Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อาคารบ้านเรือนและสถาปัตยกรรม จ.ปัตตานี_clone

อาคารบ้านเรือนและสถาปัตยกรรม จ.ปัตตานี_clone

Published by Asfahan Madlam, 2021-03-08 06:52:34

Description: นิตยสาร
เรื่อง อาคารบ้านเรือนและสถาปัตยกรรม จ.ปัตตานี
จัดทำโดย นายอัสฟาฮัน หมัดหลำ
ปวส.2 คอมพิวเตอร์กราฟิก วิทยาลัยอาชีวศึกษาปัตตานี

Search

Read the Text Version

วทิ ยาลยั อาชีวศกึ ษาปตั ตานี Pa ani FEBRUARY 2020 อาคารบา้ นเรอื นและสถาปัตยกรรม จงั หวดั ปตั ตานี อาคารบา้ นเรอื นและสถาปตั ยกรรม จังหวัดปตั ตานี มัสยิดกลางปัตตานี กือดาจีนอ มสั ยิดกรอื เซะ บา้ นกงสี วังยะหริ่ง

วิทยาลัยอาชีวศึกษาปัตตานี FEBRUARY 2020 อาคารบ้านเรอื นและสถาปตั ยกรรม จงั หวัดปตั ตานี หน้า สารบัญ มัสยดิ กลางปตั ตานี 1 กอื ดาจีนอ 2 มัสยดิ กรือเซะ 3 บ้านกงสี 4 วังยะหรงิ่ 5 Pa ani อาคารบา้ นเรอื นและสถาปัตยกรรม จังหวัดปตั ตานี

วทิ ยาลยั อาชีวศึกษาปัตตานี 1 อาคารบา้ นเรอื นและสถาปัตยกรรม จังหวดั ปัตตานี มสั ยิดกลางปัตตานี ถนน ยะรงั เลขทะเบียน ที่ 249, ตำบล อาเนาะรู อำเภอเมืองปต ตานี ปต ตานี 94000 สามารถเขาชมไดท ุกวันต้งั แตเ วลา 09.00 -15.30 น. ยกเวนวนั ศุกรซงึ่ เปน วันประกอบศาสนกิจละหมาดประจำสัปดาห สอบถามเพมิ่ เตมิ โทร 0 7333 2402 ประวตั แิ ละความสำคัญ มสั ยดิ กลางปตตานี เปน ศูนยรวมจติ ใจ และเปนสถานท่ีประกอบศาสนกิจของผนู บั ถอื ศาสนาอสิ ลามในภาคใตทสี่ ำคญั ทีส่ ดุ แหง หน่ึงของเมอื งไทย ซ่งึ มสั ยิดกลางปตตานี ไดสรางขึ้นเมอื่ ป พ.ศ.2497 เนอื่ งจากรัฐบาลไดตระหนกั ถงึ ความสำคัญของศาสนา อสิ ลามซึ่งเปน ศาสนาทปี่ ระชาชนชาวปตตานสี ว นใหญน บั ถืออยางเครงครดั รวมทั้งมชี าวมสุ ลมิ จำนวนมากอาศัยอยใู นพ้ืนทสี่ ี่ จงั หวัดภาคใตจึงเหน็ สมควรใหจ ดั สรา งมัสยดิ ขนาดใหญ ไวเ พ่ือเปนศนู ยกลางแกชาวไทยผูนับถือศาสนาอิสลามทว่ั ประเทศ ในปจ จุบนั มสั ยดิ กลางปตตานไี ดใชเ ปน สถานทปี่ ระกอบศาสนกิจสำคญั คอื การละหมาดวนั ละ 5 เวลา เปนกจิ วัตรประจำวนั และใชในการละหมดในวันศกุ รรวมถงึ การละหมาดในวันตรษุ ตางๆ ซ่งึ มีชาวไทยมสุ ลิมในพนื้ ท่ีปต ตานรี วมถึงชาวมุสลมิ ที่มาจาก พื้นท่อี น่ื ทง้ั ในและตางประเทศมาเขารว มเปน จำนวนมาก โดยเฉพาะในวนั ศกุ รและวันเสาร จะมกี ารบรรยายธรรมะซึ่งมีผเู ขา รวม รับฟงกวา 3,000 คน อันเปน การเพ่ิมพนู ความรูค วามเขาใจในหลักการของศาสนา และเพือ่ ความถกู ตองในการบำเพญ็ ศาสนกจิ Pa ani อาคารบ้านเรอื นและสถาปตั ยกรรม จังหวัดปตั ตานี

วิทยาลยั อาชีวศึกษาปตั ตานี 2 อาคารบา้ นเรือนและสถาปตั ยกรรม จงั หวัดปตั ตานี กอื ดาจีนอ ยา นชุมชนเมืองเกา ในจังหวัดปต ตานี ซึ่งมที ง้ั พ่นี องชาวไทยเชอ้ื สายจีน และเชอ้ื สายมลายู ทีอ่ ยูร วมกันดวยความรกั ความสามคั คี มาอยา งยาวนาน ปจ จบุ นั ถอื เปน แหลง ทอ งเทย่ี วท่ไี ดร ับความสนใจจากประชาชนมาแวะมาเทยี่ วอยา งตอเนอ่ื ง สำหรับยา นชุมชนเมืองเกาปต ตานี ตง้ั อยูในพนื้ ท่ี ถนนอาเนาะรู ถนนปต ตานีภริ มย และถนน ดี เมื่อรวมกันแลวกลายเปน ถนน สายอารมณชมุ ชนท่ีน่เี ปน ท่อี ยอู าศยั ของชาวไทยพุทธไทยมสุ ลมิ และชาวไทยเชือ้ สายจนี จนไดร ับฉายาวา ปตตานี เมอื งงาม 3 วฒั นธรรมโดยมีอาคารบานเรอื น ตกึ แถวสไตล ชโิ นโปรตกุ ีส ทมี่ ีสสี ันสดใส และมีอาคารเรอื นไม ทีเ่ รยี บงายแตด มู ีเสนห บา นเรือนของชมุ ชนน้ีสว นใหญม อี ายหุ ลายรอ ยป ในอดีตท่ีน่ียังเปนยานการคา ยา นตลาดยุคแรกๆ ของปตตานี จงึ เกดิ เปนชุมชน หวั ตลาด เรยี กวา ตลาดจีน หรือ กอื ดาจนี อ ยานชุมชนเมืองเกาแหง นี้มีศาลเจาเลง จูเกียง หรอื ศาลเจาแมลิ้มกอเหนี่ยว สถานทศ่ี กั ดิ์สิทธ์ิ เคารพศรทั ธาของพนี่ อ งชาวไทยเชอ้ื สายจีนในชุมชน ตลอดจนนกั ทองเท่ียวทั้งชาวไทย และตา งชาติ ตางเดินทางมาสกั การะบชู า นอกจากนีย้ งั มีโรงเตีย๊ ม หน่ึงในรา น อาหารของชุมชนอาเนาะรู ทต่ี กแตงภายในรา นออกมาใหอ ยูในบรรยากาศยอ นวันวาน ชวนนกึ ถงึ ความทรงจำในอดตี ของเมือง ปตตานี นั่งดม่ื ชาพรอ มกบั ถา ยรปู เซลฟเ กบ็ ภาพสวยๆ ไวเปนทีร่ ะลึก นายพนั ธฤุ ทธิ์ วัฒนายากร ลกู หลานหลวงสำเรจ็ กจิ กรจางวางอดตี ผนู ำชมุ ชนจีน เลาใหทมี งานของเราฟง วาในอดตี น้ันมีการซือ้ ขายแลกเปล่ยี นระหวางชุมชนตางๆโดยพอคาที่ อยู บนั นงั สตา จะนำสนิ คาของปามาลงเรือท่ที าเรือปต ตานเี พอ่ื สง ไปขายท่ีปนัง ขากลบั กจ็ ะมีการรบั สินคาจากปน งั มาขายในตลาด แหงน้ี ทำใหบรรยากาศการคาขายมคี วามคกึ คักเศรษฐกจิ ในพ้นื ทเ่ี ปนอยางมาก Pa ani อาคารบ้านเรอื นและสถาปัตยกรรม จังหวัดปัตตานี

วทิ ยาลยั อาชวี ศกึ ษาปัตตานี 3 อาคารบ้านเรอื นและสถาปัตยกรรม จังหวัดปตั ตานี มัสยิดกรอื เซะ มัสยิดกรอื เซะ หรือ มสั ยดิ สลุ ตานมซู ัฟฟารชาห เปน มัสยิดเกา แกอ ายกุ วา 200 ปใ นจังหวัดปต ตานี ตัง้ อยใู นอำเภอเมืองปตตานี หา งจากตัวเมืองประมาณ 6 กิโลเมตร สนั นิษฐานไดว าเปนศาสนสถานที่สรา งข้ึนในพุทธศตวรรษท่ี 22 รว มสมัยกรงุ ศรีอยธุ ยา มีช่อื เรยี กอีกอยางหนงึ่ วา มสั ยิดปต ูกรอื บัน ชือ่ นเ้ี รยี กตามรูปทรงของประตูมสั ยดิ ซ่งึ มีลักษณะเปนวงโคงแหลมแบบโกธคิ ของ ชาวยุโรป และแบบสถาปต ยกรรมของชาวตะวันออกกลาง รปู ลักษณะเปนอาคารกอ อิฐถอื ปนู สาทรงกลมเลียนรปู ลกั ษณะแบบ เสาโกธคิ ของยุโรป ชองประตู หนา ตา งมีทัง้ แบบโคง แหลม และโคง มนแบบโกธคิ โดมและหลังคายงั กอสรา งไมเ สร็จ อิฐท่ีใชกอ มีรูป ลกั ษณะเปน อิฐสมัยอยุธยา ตรงฐานมัสยิดมีอฐิ รปู แบบคลายอฐิ สมยั ทวารวดปี ะปนอยบู า ง หนงั สอื สยาเราะหป ตตานขี องนายหะยี หวนั หะซัน กลาววา สลุ ตา นลองยุนสุ เปนผูสรา งประมาณปฮ จิ เราะห ๑๑๔๒ ตรงกับพุทธศกั ราช ๒๒๖๕ สมยั อยุธยาตอนปลาย เหตุทกี่ อ สรา งไมเ สร็จเนอื่ งจากเกิดสงครามแยงชิงราชสมบตั ริ ะหวา ง สุลตา นลองยุนุสกับระตปู ะกาลันซึ่งเปนพระอนชุ าของพระองค หลงั จากสุลตานลองยุนุสสิ้นพระชนมแ ลว ระตูปยู ุดไดรบั ตำแหนง สลุ ตานเมืองตานคี นตอมาไดย า ยศูนยก ารปกครองเมอื งตานไี ปต้ังอยู ณ บา นปูยุด (ปจ จบุ นั อยใู นเขตทองที่ ตำบลปยู ดุ อำเภอเมืองปตตาน)ี บรเิ วณท่ีตัง้ วังของระตูปูยุด ยงั คงปรากฏรองรอยกำแพงอยูจ นบดั น้ี จนไมมผี ใู ดคดิ สรา งตอ เติมมสั ยิดอกี ท้งิ ไวร กราง ตอ มากรมศลิ ปากรไดป ระกาศขนึ้ ทะเบียนเปน โบราณสถาน และทำการบูรณะ ซอ มแซม ท้ังน้เี พ่อื ใหมัสยิดกรือเซะคงสภาพเปนโบราณสถานทส่ี ำคญั ทางประวัตศิ าสตรข องเมืองปตตานี และใชเปน ทปี่ ฏิบัติ ศาสนกิจไดตอ ไป Pa ani อาคารบา้ นเรอื นและสถาปตั ยกรรม จงั หวัดปัตตานี

วิทยาลยั อาชีวศึกษาปัตตานี 4 อาคารบ้านเรอื นและสถาปตั ยกรรม จงั หวดั ปตั ตานี บ้านกงสี ประวัตแิ ละความสำคัญ บานเลขท่ี 27 ถนนอาเนาะรู หรอื เรียกอกี ชอื่ วา บานกงสี เปนบา นทรงจีนหลงั คาแอน เดิมเปนบานของหลวงสำเรจ็ กิจกรจางวาง (ปุย แซต ัน) ปจจบุ ันเปนหอบรรพบุรษุ บานกงสเี ปนเรอื นจีนชน้ั เดียว เดิมนายปยุ แซต ัน เปนชาวจนี ฮกเกยี้ นทเ่ี ขา มาพ่ึงพระบรมโพธิสมภาพต้ังแตเมื่อครัง้ สมัยของพระบาทสมเดจ็ พระน่ังเกลาเจา อยหู ัว รชั กาลท่ี 3 อพยพยมาจากเมืองจนี ตัง้ รกรากคาขายทเ่ี มอื งสงขลา ตอ มาไดอาสาเขารว มทัพปราบกบฏเมอื งตานี เมืองไทรบรุ ี ไดร ับความดีความชอบใหเปนหลวงสำเรจ็ กิจกรจางวาง ทำหนา ท่ีเปน หัวหนาชาวจีนและเก็บภาษีอากรชาวจีนในเมอื งตานเี พื่อสง ใหเจาเมืองสงขลา ทา นจึงไดตั้งบา นเรอื นขั้นทยี่ านตลาดจนี หรอื กอื ดาจนี อ เม่อื ประมาณ 150 ปกอน โดยไดสรางบา นพกั เปนเรืองทรงจนี ชั้นเดียวหลงั คากระเบือ้ งดินเผาโคง ทอ งชางทรงจีน สวนตวั บานนัน้ กอ อฐิ ถอื ปนู โดยใชอิฐดนิ เผาขนาดใหญฉ าบดวยปูนขาวผสมน้ำผึ้ง พ้นื ปดู ว ยกระเบือ้ งดินเผาขนาดใหญ มขี อ่ื เปนไม ทอนกลม หอ ง โถงกลางเปน โตะ หมบู ูชาเทพเจา ตา งๆ เชน เจาแมก วนอิม เทพเจา กวนอหู รือพระกุนเตกนุ หองทางดานซา ยประกอบไป ดว ยโตะบชู ารปู บรรพบุรุษ ผนังหองแขวนภาพบรรพบุรษุ และพวงหรีดพระราชทาน หอ งทางดานขวาประกอบไปดวยภาพวาดจนี อายรุ อ ยกวา ป ถดั ออกไปจากตัวเรือนจะเปน สวนผลไม เมื่อหันหนา เขาหาตัวบานดานซา ยจะเปนตรอกแคบ ๆ ตรอนจ้ี ะเปน ทางเขา ออกของขา ทาส โดยเฉพาะเวลาที่ขา ทาสตายจะนำศพออกทางตรอกน้ี เนอ่ื งจากมปี ระเพณีท่ียึดถือกันวาหา มนำศพขา ทาสออกทาง ประตูใหญข องบานหลวงสำเร็จกิจกรจางวาง (ปยุ แซตัน) ไดอ าศยั ที่บา นหลงั นจี้ นบั้นปลายของชวี ิต ทานถงึ แกก รรมเมือป พ.ศ.2421 สิริอายไุ ด 72 ปสมาคมทายาทหลวงสำเร็จกิจกรจางวาง ไดล งมตวิ า ใหถ อื เอาวันท่ี 5 เมษายน ของทุกป เปนวนั เชงเมง ตระกูล โดยทำการเซน ไหวบรรพบุรุษรวมกันท่ีบานกงสี Pa ani อาคารบา้ นเรอื นและสถาปตั ยกรรม จงั หวัดปัตตานี

วทิ ยาลัยอาชวี ศกึ ษาปัตตานี 5 อาคารบา้ นเรอื นและสถาปัตยกรรม จงั หวัดปตั ตานี วงั ยะหรงิ่ วังยะหริง่ หรือ วงั เจาเมอื งยะหริง่ ตงั้ อยทู ี่ ตำบลยามู อำเภอยะหร่งิ จังหวัดปตตานี สรางข้ึนในป พ.ศ. 2428 ในสมัยรชั กาลท่ี 5 โดยพระยาพิพิธเสนามาตยาธิบดีศรีสรุ สงคราม เจา ประเทศราชเมืองยะหรง่ิ อนั ดบั 3 ซึง่ เปนบตุ รของพระยาพบิ ูลเสนานุกิจพิเชษฐภกั ดี พระยาเมอื งยะหรงิ่ อนั ดับที่ 2 ในอดตี เมอื งยะหร่ิงเปน ประเทศราชของไทย ตอ งสง เครอ่ื งราชบรรณาการดวยตนไมเงิน ตนไมทอง ใหแ กไ ทย 3 ป ตอ 1 ครง้ั และตอ งสงทหารไปชวยรบยามเกิดศกึ สงคราม เรอื นไมกง่ึ ปูน สรา งขึ้นแบบสไตลยโุ รป ผสมผสานศลิ ปกรรมพน้ื เมือง และชวา ตง้ั ตระหงานอยใู จกลางเมืองยะหร่ิงในปจ จุบัน นับเปนความภาคภูมใิ จของชาวยะหรงิ่ ยิง่ นัก เพราะสถาปตยกรรมทรงคลาสสิคหลงั นี้ ไดทำหนา ทีต่ อนรบั นักทองเทย่ี ว ผูม าเยอื น จากตา งแดนอยเู ปน กิจวตั ร ปจ จบุ ันน้วี ังยะหริ่งยงั มใี หเ หน็ ถึงความสมบูรณ แมจะมีอายุการสรา งวงั ของเจาเมืองยะหริ่งมานานถึง 100 กวา ป แตว ตั ถแุ ละหลกั ฐานของเร่อื งราวต้ังแตย ุคคุณทวดทุกอยางยงั ถูกรวบรวมและจดั วางไวเ หมือนกับในอดีตทุกกระเบียด นิ้ว ทำใหผ ูค นทนี่ ย่ี งั รูสึกวา วังยะหรง่ิ ไมเปลี่ยนแปลงไปจากเดมิ แมเ วลาจะเปลยี่ นผา นไปนานสกั แคไหนกต็ าม Pa ani อาคารบ้านเรอื นและสถาปตั ยกรรม จงั หวดั ปตั ตานี

คำขวญั ประจำจงั หวดั ปัตตานี เมืองงามสามวฒั นธรรม ศูนยฮ์ าลาลเลิศล้ำ ชนน้อมนำศรทั ธา ถน่ิ ธรรมชาตงิ ามตา ปัตตานสี นั ตสิ ุขแดนใต้ ออกแบบโดย Pa ani นาย อัสฟาฮัน หมัดหลำ ช้ัน ปวส.2 คอมพวิ เตอรก ราฟก อาคารบา้ นเรอื นและสถาปัตยกรรม จงั หวดั ปัตตานี วทิ ยาลยั อาชีวศกึ ษาปต ตานี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook