Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เฉลยรวมกิจกรรม

เฉลยรวมกิจกรรม

Published by yai moomai, 2021-09-13 09:08:00

Description: เฉลยรวมกิจกรรม

Search

Read the Text Version

เฉลยใบกิจกรรมวิชาวทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 ใบกิจกรรมที่ 12 เรื่อง การวัดแรง ช่ือ - สกุล ______________________________________ ชั้น___________เลขที่______ ทกั ษะสร้างเสริมความเขา้ ใจท่ีคงทน 1. กำรสงั เกต 2. กำรจัดกระทำและสือ่ ควำมหมำยขอ้ มูล 3. กำรตีควำมหมำยขอ้ มูลและกำรลงข้อสรปุ อุปกรณ์ 1 เคร่อื ง 1. เครื่องชงั่ สปริงแบบแขวน 1 ถุง 2. ถุงทรำย 1 ชน้ิ 3. วตั ถอุ ่ืน 3 ชนดิ ชนิดละ ปัญหา เคร่อื งชง่ั สปริงแบบแขวนสำมำรถวดั ขนำดของแรงโน้มถว่ งท่ีกระทำตอ่ วตั ถไุ ด้หรอื ไม่ ข้นั ตอน 1. แขวนเครอ่ื งชงั่ สปรงิ แบบแขวนในแนวดิ่ง สงั เกตตำแหนง่ เขม็ ช้ี บนเครอื่ งชั่งสปริงแบบแขวน 2. ออกแรงดงึ ขอเกีย่ วของเครื่องช่งั สปรงิ แบบแขวนลง สังเกตและบันทกึ คำ่ ของแรง 3. แขวนถุงทรำย 1 ถงุ กบั ขอเกี่ยวของเคร่อื งชัง่ สปริงแบบแขวน สังเกตและบนั ทึกค่ำของแรงเม่ือถงุ ทรำยอยู่น่งิ 4. นำวตั ถุอ่นื ๆ มำเกย่ี วกบั ขอเก่ียวของเครอื่ งช่งั สปริงแบบแขวน สังเกตและบนั ทกึ ค่ำของแรงท่อี ำ่ นได้

บันทึกผล ออกแรงดึงเครือ่ งชง่ั สปรงิ แบบแขวน ค่ำของแรงท่อี ่ำนได้ แนวคำตอบ 3 นิวตนั วัตถุ ค่ำของแรงท่อี ่ำนได้ (นวิ ตนั ) ถุงทรำย 5 แก้วเซรำมิก 2 แปรงลบกระดำน 0.5 กลอ่ งดินสอ 1.5 สรปุ เครื่องชั่งสปรงิ แบบแขวนสำมำรถวดั ขนำดของแรงโน้มถ่วงทก่ี ระทำต่อวัตถุได้ โดยขนำดของแรงโนม้ ถว่ งท่ี กระทำต่อวตั ถุมีหน่วยเปน็ นิวตัน คาถามประกอบกิจกรรม 1. ในกิจกรรมนเ้ี คร่ืองชั่งสปริงแบบแขวนมหี น้ำท่อี ะไร และมวี ิธีอ่ำนคำ่ อยำ่ งไร เครอื่ งชง่ั สปรงิ แบบแขวนมีหน้ำท่ีวดั นำ้ หนักของวัตถุ โดยกำรอำ่ นค่ำให้อำ่ นเม่ือขีดแสดงค่ำของเครื่องชั่งสปรงิ แบบแขวนอยู่น่ิง และให้อ่ำนขีดแสดงค่ำนนั้ ทร่ี ะดบั สำยตำ 2. เม่ือแขวนวัตถแุ ต่ละชนดิ เคร่ืองชง่ั สปริงแบบแขวนเปลยี่ นแปลงลกั ษณะใด สปรงิ ของเครื่องช่งั สปรงิ แบบแขวนจะยดื ออกทิศทำงเดยี วกับแรงโน้มถว่ งของโลกและแสดงค่ำท่เี คร่ืองวัดได้ 3. คำ่ ทอี่ ่ำนได้จำกเคร่อื งชั่งสปรงิ แบบแขวนคือคำ่ ของอะไร คำ่ ของแรงดงึ ดดู ของโลกทก่ี ระทำต่อวตั ถุ 4. เคร่ืองช่ังสปริงวัดขนำดของแรงโน้มถ่วงของโลกที่กระทำต่อวัตถุได้หรือไม่ สังเกตจำกอะไร เครอื่ งชง่ั สปริงแบบแขวนวัดขนำดของแรงโน้มถว่ งของโลกได้ โดยสังเกตจำกกำรท่ีสปริงของเครือ่ งชั่งสปรงิ แบบ แขวนยืดออกเม่ือนำวัตถุไปแขวนเพอื่ แสดงคำ่ ท่วี ดั ได้

เฉลยใบกจิ กรรมวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 ใบกจิ กรรมที่ 13 เรอ่ื ง น้าหนักและมวล ช่ือ - สกุล ______________________________________ ชนั้ ___________เลขท่ี______ ทักษะสรา้ งเสรมิ ความเขา้ ใจทีค่ งทน 1. กำรสงั เกต 2. กำรจัดกระทำและสอ่ื ควำมหมำยขอ้ มูล 3. กำรตีควำมหมำยขอ้ มูลและกำรลงขอ้ สรุป อปุ กรณ์ 1 เคร่ือง 1. เครื่องชั่งสปรงิ แบบแขวน 3 ถุง 2. ถุงทรำย ปัญหา น้ำหนักและมวลมีควำมสัมพนั ธ์กนั หรอื ไม่ ขน้ั ตอน 1. แขวนเครอ่ื งช่ังสปริงแบบแขวนในแนวดง่ิ สังเกตตำแหนง่ เข็มชีบ้ นเครอ่ื งชัง่ สปริงแบบแขวน 2. แขวนถงุ ทรำย 1 ถุงกับขอเกย่ี วของเครอื่ งชัง่ สปริงแบบแขวน สังเกตและบันทกึ ค่ำของแรงที่อ่ำนไดเ้ มอ่ื ถงุ ทรำยอยนู่ ง่ิ 3. เพิม่ จำนวนถุงทรำยทม่ี มี วลเท่ำกัน อีกครงั้ ละ 1 ถงุ จนครบ 3 ถงุ สงั เกตและบนั ทกึ ผล บนั ทกึ ผล จำนวนถงุ ทรำย (ถงุ ) คำ่ ของแรงทอ่ี ่ำนได้ (นิวตนั ) 1 5 2 10 3 15 สรุป นำ้ หนักและมวลของถุงทรำยมคี วำมสัมพันธก์ ัน เมือ่ มวลของถุงทรำยมีค่ำเพิ่มข้นึ น้ำหนกั ของถงุ ทรำยจะมีค่ำ เพม่ิ ข้ึน

คาถามประกอบกจิ กรรม 1. กำรเพ่ิมจำนวนถุงทรำยเป็นกำรเพิม่ มวลหรอื ไม่ สงั เกตจำกอะไร กำรเพม่ิ จำนวนถุงทรำยเป็นกำรเพิ่มมวล สงั เกตได้จำกเมอ่ื ถุงทรำยเพ่มิ จำนวนขึ้น ปรมิ ำณทรำยจะเพ่มิ ข้นึ (ปรมิ ำณเนอ้ื สำรเพ่ิมข้นึ ) 2. ค่ำทอ่ี ่ำนไดจ้ ำกเคร่อื งชั่งสปรงิ แบบแขวนสัมพันธก์ ับมวลของถงุ ทรำยลกั ษณะใด เมื่อมวลของถุงทรำยเพิ่มขึ้น เครือ่ งชงั่ สปริงแบบแขวนจะแสดงคำ่ นำ้ หนกั ท่วี ัดไดเ้ พมิ่ ขนึ้ 3. นำ้ หนักและมวลของวัตถุมีควำมสมั พันธก์ ันอยำ่ งไร เมอ่ื มวลของวัตถมุ ีค่ำเพิม่ ข้นึ น้ำหนักของวตั ถุจะเพมิ่ ขน้ึ

เฉลยใบกจิ กรรมวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 ใบกจิ กรรมที่ 14 เรื่อง มวลกับการเปล่ยี นแปลงการเคล่อื นท่ี ช่ือ - สกุล ______________________________________ ช้นั ___________เลขท่ี______ ทักษะสรา้ งเสรมิ ความเขา้ ใจทค่ี งทน 1. กำรสงั เกต 2. กำรจัดกระทำและส่อื ควำมหมำยข้อมูล 3. กำรตีควำมหมำยขอ้ มูลและกำรลงขอ้ สรุป อุปกรณ์ 1. แผน่ ไม้ที่มขี อเกี่ยวขนำด 4 × 6 นว้ิ 1 แผ่น 2. เครอ่ื งชง่ั สปรงิ แบบแขวน 1 เคร่ือง 3. ถงุ ทรำย 3 ถงุ ปญั หา มวลมีผลต่อกำรเปล่ยี นแปลงกำรเคล่ือนท่ีของวตั ถุลักษณะใด ขัน้ ตอน 1. วำงแผ่นไมบ้ นพืน้ เรียบแล้ววำงถุงทรำย 1 ถุงบนแผน่ ไม้ 2. ใชข้ อเกยี่ วของเคร่ืองชั่งสปรงิ แบบแขวนเกี่ยวแผ่นไมแ้ ลว้ ลำกในแนวรำบ อำ่ นคำ่ ขนำดของแรงที่ได้จำก เครื่องช่งั สปริงแบบแขวนเมอื่ แผ่นไมเ้ ร่มิ เคลือ่ นที่ บนั ทกึ ผล 3. ดำเนนิ กำรเชน่ เดมิ แต่เพ่ิมจำนวนถุงทรำยเป็น 2 ถุง และ 3 ถุง ตำมลำดบั

บนั ทกึ ผล จำนวนถุงทรำย (ถงุ ) คำ่ ของแรงทอี่ ำ่ นได้ (นวิ ตนั ) 1 5 2 10 3 15 สรปุ มวลมผี ลต่อกำรเปลย่ี นแปลงกำรเคลื่อนท่ี เมอื่ วตั ถมุ ีมวลเพ่มิ ข้นึ แรงทใ่ี ช้ทำใหว้ ัตถเุ คลอื่ นทกี่ ็เพม่ิ ขึ้นด้วย คาถามประกอบกิจกรรม 1. กำรเพ่ิมจำนวนถุงทรำยมีผลต่อแรงทีใ่ ช้ในกำรเคลอ่ื นท่ีหรอื ไม่ สังเกตจำกอะไร กำรเพม่ิ จำนวนถุงทรำยมีผลต่อแรงที่ใชใ้ นกำรเคล่ือนที่ สงั เกตได้จำกเมื่อถงุ ทรำยเพม่ิ จำนวนข้ึน เครื่องชงั่ สปริง แบบแขวนอำ่ นค่ำของแรงได้เพ่มิ ขึน้ 2. ก่อนท่ีถุงทรำยจะเคลือ่ นท่ี มีแรงตำ้ นกำรเคลอ่ื นทเี่ กิดข้ึนหรือไม่ สังเกตจำกอะไร มี สงั เกตไดจ้ ำกเคร่อื งชั่งสปรงิ แบบแขวนอ่ำนคำ่ ของแรงไดเ้ พม่ิ ขน้ึ จำกศูนย์จนกระทัง่ ถงึ ค่ำหนง่ึ แผ่นไม้จงึ เริม่ เคลอื่ นที่ 3. มวลมีผลตอ่ กำรเปล่ียนแปลงกำรเคล่ือนที่ของวตั ถลุ กั ษณะใด เมอ่ื มวลของวตั ถุมีคำ่ เพม่ิ ขึ้น จงึ ต้องใชแ้ รงเพิ่มข้ึนในกำรทำให้วตั ถุเปลยี่ นแปลงกำรเคล่อื นท่ีหรอื อำจกลำ่ วได้วำ่ วัตถทุ ม่ี มี วลมำกเคล่ือนที่ได้ยำกกวำ่ วัตถทุ ี่มมี วลน้อย

เฉลยใบกิจกรรมวิชาวทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 ใบกจิ กรรมท่ี 15 เรอ่ื ง มวลกับการเปลี่ยนแปลงการเคลอ่ื นท่ี ช่ือ - สกุล ______________________________________ ชน้ั ___________เลขท่ี______ ทักษะสร้างเสริมความเข้าใจที่คงทน 1. กำรสังเกต 2. กำรจัดกระทำและสอื่ ควำมหมำยข้อมูล 3. กำรตคี วำมหมำยขอ้ มลู และกำรลงขอ้ สรุป อุปกรณ์ 1. คลิปหนีบกระดำษ 1 อัน 2. ไฟฉำย 1 กระบอก 3. พลำสติกใส 1 แผ่น 4. พลำสตกิ ใสสี 1 แผน่ 5. กระดำษไข 1 แผ่น 6. กระดำษแขง็ สขี ำว 2 แผน่ 7. ไมอ้ ัดบำงๆ 1 แผน่ 8. กระจกฝ้ำ 1 แผน่ 9. แกว้ นำ้ ใส 1 ใบ ปัญหา แสงสำมำรถเคลอื่ นท่ีผ่ำนวัตถุไดท้ ุกชนิดหรือไม่ ขั้นตอน 1. ใช้คลปิ หนบี กระดำษทำเป็นขำตัง้ หนบี กระดำษแขง็ สีขำว 1 แผน่ นำมำตั้งข้นึ ดังรูป 2. ปดิ หอ้ งเรยี นเพอ่ื ใหห้ อ้ งมดื จำกน้นั ฉำยแสงจำกไฟฉำยไปยังกระดำษแข็งสขี ำว แลว้ บันทกึ ผลกำรสงั เกต

3. ฉำยแสงจำกไฟฉำยไปยังกระดำษแข็งสีขำว ขณะเดยี วกันกถ็ อื พลำสติกใสกั้นไว้ดำ้ นหน้ำไฟฉำย ดงั รปู บันทึก ผลกำรสงั เกต 4. ดำเนนิ กำรสงั เกตซำ้ ตำมข้ันตอนที่ 3 แตใ่ ชพ้ ลำสตกิ ใสสี กระดำษไข กระดำษแขง็ สีขำว ไมอ้ ัดบำงๆ กระจก ฝ้ำ และแก้วน้ำใสแทน บนั ทกึ ผล ชนิดของวตั ถุท่ีก้ันแสง ผลการสังเกต ไม่มวี ัตถุ เห็นแสงบนกระดำษแข็งสีขำวชดั เจน พลำสติกใส เห็นแสงบนกระดำษแข็งสีขำวชดั เจน เห็นแสงบนกระดำษแข็งสขี ำวไม่ชดั เจน พลำสตกิ ใสสี เหน็ แสงบนกระดำษแขง็ สขี ำวไมช่ ดั เจน กระดำษไข ไม่เห็นแสงบนกระดำษแขง็ สีขำว กระดำษแขง็ สขี ำว ไม่เห็นแสงบนกระดำษแขง็ สขี ำว ไม้อัดบำง ๆ เห็นแสงบนกระดำษแข็งสีขำวไมช่ ัดเจน กระจกฝำ้ เหน็ แสงบนกระดำษแข็งสีขำวชดั เจน แกว้ น้ำใส สรุป แสงสำมำรถเคลือ่ นท่ีผำ่ นวตั ถแุ ต่ละชนิดไดแ้ ตกตำ่ งกัน

คาถามประกอบกจิ กรรม 1. แสงเคลอื่ นท่ีผ่ำนวัตถไุ ดท้ ุกชนิดหรือไม่ สังเกตจำกอะไร แสงเคลอื่ นท่ีผ่ำนวตั ถไุ มไ่ ดท้ ุกชนดิ สงั เกตจำกควำมชดั เจนของแสงบนกระดำษแข็งสีขำวท่ใี ช้เปน็ ฉำกเมื่อมีวัตถุ แตกตำ่ งกันมำกนั้ กำรเคลื่อนท่ีของแสง 2. แสงเคลอ่ื นทีผ่ ำ่ นวตั ถไุ ด้ก่ลี กั ษณะ และมลี ักษณะใดบำ้ ง 3 ลกั ษณะ คอื 1) เคล่ือนท่ีผ่ำนวัตถุไดท้ ้ังหมด 2) เคล่ือนที่ผำ่ นวัตถุไดบ้ ำงส่วน และ 3) เคลอื่ นผ่ำนวตั ถุไม่ได้เลย 3. จำกกำรปฏิบตั ิกิจกรรมสำมำรถจำแนกวตั ถุไดห้ รือไม่ และใชอ้ ะไรเปน็ เกณฑ์ สำมำรถจำแนกวัตถุได้ โดยใชก้ ำรยอมให้แสงเคล่ือนที่ผ่ำนเป็นเกณฑ์ 4. จำกเกณฑ์ทใ่ี ช้จำแนกวัตถุ เรำจำแนกวตั ถเุ ปน็ กี่กลุ่ม และมวี ตั ถชุ นิดใดบ้ำง จำแนกวตั ถเุ ปน็ 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 วตั ถุทยี่ อมให้แสงเคล่ือนทีผ่ ่ำนได้ท้งั หมด ได้แก่ พลำสติกใสและแก้วน้ำใส กลุ่มที่ 2 วตั ถทุ ีย่ อมให้แสงเคลื่อนทผ่ี ่ำนไดบ้ ำงสว่ น ได้แก่ พลำสตกิ ใสสี กระดำษไข และกระจกฝ้ำ กลุม่ ที่ 3 วัตถุที่ไม่ยอมใหแ้ สงเคลอื่ นที่ผำ่ น ได้แก่ กระดำษแขง็ สขี ำวและไมอ้ ัดบำงๆ

เฉลยใบกิจกรรมวิชาวทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 ใบกิจกรรมท่ี 16 เรือ่ ง การเกิดเงา ช่ือ - สกุล ______________________________________ ช้นั ___________เลขที่______ ทกั ษะสรา้ งเสริมความเข้าใจทค่ี งทน 1. กำรสังเกต 2. กำรจัดกระทำและสื่อควำมหมำยข้อมูล 3. กำรตคี วำมหมำยข้อมูลและกำรลงขอ้ สรปุ อุปกรณ์ 1 กระบอก 1. ไฟฉำย 1 ชุด 2. ลูกปิงปองพรอ้ มฐำน 1 แผน่ 3. ฉำกขนำด 30 ซม. × 30 ซม. 1 อัน 4. ไมบ้ รรทัด ปัญหา ลกั ษณะของเงำข้นึ อยกู่ บั อะไร ข้ันตอน 1. วำงไฟฉำยหำ่ งจำกฉำกประมำณ 20 เซนติเมตร วำงลกู ปิงปองพร้อมฐำนห่ำงจำกฉำกประมำณ 10 เซนตเิ มตร ดังรูป เปดิ ไฟฉำยให้ส่องไปทีล่ กู ปิงปอง สงั เกตกำรเปลี่ยนแปลงทเ่ี กิดขน้ึ บนฉำก การจัดวางไฟฉายและลูกปงิ ปอง 2. เลอ่ื นลกู ปงิ ปองเข้ำและออกจำกฉำก สังเกตกำรเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดข้ึนบนฉำก 3. เลอื่ นฉำกเข้ำและออกจำกลูกปิงปอง สังเกตกำรเปล่ียนแปลงทเ่ี กิดขึน้ บนฉำก 4. วำดเงำทีป่ รำกฏบนฉำกและบนั ทึกลกั ษณะของเงำในตำรำง

บันทกึ ผล รูปวาดของเงา การเปล่ียนแปลงทเ่ี กิดขึ้นบนฉาก ส่งิ ทสี่ ังเกต เกดิ เงำมดื และเงำมัวขึน้ เปิดไฟฉำยให้ส่องไปที่ลูกปงิ ปอง โดยทีไ่ ม่ต้องเล่อื นสิง่ ใด เลอื่ นลูกปิงปองเขำ้ ไปหำฉำก เงำมืดมีขนำดใหญข่ ึ้น เลื่อนลูกปงิ ปองเข้ำไปหำไฟฉำย เงำมืดมขี นำดเลก็ ลงเรอ่ื ย ๆ เล่อื นฉำกเข้ำไปหำลูกปิงปอง เงำมืดมขี นำดใหญ่ขึ้นเรอื่ ย ๆ เลือ่ นฉำกออกจำกลูกปิงปอง เงำมืดมีขนำดเลก็ ลงเร่ือย ๆ สรุป เมื่อแสงส่องผ่ำนวตั ถทุ ึบแสงจะเกิดเงำข้ึน ขนำดของเงำมดื ขน้ึ อยู่กับระยะหำ่ งระหว่ำงแหลง่ กำเนิดแสงกบั วตั ถุ ที่กั้นแสงและฉำก

คาถามประกอบกิจกรรม 1. นกั เรยี นสำมำรถใช้ส่ิงใดแทนลกู ปิงปองได้บ้ำง เพรำะอะไร แนวคำตอบ ลูกเทนนสิ หรอื ลกู บอลขนำดเล็ก เพรำะเปน็ วตั ถุทึบแสงเหมือนลูกปงิ ปอง 2. เงำเกิดขน้ึ เมอ่ื ใด เงำเกิดข้ึนเมอื่ มวี ัตถทุ ึบแสงมำบงั แสงจำกแหล่งกำเนดิ แสงก่อนทจี่ ะไปตกกระทบฉำก 3. ขนำดของเงำที่ปรำกฏบนฉำกขนึ้ อย่กู ับสง่ิ ใด ขนำดของเงำข้ึนอยกู่ บั ระยะห่ำงระหว่ำงแหลง่ กำเนิดแสงกับวัตถทุ ก่ี ้ันแสงและฉำก 4. เงำทป่ี รำกฏบนฉำกในแต่ละครง้ั เหมือนหรือแตกตำ่ งกนั เพรำะอะไร แตกตำ่ งกัน เพรำะระยะหำ่ งระหว่ำงแหลง่ กำเนดิ แสง วตั ถุทึบแสง และฉำกแตกต่ำงกนั

เฉลยใบกจิ กรรมวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 4 ใบกจิ กรรมท่ี 17 เร่อื ง สมบตั ิดา้ นสภาพยดื หยุ่นของวัสดุ ชื่อ - สกุล ______________________________________ ชัน้ ___________เลขที่______ ทกั ษะสร้างเสรมิ ความเข้าใจทค่ี งทน 1. กำรสงั เกต 2. กำรลงควำมคดิ เห็นขอ้ มลู 3. กำรจัดกระทำและส่อื ควำมหมำยขอ้ มูล อุปกรณ์ 1. ยำงรัด แถบยำงยดื เชอื กฟำง ลวดสปริง อย่ำงละ 1 เสน้ กรมั 2. ตุ้มเหล็กมวล 500 อัน อัน 3. ไม้ยำว 1 ตัว อัน 4. ขอเกย่ี ว 1 5. โต๊ะ 2 6. ไมบ้ รรทัด 1 ปญั หา วสั ดุแต่ละชนิดมีสภำพยืดหยุ่นแตกต่ำงกันหรือไม่ ขนั้ ตอน 1. แบ่งกล่มุ นักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน 2. สมำชิกกลุ่มหำวสั ดตุ ัวอยำ่ ง ไดแ้ ก่ ยำงรัด แถบยำงยดื เชือกฟำง และลวดสปริงนำมำทดสอบ 3. พำดไมย้ ำวระหว่ำงโต๊ะ แขวนขอเก่ยี วที่ทอ่ นไม้ 4. แขวนยำงรดั ท่ีขอเกีย่ ว และแขวนต้มุ เหลก็ ทย่ี ำงรดั ดงั รปู วดั ควำมยำวของยำงรดั ที่ยดื ออก บันทึกผล 5. ทำกำรทดสอบซำ้ โดยใช้วัสดุอนื่ ผูกเป็นวงขนำดเทำ่ ยำงรัดแทนยำงรดั ได้แก่ แถบยำงยืด เชือกฟำง และลวด สปรงิ

บันทึกผล วสั ดุ ควำมยำว (เซนตเิ มตร) ยำงรดั 8 แถบยำงยดื 6 เชอื กฟำง 5 ลวดสปริง 7 สรุป ควำมสำมำรถในกำรยดื หย่นุ เปน็ สมบัตเิ ฉพำะตวั ของวสั ดุ วัสดุแต่ละชนิดยืดหย่นุ ได้ไม่เท่ำกนั จำกกำรทดสอบ พบวำ่ ยำงรัดยืดไดม้ ำกทสี่ ดุ รองลงมำ ได้แก่ ลวดสปรงิ และแถบยำงยืด ส่วนเชือกฟำงไมส่ ำมำรถยืดหยนุ่ ได้ คาถามประกอบกิจกรรม 1. วสั ดุชนดิ ใดยดื ไดม้ ำกท่ีสุด ยำงรดั 2. อะไรเปน็ ตวั บ่งชี้ควำมยดื หย่นุ ของวสั ดุในกิจกรรมนี้ ควำมยำวของวัสดุภำยหลังกำรใช้ตมุ้ เหล็กถว่ ง 3. ถ้ำไมม่ ตี ้มุ เหล็ก นกั เรียนจะเลือกใชส้ งิ่ ใดแทน แนวคำตอบ ถงุ ทรำยหรอื ก้อนหนิ 4. ถ้ำใช้ตมุ้ เหลก็ ท่มี ีน้ำหนักมำก นกั เรยี นคดิ วำ่ วัสดุจะเปล่ียนแปลงลักษณะใด วัสดุจะยืดหย่นุ ไดย้ ำวกว่ำเดมิ และวสั ดอุ ำจจะขำดได้ 5. นักเรียนได้ประโยชน์อะไรจำกกำรปฏบิ ตั ิกจิ กรรมนี้ นำควำมรูเ้ ก่ียวกบั สมบตั ขิ องวสั ดุด้ำนสภำพยดื หยุ่นไปใชป้ ระดษิ ฐ์อุปกรณเ์ คร่อื งใช้ตำ่ ง ๆ

เฉลยใบกจิ กรรมวิชาวทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 ใบกิจกรรมที่ 18 เร่อื ง สมบัติดา้ นความแข็งของวสั ดุ ชื่อ - สกุล ______________________________________ ชนั้ ___________เลขท่ี______ ทักษะสรา้ งเสริมความเขา้ ใจท่คี งทน 1. กำรสงั เกต 2. กำรลงควำมคิดเห็นขอ้ มูล 3. กำรจัดกระทำและสื่อควำมหมำยขอ้ มูล อุปกรณ์ 1. เทยี นไข 1 เล่ม เล่ม 2. หวพี ลำสตกิ 1 บำน อัน 3. กระจกเงำ 1 อัน อัน 4. ไมบ้ รรทัดเหลก็ 1 5. ไมบ้ รรทัดพลำสตกิ 1 6. ตะไบ 1 ปัญหา วัสดแุ ต่ละชนิดมีควำมแขง็ เท่ำกนั หรือไม่ ขัน้ ตอน 1. แบ่งกล่มุ นักเรียน กลมุ่ ละ 5 – 6 คน 2. สมำชิกกล่มุ หำวัสดุทีจ่ ะนำมำทดสอบ ไดแ้ ก่ เทียน พลำสตกิ กระจก เหล็ก มำคนละ 1 ชนิด 3. ทดสอบควำมแข็งของวัสดุตำ่ งๆ ดว้ ยวิธีดังต่อไปน้ี แล้วบนั ทกึ ข้อมูล  ใชเ้ ล็บขูด  ใชไ้ มบ้ รรทัดพลำสตกิ ขดู  ใช้ตะไบกรดี กำรใช้ตะไบกรดี บนวสั ดุ

บนั ทึกผล การเปลยี่ นแปลงของวสั ดุ วิธีการ เทียน พลาสติก กระจก เหลก็ (เทยี นไข) (หวพี ลาสตกิ ) (กระจกเงา) (ไมบ้ รรทัดเหลก็ ) ใช้เล็บขดู ใชไ้ ม้บรรทัด  –– – พลำสตกิ ขูด ใชต้ ะไบกรดี  –– –  –  สรปุ วัสดุแต่ละชนิดมีควำมแข็งแตกต่ำงกนั ซ่งึ เทียนไขมคี วำมแข็งน้อยท่ีสุดและกระจกเงำมคี วำมแขง็ มำกทส่ี ดุ คาถามประกอบกิจกรรม 1. วสั ดุชนดิ ใดมคี วำมแข็งมำกท่สี ุดและน้อยทส่ี ุด ดูจำกอะไร กระจกเงำมีควำมแข็งมำกท่ีสดุ และเทยี นไขมีควำมแขง็ นอ้ ยทสี่ ุด ดูจำกกำรเกดิ รอยขดู ขีดที่เทียนไข 2. วสั ดใุ ดมีควำมแขง็ มำกกว่ำวสั ดทุ ี่นำมำขูด ดูจำกอะไร กระจกเงำ ดูจำกกำรไม่เกดิ รอยใดๆ ที่กระจกเงำ 3. ยกตวั อยำ่ งของใชท้ ี่ทำมำจำกวสั ดุทม่ี ีควำมแข็งมำ 3 ชนดิ แนวคำตอบ กระทะ โตะ๊ เรียน และแก้วน้ำ 4. นักเรยี นได้ประโยชนอ์ ะไรจำกกำรปฏิบตั กิ จิ กรรมน้ี รูว้ ธิ ตี รวจสอบสมบตั ิด้ำนควำมแข็งของวัสดุ

เฉลยใบกจิ กรรมวิชาวทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4 ใบกิจกรรมท่ี 19 เรอื่ ง สมบัติดา้ นความเหนียวของวสั ดุ ช่ือ - สกุล ______________________________________ ชน้ั ___________เลขท่ี______ ทักษะสร้างเสริมความเขา้ ใจท่ีคงทน 1. กำรสังเกต 2. กำรลงควำมคดิ เหน็ ข้อมลู 3. กำรจัดกระทำและส่อื ควำมหมำยข้อมูล อปุ กรณ์ 1. ถงุ ทรำย 5 – 6 ถงุ 2. เชอื กฟำง เชือกกล้วย ดำ้ ย และเสน้ เอ็น อย่ำงละ 1 เส้น 3. ไม้ยำว 1 อนั 4. ขอเกย่ี ว 2 อัน 5. โตะ๊ 2 ตวั ปัญหา วัสดแุ ต่ละชนดิ มีควำมเหนียวเท่ำกันหรือไม่ ขัน้ ตอน 1. แบ่งกลุ่มนักเรยี น กล่มุ ละ 5 – 6 คน 2. พำดไมย้ ำวระหว่ำงโต๊ะ แขวนขอเก่ียวทีท่ อ่ นไม้ 3. ผกู เชือกฟำงยำว 1 ฟุตทขี่ อเก่ียวนำขอเก่ียวอีกอนั ผูกติดปลำยล่ำงของเชอื กฟำง 4. แขวนถุงทรำยท่ขี อเก่ียวอันลำ่ ง เพ่ิมถุงทรำยทลี ะถุงจนเชือกขำด นบั จำนวนถุงทรำยทัง้ หมด บนั ทกึ ผล 5. ทำกำรทดสอบซ้ำ โดยเปลย่ี นจำกเชือกฟำงเป็นเชือกกล้วย ด้ำย และเสน้ เอน็ (ขนำดและควำม ยำวของวัสดแุ ต่ละชนิดตอ้ งเท่ำกนั ) บนั ทึกผล

บนั ทึกผล วสั ดุ จานวนถุงทราย (ถุง) เชือกฟำง 5 เชอื กกล้วย 1 2 ดำ้ ย 6 เส้นเอ็น สรปุ ผลกำรทดสอบพบวำ่ เสน้ เอน็ รับนำ้ หนกั ถงุ ทรำยได้มำกทสี่ ุด สว่ นเชอื กกล้วยรบั นำ้ หนกั ถุงทรำยไดน้ อ้ ยทส่ี ดุ นั่นแสดงวำ่ วสั ดุแตล่ ะชนดิ มคี วำมเหนยี วแตกต่ำงกนั คาถามประกอบกจิ กรรม 1. วสั ดุชนดิ ใดมีควำมเหนียวมำกท่สี ดุ เส้นเอ็น 2. วิธีกำรท่ใี ช้ทดสอบควำมเหนียวในกจิ กรรมนคี้ ืออะไร กำรรับนำ้ หนกั วัสดใุ ดรับน้ำหนักได้มำกแสดงวำ่ มีควำมเหนียวมำก 3. นักเรียนได้ประโยชนอ์ ะไรจำกกำรปฏิบตั กิ จิ กรรมนี้ เลอื กวสั ดุทมี่ คี วำมเหนียวไปใชง้ ำนไดถ้ ูกต้องและเหมำะสม

เฉลยใบกจิ กรรมวิชาวิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 ใบกิจกรรมที่ 20 เรือ่ ง สมบัตดิ า้ นการนาความร้อนของวัสดุ ชื่อ - สกุล ______________________________________ ชั้น___________เลขที่______ ทักษะสร้างเสริมความเขา้ ใจทคี่ งทน 1 แท่ง 1. กำรสงั เกต 1 เล่ม 2. กำรลงควำมคิดเหน็ ขอ้ มลู 2 ดวง 3. กำรจัดกระทำและสือ่ ควำมหมำยข้อมูล 2 ชุด 1 กล่อง อปุ กรณ์ 1. แท่งแก้วและแทง่ เหล็กขนำดใกล้เคียงกัน อย่ำงละ 2. เทยี นไข 3. ตะเกยี งแอลกอฮอล์ 4. ขำตงั้ พรอ้ มที่จับ 5. ไมข้ ีดไฟ ปัญหา วัสดแุ ตล่ ะชนดิ นำควำมร้อนได้เท่ำกันหรือไม่ อย่ำงไร ขั้นตอน 1. แบง่ กล่มุ นักเรียน กลุม่ ละ 5 – 6 คน 2. แต่ละกลุม่ นำเทียนไขมำจุดไฟ หยดน้ำตำเทียนลงบนแทง่ แก้วและแทง่ เหลก็ ที่เตรียมไว้ 4 หยด โดยให้แต่ละ หยดมีระยะหำ่ งเทำ่ ๆ กนั ทิ้งไวส้ กั ครู่ เพอ่ื ใหห้ ยดเทยี นแขง็ ตวั 3. ติดตั้งแท่งแก้วและแทง่ เหล็กเขำ้ กบั ที่จับหลอดทดลอง โดยให้อยู่ในแนวระดับ 4. ต้ังตะเกยี งแอลกอฮอล์ไว้ทปี่ ลำยแทง่ แก้วและแทง่ เหล็ก ดงั รปู จุดไฟ สงั เกตและบนั ทึกผลท่ีเกดิ ข้ึน (ควรใช้ เวลำในกำรให้ควำมร้อนกับแท่งแก้วและแท่งเหลก็ เท่ำๆ กนั )

บันทึกผล วสั ดุ ผลการสงั เกต แท่งแกว้ หยดน้ำตำเทยี นทใ่ี กลเ้ ปลวไฟหลอมเหลวเล็กนอ้ ย แทง่ เหลก็ สว่ นอีก 3 หยดทอ่ี ย่ถู ัดออกไปไม่หลอมเหลว หยดนำ้ ตำเทยี นทง้ั 4 หยดหลอมเหลวหมดและหล่นลงสู่พนื้ สรุป เมอื่ ใหค้ วำมร้อนกับแทง่ แกว้ และแทง่ เหล็กที่มหี ยดน้ำตำเทยี นติดอยู่พบว่ำ หยดนำ้ ตำเทียนบนแท่งเหล็ก หลอมเหลวจนหมดและหยดลงพนื้ นนั่ แสดงวำ่ แท่งเหลก็ นำควำมรอ้ นไดด้ ี ส่วนหยดน้ำตำเทยี นบนแทง่ แกว้ หลอมเหลวเล็กนอ้ ย บำงหยดไม่เกิดกำรเปล่ียนแปลง แสดงวำ่ แทง่ แกว้ นำควำมรอ้ นได้ไมด่ ี คาถามประกอบกจิ กรรม 1. เพรำะเหตใุ ดจงึ ใชห้ ยดนำ้ ตำเทยี นในกำรสงั เกต เพรำะหยดนำ้ ตำเทียนจะหลอมเหลวเมือ่ ได้รับควำมร้อนท่ีส่งผำ่ นมำยงั แทง่ แกว้ และแทง่ เหลก็ ถ้ำวัสดุชนดิ ใด นำควำมร้อนไดด้ กี วำ่ น้ำตำเทยี นบนวัสดุชนดิ น้ันก็จะหลอมเหลวก่อน 2. เมือ่ ไดร้ บั ควำมร้อน หยดน้ำตำเทยี นบนแทง่ แกว้ และบนแทง่ เหลก็ มีกำรเปล่ยี นแปลงแตกตำ่ งกันหรือไม่ ในลกั ษณะใด แตกตำ่ งกนั หยดนำ้ ตำเทียนบนแท่งเหล็กหลอมเหลวจนหมดและหยดลงพ้ืน สว่ นหยดนำ้ ตำเทยี นบนแท่งแก้ว หลอมเหลวเลก็ น้อย บำงหยดไม่เกดิ กำรเปลี่ยนแปลง 3. วสั ดุชนดิ ใดนำควำมรอ้ นได้ดีท่สี ุด สงั เกตได้จำกอะไร โลหะ สงั เกตไดจ้ ำกเมอื่ ให้ควำมร้อนทวี่ สั ดสุ ่วนหน่งึ แตส่ ว่ นที่เหลอื ก็ได้รบั ควำมร้อนดว้ ยเชน่ กัน 4. ยกตวั อย่ำงวสั ดุท่นี ำควำมร้อนได้ดีและวัสดุทน่ี ำควำมร้อนได้ไม่ดี วัสดุทนี่ ำควำมร้อนได้ดี เช่น เหล็ก อะลูมเิ นียม และทองแดง วสั ดทุ ี่นำควำมรอ้ นไดไ้ ม่ดี เชน่ แกว้ พลำสติก และผ้ำ 5. นักเรยี นได้ประโยชนอ์ ะไรจำกกำรปฏิบตั ิกจิ กรรมนี้ ระวังกำรจบั ภำชนะท่ีเปน็ โลหะเมือ่ ใส่ของร้อนหรอื ใช้ผำ้ จบั หูหมอ้ เพ่ือปอ้ งกันควำมรอ้ นจำกหม้อมำสู่มือ

เฉลยใบกิจกรรมวิชาวทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 4 กจิ กรรมสะเตม็ ศกึ ษา เรือ่ ง โคมเทยี นบงั ลม ช่ือ - สกุล ______________________________________ ชัน้ ___________เลขท่ี______ ทักษะในศตวรรษที่ 21 1. กำรคิด 2. กำรแก้ปัญหำ 3. กำรส่อื สำร 4. กำรใช้เทคโนโลยสี ำรสนเทศ จดุ ประสงค์ของกจิ กรรม ออกแบบชิ้นงำนโดยใชส้ มบตั ทิ ำงกำยภำพของวสั ดมุ ำใช้ในชวี ติ ประจำวนั

1.กาหนดปญั หา ให้นักเรียนกำหนดปัญหำของกิจกรรมตำมแนวทำงกำรกำหนดปญั หำทีเ่ รียนผำ่ นมำแลว้ จำกนนั้ ให้นักเรยี น ตอบคำถำมต่อไปนี้ คาถาม 1. จำกสถำนกำรณ์ นักเรยี นพบปัญหำอะไรบำ้ ง ปญั หำท่ี 1 ลมพดั ทำใหเ้ ปลวเทียนดับ ตอ้ งใชม้ อื บังลมไวเ้ พอ่ื ให้เปลวเทียนไมด่ ับ ปญั หำท่ี 2 นำ้ ตำเทียนหยดลงพน้ื 2. นกั เรยี นเลอื กแกป้ ญั หำใด เพรำะเหตุใดจึงเลอื กแกป้ ัญหำนี้ แกป้ ัญหำเรื่องลมพดั ทำให้เปลวเทียนดบั เพรำะจะได้ไมต่ อ้ งใช้มอื บังลมไวเ้ พอ่ื ให้ เปลวเทียนไม่ดับ มอื จะไดไ้ ม่รอ้ นเพรำะถกู เปลวเทียนขณะบังลม 3. นักเรยี นคดิ ว่ำปัญหำทเี่ กดิ ข้นึ เกิดจำกสำเหตุใด ไมม่ กี ำรบังลมเพอ่ื ช่วยใหเ้ ปลวเทยี นไม่ดบั 4. เขียนสำเหตุจำกข้อ 3 เปน็ ประโยคคำถำม (กำหนดปัญหำ) ทำอย่ำงไรจงึ จะบงั ลมเพ่ือชว่ ยใหเ้ ปลวเทยี นไม่ดบั 5. ปญั หำจำกข้อ 4 มคี วำมสำคญั หรือนำ่ สนใจอย่ำงไร กำรเวยี นเทียนตอ้ งจดุ ไฟให้เกิดเปลวเทียนแล้วจงึ เดนิ เวยี นเทียนรอบโบสถ์ แตล่ มทำให้เปลวเทียนดับได้ง่ำย ทำให้ตอ้ งเอำมือบงั ลมซึง่ อำจทำให้ร้อนมอื ได้ และถ้ำเปลวเทียนดบั ตอ้ งจดุ ไฟใหม่ซง่ึ เปลอื งไมข้ ดี ไฟ 6. มีขอ้ มลู เก่ียวกบั กำรแกป้ ญั หำน้หี รอื ไม่ ถำ้ ไม่มี ใหส้ ืบค้นขอ้ มลู ท่ีเกี่ยวขอ้ ง ไม่มขี ้อมูลเกี่ยวกับกำรแก้ปัญหำนี้ แต่จำกกำรสืบค้นข้อมลู พบว่ำ โคมเทยี นบังลมทำจำกวสั ดุ 3 ชนดิ คือ โคมเทยี นพลำสตกิ ส่วนบงั ลมทำจำกพลำสตกิ และมีกำรประดับตกแตง่ ด้วยวัสดอุ ่ืนดำ้ นนอกให้สวยงำม โคมเทียนโลหะ สว่ นบังลมทำจำกกระป๋องน้ำอัดลมหรอื เครอ่ื งดื่ม โดยตดั กระป๋องและดัดให้สวยงำม โคมเทียนกระดำษ ส่วนบังลมทำจำกกระดำษ และมกี ำรตัดให้เปน็ รปู รำ่ งต่ำงๆ และใช้กระดำษหลำยสี ตกแต่งให้สวยงำม 7. จำกขอ้ มลู ท่ไี ด้ นักเรยี นคิดว่ำจะสรปุ กำรแก้ปญั หำจำกขอ้ 4 ด้วยวธิ ีกำรใด เพรำะอะไร จำกขอ้ มลู ทไี่ ด้ สำมำรถสรปุ ได้วำ่ กำรทำใหเ้ ปลวเทียนไมด่ ับเมอื่ โดนลมพดั ทำได้โดยกำรทำโคมเทยี นบังลม โดย โคมเทียนบงั ลมที่เลอื กทำ คือ โคมเทยี นพลำสติก เพรำะพลำสตกิ บังลมได้ ไมน่ ำควำมร้อน และแขง็ แรง ปญั หาของกิจกรรม ทำอย่ำงไรจงึ จะบงั ลมเพื่อชว่ ยใหเ้ ปลวเทียนไม่ดบั

2. รวบรวมขอ้ มลู และแนวคดิ ท่เี กยี่ วขอ้ งกบั ปญั หา ขนั้ ตอนที่ 1 ศึกษำข้อมลู โดยกำรวิเครำะหป์ ัญหำหรือควำมตอ้ งกำรจำกกำรตอบคำถำมต่อไปน้ี คาถาม 1. ปญั หำนี้คืออะไร เม่ือจดุ เทียนเพ่ือเวยี นเทยี น เปลวเทยี นจะดับเมือ่ มีลมพัด จงึ ต้องใชม้ ือบงั ลม ทำให้รอ้ นมอื และตอ้ งจุดไฟหลำย ครั้ง 2. ปญั หำนี้เกดิ กับใคร คนทจ่ี ะไปเวียนเทียน 3. ปัญหำน้เี กดิ ข้ึนที่ไหน วัด 4. ปญั หำนีเ้ กดิ ข้นึ เมื่อใด เม่อื มลี มพัดขณะเวียนเทียน 5. เพรำะเหตใุ ดจงึ ตอ้ งแกป้ ญั หำนี้ เพรำะตอ้ งกำรให้ระหว่ำงเวียนเทยี น เปลวเทียนไมด่ ับ จะได้ไมต่ อ้ งใชม้ ือบังลม 6. จะแกป้ ญั หำหรอื ตอบสนองควำมตอ้ งกำรนอ้ี ยำ่ งไร สรำ้ งโคมเทียนบังลม เพอื่ ให้สว่ นของโคมเทียนสำมำรถบงั ลมชว่ ยให้เปลวเทียนไม่ดบั

ข้ันตอนที่ 2 ค้นควำ้ และรวบรวมขอ้ มลู เกีย่ วกับแนวคิดทำงวิทยำศำสตร์ คณติ ศำสตร์ และเทคโนโลยีจำกแหลง่ ขอ้ มูล ตำ่ งๆ ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั ชิ้นงำนด้วยวิธีกำรดังนี้  อภิปรำยถึงควำมรทู้ ำงวทิ ยำศำสตร์ คณิตศำสตร์ เทคโนโลยี และกระบวนกำรออกแบบส่งิ ประดษิ ฐ์ (วศิ วกรรมศำสตร)์ ทต่ี ้องใช้ในกำรแกป้ ญั หำ ควำมรู้ทำงวทิ ยำศำสตร์ คณิตศำสตร์ เทคโนโลยี และกระบวนกำรออกแบบส่งิ ประดษิ ฐ์ (วิศวกรรมศำสตร์) มีดงั น้ี S: วิทยาศาสตร์ T: เทคโนโลยี  เทียนไขเป็นของแข็ง เม่ือจดุ ไฟ เทยี นไขจะ  โคมเทียนบงั ลมเปน็ ส่ิงประดิษฐ์ใหม่ที่ช่วยกันลม หลอมเหลวเปน็ หยด เรียกว่ำ น้ำตำเทียน ไมใ่ หเ้ ทียนดับได้  ลมทำให้เปลวเทียนไขดับได้ เม่อื มวี ัสดมุ ำก้ันกำร  กรรไกรเปน็ เครือ่ งกลท่ชี ่วยผ่อนแรง ทำให้เรำตดั เคลือ่ นท่ขี องลม เปลวเทยี นจะไม่ดับ วัสดุเป็นรูปร่ำงตำมตอ้ งกำรได้  พลำสตกิ เป็นวสั ดทุ ่ีไม่นำควำมร้อน แข็ง และ  ปนื กำวใชใ้ นกำรติดวสั ดุท่ีนำ้ หนกั เบำเขำ้ ด้วยกนั โดย หลอมเหลวเมือ่ ไดร้ ับควำมร้อนสงู ใหค้ วำมรอ้ นกับกำวแท่งด้วยกระแสไฟฟำ้  โลหะเปน็ วัสดุทีแ่ ขง็ และนำควำมร้อน  กระดำษเป็นวสั ดทุ ่ไี ม่นำควำมรอ้ นติดไฟง่ำย และไม่ แขง็ แรง E: วศิ วกรรมศาสตร์ M: คณิตศาสตร์  กำรออกแบบ สร้ำง ทดสอบ และปรับปรุงโคมเทยี น  กำรวัดเสน้ ผ่ำนศนู ยก์ ลำงของเทียนไขเพอ่ื กำหนด บงั ลม ขนำดของโคมเทยี นบังลม  กำรวดั ควำมสูงของเทียนเพือ่ กำหนดควำมสงู ของ ส่วนบงั ลมของโคมเทียนบงั ลม  เทียบอตั รำสว่ นทเ่ี หมำะสมของควำมสูงของส่วนบัง ลมกบั ส่วนแกนท่ใี ช้ถอื โคมเทยี นบงั ลม

 ค้นควำ้ และรวบรวมขอ้ มลู ที่จำเป็นด้วยวธิ กี ำรท่ีเหมำะสมจำกแหล่งกำรเรียนร้ตู ำ่ ง ๆ คาถาม 1. นักเรียนไดข้ อ้ มลู อะไรบ้ำง จำกแหล่งข้อมลู ใด ข้อมูลท่ีคน้ คว้าด้วยวิธีตา่ งๆ จากแหล่งการเรียนรู้ทเี่ กี่ยวขอ้ ง มดี ังน้ี สำรวจขนำดของเทียนไขทีว่ ัดในหมบู่ ้ำน – ขนำดของเทียนไขทีส่ ำรวจจำกวัดของหมู่บำ้ นมเี สน้ ผำ่ นศนู ย์กลำง 0.85 เซนตเิ มตร สงู 11 เซนติเมตร – เทียนไขทวี่ ดั ใช้มีท้ังสขี ำวและสเี หลือง สบื ค้นข้อมลู ทางอินเทอร์เนต็ – โคมเทยี นบังลมทำจำกวัสดุหลัก 3 ชนดิ คอื พลำสติก ทำจำกขวดน้ำเปลำ่ และขวดนำ้ อัดลม โลหะ ทำจำกกระป๋องน้ำอัดลมและกระป๋องเคร่ืองด่ืม กระดำษ ทำจำกกระดำษสำหรอื กระดำษสี โคมเทยี นพลำสตกิ โคมเทียนโลหะ โคมเทยี นกระดำษ ตวั อยำ่ งโคมเทยี นทีท่ ำจำกวัสดุตำ่ ง ๆ

 สำรวจวัสดุ อปุ กรณ์ทตี่ ้องใช้ว่ำมีอะไรบ้ำง วเิ ครำะหข์ ้อดี ข้อเสียของวสั ดุอุปกรณ์ทนี่ ำมำใช้เพ่อื สรำ้ งทำงเลอื ก คาถาม 1. วสั ดุ อุปกรณ์ทน่ี ักเรียนเลอื กมอี ะไรบ้ำง วสั ดุ อปุ กรณ์ทีเ่ ลือก มีดงั น้ี พลำสตกิ โลหะ กระดำษ วิเครำะหข์ ้อดี ขอ้ เสยี สง่ิ ประดิษฐ์ ทางเลือก ข้อดี ข้อเสีย โคมเทยี นบังลม ทำจำกพลำสตกิ – หำวสั ดุง่ำย – หลอมเหลวเมือ่ ไดร้ ับ – แข็ง ควำมรอ้ นสูง – ไม่นำควำมร้อน – ตัดยำก ทำจำกโลหะ – แข็ง – เมอื่ ตัดแล้วจะมคี ม ทำจำกกระดำษ – มีสีสัน อำจบำดมือได้ – ตดั เป็นรูปร่ำง – นำควำมรอ้ น ตำ่ งๆ ไดง้ ำ่ ย – ติดไฟงำ่ ย – ไม่นำควำมร้อน – ไม่แข็งแรง 2. นักเรยี นเลือกวสั ดุ อปุ กรณ์น้เี พรำะอะไร จำกกำรวเิ ครำะห์ข้อดี ข้อเสียของวัสดุ อุปกรณ์ สรุปวำ่ เลือกพลำสติก เพรำะหำง่ำย แขง็ (สำมำรถบงั ลมได)้ ไมน่ ำควำมรอ้ นจำกเปลวเทยี นมำสู่มือ และเนอื่ งจำกควำมร้อนจำกเปลวเทียนไม่สูงมำกจงึ ไม่ทำให้พลำสติก หลอมเหลว ขน้ั ตอนที่ 3 วิเครำะห์ พิจำรณำ และเปรียบเทียบทำงเลือกท่ีสำมำรถแก้ปญั หำและไดส้ ง่ิ ท่ตี ้องกำรมำกทีส่ ดุ จำกขอ้ มูล ท่ีรวบรวมได้และข้อจำกดั ท่มี ี และตดั สินใจเลือกทำงเลือกนั้น  กำหนดหัวขอ้ ให้ชัดเจน (ระบุหวั ขอ้ เรื่อง) จำกกำรตอบคำถำมตอ่ ไปน้ี คาถาม 1. สิง่ ท่ีตอ้ งกำรจำกกำรปฏบิ ัตกิ ิจกรรมครง้ั นี้คอื อะไร โคมเทยี นบงั ลมที่ทำจำกพลำสตกิ

 กำหนดวัตถุประสงคใ์ นกำรปฏิบตั กิ จิ กรรม คาถาม 1. ส่ิงใดทน่ี ักเรียนต้องกำรจำกกำรปฏบิ ัตกิ จิ กรรม ประดษิ ฐโ์ คมเทียนบงั ลมทมี่ ีลักษณะ ดังนี้ – เป็นโคมเทยี นบังลมที่บังลมได้ – เปน็ โคมเทยี นบงั ลมที่ทำจำกพลำสตกิ – เป็นโคมเทียนบังลมทกี่ ันหยดน้ำตำเทียนได้ – มองเหน็ เทียนภำยในโคมเทียนบงั ลม – ทำเสร็จภำยในเวลำ 1 สปั ดำห์ – มลี วดลำยและตกแต่งสวยงำม 2. นกั เรียนสำมำรถเรยี งลำดบั สงิ่ ที่ตอ้ งกำรในขอ้ 1 ได้อย่ำงไร (ระบโุ ดยจำแนกเป็นส่ิงทต่ี ้องเกิดขึ้น (must) และส่งิ ท่ี อำจเกิดขนึ้ (want) สิ่งทต่ี อ้ งเกิดข้นึ (must) – โคมเทยี นบงั ลมที่บังลมได้ – โคมเทยี นบงั ลมท่ีทำจำกพลำสตกิ – ทำเสร็จภำยในเวลำ 1 สัปดำห์ สง่ิ ที่อาจเกิดขน้ึ (want) – โคมเทียนบังลมที่กนั หยดนำ้ ตำเทยี นได้ – มองเหน็ เทยี นภำยในโคมเทียนบังลม – มีลวดลำยและตกแต่งสวยงำม 3. นักเรยี นใชส้ ่งิ ท่ีต้องกำรจำกขอ้ 2 กำหนดวัตถปุ ระสงคไ์ ดอ้ ยำ่ งไร (ระบวุ ตั ถปุ ระสงค์) วตั ถปุ ระสงค์ – ทำโคมเทยี นบังลมทกี่ นั ลมได้ โดยทำจำกพลำสตกิ และต้องเสรจ็ ภำยใน 1 สัปดำห์ – ทำโคมเทยี นบังลมที่กันหยดนำ้ ตำเทยี นได้ มองเห็นเทียนภำยในโคมเทียน และมลี วดลำยและตกแต่ง สวยงำม

 กำหนดประโยชน์ทค่ี ำดว่ำจะได้รบั คาถาม 1. กจิ กรรมน้ีเกิดประโยชนต์ ่อตนเอง ชุมชน และส่งิ แวดลอ้ มอยำ่ งไร ประโยชนต์ ่อตนเอง – ได้ส่งิ ประดษิ ฐ์ทที่ ำให้เทียนไม่ดบั เม่ือมีลมพดั และป้องกันน้ำตำเทยี นได้ – ลดอบุ ตั ิเหตจุ ำกกำรที่มอื สัมผัสเปลวเทียนเม่อื ใชม้ อื บงั ลมไมใ่ ห้เปลวเทียนดับ – ฝึกทกั ษะในกำรออกแบบชิ้นงำน โดยใช้ควำมรู้ทำงวิทยำศำสตร์ คณติ ศำสตร์ และเทคโนโลยี ประโยชนต์ ่อชุมชนและสงั คม – คนในหมู่บ้ำนสำมำรถนำไปประยุกต์ใช้ได้ ประโยชนต์ อ่ ส่ิงแวดลอ้ ม – ป้องกนั นำ้ ตำเทียนท่ีทำใหเ้ ลอะพื้น – ลดขยะไมข้ ีดไฟในวดั ทต่ี ้องใช้จุดไฟเมือ่ ไฟดับ 2. นกั เรียนใชส้ ่งิ ทอี่ ำจเกดิ ขน้ึ (want) และประโยชน์ในขอ้ 1 กำหนดประโยชนท์ ี่คำดว่ำจะได้รบั จำกกจิ กรรมนอ้ี ยำ่ งไร (ระบปุ ระโยชนท์ ่คี ำดว่ำจะได้รับ) – เทยี นไม่ดับเม่ือมลี มพัดและป้องกนั นำ้ ตำเทียนได้ – ลดอบุ ตั ิเหตุจำกกำรทม่ี ือสมั ผสั เปลวเทียนเม่อื ใชม้ อื บังลมไม่ใหเ้ ปลวเทยี นดับ – ป้องกันนำ้ ตำเทียนไม่ให้หยดลงพ้นื ได้ – ฝึกทกั ษะในกำรออกแบบชน้ิ งำน โดยใช้ควำมรู้ทำงวทิ ยำศำสตร์ คณิตศำสตร์ และเทคโนโลยี – คนในหมูบ่ ำ้ นสำมำรถนำไปประยกุ ต์ใชไ้ ด้ – ปอ้ งกนั นำ้ ตำเทียนทที่ ำใหเ้ ลอะพื้น – ลดขยะไม้ขีดไฟในวดั ที่ตอ้ งใช้จุดไฟเม่อื ไฟดบั  กำหนดขอบเขตของกจิ กรรม คาถาม 1. นักเรยี นมงี บประมำณเท่ำใด งบประมำณทใี่ ชป้ ระมำณ 50 บำท 2. นกั เรยี นมรี ะยะเวลำดำเนินกำรเทำ่ ไร ระยะเวลำในกำรดำเนนิ กำร คอื 1 สปั ดำห์ เพอื่ ให้ทันกำรเวยี นเทยี นภำยในสัปดำห์หน้ำ

3. มสี ่ิงใดอีกหรอื ไม่ทคี่ วรควบคมุ กอ่ นปฏบิ ัตกิ จิ กรรม ส่งิ ทีค่ วรควบคุม มีดังน้ี – เทยี นไขทใ่ี ชป้ ัจจุบนั มีเสน้ ผำ่ นศนู ยก์ ลำง 0.85 เซนติเมตร สูง 11 เซนตเิ มตร และมีทง้ั สีขำวและสีเหลือง – ลักษณะของโคมเทยี นบงั ลม เชน่ ขนำดของส่วนบงั ลมต้องเหมำะสมกับเทยี นและควำมสูงของส่วนบงั ลม ตอ้ งบังลมได้ 4. มีสง่ิ ใดทีอ่ ำจส่งผลกระทบต่อกำรปฏิบัติกิจกรรม แต่ไมส่ ำมำรถควบคุมได้ เพรำะอะไร ส่ิงทค่ี วบคมุ ไมไ่ ด้ มีดังน้ี – ลกั ษณะและขนำดของเทียนไขท่ีอำจเปล่ยี นไป – แรงลมที่ไมค่ งที่ 5. จำกกำรศกึ ษำขอ้ มูล นักเรยี นคิดว่ำมปี ญั หำใดอีกบ้ำงทค่ี วรแก้ไข แตล่ ะปญั หำสำมำรถแกไ้ ขได้อยำ่ งไร ปญั หำที่อำจเกิดขน้ึ เชน่ เทยี นไขอำจลม้ สำมำรถแกไ้ ขโดยติดเทยี นไขกับโคมเทยี นบงั ลมใหแ้ นน่ 6. จำกสง่ิ ทกี่ ำหนดในขอ้ 1 – 5 นกั เรียนสำมำรถกำหนดขอบเขตกำรปฏบิ ัติกิจกรรมนี้ไดอ้ ย่ำงไร (ระบุ ขอบเขตของกจิ กรรม) ขอบเขตของการดาเนนิ โครงงาน งบประมำณ 50 บำท ระยะเวลำ 1 สัปดำห์ ส่ิงที่ควรควบคุม – เทยี นไขทใ่ี ช้ปัจจุบันมีเสน้ ผำ่ นศูนย์กลำง 0.85 เซนตเิ มตร สงู 11 เซนติเมตร และมที ัง้ สขี ำวและสีเหลอื ง – ลกั ษณะของโคมเทียนบงั ลม เชน่ ขนำดของสว่ นบงั ลมต้องเหมำะสมกบั เทยี น และควำมสงู ของส่วนบงั ลม ตอ้ งบังลมได้ สงิ่ ที่ควบคมุ ไมไ่ ด้ – ลักษณะและขนำดของเทยี นไขทอ่ี ำจเปล่ยี นไป – แรงลมท่ีไมค่ งท่ี

3. ออกแบบวิธกี ารแกป้ ญั หา ข้นั ตอนท่ี 1 คำนึงถึงทรัพยำกรและขอ้ จำกัดทม่ี วี ่ำมีอะไรบำ้ ง คาถาม 1. นักเรยี นเตรยี มวัสดุ อุปกรณ์อย่ำงไร ประกอบด้วยอะไรบำ้ ง เตรียมวสั ดุและอุปกรณภ์ ำยใต้ข้อจำกดั ต่ำงๆ ประกอบด้วย วัสดุ 1. เทยี นไข เสน้ ผ่ำนศูนยก์ ลำง 0.85 ซม. สูง 11 ซม. 1 เลม่ มแี ล้ว มีแลว้ 2. ขวดน้ำดืม่ ขนำด 0.6 ลิตร 1 ขวด 10 บำท มแี ล้ว 3. กระดำษสี 2 แผน่ มแี ล้ว 4. ไมเ้ สียบลูกชิ้น 1 อนั มแี ล้ว มีแลว้ อปุ กรณ์ มีแล้ว มีแลว้ 1. ปนื กำวและแทง่ กำว 1 ชุด มแี ลว้ 2. ไม้บรรทดั 1 อัน 3. กรรไกร 1 เลม่ 4. พัดลมตั้งโตะ๊ ขนำดเลก็ 1 เคร่อื ง 5. คอ้ น 1 อนั 6. ตะปู 1 ตัว 2. งบประมำณและระยะเวลำของกจิ กรรมน้เี ปน็ อย่ำงไร งบประมำณ 50 บำท ระยะเวลำ 1 สัปดำห์

ขัน้ ตอนที่ 2 ถ่ำยทอดควำมคดิ เป็นภำพร่ำงโดยใช้ควำมร้ทู ำงวทิ ยำศำสตร์ คณิตศำสตร์ และเทคโนโลยีทค่ี น้ คว้ำได้ บันทึกผลการออกแบบ 4. วางแผนและดาเนินการแกป้ ญั หา ขั้นตอนที่ 1 • เขยี นลำดับขนั้ ตอนยอ่ ยของกำรทำงำนเพ่อื ให้สรำ้ งชิน้ งำนได้ตรงตำมท่ีออกแบบไว้ • นำเสนอกำรออกแบบ ขน้ั ตอนที่ 2 • แบง่ หน้ำที่กำรทำงำนในกลุ่ม แล้วลงมอื สรำ้ งชนิ้ งำนตำมที่ไดว้ ำงแผนไว้ คาถาม 1. นักเรียนรวบรวมข้อมลู โดยวิธีกำรใด (ระบุวิธรี วบรวมข้อมูล เชน่ กำรทดลอง กำรทดสอบ กำรสำรวจ กำรประดิษฐ์ และกำรสอบถำม) และมขี ้นั ตอนยอ่ ยอะไรบ้ำง

วธิ ีรวบรวมข้อมลู กำรประดิษฐ์ โดยมขี ัน้ ตอนย่อย ดังน้ี 2. วัดควำมยำวจำกปำกขวดมำยงั กน้ ขวด 15 ซม. แล้วตัดส่วน 1. นำขวดนำ้ ด่มื ขนำด 0.6 ลิตรมำลำ้ งใหส้ ะอำดและผ่งึ ให้แห้ง ทเ่ี หลอื ของก้นขวดออก 3. แยกส่วนของฝำและตวั ขวดออกเพ่ือนำไปทำสว่ นบังลมและ 4. วำดลำยกลีบบัวลงบนขวดจำกนั้นใช้กรรไกรตัดตำมแบบ กำ้ นจบั 6. นำส่วนก้ำนถือมำต่อกับส่วนโคมเทียนและนำฝำขวดท่ีเจำะรู มำตอ่ กับส่วนก้ำนจับแลว้ ปดิ เขำ้ กับปำกขวด พรอ้ มติดพใู่ ห้ 5. ตัดปลำยแหลมของไมเ้ สียบลูกช้นิ ออกแลว้ นำไปติดกบั เทียน สวยงำม 7. นำกระดำษสีมำพนั รอบส่วนทตี่ ่อ 8. ติดกระดำษสใี หส้ วยงำม

กำรทดสอบ ทำได้ดงั นี้ 1. ทดสอบควำมแข็งแรงโดยแกว่งโคมเทยี นบงั ลมไปมำเพอ่ื ทดสอบว่ำเทยี นไขทตี่ ดิ ต้งั ในโคมเทยี นแข็งแรง หรือไม่ 2. ทดสอบกำรบังลมโดยจุดไฟเทียนไข จำกนน้ั นำโคมเทยี นบงั ลมไปถอื หนำ้ พัดลมหำ่ ง 1 ฟตุ แล้วเปิดพดั ลม ระดบั เบำทีส่ ุด สงั เกตว่ำเปลวเทยี นดับหรอื ไม่ 3. เพ่ิมระดับควำมแรงของพดั ลมข้ึนเร่อื ยๆ สงั เกตวำ่ เปลวเทียนดับทีร่ ะดบั ควำมแรงของพัดลมระดบั ใด โดย ให้ทำซ้ำ 3 ครั้งสำหรับทุกระดับควำมแรงของพดั ลม 2. นกั เรยี นวเิ ครำะหข์ อ้ มลู ดว้ ยวิธีใด (ระบวุ ิธวี เิ ครำะหข์ อ้ มลู เช่น หำค่ำเฉลย่ี เปรียบเทียบ หำผลตำ่ ง ใช้แผนภูมิ) – บันทกึ จำนวนคร้งั ที่โคมเทยี นสำมำรถบงั ลมไดใ้ นแตล่ ะระดับควำมแรงของพดั ลม – เปรียบเทยี บขอ้ มลู จำนวนครงั้ ท่โี คมเทียนสำมำรถบังลมได้ในแต่ละระดบั ควำมแรงของพัดลม 3. ผลกำรเตรียมวสั ดุ อุปกรณ์เป็นอย่ำงไร กำรเตรียมวัสดุ – สำมำรถเตรียมไดค้ รบและมีค่ำใช้จ่ำย 10 บำท กำรเตรียมอปุ กรณ์ – สำมำรถเตรยี มไดค้ รบและไมม่ คี ่ำใช้จำ่ ย ดงั นน้ั กำรเตรยี มวัสดุ อปุ กรณ์อย่ภู ำยใต้งบประมำณ 50 บำท 4. ผลกำรสร้ำงช้ินงำนเปน็ อย่ำงไร จำกกำรออกแบบและสร้ำงชิน้ งำนพบว่ำ สำมำรถสรำ้ งโคมเทียนบงั ลมจำกวัสดุอปุ กรณ์ทเ่ี ตรียมมำได้ 5. ทดสอบ ประเมนิ ผล และปรบั ปรุงแก้ไขวิธีการหรือชิ้นงาน ขัน้ ตอนท่ี 1 ทดสอบ ทดสอบชิน้ งำนที่ได้ว่ำสอดคล้องตำมทอ่ี อกแบบไวห้ รอื ไม่ คาถาม 1. นักเรียนมีวธิ กี ำรทดสอบชน้ิ งำนอย่ำงไร 1) นำเทียนไขตดิ ในโคมเทยี นบังลม จำกน้นั แกว่งโคมเทยี นบังลมไปมำพบวำ่ เมอ่ื แกวง่ โคมเทียนบังลมไปมำ เทยี นไขยังคงตดิ แน่นที่ฐำน 2) จดุ ไฟเทยี นไข จำกน้ันนำโคมเทยี นบังลมไปถอื หน้ำพดั ลมห่ำง 1 ฟตุ แล้วเปิดพดั ลมระดับเบำท่ีสุดไปจนถงึ ระดบั แรงทส่ี ุด พบวำ่ เปลวเทยี นดับเม่ือเปดิ พดั ลมระดับเบำท่สี ุด 2. ผลกำรทดสอบช้ินงำนเป็นอยำ่ งไร – เมื่อแกว่งโคมเทียนบงั ลมไปมำ เทียนไขยังคงตดิ แนน่ ทฐ่ี ำน – เมอื่ จุดไฟ จำนวนคร้งั ท่ีโคมเทียนสำมำรถบังลมได้ในแตล่ ะระดับควำมแรงของพัดลมเป็นดังนี้

ระดับควำมแรง 1 คร้งั ที่ 3 เฉล่ีย 2 1 (เบำ) ไม่ดับ ดับ ดบั ดับ 2 (ปำนกลำง) ไม่ดับ ดับ ดับ ดบั 3 (แรง) ดบั ดบั ดับ ดับ สรุปได้วำ่ โคมเทยี นบงั ลมไมส่ ำมำรถบังลมได้ ข้ันตอนที่ 2 ประเมินผล ตรวจสอบช้นิ งำนวำ่ มีข้อบกพรอ่ งอยำ่ งไร คาถาม 3. นกั เรียนพบปัญหำอะไรบำ้ ง ปัญหำท่ีพบ คอื เปลวเทยี นดบั เมอื่ เปดิ พัดลมระดับเบำที่สุด แสดงวำ่ โคมเทียนบงั ลมที่ทำบังลมไมไ่ ด้ ขั้นตอนที่ 3 ปรบั ปรุง แก้ไขช้ินงำนจนกระทง่ั ได้ชน้ิ งำนตรงตำมควำมต้องกำร คาถาม 4. นักเรียนแก้ปัญหำที่เกิดขึ้นอย่ำงไร แก้ไขโดยกำรเพมิ่ ควำมสงู ของส่วนบังลม ซง่ึ ผลท่ีได้ คอื โคมเทียนบังลมสำมำรถบังลมที่ควำมแรงของพัดลม ระดับเบำทีส่ ุด และบังลมทคี่ วำมแรงของพดั ลมระดับแรงขนึ้ ได้ 6. นาเสนอวธิ ีการแกป้ ัญหา ผลการแกป้ ญั หา หรอื ชิ้นงาน คาถาม 1. นกั เรยี นสรปุ ผลงำนได้วำ่ อย่ำงไร กำรทำโคมเทยี นบังลมท่ที ำจำกพลำสตกิ พบว่ำ สำมำรถบังลมให้เปลวเทยี นไม่ดับได้ 2. นกั เรยี นจะปรบั ปรงุ และพฒั นำในเร่อื งใด ปรบั ปรุงและพฒั นำเรือ่ งขนำดของเทยี นไขท่ใี ช้กบั โคมเทียนบงั ลม เนอื่ งจำกขนำดของเทยี นไข ทใ่ี ชไ้ ดม้ ขี นำด เดยี ว จะปรบั ปรุงและพัฒนำให้สำมำรถใช้ไดก้ ับเทียนไขหลำยๆ ขนำด 3. นกั เรียนรสู้ กึ อยำ่ งไรกบั กำรปฏิบัติกจิ กรรมครงั้ นี้ แนวคำตอบ ร้สู ึกสนุก ได้ใช้ควำมคิด ไดว้ ำงแผนงำนเปน็ ข้ันตอน และประดิษฐข์ องไวใ้ ช้ได้

4. แบบบันทึกกจิ กรรมสะเต็มศึกษำ โครงงานเรื่อง โคมเทียนบังลม ปัญหา อยำ่ งไรจงึ จะบังลมเพอ่ื ชว่ ยใหเ้ ปลวเทียนไม่ดบั วตั ถปุ ระสงค์ – ทำโคมเทยี นบังลมทีก่ นั ลมได้ โดยทำจำกพลำสติก และต้องเสรจ็ ภำยใน 1 สปั ดำห์ – ทำโคมเทยี นบังลมท่ีกนั หยดนำ้ ตำเทียนได้ มองเห็นเทยี นภำยในโคมเทียน และมีลวดลำยและตกแต่ง สวยงำม ประโยชนท์ ี่คาดว่าจะได้รบั – ไดส้ ิ่งประดษิ ฐท์ ีท่ ำให้เทียนไม่ดบั เม่ือมีลมพัดและปอ้ งกันน้ำตำเทยี นได้ – ลดอบุ ตั ิเหตุจำกกำรที่มอื สมั ผสั เปลวเทยี นเมือ่ ใชม้ อื บงั ลมไม่ให้เปลวเทียนดับ – ฝกึ ทักษะในกำรออกแบบช้ินงำนโดยใชค้ วำมรทู้ ำงวิทยำศำสตร์ คณิตศำสตร์ และเทคโนโลยี – คนท่ัวไปสำมำรถนำไปประยุกตใ์ ชไ้ ด้ – ปอ้ งกันน้ำตำเทียนที่ทำใหเ้ ลอะพน้ื และช่วยลดขยะไม้ขดี ไฟในวัดทตี่ ้องใช้จุดไฟเมอื่ ไฟดับ ขอบเขตของโครงงาน ระยะเวลำดำเนินกำร 1 สปั ดำห์ งบประมำณ 50 บำท ออกแบบวิธีการแก้ปญั หา การทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไขวธิ ีการหรอื ชน้ิ งาน กำรทดสอบ 1) นำเทยี นไขตดิ ในโคมเทยี นบังลม จำกนนั้ แกวง่ โคมเทียนบังลมไปมำพบว่ำ เมื่อแกว่งโคมเทยี นบังลมไปมำ เทียนไขยงั คงตดิ แนน่ ทีฐ่ ำน 2) จุดไฟเทยี นไข จำกนน้ั นำโคมเทยี นบงั ลมไปถือหน้ำพัดลมหำ่ ง 1 ฟุต แลว้ เปิดพัดลมระดับเบำท่ีสุดไป จนถงึ ระดับแรงที่สดุ พบวำ่ เปลวเทียนดับเมอ่ื เปดิ พัดลมระดบั เบำทสี่ ุด ประเมนิ ผล เปลวเทยี นดับเม่อื เปิดพัดลมระดบั เบำท่สี ุด แสดงวำ่ โคมเทียนบงั ลมท่ีทำบงั ลมไม่ได้

ปรับปรุงแก้ไขวธิ ีกำรหรือชิ้นงำน แก้ไขโดยกำรเพิม่ ควำมสูงของสว่ นบงั ลม ซ่ึงผลท่ีได้ คอื โคมเทียนบังลมสำมำรถบงั ลมทคี่ วำมแรงของพดั ลม ระดับเบำท่ีสุด และบงั ลมท่ีควำมแรงของพดั ลมระดับสูงข้ึนได้ สรุปผล โคมเทยี นบังลมที่ทำจำกพลำสตกิ สำมำรถบังลมให้เปลวเทยี นไม่ดบั ได้ และไมน่ ำควำมรอ้ นจำกเปลวเทียนมำ สู่มือ ขอ้ เสนอแนะ ควรปรบั ปรุงและพัฒนำโคมเทยี นบังลมให้สำมำรถใชไ้ ด้กบั เทียนไขหลำยๆ ขนำด จำกกำรศกึ ษำกจิ กรรมสะเต็มศกึ ษำ เพ่ือใหน้ กั เรยี นเขำ้ ใจกระบวนกำรปฏิบตั กิ จิ กรรม ใหน้ กั เรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่ม ละ 3 – 4 คน แลว้ ปฏิบตั กิ ิจกรรมตำมข้ันตอนต่อไปน้ี ขน้ั ตอน 1. สำรวจควำมคดิ เหน็ รว่ มกบั เพื่อนๆ ในหอ้ งเรยี น แลว้ พิจำรณำเลอื กปัญหำที่ตอ้ งกำรแก้ไขอย่ำงอิสระ เพื่อ กำหนดเป็นปญั หำเพยี ง 1 เรือ่ งทสี่ อดคลอ้ งกับควำมรู้ในหนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ่ี 3 เกย่ี วกับสมบัตทิ ำงกำยภำพด้ำนควำมแข็ง สภำพยืดหยุ่น ควำมเหนยี ว กำรนำควำมร้อน และกำรนำไฟฟ้ำของวัสดุ (ปัญหำท่นี กั เรยี นเลอื กอำจเป็นปัญหำที่พบเหน็ ในชวี ิตประจำวนั ซ่งึ แตกตำ่ งจำกสถำนกำรณ์ตวั อยำ่ งกิจกรรมสะเตม็ ศึกษำทไ่ี ดเ้ รียนรผู้ ่ำนมำ) 2. อภิปรำย โต้แย้ง และแสดงควำมคิดเห็นจำกข้อมูลที่ได้อย่ำงมีเหตุผล แล้วลงมือออกแบบช้ินงำนตำม กระบวนกำรออกแบบสง่ิ ประดิษฐ์ บันทกึ ผล 3. นำเสนอแนวคดิ ขนั้ ตอนกำรแก้ปัญหำชน้ิ งำน รวมท้ังข้อเสนอแนะ โดยให้นกั เรียนตอบคำถำมตำม กระบวนกำรออกแบบสิ่งประดิษฐ์ แล้วเขียนในรูปของแบบบันทกึ กจิ กรรมสะเต็มศึกษำ จำกนน้ั นำเสนอผลงำนหนำ้ ชั้นเรียน และจดั ป้ำยนเิ ทศ/จัดนิทรรศกำรเผยแพรใ่ ห้ผอู้ ่ืนเขำ้ ใจ

เฉลยใบกิจกรรมวิชาวิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 ใบกิจกรรมท่ี 21 เรอื่ ง สมบัตดิ า้ นการนาไฟฟ้าของวัสดุ ช่ือ - สกุล ______________________________________ ชนั้ ___________เลขที่______ ทักษะสรา้ งเสรมิ ความเข้าใจทีค่ งทน 1. กำรสังเกต 2. กำรลงควำมคิดเหน็ ขอ้ มูล 3. กำรจัดกระทำและสอ่ื ควำมหมำยข้อมูล อุปกรณ์ 1. หลอดไฟฟ้ำ 1 หลอด ก้อน 2. ถ่ำนไฟฉำย 2 อัน อัน 3. ลวดเสียบกระดำษ 1 อัน อัน 4. ไมไ้ อศกรีม 1 อัน อัน 5. ชอ้ นโลหะ 1 เส้น อัน 6. ไมบ้ รรทดั พลำสตกิ 1 7. ยำงลบ 1 8. ดนิ สอไม้ 1 9. สำยไฟฟำ้ 3 10. กบเหลำดนิ สอ 1 ปัญหา วสั ดใุ ดบ้ำงท่ยี อมใหก้ ระแสไฟฟ้ำผำ่ น ขั้นตอน 1. แบง่ กลุม่ นกั เรยี น กลมุ่ ละ 5 – 6 คน 2. แตล่ ะกลมุ่ ต่อหลอดไฟฟำ้ เข้ำกับถำ่ นไฟฉำย และปลอ่ ยปลำยสำยไฟฟ้ำทั้ง 2 ข้ำงไว้ 3. ลองเอำปลำยสำยไฟฟำ้ ทงั้ 2 ข้ำงมำแตะกนั สงั เกตหลอดไฟฟ้ำวำ่ เกิด อะไรข้นึ 4. นำวัสดุตำ่ งๆ มำแตะกับปลำยสำยไฟฟ้ำทง้ั สองพรอ้ มๆ กัน สังเกตควำม สวำ่ งของหลอดไฟฟำ้ 5. เหลำดนิ สอดำทง้ั 2 ข้ำง นำมำแตะกับปลำยสำยไฟฟำ้ ทงั้ 2 ขำ้ งพรอ้ ม กนั แล้วสังเกตหลอดไฟฟ้ำ บันทึกผล

วัสดุ หลอดไฟฟ้ำ สวำ่ ง ไม่สวำ่ ง ลวด (ลวดเสยี บกระดำษ) – ไม้ (ไมไ้ อศกรมี ) – โลหะ (ช้อนโลหะ) – พลำสติก (ไมบ้ รรทดั พลำสติก) – ยำง (ยำงลบ) – ไส้ดินสอดำ (ดนิ สอไม)้ – สรุป วสั ดุพวกโลหะเป็นตวั นำไฟฟำ้ ซงึ่ ไดแ้ ก่ ลวดเสยี บกระดำษและชอ้ นโลหะ ส่วนวัสดพุ วกท่ไี ม่ใช่โลหะไม่นำไฟฟ้ำ ได้แก่ ไม้ไอศกรีม ไม้บรรทดั พลำสติก และยำงลบ ยกเว้นไสด้ ินสอดำ ซง่ึ สำมำรถนำไฟฟำ้ ได้ คาถามประกอบกิจกรรม 1. วัสดุชนดิ ใดบ้ำงที่ทำให้หลอดไฟฟ้ำสวำ่ ง ลวด โลหะ และไสด้ นิ สอดำ 2. วสั ดจุ ำพวกโลหะเทำ่ น้ันท่นี ำไฟฟ้ำไดใ้ ชห่ รอื ไม่ เพรำะอะไร ไมใ่ ช่ เพรำะไสด้ นิ สอดำเปน็ วัสดพุ วกอโลหะชนดิ เดียวทน่ี ำไฟฟ้ำได้ 3. นกั เรยี นไดป้ ระโยชนอ์ ะไรจำกกำรปฏิบัติกจิ กรรมนี้ ปอ้ งกันอันตรำยจำกกำรถกู ไฟฟำ้ ดูด โดยไม่สมั ผสั ส่วนที่เป็นโลหะของเคร่อื งใช้ไฟฟ้ำเม่อื เกดิ ไฟฟำ้ ลัดวงจร

เฉลยใบกจิ กรรมวชิ าวิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 ใบกิจกรรมท่ี 22 เรอ่ื ง สมบัตขิ องของเหลว ช่ือ - สกุล ______________________________________ ช้ัน___________เลขท่ี______ ทกั ษะสร้างเสริมความเขา้ ใจที่คงทน 1. กำรตั้งสมมุติฐำน 2. กำรลงควำมคดิ เห็นข้อมลู 3. กำรจัดกระทำและสอื่ ควำมหมำยข้อมูล 4. กำรตีควำมหมำยขอ้ มลู และกำรลงขอ้ สรุป อุปกรณ์ 1. กระบอกตวงขนำด 500 ลบ.ซม. 1 ใบ 2. ภำชนะรูปทรงต่ำงๆ 3. น้ำ 250 ลบ.ซม. ปัญหา นำ้ ในภำชนะแตกต่ำงกนั จะมรี ปู รำ่ งและปริมำตรตำ่ งกนั หรือไม่ กาหนดสมมุตฐิ าน รปู ร่ำงของน้ำน่ำจะเปล่ียนไปตำมรูปร่ำงของภำชนะทบี่ รรจุ แตย่ ังคงมปี ริมำตรเท่ำเดิม ขั้นตอน 1. แบ่งกลมุ่ นักเรียน กลุ่มละ 6 คน แตล่ ะกล่มุ เทน้ำใส่กระบอกตวง สงั เกตรปู ร่ำงของน้ำและอำ่ นปรมิ ำตร บนั ทึกผล 2. เทนำ้ จำกกระบอกตวงใส่ลงในภำชนะใบที่ 1 สังเกตรปู รำ่ งของนำ้ แล้วเทน้ำลงในกระบอกตวงเพอ่ื หำ ปริมำตร บันทึกผล 3. ดำเนินกำรทดลองซำ้ ตำมข้ันตอนที่ 2 โดยใชภ้ ำชนะรูปทรงต่ำง ๆ แล้วสรุปผลกำรสังเกต

รวบรวมขอ้ มลู รวบรวมขอ้ มูลโดยบันทกึ กำรเปลย่ี นแปลงท่ีนักเรียนสงั เกตได้ลงในตำรำงบันทึกผล บนั ทกึ ผล ภาชนะ รูปรา่ งของนา้ ปริมาตรน้า (ลบ.ซม.) กระบอกตวง ทรงกระบอก 250 แกว้ นำ้ ทรงถ้วย 250 ขวดกน้ กลม ทรงกลม 250 กลอ่ งทรงสีเ่ หลีย่ ม ทรงสี่เหลีย่ ม 250 แกว้ ทรงกระบอก ทรงกระบอก 250 แปลความหมายขอ้ มลู รปู ร่ำงของน้ำจะเปลี่ยนไปตำมรูปรำ่ งของภำชนะท่บี รรจุ และเมือ่ วัดปรมิ ำตรของนำ้ ในแตล่ ะภำชนะจะเท่ำกัน สรปุ นำ้ เปน็ ของเหลว เมอ่ื ใส่ในภำชนะใดกจ็ ะมีรูปรำ่ งเปลี่ยนแปลงไปตำมภำชนะที่บรรจุ แตจ่ ะมีปริมำตรคงทไี่ ม่ เปลย่ี นแปลง คาถามประกอบกจิ กรรม ก่อนการทดลอง 1. ปรมิ ำตรของน้ำในกระบอกตวงก่อนกำรทำกจิ กรรมมคี ่ำเทำ่ ใด 250 ลกู บำศก์เซนติเมตร 2. นักเรยี นนำภำชนะท่มี รี ปู รำ่ งแบบใดมำทำกจิ กรรมบ้ำง ทรงกระบอก ทรงถว้ ย ทรงกลม และทรงสี่เหล่ียม ระหวา่ งการทดลอง 3. นำ้ มีปริมำตรเปลยี่ นแปลงไปตำมภำชนะท่บี รรจุหรือไม่ ปริมำตรของน้ำไม่เปล่ยี นแปลงไปตำมภำชนะทีบ่ รรจุ 4. น้ำมีรูปรำ่ งเปลี่ยนแปลงไปตำมภำชนะท่ีบรรจุหรอื ไม่ รปู รำ่ งของนำ้ จะเปล่ยี นแปลงไปตำมภำชนะทบ่ี รรจุ 5. ในระหวำ่ งกำรทำกจิ กรรมมีอปุ สรรคหรอื ไม่ และแก้ไขดว้ ยวธิ ีใด พจิ ำรณำจำกคำตอบนักเรยี น

หลังการทดลอง 6. จำกกิจกรรมนกั เรยี นจะสรุปสมบตั ิของน้ำได้วำ่ อยำ่ งไร นำ้ เปน็ ของเหลว เมอ่ื ใส่ในภำชนะใดก็จะมีรูปร่ำงเปลีย่ นแปลงไปตำมภำชนะที่บรรจุ แตจ่ ะมีปรมิ ำตรคงท่ไี ม่ เปล่ียนแปลง 7. นำ้ มสี มบตั ใิ ดจึงถูกส่งผ่ำนไปตำมทอ่ นำ้ ได้ นำ้ มรี ปู รำ่ งไมค่ งที่ เปล่ยี นแปลงไปตำมภำชนะที่รองรับ และมลี กั ษณะไหลได้

เฉลยใบกิจกรรมวิชาวทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 ใบกิจกรรมที่ 23 เรื่อง สมบัติของแก๊ส ชื่อ - สกุล ______________________________________ ชัน้ ___________เลขที่______ ทกั ษะสรา้ งเสริมความเข้าใจทีค่ งทน 1. กำรสงั เกต 2. กำรจดั กระทำและสือ่ ควำมหมำยข้อมูล 3. กำรตีควำมหมำยข้อมูลและกำรลงข้อสรุป อุปกรณ์ 1 กล่อง 1. ไม้ขีดไฟ 2 ใบ 2. ขวดแก้วใส ปญั หา แกส๊ มสี มบัตเิ หมอื นของเหลวกับของแขง็ หรือไม่ ขนั้ ตอน 1. จุดไมข้ ดี ไฟ 1 ก้ำน ใส่ลงในขวด ใช้นว้ิ มือปิดปำกขวด แล้วสังเกตควันทเี่ กิดจำกไม้ขดี ไฟที่ดบั บนั ทึกผล 2. นำขวดท่ีมีขนำดเทำ่ กันมำคว่ำประกบกับขวดใบแรกให้ปำกขวดสนิทกันพอดี สังเกตควันในขวด บันทึก ผล แลว้ สรปุ ผลกำรสังเกต สงั เกตกำรเคลอ่ื นที่ของควันท่อี ยูใ่ นขวด หมายเหตุ ควรระมดั ระวงั ไมใ่ ห้เปลวไฟถูกมือ เพรำะจะทำใหผ้ ิวหนงั ไหมไ้ ด้

บนั ทึกผล ลักษณะการเคลอื่ นทข่ี องควนั เมอ่ื ใชน้ ้ิวมอื ปิดปากขวด เมือ่ นาขวดอกี ใบมาคว่าประกบ ควนั จะลอยกระจำยอย่ใู นขวด ควันจะลอยขึน้ ดำ้ นบน เขำ้ ไปยังขวดใบบน สรปุ ควนั เปน็ แก๊สทม่ี ีรปู รำ่ งและปรมิ ำตรไมค่ งที่ จะฟุ้งกระจำยไปในภำชนะที่บรรจุ ควนั จงึ ลอยข้ึนไปอยใู่ นขวด ดำ้ นบนได้ คาถามประกอบกิจกรรม 1. ควนั มกี ำรเปล่ยี นแปลงอย่ำงไร มกี ำรแพร่กระจำยจำกขวดใบล่ำงข้นึ ไปยงั ขวดใบบน 2. แกส๊ มีสมบัตแิ ตกต่ำงจำกของเหลวและของแข็งอยำ่ งไร แกส๊ มรี ูปร่ำงและปริมำตรไม่คงที่ ฟุ้งกระจำยไปในภำชนะทบี่ รรจุ 3. ยกตัวอยำ่ งกำรฟงุ้ กระจำยของแก๊สทน่ี ักเรยี นพบเห็นไดใ้ นชวี ติ ประจำวัน แนวคำตอบ กำรฟงุ้ กระจำยของน้ำหอมท่ีฉีด กำรฟุง้ กระจำยของสเปรย์ฉดี กันยงุ

เฉลยใบกิจกรรมวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 4 ใบกจิ กรรมท่ี 24 เรอ่ื ง ดวงจนั ทร์ ช่ือ - สกุล ______________________________________ ชนั้ ___________เลขท่ี______ ทกั ษะสร้างเสรมิ ความเขา้ ใจท่ีคงทน 1. กำรสงั เกต 2. กำรหำควำมสัมพนั ธร์ ะหวำ่ งสเปซกบั สเปซและสเปซกบั เวลำ 3. กำรจัดกระทำและสื่อควำมหมำยขอ้ มูล 4. กำรตีควำมหมำยขอ้ มลู และกำรลงข้อสรปุ อุปกรณ์ 1. ปฏิทินหรอื หนงั สอื พมิ พ์ 1 ฉบบั 2. กระดำษขำว 2 แผน่ 3. ดินสอสีหรอื สีเทยี นสเี หลอื งและสดี ำอย่ำงละ 1 แท่ง ปญั หา เรำสำมำรถใช้รูปรำ่ งปรำกฏของดวงจันทร์บอกทศิ แกเ่ รำไดห้ รือไม่ ขนั้ ตอน 1. นักเรียนเรียนรู้จำกปฏิทินหรอื หนังสือพิมพ์เพื่อหำวำ่ วนั ท่ีเท่ำไรเป็นวันข้ึน 8 ค่ำ และวันแรม 8 คำ่ 2. สงั เกตวำ่ ดวงอำทติ ย์ขึ้นทำงทิศใดของบ้ำน เพ่อื หำทิศตะวันออกและทศิ ตะวันตก 3. วำดวงกลมลงบนกระดำษขำว 2 แผน่ แผน่ ละ 1 วง และท่ีใต้วงกลมเขยี นว่ำ ขึน้ 8 ค่ำ และแรม 8 ค่ำ 4. เม่ือถึงวันขึ้น 8 ค่ำ และวันแรม 8 ค่ำ ให้นักเรียนสังเกตดวงจันทร์แล้วใช้ดินสอสีหรือสีเทียนระบำยลงใน วงกลม โดยส่วนท่สี ว่ำงใชส้ ีเหลอื ง สว่ นทม่ี ืดใชส้ ีดำ 5. เขียนทศิ ตะวันออกและทศิ ตะวนั ตกทขี่ ้ำงวงกลมท้งั 2 รูป 6. ร่วมกนั วเิ ครำะห์ อภิปรำย และสรุปผลกำรสังเกตดวงจันทร์

บนั ทึกผล สรปุ ดวงจันทรช์ ว่ ยบอกทิศได้ โดยในวันข้ึน 8 คำ่ จะเหน็ ด้ำนมดื อยทู่ ำงทศิ ตะวนั ออก ส่วนวนั แรม 8 คำ่ จะเห็นด้ำน มดื อยู่ทำงทศิ ตะวันตก คาถามประกอบกิจกรรม 1. รปู ดวงจันทร์ของคนอ่นื ๆ เหมือนกบั ของนกั เรยี นหรอื ไม่ แนวคำตอบ เหมือน 2. ดวงจันทรส์ ำมำรถใชบ้ อกทิศได้หรอื ไม่ เพรำะอะไร ได้ เพรำะในวนั ขึน้ 8 คำ่ ด้ำนมืดของดวงจนั ทรจ์ ะอยู่ทำงทศิ ตะวนั ออก และในวันแรม 8 คำ่ ดำ้ นมดื ของดวงจนั ทร์ จะอยูท่ ำงทิศตะวนั ตกเสมอ 3. ถำ้ ไม่ใชก้ ำรวำดรูป เรำสำมำรถใชอ้ ปุ กรณใ์ ดศึกษำเรื่องนี้ได้ ปฏิทิน 4. ในกำรทำกจิ กรรมน้มี อี ปุ สรรคใดบ้ำง แนวคำตอบ ในบำงคืนมองไมเ่ หน็ ดวงจันทร์ เพรำะมเี มฆมำก

เฉลยใบกจิ กรรมวิชาวทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 ใบกิจกรรมที่ 25 เรื่อง แบบจาลองของระบบสรุ ยิ ะ ชื่อ - สกุล ______________________________________ ช้นั ___________เลขท่ี______ ทักษะสรา้ งเสริมความเข้าใจที่คงทน 1. กำรสรำ้ งและใชแ้ บบจำลอง 2. กำรคำดคะเนและวดั 3. กำรจัดกระทำและสอ่ื ควำมหมำยข้อมูล 4. กำรตีควำมหมำยขอ้ มลู และกำรลงข้อสรุป อปุ กรณ์ 1 แผ่น 1. กระดำษ 1 อัน 2. ไม้บรรทดั 1 เล่ม 3. กรรไกร 1 กลอ่ ง 4. ปำกกำเคมีหรือสเี ทียน ปัญหา เรำสำมำรถสร้ำงแบบจำลองระบบสรุ ยิ ะไดล้ กั ษณะใด ขน้ั ตอน 1. ใช้ขอ้ มูลในตำรำงสรำ้ งแบบจำลองของดำวเครำะห์ โดยใช้ขอ้ มูลเสน้ ผำ่ นศูนยก์ ลำงของดำวเครำะห์ หำขนำด เพือ่ สรำ้ งแบบจำลองดำวเครำะห์แตล่ ะดวง 2. สร้ำงแบบจำลองของดำวเครำะห์แต่ละดวงลงบนกระดำษ วัดขนำดดำวเครำะห์แต่ละดวงด้วยไม้บรรทัด เพอื่ ใหแ้ นใ่ จวำ่ มขี นำดของเสน้ ผ่ำนศนู ยก์ ลำงถูกตอ้ ง ตดั ดำวเครำะหแ์ ตล่ ะดวงออกมำและระบำยสี บันทกึ ลำดับขนำด ของดำวเครำะหใ์ นตำรำง 3. นำดำวเครำะห์ที่ตัดแล้วมำจัดเรียงเป็นแบบจำลองตำมลำดับท่ีแสดงในตำรำง โดยให้ดำวพุธอยู่ใกล้ดวง อำทิตย์มำกท่ีสดุ พงึ ระลึกไว้เสมอว่ำแบบจำลองน้ีช่วยให้นักเรียนเปรยี บเทียบขนำดไม่ใช่ระยะทำง บันทึกลำดบั ขนำด ของดำวเครำะห์

ตารางที่ 6.1 เสน้ ผ่ำนศนู ยก์ ลำงของดำวเครำะห์และเส้นผ่ำนศูนยก์ ลำงของแบบจำลอง ช่อื ดาวเคราะห์ เส้นผ่านศูนยก์ ลางของ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางของแบบจาลอง ดาวเคราะห์ (กิโลเมตร) (มิลลเิ มตร) ดำวพุธ ดำวศกุ ร์ 4,900 5 12,100 12 โลก 12,800 13 ดำวองั คำร 6,800 7 ดำวพฤหสั บดี 143,000 143 ดำวเสำร์ 120,500 121 ดำวยูเรนัส 51,100 51 ดำวเนปจนู 49,500 50 หมายเหตุ กำหนดให้ 1 มิลลเิ มตร มีค่ำประมำณ 1,000 กโิ ลเมตร บันทึกผล จำกกำรสรำ้ งแบบจำลองของระบบสรุ ยิ ะ เรำสำมำรถเรียงลำดบั ขนำดของดำวเครำะหจ์ ำกขนำดใหญ่ท่ีสุดไป ยงั ขนำดเล็กท่สี ุดได้ดงั น้ี ขนำดใหญ่ทส่ี ุด ขนำดเลก็ ทสี่ ุด ดำวองั คำร ดำวพุธ ดำว ดำวเสำร์ ดำวยเู รนสั ดำวเนปจูน โลก ดำวศุกร์ พฤหัสบดี ดำวเสำร์ ไกลดวงอำทติ ยท์ ี่สุด ดำวยเู รนัส ดำวเนปจูน ใกล้ดวงอำทติ ย์ทส่ี ุด ดำวพธุ ดำวศกุ ร์ โลก ดำวอังคำร ดำวพฤหัสบดี สรปุ จำกกำรสรำ้ งแบบจำลองของระบบสุริยะโดยกำรสรำ้ งขนำดของดำวเครำะหซ์ งึ่ ย่อสว่ นมำจำกขนำดของดำว เครำะหจ์ ริง ช่วยใหเ้ รำสำมำรถเปรียบเทียบขนำดของดำวเครำะห์ในระบบสุริยะจรงิ ได้ คาถามประกอบกิจกรรม 1. นกั ดำรำศำสตรใ์ ชแ้ บบจำลองเพอื่ อธิบำยระบบสุรยิ ะเพรำะเหตุใด แนวคำตอบ เพรำะแบบจำลองของระบบสุรยิ ะแสดงใหเ้ หน็ ว่ำดำวเครำะห์และเทหวัตถุต่ำงๆ เดนิ ทำงในเสน้ ทำงท่เี ป็นวงรี 2. จำกกำรสร้ำงแบบจำลองของระบบสุริยะ โลกของเรำเป็นดำวเครำะห์ทีม่ ีขนำดใหญเ่ ป็นลำดบั ที่เท่ำใด โลกมขี นำดใหญเ่ ป็นลำดับท่ี 5

เฉลยใบกิจกรรมวิชาวิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 4 กจิ กรรมเสรมิ การเรยี นรูท้ ี่ 6 เร่ือง ดาวเคราะห์ท่ีฉนั ชอบ ชื่อ - สกุล ______________________________________ ชนั้ ___________เลขที่______ ทกั ษะสร้างเสริมความเข้าใจทค่ี งทน 1. กำรสังเกต 2. กำรจดั กระทำและสอ่ื ควำมหมำยข้อมูล 3. กำรตีควำมหมำยขอ้ มลู และกำรลงขอ้ สรุป อุปกรณ์ 1 แทง่ /ด้ำม 1. ดนิ สอ/ปำกกำ 1 กอ้ น 2. ยำงลบ 1 กล่อง 3. สีเทยี นหรอื สีเมจกิ ขนั้ ตอน 1. เขียนรำยละเอยี ดเกยี่ วกับดำวเครำะหท์ ีน่ ักเรยี นชอบวำดรูปและระบำยสีให้สวยงำม 2. นำเสนอผลงำนและอธบิ ำยรว่ มกนั ในช้ันเรยี น ชือ่ ดำวเครำะห์ ดำวพุธ การคน้ พบ ลกั ษณะของดำวเครำะห์ เป็นดำวเครำะห์หนิ พ้ืนผิวขรขุ ระเต็มไปดว้ ยกอ้ นหนิ และหลมุ อกุ กำบำต จำนวนดำวบริวำร ไมม่ ดี ำวบริวำร

อย่หู ่ำงจำกดวงอำทิตย์เป็นลำดับที่ 1 เม่อื เปรียบเทียบกบั ดำวเครำะห์ดวงอน่ื แล้วมีขนำดใหญ่เปน็ ลำดับท่ี 8 สภำพบรรยำกำศบนดำวเครำะห์ ร้อนและแห้งแล้ง ไม่มีชนั้ บรรยำกำศหุ้มห่อพืน้ ผวิ อุณหภูมิของด้ำนที่สวำ่ งและด้ำนมดื แตกต่ำงกันมำก คาถามประกอบกิจกรรม 1. นกั เรียนชอบดำวเครำะห์ดวงใด เพรำะเหตุใด แนวคำตอบ ดำวพธุ เพรำะมฉี ำยำว่ำเตำไฟแช่แข็ง 2. ดำวเครำะหท์ ่นี กั เรยี นชอบมีจุดเดน่ อะไรบ้ำง แนวคำตอบ มอี ุณหภมู ทิ ัง้ 2 ด้ำนต่ำงกันมำก

เฉลยใบกจิ กรรมวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4 ใบกิจกรรมท่ี 26 เรอื่ ง ความเร็วในการโคจรของดาวเคราะหร์ อบดวงอาทิตย์ ชื่อ - สกุล ______________________________________ ช้นั ___________เลขท่ี______ ทกั ษะสรา้ งเสรมิ ความเข้าใจทีค่ งทน 1. กำรสังเกต 2. กำรทดลอง 3. กำรจัดกระทำและส่อื ควำมหมำยขอ้ มูล 4. กำรตคี วำมหมำยขอ้ มูลและกำรลงข้อสรปุ อุปกรณ์ 1. เชอื กยำว 1 เมตร 1 เส้น 2. ลูกปิงปอง 1 ลกู 3. นำฬกิ ำจบั เวลำ 1 เรอื น ปัญหา ดำวเครำะหท์ โี่ คจรอยู่ใกล้ดวงอำทติ ย์กับดำวเครำะหท์ โ่ี คจรอยู่ไกลดวงอำทติ ย์ ดำวเครำะห์ดวงใดมีควำมเรว็ ใน กำรโคจรมำกกวำ่ กัน กาหนดสมมตุ ิฐาน ดำวเครำะห์ทโี่ คจรอยู่ใกล้ดวงอำทติ ยน์ ่ำจะมคี วำมเร็วในกำรโคจรมำกกว่ำดำวเครำะห์ทีโ่ คจรอยูไ่ กลดวงอำทติ ย์ ข้ันตอน 1. นำเชอื กยำว 1 เมตรมำผูกปลำยเชอื กดำ้ นหน่งึ กบั ลูกปงิ ปอง จับปลำยเชือกดำ้ นตรงข้ำมลกู ปิงปองใหแ้ นน่ แล้วแกว่งลกู ปงิ ปองใหเ้ คลื่อนทร่ี อบศีรษะเป็นวงกลมในแนวระนำบ โดยให้เชอื กยงั คงตงึ อยู่ นับจำนวนรอบของกำร แกวง่ ในเวลำ 1 นำที บนั ทึกผล 2. ดำเนินกำรทดลองตำมข้ันตอนที่ 1 แต่ลดควำมยำวของ เชือกลงโดยกำรจับเชือกให้หำ่ งจำกลูกปิงปอง 20 เซนตเิ มตร แลว้ นับ จำนวนรอบของกำรแกวง่ ในเวลำ 1 นำที บันทึกผล 3. เปรียบเทียบกำรเคลื่อนที่ของลูกปิงปองรอบศีรษะกับกำร เคล่อื นทข่ี องดำวเครำะหร์ อบดวงอำทิตย์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook