ระบบประโยคในภาษาไทยประโยค คือ การนาถ้อยคามาเรียงกันอย่างเป็ นระเบียบ และมีเนื้อความครบถ้วนสมบูรณ์ โครงสร้ างของประโยค ภาคประธาน ภาคแสดงประธาน ขยายประธาน +กริยา กรรม ขยายกรรม ขยายกริยาเช่น นกน้อยสองตัว กาลงั บนิ อยู่บนท้องฟ้าตารวจร่างใหญ่ จับคนร้ายคนน้ันการเน้นประโยคการเน้นรูปแบบประโยค หมายถงึ การวางรูปแบบของคาในประโยคเรียกตามการวางชนิดของคาทท่ี าหน้าทใี่ นประโยค มี 4 ชนิด คือ1. ประโยคเน้นประธานคือ การวางส่วนผู้กระทาไว้ส่วนต้นของประโยคเช่น แดงเล่นฟุตบอลโรงเรียนนีม้ ีนักเรียนน่ารักจานวนมาก แมวตัวน้ันกระโดดสูงมาก2. ประโยคเน้นกรรมคือ การวางส่วนผ้ถู ูกกระทาไว้ส่วนต้นของประโยคเช่น ขนมเค้กนี้แม่ทาให้ฉัน รถยนต์ล้างเสร็จแล้ว ป้าถูกแมวกดั3. ประโยคเน้นกริยาคือ การวางกริยา 3 คา มี เกดิ ปรากฏ ไว้ส่วนต้นของประโยคเช่น มีข้าวในนา เกดิ ฟ้าผ่าเม่ือวาน ปรากฏนา้ ท่วมภาคใต้4. ประโยคมีผู้รับใช้คือ ประโยคประธาน หรือกรรม มผี ้รู ับใช้ เข้ามาแทรกเช่น คุณพ่อให้ฉันล้างรถ ครูใหญ่บอกให้นักเรียนเข้าเรียนเจตนาของประโยคประโยคแบ่งตามเจตนาได้ 3 ประเภท คือ
1. ประโยคแจ้งให้ทราบหมายถึง ประโยคทผ่ี ู้ส่งสารมเี จตนาในการเล่าเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เป็ นการกล่าวทวั่ ไปเช่น นักเรียน ม.6 ของโรงเรียนนี้ น่ารักทุกคน ผ้หู ญิงสวมเสื้อสีฟ้าเป็ นน้องสาวของฉัน หนังสือเล่มนีร้ าคาแพงมาก2. ประโยคถามให้ตอบหมายถึง ประโยคทผ่ี ู้ส่งสารมเี จตนา ในการถามเพ่ือให้อกี ฝ่ ายตอบเช่น ใครไม่ชอบวชิ าภาษาไทยบ้าง คุณจะไปเรียนต่อทไี่ หน อะไรทเี่ ธอต้องการบ้าง3. ประโยคบอกให้ทา หมายถึง ประโยคทผ่ี ้สู ่งสารมีเจตนา ให้ผ้รู ับสารปฏบิ ตั ิตามความต้องการของตน มกัอยู่ในรูปแบบ คาส่ังขอร้อง อ้อนวอน แนะนา ตักเตือน และสั่งห้ามเช่น ห้ามเดินลดั สนาม คุณไปดูหนังกบั ฉันเยน็ นีน้ ะ ตอนกลบั อย่าลืม ซื้อโจ๊กมาฝากด้วยชนิดของประโยค1. ประโยคความเดยี ว คือ ประโยคทมี่ ีใจความเพยี งหนึ่ง มีภาคประธาน และภาคแสดงอย่างละ 1 ส่วน ข้อสังเกต ประโยคความเดียวจะมกี ริยาสาคัญเพยี งตัวเดียว เช่น ป้าตัดผม คุณพ่อของเธอเป็ นตารวจใจดี โปรดทงิ้ ขยะลงถัง2. ประโยคความรวมคือ การนาประโยคความเดียวต้งั แต่สองประโยคขนึ้ ไปมารวมกนั มกั ใช้คาสันธานเป็ นตวั เชื่อม แบ่งเป็ น 4 ชนิด ดังนี้ 2.1 ประโยคความรวมแบบคล้อยตามกนั เช่น ปรีชาทางานเสร็จแล้วเขากร็ ีบกลบั บ้าน พอโรงเรียนเลกิ เธอกร็ ีบกลบั บ้าน 2.2 ประโยคความรวมแบบขัดแย้งกนั เช่น กว่าเธอจะมาถึงเขากห็ ลบั พอดี น้องชอบดูหนัง แต่พช่ี อบฟังเพลง แม้เธอจะไม่สวยแต่กม็ เี สน่ห์
2.3 ประโยคความรวมแบบเป็ นเหตุเป็ นผล เช่น เพราะฝนตกหนักจึงเกดิ นา้ ท่วม นิตยาเป็ นคนจู้จีล้ ูก ๆ เลยไม่ค่อยรัก อารีหวิ มากเธอกเ็ ลยทานข้าวสองจาน2.4 ประโยคความรวมแบบให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น เธอควรเลือกระหว่างฉันหรือไม่กเ็ ขา ไม่ลุงกป็ ้าต้องให้ของขวญั แก่ฉันแน่ ๆ จะดูหนังสือหรือฟังเพลงกเ็ ลือกเอาสักอย่างสิ ข้อควรระวงั ออกสอบทุกปี คนรูปหล่อสวมเสื้อขาว คนรูปหล่อสวมเสื้อขาว ยืนสอนหนังสืออยู่หน้าห้อง คนรูปหล่อยืนสอนหนังสืออย่หู น้าห้อง เด็กซนว่ายนา้ เดก็ ซนว่ายนา้ ไปเกาะเรือ เด็กซนไปเกาะเรือ ป่ ูนอนอย่างมีความสุข ป่ นู อนฟังเพลงอย่างมคี วามสุข ป่ ฟู ังเพลงอย่างมีความสุข3. ประโยคความซ้อนคือ ประโยคทม่ี ีประโยคย่อยทาหน้าทข่ี ยายประโยคหลกั แบ่งเป็ น 2 ชนิด คือ 3.1 ประโยคย่อยทาหน้าทห่ี น่วยนาม (หน่วยนาม = นาม นามวลี สรรพนาม สรรพนามวลี =ประธาน กรรม ส่วนเตมิ เต็ม ของประโยค) จะมปี ระพนั ธสรรพนาม ผู้ ,ท่ี, ซ่ึง, อนั เช่ือม เช่น คุณป้าใส่นาฬิกาทค่ี ุณลงุ ซื้อให้ แมวตัวทข่ี โมยปลาถูกจับได้แล้ว รถเมล์ซ่ึงเธอรอเกือบสองช่ัวโมงมาถงึ แล้ว3.2 ประโยคย่อยทาหน้าทขี่ ยายหน่วยกริยา (กริยา กริยาวล)ี จะมี “ท,ี ว่า” เช่ือม ซึ่งทาหน้าที่ขยายกริยาหรือวเิ ศษณ์
เช่น ผมยนิ ดดี ้วยทคี่ ุณได้รับรางวัล แม่บอกว่าพ่อจะมารับไปเทย่ี วภูเกต็ขอ้ ควรจำ ระวงั ประโยคที่ไมจ่ บควำม ไมถ่ ือวำ่ ไม่เป็นประโยค เช่นรถยนตค์ นั ที่ชนเดก็ นกั เรียน (ขำดภำคแสดง)ขณะท่ีเธอเดินอยบู่ นถนนอยำ่ งเหม่อลอย (ประโยคไม่จบควำม) พอ่ ขนุ รำมคำแหงมหำรำชกษตั ริยแ์ ห่งกรุงสุโขทยั องคท์ ี่ 3 (ขำดภำคแสดง)แหล่งท่ีมำแหล่งที่มำ ttp://www.termtem.co.th/public/perform_upload/bofperform/Perform_3_0.docสืบคน้ เม่ือ2พ.ย.2554
Search
Read the Text Version
- 1 - 4
Pages: