ปัจจยั ทม่ี ผี ลต่อการปฏบิ ตั ิตามแนวทางการควบคมุ วัณโรค ของอาสาสมัครสาธารณสขุ ประจาหมบู่ า้ น จังหวดั พิษณโุ ลก นายภูษิต ขันกสิกรรม รหัสนิสิต 61061871 1
ข้อเสนอแนะในการนาเสนอโครงร่างการวจิ ยั ครัง้ ท่ี 2 1. ถ้าในพืน้ ท่ีไม่มีผ้ปู ่วย TB ก็จะไมม่ ีการปฎบิ ตั ติ ามแนวทาง แล้วจะวดั อย่างไร ตอบอาจารย์ การปฏิบัตติ ามแนวทางการควบคมุ วัณโรค ของอาสาสมัครสาธารณสขุ ประจาหมบู่ า้ นไดร้ บั การ มอบหมายบทบาท จากกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสขุ ในพ้นื ท่จี งั หวดั พิษณโุ ลกมี case TB ทุกอาเภอ อสม.ทกุ อาเภอควรมคี วามรแู้ ละ การปฏิบัตติ าม แนวทางการควบคมุ วณั โรค นายภษู ิต ขนั กสกิ รรม รหสั นสิ ิต 61061871 2
ข้อเสนอแนะในการนาเสนอโครงร่างการวจิ ยั ครัง้ ท่ี 2 2. เราไปสนบั สนนุ บคุ คลในครอบครัวไมด่ ีกวา่ ? ทาไมต้องเป็น อสม. ต้องชีใ้ ห้เห็นวา่ ทาไมต้องเลอื ก อสม. ต้องมี Review วา่ อสม.มีประสทิ ธิภาพมากกวา่ คนในครอบครัว 3
แผนยุทธศาสตร์วัณโรคระดบั ชาติ พ.ศ. 2560-2564 ยุทธศาสตร์ท่ี 2 ลดการเสียชีวติ ในผู้ป่ วยวัณโรค 2.1.4 สง่ เสริมการดแู ลผ้ปู ่วยแบบมีพ่ีเลีย้ ง (DOT) โดยเจ้าหน้าท่ีสาธารณสขุ เจ้าหน้าท่ีจากภาคประชาสงั คม อาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหมบู่ ้าน และอาสาสมคั รแรงงานข้ามชาตริ วมทงั้ การใช้โทรศพั ท์เคลื่อนที่เป็น เคร่ืองมือสอ่ื สารระหวา่ งผ้ปู ่วยและพ่เี ลยี ้ ง การใช้วดิ ีโอสงั เกตการกินยาซง่ึ เป็นแนวทางหนง่ึ สาหรับการสงั เกต การกินยา แผนยทุ ธศาสตร์วณั โรคระดบั ชาติ พ.ศ. 2560-2564 4
นโยบายสาคญั ส่งเสริมบทบาท อสม.เชงิ รุก เพ่อื ให้ อสม. ทรัพยากรทางสุขภาพ ท่กี ระจายอย่ทู ุกหมู่บ้าน และชุมชน จานวนหน่ึงล้านห้าพันคนท่วั ประเทศ ได้เข้ามี ส่วนร่วมในการจัดการสุขภาพของชุมชน อย่างเข้มแข็งย่งื ขึน้ โดยเฉพาะการดแู ลแม่ และเดก็ ผู้สูงอายุ คนพกิ าร ผู้ป่ วยเรือ้ รังในชุมชน ตลอดจนการเฝ้าระวังโรคในชุมชน ด้วยบทบาทใหม่ท่ที ้าทายความสามารถของ อสม. อันได้แก่เป็ นผู้นาการขับเคล่ือน และจดั การสุขภาพของชุมชน เช่ือมประสานบทบาทโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบล (รพ.สต.) เพ่อื สนับสนุนให้ประชาชนเกดิ การเรียนรู้ และเพ่มิ ความสามารถดแู ลสขุ ภาพ ตนเอง ทงั้ ในระดบั บุคคล ครอบครัว ชุมชน ค่มู อื อสม.ยคุ ใหม่ กรมสนบั สนนุ บริการสขุ ภาพ 2554 5
จากการทบทวนวรรณกรรม เรื่อง ปัจจยั ท่ีมีความสมั พนั ธ์กบั การปฎิบตั ิงานปอ้ งกนั และควบคมุ วณั โรค ของอาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหมบู่ ้าน ในตาบลทา่ ทองใหม่ อาเภอกาญจนดิษฐ์ จงั หวดั สรุ าษฎร์ธานี พบว่า การปฎิบตั งิ านป้องกันและควบคุมวัณโรค ของ อสม.มีการปฎบิ ตั งิ านอย่ใู นระดบั ต่า ถงึ ปานกลาง ร้อยละ 73.40 และพบวา่ การปฎบิ ตั ิงานในการปอ้ งกนั และควบคมุ วณั โรค ท่ีน้อยท่ีสดุ 2 ลาดบั แรก คือ การเป็นพ่ีเลยี ้ งกากบั การกินยาผ้ปู ่วยวณั โรค ร้อยละ 49.0 และการช่วยเหลอื ติดตามผ้ปู ่ วยวณั โรคท่ีขาดยา ร้อยละ 36.5 อธิบายได้วา่ อสม.ยงั ขาดความตระหนกั ในการมีสว่ นร่วมในกระบวนการรักษา ซง่ึ อาจสง่ ผลให้การรักษา ผ้ปู ่วยวณั โรคไมป่ ระสบผลสาเร็จ และยงั เกิดการแพร่ระบาดในชมุ ชนตอ่ ไป เพราะฉะนนั้ การพฒั นาศกั ยภาพของ อสม.เพื่อเป็นการชว่ ยปอ้ งกนั และควบคมุ วณั โรคในชมุ ชน จึงเป็นสิ่ง สาคญั เพื่อให้ประเทศไทยบรรลเุ ปา้ หมายยตุ ิวณั โรคตามยทุ ธศาสตร์ขององค์การอนามยั โลก อ้างอิง ปัจจยั ที่มีความสมั พนั ธ์กบั การปฎบิ ตั งิ านปอ้ งกนั และควบคมุ วณั โรค ของอาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหม่บู ้าน ในตาบลท่าทองใหม่ อาเภอกาญจนดิษฐ์ จงั หวดั สรุ าษฎร์ธานี ณฐั วฒุ ิ ช่วยหอม พบ. 2561 6
จากการทบทวนวรรณกรรม เรื่อง ปัจจยั ท่ีมีอิทธิพลตอ่ อตั ราความสาเร็จในการปฏบิ ตั งิ าน ตามแนวทาง ควบคมุ วณั โรคแหง่ ชาติ ของบคุ ลากรสาธารณสขุ ในโรงพยาบาลสง่ เสริมสขุ ภาพตาบล จงั หวดั ชลบรุ ี พบวา่ บุคลากรท่ีปฏิบตั ิงานควบคมุ วณั โรคสว่ นใหญ่มีคะแนนเฉลี่ยความรู้ ความพยายามในการทางาน การ ได้รับการสนบั สนนุ จากองค์กร มีแรงจงู ใจ และ มีการปฏบิ ตั ิงานควบคมุ วณั โรค อยใู่ นระดบั สงู อตั ราความสาเร็จ เฉลย่ี ร้อยละ 86.4 โดย ระยะเวลาในการปฏิบตั ิงานการรักษา ความสาเร็จในการทางาน ความมน่ั คงในการ ปฏบิ ตั งิ าน ลกั ษณะของงาน การยอมรับนบั ถือ ความพยายามในการทางาน และความรับผิดชอบ สามารถสร้าง สมการทานายอตั ราความสาเร็จ ในการปฏบิ ตั งิ านตามแนวทางควบคมุ วณั โรคแหง่ ชาติ ของบคุ ลากรสาธารณสขุ ควรมกี ารส่งเสริมระบบการปฏบิ ัตงิ านแบบมีพ่เี ลีย้ งและให้คาปรึกษาจากผู้มีประสบการณ์ และมี ระยะเวลาในการทางานสูง เพ่ือเพ่มิ อัตราความสาเร็จ ในการปฏบิ ัตงิ านตามแนวทางควบคุมวัณโรค ให้มากย่งิ ขนึ้ อ้างองิ ปัจจยั ท่ีมีอทิ ธิพลตอ่ อตั ราความสาเร็จในการปฏิบตั งิ าน ตามแนวทางควบคมุ วณั โรคแห่งชาติ ของบคุ ลากรสาธารณสขุ ในโรงพยาบาลสง่ เสริมสขุ ภาพตาบล จงั หวดั ชลบรุ ี สทิ ธนะ วชริ ะสริ ิกลุ และคณะ 2557 7
จากการทบทวนวรรณกรรม เร่ืองการพฒั นาแนวทางการควบคมุ วณั โรคในชมุ ชนของโรงพยาบาลวานร นิวาส จงั หวดั สกลนคร พบวา่ ผ้ปู ่วยวณั โรคและพ่ีเลยี ้ งมีความรู้ความเข้าใจในการควบคมุ วณั โรคไมเ่ พียงพอ โดยเฉพาะการรักษาผ้ปู ่วย ให้หายขาด และการปฏิบตั ทิ ่ีไมถ่ กู ต้องเกี่ยวกบั การปอ้ งกนั การแพร่กระจายเชือ้ การตดิ ตามการรักษาตามนดั และพ่ีเลยี ้ งวณั โรคสว่ นใหญ่เป็นญาติผ้ปู ่วย ไมเ่ ข้าใจในบทบาทความสาคญั ของการทาหน้าท่ีเป็นพี่เลยี ้ งวณั โรค โดยสว่ นใหญ่จะยอมตามใจผ้ปู ่วยถงึ แม้วา่ ผ้ปู ่วยวณั โรคปฏิบตั ิไมถ่ กู ต้องในการควบคมุ วณั โรค เช่น การไอ จาม หรือการทาลายเสมหะไมถ่ กู วธิ ี ผ้ปู ่วยวณั โรคขาดการตดิ ตามเยี่ยมบ้านอยา่ งตอ่ เน่ือง บางรายรับการรักษาไมต่ อ่ เน่ืองต้องกลบั ไปทางานและ มีปัญหาทางเศรษฐกิจ ซง่ึ สง่ ผลให้การควบคมุ วณั โรคล้มเหลว ควบคมุ วณั โรคล้มเหลว เชือ้ วณั โรคแพร่กระจายใน ชมุ ชนมากขนึ ้ ได้ 8(อ้างองิ การพฒั นาแนวทางการควบคมุ วณั โรคในชมุ ชนของ โรงพยาบาลวานรนวิ าส จงั หวดั สกลนคร ปรียา สนิ ธุระวิทย์ พย.ม. 2555)
ทาไมต้องเป็ น อสม. 1. เป็นผ้ทู ่ีอาศยั อยใู่ นชมุ ชน ได้รับการมอบบทบาทและหน้าท่ีจากสานักวัณโรค กรมควบคุมวัณโรค ในการเป็นพ่ีเลยี ้ งกากบั การกินยา ของผ้ปู ่วย ตามแนวทางการควบคมุ วณั โรคประเทศไทย (อ้างอิงบทบาทหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของอาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหมบู่ ้าน (อสม.)ตามคมู่ ือแนวทางการควบคมุ วณั โรคประเทศไทย พ.ศ. 2561 บทท่ี 14 หน้า 179 ) 2. บคุ ลากรที่ปฏบิ ตั ิงานควบคมุ วณั โรค ควรได้รับการสง่ เสริมการปฏิบตั งิ านอยา่ งมีระบบ เป็นพี่เลยี ้ ง และให้คาปรึกษาจากผ้มู ีประสบการณ์ และมีระยะเวลาในการทางานสงู เพ่ือเพ่มิ อัตราความสาเร็จในการ ปฏิบตั งิ านตามแนวทางควบคุมวัณโรค (อ้างอิง ปัจจยั ท่ีมีอิทธิพลตอ่ อตั ราความสาเร็จในการปฏิบตั งิ าน ตามแนวทางควบคมุ วณั โรคแหง่ ชาติ ของบคุ ลากรสาธารณสขุ ในโรงพยาบาลสง่ เสริมสขุ ภาพตาบล จงั หวดั ชลบรุ ี สิทธนะ วชิระสิริกลุ และคณะ บทคดั ยอ่ 2557 ) 9
ทาไมต้องเป็ น อสม. 3. ผ้ปู ่วยวณั โรคขาดการตดิ ตามเย่ียมบ้านอยา่ งตอ่ เน่ือง บางรายรับการรักษาไมต่ อ่ เน่ือง ต้องกลบั ไปทางาน และมีปัญหาทางเศรษฐกิจ ซงึ่ สง่ ผลให้การควบคมุ วณั โรคล้มเหลว ควบคมุ วณั โรคล้มเหลว เชือ้ วณั โรค แพร่กระจายในชมุ ชนมากขนึ ้ ได้ (อ้างองิ การพฒั นาแนวทางการควบคมุ วณั โรคในชมุ ชนของ โรงพยาบาลวานรนวิ าส จงั หวดั สกลนคร ปรียา สินธุระวทิ ย์ พย.ม. 2555) 4. การปฎบิ ตั งิ านปอ้ งกนั และควบคมุ วณั โรค ของ อสม.มีการปฎิบตั งิ านอยใู่ นระดบั ต่า การพัฒนา ศักยภาพของ อสม.เพ่ือเป็ นการช่วยป้องกันและควบคุมวณั โรคในชุมชน จงึ เป็ นส่งิ สาคญั เพ่อื ให้ ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายยุตวิ ัณโรคตามยุทธศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก (อ้างอิง ปัจจยั ท่ีมีความสมั พนั ธ์กบั การปฎิบตั ิงานปอ้ งกนั และควบคมุ วณั โรค ของอาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหมบู่ ้าน ในตาบลท่าทองใหม่ อาเภอกาญจนดษิ ฐ์ จงั หวดั สรุ าษฎร์ธานี ณฐั วฒุ ิ ช่วยหอม พบ. 2561) 10
ทาไมต้องเป็ น อสม. 5. ระบบการควบคมุ วณั โรคในชมุ ชนพบวา่ ขาดการประสานงานในการดาเนินการควบคุมวัณโรค ระหว่างเจ้าหน้าท่ผี ู้ปฏบิ ัตงิ านทงั้ ในสถานบริการและในชุมชน ไม่มีการประชุมวางแผนร่วมกนั ผู้ป่ วยวัณโรคไม่ได้รับการตดิ ตามเย่ียมอย่างต่อเน่ือง นอกจากนีย้ งั มีปัญหาในระบบการสง่ ตอ่ ข้อมลู และไมม่ ีแนวทางท่ีชดั เจนในการสง่ ตอ่ ผ้ปู ่วยในทกุ สว่ นท่ีเก่ียวข้ององค์กรในชมุ ชนได้ แก่ อาสาสมัคร สาธารณสุขประจาหมู่บ้าน (อสม.) และผู้นาชุมชนยงั ขาดความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกบั วณั โรค และ ยงั ไม่มีส่วนร่วมในการดาเนินงานควบคุมวัณโรค (อ้างองิ ปัจจยั ท่ีมีความสมั พนั ธ์กบั การปฎิบตั งิ านปอ้ งกนั และควบคมุ วณั โรค ของอาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหม่บู ้าน ในตาบลท่าทองใหม่ อาเภอกาญจนดิษฐ์ จงั หวดั สรุ าษฎร์ธานี ณฐั วฒุ ิ ชว่ ยหอม พบ. 2561) 11
12
13
14
15
16
17
อาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหมบู่ ้าน มีเครือข่ายการดแู ลการกากบั การกินยาของ อาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมบู่ า้ น พฒั นารปู แบบ/วธิ ีการในการควบคุมโรค TB ในพื้นท่ี กากับตามการกนิ ยาของกลมุ่ ผปู้ ว่ ยอย่างสมา่ เสมอ 18
แผนยุทธศาสตร์วัณโรคระดับชาติ พ.ศ. 2560-2564 ยุทธศาสตร์ท่ี 1 เร่งรัดค้นหาผู้ตดิ เชือ้ วัณโรคและผู้ป่ วยวัณโรคให้ครอบคลุมโดยการคดั กรองในกลุ่มเส่ียง เป้าประสงค์ เพ่อื เร่งรัดการค้นหาผู้ป่ วยวัณโรคให้ครอบคลุมร้อยละ 100 โดยให้กลุ่มเส่ียงได้รับการคัดกรองและได้รับการวินิจฉัยด้วยวธิ ีการตรวจท่รี วดเร็ว โดยการคัดกรองด้วยภาพถ่ายรังสีทรวงอกร่วมกับเทคโนโลยีอณูชีววิทยา รวมทงั้ การเข้าถงึ การดูแลรักษาท่เี ป็ นมาตรฐาน มีการป้องกนั การ แพร่กระจายเชือ้ ท่ดี ี ยุทธศาสตร์ท่ี 2 ลดการเสียชีวติ ในผู้ป่ วยวัณโรค เป้าประสงค์ เพ่อื ลดอัตราตายของผู้ป่ วยวัณโรคลงร้อยละ 50 ภายใน พ.ศ. 2564 เม่ือเทยี บกับ พ.ศ. 2557 ส่งเสริมการดูแลผปู้ ่ วยแบบมีพี่เล้ียง (DOT) โดยเจา้ หนา้ ที่สาธารณสุข เจา้ หนา้ ที่จากภาคประชาสงั คม อาสาสมคั รสาธารณสุขประจาหมู่บา้ น และอาสาสมคั รแรงงานขา้ มชาติ รวมท้งั การใชโ้ ทรศพั ทเ์ คล่ือนท่ีเป็นเคร่ืองมือสื่อสารระหวา่ งผปู้ ่ วยและพ่ีเล้ียง การใชว้ ดิ ีโอสงั เกตการกินยาซ่ึงเป็นแนวทางหน่ึงสาหรับการสังเกตการกินยา แผนยทุ ธศาสตร์วณั โรคระดบั ชาติ พ.ศ. 2560-2564 19
บทบาทหนา้ ท่ีของเจ้าหนา้ ทีข่ องอาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมูบ่ า้ น (อสม.) เปน็ พเี่ ล้ยี งดูแลการรบั ประทานยา และใหก้ าลังใจและสนับสนนุ ดูแลให้ผ้ปู ว่ ยรับประทานยาทุกม้อื โดยครบถ้วน รวมทั้งสงั เกตอาการไม่พึงประสงคจ์ ากยา และบนั ทกึ การให้ DOT ในสมดุ บันทกึ ผูป้ ่วย เย่ียมบา้ นผู้ปว่ ย ให้ความรูท้ ถี่ ูกตอ้ งเก่ยี วกับวัณโรคและการปอ้ งกันวัณโรค รว่ มคน้ หาวณั โรคในชุมชนกบั รพ.สต. ประสานงานกับเจ้าหนา้ ท่ี รพ.สต. กรณที ีพ่ บปัญหาของผ้ปู ว่ ยจากการรักษาวัณโรค เช่น ขาดยา ตดิ ตามผู้ปว่ ย 20
ผู้ป่ วยวัณโรคและวณั โรคดอื้ ยาทุกราย ควรได้รับการอธิบายเก่ียวกับการป่ วยและการรักษา ซ่งึ ต้องรับประทานยาอย่าง ต่อเน่ืองโดยให้มีพ่ีเลีย้ ง (DOT observer) ทุกรายโดยเจ้าหน้าท่สี าธารณสุข พจิ ารณาทางเลือกท่เี หมาะสมสาหรับผู้ป่ วยแต่ละราย ดังนี้ (1) เจ้าหน้าท่ีด้านสาธารณสุข (health care worker) เป็ นพ่ีเลีย้ ง (DOT observer) ผู้ป่ วยวัณโรคหรือวัณโรคดอื้ ยาท่ีอาศัยอยู่ใกล้ หน่วยบริการสาธารณสุขหรือเดนิ ทางสะดวกแนะนาให้มารับประทานยา (รวมทงั้ ฉีดยาในกรณีผู้ป่ วยวัณโรคดอื้ ยา)ท่ีหน่วยบริการ สาธารณสุข (health facility based DOT)แต่ถ้าผู้ป่ วยไม่สะดวกในการเดนิ ทาง เช่น ผู้ป่ วยสูงอายุ หรือผู้ป่ วยตดิ เตยี ง เจ้าหน้าท่ีควรเดนิ ทางไปดแู ลการรับประทานยา (รวมทัง้ ฉีดยาในกรณีผู้ป่ วยวณั โรคดอื้ ยา) ท่ีบ้านผู้ป่ วยหรือชุมชน(community based DOT) หรือ เจ้าหน้าท่ีสามารถดแู ลการรับประทานยาของผู้ป่ วยผ่านอุปกรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกส์ เช่น VOT (video observed treatment) ,mobile application (ในกรณีท่ผี ู้ป่ วยหรือญาตมิ ีความพร้อม) (2) บุคคลอ่นื ท่ไี ม่ใช่เจ้าหน้าท่ีด้านสาธารณสุข เช่น อาสาสมัครด้านสาธารณสุข อาสาสมัครแรงงานต่างด้าว ผู้นาชุมชน และบุคคลอ่นื ๆ ท่ี เช่อื ถอื ได้ ควรผ่านการอบรมเร่ืองวณั โรค โดยอาจเป็ นพ่ีเลีย้ งท่ีบ้านผู้ป่ วย (community based DOT) หรือ VOT ก็ได้ตาม ความเหมาะสม 21
ปัญหาท่ที าให้การควบคุมวณั โรคไม่สาเร็จตามเกณฑ์ท่กี าหนด ประเดน็ หน่ึงในการวิเคราะห์จุดอ่อน การยอมรับและการปฏบิ ัตติ ามกลวิธี DOT (Directly Observed Treatment )ยังไม่เข้มข้นพอ การดแู ลผู้ป่ วยด้วยกลวธิ ี DOT โดย สมาชิกในครอบครัว หรือโดยอาสาสมัครสาธารณสุขในชุมชน ยังมีอย่อู ย่างจากดั หรือเจ้าหน้าท่สี าธารณสุขไม่มีส่วนร่วมด้วย HOMEPPT模板网-WWW.homePPT.COM 22 (SWOT ANALYSIS) (แผนยทุ ธศาสตร์วณั โรคระดบั ชาติ พ.ศ. 2560 – 2564)
คาถามการวจิ ยั 1. การปฏิบตั ติ ามแนวทางการควบคุมวณั โรค ของอาสาสมัครสาธารณสุข ประจาหมู่บ้าน จังหวัดพษิ ณุโลก อยู่ในระดบั ใด 2. ปัจจยั อะไรบ้างท่มี ีผลต่อการปฏบิ ัตติ ามแนวทางการควบคุมวัณโรค อาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมู่บ้าน จังหวดั พษิ ณุโลก HOMEPPT模板网-WWW.homePPT.COM 23
จุดมุ่งหมายของการศกึ ษา 1. เพ่อื ศึกษาการปฏิบตั ติ ามแนวทางการควบคุมวัณโรค ของอาสาสมัคร สาธารณสุขประจาหมู่บ้าน จงั หวัดพษิ ณุโลก 2. เพ่อื ศกึ ษาปัจจัยท่ีมีผลต่อการปฏบิ ตั ติ ามแนวทางการควบคุมวณั โรค ของอาสาสมคั รสาธารณสุขประจาหมู่บ้าน จังหวดั พษิ ณุโลก HOMEPPT模板网-WWW.homePPT.COM 24
นิยามศัพท์เฉพาะ วัณโรค (Tuberculosis) หรือ TB หมายถึง เป็นโรคติดเชือ้ วณั โรคโดยปกติก่อให้เกิดอาการป่ วยที่ปอด แต่ยงั สามารถสง่ ผลกระทบต่อสว่ นอื่น ของร่างกายได้ วณั โรคแพร่ผ่านอากาศเมื่อผ้ทู ่ีมีการติดเชือ้ มีฤทธ์ิไอ จาม หรือส่งผ่านนา้ ลายผ่านอากาศ การติดเชือ้ ในมนษุ ย์ส่วนมากสง่ ผลให้เกิดไร้ อาการโรค การติดเชือ้ แฝง อาการท่ีสาคญั ของวณั โรคปอด คือ ไอเรือ้ รังติดต่อกันนาน 2 สปั ดาห์ขึน้ ไป อาการอื่นๆท่ีอาจพบได้ คือ นา้ หนักลด เบ่ือ อาหาร อ่อนเพลีย มไี ข้ (มกั จะเป็นตอนบา่ ย เย็น หรือตอนกลางคืน) ไอมีเลือดปน (Hemoptysis) เจ็บหน้าอก หายใจขดั ผ้ปู ่ วยเหงื่อออกมากตอน กลางคืน เป็นข้อบง่ ชีท้ ่ีควรสงสยั วา่ ผ้ปู ่วยอาจกาลงั ป่วยเป็นวณั โรคร่วมด้วย อาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมู่บ้าน หมายถึง บุคคลที่ได้รับการคดั เลือกจากหม่บู ้านหรือชุมชนและผ่านการฝึกอบรมตามหลักสตู รฝึกอบรม มาตรฐานอาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหหบ้านที่คณะกรรมการกลางกาหนด HOMEPPT模板网-WWW.homePPT.COM 25
นิยามศัพท์เฉพาะ การปฎบิ ัตติ ามแนวทางการควบคุมวณั โรค หมายถงึ การที่ อสม.จงั หวดั พษิ ณโุ ลก มคี วามรู้เกี่ยวกบั ความหมาย สาเหตุ อาการ การตดิ ตอ่ การรักษาความพร้อม ท่ีจะกระทาต่อ การปฏิบตั ดิ ้านการดแู ลผ้ปู ่วย การกากบั การกินยารักษาวณั โรคและการปฏบิ ตั ิตนในการควบคมุ วณั โรค ตาม บทบาทหน้าที่ของอาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหมบู่ ้าน (อสม.) ตามแนวทางการควบคมุ วณั โรคประเทศไทย (National Tuberculosis Control) ดงั นี ้ 1. เป็นพ่ีเลยี ้ งดแู ลการรับประทานยาและการให้กาลงั ใจและสนบั สนนุ ดแู ลให้ผ้ปู ่วยรับประทาน ยาทกุ มอื ้ โดยครบถ้วน รวมทงั ้ สงั เกตอาการไมพ่ งึ ประสงค์จากยา และบนั ทกึ การให้ DOT ในสมดุ บนั ทกึ ผ้ปู ่วย 2. เย่ียมบ้านผ้ปู ่วย 3. ให้ความรู้ท่ีถกู ต้องเก่ียวกบั วณั โรคและการปอ้ งกนั วณั โรค 4. ร่วมค้นหาวณั โรคในชมุ ชนกบั รพ.สต. 5. ประสานงานกบั เจ้าหน้าท่ี รพ.สต. กรณีที่พบปัญหาของผ้ปู ่วยจากการรักษาวณั โรค เช่น ขาดยา ตดิ ตามผ้ปู ่วย HOMEPPT模板网-WWW.homePPT.COM 26
นิยามศัพท์เฉพาะ แรงจงู ใจในการป้องกันโรค หมายถึง การกระต้นุ ให้เกิดความกลวั โดยเน้นเกี่ยวกบั การประเมนิ การรับรู้ด้านข้อมลู ขา่ วสารท่ีเป็นความรู้ หรือ ประสบการณ์ทางสขุ ภาพ และ การให้ความสาคญั กบั สงิ่ ท่ีมาคกุ คาม แรงสนับสนุนทางด้านสังคม หมายถงึ สง่ิ ท่ีผ้รู ับได้รับแรงสนบั สนนุ ทางสงั คมในด้านความชว่ ยเหลือทางด้านข้อมลู ขา่ วสาร วตั ถสุ ง่ิ ของ หรือ การสนบั สนนุ ทางด้านจิตใจจากผ้ใู ห้การสนบั สนนุ ซง่ึ อาจเป็นบคุ คลหรือกลมุ่ คน และเป็นผลให้ผ้รู ับได้ปฏิบตั ิหรือแสดงออกทางพฤติกรรมไปในทาง ที่ผ้รู ับสว่ นหนึ่งของผ้อู ่ืนด้วยต้องการ HOMEPPT模板网-WWW.homePPT.COM 27
สมมตฐิ านของการวิจัย 1. ปัจจัยด้านแรงจูงใจในการป้องกนั โรค ได้แก่ การรับรู้ว่าตนเองเสย่ี งตอ่ การเป็นวณั โรค การรับรู้อนั ตราย หรือความรุนแรงของวณั โรค การรับรู้ในความสามารถของตนเองที่จะปฏิบตั ิเพือ่ ปอ้ งกนั วณั โรค มีผลตอ่ การปฏิบตั ิ ตามแนวทางการควบคมุ วณั โรค ของอาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหมบู่ ้าน จงั หวดั พิษณโุ ลก 2.ปัจจัยด้านแรงสนับสนุนทางสังคม ได้แก่ การรับรู้ข้อมลู ข่าวสารในการปอ้ งกนั และควบคมุ วณั โรค มีผลตอ่ การปฏิบตั ติ ามแนวทางการควบคมุ วณั โรค ของอาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหม่บู ้าน จงั หวดั พิษณโุ ลก 3.ปัจจัยส่วนบคุ คล ได้แก่ เพศ อายุ สถานภาพสมรส ระดบั การศกึ ษา อาชีพ รายได้ จานวนสมาชิกท่ีอาศยั ใน ครัวเรือน ภาวะสขุ ภาพ ระยะเวลาการเป็น อสม. ระดบั ความรู้ในการปอ้ งกนั และควบคมุ วณั โรค มีผลตอ่ การปฏิบตั ติ ามแนวทางการควบคมุ วณั โรค ของอาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหมบู่ ้าน จงั หวดั พิษณโุ ลก HOMEPPT模板网-WWW.homePPT.COM 28
ทฤษนฎิยาีทม่ใี ศช้ัพในทก์เาฉรพศาึกะษา ทฤษฎีแรงจงู ใจเพอื่ ปอ้ งกนั โรค (Protection Motivation Theory) 1. การรับรู้อนั ตรายหรือความรุนแรงของโรค 2. การรับรู้วา่ ตนเองเส่ียงตอ่ การเป็นโรค 3. ความคาดหวงั ในความสามารถของตนเองท่ีจะปฏิบตั ิเพ่ือควบคมุ โรค 4. ความคาดหวงั ในผลของการปฏิบตั ิ ทฤษฎีแรงสนบั สนนุ ทางสงั คม (Social Support Theory) 1. การให้ข้อมลู ขา่ วสาร 2. การสนบั สนนุ ด้านอารมณ์ 3. การให้ความชว่ ยเหลอื ด้านส่ิงของหรือบริการ 4. การสะท้อนคิดหรือสนบั สนนุ ให้ประเมินตนเอง HOMEPPT模板网-WWW.homePPT.COM 29
ขอบเขตของการศึกษา ขอบเขตด้านประชากร ประชากรที่ใช้ในการวจิ ยั คือ อาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหมบู่ ้าน ท่ีอาศยั อยู่ในเขตจงั หวดั พิษณโุ ลก จาก 9 อาเภอ จานวน 17,487 คน ขอบเขตด้านเนือ้ หา ประยกุ ต์ใช้ทฤษฎีแรงจงู ใจเพอื่ ปอ้ งกนั โรค (Protection Motivation Theory)และ ทฤษฎีแรงสนบั สนนุ ทางสงั คม (Social Support Theory) ประกอบด้วย ตวั แปรต้น ปัจจยั ด้านแรงจงู ใจในการปอ้ งกนั โรค ปัจจยั ด้านแรงสนบั สนนุ ทางสงั คม ปัจจยั สว่ นบคุ คล ตวั แปรตาม การปฏบิ ตั ติ ามแนวทางการควบคมุ วณั โรค ขอบเขตด้านระยะเวลา ทาการวจิ ยั และเก็บข้อมลู ระหวา่ งเดือน กรกฎาคม ถงึ กนั ยายน 2562 30 HOMEPPT模板网-WWW.homePPT.COM
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง กลมุ่ ตวั อย่าง คือ อาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหมบู่ ้าน (อสม.) จงั หวดั พิษณโุ ลก ใช้การคานวณขนาดกลมุ่ ตวั อย่างโดยการคานวณคา่ สดั สว่ น (Test for Proportion) ของเครซแ่ี ละมอร์แกน(Krejcie and Morgan, 1970 อ้างใน ธีรวฒุ ิเอกะกลุ , 2543) ที่ระดบั ความเชื่อมน่ั 95% มีสตู รดงั นี ้ 31
จากการคานวณขนาดกลมุ่ ตวั อยา่ งมีจานวนกลมุ่ ตวั อย่าง 376 คน แตเ่ พื่อปอ้ งกนั การสญู หายของข้อมลู (Missing) และ กลมุ่ ตวั อยา่ งถอนตวั ออกจากการวิจยั จงึ เพิ่มจานวนกลมุ่ ตวั อยา่ งอีก 10 % จงึ ได้กลมุ่ ตวั อย่าง ทงั้ สิน้ 414 คน โดยใช้ วธิ ีการสมุ่ ตวั อยา่ งแบบง่าย (Simple Random Sampling) โดยการเลอื กทกุ อาเภอและคานวณหาขนาด กลมุ่ ตวั อยา่ ง ในแตล่ ะชนั้ ตามสดั ส่วนซง่ึ ผ้วู ิจยั ได้กาหนดเกณฑ์ดงั นี ้ n = N1 x ขนาดของกลมุ่ ตวั อยา่ งรวม N เมื่อ n = ขนาดของกลมุ่ ตวั อยา่ งแตล่ ะชนั้ N1 = สมาชิกของประชากรแตล่ ะชนั้ N = จานวนสมาชิกของประชากรทงั้ หมด 32
อาเภอ N1 N n 1.เมืองพษิ ณุโลก 4,319 414 102 2.อาเภอนครไทย 2,240 414 53 3.อาเภอชาตติ ระการ 414 23 4.อาเภอบางระกา 987 414 56 5.อาเภอบางกระทุ่ม 2,358 414 23 6.อาเภอพรหมพริ าม 414 52 7.อาเภอวัดโบสถ์ 965 414 27 8.อาเภอวังทอง 2,174 414 50 9.อาเภอเนิมะปราง 1,128 414 28 รวมตวั อย่างทงั้ สนิ้ 2,116 1,200 33 414 คน
คุณสมบัตขิ องกลุ่มตวั อย่าง 1. เป็น อาสาสมคั รสาธารณสุขประจาหมบู่ ้าน ในจังหวดั พษิ ณโุ ลก 2. ขณะทาการวิจยั ยงั เปน็ อสม.อยู่ 3. มีความสามารถในการสอื่ สารภาษาไทยไดเ้ ปน็ อย่างดี 4. มสี ติสมั ปชัญญะสมบูรณ์ 5. ยินดใี หค้ วามร่วมมอื ในการวจิ ยั 34
เคร่ืองมือท่ใี ช้ในงานวิจัย ใช้แบบสอบถามปัจจยั ที่มีผลตอ่ การปฎบิ ตั งิ านตามแนวทางการควบคมุ วณั โรค ของ อาสาสมคั ร สาธารณสขุ ประจาหมบู่ ้าน จงั หวดั พษิ ณโุ ลก แบบสอบถามแบง่ ออกเป็น 5 สว่ น ส่วนท่ี 1 เป็ นแบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล ลกั ษณะแบบสอบถามเป็นแบบ ตรวจสอบรายการ (Check-List) และคาถามปลายเปิด ส่วนท่ี 2 เป็ นแบบสอบถามความรู้การป้องกันและควบคุมวัณโรค ลกั ษณะเป็น แบบสอบถามแบบตรวจสอบรายการ (Check list) โดยสร้างคาถามทงั้ ทางด้านบวกและด้าน ลบ ข้อคาถามกาหนดให้ผ้ตู อบแบบสอบถามเลือกคาตอบได้ 2 ตวั เลือก คือ ถกู ผิด 35
เคร่ืองมือท่ใี ช้ในงานวิจัย ส่วนท่ี 3 แบบสอบถามแรงสนับสนุนทางสังคม 3.1 แบบสอบถามแรงสนบั สนนุ ทางสงั คมด้านอารมณ์ ลกั ษณะแบบสอบถามเป็นแบบมาตราสว่ นประมาณคา่ (Ratting scale) ของ (Likert’sscale)โดยสร้างคาถามทงั้ ทางด้านบวกและด้านลบ ข้อคาถามกาหนดให้ผ้ตู อบ แบบสอบถามเลือกคาตอบได้ 3 ตวั เลอื ก คือ ปฏิบตั เิ ป็นประจา ปฏิบตั บิ อ่ ยครัง้ และปฏิบตั ินานๆ ครัง้ 36
เคร่ืองมือท่ใี ช้ในงานวจิ ัย 3.2 แบบสอบถามแรงสนบั สนนุ ทางสงั คมด้านการประเมนิ ผล ลกั ษณะแบบสอบถามเป็นแบบมาตราสว่ นประมาณคา่ (Ratting scale) ของ (Likert’sscale)โดยสร้างคาถามทงั้ ทางด้านบวกและด้านลบ ข้อคาถามกาหนดให้ผ้ตู อบ แบบสอบถามเลือกคาตอบได้ 3 ตวั เลือก คือ ปฏบิ ตั เิ ป็นประจา ปฏบิ ตั บิ อ่ ยครัง้ และปฏิบตั ิ นานๆครัง้ 37
เคร่ืองมือท่ใี ช้ในงานวิจัย 3.3 แบบสอบถามแรงสนบั สนนุ ทางสงั คมด้านข้อมลู ข่าวสาร ลกั ษณะแบบสอบถามเป็นแบบมาตราสว่ นประมาณคา่ (Ratting scale) ของ (Likert’sscale)โดยสร้างคาถามทงั้ ทางด้านบวกและด้านลบ ข้อคาถามกาหนดให้ผ้ตู อบ แบบสอบถามเลอื กคาตอบได้ 3 ตวั เลือก คือ ปฏบิ ตั เิ ป็นประจา ปฏบิ ตั บิ อ่ ยครัง้ และปฏบิ ตั ิ นานๆครัง้ 38
เคร่ืองมือท่ใี ช้ในงานวิจัย ส่วนท่ี 4 แบบสอบถามแรงจูงใจในการป้องกันโรค 4.1 แบบสอบถามแรงจงู ใจในการปอ้ งกนั โรคด้านความรุนแรงของโรควณั โรค ลกั ษณะแบบสอบถามเป็นแบบมาตราสว่ นประมาณคา่ (Ratting scale) ของ (Likert’s scale)โดยสร้างคาถามทงั้ ทางด้านบวกและด้านลบ ข้อคาถามกาหนดให้ผ้ตู อบแบบสอบถาม เลือกคาตอบได้ 3 ตวั เลอื ก คือ ปฏิบตั เิ ป็นประจา ปฏิบตั บิ อ่ ยครัง้ และปฏิบตั นิ านๆครัง้ 39
เคร่ืองมือท่ใี ช้ในงานวิจัย 4.2 แบบสอบถามแรงจงู ใจในการปอ้ งกนั โรคด้านการรับรู้โอกาสเสี่ยง ของการเป็นโรควณั โรค ลกั ษณะแบบสอบถามเป็นแบบมาตราสว่ นประมาณคา่ (Ratting scal) ของ (Likert’s scale)โดยสร้างคาถามทงั้ ทางด้านบวกและด้านลบ ข้อคาถามกาหนดให้ผ้ตู อบแบบสอบถาม เลือกคาตอบได้ 3 ตวั เลอื ก คือ ปฏบิ ตั ิเป็นประจา ปฏบิ ตั ิบอ่ ยครัง้ และปฏิบตั นิ านๆครัง้ 40
เคร่ืองมือท่ใี ช้ในงานวิจัย 4.3 แบบสอบถามแรงจงู ใจในการปอ้ งกนั โรคด้านความคาดหวงั ในประสทิ ธิผลของการ ตอบสนองตนเอง ลกั ษณะแบบสอบถามเป็นแบบมาตราสว่ นประมาณค่า (Ratting scal) ของ (Likert’s scale)โดยสร้างคาถามทงั้ ทางด้านบวกและด้านลบ ข้อคาถามกาหนดให้ผ้ตู อบแบบสอบถาม เลือกคาตอบได้ 3 ตวั เลอื ก คือ ปฏิบตั ิเป็นประจา ปฏิบตั ิบอ่ ยครัง้ และปฏิบตั นิ านๆครัง้ 41
เคร่ืองมือท่ใี ช้ในงานวิจัย 4.4 แบบสอบถามแรงจงู ใจในการปอ้ งกนั โรคด้านความคาดหวงั ในประสทิ ธิผลตน ลกั ษณะแบบสอบถามเป็นแบบมาตราสว่ นประมาณคา่ (Ratting scal) ของ (Likert’sscale)โดยสร้างคาถามทงั้ ทางด้านบวกและด้านลบ ข้อคาถามกาหนดให้ผ้ตู อบบบสอบ ถามเลอื กคาตอบได้ 3 ตวั เลอื ก คือ ปฏบิ ตั ิเป็นประจา ปฏิบตั ิบอ่ ยครัง้ และปฏิบตั ินานๆครัง้ 42
เคร่ืองมือท่ใี ช้ในงานวิจัย ส่วนท่ี 5 แบบสอบถามการปฎบิ ตั ติ ามแนวทางการควบคุมวัณโรค ลกั ษณะแบบสอบถามเป็นแบบมาตราสว่ นประมาณคา่ (Ratting scal) ของ (Likert’s scale)โดยสร้างคาถามทงั้ ทางด้านบวกและด้านลบ ข้อคาถามกาหนดให้ผ้ตู อบแบบสอบถาม เลือกคาตอบได้ 3 ตวั เลือก กาหนดให้ผ้ตู อบแบบสอบถามเลือกคาตอบได้ 3 ตวั เลือก คือ ปฏบิ ตั ิ เป็นประจา ปฏิบตั ิบอ่ ยครัง้ และปฏิบตั นิ านๆครัง้ 43
การตรวจสอบความถูกต้องของเคร่ืองมือ 1.นาแบบสอบถาม ปัจจยั ที่มีผลตอ่ การปฎบิ ตั งิ านตามแนวทางการควบคมุ วณั โรค ของอาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหมบู่ ้าน จงั หวดั พิษณโุ ลก ให้ผ้ทู รงคณุ วุฒทิ ่ีมีความ เชี่ยวชาญในด้านการศกึ ษาและการวิจยั เก่ียวกบั วณั โรคและอาสาสมคั รสาธารณสขุ จานวน 3 ทา่ น ประกอบด้วย 1. อาจารย์ท่ีมีประสบการณ์ด้านการวิจยั จานวน 1 ทา่ น 2. พยาบาลผ้ทู รงคณุ วฒุ จิ านวน 1 ทา่ น 3. นกั สาธารณสขุ ในพืน้ ที่ ท่ีปฏิบตั ิงานเกี่ยวกบั งานควบคมุ ปอ้ งกนั โรค จานวน 1 ทา่ น 44
การตรวจสอบความถูกต้องของเคร่ืองมือ 2.การหาความเช่ือมนั่ ของเคร่ืองมือ (Reliability) ผ้ศู กึ ษานาแบบสอบถามปัจจยั ท่ีมีผลตอ่ การรับรู้ ในการปฎิบตั ิงานตามแนวทางการควบคมุ วณั โรค ประเทศไทย พ.ศ. 2561 ของ อาสาสมคั ร สาธารณสขุ ประจาหมบู่ ้าน ท่ีผา่ นการปรับปรุงแก้ไขแล้วแล้วไปทดสอบ (Try out) กบั อาสาสมคั ร สาธารณสขุ ประจาหมบู่ ้าน อสม.ตาบลท้อแท้และตาบลบ้านยาง อาเภอวดั โบสถ์ จงั หวดั พษิ ณโุ ลก เพ่ือทดสอบความเช่ือมนั่ (Reliability) จานวน 30 คน 45
การเกบ็ รวบรวมข้อมูล การวิจยั ครัง้ นีผ้ ้วู จิ ยั ดาเนินการเก็บรวบรวมข้อมลู โดยดาเนินการตามขนั้ ตอนดงั นี ้ 1. ขนั้ ตอนตรวจสอบคณุ ภาพของเครื่องมือและการเตรียมการก่อนเก็บรวบรวมข้อมลู 2. ขนั้ ดาเนินการเก็บรวบรวมข้อมลู 3. การวเิ คราะห์ข้อมลู 46
การวเิ คราะห์ข้อมูล (Statistic and Data Analysis) 1.วิเคราะห์ข้อมลู ทวั่ ไปโดยใช้สถิติเป็นคา่ ความถี่ ร้อยละ คา่ เฉลี่ย และสว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน 2.วิเคราะห์หาความสมั พนั ธ์ระหวา่ งปัจจยั สว่ นบคุ คล (X) กบั การปฎิบตั ิตามแนวทางการควบคมุ วณั โรค (Y) โดยใช้วธิ ีการสมั ประสทิ ธิ์สหสมั พนั ธ์แบบเพียร์สนั (Pearson product-moment correlation coefficient) 3.วเิ คราะห์หาความสมั พนั ธ์ระหวา่ งแรงสนบั สนนุ ทางสงั คม (X) กบั การปฎิบตั ติ ามแนวทางการ ควบคมุ วณั โรค (Y) โดยใช้วิธีการสมั ประสทิ ธิ์สหสมั พนั ธ์แบบเพียร์สนั (Pearson product- moment correlation coefficient) 47
การวเิ คราะห์ข้อมูล (Statistic and Data Analysis) 4.วเิ คราะห์หาความสมั พนั ธ์ระหวา่ งความรู้ (X) กบั การปฎิบตั ติ ามแนวทางการควบคมุ วณั โรค (Y) โดยใช้วธิ ีการสมั ประสทิ ธ์ิสหสมั พนั ธ์แบบเพียร์สนั (Pearson product-moment correlation coefficient) 5.วิเคราะห์หาความสมั พนั ธ์ระหวา่ งทฤษฎีแรงจงู ในในการปอ้ งกนั โรค (X) กบั การปฎบิ ตั ติ ามแนว ทางการควบคมุ วณั โรค (Y) โดยใช้วธิ ีการสมั ประสทิ ธ์ิสหสมั พนั ธ์แบบเพียร์สนั (Pearson product-moment correlation coefficient) 48
การพทิ ักษ์สทิ ธ์ิ (Research Ethical) ในการวจิ ยั ครัง้ นีจ้ ะเร่ิมดาเนินการวจิ ยั กต็ อ่ เม่ือ 1.เรื่องที่จะวจิ ยั ได้รับอนมุ ตั จิ ากคณะกรรมการจริยธรรมของมหาวิทยาลยั นเรศวร 2.ในการวจิ ยั ครัง้ นีก้ ลมุ่ ตวั อยา่ งสามารถออกจากการวจิ ยั ได้ทกุ เมื่อ ทุกกรณีจะไมม่ ีการ บงั คบั และจะดาเนินการเก็บตวั อยา่ ง ตอ่ เมื่อได้รับการเซน็ ต์ยนิ ยอมจากผ้ใู ห้ข้อมลู เทา่ นนั้ 3.กลมุ่ ตวั อยา่ งจะได้รับการปกปิด ชื่อ - ช่ือสกลุ ท่ีอยู่ โดยจะไมม่ ีใครสามารถสืบหากลมุ่ ตวั อยา่ งได้ รายละเอียดของกลมุ่ ตวั อยา่ งจะถกู แปลงเป็นรหสั และข้อมลู ที่ได้จากกลมุ่ ตวั อยา่ ง ซงึ่ จะวเิ คราะห์ในภาพรวมเทา่ นนั้ 49
งานวจิ ยั ท่เี ก่ียวข้อง 1.ปัจจัยทม่ี คี วามสัมพนั ธ์กบั การปฎบิ ตั ิงานป้องกนั และควบคุมวัณโรคของอาสาสมคั รประจาหมู่บ้าน ในตาบลท่าทองใหม่ อาเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวดั สุราษฎร์ธานี (ณฐั วฒุ ิ ช่วยหอม,2561) 2. ปัจจัยทม่ี ีความสัมพนั ธ์กบั การขาดยาและการรักษาล้มเหลวในผ้ปู ่ วยวัณโรคดือ้ ยา ในพืน้ ทส่ี านักงานป้องกนั ควบคุมโรคที่ 7 จังหวดั อบุ ลราชธานี (อรทยั ศรีทองธรรมและคณะ,2557) 3. ปัจจัยทมี่ ีผลต่อการปฏบิ ัตงิ านป้องกนั และควบคุมโรควณั โรคของอาสาสมคั รสาธารณสุขต่างด้าว ในจังหวดั สมุทรสาคร (นางวชิ ุดา เสพสมุทร,2553) 4. การพฒั นารูปแบบการดูแลผ้ปู ่ วยวณั โรคปอดด้วยการมีส่วนร่วมของ อาสาสมัครสาธารณสุขประจาทณั ฑสถาน (บุญยงั ฉายาทบั ,2557) 5. ปัจจัยทมี่ ีความสัมพนั ธ์กบั พฤติกรรมการดูแลตนเองของผูู้ ป่ วยวณั โรคปอดโดยการรักษาวณั โรคด้วยระบบยาระยะส้ันแบบมีพเ่ี ลยี้ งในจังหวดั ชัยภูมิ (อทุ มุ พร ภักดีศิริวงษ์ และคณะ,2555) 6. ปัจจัยทม่ี ีความสัมพนั ธ์กบั พฤตกิ รรมการป้องกนั การติดเชื้อวณั โรค ในบุคลากรผ้ส่งมอบยาวณั โรค (นางสาวนวลนิตย์ แก้วนวล,2556) 7. ความสัมพนั ธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคล ความรู้กบั พฤตกิ รรมการป้องกนั วณั โรคปอดของประชาชน ตาบลสวนกล้วย อาเภอบ้านโป่ ง จังหวดั ราชบุรี (นงนุช เสือพมู ,ี 2556) 8. การพฒั นาศักยภาพในการป้องกนั และควบคุมวณั โรค โดยกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน : ชุมชนเทศบาล ตาบลสุวรรณภูมิ อาเภอสุวรรณภูมิ จังหวดั ร้อยเอด็ (พสิ ิษฐ์กร โพธ์ิศรี,2556) 9. ผลของการเสริมแรงในการป้องกันการตดิ เชื้อวณั โรคปอดต่อความรู้ และการปฏิบตั ิของประชาชนในพืน้ ทรี่ อบศูนย์อพยพ (วจิ ิตรา แดงเถิน,2554) 10. ผลการใช้โปรแกรมการกากบั ตนเองร่วมกบั แรงสนับสนุนทางสังคมต่อเจตคติเกยี่ วกบั การรักษาพฤตกิ รรมการดูแลตนเอง และผลสาเร็จในการรักษาของผู้ป่ วยวณั โรคปอด (สุภาพ ภาสุรกลุ ,2554) 11. ผลของกระบวนการกลุ่มและการให้ความรู้ต่อความต้ังใจและการปฏบิ ัติ เพ่ือป้องกนั การแพร่กระจายเชื้อของผู้ป่ วยวณั โรคปอด (นงนุช เคย่ี มการ,2553) 12. Factors Associated with Tuberculosis Treatment Default Amongst Migrant and Mobile Populations in Myanmar (Yumjirmaa Mandakh, 2017) 13. Factors Affecting Medication Adherence among Vietnamese Immigrants (Fayette Khue Nguyen ,2016) HOMEPPT模板网-WWW.homePPT.COM 50
Search