Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ภูษิต 61061871 นำเสนอ 28052562

ภูษิต 61061871 นำเสนอ 28052562

Published by aodpusit, 2019-07-22 03:26:51

Description: ภูษิต 61061871 นำเสนอ 28052562

Search

Read the Text Version

ปจั จัยทม่ี ผี ลตอ่ การปฏิบตั ิตามแนวทางการควบคุมวัณโรค ของอาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหมูบ่ ้าน จงั หวดั พิษณโุ ลก Factors Affecting the Practice of TB Control Guidelines Of village health volunteers Phitsanulok Province อาจารย์ทีป่ รกึ ษา ผศ.ดร.จกั รพันธ์ เพ็ชรภมู ิ นายภูษติ ขันกสิกรรม รหสั นิสิต 61061871

สถานการณว์ ัณโรคท่ัวโลก องคก์ ารอนามัยโลก สาเหตขุ องการกลบั มาแพรร่ ะบาดของวัณโรค ไดป้ ระกาศให้วัณโรคอยู่ในภาวะฉุกเฉนิ สากล (Global emergency) ✓ การแพรร่ ะบาดของเอดส์ และมีความจาเปน็ ตอ้ งแก้ไขอยา่ งเรง่ ด่วน ✓ ความยากจน ✓ การอพยพย้ายถิน่ ( WHO, 1994) ✓ แรงงานเคลอ่ื นยา้ ย อุบัตกิ ารณ์ของวณั โรคทวั่ โลก (รายใหม่และกลับเปน็ ซา้ ) ✓ การละเลยของเจ้าหนา้ ทสี่ าธารณสุข สงู ถงึ 10.4 ล้านคน (140 ต่อแสนประชากร) ( WHO, 1994) มผี ูป้ ว่ ยวัณโรคเสียชวี ติ สูงถึง 1.7 ล้านคน 2 จานวนผู้ปว่ ยวณั โรคที่ตดิ เช้ือเอชไอวี 1.03 ลา้ นคน (ร้อยละ 10.00) โดยเสยี ชวี ิตปีละ 0.4 ลา้ นคน (กรมควบคมุ โรค, 2561)

สถานการณว์ ัณโรคของประเทศไทย สถานการณ์ (ปี พ.ศ.2561) ประเทศไทย เป้าหมายของ WHO อตั ราปว่ ยรายใหม่ 156 ต่อแสน 140 ตอ่ แสน จานวนผูป้ ว่ ยรายใหม่ 120,000 ราย 108,000 ราย ร้อยละผูป้ ว่ ยท่รี กั ษาสาเร็จ (รกั ษาหาย+รักษาครบ) รอ้ ยละ 83.00 ร้อยละ 85.00 คาดประมาณวัณโรคด้ือยาหลายขนาน 2,710 ราย 3900 ราย ( WHO, 2018) (กรมควบคุมโรค, 2561) ( WHO, 2017) เป้าหมายของประเทศ “ลดอัตราอุบัตกิ ารณ์ของวัณโรคให้เหลอื 88 ต่อประชากร 100,000 คน ภายในปี พ.ศ. 2564” (กรมควบคุมโรค, 2561) 3

สถานการณว์ ัณโรคของจงั หวดั พิษณโุ ลก 1200 1000 997 คน 800 881 คน เป้าหมายของประเทศ (ร้อยละ 82.50) 664 คน 722 คน 709 คน 600 400 200 ร้อยละ 48.60 รอ้ ยละ 47.70 รอ้ ยละ 58.50 ร้อยละ 58.10 ร้อยละ 65.50 0 2558 2559 2560 2561 2557 อัตราความครอบคลุมของการรกั ษา จานวนผ้ปู ว่ ย 4 (สานกั งานสาธารณสขุ จังหวดั พิษณโุ ลก, 2562)

แนวทางการควบคมุ วณั โรคประเทศไทย อาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมบู่ ้าน (อสม.) มีบทบาทสาคญั อนั เป็นปัจจยั แห่งความสาเร็จในการควบคุมวณั โรคในระดบั ชมุ ชน อสม. มบี ทบาทและหนา้ ท่ี ดงั นี้ แผนยุทธศาสตรว์ ณั โรคระดับชาติ พ.ศ. 2560-2564 1. เป็นพี่เลี้ยงดูแลการรับประทานยาและการให้กาลังใจ และสนับสนุนดูแลให้ผู้ป่วยรับประทานยาทุกม้ือโดยครบถ้วน ยุทธศาสตร์ท่ี 2 ลดการเสยี ชวี ติ ในผู้ป่วยวณั โรค รวมท้ังสังเกตอาการไม่พึงประสงค์จากยา และบันทึกการให้ DOT เปา้ ประสงค์ เพ่ือลดอัตราตายของผู้ป่วยวัณโรคลงร้อยละ 50 ในสมุดบันทกึ ผูป้ ่วย ภายใน พ.ศ. 2564 เม่อื เทยี บกับ พ.ศ. 2557 2. เยยี่ มบ้านผูป้ ว่ ย 3. ใหค้ วามรทู้ ่ถี ูกต้องเกย่ี วกบั วณั โรคและการปอ้ งกนั วัณโรค ในการส่งเสริมการดูแลผูป้ ่วยแบบมีพเ่ี ลย้ี ง (DOT) 4. รว่ มค้นหาวัณโรคในชมุ ชนกับ รพ.สต. โดยเจ้าหน้าท่ีสาธารณสุข อาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมู่บ้าน 5.ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ รพ.สต. กรณีท่ีพบปัญหาของผู้ป่วย จากการรักษาวณั โรค เช่น ขาดยา ติดตามผู้ปว่ ย เจ้าหน้าท่ีจากภาคประชาสังคมและอาสาสมัครแรงงานข้ามชาติรวมทั้ง ก า ร ใ ช้ โ ท ร ศั พ ท์ เ ค ล่ื อ น ที่ เ ป็ น เ ค รื่ อ ง มื อ ส่ื อ ส า ร ร ะ ห ว่ า ง ผู้ ป่ ว ย แ ล ะ พ่ี เ ล้ี ย ง การใช้วิดโี อสังเกตการกินยาซึ่งเปน็ แนวทางหนึง่ สาหรับการสงั เกตการกนิ ยา 5

ปัญหาการปฏิบตั ิตามแนวทางการควบคมุ วณั โรคประเทศไทย ของอาสาสมคั รสาธารณสุขประจาหมบู่ ้าน (อสม.) การปฏบิ ตั ิงานป้องกนั และควบคุมวณั โรค ศักยภาพดา้ นความรเู้ กยี่ วกับวณั โรค รปู อยูใ่ นระดบั ปานกลาง รอ้ ยละ 59.90 รปู อย่ใู นระดับปานกลาง รอ้ ยละ 71.00 (ณฐั วฒุ ิ ช่วยหอม, 2560) (นงคราญ สมฤทธ์ิ, 2558) ระดับการมสี ว่ นรว่ มตอ่ การรกั ษาวัณโรคดว้ ยระบบยาระยะสัน้ แบบมพี เี่ ลี้ยง (DOTS) โดยรวมอยู่ในระดบั ปานกลาง ร้อยละ 58.19 (ภัทรา ผาแก้ว, 2558) มสี ว่ นร่วมในการจัดการควบคมุ โรคติดตอ่ ตามแนวชายแดน อยใู่ นระดับปานกลาง รอ้ ยละ 64.60 (เมธี สุทธศิลป,์ 2558) 6

ปจั จัยทม่ี ีผลต่อการปฏบิ ตั ิตามแนวทางการควบคุมวณั โรค ของอาสาสมัครสาธารณสขุ ประจาหม่บู ้าน ✓ ปจั จยั ดา้ นแรงสนับสนนุ ทางสงั คม รูป ✓ ปัจจัยดา้ นความร้เู รอ่ื งวณั โรค ✓ ปจั จยั ดา้ นทัศนคตทิ มี่ ตี ่อการควบคมุ วณั โรคในชุมชน ✓ ปจั จัยส่วนบคุ คล ทฤษฎแี รงสนบั สนุนทางสังคม ทฤษฎกี ารเรยี นรู้ ของ Bloom (Bloom's Taxonomy) (WHO GLOBAL TB REPORT, 2018) 7

คาถามการวิจยัปปัจปจัจปจัจยั ัจจัยทจยัท่ีมขยัทมี่ขผีอทม่ีขีผอลง่ีมขอผีอลงตอีผาอลงตอ่ สอาลงต่อกสอาาต่อกาสสาาร่อกาสสมาปรกาสมาคัปรฏาสมัคปรฏิบมสคัปรฏบิตั สคัารฏิบัตติ ธสารบิตัติาาธสาัตมิตาราธามติณแาราธมณาแรนาสมณแรนวสขุ ณแนวทสขุปนทวาสุขปรวทงาุขปะรกทงาจปะรกางาจะรรกางหจาะครกาหจามควราหามบู่ควบรหม่บูค้าบวคมู่บน้าวบคมุ บู่นา้บคุมวนา้คมุวณั นมุณัวโวัณรโัณครโครโครค 1. การปฏิบตั ิตามแนวทางการควบคุมวัณโรค ของอาสาสมคั รสาธารณสุขประจาหมู่บา้ น จงั หวดั พษิ ณโุ ลกอยูใ่ นระดบั ใด 2. ปจั จัยอะไรบ้างที่มผี ลตอ่ การปฏิบตั ติ ามแนวทางการควบคมุ วัณโรค อาสาสมัครสาธารณสขุ ประจาหมูบ่ า้ นจงั หวดั พษิ ณุโลก 8

จดุ ม่งุ หมายของการศกึ ษา 1. เพอ่ื ศกึ ษาการปฏบิ ัตติ ามแนวทางการควบคมุ วณั โรค ของอาสาสมคั รสาธารณสุขประจาหมบู่ า้ น จงั หวัดพษิ ณโุ ลก 2. เพ่อื ศกึ ษาปัจจัยทม่ี ผี ลตอ่ การปฏบิ ัติตามแนวทางการควบคุมวัณโรค ของอาสาสมคั รสาธารณสุข ประจาหมู่บ้านจังหวดั พษิ ณโุ ลก 9

ประโยชน์ทค่ี าดว่าจะได้รับ 1. สานักงานสาธารณสุขจงั หวดั / โรงพยาบาลทวั่ ไป/ โรงพยาบาลชมุ ชน / สานกั งานสาธารณสุขอาเภอ สามารถนาผลทีไ่ ดจ้ ากการวิจัยครง้ั นี้ ไปใช้เปน็ แนวทางในการวางแผนพฒั นาศักยภาพอาสาสมัคร สาธารณสุขประจาหมู่บ้านทจี่ ะเป็นผู้กากบั และดูแลผูป้ ่วยวณั โรค 2. สานกั งานสาธารณสุขจังหวัด/ โรงพยาบาลท่วั ไป/ โรงพยาบาลชมุ ชน / สานกั งานสาธารณสุขอาเภอ สามารถนาผลท่ีไดจ้ ากการวจิ ัยคร้งั น้ี ไปประยุกต์ใช้ในการพฒั นาแนวทางการควบคุมวัณโรคในระดบั พื้นที่ ตอ่ ไป 10

ขอบเขตของงานวิจัย ขอบเขตดา้ นเน้อื หา การวจิ ยั ครงั้ นเี้ ป็นการวจิ ัยเชิงสารวจภาคตัดขวาง (Cross-sectional survey research) โดยศึกษา ปัจจัยที่มผี ลตอ่ การปฏิบัติตามแนวทางควบคมุ วณั โรคของอาสาสมคั รสาธารณสุขประจาหมบู่ ้านจังหวดั พษิ ณโุ ลก โดยผู้วิจยั ประยกุ ตใ์ ช้ทฤษฎีการเรยี นรู้ ของ Bloom (Bloom's taxonomy) และทฤษฎแี รงสนับสนุนทางสงั คม (Social support theory) มาใชใ้ นการดาเนนิ งานวจิ ัย ขอบเขตด้านพืน้ ท่ี การวิจัยครัง้ นเี้ ปน็ การศึกษาในพื้นท่ี จังหวดั พษิ ณโุ ลก จานวน 9 อาเภอ ได้แก่ อาเภอเมืองพิษณุโลก อาเภอพรหมพิราม อาเภอบางระกา อาเภอบางกระทุ่ม อาเภอวังทอง อาเภอวดั โบสถ์อาเภอนครไทย อาเภอชาตติ ระการ และอาเภอเนนิ มะปราง 11

ขอบเขตของงานวิจัย ขอบเขตดา้ นประชากร การวิจยั คร้งั น้ีมปี ระชากรทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั คอื อาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหม่บู า้ นทีม่ ชี อื่ อยู่ใน ทะเบียนอาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหมู่บ้านจงั หวัดพิษณโุ ลก จานวน 17,487 คน (สานักงานสาธารณสขุ จังหวัดพษิ ณโุ ลก, 2562) ขอบเขตด้านเวลา การวิจยั คร้งั ดาเนนิ การเกบ็ รวบรวมข้อมลู ระหว่างเดอื น สงิ หาคม ถึงเดอื น ธนั วาคม พ.ศ. 2562 12

นิยามศพั ท์เฉพาะ อาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหมู่บ้าน หมายถงึ บคุ คลทไ่ี ด้รบั การคัดเลอื กจากหมบู่ า้ นหรือชมุ ชนและ ผ่านการฝึกอบรมตามหลกั สตู ร ฝึกอบรมมาตรฐานอาสาสมัครสาธารณสขุ ประจาหมบู่ า้ นท่ีคณะกรรมการ กลางกาหนด ปฏิบัติงานอยู่จริงในพ้นื ท่ี มีชื่ออยใู่ นทะเบียนอาสาสมคั รสาธารณสุขประจาหม่บู า้ นจังหวดั พิษณุโลก แรงสนบั สนุนทางสงั คม หมายถงึ การได้รับการสนบั สนนุ การปฏิบตั ิตามแนวทางควบคุมวณั โรคของ อาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหมบู่ า้ นจงั หวดั พษิ ณุโลก จากเจ้าหนา้ ท่สี าธารณสขุ ผ้นู าชมุ ชน และสมาชกิ ในชมุ ชน ใน 4 ด้านประกอบดว้ ย แรงสนบั สนุนด้านอารมณ์ แรงสนบั สนนุ ด้านการใหก้ ารประเมนิ ผล แรงสนบั สนุนด้านข้อมลู ขา่ วสารและแรงสนบั สนนุ ดา้ นเครอื่ งมือ 13

นยิ ามศัพท์เฉพาะ 1. แรงสนับสนนุ ดา้ นอารมณ์ หมายถงึ การที่อาสาสมัครสาธารณสขุ ประจาหมบู่ ้านจังหวดั พิษณโุ ลก ไดร้ ับการสนบั สนุนด้านการยกย่อง ชมเชย การยอมรับนับถือ การกระตนุ้ เตือน ความหว่ งใย กาลงั ใจท่ี เกี่ยวกบั การปฏิบตั ติ ามแนวทางควบคมุ วณั โรคของอาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมบู่ ้านจังหวดั พิษณโุ ลก 2. แรงสนับสนุนด้านการให้การประเมนิ ผล หมายถงึ การไดร้ ับการติดตาม การประเมินผลในการปฏบิ ัติ ตามแนวทางควบคมุ วณั โรคของอาสาสมัครสาธารณสขุ ประจาหมูบ่ ้านจงั หวัดพษิ ณโุ ลก 3. แรงสนบั สนุนด้านขอ้ มูลขา่ วสาร หมายถึง การไดร้ ับขอ้ มลู เก่ยี วกบั การให้ขา่ วสารรูปแบบต่าง ๆ ให้คาแนะนา การตกั เตือนและใหค้ าปรกึ ษาในการปฏิบัตติ ามแนวทางควบคุมวณั โรคของอาสาสมคั ร สาธารณสุขประจาหมูบ่ า้ นจงั หวัดพิษณโุ ลก 4. แรงสนับสนุนด้านเครือ่ งมือ หมายถึง การได้รับงบประมาณ เวลาและวัสดุอปุ กรณ์ เครอื่ งมือในการ ปฏบิ ตั ติ ามแนวทางควบคมุ วณั โรคของอาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหมบู่ ้าน จงั หวัดพษิ ณุโลก 14

นยิ ามศพั ทเ์ ฉพาะ ปจั จัยดา้ นความรู้เรื่องวัณโรค หมายถึง ความจา ความเข้าใจเกีย่ วกับสาเหตขุ องการเกดิ โรค อาการ การรกั ษา การปอ้ งกนั และแนวทางควบคุมวัณโรคของอาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมู่บา้ นจงั หวดั พษิ ณโุ ลก ปัจจยั ด้านทัศนคตทิ ม่ี ีตอ่ การควบคมุ วัณโรคในชุมชน หมายถึง ความรสู้ กึ หรือความคดิ เห็นของอาสาสมคั ร สาธารณสุขประจาหมบู่ า้ นจงั หวดั พษิ ณุโลก ในการปฏิบตั ิตามแนวทางควบคมุ และปอ้ งกันวัณโรคในชุมชน การปฏิบัติตามแนวทางการควบคมุ วณั โรค หมายถงึ การปฏบิ ตั เิ กย่ี วกบั การเปน็ พี่เลย้ี งดูแลการรบั ประทานยา การค้นหาผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ การปอ้ งกนั วณั โรคในชมุ ชน การเยีย่ มบา้ นผ้ปู ว่ ยของอาสาสมัครสาธารณสขุ ประจาหมบู่ ้านจงั หวัดพิษณโุ ลก 15

สมมตฐิ านของการวิจยั 1. ปัจจัยดา้ นความรเู้ รอ่ื งวณั โรคมีผลต่อการปฏิบัติตามแนวทางการควบคมุ วัณโรค ของอาสาสมัครสาธารณสขุ ประจาหมบู่ ้านจงั หวัดพิษณโุ ลก 2. ปัจจัยดา้ นทศั นคติท่มี ีตอ่ การควบคมุ วณั โรคในชุมชนมผี ลตอ่ การปฏิบัติตามแนวทางการควบคมุ วณั โรคของอาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมู่บา้ นจงั หวดั พษิ ณโุ ลก 16

สมมติฐานของการวิจยั 3. ปัจจยั ด้านแรงสนบั สนุนทางสังคม ได้แก่ แรงสนับสนนุ ทางด้านอารมณ์ แรงสนบั สนุนด้านการให้ การประเมนิ ผล แรงสนับสนุนทางด้านข้อมลู ข่าวสาร แรงสนับสนนุ ทางด้านเคร่ืองมอื ในการป้องกนั และ ควบคมุ วณั โรค มผี ลตอ่ การปฏิบตั ติ ามแนวทางการควบคมุ วัณโรค ของอาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจา หม่บู ้านจังหวดั พษิ ณโุ ลก 4. ปัจจยั ด้านส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุ สถานภาพสมรส ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้ จานวน สมาชกิ ทีอ่ าศัยในครัวเรอื น ระยะเวลาการเปน็ อสม.มผี ลตอ่ การปฏิบตั ิตามแนวทางการควบคมุ วัณโรค ของอาสาสมคั รสาธารณสุขประจาหมู่บ้านจงั หวัดพิษณโุ ลก 17

เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วข้อง 1. ความรู้เกย่ี วกับวณั โรค 1. สาเหตุ การตดิ ตอ่ อาการและอาการแสดงของวัณโรค 2. การตรวจวนิ ิจฉัยวณั โรค 3. การจาแนกประเภทของผปู้ ่วย 4. การรักษาวณั โรค 2. การปฏิบัติตามแนวทางการควบคุมวัณโรคประเทศไทยและบทบาท ของอาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหมู่บา้ น 1. การปฏิบตั ติ ามแนวทางการควบคมุ วณั โรคประเทศไทย 2. บทบาทของบคุ ลากรและหน่วยงานแตล่ ะระดับ 3. บทบาทของอาสาสมัครสาธารณสขุ 3. แนวคดิ และทฤษฎที เี่ กยี่ วขอ้ ง 1. ทฤษฎีแรงสนบั สนุนทางสังคม 2. ทฤษฎีการเรยี นรู้ ของ Bloom (Bloom's Taxonomy) (WHO, 2018) 4. งานวจิ ยั ทีเ่ กยี่ วขอ้ ง 18

เอกสารและงานวจิ ยั ท่ีเกยี่ วขอ้ ง ปัจจยั งานวิจัยทีเ่ กี่ยวขอ้ ง เพศ ณฐั วุฒิ ช่วยหอม (2560) ยุวดี วานชิ ชงั จารุวรรณ บุญศล สริ ิลักษณ์ วาริยศ , ประจกั ร บัว อายุ และอาภรณ์ ถนดั ค้า. (2561) ผัน (2559) สถานภาพสมรส ณฐั วฒุ ิ ชว่ ยหอม (2560) ยุวดี วานชิ ชัง จารุวรรณ บญุ ศล ภทั รา ผาแกว้ (2558) สมรักษ์ ไหมทอง(2558) MelvinHsien Liang Chung, และอาภรณ์ ถนัดค้า. (2561) Helmy Hazmi, and Whye ระดับการศึกษา อาชีพ Lian Cheah (2560) รายไดต้ อ่ เดือน สริ ิลักษณ์ วารยิ ศ , ประจักร บวั MelvinHsien Liang Chung, ผัน (2559) Helmy Hazmi, and Whye Lian จานวนสมาชิกท่ีอาศัยในครัวเรือน Cheah (2560) ระยะเวลาการเป็น อสม. ยุวดี วานชิ ชงั จารุวรรณ บุญศล ภทั รา ผาแก้ว (2558) สริ ลิ กั ษณ์ วาริยศ , ประจกั ร บวั MelvinHsien Liang Chung, และอาภรณ์ ถนัดคา้ . (2561) ผนั (2559) Helmy Hazmi, and Whye Lian Cheah (2560) ณฐั วุฒิ ชว่ ยหอม (2560) ยุวดี วานิชชัง จารุวรรณ บุญศล และอาภรณ์ ถนดั ค้า. (2561) ณฐั วฒุ ิ ชว่ ยหอม (2560) ยุวดี วานชิ ชัง จารุวรรณ บุญศล อรทัย ศรีทองธรรมและคณะ และอาภรณ์ ถนดั คา้ . (2561) (2557) นงนุช เค่ียมการ(2553) สุภาพ ภาสรุ กลุ (2554) นางวิชุดา เสพสมุทร(2553) พสิ ิษฐ์กร โพธศิ์ รี(2556) 19 ณฐั วุฒิ ช่วยหอม (2560) สมรกั ษ์ ไหมทอง(2558) สิทธนะ วชริ ะสริ ิกลุ , วสธุ ร ตันวฒั ยวุ ดี วานิชชัง จารุวรรณ บญุ ศล นกุล, นิภา มหารัชพงศ์ (2558) และอาภรณ์ ถนดั ค้า. (2561)

เอกสารและงานวจิ ัยทเ่ี ก่ยี วข้อง ปจั จัย งานวิจยั ท่ีเก่ยี วขอ้ ง ความรู้ ยุวดี วานชิ ชงั จารุวรรณ บญุ ศล ไกรยทุ ธ ชฎั ขันธกจิ (2557) นงคราญ สมฤทธ์ิ (2558) ภัทรา ผาแกว้ (2558) ทศั นคติ และอาภรณ์ ถนดั ค้า. (2561) ณฐั วุฒิ ช่วยหอม (2560) เมธี สทุ ธศลิ ป์ (2558) แรงสนับสนนุ ทางสงั คม ไกรยทุ ธ ชัฎขันธกจิ (2557) 20

กรอบแนวคดิ การวจิ ัย ปัจจัยด้านแรงสนับสนุนทางสังคม การปฎบิ ตั ติ ามแนวทางการควบคุมวณั โรค - แรงสนบั สนนุ ทางด้านอารมณ์ - แรงสนบั สนนุ ด้านการให้การประเมนิ ผล - ด้านการเป็นพเ่ี ล้ียงดแู ลการรับประทานยา - แรงสนบั สนนุ ทางด้านข้อมลู ข่าวสาร - ด้านการคน้ หาผูป้ ว่ ยวัณโรครายใหม่. - แรงสนบั สนนุ ทางด้านเคร่ืองมือ - ดา้ นการปอ้ งกนั วณั โรคในชุมชน - ดา้ นการเย่ียมบ้านผปู้ ่วย ปัจจยั ด้านความรู้เร่ืองวัณโรค 21 ปัจจยั ด้านทศั นคตทิ ่มี ีต่อการควบคุมวัณโรคในชุมชน ปัจจยั ส่วนบคุ คล - เพศ - อายุ - สถานภาพสมรส - ระดบั การศกึ ษา - อาชีพ - รายได้ - จานวนสมาชิกที่อาศยั ในครัวเรือน - ระยะเวลาการเป็น อสม.

วธิ ดี าเนินงานวิจัย การวจิ ัยคร้ังน้ีเป็นการวิจยั เชงิ สารวจ ศึกษาโดยวิธกี ารวจิ ัยแบบภาคตดั ขวาง (Cross-sectional survey research) เพื่อหาปัจจัยทมี่ ผี ลต่อการปฏบิ ตั งิ านตามแนวทางการควบคมุ วัณโรค ของอาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหม่บู า้ นจงั หวัดพิษณุโลก 22

ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง ประชากรท่ที าการศึกษาครง้ั น้ี คอื อาสาสมัครสาธารณสขุ ประจาหมบู่ า้ น ในจังหวดั พิษณโุ ลก ทง้ั 9 อาเภอ มีจานวนทั้งส้นิ 17,487 คน (กองสนบั สนุนสุขภาพภาคประชาชน, 2562) กลุ่มตัวอยา่ ง คอื อาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหมู่บา้ น (อสม.) จังหวัดพษิ ณุโลก จานวน 414 คน จากการคานวณ ขนาดกล่มุ ตวั อย่าง ใชส้ ตู รการประมาณค่าเฉล่ีย โดยทราบจานวนประชากรของ Daniel, Wayne W.(1995) n = d2 NNσ−21Z+21σ−α2Z/212−α/2 จากสตู ร จากการคานวณขนาดกล่มุ ตวั อย่างมีจานวนกลมุ่ ตัวอย่าง 376 คน แต่เพ่อื ปอ้ งกันการสูญหายของข้อมลู (Missing) จึงเพิม่ จานวนกลุม่ ตัวอยา่ งอกี ร้อยละ10.00 จึงไดก้ ลมุ่ ตัวอยา่ ง ท้งั สิ้น 414 คน จากนนั้ ทาการสุม่ ตัวอยา่ ง โดยมขี ัน้ ตอนตอ่ ไปน้ี 23

ประชากรและกลมุ่ ตัวอยา่ ง ขน้ั ที่ 1 การสุ่มตัวอยา่ ง แบบแบ่งชน้ั ภูมิ(Stratified random sampling)โดยกาหนดให้มี จานวน 9 ชน้ั ภมู ิ ตามจานวนอาเภอทั้งหมดของจงั หวัดพิษณุโลก ข้นั ที่ 2 จากนั้นคานวณขนาดกลมุ่ ตวั อยา่ งในแต่ละชัน้ ภมู ิตามสัดสว่ นประชากร (Proportional allocation) 24

ประชากรและกลมุ่ ตัวอย่าง ข้นั ที่ 3 ดาเนินการสุ่มตวั อยา่ งในแตล่ ะอาเภอ ดว้ ยวิธกี ารสมุ่ ตัวอยา่ งอย่างมีระบบ (Systematic random sampling) โดยใช้ทะเบียน อาสาสมคั รสาธารณสขุ ระดับอาเภอเป็นบญั ชีเลขสมุ่ มีชว่ งการสุม่ (Sampling interval) N 17,487 n 414 จากสูตร I = = = 42 ผวู้ จิ ยั กาหนดเลขตงั้ ตน้ ดว้ ยวธิ ีการจับฉลาก 42 ใบแรกจากบญั ชีรายช่ือ สาหรับลาดบั การสมุ่ ตอ่ ไปตาม จานวนกลมุ่ ตวั อย่างมรี ะยะหา่ งจากลาดับก่อนหนา้ 42 หน่วยนบั จนไดก้ ลุ่มตัวอย่างครบ 414 คน 25

ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง อาเภอ จานวน อสม. จานวนขนาดตัวอยา่ ง 1.อาเภอเมอื งพษิ ณุโลก 4,319 102 2.อาเภอนครไทย 2,240 53 3.อาเภอชาติตระการ 987 23 4.อาเภอบางระกา 2,358 56 5.อาเภอบางกระท่มุ 965 23 6.อาเภอพรหมพริ าม 2,174 52 7.อาเภอวัดโบสถ์ 1,128 27 8.อาเภอวงั ทอง 2,116 50 9.อาเภอเนินมะปราง 1,200 28 17,487 414 รวม 26

เคร่ืองมือท่ใี ช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล ตอนท่ี 1 เปน็ ขอ้ มลู เกยี่ วกบั คณุ ลกั ษณะสว่ นบุคคล มีทัง้ หมด 9 ข้อ ประกอบด้วย เพศ สถานภาพสมรส ระดับ การศกึ ษา อาชพี และการอบรมความร้เู ร่ืองวณั โรค เปน็ แบบตรวจสอบรายการ (Check List) ในสว่ นของอายุ รายไดต้ อ่ เดือนของครวั เรือน จานวนสมาชิกในครัวเรอื น และระยะเวลาการเปน็ อสม. เป็นแบบเติมคาสน้ั ๆ ใน ชอ่ งว่าง (Short Answer) 27

เคร่ืองมือท่ใี ช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล ตอนที่ 2 แบบทดสอบเกย่ี วกับความรูเ้ รอื่ งวัณโรค มีทั้งหมด 16 ข้อ มลี กั ษณะคาถามเปน็ แบบชนิดใหเ้ ลือกคาตอบ “ถกู ” “ผิด True – false) เกณฑก์ ารให้คะแนนดงั น้ี เกณฑ์การใหค้ ะแนน คะแนน เกณฑก์ ารแปลผล 1 พจิ ารณาจากคะแนนรวมทกุ ขอ้ แปลผลเป็น 3 ระดับ โดยอ้างอิง คาตอบ 0 จากการประเมนิ แบบองิ เกณฑ์ของบลูม (Bloom, 1971) ถ้าตอบถูก ถ้าตอบไม่ถูกหรอื ไม่ตอบ ร้อยละ (คะแนน) ระดับความรู้ มากกว่าร้อยละ 80 (14-16 คะแนน) ความร้สู งู ระหว่างร้อยละ 61-79 (10-13 คะแนน) นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 60 (0-9 คะแนน) ความรู้ปานกลาง ความรู้ต่า 28

เคร่ืองมือท่ใี ช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล ตอนที่ 3 แบบสอบถามวดั แรงสนับสนนุ ทางสงั คม มีท้ังหมด 16 ขอ้ แบง่ ออกเปน็ 4 สว่ น ประกอบดว้ ย 1. แบบสอบถามแรงสนบั สนนุ ด้านอารมณ์ เป็นแบบมาตราสว่ นประมาณค่า (Rating scale) จานวน 5 ระดับ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารแปลผล ระดับความคดิ เหน็ ข้อคาถามเชงิ บวก ข้อคาถามเชงิ ลบ พจิ ารณาจากค่าเฉลยี่ จากคะแนนรวมทกุ ข้อ โดยใช้แบบอิงเกณฑข์ อง Best (Best, 1977) แปลผล เป็นประจา(ทุกวนั ) 5 1 บอ่ ยครัง้ (5-6 ครง้ั ตอ่ สัปดาห์) 4 2 เปน็ 3 ระดบั คะแนนสงู สดุ −คะแนนต่าสดุ บางครั้ง(3-4 คร้งั ตอ่ สปั ดาห์) 3 3 จานวนชนั ้ นาน ๆ ครง้ั (1-2 ครง้ั ตอ่ สัปดาห)์ 2 4 อนั ตรภาคชนั้ = = 5−1 = 1.33 ไมเ่ คยปฏิบตั ิ 1 5 3 ช่วงคะแนน ระดับแรงสนบั สนนุ ดา้ นอารมณ์ 3.68 - 5.00 สูง 2.34 – 3.67 ปานกลาง 1.00 – 2.33 ต่า 29

เคร่ืองมือท่ใี ช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล 2. แรงสนับสนุนดา้ นการใหก้ ารประเมนิ ผล เป็นแบบสอบถามตามมาตราสว่ นประเมนิ คา่ (Rating scale) 5 ระดับ คอื เป็นประจา บอ่ ยครงั้ บางคร้ัง นาน ๆ คร้ัง และไมเ่ คยปฏบิ ตั ิ โดยมเี กณฑ์การใหค้ ะแนน ดังนี้ เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารแปลผล ระดับความคดิ เหน็ ข้อคาถามเชงิ บวก ข้อคาถามเชิงลบ พจิ ารณาจากคา่ เฉล่ยี จากคะแนนรวมทุกข้อ โดยใชแ้ บบองิ เกณฑข์ อง Best (Best, 1977) แปลผล เปน็ ประจา(ทุกวัน) 5 1 บ่อยครงั้ (5-6 ครงั้ ตอ่ สัปดาห์) 4 2 เป็น 3 ระดบั คะแนนสงู สดุ −คะแนนต่าสดุ บางคร้ัง(3-4 ครง้ั ต่อสปั ดาห์) 3 3 จานวนชนั ้ นาน ๆ ครัง้ (1-2 ครั้งต่อสัปดาห)์ 2 4 อนั ตรภาคชนั้ = = 5−1 = 1.33 ไมเ่ คยปฏบิ ตั ิ 1 5 3 ชว่ งคะแนน ระดบั แรงสนับสนุนดา้ นการให้การประเมินผล 3.68 - 5.00 สงู 2.34 – 3.67 ปานกลาง 1.00 – 2.33 ต่า 30

เคร่ืองมือท่ใี ช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล 3. แรงสนับสนุนทางด้านขอ้ มลู ข่าวสารเป็นแบบสอบถามตามมาตราสว่ นประเมินค่า (Ratting scale) 5 ระดบั คือ เปน็ ประจา บ่อยคร้งั บางคร้ัง นาน ๆ ครงั้ และไม่เคยปฏบิ ัติโดยมีเกณฑ์การให้คะแนน ดงั นี้ เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารแปลผล ระดับความคดิ เหน็ ข้อคาถามเชิงบวก ข้อคาถามเชงิ ลบ พิจารณาจากคา่ เฉลี่ยจากคะแนนรวมทกุ ขอ้ โดยใชแ้ บบอิงเกณฑข์ อง Best (Best, 1977) แปลผล เป็นประจา(ทุกวัน) 5 1 บ่อยคร้ัง(5-6 ครง้ั ตอ่ สัปดาห์) 4 2 เปน็ 3 ระดับ คะแนนสงู สดุ −คะแนนต่าสดุ บางครง้ั (3-4 ครง้ั ต่อสัปดาห์) 3 3 จานวนชนั ้ นาน ๆ ครงั้ (1-2 ครั้งต่อสัปดาห)์ 2 4 อนั ตรภาคชนั้ = = 5−1 = 1.33 ไม่เคยปฏบิ ัติ 1 5 3 ชว่ งคะแนน ระดับแรงสนบั สนุนด้านขอ้ มลู ขา่ วสาร 3.68 - 5.00 สงู 2.34 – 3.67 ปานกลาง 1.00 – 2.33 ตา่ 31

เคร่ืองมือท่ใี ช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล 4. แรงสนับสนนุ ทางด้านเครือ่ งมอื เปน็ แบบสอบถามตามมาตราส่วนประเมนิ ค่า (Rating scale) 5 ระดับ คือ เป็น ประจา บอ่ ยคร้ัง บางครั้ง นาน ๆ คร้งั และไม่เคยปฏิบตั ิโดยมีเกณฑ์การใหค้ ะแนน ดงั น้ี เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑ์การแปลผล ระดับความคดิ เหน็ ข้อคาถามเชิงบวก ข้อคาถามเชิงลบ พจิ ารณาจากคา่ เฉลยี่ จากคะแนนรวมทกุ ข้อ โดยใชแ้ บบองิ เกณฑ์ของ Best (Best, 1977) แปลผล เป็นประจา(ทุกวัน) 5 1 บ่อยคร้งั (5-6 คร้ังต่อสัปดาห์) 4 2 เป็น 3 ระดบั คะแนนสงู สดุ −คะแนนต่าสดุ บางคร้ัง(3-4 คร้งั ตอ่ สัปดาห์) 3 3 จานวนชนั ้ นาน ๆ คร้ัง(1-2 ครัง้ ต่อสปั ดาห)์ 2 4 อนั ตรภาคชนั้ = = 5−1 = 1.33 ไม่เคยปฏิบัติ 1 5 3 ชว่ งคะแนน ระดับแรงสนบั สนุนดา้ นเคร่ืองมือ 3.68 - 5.00 สงู 2.34 – 3.67 ปานกลาง 1.00 – 2.33 ตา่ 32

เคร่ืองมือท่ใี ช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล ตอนที่ 4 แบบสอบถามทัศนคติทมี่ ตี ่อการควบคุมวัณโรคในชุมชน มที ัง้ หมด10 ข้อเปน็ แบบสอบถามตามมาตรวดั ของลิเคิรท์ (Likert scale) 5 ระดบั คอื เห็นดว้ ยอย่างยิ่ง เห็นดว้ ย ไมแ่ นใ่ จ ไม่เหน็ ดว้ ย ไมเ่ ห็นด้วยอยา่ งยิ่ง มเี กณฑ์การใหค้ ะแนน ดังนี้ เกณฑก์ ารแปลผล เกณฑ์การใหค้ ะแนน ระดับความคิดเหน็ ข้อคาถามเชิงบวก ข้อคาถามเชงิ ลบ พจิ ารณาจากค่าเฉลี่ยจากคะแนนรวมทกุ ขอ้ โดยใชแ้ บบองิ เกณฑข์ อง Best (Best, 1977) แปลผล เห็นด้วยอยา่ งยิง่ 5 1 เห็นด้วย 4 2 เป็น 3 ระดับ คะแนนสงู สดุ −คะแนนต่าสดุ ไม่แน่ใจ 3 3 จานวนชนั ้ ไม่เหน็ ดว้ ย 2 4 อนั ตรภาคชนั้ = = 5−1 = 1.33 ไม่เหน็ ด้วยอยา่ งยิง่ 1 5 3 ช่วงคะแนน ระดบั ทศั นคติ 3.68 - 5.00 สูง 2.34 – 3.67 ปานกลาง 1.00 – 2.33 ต่า 33

เคร่ืองมือท่ใี ช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล ตอนท่ี 5 แบบสอบถามเกย่ี วกบั การปฏบิ ตั งิ านตามแนวทางควบคุมวัณโรคประเทศไทย มที ั้งหมด 12 ขอ้ ลกั ษณะคาถามเป็นแบบปลายปดิ ให้เลอื กตอบแบบมาตราสว่ นประเมนิ คา่ (Rating scale) ซ่งึ แบง่ เปน็ 4 ดา้ น ไดแ้ ก่ 1. ดา้ นการเปน็ พีเ่ ลี้ยงดูแลการรบั ประทานยา 2. ด้านการค้นหาผปู้ ว่ ยวัณโรครายใหม่ 3. ดา้ นการปอ้ งกนั วณั โรคในชุมชน 4. ด้านการเยี่ยมบ้านผ้ปู ว่ ย 34

เคร่ืองมือท่ใี ช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล ตอนท่ี 5 แบบสอบถามเกี่ยวกบั การปฏบิ ัติงานตามแนวทางควบคุมวณั โรคประเทศไทย มีทง้ั หมด 12 ข้อ ลักษณะคาถามเปน็ แบบปลายปิดใหเ้ ลอื กตอบแบบมาตราสว่ นประเมินคา่ (Rating scale) เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารแปลผล ระดับความคดิ เหน็ ข้อคาถามเชิงบวก ข้อคาถามเชิงลบ พจิ ารณาจากคา่ เฉล่ยี จากคะแนนรวมทุกข้อ โดยใช้แบบอิงเกณฑ์ของ Best (Best, 1977) แปลผล เป็นประจา(ทกุ วัน) 5 1 บ่อยครั้ง(5-6 ครั้งตอ่ สปั ดาห์) 4 2 เป็น 3 ระดบั คะแนนสงู สดุ −คะแนนต่าสดุ บางครงั้ (3-4 ครง้ั ต่อสปั ดาห์) 3 3 จานวนชนั ้ นาน ๆ คร้ัง(1-2 ครัง้ ตอ่ สัปดาห)์ 2 4 อนั ตรภาคชนั้ = = 5−1 = 1.33 ไมเ่ คยปฏบิ ัติ 1 5 3 ช่วงคะแนน ระดับการปฏบิ ตั ิ 3.68 - 5.00 สงู 2.34 – 3.67 ปานกลาง 1.00 – 2.33 ต่า 35

การสร้างเครื่องมือและการตรวจสอบคุณภาพเครอื่ งมอื วิจัย 1. ศึกษาขอ้ มูลที่จาเป็นจากเอกสาร ตารา บทความ ข่าวสาร สารสนเทศ ทฤษฎแี ละงานวจิ ยั ท่เี กี่ยวขอ้ งกบั การ ปฏิบัติงานตามแนวทางควบคุมวณั โรคประเทศไทย และปจั จัยดา้ นแรงสนบั สนุนทางสงั คม ปัจจยั ดา้ นความรู้เร่อื ง วณั โรค ปจั จัยด้านทัศนคตทิ ม่ี ตี อ่ การควบคมุ วณั โรคในชมุ ชนและปัจจัยส่วนบคุ คล 2. ผูว้ ิจยั สร้างแบบสอบถาม ตามกรอบแนวคดิ ทฤษฎแี รงสนบั สนนุ ทางสงั คมและทฤษฎกี ารเรยี นรู้ ของ Bloom (Bloom's Taxonomy) แล้วนาไปใหค้ ณะกรรมการทป่ี รกึ ษาวทิ ยานิพนธ์ พจิ ารณาตรวจแกไ้ ขใหข้ ้อเสนอแนะ และนามาปรบั ปรงุ แก้ไข ตามท่คี ณะกรรมการแนะนา 36

การสรา้ งเครอ่ื งมือและการตรวจสอบคุณภาพเครือ่ งมือวจิ ยั 3. ผวู้ จิ ยั นาแบบสอบถามท่ีสร้างขน้ึ ไปตรวจสอบความตรงเน้อื หา โดยผู้ทรงคุณวุฒิ จานวน 3 ทา่ น เพ่ือพจิ ารณาความ ครอบคลมุ ของข้อคาถามและความสอดคลอ้ งกบั นิยามของตัวแปรท่ีศึกษาโดยใช้ดัชนคี วามสอดคล้องระหวา่ งขอ้ คาถาม กับวตั ถุประสงคแ์ ต่ละข้อ แล้วนามาคานวณหาค่าสัมประสทิ ธคิ์ วามสอดคลอ้ ง (Index of item-objective Congruence :IOC) โดยมีเกณฑก์ าหนดมากกวา่ 0.5 ขึน้ ไป (Rovinelli, & Hambleton, 1977) IOC = ΣR N 4. แบบสอบถามท่ปี รับปรุงแกไ้ ขแล้วไปทดลองใช้ (Tryout) กบั กลุ่มตวั อย่างทมี่ ีลกั ษณะคลา้ ยคลึงกับกลมุ่ ตวั อยา่ ง ทจ่ี ะศกึ ษาคอื อาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมูบ่ า้ นจังหวัดอุตรดิตถ์ จานวน 30 ราย เพือ่ วิเคราะห์หาความเท่ยี ง (Reliability) มคี า่ ที่ยอมรับได้คือ 0.7 (DeVeliis, 2012) จงึ สามารถนาไปใช้เก็บขอ้ มูลได้ 37

การสร้างเคร่อื งมอื และการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือวจิ ัย 4.1 วิธขี องคูเดอรร์ ชิ ารดส์ ัน (Kuder-Richardson) ในสว่ นแบบสอบถามตอนที่ 2 ด้านความรูเ้ รอ่ื งวณั โรค 4.2 วธิ หี าค่าสมั ประสิทธิ์ครอนบราคอัลฟา่ (Cronbach’s alpha coefficient) ในสว่ นแบบสอบถามตอนท่ี 3 แรง สนับสนุนทางสังคม ไดแ้ ก่ แบบสอบถามวัดแรงสนบั สนุนทางด้านอารมณ์ แรงสนบั สนนุ ด้านการใหก้ ารประเมินผล แรงสนับสนุนทางด้านข้อมูลข่าวสาร แรงสนบั สนุนทางด้านเครื่องมอื แบบสอบถามตอนท่ี 4 แบบสอบถามทัศนคติ ที่มตี ่อการควบคมุ วัณโรคในชมุ ชน แบบสอบถามตอนท่ี 5 แบบสอบถามเกย่ี วกับการปฏิบตั ิงานตามแนวทางควบคุม วัณโรคประเทศไทย 38

การสรา้ งเคร่อื งมือและการตรวจสอบคณุ ภาพเครือ่ งมือวิจยั 5. นาแบบสอบถามทีป่ รับปรุงแกไ้ ขแล้วไปขอความคิดเห็นและขอ้ เสนอแนะจากผู้เชย่ี วชาญจากคณะกรรมการทป่ี รกึ ษา คณะสาธารณสขุ ศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ก่อนนาไปใหผ้ ้เู ชีย่ วชาญตรวจอกี คร้ังหนึ่งโดยใชเ้ กณฑต์ ามขอ้ 1 6. นาแบบสอบถามท่ีไดร้ ับการตรวจแก้ไขแล้วไปใช้สอบถามอาสาสมคั รสาธารณสุข ประจาหมู่บา้ นจังหวดั พษิ ณุโลก ทีเ่ ป็นกลมุ่ ตวั อยา่ งตอ่ ไป 39

สถิติที่ใชใ้ นงานวิจยั 1. สถติ ิเชิงพรรณนา (Descriptive statistics) ได้แก่ ค่าความถ่ี (Frequency) ค่ารอ้ ยละ (Percentage) คา่ เฉล่ยี (Mean) และสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน (Standard deviation) 2. สถิติเชิงอนมุ าน (Inferential statistics) ไดแ้ ก่ สถติ ิวเิ คราะห์การถดถอยพหคุ ูณแบบขน้ั ตอน (Stepwise multiple regression) โดยก่อนทาการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ผู้วิจัยทดสอบเง่ือนไขของวเิ คราะห์ การถดถอยพหุคณู 40

การพทิ ักษส์ ิทธิ์ ในการวจิ ยั ครง้ั น้จี ะเร่ิมดาเนนิ การวจิ ยั ก็ต่อเมื่อ 1.เรอ่ื งทจ่ี ะวิจยั ไดร้ ับอนมุ ตั ิจากคณะกรรมการจริยธรรมของมหาวทิ ยาลัยนเรศวร 2.ในการวจิ ัยครัง้ น้ี กลุ่มตัวอยา่ งสามารถออกจากการวิจัยได้ทกุ เมอ่ื ทกุ กรณี จะไม่มีการบงั คบั และจะ ดาเนนิ การเกบ็ ตวั อย่าง ต่อเม่อื ไดร้ บั การเซ็นต์ยินยอมจากผใู้ ห้ขอ้ มูลเทา่ น้นั 3.กลุม่ ตวั อย่างจะไดร้ บั การปกปิด ชอื่ - ช่ือสกุล ทอ่ี ยโู่ ดยจะไมม่ ีใครสามารถสบื หากลุม่ ตวั อย่างได้ รายละเอยี ดของกลมุ่ ตัวอยา่ งจะถูกแปลงเป็นรหสั และขอ้ มูลท่ีไดจ้ ากกลมุ่ ตัวอยา่ ง ซง่ึ จะวิเคราะหใ์ น ภาพรวมเทา่ นั้น 41

ขอบคณุ ครับ 42


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook