเท่าน้นั ) ชอ่ื อาจารย์ท่ีปรึกษาร่วม (ถ้าม)ี (นกั ศกึ ษาจะเชญิ อาจารย์ท่านอ่นื นอกสาขาวชิ าฯ ก็ได)้ มีความประสงค์ขออนุมัติหัวข้อโครงการ เพ่ือเป็นส่วนหน่ึงของการศึกษาตามหลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชพี ชัน้ สงู ในวิชาโครงการ จานวน 4 หนว่ ยกติ จงึ เรียนมาเพ่อื โปรดพิจารณา ดงั รายละเอียดโครงการท่ีแนบมาด้วย ลงชอื่ ................................................................... (หัวหนา้ กลุ่ มโครงการ) ลงชือ่ ................................................................... (สมาชิกกลุ่มโครงการ) ลงชอ่ื ................................................................... (สมาชิกกลุ่ มโครงการ) .............. / ............................ / .............. ความเหน็ อาจารย์ทีป่ รึกษาโครงการ ความเห็นผรู้ บั ผิดชอบโครงการ สาขาวชิ าฯ ............................................................................... ............................................................................ ............................................................................... ............................................................................ ............................................................................. .......................................................................... ลงนาม ............................................... ลงนาม ............................................ ............ /........... / ...... .......... /........... / .... ลงนาม ............................................. ............ /........... / .... หมายเหตุ พร้อมแนบโครงการ ตามแบบฟอร์มที่กาหนดมาด้วยแล้ว

1. ชอ่ื โครงการ -------- การตั้งช่ือโครงการต้องมีความชัดเจน เหมาะสม และเฉพาะเจาะจง เป็นที่เข้าใจได้โดยง่าย สาหรับ ผู้นาโครงการไปใชห้ รือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการ ชื่อโครงการจะบอกให้ทราบวา่ จะทาสงิ่ ใดบา้ ง โครงการ ท่ีจัดทาข้ึนนั้นทาเพ่ืออะไร ช่ือโครงการโดยท่ัวไปควรจะต้องแสดงลักษณะงานท่ีต้องปฏิบัติ ลักษณะเฉพาะของโครงการ และจุดมุ่งหมายของโครงการ เช่น โครงการผักศึกษา โครงการประชุมเชิง ปฏบิ ัตกิ ารการวางแผนเขียนโครงการ โครงการขยายพันธุพ์ ืชเชิงธุรกจิ เป็นตน้ 2. ความเปน็ มาและความสาคัญของปัญหา บอกถึงท่ีมาของงาน สาเหตุท่ีจะทา เหตุผล ส่วนสาคัญท่ีจะทา รวมท้ังระบุแนวทางในการ แก้ปัญหา ควรยกข้อความต่างๆ จากหนังสือหรือบทความ เพ่ือใช้อ้างอิง หรือแสดงกราฟสถิติประกอบ เพอ่ื บง่ ชี้ความชัดเจนของปัญหาหรือความตอ้ งการในการทาโครงการเร่ืองน้ี ยกตวั อย่างเชน่ ความเป็นมาและความสาคัญของปญั หา เน่ืองจากในปัจจุบันเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือได้มีความสาคัญต่อการดาเนินชีวิตประจาวันของเรา มากขึ้นผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือจึงพัฒนาระบบต่างๆภายในโทรศัพท์มือถือ เพื่อความสะดวกสบายของ ผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือมากข้ึน เช่น บริการรับฝากข้อความ รับ-ส่ง message บริการ WAP เป็นต้น ...........................................................................................................(เนอ้ื ความตอ่ ) 3. วตั ถุประสงค์ของโครงการ ใหเ้ ขียนเปน็ วตั ถุประสงค์เชิงพฤติกรรมรายข้อ ที่สามารถวัดผลได้ โดยเรยี งลาดับตามความสาคัญ ของวัตถปุ ระสงค์ ซึ่งสอดคล้องกับความเป็นมาและความสาคัญของปัญหา 4. ขอบเขตของโครงการ ใหเ้ ขยี นเป็นรายข้อ โดยกาหนดขอบเขตของงาน ปรมิ าณงาน คณุ ลักษณะเดน่ ๆ การเขยี น ขอบเขตตอ้ งสอดคลอ้ งกบั วัตถปุ ระสงค์ ซ่งึ ควรพจิ ารณาในด้านต่างๆ ไดแ้ ก่ ดา้ นเนื้อหา ดา้ นขอบขา่ ย และด้านระยะเวลา 5. ขั้นตอนการดาเนินงาน ให้ระบุวา่ ในการทีจ่ ะทาโครงการใหส้ าเร็จต้องมีขน้ั ตอนการทาอยา่ งไรบ้าง โดยนาเสนอในรูปแบบ ของ Flowchart หรอื Block Diagram พรอ้ มทง้ั แสดงรายละเอยี ดของแตล่ ะขัน้ ตอนให้ชัดเจนดว้ ย โดยขนึ้ หนา้ ใหม่

6. ระยะเวลาการทาโครงการ ให้นาเสนอในรูปแบบของตารางแผนการดาเนินงาน โดยจะต้องให้สอดคล้องกับแผนภูมิข้ันตอน การทาโครงการ 7. ประโยชน์ที่คาดวา่ จะไดร้ บั บอกถงึ คุณประโยชนท์ ั้งทางตรงและทางอ้อมจากการทาโครงการเป็นรายข้อตามลาดับความสาคัญ โดยใหส้ อดคล้องกับที่เขยี นในวตั ถุประสงค์ 8. งบประมาณทใ่ี ช้ในการทาโครงการ สรปุ งบประมาณ โดยประเมินราคาของค่าวสั ดุและอปุ กรณท์ ี่ต้องใชท้ ัง้ หมด 9. เอกสารอา้ งอิง ให้ระบเุ อกสาร หนังสอื หรือ Website ท่ใี ชใ้ นการค้นคว้าข้อมลู เง่ือนไขของแบบเสนอรา่ งโครงการ 1. ใช้กระดาษ A4 สีขาวเท่าน้ัน ยกเวน้ หนา้ ปกสามารถใชก้ ระดาษสีได้ (ถา้ ต้องการ) 2. แบบเสนอรา่ งทง้ั หมด (รวมหน้าปก) ไม่ควรเกิน 10 หนา้ กระดาษ 3. พิมพ์ดว้ ยเคร่ืองพมิ พเ์ ทา่ น้ัน ห้ามเขยี นด้วยลายมอื หรือใชพ้ ิมพ์ดีดพิมพ์ 4. ระยะการตง้ั หนา้ กระดาษ เว้นขอบขวา, ขอบบนและขอบล่าง 1 น้ิว ส่วนขอบซา้ ย 1.5 นว้ิ 5. ใช้ Font TH SarabunPSK เพยี งรปู แบบเดยี วเท่าน้นั หา้ มใช้ Font นอกเหนือจากทร่ี ะบไุ ว้ 6. ขนาดของตวั อักษรใช้ Size 16 เพียงขนาดเดียวเท่าน้ัน การเนน้ ขอ้ ความของหวั ข้อหรือหัวข้อเรื่องท่ี ตอ้ งการใหใ้ ช้วิธกี ารทาตัวหนาเทา่ น้นั ห้ามใช้วิธีการขดี เสน้ ใตห้ รือการใชต้ วั เอน 7. ผู้ท่ีไมป่ ฏบิ ัตติ ามเงอื่ นไขท่ีกาหนดไวน้ ี้ คณะกรรมการโครงการอาจจะไมร่ บั รา่ งโครงการก็ได้ 8. ให้นักศึกษาสามารถดาเนนิ การยนื่ แบบเสนอร่างโครงการไดต้ งั้ แตบ่ ดั นี้ เปน็ ตน้ ไป 9. สิน้ สดุ การรบั แบบเสนอรา่ งโครงการ ตามระยะเวลาทีค่ ณะกรรมการกาหนดเท่านัน้

(ตัวอย่างปกนอก) แบบประเมนิ ความก้าวหนา้ โครงการ ชอ่ื โครงการ (ภาษาไทย) ช่อื โครงการ (ภาษาอังกฤษ) ชื่อผจู้ ัดทา ชอ่ื ผู้เสนอคนท่ี 1 รหัสประจาตัว ชื่อผ้เู สนอคนท่ี 2 รหสั ประจาตวั ช่ือผู้เสนอคนที่ 3 รหัสประจาตัว ภาคเรยี นท่ี 1/2564 สาขาวชิ าเทคโนโลยีสารสนเทศ วทิ ยาลยั เทคโนโลยอี รรถวิทย์พณชิ ยการ

แบบฟอร์มประเมินความก้าวหน้าโครงการ ชื่อโครงการ (ภาษาไทย) ชอ่ื โครงการ (ภาษาองั กฤษ) ปีการศกึ ษา 25……. ชื่อผู้จัดทาโครงการ (1) ........................................... รหัส..................... ชน้ั ป.ี ................. (2) ........................................... รหัส..................... ชั้นป.ี ................. (3) ........................................... รหัส..................... ชัน้ ปี.................. (4) ........................................... รหัส..................... ชัน้ ปี.................. ชือ่ อาจารย์ท่ีปรกึ ษาโครงการ อาจารย์ .............................................. ชอื่ อาจารย์ท่ปี รกึ ษาโครงการร่วม (ถา้ มี) อาจารย์ .............................................. โครงการน้ีจัดอยใู่ นกล่มุ ของ  Web Programming  Computer Multimedia  Game Computer  Database System  Hardware Computer  .................................................... ขอบเขตของโครงการทั้งหมด ระบบงานสามารถตรวจสอบผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ มีการกาหนดขอบเขตการเบิก – จ่ายค่า รักษาพยาบาล ดงั ต่อไปน้ี 1. ระบบมลี ักษณะการทางานเป็นเว็บท่มี รี ะบบฐานข้อมลู จัดเก็บ 2. ผใู้ ชต้ ้องเข้าระบบโดยมี Username และ Password ในการเขา้ ใช้ระบบ 3. ระบบจะตอ้ งมีการตรวจสอบผ้ใู ช้ โดยแบ่งการตรวจสอบเปน็ ระดบั การใช้งานได้ 3 ระดับ คอื 3.1 ผู้ดแู ลระบบ มสี ทิ ธใิ นการใช้งาน ดังตอ่ ไปนี้ 3.1.1 เพิ่ม/ลบ/แก้ไข สถานะผ้ใู ช้งาน 3.1.2 ตรวจสอบการใช้งานของผู้ใชง้ าน 3.2 เจ้าหน้าทมี่ สี ิทธใิ นการใชง้ าน ดังตอ่ ไปนี้ 3.2.1 เพมิ่ /แกไ้ ข ขอ้ มลู สว่ นตัวของผู้ใช้งาน 3.2.2 เพิม่ /แกไ้ ข ข้อมลู การเบกิ - จ่ายค่ารักษาพยาบาล

3.2.3 ตรวจสอบข้อมูลวงเงินคงเหลือในปงี บประมาณ 3.2.4 สถิตกิ ารเบกิ -จ่ายคา่ รักษาพยาบาลของผู้เบิก 3.2.4.1 กราฟสถิติเปรยี บเทยี บการเบิก - จ่ายของแต่ละภาควิชา 3.2.4.2 กราฟสถติ เิ ปรียบเทยี บการเบิก – จ่ายของบุคลากร ได้แก่ขา้ ราชการและ พนกั งานมหาลยั 3.2.4.1 กราฟสถติ เิ ปรยี บเทยี บการเบกิ - จ่ายของระหว่างปงี บประมาณ 3.3 บุคลากรหรือผู้เบกิ มีสิทธิในการใชง้ าน ดงั ต่อไปนี้ 3.2.1 ตรวจสอบข้อมลู สว่ นตวั 3.2.2 ตรวจสอบขอ้ มูลการเบกิ - จ่ายค่ารักษาพยาบาล 3.2.3 ตรวจสอบข้อมูลสทิ ธกิ ารเบิก - จ่ายประจาปีงบประมาณ 4. รายงานตรวจสอบสทิ ธกิ ารเบกิ – จ่ายคา่ รกั ษาพยาบาลประจาวัน 5. รายงานตรวจสอบสิทธกิ ารเบกิ – จ่ายคา่ รักษาพยาบาลประจาเดอื น 6. รายงานตรวจสอบสทิ ธกิ ารเบิก – จ่ายคา่ รกั ษาพยาบาลประจาปีงบประมาณ หมายเหตุ: 1. ในส่วนของขอบเขตของโครงการทั้งหมด ให้นักศึกษาเป็นผู้กาหนดขอบเขตตาม แผนท่ีได้นาเสนอไว้ใน Project Study และต้องอยู่ภายใต้ความเห็นชอบของ อาจารย์ท่ปี รึกษา 2. ในการรายงานผลความก้าวหน้าของโครงการทุกคร้ัง จะต้องผ่านความเห็นชอบ จากอาจารย์ทปี่ รึกษา และมีลายเซน็ ของอาจารยท์ ่ปี รึกษาด้วยทุกครั้ง

(ตวั อย่างการเขียนรายละเอียด) รายงานผลความกา้ วหนา้ ของโครงการ 25% รายละเอียดของหัวข้อท่รี ายงานผล ผา่ น ไมผ่ ่าน เหตุผล (กรณไี มผ่ า่ น) ความกา้ วหนา้ 1. รวบรวมข้อมลู 2. ศกึ ษาข้อมูล 3. วเิ คราะห์งาน - DFD 4. ออกแบบฐานข้อมูล - สว่ นผดู้ ูแลระบบ - ส่วนเจา้ หนา้ ที่ 5. โครงการ บทท่ี 1 6. โครงการ บทที่ 2 (บางส่วน) การประเมินผลความกา้ วหน้าของโครงการโดยอาจารย์ท่ีปรึกษา  ผา่ น  ไม่ผ่าน ข้อช้แี จงของอาจารย์ทป่ี รกึ ษา (กรณีทอ่ี าจารย์ทป่ี รกึ ษาประเมินไมผ่ า่ น) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลายเซน็ ………………………………………………………….………..……… () อาจารยท์ ี่ปรึกษา วันที่ …….. / …………………. / 25….. การประเมินผลความก้าวหน้าของโครงการโดยอาจารย์ท่ีปรึกษารว่ ม  ผ่าน  ไมผ่ า่ น ขอ้ ชี้แจงของอาจารย์ทีป่ รกึ ษา (กรณีท่ีอาจารยท์ ปี่ รึกษาประเมินไมผ่ า่ น) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลายเซน็ ………………………………………………………….………..……… () อาจารย์ท่ีปรึกษาร่วม วนั ท่ี …….. / …………………. / 25…..

สว่ นน้สี าหรับกรรมการ การประเมนิ ผลความก้าวหน้าของโครงการโดยกรรมการ  ผ่าน  ไมผ่ า่ น ความคิดเห็นของกรรมการ (กรณที ี่กรรมการประเมินไม่ผา่ น) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลายเซน็ ………………………………………………………….………..……… () กรรมการตรวจสอบ วันท่ี …….. / …………………. / 25…..

รายงานผลความก้าวหนา้ ของโครงการ 50% รายละเอยี ดของหัวข้อทรี่ ายงานผล ผา่ น ไมผ่ า่ น เหตผุ ล (กรณีไม่ผ่าน) ความก้าวหน้า ส่วนผ้ดู ูแลระบบ 7. หนา้ Login 8. หนา้ เพิ่ม ลบ แกไ้ ขข้อมลู ผใู้ ช้งาน 9. หน้าตรวจสอบการใชง้ านของผู้ใชง้ าน สว่ นเจา้ หน้าท่ี 10. หน้าเพม่ิ แก้ไขขอ้ มลู ผใู้ ชง้ าน 11. หน้าเพม่ิ แก้ไข ข้อมลู การเบิก – จ่าย 12. หน้าตรวจสอบขอ้ มูลวงเงนิ คงเหลือ 13. สถิตกิ ารเบกิ –จา่ ยคา่ รกั ษาพยาบาลของผเู้ บิก - กราฟสถิติเปรียบเทียบการเบกิ - จ่ายของ แต่ละภาควชิ า 14. จดั ทาเอกสารโครงการบทท่ี 2 ในส่วน ทเี่ หลือ 15. จัดทาเอกสารโครงการบทที่ 3 การประเมนิ ผลความก้าวหน้าของโครงการโดยอาจารย์ที่ปรึกษา  ผา่ น  ไมผ่ ่าน ข้อชี้แจงของอาจารย์ทปี่ รึกษา (กรณีทีอ่ าจารย์ทป่ี รึกษาประเมนิ ไมผ่ า่ น) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลายเซ็น ………………………………………………………….………..……… () อาจารย์ท่ีปรกึ ษา วันที่ …….. / …………………. / 25…..

การประเมินผลความก้าวหน้าของโครงการโดยอาจารย์ที่ปรึกษาร่วม  ผา่ น  ไมผ่ า่ น ข้อชีแ้ จงของอาจารย์ท่ปี รกึ ษา (กรณที อี่ าจารย์ทปี่ รกึ ษาประเมินไมผ่ า่ น) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลายเซน็ ………………………………………………………….………..……… () อาจารย์ทป่ี รกึ ษาร่วม วันที่ …….. / …………………. / 25….. สว่ นน้ีสาหรับกรรมการ การประเมนิ ผลความก้าวหน้าของโครงการโดยกรรมการ  ผ่าน  ไม่ผา่ น ความคิดเห็นของกรรมการ (กรณที ่ีกรรมการประเมินไมผ่ า่ น) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลายเซน็ ………………………………………………………….………..……… () กรรมการตรวจสอบ วันท่ี …….. / …………………. / 25…..

รายงานผลความก้าวหน้าของโครงการ 75% รายละเอียดของหัวข้อท่รี ายงานผล ผ่าน ไม่ผา่ น เหตุผล (กรณไี ม่ผ่าน) ความก้าวหนา้ สว่ นบุคลากร 16. หน้าตรวจสอบขอ้ มูลสว่ นตัว 17. หน้าตรวจสอบขอ้ มลู การเบิก - จ่ายคา่ รักษาพยาบาล 18. หนา้ ตรวจสอบขอ้ มลู สทิ ธกิ ารเบกิ - จ่าย ประจาปงี บประมาณ ส่วนรายงาน 19. หนา้ รายงานตรวจสอบสทิ ธกิ ารเบิก – จ่ายคา่ รักษาพยาบาลประจาวนั 20. หน้ารายงานตรวจสอบสิทธกิ ารเบกิ – จา่ ยค่า รักษาพยาบาลประจาเดอื น 21. หน้ารายงานตรวจสอบสิทธิการเบิก – จ่ายค่า รักษาพยาบาลประจาปีงบประมาณ 22. ทดสอบการใช้ระบบงาน 23. แก้ไขระบบงาน 24. จดั ทาโครงการบทที่ 4 การประเมนิ ผลความกา้ วหน้าของโครงการโดยอาจารย์ที่ปรกึ ษา  ผา่ น  ไม่ผ่าน ขอ้ ชแ้ี จงของอาจารย์ท่ีปรึกษา (กรณีท่ีอาจารยท์ ีป่ รึกษาประเมนิ ไมผ่ า่ น) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลายเซ็น ………………………………………………………….………..……… () อาจารยท์ ่ีปรกึ ษา วนั ท่ี …….. / …………………. / 25…..

การประเมนิ ผลความกา้ วหน้าของโครงการโดยอาจารย์ที่ปรึกษาร่วม  ผา่ น  ไมผ่ า่ น ข้อชีแ้ จงของอาจารยท์ ่ีปรกึ ษา (กรณที ี่อาจารย์ทปี่ รกึ ษาประเมินไมผ่ า่ น) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลายเซ็น ………………………………………………………….………..……… () อาจารย์ทป่ี รึกษาร่วม วันท่ี …….. / …………………. / 25….. ส่วนน้สี าหรับกรรมการ การประเมินผลความก้าวหน้าของโครงการโดยกรรมการ  ผ่าน  ไมผ่ ่าน ความคิดเหน็ ของกรรมการ (กรณที ก่ี รรมการประเมนิ ไมผ่ า่ น) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลายเซน็ ………………………………………………………….………..……… () กรรมการตรวจสอบ วันท่ี …….. / …………………. / 25…..

รายงานผลความก้าวหนา้ ของโครงการ 100% รายละเอียดของหัวข้อท่รี ายงานผลความก้าวหน้า หมายเหตุ 25. ทดสอบระบบสารสนเทศงานสวสั ดกิ ารการเบิก – จ่ายค่า รกั ษาพยาบาล 26. แก้ไขและสรุประบบงาน 27. รูปเล่มโครงการฉบบั สมบรู ณ์ 28. ขอสอบโครงการ หมายเหตุ รายงานผลความกา้ วหนา้ ของโครงการ 100% จะอยชู่ ่วงหลงั จากสอบนาเสนอโครงการไปแลว้

วนั / เดือน / ปี บนั ทกึ การเข้าพบอาจารย์ท่ีปรึกษา หมายเหตุ ลายเซน็ อาจารย์ทีป่ รึกษา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook