Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ตัวอย่างข้อสอบจริง

ตัวอย่างข้อสอบจริง

Published by sarunphat.meth, 2021-07-25 13:53:16

Description: ตัวอย่างข้อสอบจริง

Search

Read the Text Version

1 ตัวอย่างข้อสอบท่ใี ช้สอบ นักวชิ าการศกึ ษา 1. กฎหมายพระราชบญั ญัติการศกึ ษาแหง่ ชาติ เกิดจากมาตราใดของกฎหมายรฐั ธรรมนูญ ก. มาตรา 42 ข. มาตรา 65 ค. มาตรา 80 ง. มาตรา 81 2. ตามกฎหมายรฐั ธรรมนูญท่เี กย่ี วข้องกบั การศกึ ษา ข้อใดกล่าวไม่ถกู ตอ้ ง ก. บุคคลยอ่ มมีสทิ ธิได้รับการศึกษาข้ันพื้นฐานอยา่ งทั่วถึง ข. ผู้พกิ ารได้รบั การศกึ ษาทัดเทยี มกับบคุ คลท่วั ไป ค. รัฐต้องจัดการศกึ ษาอยา่ งมีคณุ ภาพโดยไม่เกบ็ คา่ ใชจ้ ่าย ง. ผพู้ กิ าร ผยู้ ากไร้ ผ้ทู ่อี ย่ใู นสภาวะยากลาบาก มีสิทธิไดร้ บั การศึกษาไมน่ ้อยกว่า 12 ปี 3. มาตรา 54 แหง่ กฎหมายรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทยให้ความสาคัญเรือ่ งใด ก. แผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ ข. กฎหมายพัฒนาการศกึ ษาแหง่ ชาติ ค. เรง่ รดั พฒั นาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ง. พัฒนาเด็กกอ่ นวัยเรยี นจบจบการศึกษาภาคบงั คบั 4. ข้อใดไม่ใชห่ ลกั การจัดการศึกษาตาม พรบ.การศึกษาแหง่ ชาติ ก. เปน็ การศกึ ษาตลอดชวี ติ ข. ใหส้ งั คมมีส่วนรว่ มในการจดั การศึกษา ค. พัฒนาสาระและกระบวนการเรยี นรูใ้ หเ้ ป็นไปอย่างต่อเนอ่ื ง ง. มีเอกภาพดา้ นนโยบายและมคี วามหลากหลายในการปฏิบตั ิ 5. ขอ้ ใดไม่ใชห่ ลักการจัดระบบ โครงสรา้ ง และกระบวนการจัดการศกึ ษา ก. การกระจายอานาจ ข. มาตรฐานและการประกันคณุ ภาพ ค. การศกึ ษาตลอดชวี ติ ง. มาตรฐานและการพฒั นาวิชาชพี ครู

2 6. การจดั การศกึ ษาสาหรบั บุคคลท่ีมีความบกพร่องทางร่างกาย จติ ใจ อยู่ในหมวดใดของ พ.ร.บ.การศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 ก. ความม่งุ หมายและหลักการ ข. ระบบการศึกษา ค. สิทธิและหนา้ ที่ทางการศกึ ษา ง. แนวการจดั การศกึ ษา 7. การจัดการศึกษาสาหรบั คนพกิ ารข้อใดที่ไม่ถกู ต้อง ก. ให้จัดต้งั แต่แรกเกิดหรอื พบความพกิ าร ข. ได้รับการสนบั สนุนศกึ ษาโดยไม่เสยี คา่ ใชจ้ า่ ย ค. มสี ทิ ธิไดร้ บั สง่ิ อานวยความสะดวก ส่ือ บรกิ ารและความชว่ ยเหลอื อืน่ ง. ตอ้ งเขา้ รับการศกึ ษาเมอ่ื มีอายุยา่ งเขา้ ปีท่เี จ็ด จนถงึ ยา่ งเข้าปีท่สี ิบหก 8. การจดั การศกึ ษาสาหรับบคุ คลท่ีมคี วามสามารถพิเศษ ข้อใดถูกตอ้ ง ก. จดั ด้วยรูปแบบทีเ่ หมาะสม ข. คานึงถงึ ความสามารถ ค. คานึงถงึ ความแตกต่างระหว่างบคุ คล ง. ถกู ข้อ ก และ ข 9. สิทธิประโยชน์ท่ผี ูจ้ ัดการศกึ ษาจะพึงไดร้ ับ ขอ้ ใดไม่ถกู ตอ้ ง ก. การสนับสนุนจากรฐั ข. การลดหย่อนภาษที ่วั ไป ค. เงนิ อุดหนุนจากรฐั สาหรับการจดั การศึกษาขั้นพ้นื ฐาน ง. การยกเวน้ ภาษีสาหรับคา่ ใชจ้ า่ ยการศกึ ษาตามท่กี ฎหมายกาหนด 10. การศึกษาในระบบมีกร่ี ะดบั ขอ้ ใดถกู ทส่ี ุด ก. มี 2 ระดับคอื การศกึ ษาภาคบงั คบั และการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน ข. มี 2 ระดับคือ การศึกษาขนั้ พืน้ ฐานและการศึกษาอุดมศกึ ษา ค. มี 3 ระดบั คอื ประถมศกึ ษา มธั ยมศึกษา และอดุ มศึกษา ง. มี 4 ระดับคือ ก่อนประถมศึกษา ประถมศกึ ษา มธั ยมศกึ ษาและอุดมศกึ ษา 1. ง 2. ข 3. ง 4. ง 5. ค 6. ค 7. ง 8. ง 9. ข 10. ข

3 11. การจัดการศึกษาภาคบงั คบั ใหบ้ ุคคลตามข้อใดไมถ่ กู ต้อง ก. จัดให้เด็กท่มี ีอายยุ า่ งเข้าปีท่ีเจ็ดจนถึงอายยุ า่ งเขา้ ปีท่ีสบิ หก ข. จัดการศกึ ษาภาคบงั คับเป็นเวลา 9 ปี ค. สอบได้ช้นั ประถมศึกษาปที่ ี่ 9 แล้ว ง. อายุพ้นเกณฑ์การศึกษาภาคบังคบั 12. ขอ้ ใดไม่ใช่สถานศกึ ษาในการจัดการศกึ ษาปฐมวัยและการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐานตาม พ.ร.บ. การศกึ ษาแห่งชาติ ก. สถานพฒั นาเด็กปฐมวยั ข. วิทยาลัย ค. ศูนย์การเรียน ง. โรงเรียน 13 . การจัดการศึกษาเฉพาะทาง คานงึ ถึงข้อใด ข. มาตรฐานการศึกษาของชาติ ก. นโยบาย ง. ขอ้ ก และ ข ค. การประกนั คุณภาพ 14. การจดั สรรโอกาสการเขา้ ศึกษาตอ่ ของผู้เรียนในเบือ้ งต้นเปน็ หน้าท่ขี องใคร ก. ผู้ปกครอง ข. สถานศกึ ษา ค. คณะกรรมการเขตพืน้ ทีก่ ารศกึ ษา ง. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 15. การประเมนิ ผเู้ รียนให้พิจารณาจากขอ้ ใด ก. ความประพฤติ การสงั เกตพฤติกรรม การร่วมกจิ กรรม พฒั นาการ ข. การสังเกตพฤติกรรม การทดสอบ การประเมนิ ผล พัฒนาการ ความรู้ ทกั ษะ ค. พัฒนาการ ความประพฤติ การสังเกตพฤติกรรม การร่วมกิจกรรม การทดสอบ ง. การสังเกตพฤติกรรม ความประพฤติ การร่วมกจิ กรรม การทดสอบ คะแนนสอบ 16. ใครมีหน้าท่ีสง่ เสริมความเขม้ แข็งของชมุ ชน ข. ครอบครัวและชมุ ชน ก. สถานศกึ ษา ง. สถานศกึ ษารว่ มมือกับผเู้ กยี่ วข้องทกุ ขอ้ ค. องค์กรชมุ ชน องค์กรและสถาบัน

4 17. ขอ้ ใดไม่ใช่หลกั การตามแนวทางของหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ก. เป็นหลกั สตู รการศกึ ษาเพ่อื ความเปน็ เอกภาพของชาติ ข. เป็นหลกั สตู รการศึกษาเพ่ือปวงชน ประชาชนมโี อกาสไดร้ ับการศึกษา ค. เปน็ หลกั สูตรที่เน้นผเู้ รียนเปน็ สาคัญ ง. เปน็ หลกั สูตรทีต่ อบสนองการจดั การศกึ ษาในระบบ และการศึกษาขน้ั พื้นฐาน 18. จดุ มงุ่ หมายของสาระหลักสตู รทง้ั ท่ีเปน็ วิชาการ และวิชาชพี ตอ้ งมงุ่ พฒั นาคนใหม้ ีความสมดุล ทกุ ดา้ นยกเวน้ ขอ้ ใด ก. ความเป็นพลเมืองดี ข. ความรู้ ความคิด ค. ความสามารถ ง. ความดีงามและความรับผดิ ชอบตอ่ สังคม 19. การกาหนดหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 เปน็ หนา้ ทขี่ องใคร ก. กรมวิชาการ ข. คณะกรรมการพัฒนาหลกั สูตร ค. คณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ง. คณะกรรมการสภาการศกึ ษาศึกษา 20. ข้อใดไม่ใช่องค์กรหลักในกระทรวงศึกษาธิการ ข. สภาการศึกษา ก. คณะกรรมการการอุดมศึกษา ง. คณะกรรมการการอาชวี ศึกษา ค. คณะกรรมการการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน 21. การบรหิ ารและการจดั การศกึ ษาข้ันพนื้ ฐานใหย้ ดึ เขตพ้นื ทก่ี ารศึกษา ตอ้ งคานึงถงึ ข้อใด ก. ปรมิ าณสถานศึกษา ข. จานวนประชากร ค. วฒั นธรรม ง. ถกู ทกุ ขอ้ 22. ข้อใดไม่ใชอ่ งค์ประกอบของคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน ก. ผ้แู ทนองค์กรชมุ ชน ข. ผู้แทนองค์กรเอกชน ค. ผู้แทนองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ง. ผแู้ ทนองค์กรวชิ าชีพ

5 23. คณะกรรมการสถานศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน มีอานาจหน้าทตี่ ามขอ้ ใด ก. กาหนดนโยบายและแผนพัฒนา ข. กากบั สง่ เสริมสนบั สนนุ กจิ การของสถานศึกษา ค. สนบั สนุนทรพั ยากรเพ่อื การศึกษา ง. ประสานส่งเสรมิ สนับสนุนการศึกษาเอกชน 24. ขอ้ ใดไม่ใชห่ น้าทข่ี องสภาการศกึ ษา ก. พิจารณาเสนอแผนการศึกษาแห่งชาติ ข. สนบั สนนุ ทรพั ยากรเพ่ือการศึกษา ค. ดาเนินการประเมินผลการจดั การศกึ ษา ง. ให้ความเห็นหรือคาแนะนาเกีย่ วกับกฎหมายและกฎกระทรวง 25. ใครมอี านาจกาหนดเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา ก. คณะรัฐมนตรี ข. รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ค. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ง. รฐั สภา 26. อสังหารมิ ทรพั ยท์ ส่ี ถานศกึ ษาของรฐั ที่เปน็ นิติบุคคลได้มาโดยมีผ้อู ทุ ศิ ให้โดยการซอ้ื หรือการ แลกเปลยี่ นจากรายได้ของสถานศึกษา เปน็ สมบัตขิ องใคร ก. ทีร่ าชพัสดุ ข. สมบัตขิ องแผน่ ดนิ ค. กรรมสทิ ธิของสถานศกึ ษา ง. กระทรวงการคลัง 27. ใหร้ ัฐจัดสรรงบประมาณแผน่ ดนิ ใหก้ ับการศึกษาในข้อใดเป็นอันดับแรก ก. ดาเนนิ การและงบลงทุน ข. คา่ ใชจ้ า่ ยสาหรับผู้เรยี นทีม่ ีความตอ้ งการพเิ ศษ ค. กองทุนกู้ยืมเรยี นใหแ้ ก่ผู้ท่มี าจากครอบครวั ทีม่ ีรายได้น้อย ง. เปน็ คา่ ใช้จา่ ยรายบคุ คลแกผ่ ้เู รยี นการศกึ ษาภาคบงั คบั และการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐานค่าใชจ้ ่าย 28. รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงศกึ ษาธกิ ารเปน็ ประธานคณะกรรมการใด ก. คณะกรรมการสภาการศึกษา ข. คณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน ค. คณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ง. คณะกรรมการนโยบายและพฒั นาการศึกษา

6 29. ขอ้ ใดเป็นหวั ใจสาคัญของระบบการประกันคณุ ภาพภายใน ก. เพ่อื พัฒนาคุณภาพของสถานศกึ ษา ข. ทาให้เป็นสว่ นหน่ึงของกระบวนการบริหารการศกึ ษา ค. ต้องดาเนินการโดยหน่วยงานต้นสงั กัดและสถานศกึ ษา ง. มกี ารจัดทารายงานประจาปีเสนอตอ่ หนว่ ยงานตน้ สังกัด หนว่ ยงานทเ่ี ก่ียวข้องและเปิดเผย ต่อสาธารณชน 30. ขอ้ ใดไมไ่ ดก้ าหนดไวใ้ นระบบการประกนั คณุ ภาพภายนอก ก. ประเมนิ ผลและติดตามตวจสอบโดย สมศ. ข. ให้เสนอยบุ เลกิ โรงเรียนท่ีไม่ผา่ นการประเมนิ คร้ังสุดท้าย ค. คานึงถึงความมุง่ หมาย หลักการและแนวการจัดการศกึ ษา ง. ให้มกี ารประเมินคุณภาพภายนอกของสถานศึกษาทกุ แห่งทุกระยะ 5 ปี 31. กรณที ่ีผลการประเมนิ สถาศกึ ษาไม่ไดต้ ามมาตรฐานที่กาหนด สมศ.ตอ้ งดาเนนิ การอย่างไร เปน็ อนั ดบั แรก ก. รายงานต่อคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน ข. แจ้งให้สถานศึกษาปรับปรงุ แกไ้ ขภายในกาหนด ค. จัดทาขอ้ เสนอแนะการปรบั ปรงุ แก้ไขต่อหน่วยงานต้นสังกดั ง. เสนอหน่วยงานทเ่ี กี่ยวขอ้ งเพอื่ ใหแ้ นะนาปรบั ปรงุ และเปดิ เผยตอ่ สาธารณชน 32. ข้อใดไมเ่ กย่ี วขอ้ งกับการรกั ษาวินัย ก. ต้องปฏบิ ตั ิตนตามมาตรฐานและจรรยาบรรณวิชาชีพ ข. ตอ้ งตรงต่อเวลา อทุ ิศเวลาของตนใหแ้ ก่ทางราชการและผูเ้ รยี น ค. ต้อนรบั ให้ความสะดวก ใหค้ วามเปน็ ธรรมแกผ่ ้เู รยี นและประชาชนผ้มู าติดตอ่ ราชการ ง. กล่ันแกลง้ กลา่ วหาหรือรอ้ งเรยี นผู้อืน่ โดยปราศจากความจริง 33. โทษทางวินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษาได้แก่ข้อใด ก. ว่ากลา่ วตักเตือน ข. ภาคทัณฑ์ ค. ใหอ้ อกจากราชการ ง. พกั ใช้ใบอนญุ าตประกอบวชิ าชพี

7 34. ข้อใดไมใ่ ชค่ วามผดิ ทางวนิ ยั อยา่ งร้ายแรง ก. เปน็ กรรมการผ้จู ัดการหรือผ้จู ดั การในหา้ งหนุ้ สว่ นหรอื บรษิ ทั ข. การให้ทรัพย์สินเพือ่ ใหต้ นเองไดร้ บั การแตง่ ต้ังโดยมชิ อบหรือไม่มีความเทยี่ งธรรม ค. เลน่ การพนันเป็นอาจิณหรอื กระทาการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เรยี นหรอื นกั ศึกษา ง. ละท้ิงหนา้ ทีร่ าชการตดิ ต่อในคราวเดยี วกนั เกนิ กว่า 15 วัน โดยไมม่ เี หตุผลอันควร 35. ขอ้ ใดไมใ่ ชโ่ ทษทางวนิ ยั ข. ให้ออก ก. ลดข้ันเงนิ เดอื น ง. ไลอ่ อก ค. ปลดออก 36. กรณใี ดมสี ิทธิได้รบั บาเหน็จบานาญเสมอื นวา่ ลาออกจากราชการ ก. ลดเงินเดือน ข. ใหอ้ อก ค. ปลดออก ง. ไลอ่ อก 37. ข้อใดไม่ถกู ตอ้ ง ก. ทาผดิ วินยั ไมร่ า้ ยแรง ใหผ้ ูบ้ ังคับบญั ชาสง่ั ลงโทษ ให้ออก หรือปลดออก ข. ไลอ่ อก ถ้ามีเหตุผลอนั ควรลดหย่อนผอ่ นโทษ ห้ามมใิ ห้ลดโทษต่ากวา่ ปลดออก ค. การลงโทษภาคทณั ฑใ์ หใ้ ช้เฉพาะกรณีกระทาผิดวินยั เล็กน้อยหรอื มเี หตุอันควรลดหยอ่ น ง. กระทาความผดิ เลก็ นอ้ ยและมีเหตุอันควรงดโทษ จะงดโทษใหโ้ ดยทาทัณฑ์บนเป็นหนังสอื 38. ข้อใดไม่ใช่ลกั ษณะต้องห้ามของผู้เขา้ รบั ราชการ ก. เป็นบคุ คลลม้ ละลาย ซงึ่ ศาลยงั ไม่สงั่ ใหพ้ น้ คดี ข. เปน็ คนไร้ความสามารถหรือคนเสมอื นไร้ความสามารถ ค. เป็นผูม้ คี วามประพฤติเสื่อมเสยี หรือบกพรอ่ งในศีลธรรมอนั ดี ง. เคยตอ้ งโทษในคดีประมาทท่ีอาจนามาซ่งึ ความเสือ่ มเสียเกยี รตศิ กั ดิแ์ หง่ ข้าราชการ 39. ผ้มู ีอานาจในการแตง่ ตง้ั ครูผชู้ ่วย คอื ขอ้ ใด ก. ผอู้ านวยการสถานศกึ ษา ข. ผู้อานวยการสานักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษา ค. ผูว้ ่าราชการจังหวดั ง. เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน

8 40. ขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา ไม่มีวิทยฐานะใด ก. ครูเช่ียวชาญพิเศษ ข. รองผอู้ านวยการเช่ียวชาญพเิ ศษ ค. ผู้อานวยการเชยี่ วชาญพิเศษ ง. ศึกษานิเทศกเ์ ช่ียวชาญพเิ ศษ 41. แผนภูมิแผนภาพ แผนท่ี แผนผัง ภาพโฆษณา การต์ ูน เป็นสอื่ การสอนประเภทใด ก. ภาพน่งิ ข. นทิ รรศการ ค. วจนสญั ลกั ษณ์ ง. ทัศนสญั ลกั ษณ์ 42. นวัตกรรมในขอ้ ใดเหมาะสาหรับนักวิชาการศกึ ษานาไปใช้ประโยชน์กบั การทาโครงการ ก. ชุดการสอน ข. บทเรยี นสาเร็จรูป ค. มลั ติมเี ดยี ง. วทิ ยแุ ละโทรทศั นช์ ว่ ยสอน 43. ส่ือและนวตั กรรมทางการศกึ ษาในการจัดทาโครงการที่ดี ข้อใดสาคญั ทส่ี ุด ก. เหมาะกับวัตถปุ ระสงคท์ วี่ างไว้ ข. เหมาะกับวัยของผเู้ ขา้ ศกึ ษาโครงการ ค. เหมาะกับกจิ กรรมทีจ่ ะดาเนินการ ง. ใชง้ ่าย ปลอดภัย สะดวก และประหยดั 44. แผนภาพ (Diagram) เป็นสื่อการเรียนการสอนรูปแบบใด ก. ส่ิงตีพิมพ์ ข. วสั ดุกราฟิก ค. วัสดุฉายและเคร่ืองฉาย ง. วัสดุถา่ ยทอดเสยี ง 45. ขอ้ ใดไม่ใช่สือ่ การเรียนการสอนจาแนกตามประสบการณ์ ก. ประสบการณจ์ าลอง ข. นิทรรศการ ค. คอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน ง. การศึกษานอกสถานท่ี 46. วทิ ยุ เป็นสื่อการเรยี นการสอนรูปแบบใด ข. วสั ดฉุ ายและเครือ่ งฉาย ก. วัสดกุ ราฟิก ง. วัสดถุ ่ายทอดเสียง ค. สิง่ ตีพมิ พ์

9 47. สื่อทางการศกึ ษาใดที่จัดวา่ เปน็ นามธรรมมากทสี่ ดุ ก. ประสบการณ์นาฏการ ข. ทัศนสัญลกั ษณ์ ค. วจนสญั ลกั ษณ์ ง. นิทรรศการและการแสดง 48. ตัวกลางในการถ่ายทอดองคค์ วามรู้ ทักษะ ประสบการณจ์ ากแหล่งความรไู้ ปสู่ผ้เู รยี นคือขอ้ ใด ก. นวตั กรรมทางการศึกษา ข. เทคโนโลยีทางการศกึ ษา ค. คอมพวิ เตอร์ ง. สื่อการเรียนการสอน 49. สือ่ ทส่ี ง่ เสรมิ ใหผ้ ูเ้ รียนได้มีโอกาสคิดสรา้ งสรรคม์ สี ่วนรว่ ม และไดร้ บั ขอ้ มูลย้อนกลบั ดว้ ยตวั เอง สอดคล้องกับลักษณะของสือ่ การสอนแบบใด ก. นิทรรศการ ข. ทศั นสญั ลกั ษณ์ ค. โทรทศั นแ์ ละภาพยนตร์ ง. ภาพนง่ิ การบันทึกเสียง และวิทยุ 50. สง่ิ ทชี่ ว่ ยใหก้ ารศึกษาและการเรียนการสอนมีประสทิ ธิภาพดยี ง่ิ ขึ้นกว่าของเดิมหมายถงึ ข้อใด ก. สอื่ การเรียนรู้ ข. นวตั กรรมการศึกษา ค. เทคโนโลยที างการศกึ ษา ง. แผนการจดั การเรียนรู้ 51. สง่ิ ท่ีเป็นเครอ่ื งมือสง่ เสรมิ สนับสนุนการจดั การกระบวนการเรียนรู้ หมายถงึ ข้อใด ก. นวัตกรรมการศึกษา ข. แผนการจัดการเรยี นรู้ ค. เทคโนโลยีทางการศกึ ษา ง. สอ่ื การเรยี นรู้ 52. โฮมเพจ เปรยี บไดก้ บั สง่ิ ใด ข. ปกดา้ นหลงั ของหนังสือ ก. สารบญั หนังสือ ง. หน้าบทนาของหนงั สอื ค. หน้าปกหนังสอื 53. คอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน คือข้อใด ข. Learning Packages ก. Teaching Machine ง. Computer-Assisted Instruction ค. Interactive Media/Video

10 54. ส่อื ที่ใชใ้ นวงการศกึ ษา แบง่ ตามลกั ษณะทว่ั ไปได้ 3 ประเภท ยกเว้นขอ้ ใด ก. ประเภทเครื่องมือ (Hardware) ข. ประเภทวิธีการ (Techniques) ค. ประเภทประสบการณ์ (Experiances) ง. ประเภทวัสดุ (Software) 55. แผนการศกึ ษาแหง่ ชาตฉิ บับปัจจุบนั มีระยะเวลาของแผนกี่ปี ก. 5 ปี ข. 10 ปี ค. 15 ปี ง. 20 ปี 56. แผนการศกึ ษาแห่งชาตฉิ บับปจั จบุ นั แบง่ ออกเปน็ ก่ีระยะ ก. 3 ระยะ ข. 4 ระยะ ค. 5 ระยะ ง. 6 ระยะ 57. ปัจจุบันประเทศไทยอยใู่ นระยะของแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ ระยะใด ก. ระยะแรก ข. ระยะท่ี 2 ค. ระยะท่สี าม ง. ระยะสุดท้าย 58. กรอบแนวคิดแผนการศกึ ษาชาตฉิ บับปัจจบุ ัน มกี เ่ี ปา้ หมาย ก. 3 เป้าหมาย ข. 4 เป้าหมาย ค. 5 เป้าหมาย ง. 6 เปา้ หมาย 59. ข้อใดที่มใิ ชห่ ลกั การและแนวคิด ของแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2579 ก. SDGs ข. เศรษฐกจิ พอเพยี ง ค. โลกในศตวรรษท่ี 21 ง. ยกระดับการแขง่ ขนั 60. หลักการ/แนวคดิ แผนการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2560 – 2579 SDGs หมายถงึ ข้อใด ก. หลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ข. การมที ักษะโลกในศตวรรษที่ 21 ค. หลักการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ง. หลักการพัฒนาทีย่ งั่ ยืนขององคก์ ารสหประชาชาติ

11 11. ง 12. ข 13. ง 14. ข 15. ค 16. ง 17. ง 18. ก 19. ค 20. ก 21. ง 22. ก 23. ข 24. ข 25. ข 26. ค 27. ง 28. ก 29. ก 30. ข 31. ค 32. ก 33. ข 34. ก 35. ข 36. ค 37. ข 38. ง 39. ก 40. ข 41. ง 42. ค 43. ก 44. ข 45. ค 46. ง 47. ค 48. ง 49. ก 50. ข 51. ง 52. ค 53. ง 54. ค 55. ง 56. ค 57. ข 58. ค 59. ง 60. ง ขอ้ 22 – 23 สังเกตดๆี นะ บางคนอาจสังสยั คาตอบ ข้อท่ี 22 โจทย์ไมไ่ ด้ถามถึง “คณะกรรมการสถานศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน” นะ แต่ถามถึงคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน ซ่งึ เป็นระดบั ใหญ่ อย่ใู น สพฐ นุ่น (ท่ีต้องทาหลักสูตรแกนกลางฯ นะ) อย่าสบั สน แตใ่ นขอ้ 23 โจทย์ถามถงึ คณะกรรมการสถานศึกษา นห่ี มายถึงคณะกรรมการประจาแต่ละโรงเรยี น ขอ้ 39 เป็นขอ้ สอบจริงทเ่ี คยออกโดย ม.บูรพา ใชส้ อบยุคก่อน คอื ยคุ ก่อนทีจ่ ะมีการใช้ ม. 44 เปลี่ยนแปลงในชว่ งปี 2560 เม่ือก่อนจึงตอบตามพระราชบัญญัตริ ะเบยี บขา้ ราชการครฯู ผูท้ แี่ ต่งตั้งครูผ้ชู ว่ ย คอื “ผอู้ านวยการสถานศึกษา โดยอนมุ ัติของ อ.ก.ค.ศ. เขตพ้ืนที่การศึกษา” แต่ถ้าเปน็ สมัยปัจจบุ ัน เราจะตอ้ งตอบว่า “ศึกษาธกิ ารจงั หวดั โดยความเห็นชอบของ กศจ” ถา้ ลองสงั เกต ขอ้ สอบจาก ม.บูรพา หลายครงั้ ท่ผี า่ นมาเราจะพบเหน็ ว่า มกั จะออกตามกฎหมายเดมิ ๆ ท่มี ีตัวปรากฏชดั ในพระราชบญั ญัติต่างๆ หรอื แรกเรม่ิ ไปเปิดพระราชบัญญัติก็สามารถหาคาตอบได้ถูกต้องนน่ั เอง การออกขอ้ สอบกฎหมาย จะไม่ค่อยดัดแปลงเชงิ ประยุกต์มากเกินไปนกั

12 61. การวางแผน หมายถงึ ขอ้ ใด ก. การคดิ เพ่อื กาหนดเปา้ หมายในการดาเนนิ งาน ข. การออกแบบแนวทางการดาเนินงานใหส้ อดคล้องกบั วตั ถุประสงค์ ค. กระบวนการวิเคราะหแ์ ละการตัดสินใจท่จี ะกาหนดวิธีการไวล้ ว่ งหน้า ง. การร่างกจิ กรรมเพือ่ จดั เตรียมสาหรบั ดาเนนิ การให้แลว้ เสรจ็ ในเวลาท่ีกาหนด 62. ขอ้ ใดไมใ่ ช่องคป์ ระกอบของการวางแผน ข. ผดู้ าเนินการตามแผน ก. ความเปน็ มาของแผน ง. เป้าหมายของแผน ค. วัตถุประสงค์ของแผน 63. ข้อใดหมายถึงการนาแผนไปปฏบิ ัติ ข. Means and Process ก. Ends ง. Implementation ค. Evaluation 64. การแบ่งระดบั ของการวางแผนตามลักษณะของการบริหารงานในองค์กร แบ่งเปน็ ก่รี ะดบั ก. 2 ระดับ ข. 3 ระดบั ค. 4 ระดับ ง. 5 ระดบั 65. การวางแผนแบบใดท่ีเปน็ แผนระดบั สูงสดุ ขององคก์ าร มกั จะระบแุ นวทางอยา่ งกวา้ งๆ ก. การวางแผนระดบั ปฏบิ ัตกิ าร ข. การวางแผนระดับดาเนนิ การ ค. การวางแผนระดบั กลยุทธ์ ง. การวางแผนระดบั นโยบาย 66. การวางแผนแบบใดเปน็ การวางแผนหลอมรวมครอบคลุมกจิ กรรมทั้งหมดขององค์การ ซึ่งเปน็ แผนงานใหญ่ขององค์การ มักจะเป็นแผนระยะ 3 – 5 ปี ก. แผนปฏิบัติการ ข. แผนดาเนนิ งาน ค. แผนกลยุทธ์ ง. แผนนโยบาย 67. การวางแผนแบบใดเปน็ การวางแผนทกี่ าหนดจดุ มุ่งหมายระยะส้ัน ระยะเวลา ไม่เกนิ 1 ปี ก. Operation Planning ข. Strategic Planning ค. Policy Planning ง. Action Research Planning

13 68. การวางแผนงานหรือโครงการ (Project) เป็นการวางแผนแบบใด ก. ระดับปฏิบัตกิ าร ข. ระดับผบู้ รหิ าร ค. ระดับอานวยการ ง. ระดับนโยบาย 69. แผนงานยอ่ ยทป่ี ระกอบด้วยหลายกจิ กรรม ระบรุ ายละเอียดชดั เจน อาทิ วัตถุประสงค์ เป้าหมาย ระยะเวลาท่ดี าเนนิ การ พืน้ ทใี่ นการดาเนินงาน ผู้รับผดิ ชอบ วิธีการหรือขนั้ ตอน ในการดาเนนิ งาน งบประมาณทใี่ ช้ในการดาเนินงาน ตลอดจนผลผลติ หรือผลลพั ธท์ ่คี าดวา่ จะได้รบั หมายถงึ ขอ้ ใด ก. กิจกรรม ข. แผนดาเนินการ ค. ยุทธศาสตร์ ง. โครงการ 70. ขนั้ ตอนการวางแผนโครงการในการปฏบิ ัติงานในข้ันตอนแรก คอื ขอ้ ใด ก. จดั ทารายละเอียดโครงการ ข. กาหนดโครงการ ค. ดาเนนิ โครงการ ง. ประเมินผลโครงการ 61. ค 62. ข 63. ง 64. ข 65. ง 66. ค 67. ก 68. ก 69. ง 70. ข เกรด็ ความรเู้ กย่ี วกบั แผนและโครงการ โดยปกตแิ ผนจะเป็น 3 ระดับ คือ 1. การวางแผนระดับนโยบาย (Policy Planning) 2. การวางแผนกลยทุ ธ์ (Strategic Planning) ปกติจะเปน็ แผนระยะกลาง 3 – 5 ปี 3. แผนปฏิบตั ิการหรือแผนดาเนินงาน (Operation Plan) มกั จะเป็นแผนระยะสน้ั หรอื แผนประจาปี โดยแผนปฏิบตั ิการ แบ่งออกเปน็ 2 ประเภท คือ แผนใชป้ ระจา ( Standing Plans ) และ แผนใช้เฉพาะครง้ั ( Single . use Plans )

14 การวางแผนมอี งค์ประกอบพื้นฐาน ดงั น้ี ความเป็นมาของแผน วตั ถุประสงค์ของแผน เปา้ หมายของแผน แผนงาน และโครงการ ความเป็นมาของแผน บอกให้ทราบถึงเหตผุ ลท่จี ดั ทาแผนข้นึ มาวา่ มีเหตผุ ล หรอื ความเป็นมาอย่างไร วตั ถุประสงคใ์ นการจัดทาแผน ไดแ้ ก่ วตั ถุประสงคห์ ลกั คือ วัตถปุ ระสงค์ซึ่งเปน็ ตวั ช้วี ัด ความสาเรจ็ หรือความล้มเหลวของแผนงาน นอกจากนแี้ ผนยงั มวี ัตถุประสงคท์ ีห่ ากสามารถบรรลุ ไดจ้ ะทาใหเ้ กิดผลดี แต่หากไม่สามารถตอบสนองก็ไมม่ ีต่อความสาเรจ็ หรอื ล้มเหลวขององคก์ ร - การกาหนดจุดหมายปลายทาง (Ends) ทีต่ อ้ งการบรรลุ - วธิ ีการและกระบวนการ (Means and Process) - ทรัพยากร (Resources) และค่าใช้จ่าย (Cost) - การนาแผนไปปฏิบตั ิ (Implementation) - การประเมนิ ผลแผน (Evaluation) กระบวนการในการจัดทาแผน 1. ขน้ั เตรยี มการ 2. การวิเคราะหข์ ้อมลู 3. การกาหนดแผน 4. การปฏบิ ตั ิตามแผน 5. การประเมินผล โครงการ (Project) หมายถงึ แผนงานย่อยท่ีประกอบดว้ ยกจิ กรรมหลายกจิ กรรม ระบุ รายละเอียดชัดเจน อาทิ วัตถุประสงค์ เปา้ หมาย ระยะเวลาทด่ี าเนนิ การ พื้นท่ใี นการดาเนินงาน ผรู้ ับผดิ ชอบ วธิ กี ารหรอื ขน้ั ตอนในการดาเนนิ งาน งบประมาณทใ่ี ชใ้ นการดาเนนิ งาน ตลอดจน ผลผลติ หรือผลลัพธ์ทคี่ าดว่าจะได้รบั

15 ขอ้ สอบ ม.บูรพา ออกสอบ กับ ม.สวนดสุ ติ มคี วามตา่ งกันอย่บู ้างพอควร ม.บรู พา มีแนวความรอบรู้ทห่ี ลากหลายอยู่จานวนไมน่ ้อย แตว่ ่าหากเปน็ ขอ้ สอบพวกกฎหมายการศึกษา หรอื หลกั สูตร น่จี ะออกแบบตรงๆเลยนะ ถ้าเรยี นรอู้ ะไรพวกนน้ั ได้ ก็จะทาคะแนนไดด้ ีมากๆ ดตู ัวอยา่ งขอ้ สอบจริง แนวขอ้ สอบนกั วิชาการศึกษา สอบท้องถ่ิน โดย ม.บรู พา 1. นักวิชาการศกึ ษา ระดับปฏบิ ตั ิการ เทียบได้เท่ากับขา้ ราชการครตู ามข้อใด ก. อาจารย์ 1 ระดับ 3 ข. ครผู ู้ช่วย ค. ครู ไม่มีวิทยฐานะ ง. ครู วิทยฐานะครูชานาญการ 2. ขอ้ ใดกล่าวถกู ต้องเกี่ยวกบั ตาแหนง่ นักวิชาการศึกษา ก. ตาแหน่งประเภทวิชาการ สายงาน วิชาการศกึ ษา ข. ตาแหน่งประเภททว่ั ไป สายงาน นกั วิชาการศึกษา ค. ตาแหนง่ ประเภทวิชาการ สายงาน สนบั สนนุ การศกึ ษา ง. ตาแหน่งประเภทนักวิชาการ สายงาน การศึกษา 3. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะงานตามหนา้ ที่นกั วชิ าการศึกษา ก. เขา้ รว่ มประชุมคณะกรรมการตา่ งๆตามที่ไดร้ ับแตง่ ตงั้ ข. เสนอแนะเก่ียวกบั การศึกษาและการสง่ เสรมิ การวิจัยการศกึ ษา ค. ศกึ ษา วเิ คราะห์ วจิ ยั วางแผน การแนะแนวการศึกษาและอาชพี ง. เสนอแนะเกยี่ วกบั การจดั การเรยี นการสอน เทคนิค วธิ สี อนใหก้ ับครแู ละคณาจารย์ 4. นักวชิ าการศกึ ษา สงั กัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ สามารถมีระดับสูงสุดไดต้ ามข้อใด ก. ระดับชานาญการพเิ ศษ ข. ระดับเชีย่ วชาญงาน ค. ระดับเชี่ยวชาญ ง. ระดบั เช่ยี วชาญพเิ ศษ เฉลย 1. ข 2. ก 3. ง 4. ค

16 ข้อสอบจริง ออกโดย ม.บรู พา ทไี่ ดร้ วบรวมมาในตาแหน่ง “นักวิชาการศกึ ษา” ทใ่ี ช้สอบในปี พ.ศ. 2562 และ พ.ศ. 2560 เป็นข้อสอบจริงๆท่รี วบรวมจากผูเ้ ขา้ สอบหลายท่าน และตวั โจทย์ หรอื ชอ้ ยสอ์ าจคลาดเคล่ือนจากจรงิ ๆบ้างนดิ ๆหนอ่ ยๆ แตว่ า่ โดยหลกั แลว้ เปน็ ประมาณน้ี ก็คอื 5. ขอ้ ใดคือความหมายของการศึกษา ตาม พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ก. การจัดการเรียนการสอนตามหลกั สูตรทกี่ าหนดไว้ ข. การเรียนรู้เพือ่ ให้รู้เท่าทนั การเปล่ียนแปลงของโลก ค. การเรยี นการสอนเพอ่ื พฒั นาศกั ยภาพของบคุ คลและสงั คม ง. กระบวนการเรียนรเู้ พื่อความเจริญงอกงามของบคุ คลและสงั คม 6. จุดมงุ่ หมายของการศกึ ษา ตาม พ.ร.บ. การศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 คอื ข้อใด ก. เพอ่ื พฒั นาคนไทยให้เป็นมนษุ ย์ท่สี มบูรณ์ ดาเนนิ ชีวติ ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ข. เพอื่ ให้การศึกษาของคนไทยยกระดับคุณภาพชีวิตให้มคี วามรู้ คคู่ ณุ ธรรม มีจรยิ ธรรม พร้อมทง้ั สมรรถนะและคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ในการเปน็ พลเมืองไทยและพลโลก ค. เพ่อื สร้างองคค์ วามร้ทู ี่สมบรู ณ์ทัง้ ดา้ นวิชาการ ทางโลก ทางคุณธรรม จริยธรรม สอดคลอ้ ง กับแผนการศกึ ษาแห่งชาติและแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ ง. เพือ่ พฒั นาคนไทยให้เป็นมนษุ ยท์ ส่ี มบรู ณ์ทั้งทางร่างกาย จติ ใจ สติปญั ญา ความรูแ้ ละ คุณธรรม มีจรยิ ธรรมและวฒั นธรรมในการดาเนนิ ชีวิต สามารถอย่รู ว่ มกับผู้อนื่ ได้อยา่ ง มคี วามสขุ 7. กฎหมายฉบับใดเปน็ กฎหมายแมบ่ ททางการศึกษาของประเทศไทย ก. พระราชบัญญตั ิการศกึ ษาแหง่ ชาติ ข. พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา ค. พระราชบัญญตั ริ ะเบียบบรหิ ารราชการกระทรวงศึกษาธกิ าร ง. พระราชบัญญตั ิระเบียบข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา 8. พระราชบัญญตั ิการศกึ ษาแหง่ ชาติ ฉบับปัจจบุ นั เปน็ การแกไ้ ขฉบับที่เท่าไหร่ ก. ฉบบั ท่ี 1 ข. ฉบับท่ี 2 ค. ฉบบั ที่ 3 ง. ฉบับที่ 4

17 ข้อที่ 8 เปน็ ข้อสอบจรงิ ในปี 2560 (ณ ตอนนน้ั คอื จะเฉลย ข้อ ค นะ) แต่วา่ ณ ปจั จุบัน หรอื ถ้าใช้ในปี 2562 ตอ้ งเฉลยวา่ ข้อ ง (คอื ปัจจุบันน้ี มีการแก้ไขเพราะได้แยกงานดา้ น สานกั งานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ออกไปจากกระทรวงศกึ ษาธิการ จึงตอ้ งปรับแก้ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ในเดือน พ.ค. 2562 ดงั นนั้ ถ้าสอบปี 2564 ใหต้ อบ ขอ้ ง ฉบบั ที่ 4 พ.ศ. 2562 (แต่ ณ ตอนปี 2560 จะเฉลยวา่ ข้อ ค นัน่ เอง โอเคเนาะ) 9. ตาม พ.ร.บ. การศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ.2542 การจดั การศกึ ษามกี ่ีรูปแบบ ก. 2 รปู แบบ ข. 3 รูปแบบ ค. 4 รปู แบบ ง. 5 รปู แบบ 10. รฐั จัดการศกึ ษาไดก้ ่รี ูปแบบ ข. อย่างนอ้ ยหน่งึ รปู แบบ ก. รปู แบบเดียว ง. รูปแบบใดรปู แบบหน่ึง หรือทั้งสามรูปแบบกไ็ ด้ ค. สามรปู แบบ 11. ข้อใดไมใ่ ชร่ ูปแบบของการจัดการศึกษาตามพ.ร.บ.การศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ก. การศึกษาในระบบ ข. การศึกษานอกระบบ ค. การศึกษาตามอธั ยาศัย ง. การศึกษาตลอดชวี ติ 12. ข้อใดไม่ใชร่ ปู แบบของการจัดการศึกษา ก. การศึกษาภาคบังคับ ข. การศกึ ษาในระบบ ค. การศึกษานอกระบบ ง. การศกึ ษาตามอัธยาศัย 13. การศกึ ษาท่ีมีรูปแบบแนน่ อน ไม่ยดื หย่นุ คอื ขอ้ ใด ก. การศึกษาในระบบ ข. การศกึ ษานอกระบบ ค. การศกึ ษาตามอธั ยาศยั ง. การศกึ ษาตลอดชีวติ 14. Non-formal Education คือ การศกึ ษารปู แบบใด ก. การศกึ ษาในระบบ ข. การศึกษานอกระบบ ค. การศกึ ษาตามอธั ยาศัย ง. การศกึ ษาตลอดชวี ติ

18 15. Home School เปน็ การจัดการศกึ ษารปู แบบใด ก. การศกึ ษาในระบบ ข. การศกึ ษานอกระบบ ค. การศึกษาตามอัธยาศัย ง. การศึกษาตลอดชวี ิต 16. กจิ กรรมการเรียนร้ใู นวถิ ชี ีวิตประจาวนั ของบุคคลซ่งึ บุคคลสามารถเลอื กท่จี ะเรียนรไู้ ด้อยา่ ง ต่อเน่ืองตลอดชีวิตตามความสนใจ ความตอ้ งการ โอกาสความพร้อมและศกั ยภาพในการ เรียนร้ขู องแตล่ ะบุคคล หมายถงึ อะไร ก. การศกึ ษาในระบบ ข. การศึกษานอกระบบ ค. การศกึ ษาตามอัธยาศัย ง. การศึกษาตลอดชวี ิต 17. กจิ กรรมการศกึ ษาทีม่ ีกลุม่ เปา้ หมายผู้รับบริการและวัตถปุ ระสงค์ของการเรยี นรู้ทีช่ ัดเจน มรี ปู แบบ หลักสตู รวธิ กี ารจดั และระยะเวลาเรียนหรอื ฝึกอบรมท่ียดื หยุ่นและหลากหลาย ตามสภาพความตอ้ งการและศักยภาพในการเรียนรขู้ องกล่มุ เปา้ หมายนน้ั และมีวธิ ีการวัดผล และประเมนิ ผลการเรยี นรูท้ ีม่ ีมาตรฐานเพอ่ื รบั คณุ วฒุ ิทางการศึกษาหมายถึงขอ้ ใด ก. การศึกษาในระบบ ข. การศกึ ษานอกระบบ ค. การศกึ ษาตามอัธยาศัย ง. การศกึ ษาตลอดชีวิต 18. พ.ร.บ. การศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ.2542 กาหนดให้รัฐต้องจดั การศึกษาขั้นพ้นื ฐานเปน็ เวลาก่ปี ี ก. 9 ปี ข. 12 ปี ค. ไม่น้อยกวา่ 12 ปี ง. 15 ปี 19. การศึกษาภาคบังคับกาหนดไว้กีป่ ี ข. 9 ปี ก. 6 ปี ง. 15 ปี ค. 12 ปี 20. รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กาหนดให้รฐั บาลสนบั สนนุ การศึกษา อยา่ งมีคณุ ภาพโดยไม่เกบ็ คา่ ใช้จา่ ยเป็นเวลาก่ีปี ก. จานวน 9 ปี ข. จานวน 12 ปี ค. ไม่นอ้ ยกว่า 12 ปี ง. จานวน 15 ปี

19 พระราชบัญญตั กิ ารศึกษาแห่งชาติ มีขอ้ สอบทอี่ อกประจา และ ม.บรู พา กช็ อบนามาออก คือเรอ่ื งของ “รปู แบบการศึกษา” และก็ “ระดบั ของการศึกษา” โดยสรปุ มีดงั ต่อไปนี้ การศึกษามี 3 รปู แบบ คอื 1. การศกึ ษาในระบบ (Formal Education) การศกึ ษาในสถานศกึ ษาท่วั ไป 2. การศึกษานอกระบบ (non-formal Education) การศกึ ษานอกโรงเรยี น 3. การศึกษาตามอัธยาศัย (Informal Education) หรอื Home School * สถานศกึ ษาอาจจดั รปู แบบใดรูปแบบหนึ่งหรือทั้งสามรูปแบบก็ได้ การศึกษาในระบบมี 2 ระดบั การศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน และ อดุ มศึกษา (1) การศึกษาข้ันพืน้ ฐาน (2) อดุ มศึกษา กอ่ นประถม ประถม มธั ยม ต่ากวา่ ปริญญา 3 – 6 ปี ปริญญา การศึกษาภาคบงั คับ จานวน 9 ปี ( ป.1 – ม.3) เด็กอายยุ ่างเข้าปที ่ี 7 ถึงยา่ งเขา้ ปีที่ 16 ยกเว้นสอบได้ชน้ั ปีท่ี 9 ของการศึกษาภาคบังคับ ถ้าผ้ปู กครองไมส่ ่งเด็กเข้าเรยี น มีโทษปรับไม่เกนิ 1,000 บาท ผู้ใดขดั ขวางไม่ใหเ้ ดก็ เข้าเรียน หรือ บุคคลที่ไมใ่ ช่ผูป้ กครองท่มี เี ด็กในความดูแลแตไ่ มแ่ จง้ เจา้ หนา้ ที่ มโี ทษปรับ ไม่เกนิ 10,000 บาท ใหพ้ นักงานเจ้าหน้าทีม่ ีอานาจเข้าไปในสถานที่ใดๆในเวลาระหวา่ งพระอาทติ ย์ขึ้นและ พระอาทิตยต์ กหรอื ในเวลาทาการของสถานท่นี ้ัน เพือ่ ตรวจสอบการเข้าเรียนของเด็ก เฉลย 5. ง 6. ง 7. ก 8. ง 9. ข 10. ง 11. ง 12. ก 13. ก 14. ข 15. ค 16. ค 17. ข 18. ค 19. ข 20. ข

20 วา่ ดว้ ยเรื่องของ “จานวนปี” ที่เปน็ ขอ้ สอบ ใชต้ วั เลขอะไรกนั แน่ ? ขอ้ มูลควรรู้ โดยไมเ่ ก็บคา่ ใช้จา่ ย เปน็ ภาษาของ “การศกึ ษาขั้นพ้ืนฐานแบบปกติๆ” โดยไมเ่ สียคา่ ใช้จา่ ย เป็นภาษาของ “การศกึ ษาใหก้ ับเด็กพกิ าร” รัฐธรรมนูญ ฉบับก่อน (ไมใ่ ชฉ่ บับปจั จุบนั ) รฐั ตอ้ งจดั การศึกษา เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 12 ปี โดยไมเ่ ก็บคา่ ใชจ้ ่าย พระราชบญั ญัติการศกึ ษาแหง่ ชาติ เลยกาหนดเน้อื หาตามรัฐธรรมนูญ น่นั คอื ใหร้ ัฐจดั การศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน เปน็ เวลาไมน่ อ้ ยกว่า 12 ปี โดยไมเ่ ก็บค่าใช้จ่าย ใชม้ านานหลายปี ต่อมาในปี 2552 คณะรัฐมนตรีรฐั บาลนายอภสิ ทิ ธิ์ เวชาชวี ะ ได้มนี โยบายเรียนฟรี 15 ปี จงึ ปรากฏเลข 15 ปี ข้ึนมาครงั้ แรกในยุคน้นั (ฮอื ฮากนั เลย ในตอนนั้น) เปน็ “นโยบาย” นโยบายนน้ั ๆ ก็สบื ต่อมาเร่ือยๆ เปลี่ยนรฐั บาล เปลย่ี นอะไรๆ กย็ ังคงยึดแบบน้ันมา ยุคกอ่ นหน้านี้ ถ้าถามตาม รัฐธรรมนญู ฉบบั ก่อนปี 60 จะตอบ “ไม่น้อยกวา่ 12 ปี” ถา้ ถามตาม พระราชบัญญตั ิการศกึ ษา จะตอบ “ไมน่ อ้ ยกวา่ 12 ปี” ถ้าถามตาม นโยบาย จะตอบ “เรียนฟรี เป็นเวลา 15 ปี” ความพลิกมาเกิดในปี 2559 – 2560 รัฐธรรมนญู ฉบับปัจจบุ นั ได้กาหนดใหว้ า่ รฐั ตอ้ งจดั การศกึ ษา เป็นเวลา 12 ปี (ไม่มีคาวา่ ไม่น้อยกว่า) ตง้ั แต่กอ่ นวยั เรยี นจบจบการศกึ ษาภาคบังคับ สรุป ณ ปจั จบุ ัน ถามถึงการเรยี นฟรี หรือการสนับสนุนคา่ ใช้จ่ายให้ตอบ ดังตอ่ ไปนี้ ถา้ ถาม ตามรัฐธรรมนญู ฯ พ.ศ. 2560 มาตรา 54 ตอบ 12 ปี ถ้าถาม ตามพระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ ตอบ ไมน่ อ้ ยกวา่ 12 ปี ถ้าถาม ตามนโยบายทางการศึกษา ตอบ เปน็ เวลา 15 ปี ถา้ ถาม ตามแผนการศึกษาแหง่ ชาติ เปา้ หมายที่ 2 ตอบ เป็นเวลา 15 ปี สว่ นใหญ่ ม.บรู พา มักจะถามตามพระราชบัญญัตกิ ารศึกษาแหง่ ชาติ คอื จะตอบ “ไมน่ อ้ ยกว่า 12 ป”ี แตผ่ ้สู อบตอ้ งระวงั ไม่ใช่ประมาท สงั เกตโจทย์ดว้ ย อะไรดว้ ยเนาะ

21. การศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน หมายถงึ อะไร 21 ก. การศึกษากอ่ นระดับอดุ มศึกษา ค. การศกึ ษาอนบุ าล ประถม มัธยม ข. การศกึ ษาระดบั ประถมและมัธยม ง. ถกู ทกุ ขอ้ 22. หน่วยงานใดมีหน้าท่ีพจิ ารณาเสนอแผนการศึกษาแหง่ ชาติ ก. สานกั งานรฐั มนตรีกระทรวงศกึ ษาธิการ ข. สานกั งานปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ ค. สานักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา ง. สานักงาน ก.ค.ศ. 23. การติดตามตรวจสอบผลการจัดการศกึ ษาโดยบุคลากรในสถานศึกษา หมายถึงอะไร ก. การประกนั คุณภาพภายใน ข. การประกนั คุณภาพภายนอก ค. การประเมนิ คณุ ภาพภายใน ง. การประเมินคณุ ภาพภายนอก 24. สานกั งานรับรองมาตรฐานและประเมินคณุ ภาพการศกึ ษามีสถานะเป็นอะไร ก. องคก์ รมหาชน ข. องค์การมหาชน ค. องค์กรอิสระ ง. องค์กรในกากบั ของรฐั 25. ขอ้ ใดหมายถงึ เด็กท่ีตอ้ งเข้ารบั การศึกษาตามกฎหมายการศึกษาภาคบงั คับ ก. ยา่ งเขา้ ปที เ่ี จด็ ถึงยา่ งเขา้ ปีทสี่ บิ สอง ข. ย่างเขา้ ปที ่เี จ็ดถงึ ยา่ งเข้าปีท่สี บิ หา้ ค. ย่างเขา้ ปที เ่ี จด็ ถึงย่างเขา้ ปีทส่ี ิบหก ง. ย่างเขา้ ปที หี่ กถงึ ยา่ งเขา้ ปีท่ีสบิ แปด 26. ผูป้ กครองทไี่ ม่ส่งบุตรหลานเข้าเรยี นการศึกษาภาคบังคบั จะได้รับโทษตามข้อใด ก. ปรับไม่เกนิ 1,000 บาท ข. ปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรอื จาคุกไมเ่ กิน 1 ปี ค. ปรบั ไมเ่ กนิ 10,000 บาท หรือ จาคุกไม่เกิน 1 ปี ง. ปรับไมเ่ กิน 20,000 บาท หรือทัง้ จาท้ังปรบั 27. ข้อใดไม่ใชค่ ณะกรรมการภาคี 4 ฝา่ ย ข. ผแู้ ทนผู้ปกครอง ก. ผแู้ ทนครู ง. ผู้แทนผ้บู ริหารสถานศึกษา ค. ผู้แทนชมุ ชน

22 ภาคี 4 ฝา่ ย ในทางการศกึ ษา ไม่ใชม่ ีแคอ่ งค์กรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ เทา่ น้นั หากแต่ยังมีอนื่ ๆทีจ่ ัด การศึกษาด้วย กล่าวคอื มีภาคี 4 ฝ่ายท่เี กยี่ วขอ้ งกับโรงเรยี นตา่ งๆ นั่นเอง ข้อมลู ควรรูด้ งั ต่อไปนี้ การดาเนนิ งานของสถานศกึ ษา จาเป็นตอ้ งมี แตใ่ นหนังสอื ราชการแต่งตง้ั คณะกรรมการ “คณะกรรมการภาคี 4 ฝ่าย” ประกอบด้วย ขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ จะเปน็ ดังน้ี 1. ผู้แทนครู 1. ผแู้ ทนชมุ ชน 2. ผแู้ ทนผู้ปกครอง 2. ผู้แทนผปู้ กครอง 3. ผูแ้ ทนชมุ ชน 3. ผู้แทนครู 4. ผู้แทนนักเรยี น 4. ผู้แทนผูเ้ รยี น ภาคี 4 ฝ่าย ม.บรู พา ใช้ออกข้อสอบจริง ของนกั วิชาการศกึ ษา มาแล้ว 2 ปตี ิดต่อกัน คอื ขอ้ สอบ ปี 2560 และ ข้อสอบปี 2562 อกี ทง้ั ยังออกข้อสอบครผู ชู้ ว่ ยดว้ ย เรอื่ งน้ี ในปี 2562 ถามวา่ ขอ้ ใดไมใ่ ชภ่ าคี 4 ฝา่ ย เราก็ดูชอ้ ยสว์ ่าอะไรไมใ่ ช่ ก็ตอบอันน้ันแหละ่ ในปี 2560 ถามวา่ ขอ้ ใด คือ ภาคี 4 ฝ่าย โดยช้อยสจ์ ะมมี าครบทง้ั 4 ตวั เลย เราก็เลือก ก. นกั เรยี น ชุมชน ผู้บรหิ าร ครู ข. ผู้ปกครอง ครู นกั เรยี น ทอ้ งถิน่ ค. ชมุ ชน ผปู้ กครอง ครู ผูเ้ รยี น ง. ผบู้ ริหาร คณาจารย์ ผปู้ กครอง ศษิ ย์เกา่ หน้าท่ีของภาคี 4 ฝา่ ย กช็ อบออกสอบ แมไ้ ม่บอ่ ย แต่ก็มอี อกอยู่ โดยมีหน้าท่ี 4 อย่าง หลักๆเลยจะเปน็ เร่ืองของ “คัดเลอื กหนังสอื เรยี น” ให้ความเห็นชอบการใช้งบประมาณท่ีเหลือ จากการดาเนนิ การจัดซ้ือหนงั สอื เรยี น ร่วมให้ความคดิ เห็นในการประเมนิ ผลเพ่อื พฒั นาแนวทาง ดาเนินงานในเรอ่ื งจัดซ้อื หนังสือเรียน เปน็ ต้น และก็มีอย่างร่วมกาหนดกจิ กรรมพฒั นาคณุ ภาพ ผูเ้ รยี นใหส้ อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการนักเรยี นและสถานศึกษา ประมาณนีห้ น้าทีข่ องภาคี 4 ฝ่าย

23 28. ข้อใดเป็นอานาจหนา้ ที่หลักของคณะกรรมการภาคี 4 ฝ่าย ในการศึกษาของ อปท ก. พิจารณาดาเนินการเรอื่ งการประกนั คณุ ภาพการศึกษา ข. กาหนดหลักเกณฑ์ในการวัดและประเมนิ ผลทางการศึกษา ค. พจิ ารณากาหนดกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียนและออกแบบคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ง. พิจารณาใหค้ วามเห็นชอบคดั เลือกหนงั สอื เรียนและใหค้ วามเหน็ ชอบในการใช้เงิน ท่เี หลอื จากการจดั ซอื้ หนังสอื เรยี น และเงนิ กิจกรรมพัฒนาคณุ ภาพของสถานศึกษา 29. ขอ้ ใดไมใ่ ชโ่ รงเรียน ตามพระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ ก. โรงเรยี นในสานักพระพุทธศาสนา ข. โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวทิ ยาลยั ค. โรงเรียนของรัฐบาล ง. โรงเรียนเอกชน 30. ขอ้ ใดคือสาเหตุของการแกไ้ ขพระราชบัญญัติการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2562 ก. การแยกงานดา้ นศลิ ปะวัฒนธรรมไปจดั ตัง้ กระทรวงวัฒนธรรม ข. การยบุ รวมเขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาและมัธยมศกึ ษา ค. การแยกเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศึกษาและมัธยมศกึ ษา ง. การจดั ต้ังกระทรวงอดุ มศึกษา วทิ ยาศาสตร์ วจิ ัยและนวัตกรรม เฉลย 21. ก 22. ค 23. ก 24. ข 25. ค 26. ก 27. ง 28. ง 29. ข 30. ง ช้อ 29 เป็นข้อสอบจริงในปกี อ่ น ข้อสอบขอ้ นีต้ รงตวั ตามพระราชบัญญตั ิ เปะ๊ ๆนะ เปิด พระราชบัญญัติการศึกษาแหง่ ชาติ มาตรา 18 ขอ้ 2 ไดร้ ะบเุ อาไวช้ ดั โรงเรียน ได้แก่ โรงเรยี น ของรฐั โรงเรียนเอกชน และโรงเรยี นทีส่ ังกัดสถาบันพุทธศาสนาหรอื ศาสนาอืน่ ดงั นน้ั ข้อน้ี ถามตรงตวั ตามพระราชบญั ญตั ิ คาตอบกต็ ้องเปน็ “โรงเรยี นสาธติ ” สิ ไมใ่ ช่ แตม่ ตี วิ เตอร์ กลมุ่ ติวบางพวก ไปคดิ เองเฉลยกนั เอง โน่น นี่ นั่น เฉลย โรงเรยี นพทุ ธบ้าง เอกชนบ้าง ไรบา้ ง คนกเ็ ลย งงกนั วกกนั มาทกั ถามเราที่เพจ ตกลงตอบอะไร ทาไมเพจ ตา่ งๆเถยี งกนั ตอบไม่เหมือนกนั เราน่งี งเลย อะไรกัน คาถามตรงตวั ขนาดน้เี นาะ กเ็ ปิด มาตรา 18 ดู ม.บรู พา เขาเปิดกฎหมายออกขอ้ สอบกนั ตามนน้ั ไม่ต้องเถยี งอะไรกันเลย

24 31. สานกั งานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย สังกัดส่วนราชการใด ก. สานักงานปลดั กระทรวง กระทรวงศึกษาธกิ าร ข. สานักงานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษากระทรวงศกึ ษาธิการ ค. สานกั งานรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธกิ าร ง. สานักงานปลดั กระทรวง กระทรวงมหาดไทย 32. ให้กระทรวงศกึ ษาธิการส่งเสรมิ และสนับสนนุ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั โดยให้ความสาคัญแก่ผู้เกย่ี วข้องตามบทบาทและหน้าท่ี ขอ้ ใดไมใ่ ช่ผ้เู ก่ียวขอ้ งดงั กลา่ ว ก. ผู้เรียน ข. ผูจ้ ัดการเรยี นรู้การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ค. ผู้ส่งเสริมและสนบั สนนุ ง. ผู้มีสว่ นรว่ มในภาคีเครือขา่ ย 33. ข้อใดไมใ่ ช่หลักการสง่ เสรมิ และสนับสนุนการศกึ ษาตามอัธยาศัย ก. การเขา้ ถึงแหลง่ การเรยี นรู้ท่สี อดคล้องกับความสนใจและวถิ ชี ีวติ ของผู้เรยี น ทกุ กลุ่มเปา้ หมาย ข. การพฒั นาแหลง่ การเรยี นรใู้ หม้ คี วามหลากหลายทัง้ สว่ นท่ีเปน็ ภมู ปิ ัญญาท้องถิน่ และส่วนท่ีนาเทคโนโลยมี าใช้เพอื่ การศกึ ษา ค. การจดั กรอบหรอื แนวทางการเรียนร้ทู เ่ี ปน็ คณุ ประโยชน์ตอ่ ผเู้ รียน ง. การกระจายอานาจแกส่ ถานศกึ ษาและการให้ภาคีเครอื ขา่ ยมสี ่วนร่วมในการจดั การ 34. ข้อใดคือหลักการในการจัดการศึกษานอกระบบ ก. ความเสมอภาคในการเข้าถงึ และได้รับการศกึ ษาอยา่ งกว้างขวาง ข. เขา้ ถึงแหล่งเรยี นรู้ท่สี อดคล้องกบั ความสนใจและวิถีชวี ิตของผเู้ รยี นทุกกลุ่มเปา้ หมาย ค. พัฒนาแหลง่ เรียนรูใ้ หม้ คี วามหลากหลายทั้งภูมปิ ญั ญาทอ้ งถิ่นและเทคโนโลยีสมยั ใหม่ ง. การจดั กรอบหรือแนวทางการเรยี นรู้ท่ีเปน็ คณุ ประโยชนต์ ่อผู้เรียน

25 35. ข้อใดไม่ใช่อานาจหนา้ ท่ขี องคณะกรรมการตาม พระราชบัญญัติสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย ก. กาหนดนโยบายและแผนการส่งเสรมิ สนับสนุนการศึกษา กศน ข. กาหนดแนวทางในการดาเนนิ งานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ค. สง่ เสริมและสนับสนนุ การประสานงานระหว่างส่วนราชการ รัฐวสิ าหกจิ และภาคเอกชน ท้ังในประเทศ และต่างประเทศ เพ่ือจัดการศกึ ษา กศน ง. การจดั ทาและพฒั นาระบบการเทยี บโอนผลการเรียนจากการเรยี นรใู้ นการศึกษา กศน 36. ข้อใดไม่ใช่อานาจหนา้ ที่สานักงานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย ก. เป็นหน่วยงานกลางในการดาเนินการสง่ เสรมิ สนบั สนนุ ประสานงาน กศน ข. จดั ทาขอ้ เสนอแนะ นโยบาย ยทุ ธศาสตร์ แผน และมาตรฐานการศึกษา กศน ค. ดาเนนิ การเทยี บโอนผลการเรยี น ใหท้ ุนการศกึ ษาต่างประเทศ เกีย่ วกบั กศน ง. สง่ เสริม สนับสนนุ และดาเนนิ การพัฒนาคุณภาพทางวิชาการ การวิจัย การพฒั นา หลักสตู ร และนวตั กรรมทางการศกึ ษา และข้อมลู สารสนเทศท่ีเกยี่ วขอ้ งกบั กศน 37. ผ้บู งั คับบญั ชาของ “สานกั งาน กศน.” คอื ใคร ข. เลขาธิการ กศน. ก. ผู้อานวยการ กศน. ง. เลขานุการ กศน. ค. อธบิ ดกี รม กศน. 38. ผู้บังคับบัญชาของสานักงาน กศน. จงั หวัด คือใคร ก. ศกึ ษาธิการจงั หวัด ข. ผูอ้ านวยการ กศน.จังหวดั ค. หัวหนา้ กองการศึกษานอกระบบโรงเรียน ง. ผวู้ ่าราชการจงั หวดั 39. ประธานคณะกรรมการสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย กรุงเทพมหานคร คอื ใคร ก. ผู้ทรงคุณวุฒิ ข. ผ้อู านวยการ กศน.กรุงเทพมหานคร ค. ผ้วู า่ ราชการกรงุ เทพมหานคร ง. รองผวู้ า่ ราชการกรุงเทพมหานคร

26 40. ประธานคณะกรรมการสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยในแตล่ ะ จงั หวดั คอื ใคร ก. ผู้อานวยการ กศน. จังหวัด ข. ผู้ว่าราชการจงั หวัด ค. ปลัดจงั หวดั ง. ผู้ทรงคณุ วฒุ ิ 41. ผมู้ อี านาจส่ังบรรจุและแตง่ ต้ังครผู ู้ช่วยในโรงเรยี นเทศบาล คือใคร ก. ศึกษาธิการจังหวดั ข. ผอู้ านวยการเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษา ค. ผอู้ านวยการสถานศกึ ษา ง. นายกเทศมนตรี 42. ผมู้ ีอานาจสง่ั บรรจุและแต่งตงั้ ครูผชู้ ่วย คอื ใคร ก. ศึกษาธิการจังหวดั โดยความเหน็ ชอบของ กศจ ข. ผอู้ านวยการเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษา โดยความเห็นชอบของ กศจ ค. ผู้อานวยการสถานศึกษา โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษา ง. ผูอ้ านวยการสถานศกึ ษา โดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการเขตพน้ื ที่การศึกษา 43. ขอ้ ใดไมใ่ ชอ่ านาจหน้าทีข่ องผอู้ านวยการสานกั งานเขตพื้นท่กี ารศึกษา ก. เสนอแนะการบรรจุและแตง่ ตง้ั และการบรหิ ารงานบุคคล ข. พิจารณาเสนอความดคี วามชอบของผ้บู ริหารสถานศกึ ษา ค. ดาเนนิ การเกีย่ วกบั โทษทางวินยั ขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา ง. รบั ผิดชอบในการปฏิบตั ิงานราชการท่เี ปน็ อานาจและหนา้ ทข่ี อง อ.ก.ค.ศ. เขตพ้ืนทฯี่ 44. ประธาน ก.ค.ศ. คอื ข้อใด ข. รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงศึกษาธิการ ก. นายกรฐั มนตรี ง. รองผู้อานวยการสถานศึ ค. ผู้อานวยการสถานศษึ า 45. ข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา ตาม พ.ร.บ. ระเบียบขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากร ทางการศึกษา พ.ศ.2547 มีกี่ประเภท ก. 2 ประเภท ข. 3 ประเภท ค. 4 ประเภท ง. 5 ประเภท

27 46. ผ้มู ีสทิ ธเิ์ ขา้ รับราชการครู ต้องมีอายเุ ทา่ ใด ข. ไม่ต่ากวา่ 19 ปีบริบูรณ์ ก. ไม่ตา่ กว่า 18 ปีบรบิ รู ณ์ ง. ไมต่ ่ากว่า 21 ปีบรบิ ูรณ์ ค. ไม่ต่ากว่า 20 ปบี ริบรู ณ์ 47. คุณสมบตั ทิ วั่ ไปของผูท้ ี่จะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา ตอ้ งมีอายุไม่ต่ากว่าเทา่ ใด ก. ไมต่ ่ากว่า 18 ปบี ริบรู ณ์ ข. ไมต่ า่ กวา่ 19 ปีบริบรู ณ์ ค. ไมต่ ่ากวา่ 20 ปบี รบิ รู ณ์ ง. ไมต่ า่ กว่า 21 ปีบรบิ ูรณ์ 48. ครชู านาญการพเิ ศษจะไดร้ บั เงนิ วทิ ยฐานะเทา่ ไร ก. 3,500 บาท ข. 5,600 บาท ค. 9,900 บาท ง. 13,000 บาท 49. โทษทางวินัยของขา้ ราชการครมู กี ี่สถาน ข. 3 สถาน ก. 2 สถาน ง. 5 สถาน ค. 4 สถาน 50. ข้อใดเปน็ โทษทางวินยั ไม่ร้ายแรง ข. ตัดเงนิ เดือน ก. ภาคทณั ฑ์ ง. ถูกทกุ ข้อ ค. ลดเงนิ เดือน เฉลย 31. ก 32. ง 33. ง 34. ก 35. ง 36. ค 37. ข 38. ข 39. ค 40. ข 41. ง 42. ก 43. ค 44. ข 45. ข 46. ก 47. ก 48. ง 49. ง 50. ง 49. โทษทางวนิ ยั ของขา้ ราชการครมู กี ่ีสถาน ข. 3 สถาน ก. 2 สถาน ง. 5 สถาน ค. 4 สถาน

50. ขอ้ ใดเป็นโทษทางวนิ ัยไม่รา้ ยแรง 28 ก. ภาคทณั ฑ์ ค. ลดเงนิ เดือน ข. ตัดเงินเดือน ง. ถูกทุกข้อ โทษทางวินยั อยู่ในภาค ก เน้อื หาเก่ียวกับระเบยี บราชการ แต่ ภาค ข นกั วิชาการศึกษา ก็จะมเี รือ่ ง “สถานโทษทางวินยั ” ออกข้อสอบดว้ ย ทาง ม.บูรพากใ็ ช้เน้ือหาสว่ นน้ีออกเปน็ ประจา เนอ่ื งจากเปน็ สว่ นท่ีอย่ใู น “พระราชบัญญัตริ ะเบียบข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา” โทษทางวินัย แบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท คือ วินยั อย่างไมร่ า้ ยแรง และ วินยั อย่างรา้ ยแรง วินัยอย่างไม่รา้ ยแรง ประกอบดว้ ย ภาคทณั ฑ์ ตัดเงนิ เดือน ลดเงินเดือน วนิ ยั อย่างร้ายแรง ประกอบดว้ ย ปลดออก ไลอ่ อก สถานโทษทางวินยั มกี ีส่ ถาน ตอบ มี 5 สถาน สถานโทษทางวินัยอย่างไมร่ า้ ยแรง มกี ส่ี ถาน ตอบ มี 3 สถาน สถานโทษทางวินัยอยา่ งร้ายแรง มกี ่สี ถาน ตอบ มี 2 สถาน สถานโทษทางวินัยทห่ี นักท่ีสดุ คือ ข้อใด ตอบ ไล่ออก สถานโทษทางวนิ ยั อยา่ งร้ายแรงขน้ั เบาท่ีสุด คอื ข้อใด ตอบ ปลดออก สถานโทษทางวินยั อย่างไม่รา้ ยแรงท่ีหนกั ท่ีสดุ คือข้อใด ตอบ ลดเงินเดือน ข้อสงั เกต การออกข้อสอบโดย มหาวทิ ยาลัยสวนดสุ ิต จะออกแบบพลกิ แพลงพอสมควร เชน่ ถามวา่ โทษทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรงทหี่ นักท่สี ดุ คอื ข้อใด ก. ภาคทณั ฑ์ ข. ตัดเงินเดอื น ค. ลดเงินเดอื น ง. ปลดออก ข้อสอบจริง ม. สวนดุสิต ออกแบบนี้ บางคนก็คิดว่า ออกขอ้ สอบผดิ หรอื เปลา่ เพราะหนกั ที่สดุ ตอ้ งไล่ออก ไมใ่ ชเ่ หรอ ทาไม ในชอ้ ยส์ไม่มี งน้ั หนตู อบ “ปลดออก” ดีกว่า ตอบแล้ว คอ่ ยมาอ้ึง กนั ในเพจในกลมุ่ ต่างๆวา่ อา้ ว ขอ้ น้ี ตอบ ค. หรอกเหรอ เฉลยจริง คือ ค. ลดเงินเดือน เพราะ ผสู้ อบตอ้ งสังเกตให้ดีวา่ เขาถาม “วนิ ัยอยา่ งไม่ร้ายแรง” แตถ่ ามตวั ทหี่ นักทส่ี ดุ ดงั นนั้ เราต้อง ไมไ่ ปนึกถงึ ปลดออก ไลอ่ อก อะไรแบบนนั้ เลย เพราะนนั่ คือ “วินัยอย่างรา้ ยแรง” ไม่ใดถ้ ามถงึ

29 ขอ้ สอบทีอ่ อกโดย ม.สวนดุสิต จะพลิกแพลงน่าดู ไมใ่ ช่แคน่ ั้น เช่น ขอ้ ใดไม่ใชส่ ถานโทษทางวินัย ก. ภาคทณั ฑ์ ข้อนี้ ดรามา่ กันพอสมควร เพราะในระเบยี บขา้ ราชการครูฯ ข. ตดั เงนิ เดือน มที ้ัง 4 ตวั นี้อยู่ แตว่ ่าตอ้ งตอบ ณ ปจั จบุ ัน ที่มีการแก้ไขใหม่ ค. ลดขนั้ เงนิ เดอื น คือ ค. ไม่ใช่ เพราะ ปัจจบุ นั เป็น “ลดเงนิ เดอื น” แม้ว่าในตัว ง. ไลอ่ อก พระราชบญั ญัตจิ รงิ ๆ จะเปน็ คาว่า “ลดข้นั เงนิ เดือน” ก็ตาม พระราชบญั ญตั ริ ะเบียบข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2547 และท่แี ก้ไขเพ่มิ เติม ในมาตรา 96 ระบุเอาไว้ดังนี้ โทษทางวนิ ยั มี 5 สถาน คอื 1. ภาคทณั ฑ์ 2. ตัดเงินเดอื น แต่ตอ่ มากม็ กี ารใช้ ม.44 แกไ้ ขจาก 3. ลดขน้ั เงินเดือน ลดข้นั เงินเดอื น เป็น “ลดเงนิ เดือน” 4. ปลดออก แก้ไขตง้ั แตช่ ว่ งปี 2560 เปน็ ต้นมา 5. ไลอ่ อก เอาละ ณ จดุ ๆน้ี ทกุ ท่านได้เหน็ แนวขอ้ สอบในแบบของ ม.สวนดสุ ิตแล้ว แต่ว่าในส่วน ม.บรู พา จะไม่ค่อยพลกิ ออกอะไรแบบน้ัน บางทมี ักถามแบบตรงๆ ปกติๆ อยา่ งเช่นขอ้ สอบใน ปี พ.ศ. 2562 สอบ ภาค ข ตาแหนง่ นักวชิ าการศกึ ษา โดย ม.บูรพา กอ็ อกแค่วา่ โทษทางวินัย มีก่ีสถาน (ซึ่งก็ตอบกนั งา่ ยๆวา่ 5 สถาน) ในปี 2560 ถามว่า ข้อใดไม่ใชโ่ ทษทางวินยั ซ่งึ มี ตัวเลือกไมย่ าก ประกอบดว้ ย ก. ไล่ออก ข. ปลดออก ค. ส่งั ให้ออก ง. ตดั เงินเดอื น อย่างไรก็ตามแต่ ผูเ้ ขา้ สอบทุกท่าน ก็ไม่ควรจะประมาทในเรอ่ื งข้อสอบ บางทีในปนี ้ี ปหี น้า อาจมกี ารพลกิ แพลงข้อสอบ มาในแนวคล้ายๆของ ม.สวนดสุ ิต กเ็ ป็นไปได้ ขนึ้ อยกู่ ับแตล่ ะปี ไมแ่ นเ่ สมอไป ดังนัน้ ถ้าให้ดี ก็ควรศกึ ษาข้อมลู ต่างๆใหเ้ ขา้ ใจถอ่ งแท้ และรจู้ รงิ ๆนน่ั เอง อยา่ งนอ้ ยๆ เวลาไปเจอข้อสอบถามว่า “ขอ้ ใดคือโทษวนิ ัยอยา่ งร้ายแรงทเ่ี บาทส่ี ดุ ” จะได้ไม่เผลอไปตอบ “ภาคทัณฑ์” เพราะท่ีจริงต้องตอบ “ปลดออก” อะไรแบบนีเ้ ป็นต้น ฐานข้อมลู ความรูค้ วรจะดพี อตวั หากอยากสอบได้

30 เพมิ่ เติมเกย่ี วกบั การศกึ ษาในระบบ การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอธั ยาศยั การศึกษาตอ่ เนอื่ ง เคยออกขอ้ สอบ “นกั วิชาการศึกษา” เพราะว่าอยใู่ นเน้อื หาเกี่ยวกบั พวกความรู้เกย่ี วกับการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั เร่มิ ปรากฏในช่วง ปี 2542 เป็นต้นมา เพราะพระราชบัญญตั กิ ารศึกษาแหง่ ชาตริ ะบถุ งึ การจดั การศกึ ษาใหบ้ ุคคล ตอ้ งเปน็ ไปอยา่ งต่อเน่อื งตลอดชีวติ ทางการศกึ ษาไทยจงึ เร่มิ ปรากฏแนวคิดเกยี่ วกับการศึกษา ดังกลา่ วนี้ต้ังแต่น้นั มา และเร่ิมชดั เจนขึ้นช่วงปี 2551 ความหมายของการศึกษาตอ่ เน่อื ง การศกึ ษาตอ่ เนื่องเปน็ อีกรปู แบบหน่ึงของการศกึ ษานอกระบบ ซง่ึ มลี ักษณะเฉพาะ โดยเป็นการจัดการศกึ ษา เพอื่ สนองความตอ้ งการ และความจาเป็นของบคุ คล ตอ่ เน่ืองไป จากการศกึ ษาขั้นพื้นฐานและอดุ มศกึ ษา เพ่อื จะเพ่ิมพูนทักษะชีวิต พฒั นาสังคมและชุมชน บนพื้นฐานของแนวคดิ ตามปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง แนวข้อสอบ การจัดการศึกษาเพ่ือสนองความต้องการและความจาเปน็ ของบคุ คลต่อเนอ่ื ง จากการศึกษาข้ันพนื้ ฐานและอุดมศกึ ษา เพ่อื จะเพิม่ พนู ทักษะชวี ิต พฒั นาสังคมและชุมชน ตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง หมายถงึ ขอ้ ใด ก. การศกึ ษานอกระบบ ข. การศกึ ษาตามอธั ยาศัย ขอ้ นห้ี ลายคนตอบผดิ ค. การศกึ ษาตลอดชีวิต ง. การศึกษาตอ่ เนื่อง เพราะไปคิดว่าตอบ ค ทีจ่ รงิ ตอบ ง. การศึกษาตอ่ เนอ่ื ง (บางคนตอบไม่ได้ เพราะ ไมร่ ู้จกั การศกึ ษาตอ่ เนือ่ ง) จดุ ประสงค์ของการศึกษาตอ่ เนอื่ ง เพื่อม่งุ จัดการศึกษาเพอื่ พัฒนาการงานและอาชีพให้ความสาคัญกับการจดั การศกึ ษา เพอ่ื พฒั นางานระดบั พนื้ ฐาน ระดับกง่ึ ฝีมอื และระดบั ฝีมือทีส่ อดคล้องกับสภาพและ ความต้องการของกลมุ่ เป้าหมาย มงุ่ เน้นให้ผูเ้ รียนสามารถนาความรู้ไปใช้ในการ ประกอบอาชพี หรอื เพิ่มพนู รายได้

31 สานกั งานงาน กศน. ไดก้ าหนดภารกจิ และวตั ถุประสงค์ การศึกษาตอ่ เนอ่ื ง ดังน้ี 1. มุง่ จดั การศึกษาเพื่อพัฒนาอาชีพ โดยให้ความสาคัญกับการจัดการศกึ ษาหลักสตู ร ระยะสั้น และการฝึกอบรม ทส่ี อดคลอ้ งกับความต้องการของกลุ่มเปา้ หมาย โดยมุ่งให้ผู้เรยี น สามารถนาความรู้ไปใช้ประโยชนไ์ ด้จรงิ ในชวี ิตประจาวัน ท้งั นใ้ี หพ้ ฒั นาหลกั สตู รท่ีหลากหลาย และทนั สมยั สามารถให้บริการได้อยา่ งกวา้ งขวาง 2. ม่งุ จัดการศกึ ษาเพื่อพฒั นาทกั ษะชวี ิตใหก้ ับทุกกลุม่ เปา้ หมาย โดยจดั กจิ กรรมการศกึ ษา ทม่ี ุ่งเน้นให้ทุกกลุ่มเป้าหมาย มีความร้คู วามสามารถในการจดั การชีวิตของตนเองใหอ้ ยใู่ นสังคมได้ อย่างมคี วามสุข โดยเน้นกจิ กรรมของสถานศึกษา 3 D รวมท้ังกิจกรรมการใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยชนต์ อ่ ตนเอง ครอบครัว และชุมชน 3. มุง่ จดั การศึกษาเพอ่ื พฒั นาสงั คมละชมุ ชนโดยใช้รูปแบบการฝกึ อบรม การเขา้ คา่ ย การ ประชมุ สมั มนา การศกึ ษาแลกเปล่ยี นเรียนรู้ และรปู แบบอืน่ ๆท่เี หมาะสมกบั กลุม่ เปา้ หมายเพอ่ื ให้ กล่มุ เป้าหมายนาความรไู้ ปพัฒนาสังคมและชุมชน 4. พฒั นาระบบคลังหลักสูตรการศกึ ษาต่อเนื่องที่สถาบนั กศน.ภาคทกุ แห่ง เพอื่ พัฒนา หลักสูตรให้ได้มาตรฐาน สะดวกตอ่ การนาไปใช้ หลกั สตู รประเภทนี้จะเปิดกวา้ งสาหรบั ประชาชนท่ัวไป โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ กลุม่ เปา้ หมาย การศกึ ษานอกระบบโรงเรยี นทม่ี ีอายุ 15 ปีขน้ึ ไป ทส่ี นใจและตอ้ งการเรยี นรเู้ พื่อนาความรู้ ทกั ษะ หรือประสบการณ์ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน โดยมีทกั ษะการอ่านเขียนภาษาไทยเปน็ อย่างดี ยกเว้นในบางหลกั สตู รอาจกาหนดใหม้ ีคุณสมบัตเิ พม่ิ เติมทจ่ี าเป็นกับการเรยี นรู้ในหลักสูตรนั้นๆ จัดข้นึ เพือ่ เสรมิ พัฒนาศกั ยภาพของผู้เรียน โดยไมแ่ บ่งเป็นระดบั ชั้น การจดั การศึกษาต่อเนอ่ื งของสานักงาน กศน มี ๓ ลกั ษณะ ๑. สถานศกึ ษาเป็นผูจ้ ดั ๒. สถานศกึ ษาร่วมจัดกบั เครือข่าย ๓. ภาคีเครอื ขา่ ย เป็นผจู้ ดั โดยสถานศึกษาส่งเสริม สนับสนุนใหเ้ ครอื ขา่ ยเปน็ ผจู้ ดั ทั้งนี้เครือขา่ ยและผ้เู รยี นต้องมกี ารทาขอ้ ตกลงรว่ มกนั ในการจัดการเรียนร้ใู ห้ผ้เู รียน

32 ผอู้ า่ นสังเกตว่า กศน ถึงกับมกี ารทาค่มู อื การศกึ ษาตอ่ เนื่องเลยนะ และลองสงั เกตท่ี สารบญั ของค่มู อื มกี ารกล่าวถึง PDCA ดว้ ยนะ เปน็ เรือ่ งทเ่ี กยี่ วกับความรู้ กศน ไง ตอ่ มาไดม้ ีการยกเลิก พ.ศ. 2559 ข้างต้น และใช้ตัว พ.ศ. 2561 ดังด้านล่างนี้ ดังน้นั ถ้าเจอข้อสอบจรงิ ถามถงึ การศึกษาต่อเนือ่ งเพราะเกยี่ วกับ ความรู้เรือ่ งการจดั การศึกษานอก ระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย ควรจะตอบได้ ไม่พลาดง่ายเกินไป ตวั อย่างเชน่ การจดั การศกึ ษาตอ่ เนอื่ งของ สานกั งาน กศน ยกเวน้ ข้อใด ก. สถานศกึ ษาเป็นผู้จดั ข. ภาคีเครือขา่ ยเป็นผู้จัด ค. สานกั งาน กศน เปน็ ผู้จัด ง. สถานศึกษาร่วมกบั ภาคีเครอื ข่าย

33 เดก็ พิเศษ เดก็ พิเศษ (Special Child) หรอื เดก็ ท่ีมีความต้องการพิเศษ (Child With Special Needs) หมายถงึ เดก็ ทจี่ า เปน็ ตอ้ งได้รบั การดูแล ชว่ ยเหลอื บาบัดฟื้นฟูและใหก้ ารเรยี นการ สอนท่เี หมาะสม กับลกั ษณะความจาเปน็ และความต้องการของเดก็ แต่ละคน ประเภทของเด็กพเิ ศษ มีการจาแนกไวแ้ ตก ต่างกันไปตามวัตถุประสงค์ และลกั ษณะการจัด บรกิ ารเพื่อใหค้ วามช่วยเหลอื ตามความเหมาะสม ในประเทศไทย ตาม “ประกาศ กระทรวงศึกษาธกิ าร เรื่อง กาหนดประเภทและ หลกั เกณฑข์ องคนพกิ ารทางการศึกษา พ.ศ.2552” ไดแ้ บง่ เด็กกลุ่มน้ีออกเป็น 9 ประเภท 1. บุคคลทม่ี ีความบกพร่องทางการมองเหน็ 2. บคุ คลท่ีมคี วามบกพร่องทางการได้ยนิ 3. บุคคลท่ีมีความบกพร่องทางสตปิ ัญญา 4. บุคคลทีม่ คี วามบกพร่องทางรา่ งกาย หรอื การเคลือ่ นไหว หรือสุขภาพ 5. บคุ คลทมี่ ปี ญั หาทางการเรียนรู้ 6. บุคคลทม่ี ีความบกพร่องทางการพดู และภาษา 7. บุคคลที่มีปัญหาทางพฤตกิ รรม หรือ อารมณ์ 8. บคุ คลออทสิ ติก 9. บคุ คลพกิ ารซา้ ซอ้ น จากขอ้ มลู ขององคก์ ารอนามัยโลก และ ประกาศกระทรวงศกึ ษาธกิ าร เรอ่ื งกาหนด ประเภท และหลกั เกณฑข์ องคนพิการทางการ ศึกษา พ.ศ. 2552 เมือ่ นา มาจัดกลุ่มเดก็ ทมี่ คี วามตอ้ งการพิเศษแบ่งเปน็ 3 กลุ่มใหญ่ ไดแ้ ก่ 1. เดก็ ปัญญาเลศิ หรือเดก็ ท่มี คี วาม สามารถพเิ ศษ (gifted or talented child) 2. เดก็ ทมี่ ีความบกพรอ่ งในดา้ นตา่ งๆ 3. เด็กยากจนและดอ้ ยโอกาส

34 เดก็ ปญั ญาเลศิ หรือเด็กที่มีความสามารถพเิ ศษ (gifted or talented child) เป็นเด็กท่ีมีพัฒนาการแตกต่างจากเด็กปกตทิ ัว่ ไป โดยพบวา่ เดก็ ปญั ญาเลศิ หมายถึง เด็กที่มีความฉลาดหรือระดบั สติปญั ญา (IQ) สงู กวา่ เกณฑป์ กตคิ อื มากกวา่ 130 ขึ้นไป รว่ มกบั การมคี วามคิดรเิ ร่ิมสร้างสรรค์ (creativity) และความสามารถในการทางานไดส้ าเร็จ (task commitment) รว่ มด้วย ในขณะท่ีเด็กทีม่ คี วามสามารถพิเศษ หมายถึง เด็กท่ีมคี วามสามารถพเิ ศษเฉพาะ ดา้ นท่สี งู กวา่ เดก็ อน่ื ในวยั เดยี วกัน ตามคาจากัดความของความฉลาด 8 ประการ (multiple intelligences) โดย โฮเวิร์ดการ์ดเนอร์ (Howard Gardner) เชน่ ดนตรีศลิ ปะ การใช้ภาษา กีฬา หรอื คณิตศาสตร์ เปน็ ตน้ เดก็ กลุ่มน้ีมักไม่ได้รบั ความสนใจหรือใหก้ ารชว่ ยเหลือเทา่ ที่ควร แตพ่ บวา่ เดก็ กลมุ่ นอี้ าจมปี ัญหาที่ตอ้ งนามาพบแพทย์เชน่ แยกตวั เบ่ือหน่าย ไม่ตัง้ ใจเรียน ไม่มสี มาธิ หรอื ซึมเศร้า เปน็ ตน้ เด็กท่มี คี วามบกพรอ่ งในด้านต่างๆ เด็กกลุ่มน้ีมกั เรียนรูช้ า้ และมพี ฒั นาการลา่ ช้ากว่าเดก็ ปกติในวัยเดียวกนั จา เปน็ ตอ้ งให้ ความช่วยเหลอื พิเศษตามความจา เปน็ ของแต่ละบุคคลเพอื่ ชว่ ยใหเ้ ดก็ สามารถเจริญเติบโตและ พฒั นาศกั ยภาพตอ่ ไปไดใ้ นบทความน้ีจะแบ่งเด็กกลุ่มนี้ออกเปน็ 9 ประเภท ตามประกาศของ กระทรวงศกึ ษาธิการ ตวั อยา่ งข้อมลู ท่คี วรจดจาในการใชส้ อบ - เดก็ ท่มี ีความบกพร่องทางการมองเหน็ (visual impairment) ซึ่งอาจมคี วามรุนแรง แตกต่างกันไป ต้ังแต่ตาบอด คอื ไม่สามารถมองเหน็ ได้เลย มีความชัดของสายตาเมอื่ แกไ้ ขแล้วอยู่ ในระดับ 6/60 หรือ 20/200 กบั เด็กทีม่ ีสายตาเลอื นลาง คือสามารถมองเหน็ ไดบ้ า้ งแต่ไม่เท่าเด็ก ปกตโิ ดยมีความชดั ของสายตาเมื่อแก้ไขแลว้ อยู่ในระดับ 6/18 หรือ 20/70

35 - เดก็ ทม่ี คี วามบกพรอ่ งทางการไดย้ ิน (hearing impairment) ได้แก่ เดก็ ท่ีมีการ สูญเสยี การได้ยินตัง้ แตร่ ะดับหูตึง (26-89 เดซเิ บล) จนถงึ ระดบั หหู นวก (90 เดซเิ บล) โดยอาจ เป็นการสญู เสียตั้งแต่กาเนดิ หรือเกดิ ในภายหลงั กไ็ ด้ - เดก็ ท่ีมีความบกพรอ่ งทางสตปิ ญั ญา (intellectual disabilities) ไดแ้ ก่ เดก็ ท่ีมี ระดบั เชาวน์ปัญญาตา่ กว่าเกณฑเ์ ฉลย่ี และมพี ฤตกิ รรมการปรับตนบกพรอ่ งต้ังแต่ 2 ด้านขน้ึ ไป จากท้งั หมด 10 ด้าน โดยมีอาการแสดงก่อนอายุ 18 ปี - เด็กออทิสตกิ หรอื กลุ่มอาการออทิซมึ (autistic or autism spectrum disorder) ไดแ้ ก่ เดก็ ทมี่ คี วามผิดปกตขิ องพัฒนาการทางระบบประสาท (neurodevelopmental disorder) ซึ่งส่งผลให้เกิดความบกพร่องของพัฒนาการและพฤตกิ รรม 3 ด้านหลกั 1. ความบกพรอ่ งของพฒั นาการทางสงั คม 2. ความบกพรอ่ งของพัฒนาการทางภาษา 3. ความผดิ ปกตทิ างพฤตกิ รรม - เดก็ พิการซ้าซอ้ น ไดแ้ ก่ เด็กที่มสี ภาพความบกพร่องหรอื ความพกิ ารมากกวา่ หน่ึง ประเภทในบุคคลเดยี วกนั เช่น เดก็ ท่มี ภี าวะสติปัญญาบกพร่องรว่ มกบั ตาบอด เป็นต้น เด็กยากจนและดอ้ ยโอกาส ได้แก่เด็กทคี่ รอบครวั หรอื ผู้เล้ียงดูมเี ศรษฐานะยากจนขาดแคลนปจั จยั ส่ที ่ีจาเปน็ ในการ เจริญเติบโตและพฒั นาการดา้ นต่างๆของเดก็ รวมถงึ เดก็ ท่ีดอ้ ยโอกาสกลมุ่ อืน่ ๆ เชน่ เดก็ ต่างด้าว เด็กเร่ร่อน เด็กทถ่ี กู เล้ียงดูอยา่ งไมเ่ หมาะสม ปลอ่ ยปละละเลยทอดท้งิ หรอื ถูกทารุณกรรม ฯลฯ เด็กกลุ่มนจ้ี ัดเป็นเด็กทม่ี ีความตอ้ งการพิเศษ ซ่งึ ควรไดร้ ับการสงเคราะหแ์ ละคุ้มครอง สวสั ดภิ าพ เพื่อให้สามารถเตบิ โตและพฒั นาไดเ้ ต็มศักยภาพ มีสขุ ภาพและคณุ ภาพชีวติ ที่ดขี ้ึน

36 เรื่องเก่ียวกบั ครูการศกึ ษาพิเศษท่ีเป็นข้อสอบ ครกู ารศึกษาพเิ ศษ คือครูเฉพาะทาง ที่ทาหน้าท่จี ัดการศกึ ษาสาหรบั นักเรียนทมี่ คี วาม ตอ้ งการพเิ ศษ เนื่องจากมีความต้องการการศึกษาในรูปแบบพิเศษ หรือภาวะความบกพร่องบาง ประการทั้งทางด้านรา่ งกาย อารมณ์ พฤตกิ รรม ทาให้มผี ลกระทบในการเรยี นแบบปกติ ทาให้ จาเป็นต้องมกี ารจดั การเรียนรู้ให้เหมาะสมกับแต่ละบคุ คลซ่งึ เป็นหน้าทีข่ องครูการศึกษาพิเศษ สอนเดก็ พิเศษในช้ันเรยี นเรยี นร่วมหรอื ชั้นเรยี นคู่ขนาน ประเมนิ นักเรยี นในทักษะต่างๆ วิเคราะห์จดุ เด่นจุดดอ้ ยเพอื่ นาไปวางแผนจัดการเรียนการสอน ปรบั บทเรียนและเน้ือหาใหเ้ หมาะ กับความสามารถแต่ละคน จัดทาแผนการเรียนรู้เฉพาะ บุคคล ประเมินพัฒนาการเด็ก ให้ คาปรึกษาสาหรบั ผูป้ กครองทีม่ ลี กู เปน็ เดก็ พิเศษ ประสานงานกับ ครปู ระจาชั้น หมอ นกั บาบดั สาหรับการสง่ เสรมิ เด็กทม่ี ีความต้องการพเิ ศษ ครกู ารศึกษาพิเศษจะมีการทา แผนการจดั การศึกษาเฉพาะบคุ คล (Individualized Education Program : IEP) ซึ่งจะช่วยใหเ้ ดก็ มคี วามตอ้ งการพิเศษแตล่ ะบุคคลมีแนวทางการพฒั นาทีเ่ หมาะสม ครกู ารศกึ ษาพเิ ศษ จะมีจานวนช่ัวโมงภาระงานสอน ดงั ตอ่ ไปน้ี ชวั่ โมงสอนก็คอื สอนเปน็ ครู ไปสอนนแ่ี หละ่ ส่วนช่วั โมง การศกึ ษาพิเศษ เฉพาะความพกิ าร และศูนย์การศึกษาพเิ ศษ ภาระงานงานสอนก็คือรวม - ชว่ั โมงสอน ตามตารางสอน ไมต่ ่ากวา่ 6 ช่ัวโมง / สปั ดาห์ ชว่ั โมงสอนและอนื่ ๆท่ีไม่ใช่ - จานวนช่ัวโมงภาระงานสอน ไมต่ า่ กวา่ 12 ชว่ั โมง / สปั ดาห์ การสอนโดยตรง เชน่ การ ทา IEP / IIP หรือภาระใน ศกึ ษาสงเคราะหแ์ ละราชประชานุเคราะห์ งานการพฒั นาคุณภาพของ - ชัว่ โมงสอน ตามตารางสอน ไมต่ ่ากวา่ 12 ชว่ั โมง / สัปดาห์ สถานศกึ ษา (งานโรงเรียน) - จานวนชัว่ โมงภาระงานสอน ไม่ตา่ กวา่ 18 ชว่ั โมง / สปั ดาห์ เงิน พ.ค.ศ. หรอื เงินเพิม่ สาหรับตาแหนง่ ท่ีมีเหตพุ ิเศษ (พ.ค.ศ.) ให้จ่ายตามหลกั เกณฑ์ เดมิ ทีสมัยก่อนได้ เดอื นละ 2,000 บาท ตอ่ มาปรับแก้เปน็ เดอื นละ 2,500 บาท จนถงึ ปจั จุบนั

37 ความรเู้ กย่ี วกบั การจดั การศกึ ษานอกระบบ และการศกึ ษาตามอธั ยาศยั การศกึ ษาพิเศษ 51. สานกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั สังกดั ใด ก. สานักงานปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ข. สานกั งานเลขาธิการสภาการศกึ ษา ค. สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน ง. สานกั งานคณะกรรมการการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย 52. สานักงานบริหารงานการศกึ ษาพเิ ศษสงั กัดใด ก. สานกั งานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ข. สานกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา ค. สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน ง. สานกั งานคณะกรรมการการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั 53. การพฒั นาแหล่งการเรียนรใู้ หม้ ีความหลากหลายท้ังสว่ นทเี่ ป็นภูมปิ ญั ญาทองถิน่ และสว่ นทีน่ าเทคโนโลยมี าใช้เพอื่ การศึกษา เปน็ หลักการตามขอ้ ใด ก. การศกึ ษานอกระบบ ข. การศกึ ษาตามอธั ยาศยั ค. การศกึ ษาพเิ ศษ ง. การศึกษานอกโรงเรยี น 54. ความเสมอภาคในการเขา้ ถงึ และไดร้ ับการศึกษาอย่างกว้างขวาง ท่ัวถึง เปน็ ธรรมและ มีคุณภาพเหมาะสมกบั สภาพชวี ติ ของประชาชน เป็นหลกั การของข้อใด ก. การศึกษานอกระบบ ข. การศกึ ษาตามอัธยาศัย ค. การศึกษาพเิ ศษ ง. การศึกษานอกโรงเรยี น 55. ขอ้ ใดไม่ใช่เป้าหมายของการส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาตามอัธยาศยั ก. นกั เรียนไดร้ ับความรู้และมที กั ษะในการแสวงหาความรู้ ข. ผู้เรยี นไดร้ ู้สาระทสี่ อดคล้องกบั ความสนใจและจาเปน็ ในการยกระดับคณุ ภาพชีวติ ค. ผู้เรยี นนาความรู้ท่ไี ด้ไปใชป้ ระโยชน์และเทียบโอนผลการเรยี น ง. ผเู้ รียนได้ความรไู้ ปใช้ในการประกอบอาชีพและยกระดบั ทักษะแรงงานทีม่ ปี ระสิทธภิ าพ

38 56. หลักเกณฑ์ วธิ ีการ และเงอื่ นไขในการสง่ เสรมิ สนับสนนุ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษา ตามอัธยาศยั ของสว่ นราชการ หรอื ภาคีเครือขา่ ยใหเ้ ป็นไปตามข้อใด ก. ตามท่ีกาหนดในพระราชบญั ญตั ิ ข. ตามท่กี าหนดในพระราชกฤษฎกี า ค. ตามทก่ี าหนดในกฎกระทรวง ง. ตามทกี่ าหนดในระเบียบสานักงาน 57. การเสนอแนะต่อรฐั มนตรีในการจัดทาและการพัฒนาระบบการเทียบโอนผลการเรยี นจาก การเรยี นรูในการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั เป็นงานของข้อใด ก. เลขาธิการสานกั งานส่งเสรมิ กศน ข. คณะกรรมการสง่ เสรมิ สนับสนนุ และประสานความร่วมมือ กศน ค. คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และการจัดการศึกษา กศน ง. คณะกรรมการสภาการศึกษา 58. “สานักงาน กศน. กทม.” เปน็ หน่วยงานตามข้อใด ก. หนว่ ยงานการศกึ ษา ข. หนว่ ยงานราชการระดับกรม ค. หนว่ ยงานท่เี ป็นเอกเทศจาก กทม ง. หน่วยงานประจาจงั หวดั 59. การกาหนดบทบาท อานาจหน้าทีข่ องสถานศึกษาในการจดั ใหม้ ศี นู ยก์ ารเรียนชุมชน เปน็ หนว่ ยจัดกิจกรรมและสรา้ งกระบวนการเรียนรู้ของชุมชน เปน็ ไปตามขอ้ ใด ก. นายกรัฐมนตรีประกาศกาหนด ข. รฐั มนตรีประกาศกาหนด ค. เลขาธกิ าร กศน ประกาศกาหนด ง. ประธานคณะกรรมการประกาศกาหนด 60. ผ้บู รหิ ารสานกั งาน กศน กทม คือ ข้อใด ก. ผูว้ า่ ราชการ กทม ข. เลขาธิการ กศน กทม ค. ผอู้ านวยการสานักงาน กศน กทม ง. หัวหนา้ สานักงาน กศน กทม

39 61. การกาหนดนยิ ามความหมายของคนพิการ ท่เี ก่ียวขอ้ งกบั การจดั การศึกษาพิเศษ ใหเ้ ปน็ ไปตามขอ้ ใด ก. ตามหลักเกณฑ์ที่รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงศึกษาธกิ ารกาหนด ข. ตามหลกั เกณฑท์ ี่ประกาศในพระราชบญั ญตั ิการจัดการศกึ ษาสาหรบั คนพิการ ค. ตามหลกั เกณฑ์ทค่ี ณะกรรมการจดั การศึกษาสาหรับคนพิการไดป้ ระกาศกาหนด ง. ตามหลกั เกณฑท์ ่ีสานกั งานบริหารการศกึ ษาพิเศษประกาศกาหนด ทาเปน็ กฎกระทรวง 62. ผมู้ ีความบกพรอ่ งอนื่ ใดประกอบกับมีอปุ สรรคในด้านต่างๆ และมีความต้องการจาเปน็ พเิ ศษ ทางการศึกษาท่ีจะตอ้ งไดร้ ับความช่วยเหลอื ด้านหนึ่งดา้ นใด เพอ่ื สามารถปฏบิ ัติกจิ กรรมใน ชวี ิตประจาวนั หรอื เข้าไปมีส่วนร่วมทางสังคมได้อยา่ งบคุ คลทั่วไป หมายถึงข้อใด ก. คนพิเศษ ข. ผู้มีความตอ้ งการพิเศษ ค. คนพกิ าร ง. ผู้ด้อยโอกาส 63. เด็กออทิสตกิ หรือกลุม่ อาการออทซิ มึ เกดิ ความบกพร่องของพฒั นาการและพฤติกรรม 3 ด้านหลกั ยกเว้นด้านใด ก. ความบกพร่องด้านสตปิ ญั ญา ข. ความบกพร่องของพัฒนาการทางสังคม ค. ความผดิ ปกตทิ างพฤติกรรม ง. ความบกพร่องของพฒั นาการทางภาษา 64. ข้อใดหมายถงึ เด็กด้อยโอกาส ข. เดก็ ท่ถี กู เล้ียงดูอย่างไม่เหมาะสม ก. เด็กท่ถี ูกทารุณกรรม ง. ถกู ทุกข้อ ค. เด็กเร่ร่อน 65. ขอ้ ใดกล่าวถูกตอ้ งเก่ยี วกบั ชว่ั โมงสอนของครูการศกึ ษาพเิ ศษ เฉพาะความพิการ ก. ชวั่ โมงสอนตามตารางสอน 6 ชั่วโมง ต่อสปั ดาห์ ข. ชั่วโมงสอนตามตารางสอน ไม่ตา่ กว่า 6 ช่ัวโมง ตอ่ สัปดาห์ ค. ชวั่ โมงภาระงานสอน 6 ชัว่ โมงต่อสัปดาห์ ง. ชั่วโมงภาระงานสอน ไมต่ า่ กว่า 6 ชวั่ โมงต่อสัปดาห์

40 66. เงนิ พ.ค.ศ. สาหรับครูการศกึ ษาพิเศษ ไดเ้ ดอื นละกี่บาท ก. 1,500 บาท ข. 2,000 บาท ค. 2,500 บาท ง. 3,000 บาท 67. พ.ค.ศ. ย่อมาจากอะไร ก. เงินเพม่ิ สาหรับครูการศึกษาพเิ ศษ ข. เงินเพมิ่ สาหรับตาแหน่งทีม่ เี หตุพเิ ศษ ค. เงนิ เพิม่ สาหรบั ครูการศึกษาพเิ ศษท่ีจดั การเรยี นร่วม ง. เงินเพิม่ สาหรบั ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา 68. ข้อใดไม่ใช่หน้าท่ขี องครกู ารศกึ ษาพิเศษ ก. สอนเด็กพิเศษในชน้ั เรยี นร่วมหรือช้นั เรยี นค่ขู นาน ข. จดั ทาแผนการศกึ ษาเฉพาะบคุ คลสาหรบั เด็กพเิ ศษ ค. ใหค้ าปรึกษาสาหรับผู้ปกครองท่มี ลี กู เปน็ เด็กพเิ ศษ ง. ใหค้ วามชว่ ยเหลอื เด็กพเิ ศษในการเขา้ รบั การศกึ ษา 69. สานักบรหิ ารงานการศกึ ษาพิเศษอยู่สังกัดส่วนราชการใด ก. สานักงานรฐั มนตรี กระทรวงศกึ ษกิ าร ข. สานักงานปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ ค. สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน ง. สานักงานเลขาธิการสภาการศกึ ษา 70. สถานศึกษาที่จดั การศกึ ษานอกระบบหรอื ตามอธั ยาศัยแกค่ นพิการโดยเฉพาะ โดยหนว่ ยงาน การศึกษานอกโรงเรยี น ชมุ ชน องค์กรเอกชน องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ คอื ข้อใด ก. สถานศกึ ษาเฉพาะความพกิ าร ข. ศูนยก์ ารศึกษาพิเศษ ค. ศูนยก์ ารเรียนเฉพาะความพกิ าร ง. ศูนยก์ ารเรยี นเฉพาะทาง 51. ก 52. ค 53. ข 54. ก 55. ง 56. ค 57. ข 58. ก 59. ข 60. ค 61. ก 62. ค 63. ก 64. ง 65. ข 66. ค 67. ข 68. ง 69. ค 70. ค


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook