แบบทดสอบกลางภาคเรยี น สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ วชิ าวทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 4 ปีการศึกษา 2561 เวลา 1 ชว่ั โมง ************************************************************************************************** ตอนที่ 1 แบบปรนัย คาช้ีแจง ให้นักเรยี นเลอื กคาตอบที่ถูกตอ้ งที่สดุ เพยี งคาตอบเดยี ว 1. สง่ิ มชี วี ิตกลุ่มใดจดั เป็นกลมุ่ สัตว์ทั้งหมด ก เต่า ปลา แมว ข เห็ด รา จลุ นิ ทรยี ์ ค กระบองเพชร รา ผ้ึง ง โกสน เห็ด จลุ ินทรยี ์ 2. ลักษณะเฉพาะของสิ่งมีชีวติ ท่สี ร้างอาหารเองได้ เคลือ่ นที่ดว้ ยตวั เองไมไ่ ด้ จดั เปน็ สิ่งมีชีวิตกล่มุ ใด ก พชื ข สตั ว์ ค ไมใ่ ชพ่ ืชและสัตว์ ง เปน็ ได้ทัง้ พืชและสตั ว์ 3. ลักษณะใดเปน็ ลักษณะของพืชใบเลีย้ งเด่ยี ว ก มรี ากแกว้ ข มใี บเลยี้ ง 2 ใบ ค เสน้ ใบเรยี งขนานกัน ง มกี ารเจริญเติบโตทางดา้ นข้างของลาต้น 4. พืชคใู่ ดจัดเปน็ พชื ดอกทง้ั หมด ข กุหลาบ เฟนิ ก มอสส์ เฟิน ง กุหลาบ อัญชัน ค อญั ชนั มอสส์ 5. จากข้อมูลในตารางถา้ จะแบ่งพืชออกเป็น 2 กลุ่ม จะใช้อะไรเปน็ เกณฑ์ ชนิดพชื ลักษณะเส้นใบ แบบร่างแห แบบขนาน ผักบุ้ง มะพร้าว - - ชบา - กล้วย - ก พืชดอก พชื ไมม่ ดี อก ข พืชใบเลีย้ งเดย่ี ว พชื ใบเลีย้ งคู่ ค พืชลาตน้ ต้งั ตรง พืชลาตน้ เล้ือย ง พืชลาต้นบนดนิ พืชลาตน้ ใต้ดิน
6. กระบองเพชรทไ่ี มม่ ใี บสามารถสร้างอาหารได้จากสว่ นใด ก ราก ข ดอก ค ท่อลาเลยี งน้า ง ลาต้นทมี่ ีสีเขียว 7. เหมยี วนาสผี สมอาหารหยดลงในแจกนั ท่ปี ักดอกไมส้ ขี าวไว้ ปรากฏว่าวันรุง่ ขนึ้ สขี องดอกไมม้ ีสขี อง สผี สมอาหารปนอยู่ดว้ ย ข้อสรุปใดถกู ตอ้ ง ก สีผสมอาหารละลายในนา้ ไดด้ ี ข ดอกไมช้ นิดนสี้ ามารถเปลยี่ นสีเองได้ ค เราสามารถย้อมสีเฉพาะดอกไมท้ มี่ ีสีขาวเท่าน้ัน ง สผี สมอาหารถกู ลาเลียงผา่ นท่อลาเลียงน้าไปยงั ดอก 8. จากแผนผงั X คืออะไร X ขนาดเลก็ มาก มสี เี ขยี ว ชว่ ยใหพ้ ชื เกิดการสงั เคราะห์ดว้ ย แสง ก ใบ ข แสงแดด ค คลอโรฟลิ ล์ ง แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ 9. แยมนากระดาษสดี ามาปดิ ใบไว้ดังรูป แล้วนาตน้ ไม้ไปไว้กลางแจ้งเป็นเวลา 1 วัน เมื่อนามาทดสอบหาแปง้ บริเวณใดท่จี ะพบแป้ง ก 1 ค 1 และ 2 ข 3 ง ทั่วท้งั ใบ 10. ดอกไม้ทม่ี ีท้งั เกสรเพศผู้และเกสรเพศเมียอยู่ในดอกเดียวกนั เรยี กวา่ อะไร ก ดอกครบสว่ น ข ดอกไม่ครบส่วน ค ดอกสมบรู ณ์เพศ ง ดอกไม่สมบรู ณเ์ พศ
11. สัตว์กล่มุ ใดมโี ครงรา่ งเปน็ แกนแข็งภายในลาตัว ก เต่า นก คน ข แมลง ปู กุ้ง ค มด แมลง ไก่ ง จระเข้ แมงมมุ แมงกะพรุน 12. จากตารางแบ่งสตั ว์เป็น 2 กล่มุ โดยใชเ้ กณฑ์อะไร กลุ่มที่ 1 เตา่ จระเข้ กงิ้ ก่า กลุม่ ท่ี 2 ชา้ ง พะยนู ค้างคาว ก สัตว์เล้ือยคลานและสัตว์เลีย้ งลูกดว้ ยน้านม ข สัตว์มีโครงรา่ งแข็งภายนอกและสตั ว์ไมม่ ปี ีก ค สตั วเ์ ลอ้ื ยคลานและสัตว์สะเทินนา้ สะเทนิ บก ง สตั ว์มกี ระดูกสนั หลงั และสัตวไ์ ม่มีกระดกู สันหลงั 13. สตั ว์ชนดิ ใดออกลูกเปน็ ไข่ ข วัว ควาย ก ช้าง ม้า ง โลมา ปลาหางนกยูง ค จ้ิงจก ต๊กุ แก ศกึ ษาตารางต่อไปนี้ แล้วตอบคาถามข้อ 14 สิง่ มชี ีวิต ผวิ หนงั กระดกู สันหลงั อวัยวะหายใจ การออกลูก ขา A นิ่ม – ช้นื มี ผิวหนัง – ปอด ไข่ – ในนา้ 2 คู่ B นม่ิ – มีขนเปน็ เสน้ เล็ก ๆ มี ปอด ตัว 2 คู่ C น่มิ – ขนเปน็ แผง มี ปอด ไข่ – มเี ปลือกแขง็ 1 คู่ ปีก 1 คู่ D แขง็ – มีเกล็ด มี ปอด ไข่ – มีสารเหนียว ไมม่ ี 14. โลมาจัดอยูใ่ นส่ิงมีชวี ติ กล่มุ ใด ขB งD กA คC 15. เมือ่ ใช้ลกั ษณะเฉพาะของสัตว์เป็นเกณฑ์ ปลาตะเพยี นท่ีมีเกลด็ จดั อยู่ในกลุ่มเดยี วกับงูท่มี ีเกล็ดไดห้ รอื ไม่ เพราะอะไร ก ได้ เพราะปลาและงูออกลกู เป็นไข่เหมอื นกนั ข ได้ เพราะปลาและงหู าอาหารในน้าไดเ้ หมอื นกนั ค ไมไ่ ด้ เพราะปลาหายใจด้วยเหงือก ง ไม่ได้ เพราะปลาเปน็ สตั วเ์ ลอื ดเยน็
ตอนท่ี 2 แบบอัตนัย 1. การลาเลยี งนา้ ของพชื มคี วามสัมพนั ธ์กับการคายน้าในลักษณะใด 2. พืชใบเลย้ี งเด่ยี วกับพืชใบเลี้ยงคมู่ ีลักษณะใดบ้างที่แตกต่างกนั พชื ใบเลี้ยงคู่ พืชใบเลี้ยงเด่ียว 3. ถา้ นักเรียนพบสตั ว์มีกระดูกสนั หลงั ชนิดหนง่ึ ที่ไม่รจู้ ัก นกั เรยี นจะสงั เกตลกั ษณะใดเพื่อจาแนกวา่ สัตว์ท่พี บนี้ เปน็ สัตว์มีกระดูกสันหลังกล่มุ ใด
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 ความหลากหลายของสิ่งมีชวี ติ คาชแ้ี จง เลือกค้าตอบทถี่ กู ที่สุดเพยี งคา้ ตอบเดียว 1. สิ่งมีชีวติ ใดทสี่ ร้างอาหารเองได้ 7. จระเขจ้ ดั เป็นสัตวม์ กี ระดูกสนั หลังเพราะอะไร ก สาหร่าย ก มีหนงั หนา ข เหด็ ฟาง ข มีปอดใชใ้ นการหายใจ ค แบคทีเรีย ค มหี างช่วยในการวา่ ยนา้ ง ดอกไม้ทะเล ง มีโครงรา่ งเปน็ แกนแขง็ ในล้าตัว 2. จลุ นิ ทรียจ์ ดั เปน็ สง่ิ มีชวี ิตกลุ่มใด 8. ลักษณะใดไมใ่ ช่ลกั ษณะของสัตว์กล่มุ ปลา ก พชื ก มีเกล็ด ข สตั ว์ ข มีครีบและหาง ค ไม่ใชท่ งั้ พชื และสัตว์ ค ไข่มเี ปลอื กแขง็ ง เปน็ ได้ท้งั พชื และสัตว์ ง หายใจดว้ ยเหงอื ก 3. เราสามารถแบ่งพชื โดยใช้ดอกเป็นเกณฑ์ไดก้ ก่ี ลุ่ม 9. สตั ว์กล่มุ ใดจดั เป็นสตั วเ์ ลือดอุ่นท้งั หมด ก1 ค3 ก จง้ิ จก หนู ข2 ง4 ข โลมา ฉลาม ค วาฬ ค้างคาว 4. การลา้ เลียงน้าและแร่ธาตุในพืชทิศทางใดผดิ ง ไสเ้ ดอื นดนิ กบ ก ราก ใบ 10.สตั ว์ในกลุม่ นกมสี ว่ นท่ีแตกต่างจากสัตว์มีกระดกู สนั หลัง ข ใบ ล้าตน้ กลมุ่ อ่ืนคอื อะไร ก ออกลูกเปน็ ไข่ ค ล้าต้น ผล ข หายใจด้วยปอด ง ลา้ ตน้ ดอก ค เป็นสัตวเ์ ลือดอ่นุ ง ปากเป็นจะงอยแข็ง ไมม่ ีฟนั 5. แก๊สทไ่ี ดจ้ ากการสังเคราะห์ด้วยแสงคอื แก๊สชนิดใด ก ออกซเิ จน ข ไนโตรเจน ค ไฮโดรเจน ง คารบ์ อนไดออกไซด์ 6. เราใชเ้ กณฑ์อะไรในการแบ่งสัตวเ์ ป็น 2 กลุม่ ก การหายใจ ข การกนิ อาหาร ค แหล่งทอี่ ยู่อาศยั ง การมกี ระดูกสันหลัง
แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 ความหลากหลายของสิ่งมีชวี ติ คาชแี้ จง เลือกคา้ ตอบท่ถี กู ท่ีสุดเพียงค้าตอบเดียว 1. กลมุ่ พชื มีลักษณะส้าคัญอะไร 7. ลกั ษณะใดไม่ใช่ลกั ษณะของสัตว์เลื้อยคลาน ก เคลือ่ นท่ีเองได้ ก ผวิ หนังหนา ข สรา้ งอาหารเองได้ ข ไขม่ ีเปลือกแข็ง ค ใช้ดอกในการสบื พนั ธ์ุ ค หายใจด้วยเหงือก ง กนิ ส่งิ มีชวี ิตอื่นเป็นอาหาร ง เปน็ สตั วเ์ ลอื ดเย็น 2. จลุ ินทรยี ม์ ลี ักษณะสา้ คญั อะไร 8. สตั วก์ ลุ่มใดจัดเปน็ สัตว์เลือดเย็นทงั้ หมด ก เคลอ่ื นท่ีเองได้ ก โลมา วาฬ ข กนิ พืชเปน็ อาหาร ข แมว นกฮกู ค สร้างอาหารเองไม่ได้ ค คางคก โลมา ง มองเหน็ ได้ด้วยตาเปลา่ ง เตา่ ปลาตะเพียน 3. พชื ลา้ เลียงน้าจากดนิ ผา่ นทางใด 9. สัตว์เลีย้ งลกู ด้วยน้านมคือสัตวก์ ลุ่มใด ก เน้ือเย่ือ ก เต่า งู ข ปากใบ ข เปด็ ห่าน ค ทอ่ ล้าเลียงน้า ค นกยูง ตุ๊กแก ง ทอ่ ลา้ เลยี งอาหาร ง ค้างคาว แมวน้า 4. ปากใบท้างานในลกั ษณะใด 10.สตั ว์ในกลุม่ สัตว์เลือ้ ยคลานมลี กั ษณะเฉพาะใดท่ีแตกตา่ ง ก ปิดเม่อื เกดิ การคายน้า จากสัตว์มีกระดูกสันหลังกล่มุ อน่ื ข เปดิ เม่ือเกดิ การคายน้า ก ปากเป็นจะงอย ค ปิดเม่อื ภายในพชื มีนา้ ปริมาณมาก ข เป็นสัตวเ์ ลือดเย็น ง เปดิ เมื่อภายในพืชมนี ้าปรมิ าณน้อย ค มีต่อมสรา้ งนา้ นม ง ไขม่ สี ารเหนียวหมุ้ เปลอื ก 5. พืชไมไ่ ด้ใช้สิง่ ใดในการสังเคราะห์ด้วยแสง ก น้า ข แสง ค ออกซเิ จน ง คารบ์ อนไดออกไซด์ 6. เมื่อใช้การมีกระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์สามารถแบ่งสัตว์ ได้เป็นก่กี ลุ่ม ก2 ข3 ค4 ง5
แบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 แรงโน้มถ่วงของโลกและตัวกลางของแสง คาชี้แจง เลือกค้าตอบท่ถี ูกท่ีสดุ เพยี งค้าตอบเดียว 1. บริเวณใดมแี รงโน้มถว่ งน้อยทีส่ ดุ 7. ตวั กลางชนดิ ใดยอมให้แสงเคล่อื นทผี่ ่านไดเ้ พยี งบางสว่ น ก พืน้ โลก ค ในอวกาศ ก กระจกใส ค กระดาษไข ข บนภเู ขา ง พนื้ ดวงจนั ทร์ ข นา้ สะอาด ง กอ้ นหนิ ขนาดใหญ่ 2. ความสัมพันธ์ระหว่างมวลกับน้าหนักมีลักษณะใด 8. กระจกเงาเป็นตัวกลางชนดิ ใด ก มวลลด น้าหนกั เพม่ิ ก ทึบแสง ข มวลเพม่ิ น้าหนกั เพิม่ ข โปรง่ ใส ค มวลไมค่ งท่ี น้าหนักคงท่ี ค โปร่งแสง ง มวลและน้าหนกั ไม่มคี วามสัมพันธก์ ัน ง ไม่สามารถจา้ แนกได้ 3. สปรงิ ของเครื่องชั่งสปรงิ แบบแขวนแตล่ ะอนั เหมอื นกัน 9. ถา้ ต้องการเงาทมี่ ลี กั ษณะวงกลมตอ้ งวางกระป๋อง และช่ังวัตถใุ นสถานท่ีเดียวกนั ทรงกระบอกลกั ษณะใด AB CD ก ข จากรูป วตั ถใุ ดมีน้าหนกั มากทสี่ ุด ค กA คC ง ขB ง D 10. การจัดวางวัตถลุ กั ษณะใดทา้ ใหเ้ กดิ เงา ก 4. เครื่องชัง่ สปริงสามารถบอกค่าใดของวัตถไุ ด้ ก ขนาด มวล ข ข มวล น้าหนัก ค ขนาด วัสดุทใี่ ช้ท้า ค ง น้าหนัก วัสดุที่ใชท้ า้ ง 5. ความสัมพนั ธใ์ ดถกู ต้อง ก ราคาสงู เคลอ่ื นที่งา่ ย ข มวลมาก เคล่ือนทย่ี าก ค ขนาดใหญ่ เคลือ่ นทย่ี าก ง วสั ดธุ รรมชาติ เคลอ่ื นที่งา่ ย 6. ผ้าขาวบางและฟลิ ์มกรองแสงเปน็ ตวั กลางชนิดใด ก ทึบแสง ข โปรง่ ใส ค โปรง่ แสง ง โปร่งแสงและโปร่งใส
แบบทดสอบหลังเรยี น หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 แรงโน้มถ่วงของโลกและตัวกลางของแสง คาช้ีแจง เลือกค้าตอบที่ถูกที่สุดเพียงค้าตอบเดียว 1. บรเิ วณใดมีแรงโนม้ ถว่ งมากท่สี ดุ 6. ตัวกลางทแ่ี สงเคลือ่ นท่ผี ่านชนิดใดต่างจากพวก ก พื้นโลก ค บนเคร่ืองบนิ ก อากาศ ค กระเบ้ือง ข ในอวกาศ ง พ้นื ดวงจันทร์ ข นา้ กลน่ั ง กระจกใส 2. ข้อความใดถูกต้อง 7. วัสดกุ ลุ่มใดเปน็ ตัวกลางโปร่งใสท้งั หมด ก มวลลด เนอื้ สารคงที่ ก แท่งไม้ ก้อนหิน เหล็ก ข มวลเพม่ิ น้าหนักคงท่ี ข กระจกนาฬกิ า นา้ กล่ัน อากาศ ค น้าหนกั เพิ่ม เนอื้ สารคงที่ ค กระดาษแขง็ น้าหวาน แผ่นยาง ง น้าหนักลด แรงโนม้ ถว่ งเพ่ิม ง กระจกฝา้ ผ้าขาวบาง กระดาษช้าระ 3. สปรงิ ของเครอื่ งชงั่ สปริงแบบแขวนแตล่ ะอันเหมือนกัน 8. ตวั กลางทีแ่ สงเคลอื่ นทผี่ ่านชนดิ ใดอยกู่ ลุม่ เดยี วกัน และชง่ั วตั ถุในสถานท่ีเดียวกัน ก หมอก กระจกใส ข พลาสติกใส กระจกเงา A B CD ค เลนส์ อะลมู ิเนียมฟอยล์ ง ฟิลม์ กรองแสง กระดาษลอกลาย 9. เงามัวจะมีขนาดเล็กท่ีสดุ เมื่อวางวตั ถุลักษณะใด ก จากรูป วตั ถุใดมนี ้าหนกั น้อยทสี่ ุด ข กA ค C ขB ง D ค 4. เครื่องชั่งสปรงิ สามารถบอกค่าใดของวัตถไุ ด้ ง ก ขนาด ข นา้ หนัก 10. การมองเหน็ เงาตอ้ งมีการจัดเรียงองค์ประกอบลักษณะใด ค ปรมิ าตร ก แหลง่ ก้าเนดิ แสง ฉาก ง วสั ดุท่ีใช้ท้า ข แหล่งก้าเนิดแสง วตั ถุทึบแสง ค แหล่งกา้ เนิดแสง วตั ถุทึบแสง ฉาก 5. “วัตถุเริม่ เคล่ือนท่ีเมอ่ื ดึงด้วยแรง 5 นิวตัน” ข้อสรปุ ใด ง ฉาก แหลง่ ก้าเนดิ แสง วตั ถทุ บึ แสง ถูกตอ้ ง ก วัตถุมมี วล 5 นวิ ตัน ข วัตถตุ ้องใช้แรงคนในการดงึ 5 คน ค วัตถมุ แี รงตา้ นการเคล่ือนท่ี 5 นวิ ตัน ง วัตถไุ ม่มแี รงต้านการเคลื่อนท่เี มือ่ ออกแรงดงึ 5 นิวตัน
แบบทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 วสั ดแุ ละสสาร คาช้ีแจง เลือกคา้ ตอบท่ีถกู ท่ีสดุ เพยี งค้าตอบเดียว 1. วสั ดใุ ดมีสภาพยดื หยุ่น 6. วัสดุใดมีสมบัติเป็นตัวนา้ ไฟฟา้ ก ไมอ้ ัด ก ไม้ ข สงั กะสี ข ยาง ค ฟองน้า ค ทองแดง ง กระเบ้ือง ง พลาสติก 2. จากรูป เป็นการใช้สมบัตดิ า้ นใดของเหล็ก 7. เครื่องมอื ทใี่ ชใ้ นการวดั มวลและปริมาตรของของแข็งคอื ขอ้ ใด ก บกี เกอร์ ข เคร่อื งชั่ง ค หลอดฉีดยา ก ความแขง็ ง กระบอกตวง ข การน้าไฟฟ้า 8. กจิ กรรมสะเต็มศกึ ษาเกิดจากการน้าความรู้ก่สี าขา ค สภาพยดื หยุ่น มาเรียนรรู้ ่วมกัน ง การนา้ ความรอ้ น ก2 3. การผลติ วัสดชุ นดิ ใดตอ้ งคา้ นงึ ถงึ สมบัติด้านความเหนียว ข 3 ก เชอื ก ข กระติกนา้ ค4 ค ยางรถยนต์ ง หม้อหุงขา้ ว ง5 4. ถา้ นา้ ช้อนโลหะกับช้อนไมไ้ ปแช่ในน้ารอ้ น เมอื่ เราใช้มอื 9. การคน้ คว้าและรวบรวมข้อมูลท้าไดโ้ ดยการสืบคน้ จาก จบั จะรู้สกึ ว่าชอ้ นชนิดใดร้อนกวา่ กนั แหล่งการเรียนรู้ใด เพราะอะไร ก บ้าน แหลง่ ชมุ ชน ก ช้อนไม้ เพราะเปน็ ฉนวนไฟฟ้า ข โรงเรยี น แหลง่ ชมุ ชน ข ชอ้ นโลหะ เพราะเป็นฉนวนไฟฟ้า ค อนิ เทอร์เน็ต หอ้ งสมุด ค ชอ้ นไม้ เพราะเปน็ ตวั น้าความรอ้ น ง สอบถามผ้รู ู้ อนิ เทอร์เน็ต ง ช้อนโลหะ เพราะเปน็ ตวั น้าความร้อน 10. ความรู้ดา้ นวิศวกรรมศาสตรท์ นี่ า้ มาใชใ้ นการออกแบบ 5. ข้อใดกลา่ วถกู ต้องเกี่ยวกบั การจดั เรยี งอนภุ าคของ ส่ิงประดิษฐ์ในกิจกรรมสะเต็มศึกษาคือขอ้ ใด ของแข็ง ก การออกแบบ สรา้ ง ทดสอบ และปรับปรุง ก ไหลไดแ้ ละเคลื่อนทไ่ี ด้ ข การวัดเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางเพ่อื กา้ หนดขนาด ข เปล่ยี นแปลงไปตามภาชนะท่บี รรจุ ค การใช้สมบัตขิ องวสั ดุมาใช้ในการเลือกวัสดุ ค อนภุ าคสามารถเคล่ือนท่ไี ด้ทกุ ทิศทาง ง การใช้กรรไกรตดั วัสดใุ หเ้ ปน็ รูปร่างตามต้องการ ง อยชู่ ดิ กันมากและมกี ารจัดเรยี งตวั อย่างเปน็ ระเบยี บ เคล่ือนไหวไดน้ ้อยมาก
แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 วัสดุและสสาร คาช้แี จง เลอื กคา้ ตอบทถี่ กู ท่ีสดุ เพยี งค้าตอบเดียว 1. การน้าแถบยางยืดใสไ่ ว้ในขอบกระโปรงเป็นการใช้ 6. วสั ดุทีม่ คี วามสามารถในการเป็นฉนวนไฟฟ้าคอื วัสดุ ประโยชนข์ องวัสดุในดา้ นใด ชนดิ ใด ก ความแขง็ ข ความเหนยี ว ก แกว้ ไม้ ยาง และพลาสตกิ ค ความสวยงาม ง สภาพยดื หยนุ่ ข เหลก็ อะลูมเิ นียม สเตนเลส 2. โลหะและยางท่ีเป็นสว่ นประกอบในรถยนต์เปน็ การใช้ ค ผา้ ยาง โฟม เหลก็ และพลาสติก สมบัตใิ ดของวสั ดตุ ามล้าดบั ง เหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดง และไสด้ นิ สอ ก ความเหนยี ว ความแขง็ 7. ข้อความใดแสดงสมบัติของของเหลว ข ความแข็ง สภาพยืดหยุ่น ก รปู ร่างและปริมาตรคงท่ี อนุภาคอย่ชู ิดกันมาก ค ความเหนยี ว สภาพยดื หยุ่น ข รปู รา่ งและปรมิ าตรไมค่ งที่ อนภุ าคชดิ กันมาก ง ความเหนียว การน้าความร้อน ค รปู รา่ งและปริมาตรไมค่ งที่ อนภุ าคอยหู่ า่ งกนั มาก 3. ใครทา้ การทดสอบสมบัติเก่ยี วกบั ความเหนียวถูกต้อง ง รูปรา่ งไม่คงที่ มีปรมิ าตรคงที่ อนภุ าคอย่หู ่างกนั มาก ก ปลานา้ เชือกมาถว่ งด้วยตุ้มเหลก็ แลว้ สงั เกตจา้ นวน 8. กระบอกตวงใชเ้ พ่อื หาปริมาตรของสสารในสถานะใด ตุ้มเหล็กทท่ี ้าให้เชือกขาด ก แก๊ส ข นกนา้ กระจกมาทบุ แลว้ ดูการเปล่ียนแปลงการคนื ตวั ข ของแขง็ ค แมวน้าเทยี นไขมาขดู บนกระจกแล้วดรู อยบนกระจก ค ของเหลว ง หนูนา้ ดนิ น้ามันไปลอยน้าแล้วสงั เกตการจมของดิน ง ทงั้ ของแขง็ และของเหลว น้ามนั 9. ขอ้ ใดไม่ใช่สงิ่ สา้ คัญท่ีสดุ ในการเลือกพจิ ารณาปัญหาที่ 4. “เหล็กเมือ่ ได้รบั ความร้อนทัว่ ทง้ั แผ่นจะยดื ออกและตี ต้องการของกจิ กรรมสะเตม็ ศกึ ษา เป็นแผ่นได้” จากขอ้ ความดงั กล่าว แสดงวา่ ก ผลเสยี เหล็กมีสมบัตใิ ด ข ความเร่งด่วน ก ความแข็งและความเหนียว ค ผลกระทบในระยะยาว ข สภาพยดื หยุ่นและความแข็ง ง ประโยชนท์ ่ีไดจ้ ากปญั หา ค การนา้ ไฟฟา้ และสภาพยดื หยนุ่ 10. การน้าเสนอผลงานในการแก้ปญั หาของการสรา้ ง ง การน้าความร้อนและความเหนียว ชิ้นงานกจิ กรรมสะเต็มศึกษาในข้อใดถูกต้องท้ังหมด 5. A เป็นวัสดุที่ทา้ มาจากพลาสติก โดยใช้สมบัติด้านใดของ ก สาธิต ทดสอบ วสั ดุ A ข ประเมินผล ปรบั ปรงุ ก ความแขง็ ค จัดป้ายนิเทศ ท้าสมุดภาพ ข ฉนวนไฟฟา้ ง จัดนทิ รรศการ ประเมินผล ค สภาพยืดหย่นุ ง ฉนวนความร้อน
แบบทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 ระบบสรุ ยิ ะและการปรากฏของดวงจนั ทร์ คาชแ้ี จง เลอื กค้าตอบทีถ่ กู ที่สุดเพยี งคา้ ตอบเดียว 1.ดวงดาวทม่ี แี สงสวา่ งในตัวเองเรยี กว่าอะไร 6. โลกหมุนรอบตวั เองในทศิ ทางใด ก กาแลก็ ซี ก เหนอื ไปใต้ ข ดาวฤกษ์ ข ใต้ไปเหนือ ค ดาวเคราะห์ ค ตะวันตกไปตะวนั ออก ง ดวงอาทติ ย์ ง ตะวนั ออกไปตะวนั ตก 2. เหตุใดคนบนโลกจงึ เหน็ ดวงจันทรเ์ พียงดา้ นเดียว 7. “ดาวประจ้าเมืองหรอื ดาวประกายพรกึ ” เปน็ ก ดวงจนั ทร์หมนุ ตามเข็มนาฬิกา ชื่อของดาวอะไร ข โลกหมุนจากทิศตะวันออกไปยงั ทศิ ตะวันตก ก ดาวพธุ ค คนบนโลกยืนทา้ มมุ 90 องศากับดวงจนั ทร์ ข ดาวศกุ ร์ ตลอดเวลา ค ดาวเสาร์ ง ดวงจันทรห์ มุนรอบโลกและหมนุ รอบตวั เองใช้ ง ดาวองั คาร เวลาใกล้เคียงกัน 8. ดาวเคราะหด์ วงใดที่นกั วิทยาศาสตร์คาดวา่ จะมี 3. ดาวเคราะหด์ วงใดไมม่ ดี าวบริวาร สิ่งมชี วี ิตอาศัยอยู่ ก ดาวพุธ ดาวศุกร์ ก ดาวพธุ ข ดาวศุกร์ ดาวองั คาร ข ดาวศุกร์ ค ดาวเสาร์ ดาวเนปจนู ค ดาวเสาร์ ง ดาวองั คาร ดาวยูเรนัส ง ดาวอังคาร 4. ปจั จุบันดาวเคราะหด์ วงใดถกู ลดสถานะให้เป็นเพียง 9. โลกโคจรอยู่ระหว่างดาวเคราะห์คู่ใด ดาวเคราะห์แคระ ก ดาวพุธกบั ดาวศุกร์ ก ดาวศุกร์ ข ดาวศกุ ร์กบั ดาวอังคาร ข ดาวเสาร์ ค ดาวเสาร์กบั ดาวยเู รนสั ค ดาวพลูโต ง ดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดี ง ดาวพฤหัสบดี 10. โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบใชเ้ วลานาน 5. สิ่งที่โคจรอยรู่ ะหว่างดาวองั คารกับดาวพฤหัสบดีคือ เท่าใด อะไร ก 1 วัน ก ดาวหาง ข 24 วนั ข ดาวศกุ ร์ ค 30 วนั ค อุกกาบาต ง 365 วัน ง ดาวเคราะห์น้อย
แบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 4 ระบบสรุ ิยะและการปรากฏของดวงจนั ทร์ คาช้ีแจง เลอื กค้าตอบที่ถูกท่ีสุดเพียงค้าตอบเดียว 1. แบบจ้าลองของนกั ดาราศาสตร์คนใดแสดงใหเ้ หน็ 6. ดาวดวงใดมจี ุดแดงใหญ่อยูต่ รงกลาง วา่ ดาวเคราะหเ์ ดินทางเปน็ วงรรี อบดวงอาทติ ย์ ก ดาวหาง ก พโตเลมี ข อุกกาบาต ข เคปเลอร์ ค ดาวพฤหัสบดี ค โคเพอร์นิคัส ง ดาวเคราะห์นอ้ ย ง เคปเลอร์และโคเพอรน์ ิคัส 7. ล้าดับของดาวเคราะห์ท่เี รยี งจากความเรว็ ในการ 2. ดาวเคราะหด์ วงใดใช้เวลาในการโคจรรอบดวงอาทติ ย์ หมุนรอบดวงอาทิตย์จากเรว็ ไปชา้ คอื ลา้ ดบั ใด นานทส่ี ุด ก โลก ดาวอังคาร ดาวพธุ ก ดาวเสาร์ ข ดาวเสาร์ ดาวพธุ ดาวศกุ ร์ ข ดาวอังคาร ค ดาวยูเรนสั ดาวองั คาร ดาวศุกร์ ค ดาวเนปจูน ง ดาวองั คาร ดาวพฤหสั บดี ดาวเนปจูน ง ดาวพฤหัสบดี 8. ดาวเคราะหท์ ่มี ีน้าเป็นส่วนประกอบคอื 3. ดาวเคราะหด์ วงใดมที ิศทางการหมนุ รอบตวั เองต่าง ดาวคราะห์ดวงใด ก โลก จากดาวเคราะหด์ วงอ่นื ข ดาวศุกร์ ค ดาวเสาร์ ก ดาวศกุ ร์ ค ดาวยเู รนสั ง ดาวพฤหัสบดี ข ดาวเสาร์ ง ดาวเนปจนู 9. ดาวเคราะห์ท่ีมีองคป์ ระกอบสว่ นใหญ่เป็นหนิ ไดแ้ ก่ ดาวเคราะหด์ วงใดบ้าง 4. ความสมั พนั ธ์ใดผิด ก ดาวพุธ ดาวศุกร์ ก ดาวพธุ – ดาวเคราะห์วงใน ข ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ข โลก – ดาวเคราะหย์ ักษแ์ กส๊ ค ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก และดาวอังคาร ค ดาวอังคาร – ดาวเคราะห์หนิ ง ดาวองั คาร ดาวพฤหสั บดี ดาวเสาร์ ดาวยเู รนัส ง ดาวพฤหัสบดี – ดาวเคราะห์วงนอก และดาวเนปจูน 5. ดาวหางเม่ือเคลือ่ นที่เข้าหาดวงอาทติ ย์หวั ของมนั จะมี 10. ดาวทพ่ี บกอ้ นน้าแข็งสกปรกทีไ่ มม่ แี สงสว่างในตัวเอง ลกั ษณะใด มวี งโคจรรอบดวงอาทิตยเ์ ปน็ วงรีคือขอ้ ใด ก ใหญแ่ ละสว่างขึน้ ก ดาวหาง ข เลก็ จนมองไม่เหน็ ข อกุ กาบาต ค เท่าเดิมและไม่มีแสงสว่าง ค ดาวเคราะห์น้อย ง สรปุ ไม่ได้ ง ดาวเคราะห์แคระ
แบบทดสอบปลายภาคเรยี น สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4 ปกี ารศกึ ษา 2561 เวลา 1 ช่ัวโมง ************************************************************************************************** ตอนท่ี 1 แบบปรนัย คาช้แี จง เลอื กคาตอบที่ถกู ตอ้ งที่สดุ เพยี งคาตอบเดียว 1. สมบัตขิ องวัสดุท่ีทนตอ่ การขูดขดี ให้เกิดรอยคือข้อใด ก ความแข็ง ข ความเหนยี ว ค สภาพยดื หยุน่ ง การนาความร้อน 2. ขอ้ ความใดถกู ต้องเกย่ี วกับฉนวนความรอ้ น ก วัสดุทน่ี าความร้อนได้ดี ข วัสดุทนี่ าความรอ้ นไม่ได้ ค วสั ดทุ ย่ี อมให้ความรอ้ นผา่ นได้ ง วสั ดุทนี่ าความร้อนได้ปานกลาง 3. ใครทาการทดสอบสมบัติเกยี่ วกับความเหนยี วถูกต้อง ก นกนากระจกมาทบุ แล้วดูการเปลีย่ นแปลง ข แมวนาเทยี นไขมาขูดบนกระจกแล้วดรู อยบนกระจก ค หนูนาเชอื กมาถ่วงด้วยตมุ้ เหล็กแลว้ วัดความยาวท่ียดื ออก ง ปลานาดนิ นา้ มนั ไปลอยนา้ แลว้ สงั เกตการจมของดนิ น้ามัน 4. มอื จบั ของเตารีดควรทาจากวัสดชุ นดิ ใด เพราะอะไร ก โฟม เพราะเบา ข พลาสติก เพราะไม่นาไฟฟา้ ค อะลูมเิ นยี ม เพราะมคี วามแข็ง ง ดินเหนยี ว เพราะไมน่ าความร้อน 5. การสารวจข้อดี ขอ้ เสียของวสั ดุ อปุ กรณ์ท่ีใช้ในกิจกรรมสะเตม็ ศกึ ษามีความสาคัญเพราะอะไร ก ได้วัสดุ อปุ กรณ์แขง็ ที่สดุ ข ไดว้ สั ดุ อุปกรณส์ วยงามที่สุด ค ไดว้ ัสดุ อปุ กรณ์ราคาถกู ท่ีสุด ง ได้วสั ดุ อุปกรณ์เหมาะสมท่ีสุด 6. เมื่อใสก่ อ้ นหนิ ลงในแก้วน้าปรากฏวา่ ระดับนา้ สงู ข้ึน แสดงวา่ นา้ มสี มบัติใด ก มีนา้ หนกั ข ต้องการทีอ่ ยู่ ค ปรมิ าตรคงท่ี ง เปลยี่ นแปลงรูปร่างได้
7. ถ้าตอ้ งการวดั ปริมาตรของสสารทีม่ ีสถานะเปน็ แก๊สต้องใช้เครือ่ งมอื ชนดิ ใด ก บีกเกอร์ ข หลอดฉดี ยา ค บารอมิเตอร์ ง กระบอกตวง 8. เคร่อื งช่งั ใช้เพื่อหามวลของสสารสถานะใด ก แก๊ส ข ของแขง็ ค ของเหลว ง ของแข็งและของเหลว 9. การเดินข้นึ บนั ไดทาใหเ้ รารู้สกึ เหนอื่ ยกวา่ การเดนิ ลงบนั ไดเพราะอะไร ก เดินขึน้ บนั ไดทาใหน้ ้าหนกั ตวั มากข้นึ ข ร่างกายทรงตัวขณะเดินลงบันไดไดด้ ีกว่า ค เดินข้ึนบนั ไดเปน็ การเคล่อื นทตี่ า้ นแรงโน้มถ่วง ง เดินขึน้ บันไดมแี รงโน้มถว่ งกระทาต่อร่างกายมากกว่า 10. สิง่ ใดต่อไปนีไ้ มม่ นี า้ หนัก ก เรอื บนผวิ นา้ ข ลูกโป่งสวรรค์ ค ก้อนหินบนพน้ื ง สะเก็ดดาวในอวกาศ 11. จากรูป เราสามารถสรปุ ได้ว่าอะไร ก เคร่อื งชัง่ สปรงิ เป็นอุปกรณท์ ดี่ ี ข เครือ่ งชัง่ สปรงิ สามารถวดั มวลได้ ค วัตถุมีแรงต้านการเคลอ่ื นทไี่ ม่เท่ากนั ง วัตถุออกแรงต้านแรงโนม้ ถ่วงของโลก 12. ถา้ ตอ้ งการทราบวา่ วตั ถุใดตอ้ งใช้แรงในการทาให้วตั ถุเคล่ือนท่มี ากกว่า สง่ิ สาคัญทส่ี ุดที่เราควรทราบกอ่ น คืออะไร ก มวล ข ราคา ค พน้ื ผิว ง วสั ดุทีใ่ ช้ทา
13. จากรปู ขอ้ ความใดถกู ตอ้ ง ก วตั ถุ A คือ แผ่นไม้อดั ข วตั ถุ B คือ กระจกเงา ค วตั ถุ A ทาให้เกดิ เงาได้ ง วัตถุ B ไม่ทาให้เกดิ เงา 14. สิ่งใดใช้ประโยชนจ์ ากการเกิดเงา ข กระจกเงา ก กังหันลม ง เลนส์ของแว่นตา ค นาฬิกาแดด 15. ลักษณะของดวงจันทรใ์ นคืนข้างขึน้ คือขอ้ ใด ข ก คง 16. การขึน้ และตกของดวงจนั ทร์เกดิ จากโลกมีทิศการหมนุ รอบตวั เองจากทศิ ใดไปสทู่ ิศใด ก ทศิ เหนอื ไปทศิ ใต้ ข ทิศเหนอื ไปทิศตะวนั ตก ค ทศิ ตะวันออกไปทิศตะวันตก ง ทิศตะวนั ตกไปทศิ ตะวันออก 17. ดวงจนั ทร์ปรากฏขึน้ ทางทศิ ใดเสมอ ข ทิศเหนอื ก ทศิ ใต้ ง ทศิ ตะวนั ออก ค ทิศตะวนั ตก 18. ดาวเคราะหด์ วงใดมีเสน้ ผา่ นศูนยก์ ลางของดาวเคราะหน์ อ้ ยทสี่ ดุ ก ดาวพุธ ข ดาวศกุ ร์ ค ดาวยเู รนสั ง ดาวพฤหัสบดี
19. ดาวเคราะหด์ วงใดไมใ่ ช่ดาวเคราะห์หนิ ก ดาวพธุ ข ดาวศกุ ร์ ค ดาวอังคาร ง ดาวเนปจูน 20. สิง่ ใดไม่ใช่องค์ประกอบของระบบสุริยะ ก ดาวหาง ข ดาวเทยี ม ค ดาวเคราะห์ ง ดาวเคราะหน์ อ้ ย ตอนที่ 2 แบบอัตนัย 1. ความเหนียวกบั สภาพยดื หยนุ่ แตกตา่ งกนั อย่างไร 2. ถา้ เราต้องการทราบว่าวัตถทุ ่ีมอี ยเู่ ป็นตวั กลางชนดิ ใด เราควรทดสอบด้วยวธิ ใี ด
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: