NOVEMBER 2022 | VOL.6 KM & INNO NEWSLETTER Dhanarak Asset Development Co., Ltd การจัดการความรู้ คือ เรื่องที่อยู่ใน พบกันอีกแล้วสำหรับ KM & INNO Newsletter ฉบับเดือนพฤศจิกายน ชีวิตประจำวันของเรา ทุกอย่างที่ เป็นฉบับที่ 6 ของปี 2022 โดยบทความ KM & INNO Newsletter ใน เราทำล้วนแล้วแต่ต้องการรากฐาน ฉบับนี้จะขอกล่าวถึง ของความรู้ทั้งสิ้น การจัดการความ รู้เป็นเพียงแค่เอาความรู้เหล่านั้น 1. การต่อเติมบ้านให้ถูกกฎหมาย ต้องทำอย่างไร 2. Cyber Security มาจัดเรียงให้เหมาะสม จัดเก็บให้ 3. ‘Eisenhower Matrix’ เทคนิคบริหารจัดการเวลาแบบประธานาธิบดี เป็นระบบ และนำไปใช้ให้เกิด อยากบริหารเวลาให้ได้ ต้องจัดลำดับความสำคัญให้เป็น 4. กระตุ้น ประโยชน์ เท่านั้นเอง เศรษฐกิจ 5. VUCA World 6. รู้ทัน! อาการ FOMO (Fear of Missing Out) กับดักร้ายสายติดเทรนด์ 7. อิคิไก (Ikigai) 8. ภัยคุกคาม นายนิ ติพงศ์ คฤหโกศล 9. ลูกจ้างไม่ผ่านการทดลองงานนายจ้างต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือไม่ ? KMCC 10. ความเชื่อและความนิยม “พระเครื่องไทย” ในจีน และปิดท้ายด้วย 11. รับมือในช่วงหน้าหนาว โดยทุกท่านจะได้พบกับคำตอบในบทความ ทั้งนี้ ทุกคนใน ธพส. สามารถส่งบทความ ฉบับนี้ครับ ความยาวจำนวน 2-4 หน้ากระดาษ รวมทั้งข้อ เสนอแนะหรือ คำติชมมาได้ผ่านทางช่องทาง ผู้ได้รับรางวัล ฉบับเดือนตุลาคม [email protected] VOL.5 - 02/02 และสำเนา [email protected] เพื่อทางทีมงาน จะได้นำไปพัฒนา KM & คุณสาธิต ทองอร่าม INNO NEWSLETTER ให้มีความน่าสนใจต่อ ฝ่ายบริหารอาคาร ไป และทุกงานเขียนที่ท่านส่งมามีสิทธิ์ลุ้นรับ ร า ง วั ล ใ น ป ล า ย ปี ด้ ว ย น ะ ค รั บ ส่วนจัดการความรู้และนวัตกรรม ฝ่ายทรัพยากรบุคคล
การต่อเติมบ้านให้ถูกกฎหมาย ต้องทำอย่างไร สำหรับผู้ที่มีบ้านเดี่ยว หรือ ทาวน์เฮ้าส์ / ทาวน์โฮม อาจจะอยากต่อเติม บ้าน หรือมีไอเดียจะดัดแปลงบางส่วนของบ้าน หรือต่อเติมบ้านเพื่อเพิ่ม พื้นที่ใช้สอย แต่ในโครงการจัดสรรส่วนใหญ่จะถูกออกแบบตัวบ้านให้ สอดคล้องกับเนื้อที่ดินที่มี รวมถึงสัดส่วนพื้นที่ใช้สอยต่าง ๆ และเสาเข็ม ส่วนใหญ่ที่เลือกใช้ก็เป็นขนาดที่รองรับบ้านตามแบบที่ออกแบบไว้ หลาย โครงการไม่ได้เผื่อสำหรับการรับน้ำหนักอื่น ๆ ด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลกับ ต้นทุน และราคาบ้าน ทั้งนี้ การต่อเติมบ้านเพื่อให้มีพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านมากขึ้น จริง ๆ แล้วหา กไม่ได้รับอนุญาตถือว่าผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติ ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ที่ว่าด้วยเรื่องการดัดแปลง หรือต่อเติมอาคาร จะต้องขอ อนุญาต แต่ยังมีข้อยกเว้นอยู่ด้วยกัน 5 กรณีที่ไม่ต้องขออนุญาต ดังนี้ 5 กรณีที่ไม่ต้องขออนุญาตเมื่อต่อเติมบ้าน 1.การ “เพิ่ม” หรือ “ลด” เนื้อที่ของพื้นชั้นใดชั้นหนึ่งรวมกันไม่เกิน 5 ตารางเมตร และไม่มีการเพิ่มหรือลด จำนวนเสาหรือคาน ซึ่งหมายความว่า ถ้าเกินกว่า 5 ตารางเมตร ก็ต้องขออนุญาต 2.การ “เพิ่ม” หรือ “ลด” เนื้อที่ของหลังคารวมกันไม่เกิน 5 ตารางเมตร และไม่มีการเพิ่มหรือลดจำนวนเสา หรือคาน หมายความว่า ถ้าเกินกว่า 5 ตารางเมตร ก็ต้องขออนุญาต 3.การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอาคาร ด้วยการใช้วัสดุ ขนาด จำนวน และชนิดเดียวกับของเดิม ซึ่งหมายความว่า ถ้าเรามีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเป็นวัสดุที่แตกต่างจากเดิม ต้องขออนุญาต 4.การเปลี่ยนส่วนใด ๆ ภายในบ้านที่ไม่ใช่ส่วนที่เป็นโครงสร้างอาคาร ด้วยการใช้วัสดุชนิดเดียวกับของเดิม หรือวัสดุ ชนิดอื่นที่ไม่ได้เพิ่มน้ำหนักให้แก่โครงสร้างของอาคารเดิมเกิน 10% ของน้ำหนักเดิม ซึ่งหมายความว่า ถ้าเรามีการ เปลี่ยนแปลงส่วนใด ๆ ภายในบ้านด้วยวัสดุที่แตกต่างจากเดิม หรือเพิ่มน้ำหนักเกินกว่า 10% ของน้ำหนักเดิม ต้องขออนุญาต 5.การเปลี่ยน ต่อเติม เพิ่ม ลด เนื้อที่ส่วนใด ๆ ก็ตามในบ้านที่ไม่ใช่ส่วนที่เป็นโครงสร้างอาคาร และไม่เพิ่มน้ำหนัก ให้แก่โครงสร้างเกิน 10% ของโครงสร้างอาคารเดิม ซึ่งหมายความว่า ถ้าเรามีการเปลี่ยน ต่อเติม เพิ่ม ลด เนื้อที่ ในบ้านด้วยวัสดุที่แตกต่างจากเดิม หรือเพิ่มน้ำหนักเกินกว่า 10% ของน้ำหนักเดิม ต้องขออนุญาต 2
ขั้นตอนในการขออนุญาต ก่อนต่อเติมบ้าน เหตุผลสำคัญที่ภาครัฐกำหนดว่า ต้องขออนุญาตต่อเติมก่อนนั้น เป็นเพราะความปลอดภัยทั้งของเจ้าของบ้าน ที่ต่อเติมเองและเพื่อนบ้านใกล้เคียง แบบต่อเติมบ้านนั้นอาจส่งผลกระทบไม่ทางใดก็ทางหนึ่งไปยังเพื่อนบ้าน หรือชุมชนใกล้เคียง ดังนั้น การต่อเติมจึงควรขออนุญาตให้ถูกต้องก็ดีกว่า โดยขั้นตอนในการขออนุญาต มีดังนี้ 1.ติดต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่บ้านของเราตั้งอยู่ เช่น ถ้าบ้านของเราอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ก็ดำเนินเรื่องผ่าน สำนักงานเขตกรุงเทพมหานครที่พื้นที่ที่บ้านเราตั้งอยู่ ส่วนถ้าเป็นต่างจังหวัด เราอยู่จังหวัดไหน เราก็แจ้ง กับองค์การบริหารจัดการส่วนท้องถิ่นของจังหวัดนั้น ๆ 2.ยื่นแบบขออนุญาตก่อสร้างอาคาร, ดัดแปลงอาคาร, รื้อถอนอาคาร 3.เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ก็ต้องมายื่นขอรับใบอนุญาตดังต่อไปนี้ ใบแจ้งการออกใบอนุญาตก่อสร้าง, ดัดแปลง, รื้อถอนอาคาร ภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ขออนุญาต หลังจากนั้น ให้ขอรับใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร, ดัดแปลงอาคารรื้อถอนอาคาร ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ ได้รับหนังสือแจ้งออกใบอนุญาตไว้ ทั้งนี้ เอกสารและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ สามารถติดต่อสอบถามได้จากสำนักงานเขตท้องถิ่นตามพื้นที่ที่บ้านเราตั้งอยู่ ซึ่งอาจจะยุ่งยากเล็กน้อย แต่ทำตามความถูกต้อง ก็ปลอดภัยทั้งกับตัวเองและชุมชนรอบข้าง หากต่อเติมบ้านโดยไม่ได้ขออนุญาตมีโทษอย่างไร หากต่อเติมบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือแบบต่อเติมบ้านผิดไปจากแบบแปลนที่ยื่นขอไว้ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ก่อนต่อเติมบ้านการแจ้งเพื่อนบ้านก็สำคัญ เมื่อได้แบบต่อเติมบ้านมาแล้ว นอกจากขออนุญาตกับทางการแล้ว สิ่งที่ “ลืมไม่ได้” นั่นก็คือ การแจ้งกับเพื่อนบ้าน ใจเขาใจเรา เพื่อความสงบสุขในการอยู่อาศัยร่วมกัน บอกกล่าวเพื่อนบ้านว่าเราจะต่อเติม รื้อถอน ตั้งแต่ช่วงวันไหน ถึงวันไหน อาจทำให้เกิดความไม่สะดวก และการเปลี่ยนแปลงแบบต่อเติมบ้านเหล่านี้ อาจจะกระทบกับเพื่อนบ้าน อย่างไรบ้าง เพราะหากเราต่อเติม รื้อถอน แล้วส่งผลกระทบกับเพื่อนบ้าน แม้จะดำเนินการขออนุญาตทางการ อย่างถูกต้อง เราก็อาจจะถูกฟ้องร้องได้เช่นกัน นางสาวพิญชญาภา หอมชะเอม ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ที่มา : https://shorturl.asia/SaqLW พรบ.ควบคุมอาคาร https://www.ubu.ac.th/web/files_up/00045f2021030310303373.pdf 3
การโจมตีทางไซเบอร์มีทั้งประเภทแบบเปิดเผย และแบบแอบแฝง ซึ่งทั้งสองแบบ CYBER SECURITY นี้ออกแบบมาเพื่อขัดขวางธุรกิจ องค์กรควรตระหนักถึงความสำคัญของการ ความปลอดภัยบน ปกป้องทรัพยากร และการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ แฮกเกอร์และ อาชญากรไซเบอร์ก็จะพัฒนาการโจมตีในรูปแบบที่ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ โลกไซเบอร์ การรักษาความปลอดภัยทาง ไซเบอร์มีความสำคัญมากขึ้น Critical Infrastructure Security เป็นการรักษา เรื่อย ๆ เนื่องจากสมาร์ทโฟน ความปลอดภัยของระบบโครงสร้างพื้นฐาน ที่จำเป็นจะ คอมพิวเตอร์ และอุปรณ์ ต้องวางระบบความปลอดภัยให้ดี เพราะหากไม่มีการ แท็บเล็ตนั้น ล้วนเป็นส่วนสำคัญ ปกป้องอย่างเหมาะสม อาจมีความเสี่ยงในการถูกโจมตี ของการทำงาน และการใช้ชีวิต สูงกว่ารูปแบบอื่ น ประจำวัน สิ่งที่ควรปฏิบัติเพื่อ Network Security เป็นการรักษาความปลอดภัยของ ความปลอดภัย จึงมีดังนี้ ระบบอินเทอร์เน็ตที่จะช่วยป้องกันการถูกคุกคามจาก ภายนอกที่เข้ามาใช้งานระบบอินเทอร์เน็ตโดยไม่ได้รับ ไม่ควรจด Password และติด อนุญาต ซึ่งอาจจะมีการนำเทคโนโลยีและระบบ AI เข้ามา Password ไว้ที่หน้าจอ และไม่ ช่วยเพื่อแจ้งเตือนถึงความผิดปกติในส่วนนี้ ควรบอก Password แก่ผู้อื่น Application Security ในการพัฒนาหรือติดตั้ง ไม่เปิด E-mail และไม่เปิดไฟล์ แอปพลิเคชัน อาจมีการโจมตีหรือมีการแฝงตัวเข้ามา แนบจาก ประเภทของ ทำให้การเลือกใช้ตัวช่วยในการรักษาความปลอดภัยด้วย E-mail ที่น่าสงสัย หรือผู้ส่งไม่ CYBER SECURITY แอปพลิเคชัน จึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะเพิ่มความ ชัดเจน ปลอดภัยให้กับการพัฒนาระบบได้อีกทางหนึ่ง ไม่เข้าเว็บไซต์ที่ได้รับจากช่องทาง Internet of Thing Security หรือ IoT การรักษาความ ที่ไม่แน่ชัด เช่น จากการแชร์ผ่าน ปลอดภัยบนอุปกรณ์ Internet of Thing ที่มีการใช้งาน ช่องทาง Social ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพราะภายในระบบ IoT มีการรับส่งข้อมูล เว็บไซต์สำหรับทำธุรกรรมที่ ถึงกัน ผ่านการใช้งาน สำคัญ หรือต้องมีการกรอก ข้อมูลที่สำคัญต้องมี SSL และใช้ งานผ่าน HTTPS เท่านั้น ไม่ควรใช้งาน WIFI ที่เปิดให้ใช้ บริการแบบไม่มีรหัสผ่าน ภัยคุกคามทางไซเบอร์ เปิดการใช้งาน PIN / Malware โปรแกรมประสงค์ร้ายที่ถูกเขียนขึ้นมา เพื่อทำอันตรายกับ Password, Face scan หรือ ข้อมูลในระบบ Fingerprint ในการเข้าใช้งาน คำที่ใช้เรียกเทคนิคการหลอกลวงโดยใช้อีเมลหรือหน้า Phishing เว็บไซต์ปลอมเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูล อุปกรณ์ Mobile SQL Injection เป็นเทคนิคที่ใช้ประโยชน์จากส่งคำสั่ง SQL ผ่านทาง ควรติดตั้งระบบยืนยันตัวตนด้วย Attacks แอปพลิเคชันเพื่อไปโจมตีระบบฐานข้อมูลหลังบ้าน 2 ขั้นตอน (Two Factor Cross-Site การส่งสคริปข้ามเว็บไซต์ เพื่อโจมตีเหยื่อที่เปิดเข้าไป หรือ Scripting โจมตีหน้าเว็บเพจ Authentication) Denial of การปฏิเสธการให้บริการ เป็นการโจมตีโดยมีจุดมุ่งหมาย ให้ระวัง! ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา! สิ่ง 4 Service ทำให้ระบบไม่สามารถให้บริการได้ นั้นเป็นสิ่งที่น่าสงสัย! ให้ปฏิบัติตาม นโยบายและแนวปฏิบัติในการรักษา Man-in- การที่มีผู้ไม่หวังดีเข้ามาแทรกกลางในการสนทนา ทำให้สามารถใช้ ความมั่นคงปลอดภัยด้าน the-Middle รูปแบบการโจมตีในลักษณะนี้ในการดักรับหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูล สารสนเทศ อย่างไรก็ตามโปรดจำไว้ ว่าอาชญากรไซเบอร์มีวิธีการที่พลิก Password เป็นการสุ่มเดา Password แพลงมากขึ้นเรื่อยๆ ในการ Attacks พยายามเข้ามาขโมยข้อมูลและดึง ข้อมูลจากคุณ ซึ่งจะทำให้พวกเขา โจมตีข้อมูลต่างๆ เช่น บัญชีเงิน ฝาก ข้อมูลประจำตัวของคุณ และ ในอนาคตอันใกล้นี้ ยังรวมถึงข้อมูล ด้านสุขภาพ หรือที่เกี่ยวข้องกับ
พ.ร.บ. ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ร.บ. ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ คืออะไร ? พ.ร.บ. ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ คือ กฎหมายที่ตราขึ้นเพื่อให้ประเทศไทยมีมาตรการ ป้องกัน รับมือ และลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่กระทบต่อความมั่นคงของ รัฐและความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ โดย พ.ร.บ. นี้ มีผลบังคับใช้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 โดยมีสาระสำคัญคือแนวทางในการจัดการ การป้องกัน การรับมือ และการลดความเสี่ยงทางไซเบอร์ มีการประสานความร่วมมือระหว่าง ผู้เกี่ยวข้อง พัฒนาความรู้ความสามารถของบุคคลากรและผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงการให้ ความรู้และความตระหนักถึงภัยไซเบอร์อีกด้วย พ.ร.บ. หน่วยงานควบคุม หรือกำกับดูแล ดูแลการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐ หรือโครงสร้างพื้นฐาน สำคัญให้มีมาตรฐาน เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย กำกับดูแลสถาบันการเงินกสทช. กำกับดูแล ผู้ให้บริการโทรคมนาคม สำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ เป็นศูนย์การเฝ้าระวัง ความปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศ และให้การช่วยเหลือในการป้องกัน และรับมือเมื่อเกิด ภัยคุกคามในระดับร้ายแรง ภัยคุกคามทางไซเบอร์ระดับร้ายแรง ระบบในการให้บริการที่สำคัญของหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐาน ถูกโจมตี จนไม่สามารถให้บริการได้ ภัยคุกคามไซเบอร์ระดับวิกฤต ระบบบริการพื้นฐานที่สำคัญถูกโจมตี ไม่สามารถให้บริการ ได้เป็นวงกว้าง กระทบกับชีวิต และความปลอดภัยของประชาชนจำนวนมาก และมีความ เสี่ยงที่จะลุกลามไปยังโครงสร้างพื้นฐานสำคัญอื่น ๆ ได้อะไรจาก พ.ร.บ. ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ? 1. ระบบคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานโครงสร้างพื้ นฐานสำคัญมีความ ปลอดภัยสามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง 2. มีแนวทางในการรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ไม่ให้เกิดผลกระทบ เป็นวงกว้าง และกลับมาทำงานได้อย่างรวดเร็ว 3.มีการจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาดูแลมาตรฐานด้านความปลอดภัยไซเบอร์ และให้ความช่วยเหลือแก่หน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ 4.เมื่อเกิดภัยคุกคามร้ายแรง การเข้าไปแก้ไขปัญหาที่ต้องเข้าถึงทรัพย์สิน ที่มา : นางสาวศุภภร จรุงคงเดช 5 https://ict.moph.go.th/th/extension/606 นางสาวคณิตา ทองเหมือน https://ict.dmh.go.th/events/events/files/CyberSecurity-Awareness.pdf ส่วนพัฒนาระบบดิจิทัล ฝ่ายดิจิทัล
‘Eisenhower Matrix’ เทคนิคบริหารจัดการเวลาแบบประธานาธิบดี อยากบริหารเวลาให้ได้ ต้องจัดลำดับความสำคัญให้เป็น ‘รู้สึกยุ่งทั้งวัน จนไม่มีเวลาทำอะไร’ ‘จัดการเวลาตัวเองไม่ได้ ต้องทำยังไงดี’ ‘ควรจะทำงานไหนก่อนกันดีล่ะ ดูเหมือนจะสำคัญไปหมด’ ถ้าหากคุณกำลังเจอปัญหาเหล่านี้ มาทำความรู้จัก ‘Eisenhower Matrix’ ตัวช่วยบริหารเวลา ไม่ให้ชีวิตการทำงานของคุณมีแต่งาน ‘ร้อน’ อีกต่อไปแต่ก่อนที่เราจะไปทำความรู้จักกัน ไปเข้าใจกันก่อนว่า ทำไมคนเรา ถึงมีการบริหารจัดการเวลาที่แย่ จากผลการศึกษาใน Journal of Consumer Research ระบุว่า คนเรานั้นจะตกหลุมจิตวิทยาที่เรียกว่า ‘Mere-Urgency Effect’ ที่เรามักจะไปโฟกัสกับงานที่มีความเร่งด่วน มากกว่า ถึงแม้ว่างานที่ไม่เร่งด่วนจะให้ความคุ้มค่าและประโยชน์บางสิ่งบาง อย่างในระยะยาวมากกว่า และคนประเภทนี้ก็มักจะเป็นคนประเภทที่บอกว่า ตัวเองนั้น ‘ยุ่ง’ อยู่ตลอดเวลา ทำให้เราต้องมาดูกันว่าจะทำอย่างไรให้เรา สามารถจัดลำดับความสำคัญกับสิ่งต่าง ๆ ที่จะช่วยให้คุณบริหารจัดการ เวลาชีวิตให้ดีขึ้น และเลิกทำงานแบบ ‘ไฟลนก้น’ ได้สักที ‘Eisenhower Matrix’ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่เป็นที่พูดถึงกันอย่างมากว่าเป็นทริกที่หมู่ผู้บริหารและหัวหน้านำมาปรับใช้กันอย่างแพร่หลาย เพื่อที่จะจัดลำดับความสำคัญของงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ EISENHOWER MATRIX คืออะไร ? หรือที่รู้จักกันในชื่อที่ว่า Time Management Matrix และ Priority Matrix เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการบริหารจัดการงานในแต่ละวัน ทำให้ เรารู้ว่างานแบบไหนที่ควรจะทำก่อน งานแบบไหนควรจัดสรรเวลามาทำ หรืองานแบบไหนเดี๋ยวเอาไว้ก่อน โดยงานของเราก็จะถูกแบ่งออกเป็น 4 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ 6
Q1. งานที่เร่งด่วนและสำคัญ งานประเภทที่มีทั้งความเร่งด่วนและสำคัญ มีความต้องการที่จะต้องให้เราลงมือทำให้เร็วที่สุด เพราะถ้าหากไม่ทำอาจจะส่ง ผลกระทบอะไรบางอย่างให้กับเราหรือองค์กรได้ ทำให้เราจะต้องทำงานประเภทนี้โดย ‘ทันที’ โดยงานประเภทนี้ก็อาจเกิดจากการ ที่เรามักจะบอกกับงานสำคัญ ๆ ว่า “เดี๋ยวค่อยทำ ๆ” จนสุดท้ายใกล้ถึงเดดไลน์ที่ต้องส่งจริงๆ เลยต้องมาเร่งทำในนาทีสุดท้าย แต่ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ใช่คนที่ชอบผัดวันประกันพรุ่ง งานประเภทนี้สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะบางทีมันก็อาจจะเกิดจากปัจจัย ภายนอกที่เราควบคุมไม่ได้ อย่างงานลูกค้า ที่เข้ามาแจ้งปัญหาหรืออยากให้เราแก้งาน ทำให้เราต้องลงมือแก้ไขทันทีอย่างไร ก็ตาม ก็ต้องระวังให้ดี ถ้าหากงานส่วนมากของคุณอยู่ในประเภทนี้เยอะ ๆ เข้า ก็อาจจะทำให้เกิดความเครียดและอาการ Burnout ได้ Q2. งานที่ไม่เร่งด่วน แต่สำคัญ งานประเภทที่ไม่มีเร่งด่วน แต่สำคัญ มักจะเป็นประเภทงานที่อาจจะไม่มีเดดไลน์หรือวันที่ต้องส่งแบบตายตัว แต่สำคัญกับเรา ตรงที่มันจะช่วยให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายระยะยาวที่เราตั้งไว้ได้ถ้าหากเราทำมันสำเร็จ งานประเภทนี้จึงเป็นประเภทที่เราจะ ต้องมา ‘จัดเวลาและวางแผนว่าจะทำเมื่อไหร่’ เพราะว่างานใน Q2 นี้ไม่ได้โฟกัสไปที่ ‘ปัญหา’ กับ ‘ความเร่งด่วน’ เหมือนกับงานใน Q1 แต่โฟกัสที่ ‘โอกาสที่จะทำให้เราหรือองค์กรเติบโต’ แทน หรือพูดง่าย ๆ ว่าเป็นงานที่สร้างคุณค่าให้กับทั้งเราหรือองค์กร อาจจะเป็นการวางแผนระยะยาวสำหรับองค์กร การเน็ตเวิร์กกิ้ง การพัฒนาองค์กร การเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ หรือแม้แต่การ ออกกำลังกาย ก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน Q3. งานที่เร่งด่วน แต่ไม่สำคัญ สำหรับงานประเภทที่เร่งด่วน แต่ไม่สำคัญ ส่วนมากงานประเภทนี้จะถูกนิยามว่าเป็นงานยุ่ง ๆ ที่ไม่ก่อให้เกิดคุณค่าใด ๆ ไม่ได้ ต้องการทักษะอะไรจากเราเป็นพิเศษถึงจะทำมันได้ และยังเป็นที่ที่ Mere-Urgency Effect มักจะเกิดขึ้นมากที่สุด ทำให้งานประเภทนี้ สามารถที่จะไหว้วานให้คนอื่นทำแทนได้ สามารถที่จะใช้ Outsource แทนได้ หรือบางทีอาจจะไม่ต้องทำ เลยก็ได้ (หรือพยายามลดให้ได้มากที่สุด) หรือในอีกกรณีที่เป็นมีคนอื่นมาขอให้เราทำงานด่วน แต่ดันเป็นงานที่ไม่สำคัญ ก็ อาจจะขอเจรจาระยะเวลากับคนคนนั้นก็ได้เช่นเดียวกัน Q4. งานที่ไม่เร่งด่วนและไม่สำคัญ งานประเภทนี้เป็นประเภทที่เราควรจะ ‘ลด’ ลงหรือเอาไว้ทำท้ายที่สุด เป็นงานที่เสียเวลา และไม่ได้ให้คุณค่าอะไรเพิ่มเติมกับคุณ หรือองค์กรเลย อย่างการไล่ดูอีเมลไปเรื่อย ๆ แต่ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติมกับมัน หรือจะเป็นการเล่นโทรศัพท์มือถือที่มากเกินไป ระหว่างการทำงาน รวมถึงกิจกรรมอื่น ๆ ที่ทำให้คุณผัดวันประกันพรุ่งและไม่ยอมลงมือทำงานจริง ๆ จัง ๆ สักที เมื่อเรารู้ทั้ง 4 ประเภทของงานกันแล้ว ก็ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะต้องมองดูงานและกิจกรรมที่ตัวเองมีอยู่ในมือ พิจารณาว่างานและ กิจกรรมใด ควรอยู่ในประเภทใด จัดลำดับความสำคัญว่าอะไรควรทำก่อนจากช่องที่ 1 ไปช่องที่ 2 ไปช่องที่ 3 และช่องที่ 4 แต่ถึงแม้ว่าช่องที่ 1 จะต้องทำแบบเร่งด่วนที่สุด แต่ก็อย่าลืมว่าการที่เรามีงานประเภทที่ 1 มากเกินไปก็อาจจะส่งผลเสียต่อทั้งร่างกาย และจิตใจของเราได้ พยายามที่จะบาลานซ์การทำงานให้ดี และเอา Eisenhower Matrix นี้ไปปรับใช้ให้คุณสามารถบริหารเวลาได้ดีและมี ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น! 7
ที่มา : นางสาวภัทราภรณ์ พิมพ์รัตน์ 89 https://missiontothemoon.co/softskill-eisenhower-matrix/ นางสาววรัญญา แก้วประสิทธิ์ https://todoist.com/productivity-methods/eisenhower-matrix นางสาวฐิติพร ศักดิ์สมชัย ส่วนพัฒนาธุรกิจ 2 ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ
ก ร ะ ตุ้ น เ ศ ร ษ ฐ กิ จ ในการประชุม คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 เรื่อง ร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็น ที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ ประเทศไทย พ.ศ. .... คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย ของคนต่างด้าว ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มี ศักยภาพสูงสู่ประเทศไทยพ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอ และให้ส่งสำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการส่ง เสริมการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และธนาคาร แห่งประเทศไทยไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้ มท. และ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย เสนอว่า 1. มท. โดยกรมที่ดินได้พิจารณาเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กับการถือครองที่ดินในการให้สิทธิในการถือครองที่ดินแก่กลุ่มชาวต่างชาติที่ มีศักยภาพสูง ตามมติคณะรัฐมนตรี (14 กันยายน 2564 และ 24 มกราคม 2565) แล้ว เห็นว่า การได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว โดยทั่วไปเป็นไปตามกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการ ได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว พ.ศ. 2545 ซึ่งกำหนดให้ คนต่างด้าวซึ่งประสงค์จะได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้ โดยไม่ต้อง อาศัยบทสนธิสัญญา ซึ่งบัญญัติให้มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ต้องนำเงิน มาลงทุนในธุรกิจหรือกิจการประเภทหนึ่งประเภทใด ดังต่อไปนี้ จำนวน ไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท และต้องดำรงการลงทุนไว้ไม่ต่ำกว่า 5 ปี การซื้อพันธบัตรรัฐบาลไทย พันธบัตรธนาคารแห่ง ประเทศไทย พันธบัตรรัฐวิสาหกิจหรือพันธบัตรที่ กระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินหรือดอกเบี้ย การลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวม อสังหาริมทรัพย์ เพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงิน หรือ กองทุนรวมเพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงิน ที่จัดตั้ง ขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ การลงทุนในทุนเรือนหุ้นของนิติบุคคลที่ได้รับการส่งเสริมการ ลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน การลงทุนในกิจการที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ประกาศ ให้เป็นกิจการที่สามารถขอรับการส่งเสริมการลงทุนได้ตาม 9 กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน
1. 2. กระทรวงมหาดไทย เห็นว่า เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย สมควรยกร่างกฎกระทรวง การได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว ตามมาตรการกระตุ้น เศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย พ.ศ. .... เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์เพิ่มเติมในการมีสิทธิขอได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยที่ เปิดโอกาสให้เฉพาะกลุ่มชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูง 4 ประเภท ได้แก่ 1) กลุ่มประชาคมโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง 2) กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ 3) กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย 4) กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษเท่านั้น โดยเพิ่มเติมหลักการในส่วนประเภทการลงทุน และระยะเวลาการดำรงการลงทุน อันแตกต่างไปจากกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการได้มาซึ่ง ที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว พ.ศ. 2545 ที่มีผลใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน โดยได้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเพิ่มเติม เช่น หลักเกณฑ์ของกลุ่มคนต่างด้าวที่มีสิทธิขอได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย วิธีการนำเงินมาลงทุนตามประเภทของธุรกิจ เงื่อนไขเกี่ยวกับระยะเวลาการดำรง การลงทุน ระยะเวลาการบังคับใช้ของกฎกระทรวงฉบับนี้ ทั้งนี้ ยังคงเป็นไปตามกรอบของ มาตรา 96 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งบัญญัติให้คนต่างด้าวจะได้มาซึ่ง ที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้ไม่เกิน 1 ไร่ ต้องนำเงินมาลงทุนไม่น้อยกว่า 40 ล้าน บาท ในประเภทของธุรกิจที่คนต่างด้าวลงทุนซึ่งต้องเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ หรือเป็นกิจการที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ ประกาศให้เป็นกิจการที่สามารถขอรับการส่งเสริมการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วย การส่งเสริมการลงทุนได้ โดยมีระยะเวลาการดำรงการลงทุนต้องไม่น้อยกว่า 3 ปี และบริเวณที่ดินที่ได้มาต้องอยู่ภายในเขตกรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา เขตเทศบาล หรืออยู่ภายในบริเวณที่กำหนดเป็นเขตที่อยู่อาศัยตามกฎหมายว่าด้วย การผังเมือง นอกจากนี้ ร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าว มีเจตนารมณ์เพื่อสนับสนุนมาตรการกระตุ้น เศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย โดย เปิดโอกาสให้มีการลงทุนที่หลากหลายขึ้น และมีมาตรการที่จะช่วยดึงดูดให้ชาวต่างชาติ เข้ามาลงทุนภายในประเทศมากขึ้น เพื่อช่วยเหลือภาคเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างรุนแรง อันเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งเป็น มาตรการหนึ่งในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม และเป็นการดำเนินการเพื่อให้ เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 14 กันยายน 2564 และวันที่ 24 มกราคม 2565 10
สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์ของกลุ่มคนต่างด้าวที่มีสิทธิขอได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย โดย กำหนดวิธีการนำเงินมาลงทุนตามประเภทของธุรกิจหรือกิจการ กำหนดเงื่อนไขเกี่ยว กับระยะเวลาการดำรงการลงทุน กำหนดจำนวนที่ดินที่จะขอได้มา กำหนดพื้นที่ที่ดินที่จะขอ ได้มา กำหนดขั้นตอนและวิธีการในการขออนุญาต และกำหนดระยะเวลาการมีผลบังคับใช้ ของกฎกระทรวงฉบับดังกล่าว สรุปได้ดังนี้ หัวข้อ สาระสำคัญ กำหนดประเภทของคนต่างด้าว คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรตามประกาศ (ที่สามารถขอได้มาซึ่งที่ดินเพื่ อ กระทรวง มหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวก เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็ นกรณีพิ เศษ ตามมาตรการกระตุ้น ใช้เป็ นที่อยู่อาศัย) เศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ ประเทศไทย ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2565 โดยไม่รวมผู้ติดตาม ของคนต่างด้าวดังกล่าว ได้แก่ (1) กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง (2) กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ (3) กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย (4) กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิ เศษ จำนวนเนื้อที่ ไม่เกิน 1 ไร่ ตามมาตรา 96 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน จำนวนเงินลงทุน ต้องไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท และดำรงทุนการลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า และระยะเวลาการดำรงทุน 3 ปี นับแต่วันยื่นคำขอ (กฎกระทรวงฯ พ.ศ. 2545 กำหนด 5 ปี ) ให้นับมูลค่าการลงทุน ณ วันที่ยื่นคำขอ หากถอนการลงทุนก่อนครบกำหนดระยะเวลาการดำรงทุน (ถอน ก่อนครบกำหนด 3 ปี ) สิทธิที่จะได้มาซึ่งที่ดินในส่วนที่ยังไม่ครบ จำนวน (1 ไร่) เป็ นอันระงับไป ประเภทธุ รกิจหรื อกิจการ คนต่างด้าวต้องลงทุนในธุ รกิจหรื อกิจการประเภทหนึ่งประเภทใด ในการลงทุนและเงื่อนไข หรือหลายประเภทรวมกัน ดังนี้ 1. การซื้อพั นธบัตรรัฐบาลไทย พั นธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พั นธบัตรรัฐวิสาหกิจ หรือพั นธบัตรที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน ต้นเงินหรือดอกเบี้ย 2. การลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้าง พื้ นฐาน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพื่ อแก้ไขปั ญหาในระบบ สถาบันการเงินหรือกองทุนรวมเพื่ อแก้ไขปั ญหาในระบบสถาบัน การเงินที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และ ตลาดหลักทรัพย์ (เพิ่ มกองทุนรวมโครงสร้างพื้ นฐานจากกฎกระทร วงฯ พ.ศ. 2545) 3. การลงทุนในกองทรัสต์เพื่ อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ที่จัดตั้ง ขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยทรัสต์เพื่ อธุรกรรมในตลาดทุน (เพิ่ มขึ้นใหม่ จากกฎกระทรวงฯ พ.ศ. 2545) 4. การลงทุนในทุนเรือนหุ้นของนิติบุคคลที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน 5. การลงทุนในกิจการที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ประกาศ ให้เป็ นกิจการที่สามารถขอรับ การส่งเสริมการลงทุนได้ตาม กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน 11
หัวข้อ สาระสำคัญ กรณีมีการจำหน่ายที่ดิน กรณีมีการจำหน่ายที่ดินทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนด จำนวน (1 ไร่) ให้นำจำนวนที่ดินในส่วนที่ได้จำหน่ายไปแล้วมารวม หนังสือรับรอง กับสิทธิที่จะได้มาซึ่งที่ดินตามกฎกระทรวงนี้ด้วย กรณีที่ได้มาซึ่งที่ดินครบจำนวน 1 ไร่แล้ว ต่อมาได้จำหน่ายที่ดิน การรวมสิทธิตาม ทั้งหมดหรือบางส่วนไป สิทธิที่จะได้มาซึ่งที่ดินตามกฎกระทรวงนี้ กฎกระทรวงฯ ปี 2545 เป็ นอันระงับไป การขอได้มาซึ่งที่ดินเพื่ อใช้เป็ นที่อยู่อาศัยต้องมีหนังสือรับรอง ประเภทธุรกิจหรือกิจการที่ได้มีการลงทุนจากหน่วยงาน ดังนี้ 1. การลงทุนพั นธบัตรรัฐบาลไทย พั นธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พั นธบัตรรัฐวิสาหกิจ หรือพั นธบัตรที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน ต้นเงินหรือดอกเบี้ย ให้ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง หรือหน่วยงานผู้ออกพั นธบัตร เป็ นผู้ออกหนังสือรับรอง 2. การลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้าง พื้ นฐาน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพื่ อแก้ไขปั ญหาในระบบ สถาบันการเงิน กองทุนรวมเพื่ อแก้ไขปั ญหาในระบบสถาบันการ เงิน หรือกองทรัสต์เพื่ อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ให้สำนักงาน คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เป็ นผู้ออก หนังสือรับรอง 3. การลงทุนในทุนเรือนหุ้นของนิติบุคคลที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน หรือการลงทุนในกิจการที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ ประกาศให้เป็ นกิจการที่สามารถขอรับการส่งเสริมการลงทุนได้ ให้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) เป็ นผู้ออก หนังสือรับรอง ให้นำการลงทุนในธุ รกิจหรื อกิจการตามกฎกระทรวงกำหนดหลัก เกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การได้มาซึ่งที่ดินเพื่ อใช้เป็ นที่อยู่อาศัย ของคนต่างด้าว พ.ศ. 2545 ในส่วนที่ยังไม่ได้ถอนการลงทุนมา รวมกับเงินลงทุนตามกฎกระทรวงนี้ได้ กำหนดให้สิทธิในที่ดินที่ได้มาตามกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธี การ และเงื่อนไขการได้มาซึ่งที่ดินเพื่ อใช้เป็ นที่อยู่อาศัยของคน ต่างด้าว พ.ศ. 2545 และสิทธิที่จะได้มาตามกฎกระทรวงนี้ รวมกัน แล้วต้องไม่เกิน 1 ไร่ และกำหนดให้นำจำนวนที่ดินในส่วนที่ได้ จำหน่ายไปแล้วมารวมด้วย 12
หัวข้อ สาระสำคัญ กำหนดเขตพื้ นที่ ต้องอยู่ภายในเขตกรุงเทพมหานคร เขตเมืองพั ทยา หรือเขต เทศบาลหรืออยู่ภายในบริเวณที่กำหนดเป็ นเขตที่อยู่อาศัยตาม ขั้นตอน เงื่อนไข กฎหมายว่าด้วยการผังเมือง และต้องอยู่นอกเขตปลอดภัยใน และวิธีการขอ ราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยเขตปลอดภัยในราชการทหาร ระยะเวลาบังคับใช้ ให้ยื่นคำขอและเอกสารหลักฐานตามแบบแนบท้ายกฎกระทรวงฯ เมื่อเห็นว่าเป็ นเอกสารที่ถูกต้อง ให้ส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ไปยังอธิบดีกรมที่ดินเพื่ อพิ จารณาเสนอรัฐมนตรีต่อไป ต้องใช้ที่ดินนั้นเพื่ อเป็ นที่อยู่อาศัยสำหรับตนเอง โดยไม่ขัดต่อศีล ธรรม จารีตประเพณี หรือวิถีชีวิตอันดีของชุมชนในท้องถิ่นนั้น ผู้ได้รับอนุญาตต้องแจ้งการใช้ที่ดินนั้นเพื่ อเป็ นที่อยู่อาศัยให้ พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบภายใน 60 วันนับแต่วันเริ่มใช้ที่ดินนั้น ผู้ได้รั บอนุญาตถอนการลงทุนในธุ รกิจหรื อกิจการก่อนครบกำหนด เวลาการดำรงทุน ต้องแจ้งเป็ นหนังสือให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบ ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ถอนการลงทุน 5 ปี นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา กรรณิการ์ วงศ์ยะรา ส่วนพัฒนาธุรกิจ 1 ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ 13
ณัฐเมศร์ แสงสายัณห์ 14 ฝ่ายแผนและบริหารความเสี่ยง
รู้ทัน! อาการ FOMO (Fear of Missing Out) กับดักร้ายสายติดเทรนด์ คุณเคยรู้สึกหงุดหงิดไหมครับ เวลาตามทอปปิกในกระแส ไม่ทัน คุณเคยรู้สึกแปลกแยก เวลาตกข่าวบ้างไหม? ถ้าคุณ เคยรู้สึกแบบนี้ คุณอาจเสี่ยงกับอาการ FOMO ไม่รู้ตัว! ครืด… ครืด… ในขณะที่พอใจกำลังประชุมอยู่ เสียง โทรศัพท์ในมือของเธอก็สั่นไม่หยุด เพราะเพื่อน ๆ ของเธอกำลังแชทคุยกันอย่างสนุกสนาน จนเธอ ต้องแอบกดดูอยู่บ่อยครั้ง พอใจรู้ดีว่าการทำแบบนี้ ทำให้เธอเสียสมาธิในการประชุม เธอสามารถเลือกที่ จะปิดการเตือนได้ แต่ก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้สักที รู้สึก อยากรู้ อยากเห็น และกลัวว่าจะพลาดเรื่องราวสนุก ๆ ไปตลอดเวลา ถ้าคุณเองก็มีอาการแบบพอใจ นั่นหมายความว่าคุณเคยมีประสบการณ์ของ FOMO มาบ้างแล้ว FOMO คืออะไร ? FOMO หรือ Fear of missing out คือการกลัวการตกกระแส ซึ่งเป็นสิ่งที่คนในปัจจุบันหลายคนกำลังเป็น เช่น การต้องตามฟีดเฟซบุ๊กหรือทวิตเตอร์ตลอดเวลา เพื่อที่จะได้รู้ว่า ณ ขณะนั้นมีเรื่องอะไรที่กำลังเป็นที่พูดถึงบ้าง หรือ หากมีสายโทรศัพท์เข้า แต่คุณไม่สามารถรับสายได้ คุณจะรู้สึกกระวนกระวายว่าคุณจะพลาดเรื่องสำคัญอะไร บางอย่างไป หรือการที่คุณต้องทำอะไรบางอย่างที่ไม่จำเป็น แต่คุณก็ทำเพียงเพราะว่าอยากจะทำให้เหมือนคนอื่น หรือทำเพราะกลัวถ้าถ้าปฏิเสธออกไป จะทำให้คุณพลาดโอกาสอะไรบางอย่าง ซึ่งอาการ FOMO นี้ ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เพราะอาจส่งผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตได้เลย ไม่ว่าจะเป็นความเครียด อาการ วิตกกังวล และอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อ จากการใช้สมาร์ทโฟนมากเกินไป (Social Media Addiction) อีกด้วย สังเกตตัวเอง คุณมีอาการ FOMO หรือไม่? คนส่วนมากมักจะไม่ค่อยรู้ตัว ว่ากำลังตกเป็นเหยื่อของอาการนี้หรือเปล่า วันนี้ขอพาทุกคนมาวินิจฉัยตัวเองกัน ว่าคุณมีอาการของ FOMO บ้างไหม? 1.อารมณ์แปรปรวน เมื่อไม่ได้เล่นโซเชียล 15 2.ใช้สมาร์ทโฟนมากกว่า 6 ชม./วัน 3.ต้องอัปเดตตลอดเวลา ไถ FACEBOOK ทุกชั่วโมง, รีทุกเทรนด์ TWITTER, เช็ก IG STORY ทุกครั้งที่ได้จับมือถือ 4.กลัวตัวเองตกกระแส หรือรู้ข่าวช้ากว่าเพื่อน ๆ 5.รู้สึกกังวล เมื่อถูกตำหนิบนโซเชียลมีเดีย 6.รู้สึกไม่สบายใจ เวลาต้องเลื่อนนัด หรือไม่ได้ไปเจอแก๊งเพื่อน พร้อม ๆ กับคนอื่ น 7.มีอาการซึมเศร้า หรือมีความสุขน้อยลงเมื่อตัวเองไม่ได้รับความสนใจ เท่าที่ต้องการ ถ้าคุณมีอาการเหล่านี้เกิน 4 ข้อ บอกได้เลยว่า “คุณติดกับดักมันซะแล้ว!”
และคุณรู้หรือไม่ว่า 80% ของคนที่เข้าข่ายมีอาการ FOMO ยังเป็นคนเอเชียอีกด้วย แถมผลการสำรวจเมื่อปี 2020 ยังพบว่าคนไทยใช้งานอินเทอร์เน็ต ผ่านสมาร์ทโฟนสูงสุดเป็นอันดับที่ 3 ของโลก ซึ่งใช้เวลามากกว่า 6 ชั่วโมง/วัน หรือกินเวลาถึง 1 ใน 4 และอาการนี้ก็สามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะเหล่าวัยรุ่น เพราะ เป็นวัยที่ต้องการค้นหาตัวเอง อยากเป็นที่ยอมรับ และต้องการได้รับความสำคัญมากกว่าวัยอื่น ๆ โซเชียลมีเดีย จึงมีอิทธิพลกับคนกลุ่มนี้มากพอสมควรเลย FOMO เป็นแล้วรักษาได้ไหม? สำหรับคนที่อยากรักษาอาการเหล่านี้ จริง ๆ แล้วคนรอบข้างมี ส่วนสำคัญมาก ที่จะคอยสังเกต และชวนกันทำกิจกรรม Outdoor หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับสมาร์ทโฟน แต่ก็ มีวิธีสำหรับคนที่ต้องการบำบัดอาการติดโซเชียลด้วยตัวเอง คือ 1. เปิดโหมดออฟไลน์ หนีจากการแจ้งเตือนบ้าง 2. จำกัดชั่วโมงการเล่นโทรศัพท์มือถือต่อวัน แล้วใช้เวลาว่างไปกับงานอดิเรกที่ชอบ ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือออกไปคาเฟ่ ทานอาหารอร่อย ๆ ก็ช่วยได้ 3. DISCONNECT TO CONNECT ใช้เวลากับเพื่อนและครอบครัวให้มากขึ้น เพื่อเลี่ยงสถานการณ์ที่ต้อง อยู่คนเดียว จะได้ไม่เผลอเล่นสมาร์ทโฟน 4. ละสายตาจากหน้าจอทุก 2 ชั่วโมง นอกจากจะไม่ต้องเสี่ยงกับอาการออฟฟิศซินโดรมแล้ว ยังช่วยถนอม สายตาของเราอีกด้วย 5. และข้อสุดท้ายคือการยอมรับและเปิดใจ ว่าเรามีอาการ FOMO จริง ๆ ถึงจะสามารถเริ่มการบำบัดได้ แหล่งข้อมูลอ้างอิง : นางสาวธัญญ์ฐิตา ไชยพัฒนนันท์ 16 https://www.sanook.com/hitech/1538585/ นางสาวอรุณฉัตร หนูเจริญ นางสาวปัณชรีย์ สังข์โพธิ์ https://blog.jobthai.com/lifestyle/fomo- ฝ่ายบริหารอาคาร
\"อิคิไก(Ikigai) กับการสร้างความหมายของการ ใช้ชีวิตร่วมกับการทำงานอย่างมีความสุข\" ทุกคนเคยตั้งคำถามนี้กับตัวเองกันไหมคะ ว่าเราเกิด มาทำไม มีชีวิตอยู่เพื่ออะไร ในโลกที่ทุกวันนี้พวกเรา ทุกคนต่างใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายพร้อมกับ แบกภาระหน้าที่แสนจะหนักหนาสาหัส รู้สึกท้อแท้และ เบื่อหน่ายกับการทำงาน ในวันนี้จะขอชวนทุกคนมา ทำความรู้จักและมาหาคำตอบถึงเหตุผลในการมีชีวิต อยู่อย่างมีความสุขไปพร้อม ๆ กันกับเรื่องราวของ \"อิคิไก\" เพื่อพาทุกคนไปสัมผัสกับความรู้สึกที่อยากจะ ตื่นขึ้นมาในทุกเช้าและได้ทำในสิ่งที่รักอย่างมีความสุข ในทุก ๆ วัน ความหมายของคำว่า อิคิไก\"(IKIGAI) \"อิคิไก\"คือหลักปรัชญาชีวิตแขนงหนึ่งของชาวญี่ปุ่น ว่าด้วยเรื่องเหตุผลของการมีชีวิตอยู่ เป็นแนวคิดที่ ช่วยเติมเต็มกำลังใจให้กับผู้ที่มีกำลังสูญเสียพลังใจ ระหว่างการเดินทางของชีวิต ให้รับรู้ถึงคุณค่าของ การมีชีวิตและใช้เวลาอย่างรู้คุณค่า คำว่า \"อิคิไก\" มี ที่มาจากคำว่า \"อิคิ\" ซึ่งแปลว่าการใช้ชีวิตและคำว่า \"ไก\" ซึ่งแปลว่าคุณค่าเมื่อนำ 2 คำนี้มารวมกัน จึง เกิดเป็นคำที่มีความหมายว่า คุณค่าของการมีชีวิต ตรงกับจุดมุ่งหมายของปรัชญานี้ที่ต้องการให้เรา ตระหนักรู้ถึงคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ แนวคิดของ หลักดังกล่าว เชื่อว่าการที่เราค้นหาความต้องการ ของตัวเองพบจะทำให้เราใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข หลักการของ \"อิคิไก\" ขั้นแรกของการของการใช้ ชีวิต ตามหลักปรัชญา \"อิคิไก\"สามารถทำได้โดย การตอบคำถาม 4 ข้อดังนี้ 1. อะไรคือสิ่งที่คุณรักที่จะทำ 2. อะไรคือสิ่งที่สร้างรายได้ให้คุณ 3. อะไรคือสิ่งที่คุณทำได้ดี 4. สิ่งที่โลกหรือสังคมกำลังต้องการ 17
ทฤษฎีวงกลมของ \"อิคิไก\"เมื่อนำ สิ่งที่รัก รวมกับ สิ่งที่ถนัด ก็จะเกิดเป็น ความหลงใหล (passion) นำสิ่งที่รัก รวมกับ สิ่งที่โลกต้องการ จะเป็น หน้าที่ (mission) นำ สิ่งที่โลกต้องการ รวมกับ สิ่งที่สร้างราย ได้ ก็จะเท่ากับ งาน (vocation) นำ สิ่งที่ถนัด รวมกับ สิ่งที่สร้างรายได้ ก็จะได้เป็น อาชีพ (profession) หากขาดสมดุลที่ลงตัว ก็จะทำให้เรารู้สึกไร้ค่าว่างเปล่าไม่มั่นคงและไม่มั่งคั่ง โดยหลักของทฤษฎี วงกลม 4 วง เชื่อว่าเมื่อทบทวนอย่างลึกซึ้งเพียงพอ เราจะพบ\"อิคิไก\"ผ่านจุดร่วมของวงกลมทั้ง 4 นั่นก็คือการได้ทำสิ่งที่เรา ชอบมีทักษะและมีประโยชน์ต่อผู้อื่ นและสิ่งนั้นก็จะนำมาซึ่งผลตอบแทนที่ช่วยให้เราสามารถทำสิ่งนั้นต่อไปได้ เรื่อย ๆ \"อิคิไก\" จึงหมายถึง \"การได้ทำสิ่งที่รักเป็นอาชีพ\" เราสามารถค้นหา\"อิคิไก\"ได้จากที่ไหน Ken Mogi ชาวญี่ปุ่น ผู้เขียนหนังสือ The Little Book of lkigai ผู้ซึ่งทำให้คำๆนี้ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก ในวงกว้าง กล่าวว่า\"อิคิไก\"ประกอบด้วย 5 เสาหลัก ด้วยกันเพื่อความสมดุล ดังนี้ เสาหลักที่ 1 เริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ (Starting small) การเริ่มต้นทำจากสิ่งเล็ก ๆ แต่มันคือจุดเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่ ในการที่อุทิศให้กับสิ่งสิ่งหนึ่งด้วยใจรักและความตั้งใจที่อยากทำให้ออกมาดีหากใครที่เคยไปเที่ยวญี่ปุ่นจะเห็น ร้านราเมนเล็ก ๆ ทั่วประเทศ ที่เจ้าของลงมาทำเองกับมือพวกเขาตั้งใจสร้างสรรค์อาหารคุณภาพดี เพื่อเสริม รสชาติที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า เสาหลักที่ 2 ปลดปล่อยตัวเอง (Releasing yourself) การไม่ผูกติดหรือยึดติดตัวเองกับอาชีพหรือรายได้ หรือปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในอดีต คือการที่เราต้องยอมรับตัวเองเช่น Ken Mogi กล่าวว่า \"การที่จะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ เราต้องปลดปล่อยพันธนาการตัวเองเสียก่อนเมื่อนั้นเราจะพบกับจักรวาล ความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัด\" เสาหลักที่ 3 สอดคล้องและยั่งยืน (Harmony and sustainability) การมีชีวิตอยู่อย่างสอดคล้องกับผู้ อื่นและสิ่งแวดล้อมเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่งของอิคิไก เพราะมนุษย์เปรียบเสมือนต้นไม้ที่อยู่ในป่าใหญ่ ต้นไม้ทุกต้นล้วนมีผลต่อระบบนิเวศน์ของมันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง การกระทำของเราจึงต้องสอดคล้องและยั่งยืน ต่อสังคมรอบตัวด้วย 18
เสาหลักที่ 4 มีความสุขกับสิ่งเล็ก ๆ (The joy of little things) การมีความสุขกับสิ่งเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวัน ส่งผลที่ดีต่อจิตใจเรา ควรฝึกตัวเองให้มีความสุขกับเรื่องเล็กๆในชีวิตประจำวันมากกว่ามีความสุขกับเรื่องพิเศษ ที่เกิดในบางโอกาส เพราะเราใช้ชีวิตอยู่กับ \"ประจำวัน\" มากกว่าความพิเศษ เช่น การตื่นมาเดินออกกำลังกายตอน เช้านั่งจิบกาแฟหอม ๆ ยามเช้าก่อนมาทำงาน เสาหลักที่ 5 อยู่กับปัจจุบัน (Being in the here and now) การที่เราจดจ่อและมีสมาธิอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จนทำให้ลืมเวลารอบตัว คุณ Hayao Miyazaki ผู้สร้างอนิเมะในตำนานของญี่ปุ่น (เจ้าของผลงาน: Spirit Away และ My Neighbor Totoro) กล่าวว่า \"รางวัลในการทำงานของผมไม่ใช่เงินทองหรือถ้วยรางวัล แต่ คือการได้ทำงานในตัวมันเองต่างหาก\"เขาอยู่กับปัจจุบันขณะทุกครั้งที่ออกแบบอนิเมะ จึงอาจพูดได้ว่าเขาประสบ ความสำเร็จทุก ๆ วันเมื่อได้ทำงาน โดยเสาหลักทั้ง 5 ที่กล่าวมาไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นครบถ้วนทั้งหมด ไม่ต้องเรียงความตามลำดับก่อนหลังแต่ ต่างต้องจำเป็นต่อการทำความเข้าใจ \"อิคิไก\" อ่านมาถึงตอนนี้ทุกคนพอจะค้นหา \"อีคิไก\" ของตัวเองเจอกันไหมคะ เราเริ่มต้นจากการมองหาความสุขจากสิ่ง เล็ก ๆ ที่เราได้พบเจอ เมื่อหา\"อีคิไก\" เจอแล้วเราก็จะได้สัมผัสถึงความสุขจากภายใน จนทำให้เห็นถึงความหมาย และคุณค่าของชีวิตในแบบของตัวเราเอง มุมมองและทัศนคติของเราก็จะกลายเป็นแง่บวกทำให้ความสมดุลใน การใช้ชีวิตประจำวันและการทำงานมีพลังใจในการสร้างสรรค์ผลงานที่ดีออกมา คงไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่าการที่ได้ ทำงานที่เรารักและมีความสุขกับสิ่งนั้นในทุกวัน ขอให้ทุกคนได้พบกับ\"อีคิไก\" ของตัวเองกันนะคะ พิมศิณี โลหิตกุล มานิตา กิ่งโคกกรวด ปาณิสรา เพ็ชรคง ฝ่ายบริหารอาคาร แหล่งข้อมูลอ้างอิง : 19 https://www.careervisaassessment.com/ikigai/ https://mover.in.th/m-article/ikigai/
จั บ ต า 7 ภั ย คุ ก ค า ม ท า ง ไ ซ เ บ อ ร์ ใ ก ล้ ตั ว ที่ ค า ด ว่ า จ ะ เ กิ ด ขึ้ น ใ น ปี 2 5 6 5 ! การแพร่ระบาดของ COVID-19 ผลักดันโลกเร่งธุรกิจปรับเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Transformation) อย่างรวดเร็วและมากขึ้น เพื่อให้ทุกธุรกรรมสามารถตอบ สนองความต้องการของผู้บริโภคและลูกค้าได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ทุกอย่างย่อมมี สองด้านเสมอ ความทันสมัยของนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เข้ามาเติมเต็มการใช้ชีวิต ก็ย่อมมีอันตรายเคลือบแฝงอยู่ จะเห็นได้จากช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา เรื่องราวเกี่ยวกับ อาชญากรรมอิเล็กทรอนิกส์ และภัยคุกคามทางไซเบอร์ยิ่งใกล้ตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ โดย เฉพาะในปี 2564 จากข้อมูล SonicWall พบว่ามีการโจมตี Ransomware มากที่สุดใน ประวัติศาสตร์โดยมี การโจมตีถึง 495.1 ล้านครั้ง ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่าง คลาวด์เซค เอเซีย (CloudSecAsia (CSA)) บริษัทชั้นนำด้านไอที ที่รักษาความปลอดภัยปกป้องข้อมูลใน ระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดย ดร.วารินทร์ แคร่า ได้กล่าวถึง 7 ภัยคุกคามทาง ไซเบอร์ที่น่าจับตามอง และคาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2022 RANSOMWARE ATTACK การโจมตีด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ ปี 2564 เป็นปีที่มี RANSOMWARE ATTACK หรือการโจมตีด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ เกิดขึ้นมากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมีการโจมตีมากถึง 495.1 ล้านครั้ง หรือคิดเป็นการ เพิ่มขึ้น 148% เมื่อเทียบกับปี 2563 เนื่องจากผู้คน WORK FROM HOME ทำให้กลุ่มที่ พัฒนา RANSOMWARE เริ่มเติบโตขึ้น เกิดเป็นบริการ RANSOMWARE AS A SERVICE ที่ พร้อมใช้งานออกมาแข่งกัน และในปีนี้มีแนวโน้มว่า RANSOMWARE จะถูกเพิ่มความ สามารถให้สามารถโจมตีแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาภัยคุกคาม แบบใหม่ที่เรียกว่า ZERO CLICK ซึ่งเมื่อก่อนภัยคุกคามทางไซเบอร์ เหยื่อส่วนใหญ่จะต้อง คลิกลิงก์แปลกปลอมที่แฮกเกอร์หว่านไว้ตามที่ต่างๆ ถึงจะถูกโจมตี แต่ในปัจจุบันเพียงแค่ แฮกเกอร์ส่งข้อความเข้าสู่สมาร์ตโฟนได้ ไม่ต้องคลิกลิงก์ก็ถูกแฮกได้แล้ว เป็นการโจมตี แบบ ZERO CLICK ซึ่งนับเป็นภัยคุกคามที่น่ากลัว หมายเหตุ : RANSOMWARE เป็นมัลแวร์ (MALWARE) ประเภทหนึ่งที่มีลักษณะการ ทำงานที่แตกต่างกับมัลแวร์ประเภทอื่น ๆ คือไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลของผู้ใช้ งานแต่อย่างใด แต่จะทำการเข้ารหัสหรือ ล็อกไฟล์ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์เอกสาร รูปภาพ วิดีโอ ผู้ใช้งานจะไม่สามารถเปิดไฟล์ใด ๆ ได้เลยหากไฟล์เหล่านั้นถูกเข้ารหัส ซึ่งการถูก เข้ารหัสก็หมายความว่าจะต้องใช้คีย์ในการปลดล็อคเพื่อกู้ข้อมูลคืนมา ผู้ใช้งานจะต้อง ทำการจ่ายเงินตามข้อความ “เรียกค่าไถ่” ที่ปรากฏ 20
Passwordless Authentication การตรวจสอบสิทธิโดยไม่ใช้รหัสผ่าน ประเด็นนี้ถูกหยิบขึ้นมาพูดถึงมากขึ้น เนื่องจากการใช้ Password ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีแล้ว ในปัจจุบัน เพราะโดนขโมยได้ง่ายที่สุด หลายบริการเริ่มใช้ Password น้อยลงจนถึงขั้นไม่ ใช้เลย และเปลี่ยนไปใช้การยืนยันตัวตนผ่าน Biometric เช่น ลายนิ้วมือ เสียง ใบหน้า ดวงตา ซึ่งตามหลักการของการ Authentication แล้ว การยืนยันผ่าน Biometric คือสิ่ง ปลอดภัยที่สุด และในไม่ช้าการใช้ Password ก็จะเริ่มหายไปตามกาลเวลา Phishing Attack การโจมตีแบบ Phishing แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ยังคงเป็นสิ่งที่อันตรายมากขึ้นทุกปี ในปี 2565 นี้ แนวโน้มการ โจมตีแบบ Phishing จะมีความ Localize มากยิ่งขึ้น สามารถเข้าถึงคนที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ได้มากขึ้น และมีความแยบยลมากกว่า โดยอาจจะมาในรูปแบบของการปลอมตัวมาเป็น เพื่อนบนโซเชียลมีเดีย ไปจนถึงการเชิญชวนให้ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน ทำให้ผู้คนไม่รู้ตัว ว่ากำลังตกเป็นเหยื่อของอาชญากรทางไซเบอร์เข้าแล้ว หมายเหตุ : Phishing คือการล้วงข้อมูลลับด้วยวิธีทางสังคม (Social Engineering) มันคือภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่น่ากลัวอย่างยิ่ง คำว่า Phishing ออกเสียงแบบเดียวกับคำว่า Fishing ที่แปลว่าตกปลา ไม่ต่างจากการที่แฮคเกอร์ใช้เหยื่อล่อให้ผู้ใช้ตายใจ และเผลอ กรอกข้อมูลส่วนตัวไปให้โดยไม่รู้ตัว โดยแฮคเกอร์มักจะใช้ Phishing ด้วยการล่อลวงมา ทางอีเมล เช่น บอกว่าคุณได้รางวัลใหญ่ หรือบัญชีธนาคารของคุณกำลังถูกระงับ หรือแอ็ก เคานต์โซเชียลมีเดียของคุณมีปัญหา จากนั้นจะมีลิงค์ที่ดูเหมือนว่าจะนำไปสู่หน้า Official Website ของหน่วยงานนั้น ซึ่งหน้าตาของเว็บไซต์ปลายทางดูเผินๆ ก็เหมือน Official Website จริงๆ ซึ่งจะมีช่องให้คุณกรอกข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ลงไป โดยเฉพาะเลขบัตร เครดิต ซึ่งในหน้าเว็บไซต์อันนั้น คือหลุมพรางที่แฮคเกอร์ขุดบ่อไว้ล่อปลามาตกกิน เพราะ ข้อมูลส่วนตัวของคุณจะถูกเอาไปใช้หากินทันที เช่น บัตรเครดิตจะถูกรูดเอาไปใช้ เป็นต้น 21
Increasing IOT Risks การแฮกผ่านระบบอัตโนมัติ ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต อุปกรณ์หลายอย่างในโลกเริ่มเปลี่ยนไปเป็น IoT หรือ Internet of things ที่มีความอัตโนมัติมากขึ้น ดังนั้นผู้พัฒนาอุปกรณ์ IoT จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะ ต้องเข้าใจ Cyber Security ให้มากขึ้น เพราะหากถูกแฮกอาจก่อให้เกิดอันตราย ต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ อาทิ รถยนต์บางรุ่นที่ในปัจจุบันเริ่มมีการใช้ระบบ อัตโนมัติเข้าควบคุมรถ โดยเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไว้ตลอดเวลา ถ้ามีผู้ประสงค์ ร้ายสามารถแฮกเข้ารถยนต์ได้ จะสามารถสั่งให้รถเบรกหรือเหยียบคันเร่งเอง ก็ได้ ส่งผลให้เกิดอันตรายถึงชีวิตต่อผู้โดยสารในรถ ดังนั้นในอนาคตเมื่อ อุปกรณ์ต่างๆ เริ่มพัฒนาไปสู่ Automatic Tasking มากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งมี โอกาสที่จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า Ransomware for Automotive มากขึ้นเท่านั้น Cyber Warfare สงครามทางไซเบอร์ ในอนาคตมหาอำนาจของโลกจะไม่สู้กันด้วยสงครามอาวุธยุทโธปกรณ์ เหมือนในอดีตแล้ว แต่จะทำสงครามทางไซเบอร์สู้กันด้วยข้อมูล สิ่งนี้จะเกิดขึ้น ตลอดปี 2565 Increasing Risks for Mobile Device อุปกรณ์พกพา จะเป็นหนึ่งในเป้าหมาย การโจมตีของแฮกเกอร์ โดยเฉพาะสมาร์ตโฟนทั้งระบบ iOS และ Android ปัจจุบันมีหลากหลายวิธีใน การเข้าถึงอุปกรณ์ ไม่ว่าจะด้วยฮาร์ดแวร์ เช่น นำ Flash Drive มาเสียบ สายชาร์จ นินจา หรือการส่ง Phishing เข้าเครื่อง Supply Chain Risks การเลือกโจมตีใน Supply Chain ที่มีการป้องกันไม่ดีพอ การเชื่อมต่อใน Supply Chain อาจกลายเป็นหนึ่งในช่องทางที่แฮกเกอร์จะเจาะเข้า มาในองค์กร เนื่องจากหลายองค์กรมีการลงทุนระบบ Cyber Security ที่แน่นหนา แฮกเกอร์จึงเลือกโจมตีพันธมิตรใน Supply Chain ที่มีการป้องกันที่ไม่ดีพอ ก่อนจะเจาะ เข้ามายังเป้าหมายหลัก ดังนั้น องค์กรที่มีการเชื่อมต่อกับหลายบริษัทจะต้องเพิ่มความ ระมัดระวังอย่างมาก เหล่านี้คือแนวโน้มของภัยไซเบอร์บางส่วนที่คาดว่าจะได้พบเพิ่มขึ้นภายในปี 2565 ขอให้ทุกคนเริ่มสังเกตและระมัดระวังข้อมูลส่วนบุคคลของตนเอง ในเบื้องต้นควรมีสติ และฉุกคิดสักนิดก่อนคลิก เพราะอาจนำไปสู่ภัยเงียบโจรกรรมข้อมูลสำคัญ นำมาสู่การ สูญเสียอย่างคาดไม่ถึง นายฐาปนา ตันทัศน์ ส่วนบริหารอาคาร 2 ฝ่ายบริหารอาคาร ที่มาของข้อมูล : 22 https://www.aroundonline.com/cyberthreat/ https://www.it.chula.ac.th/ransomware-คืออะไร https://monsterconnect.co.th/การโจมตีแบบ-phishing-คืออะไร
ลูกจ้างไม่ผ่านการทดลองงาน นายจ้างต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือไม่ ? สัญญาจ้างทดลองงานถือเป็นสัญญาที่ไม่มีกำหนดเวลาแน่นอน ธัชวรรณ แจ่มใส จะต้องมีการบอกกล่าวล่วงหน้า ตามพรบ.คุ้มครองแรงงาน ส่วนบริหารทรัพยากรบุคคล มาตรา 17 วรรคสอง ซึ่งเอาเข้าจริง ๆ สัญญาทดลองงานเป็น สัญญาที่ไม่มีกำหนดเวลาแน่นอนในตัว แม้ส่วนใหญ่ จะทดลอง ฝ่ายทรัพยากรบุคคล งานกัน 119 วันก็ตาม แต่สัญญาทดลองงานจะมีเงื่อนไขว่า \"ถ้าผ่านการทดลองงานจะจ้างต่อ ถ้าไม่ผ่านการทดลองงานจะไม่ 23 จ้าง\" ด้วยเงื่อนไขนี้จะทำให้ระยะเวลา 119วัน เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ขึ้นมา นายจ้างจึงต้องบอกกล่าวล่วงหน้าต่อลูกจ้างทดลองงาน ล่วงหน้าอย่างน้อย 1 รอบของการจ่ายค่าจ้าง หากนายจ้างไม่บอก กล่าวล่วงหน้าก็จะต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้ แก่ลูกจ้าง ลูกจ้างไม่ผ่านการทดลองงานมีสิทธิได้ รับค่าชดเชยหรือไม่? กรณีมีสิทธิได้รับค่าชดเชย จะต้องมีการทดลองงานครบ 120 วัน ตามความเป็นจริง เช่น สัญญาจ้างทั่วไปมัก กำหนดว่าทดลองงาน 119 วัน เช่นนี้ถ้ามีการแจ้งว่าไม่ผ่าน การทดลองในวันที่ 119 ก็เท่ากับว่ามีการทดลองงานไม่ ครบ 120 วัน จึงไม่มีสิทธิได้ค่าชดเชย อย่างไรก็ตามหาก นายจ้างไม่บอกกล่าวล่วงหน้าและยังคงให้ลูกจ้างทำงาน อยู่ จนครบเวลา 120 วัน นายจ้างก็ต้องจ่ายค่าชดเชย อยู่ดี ที่มา : คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๑๒๐/๒๕๔๔ รูปภาพ : https://www.ilaw.or.th/node/5592
ค ว า ม เ ชื่ อ แ ล ะ ค ว า ม นิ ย ม “ พ ร ะ เ ค รื่ อ ง ไ ท ย ” ใ น จี น “นักท่องเที่ยวจีน” เมื่อมาไทยก็จะได้ซึมซับ ความเป็นไทยพุทธ ได้กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตามวัดต่างๆ อยู่เสมอ จึงทำให้ชาวจีนรู้จัก ชื่นชอบ และสวมใส่ “พระเครื่องไทย” จำนวน ไม่น้อย จนเกิดเป็นความนิยมสินค้าที่เกี่ยวกับ พุทธศาสนาขึ้นในจีน” สมัยที่ “อ้ายจง” ใช้ชีวิตในเมืองจีน มีโอกาสได้ไปสอนภาษาไทยให้นักศึกษาจีนอยู่บ้าง เหมือนกัน ทำให้มีการพูดคุยกันถึงวัฒนธรรมความเชื่อด้านศาสนาของคนไทย โดยเขาจะ สอบถามเกี่ยวกับศาสนาพุทธพอสมควรเลย ส่วนใหญ่จะถามว่า คนไทยนับถือศาสนาพุทธ กันทุกคนเลยใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นคนไทยทุกคนก็เป็นคนดีมีศีลธรรมกันทุกคนแน่ๆ เลย นี่คือ ภาพจำของ “คนจีน” ที่มีต่อ “คนไทย” ในแง่ของการนับถือศาสนาพุทธ ส่งผลไม่น้อยต่อ เรื่องของการตลาดสินค้าไทยในจีนอย่าง “พระเครื่องไทย” ซึ่งวันนี้อ้ายจงจะนำมาเล่าให้ ทุกท่านได้ทราบกัน ทำไม “ตลาดพระเครื่องและเครื่องรางของขลังจากไทย” ถึงดังไกลในจีน? ประเด็น “ตลาดพระเครื่องและเครื่องรางของขลังไทย” อ้ายจงขอออกตัวก่อนว่า ไม่ได้จะสื่อ ถึงความเป็นพุทธพาณิชย์ เพราะถือเป็นเรื่องค่อนข้างละเอียดอ่อน แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีตลาด เฉพาะที่รองรับการแลกเปลี่ยนพระเครื่องและเครื่องรางของขลังไทยในจีนโดยเฉพาะในเชิงพาณิชย์ และมีมานับสิบปีแล้ว โดยเฉพาะช่วงตลาดท่องเที่ยวไทยบูม ก็มีนักท่องเที่ยวจีนไม่น้อย เดินทางมา ไทย เพื่อให้ไกด์คนไทยพาไปบูชาตามวัดต่างๆ ที่โด่งดัง ทั้งดังแท้และดังเทียม คนจีนใส่ “พระเครื่องไทย” ทำไม? คนจีนใส่ “พระเครื่องไทย” ทำไม? ประเด็นนี้สามารถแบ่งได้เป็น 2 เหตุผล ดังนี้ เหตุผลแรก ต้องการเรื่องของพุทธคุณ และมองเป็นอำนาจปาฏิหาริย์แบบลี้ลับ ตามความ เชื่อของพวกเขา โดยคนจีนจำนวนไม่น้อยมองว่า เมื่อใส่พระเครื่องแล้วสามารถขออะไร ก็ได้ และก็มีคนที่ตามหาพระเครื่องที่มีพุทธคุณที่ตรงตามความประสงค์ของเขาโดยเฉพาะ ซึ่งก็กลายเป็นหนึ่งใน Key Message หรือสาระสำคัญที่คนทำธุรกิจด้านนี้ใช้ดึงดูดคนจีน หรือนำมาประชาสัมพันธ์ว่า พระเครื่องจากวัดนั้น วัดนี้ เกจิอาจารย์รูปนี้ ช่วยส่งเสริมด้าน ใด อาทิ ด้านเงิน การเรียน การงาน คู่ครอง แคล้วคลาดปลอดภัย เป็นต้น พระเครื่อง ไทยในมุมมองของคนจีน จึงแตกขยายไปรวมถึงเครื่องรางต่างๆ ซึ่งจะว่าไปตามตรง จะ แตกต่างจากวัตถุประสงค์ในการสร้างพระเครื่องคือเพื่อเป็นเครื่องระลึกถึงพระพุทธเจ้า และพระธรรมคำสอน 24
เหตุผลที่สอง คนจีนมองว่า พระเครื่องไทย เป็นเครื่องประดับ และ สินค้าตามกระแส โดยเฉพาะอย่างยิ่งผูกกับกระแสท่องเที่ยวไทย อ้ายจง ได้วิเคราะห์พฤติกรรมการค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับ “พระเครื่องไทย” หรือ 泰 国 佛 牌 泰 国 佛 牌ในภาษาจีนใช้คำว่า ( ไท่กั๋ว = ไทย และ ฝอผาย = พระ เครื่อง) บน Baidu เครื่องมือค้นหาข้อมูลออนไลน์ที่คนจีนนิยมใช้ โดยวิเคราะห์ ข้อมูลช่วงปี 2562 ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 พบว่า ช่วงไตรมาสแรก 泰 国 佛 牌ของปี 2562 ที่เป็นช่วงคนจีนเดินทางมาเที่ยวไทยจำนวนมาก เนื่องด้วยหยุดยาว ตรุษจีน คนจีนค้นหาคำว่า พระเครื่องไทย วันละเกือบ 1,000 ครั้ง อาจจะดูเป็นจำนวนที่น้อยถ้าเทียบกับประชากรจีน แต่ก็ถือว่า เป็นคำค้นหาเฉพาะ เจาะจง หรือ Niche keyword ส่วนใหญ่ค้นหาจากพื้นที่กรุงปักกิ่ง เมืองเซินเจิ้น มหานครเซี่ยงไฮ้ เมืองกว่างโจว (กวางเจา) และเมืองหังโจว ซึ่งเป็นเมืองที่มีเส้น ทางบินตรงมาถึงไทยทั้งหมด จากการวิเคราะห์ Big Data คำค้นหาบน Baidu ทำให้เจออีกประเด็นที่ 泰 国 佛 牌 极 度 危 险น่าสนใจ เป็นคำค้นหาที่เกี่ยวข้องเมื่อค้นหา พระเครื่องไทย ซึ่งได้แก่คำ ว่า แปลเป็นไทยว่า “พระเครื่องไทยอันตราย มาก” คำค้นหานี้สอดคล้องกับการสัมภาษณ์ทั้งผู้ประกอบการไทยเกี่ยว กับพระเครื่องและชาวจีน โดยต่างบอกตรงกันว่า สิ่งหนึ่งที่กังวลเวลา จะบูชาพระเครื่องไทยคือ เคยได้ยินถึงเรื่องอันตรายหากบูชาไม่ถูกต้อง หรือหากเลิกบูชาอาจมีอันตรายได้ ถ้าไม่มีการประกอบพิธีกรรมเลิก บูชา และอื่น ๆ อีก ที่บ่งบอกถึงความลี้ลับและสื่อถึงอันตราย 泰国佛牌极度危险เมื่อดูเนื้อหาบนโลกออนไลน์จีน ที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหา ก็พอจะ รับรู้ถึงภาพจำที่คนจีนเขามองในประเด็นนี้ อย่างเช่น การเขียนสื่อถึง “ห้ามจับพระ เครื่องไทย เพราะจะทำให้เกิดอันตราย” โดยหลายเนื้อหานั้นเป็นความเข้าใจผิดของ คนจีน รวมทั้งมีการเหมารวมว่า กุมารทอง ปลัดขิก และเครื่องรางต่างๆ จัดอยู่ใน หมวดหมู่พระเครื่องไทยด้วย 25
เมื่ออ้ายจงลองไปค้นหาบนเถาเป่า (Taobao) หนึ่งในแพลตฟอร์มซื้อขายออนไลน์ ที่มีการแลกเปลี่ยนพระเครื่องไทยด้วย ก็ถึงบางอ้อ เมื่อเวลาค้นหา “พระเครื่อง ไทย” พบว่า มากกว่า 50% ของผลการค้นหาเป็นพวกสินค้าเครื่องราง ไม่ใช่พระ เครื่องแต่อย่างใด ถ้าเป็นไปได้จึงอยากแนะนำผู้ที่เกี่ยวข้องกับตลาดพระเครื่อง และเครื่องรางของขลัง อยากให้มุ่งเน้นความสำคัญในการให้ความรู้ที่ถูกต้องเมื่อ มีการทำการตลาดด้วย นอกเหนือไปจากตลาดพระเครื่อง ที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับภาพจำของคนจีนที่ มองประเทศไทยเป็นเมืองแห่งพระพุทธศาสนา “สินค้าไทยมีแต่คุณภาพดี เพราะ เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ คนไทยมีคุณธรรมศีลธรรมตามหลักของศาสนาพุทธ” ก็ เป็นอีกหนึ่งการจดจำของคนจีนบางกลุ่มที่ติดตามเรื่องราวไทย โดยเวลาที่มีข่าว เชิงลบของไทยจึงทำให้เห็นความคิดเห็นของคนจีน เขียนในทำนองที่ว่า “ไหนคน ไทยเป็นชาวพุทธไง ทำไมถึงมีเรื่องไม่ดีแบบนั้นเกิดขึ้นได้ล่ะ” อ้ายจงว่า เปรียบเหมือนดาบสองคมนะ คมหนึ่งเป็นคมด้านบวก คนจีนเชื่อถือในสินค้า ไทยจากภาพจำเรื่องศาสนาพุทธ แต่อีกคมที่อาจเป็นคมบาดลึกจนเกิดแผลฉกรรจ์ หากเราทำคุณภาพของผลิตภัณฑ์ไม่ตรงกับความคาดหวังของพวกเขา และถ้าเราจะ ใช้แต่เพียงความเป็นไทย ความเป็นเมืองพุทธ แค่ขายของอย่างเดียว ยิ่งเป็นสิ่งต้อง ห้าม เพราะทุกวันนี้สินค้าไทยเข้าไปในจีนไม่น้อย มีทั้งสินค้าจีนเองที่ปลอมหรืออ้าง เป็นสินค้าแบรนด์ไทย ดังนั้น การสร้างคุณภาพ การสร้างจุดเด่นที่ตอบโจทย์ตลาดผู้ บริโภคและกลุ่มเป้าหมายได้จริงๆ จะเป็นคำตอบที่ยั่งยืนมากกว่า นายภคพล ประทุมแก้ว นายเตชินท์ เดชะบุญศิริพานิชย์ ส่วนพัฒนาธุรกิจ 1 ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ 26 แหล่งที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/columnist/1004530
รับมือในช่วงหน้าหนาว ในช่วงฤดูหนาวทุกปี มักจะมี 4 กลุ่มโรคติดต่อที่มาพร้อมกับสภาพ อากาศ ซึ่งจะเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนพฤศจิกายน ดังนั้นสิ่งที่น่าเป็นห่วงนอกจากสภาพอากาศ ที่จะหนาวเย็นลงแล้ว ก็คือ สุขภาพของประชาชนในช่วงฤดูหนาว ที่อาจปรับตัวไม่ทัน และ เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยได้ง่าย จึงจำเป็นที่ต้องเตรียมความพร้อมในการ รับมือ ป้องกันการเกิดโรค รวมถึงภัยสุขภาพที่จะเกิดขึ้นได้ โรคติดต่อ สาเหตุ วิธีการดูแล 1. ระบบทางเดินหายใจ โรคไข้หวัดใหญ่ 1. เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อ 1. หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือ 2. โรคติดต่อทางเดินอาหารและน้ำคือ ไวรัสและ เชื้อราบางชนิดที่ถุงลมปอดจาก แอลกอฮอล์เจล ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น การหายใจหรือ สัมผัสละอองฝอยจาก และสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยทุกครั้ง โรคอุจจาระร่วง น้ำมูก น้ำลายที่ปนเปื้อนเชื้อจะมีอาการ เมื่อออกนอกบ้าน 3. โรคติดต่อที่สำคัญอื่นๆ ในช่วงฤดูหนาว ไข้ ไอ หายใจหอบเหนื่อย 2. ดูแลสุขอนามัย ดื่มน้ำสะอาดและรับประทาน 2. เกิดจากการรับประทานอาหารหรือน้ำที่ อาหารที่ปรุงสุกและสะอาด คืิอโรคหัด ไม่สะอาด มีการปนเปื้อนเชื้อโรค จะมีขับ 3. ปัจจุบันไม่มียารักษาจำเพาะ แต่มีวัคซีนที่ 4. ภัยสุขภาพ การเสียชีวิตที่เกี่ยว ถ่ายมากกว่า 3 ครั้ง อาจมีไข้หรืออาเจียน สามารถป้องกันได้ โดยต้องฉีดเข็มแรก ตอน เนื่องจาก ภาวะอากาศหนาว ร่วมด้วย อายุ 9 - 12 เดือน เข็มสองตอนอายุ 1 ปีครึ่ง 3. เกิดจากการหายใจเอาละอองอากาศที่ 4. เตรียมเครื่องนุ่งห่มกันหนาวให้พร้อมและ ปนเปื้อนเชื้อไวรัสจากการไอ จามของผู้ เพียงพอ และงดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ป่วย หรือพูดคุยกันในระยะใกล้ พร้อมทั้งดูแลร่างกายให้แข็งแรง ออกกำลังกาย 4. เกิดจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ นางสาวปานตา บัวบาง 27 ส่วนช่วยอำนวยการ ฝ่ายอำนวยการ
ไว้พบกันใหม่ ฉบับหน้าครับ ร่วมลุ้นรับรางวัล เดือนพฤศจิกายน DECEMBER 2022 | VOL.7 KM & INNO NEWSLETTER Dhanarak Asset Development Co., Ltd
Search
Read the Text Version
- 1 - 28
Pages: