Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สำนวนไทย

สำนวนไทย

Published by pik_wararat, 2018-06-27 02:49:45

Description: สำนวนสุภาษิตไทย

Keywords: สำนวนสุภาษิตไทย

Search

Read the Text Version

สำนวน สุภำษิต คำพงั เพย สภุ าษิต หมายถึง ถ้อยคาํ ท่ีสงั่ สอนหรือห้ามโดยตรง มีคาํ เปรียบเทียบบ้างไมม่ ีบ้าง เช่น คบคนให้ดหู น้า ซอื ้ ผ้าให้ดเู นือ้ , อยา่ ถือคนบ้า อย่าวา่ คนเมา, นํา้ เชี่ยว อยา่ ขวางเรือ คาํ พงั เพย หมายถึง ถ้อยคาํ ท่ีแสดงความจริง ไม่ได้สอนโดยตรง อาจจะเป็นคาํ พงั เพยแท้ก็ได้เป็นสํานวนก็ได้ เป็นคําขวญั ก็ได้ คาํ พงั เพยแท้เชน่ มีเงินเขานบั วา่ น้อง มีทองเขานบั วา่ พี่, ยากเงนิ จนทอง พน่ี ้องไมม่ ี, มเี งนิ ทอง พดู จาได้ มีไม้ไร่ ปลกู เรือนงาม, รู้แล้วพดู ไปสองไพเบยี ้ รู้แล้วนิ่งเสียตาํ ลงึ ทอง สาํ นวนมกั เป็นคําเปรียบเทียบ คอื ให้นําความเป็นไปของส่ิงนนั้ ๆ มาเปรียบเทียบกบั ความประพฤตขิ องคน เชน่ คาํ วา่ ขงิ ก็รา ขา่ ก็แรง, ปลาร้าเคม็ มะเขือข่ืน, ตวั เทา่ เสา เงาทา่ กระท่อม, นํา้ร้อนปลาเป็น นํา้ เยน็ ปลาตาย คาํ ขวญั นนั้ มกั เป็นคาํ ปลอบขวญั หรือปลกุ ใจให้มงุ่ มนั่ เชน่ คาํ วา่ กรุงศรีอยธุ ยายงั ไมส่ นิ ้ คนดี(หมายถงึ เมืองไทยยงั ไมส่ นิ ้ คนด)ี ชาตเิ สอื ต้องไว้ลาย ชาตชิ ายต้องไว้ชื่อ, ช้าๆ ได้พร้าเลม่ งามคําพงั เพยที่มผี ้นู ํามาแตง่ เป็นสาํ นวนกลอนไว้ เป็นต้นวา่“กินอยกู่ บั ปาก อยากอยกู่ บั ท้องเรือลม่ เมื่อจอด ตาบอดเมื่อแก่นอนหลบั ไม่รู้ นอนค้ไู มเ่ ห็นหน้าชื่นอกตรม ลบั ลมคมในความรู้ท่วมหวั เอาตวั ไมร่ อดมะพร้าวต่นื ดก ยาจกตืน่ มีใจดสี ้เู สือ ใกล้เกลอื กินดา่ งไม่ฟังอยา่ สอน ไมว่ อนอยา่ บอกส้จู นยบิ ตา ชอบมาพากลคนนอนอยา่ บอก คนปอกอยา่ เชื่อจดุ ไต้ตาํ ตอ ขดุ บอ่ ลอ่ ปลากิ่งก่าได้ทอง กนั ดีกว่าแก้จบู ลกู ถกู แม่ มติ รจิตมิตรใจหา่ งลอดตวั เลน็ ตีตนก่อนไข้ใครดีใครได้ ต้ นร้ ายปลายดีตาบอดได้แวน่ หวั ล้านได้หวีจบั นนั่ จบั นี่ เข้าพระเข้านางอยา่ ไว้ใจทาง อยา่ วางใจคนกินนํา้ ใต้ศอก ต้นข้าวคอยฝน

หวา่ นพืชหวงั ผล ผดิ หผู ิดตาหน้าเนือ้ ใจเสอื ไปตายดาบหน้าเข้าเถื่อนลมื พร้า นํา้ น้อยแพ้ไฟ”สว่ นสาํ นวนซง่ึ มกั พดู เป็นลลี าก็มีคาํ กลอนอยมู่ าก เป็นต้นวา่“ตกไร้ ได้ ยาก อดอยากปากแห้งเคราะห์หามยามร้าย หวดซ้ายป่ายขวาตวั สนั่ งนั งก ตีอกชกหวัเจ้าถ้อยร้อยความ ถ้วยชามรามไหเก็บหอมรอมริบ กําเริบเสบิ สานหอมหวนทวนลม ชื่นชมสมหมายหิวโหยโรยแรง ฟักแฟงแตงกวาภเู ขาเลากา มืดหน้าตามวัก่อร่างสร้ างตวั ตกลงปลงใจป่ าดงพงไพร อาศยั ไหว้วานเอือ้ เฟื อ้ เจือจาน เจ้าขนุ มลู นายมืดหน้าตาลาย เหลือบา่ กวา่ แรง” “คําพงั เพย” ทองสืบ ศภุ ะมาร์ค ภาษิต หรือ สภุ าษิตมีอยทู่ วั่ ไปในทกุ ชาติทกุ ภาษา และมกั รู้กนั แพร่หลาย มกั เขียนเป็นร้อยกรองเลน่ สมั ผสั สระ สมั ผสั พยญั ชนะ เพ่ิมความไพเราะและกําหนดจดจําง่ายยิง่ ขนึ ้ เชน่ - กวา่ ถวั่ จะสกุ งาก็ไหม้ (ทําอะไรไมท่ นั ทว่ งที) - กินบนเรือนแล้วขีร้ ดหลงั คม (เนรคณุ ) - กินปนู ร้อนท้อง (ทําผิดแล้วมกั ออกตวั แสดงพิรุธ) - เก็บเบยี ้ ใต้ถนุ ร้าน (ทํางานได้เงนิ เลก็ ๆ น้อยๆ ก็เอา) - ขายผ้า เอาหน้ารอด (ยอมเสียทกุ อยา่ งเพื่อรักษาช่ือเสียง) - ขงิ ก็รา ข่าก็แรง (ตา่ งคนตา่ งแรง ไมย่ อมกนั เร่ืองเลก็ ก็เลยกลายเป็นเร่ืองใหญ่ไป เพราะทิฐิ มานะ) - ขี่ช้างจบั ตกั๊ แตน (ทําเร่ืองเลก็ ให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ได้ผลไม่ค้มุ กบั ที่ต้องเสยี ไป) - เข้าตามตรอก ออกตามประตู (ทําอะไรให้ถกู ต้องตามขนบธรรมเนียมประเพณี) - เข้าเถ่ือนอยา่ ลืมพร้า ได้หน้าอยา่ ลืมหลงั (อยา่ ประมาทต้องเตรียมให้พร้อม และให้มีสติ กําหนดจดจําให้ดี)

- เข้าเมืองตาหลว่ิ ต้องหลิ่งตาตาม (ประพฤตใิ ห้ถกู ต้องตามกาลเทศะ เมื่อไปอยใู่ นพวกเขาแล้ว ก็ต้องประพฤติคล้อยตามเขา)- เขียนเสือให้ววั กลวั (ขใู่ ห้กลวั )- คนดตี กนํา้ ไมไ่ หล ตกไฟไมไ่ หม้ (คนดไี ปท่ีไหนก็มีคนอยากคบหาสมาคมด้วย ไมล่ ําบาก)- คนเดียวหวั หาย สองคนเพอื่ นตาย สามคนกลบั มาได้ (ความชดั แล้ว)- คนรักเท่าผนื หนงั คนชงั เทา่ ผนื เสอื่ (คนที่รักเรามนี ้อยคล้ายผืนหนงั คนชงั มีมาก อยา่ งกบั เสือ่ ลาํ แพน)- คบคนให้ดหู น้า ซอื ้ ผาให้ดเู นือ้ (ความชดั แล้ว)- คบคนพาล พาลพาไปหาผดิ คบบณั ฑติ บณั ฑิตพาไปหาผล (ความชดั แล้ว)- คบคนดมี ีศรีแก่ตวั คบคนชว่ั อปั ราชยั (อปั ราชยั ในที่นีม้ ีความหายเท่ากบั ปราชยั คือจะพา่ ย แพ้ หมายถงึ ไมเ่ ป็นมงคลแก่ตวั )- ความรู้ท่วมหวั เอาตวั ไมร่ อด (แม้จะมีความรู้สงู แคไ่ หนก็ตาม ถ้าความประพฤตไิ มด่ แี ล้วก็เอา ตวั ไมร่ อด เพราะไมม่ ีใครคบหาสมาคมด้วย หรือมีความรู้ แตไ่ มใ่ ช้ความรู้ก็ไม่ได้ประโยชน์ อะไร)- ความววั ไมท่ นั หาย ความควายเข้ามาแทรก (ปัญหาเร่ืองนีย้ งั แก้ไขไม่ตกเลย ก็มปี ัญหาใหม่ แทรกเข้ามาอีกแล้ว)- คบั ที่อยไู่ ด้ คบั ใจอยยู่ าก (ท่ีอยอู่ าศยั แม้จะคบั แคบเพียงใด ถ้ารู้จกั ทําให้ดี ก็นา่ อยู่ แตถ่ ้า หากมีความคบั อกคบั ใจแล้ว แม้ที่จะกว้างขวางใหญ่โต ก็มไิ ด้ทําให้สบายอกสบายใจเลย มีแต่ จะรู้สกึ อดึ อดั ใจแตถ่ า่ ยเดียว)- คบื ก็ทะเล ศอกก็ทะเล (อยา่ ประมาททะเล แคค่ ืบแคศ่ อกก็ทะเล ตกไปก็มีหวงั จมนํา้ ตาย ทงั้ นนั้ )- ฆา่ ความก็ต้องไมเ่ สียดายพริก (ถ้าคดิ จะทํางานใหญ่ทงั้ ที ก็ต้องไมก่ ลวั หมดเปลือง)- ฆา่ ช้างจะเอางา คนเจรจาจะเอาถ้อยคาํ (ที่เขาฆา่ ช้างก็เพราะเขาหวงั จะเอางาซง่ึ มีราคาแพง เมื่อคนเราเจรจากนั ถ้อยคาํ หรือคาํ พดู ถือเป็นเร่ืองสาํ คญั มาก ควรจะเป็นคาํ พดู ที่มีความจริงใจ เชื่อถือได้)- ววั เป็นแก่หญ้า ขีข้ ้าเหน็ แก่นอน (หมายถงึ คนที่เหน็ แก่ได้ เหน็ แกก่ ิน และเกียจคร้าน)- งเู หน็ นมไก่ ไก่เห็นตนี งู (ตา่ งคนตา่ งรู้ทนั กนั รู้เลห่ ์เหลย่ี มและกําพดื ของกนั และกนั วา่ มี เบอื ้ งหลงั อยา่ งไร)- จําศีลเอาหน้า ภาวนาโกหก (แสร้งทําเป็นวา่ ถือศลี เคร่งครัด ชอบเจริญภาวนาเข้ากรรมฐาน ท่ี ลวงให้คนอืน่ เข้าใจวา่ ตนเป็นมีศีลมีธรรม เขาจะได้เช่ือถือไว้วางใจป

- ชว่ั เจด็ ที ดีเจ็ดหน (ชีวิตคนเราเอาแน่นอนอะไรไมไ่ ด้ เด๋ยี วรุ่งเรือง เด๋ียวตกอบั ดงั นนั้ เม่ือถงึ คราวตกอบั ก็อยา่ เพ่ิงท้อถอย หรือหมดอาลยั ในชีวิต และเมื่อถงึ คราวรุ่งเรือง มีอาํ นาจวาสนา ก็อยา่ ลมื ตวั อยา่ ประมาท)- ชวั่ ชา่ งชี ดชี า่ งสงฆ์ (ใครจะเป็นอะไรก็ช่าง ไมค่ วรถือเอาเป็นธรุ ะ)- ชาตเิ สอื ต้องไว้ลาย ชาติชายต้องไว้ชื่อ (ลกู ผ้ชู ายที่ชื่อวา่ ตนมีความเกง่ กล้าสามารถ จะต้อง สําแดงวิชาความรู้และความสามารถให้ลือชาปรากฏแก่คนทวั่ ไป ดจุ เสอื (ลายพาดกลอน) ก็ ต้องมลี ายฉะนนั้ )- ช้าๆ ได้พร้าสองเลม่ งาม ดว่ นได้สามผลามมกั พลกิ แพลง (จะทําอะไรก็ทําอยา่ งมีสติ รอบคอบ แม้จะช้าไปบ้างก็ได้ผลดี แตถ่ ้าทําอยา่ งรีบร้อน ไมพ่ ินิจพเิ คราะห์ให้ดกี ่อน อาจผิดพลาด เสยี หายได้งา่ ย)- ช้างตายทงั้ ตวั เอาใบบวั ปิด (ช้างเป็นสตั ว์ใหญ่ ใบบวั มีขนาดเลก็ ถ้าเอาใบบวั ใบเดยี วไปปิด ช้าง ยอ่ มปิดไมม่ ดิ คนท่ีทําความชว่ั ไว้มากมาย ถงึ จะปิดอย่างไรๆ ก็ปิดไมห่ มด คนยอ่ มรู้เข้า จนได้)- ช้างสาร งเู หา่ ข้าเกา่ เมียรัก อยา่ ได้ไว้วางใจ (ช้างสารและงเู หา่ เป็นสตั ว์เดรัจฉานไว้ใจไม่ได้ ข้าเกา่ และเมียรัก เป็นบคุ คลที่ใกล้ชิด ยอ่ มรู้เร่ืองราวและความลบั ของเราหมด บคุ คลประเภท นี ้ ถ้ากลบั กลายเป็นศตั รูแล้วจะเป็นศตั รูท่ีร้ายที่สดุ ดงั นนั้ จงึ ไมค่ วรไว้วางใจจนเกินไป)- ใช้แมงไปขอปลายา่ ง (แมวก็กินปลาย่างหมด เพราะตามปรกตแิ มวก็ชอบกินปลา)- ดวู วั ให้ดหู าง ดนู างให้ดแู ม่ ถ้าจะดใู ห้แนต่ ้องดถู งึ ยา่ ถงึ ยาย (ววั ที่มลี กั ษณะดีนนั้ ให้ดทู ่ีหาง ถ้าขยปลายหางเป็นพเู่ หมือนใบโพธ์ิ ก็นบั วา่ เป็นววั ท่ีมลี กั ษณะดีมาก การที่จะเลอื กผ้หู ญิงมา เป็นคคู่ รอง ไมใ่ ชด่ เู พยี งตวั ผ้หู ญิงเท่านนั้ ต้องดไู ปจนถงึ แมด่ ้วยวา่ เป็นคนดีหรือไม่ เพราะลกู กบั แมก่ ็มจั ะมีลกั ษณะนิสยั คล้ายคลงึ กนั และถ้าจะดใู ห้แนจ่ ริงๆ ต้องสืบประวตั ิไปจนถงึ ยา่ ยาย ของหญิงนนั้ ด้วย)- ดชู ้างให้ดหู น้าหนาว ดสู าวให้ดหู น้าร้อน (หน้างหนาวช้างจะตกมนั ตอนนีแ้ หละเราจะเห็น ลกั ษณะทา่ ทางของช้างวา่ มีความห้าวหาญดดุ นั อยา่ งไร หน้าร้อนอากาศอ้าว ผ้หู ญิงก็ใช้ผ้า น้อยชนิ ้ หรือผ้าบางๆ ทําให้มองเห็นรูปร่างทรวดทรงและผวิ พรรณของผ้หู ญิงวา่ สวยงามแคไ่ หน เพยี งใด)- ตบมือข้างเดยี วไมด่ งั (ทําอะไรฝ่ายเดยี วไม่เกิดผล)- ตอ่ หน้ามะพลบั ลบั หลงั ตะโก (ตอ่ หน้าทําอยา่ งหนง่ึ ลบั หลงั ทําอกี อยา่ งหนึ่ง แบบหน้าไหว้ หลงั หลอก)- ตกั นํา้ ใสก่ ระโหลก ชะโงกดเู งา (ให้รู้จกั เจียมเนือ้ เจียมตวั ไว้บ้าง)- ตกั บาตรไมต่ ้องถามพระ (จะให้อะไรแกใ่ คร เมื่อทราบวา่ เขาเตม็ ใจรับอยแู่ ล้ว ก็ไม่ต้องถามวา่ จะเอาไหม)

- ถ้าไมไ่ ฟ ท่ีไหนจะมีควนั (เมื่อมีผลออกมา มนั ต้องมีเหตแุ นๆ่ )- ถ่ีลอดตาช้าง หา่ งลอดตาเลน็ (ทําอะไรดเู หมือนจะละเอียดถี่ถ้วนดี แตค่ วามจริงแล้วไม่ รอบคอบ หรือบางทีก็ดเู หมือนจะใช้สอยอยา่ งกระเหม็ดกระแหมใ่ นบางเรื่องแตอ่ ีกเร่ืองหนงึ่ กบั สรุ ุ่ยสรุ ่าย)- นอนสงู ให้นอนควํ่า นอนตํ่าให้นอนหงาย (เม่ือนอนในท่ีสงู ถ้านอนควาํ่ อะไรผา่ นไปผ่านมา ข้างลา่ วก็มองเห็นหมด และเม่อื นอนในท่ีตํา่ ถ้านอนหงาย อะไรผ่านไปผ่านมาข้างบนก็ มองเหน็ หมด ถ้านอนตาํ่ แล้วนอนควํา่ หน้าจะจดพนื ้ มองไมเ่ หน็ อะไร)- นํา้ ขนึ ้ ให้รีบตกั (เมอ่ื เวลามีบญุ มีวาสนา อยา่ งจะทําความดีอะไรก็รับทําๆ เสีย)- นํา้ เช่ียว อยา่ ขวางเรือ (เมื่อมีเหตกุ ารณ์รุนแรงอะไรเกิดขนึ ้ ก็อยา่ ไปขดั ขวาง จะได้รับอนั ตราย เพราะตอนนีต้ นอยใู่ นระยะหน้าสงิ่ หน้าขวาน คนเรามกั ไมม่ ีเหตผุ ลดจุ นนํา้ เช่ียว ถ้าเอาเรือไป ขวาง เรือก็จะลม่ )- นํา้ พง่ึ เรือ เสือพง่ึ ป่า (ทกุ คนต้องพงึ่ พาอาศยั กนั ต้องเหน็ อกเห็นใจกนั จงึ ควรผกู ไมตรีกนั ไว้)- นํา้ ลง ตอผดุ (ความชว่ั เม่ือทําไว้ในเวลาท่ีตนมอี ํานาจนนั้ อาจไมม่ ีใครทราบ แตเ่ มื่อหมดบญุ หมดอํานาจ บรรดาความชวั่ ที่ปิดบงั กนั ไว้นนั้ ก็จะปรากฏออกมา)- นํา้ ลกึ หยง่ั ได้ นํา้ ใจหยง่ั ยาก (นํา้ ลกึ เป็นเรื่องรูปธรรม เราหาวตั ถมุ าวดั ได้ แตน่ ํา้ ใจเป็นเรื่อง นามธรรม ไมม่ ีเคร่ืองวดั )- นายวา่ ขีข้ ้าพลอย (ลกั ษณะของคนเลว ไร้ความรู้ ถ้าเจ้านายวา่ อยา่ งไร ก็มกั จะพลอยประสม โรงซาํ ้ เตมิ ด้วย)- เนือ้ ไม่ได้กิน หนงั ไมร่ องนง่ั เอากระดกู มาแขวนคอ (ทงั้ ๆ ที่ตนไมม่ สี ว่ นได้เป็นผลประโยชน์กบั เขาเลย แตก่ ็พลอยเข้าไปพวั พนั ในเร่ืองร้าย ทําให้ต้องพลอยรับบาปรับเคราะห์เสยี หายไปกบั เขาด้วย)- บญุ มา ปัญญาชว่ ย ท่ีป่วยก็หาย ที่หนา่ ยก็รัก (ในเวลาท่ีมีบญุ วาสนา สตปิ ัญญาก็ปลอดโปร่ง กําลงั ใจดี แม้จะเจ็บไข้ได้ป่วย ก็จะหายวนั หายคืน เพราะเขาหวงั ว่าจะได้รับประโยชน์จากผ้มู ี วาสนานนั้ และจะมีภาษิตตอ่ ท้ายอกี วา่ “บญุ ไมม่ า ปัญญาไมช่ ว่ ย ที่ป่วยก็หนกั ท่ีรักก็หนา่ ย” ซง่ึ มนี ยั ตรงข้ามกนั )- ปลอ่ ยเสือเข้าป่า ปลอ่ ยปลาลงนํา้ (ปลอ่ ยศตั รูสําคญั หรือโจรผ้รู ้าย ท่ีตกอวใู่ นอํานาจให้พ้นไป นนั้ จะทําให้เขากลบั มีกําลงั และอาจกลบั เข้ามาก่อความเดอื ดร้อนได้อีก)- ปลาข้องเดียวกนั ตวั หนงึ่ เนา่ ก็พาตวั อนื่ พลอยเหมน็ ไปด้วย (คนที่อยรู่ ่วมกนั ถ้าคนหนง่ึ ไปทํา ชว่ั ทําไมด่ ีไว้ ก็จะพลอยทําให้คนอ่ืนเสยี หายไปด้วย)- ปลาหมอตายเพราะปาก (คนที่ชอบพดู อะไรพลอ่ ยๆ มกั จะได้รับอนั ตรายเพราะปากท่ีพดู พลอ่ ยๆ นนั้ )

- ปากคนยาวกวา่ ปากกา (ตามปรกตปิ ากของอีกายาวกวา่ ปากคน แตป่ ากคนนนั้ พดู เลา่ ลือตอ่ ปากกนั ไปได้ไกล ผดิ กบั กาแม้ปากจะยาว แตก่ ็ตอ่ ปากตอ่ คําอยา่ งคนไม่ได้)- ปากเป็นเอก เลขเป็นโท หนงั สอื เป็นตรี ชว่ั ดีเป็นตรา (สมยั ก่อนการศกึ ษาเลา่ เรียนเขียนอา่ น ยงั ไมแ่ พร่หลาย คนที่รู้หนงั สือมีน้อย บางคนก็ได้ดเี พราะปาก การคดิ เลขหรือการคํานวณนนั้ มี ความสําคญั น้อยลงมาอีก แม้เดีย๋ วนีค้ นท่ีมีความรู้ดีแตพ่ ดู ไมเ่ ก่ง ก็เอาดไี ด้ยาก สว่ นความชว่ั ความดนี ี ้ ทําลงไปแล้วยอ่ มเป็นเสมือนตราที่ประทบั ลงไปให้รู้วา่ คนนนั้ เป็นคนดี หรือคนชว่ั )- ปลกู เรือนต้องตามใจผ้อู ยู่ ผกู อตู่ ้องตามใจผ้นู อน (จะทําอะไรก็ต้องตามใจผ้ทู ่ีจะได้รับผล เมือนปลกู เรือนต้องปลกู ตามที่ผ้อู ยตู่ ้องการ ไมใ่ ช่ตามท่ีช่างต้องการ เพราะช่างหรือสถาปนิกไม่ ใช้ผ้อู าศยั ผกู อกู่ ็คอื ผกู เปล ก็ต้องให้ถกู ใจผ้นู อน)- พดู ไปสองไพเบยี ้ น่งิ เสียตาํ ลงึ ทอง (ถ้าพดู ไป ไมม่ ีประโยชน์ละก็น่งิ เสยี ดีกวา่ สองไพเบยี ้ = ( สตางค์ ๑ ตาํ ลงึ = ๔ บาท)- มีเงนิ เขานบั วา่ เป็นน้อง มีทองเขานบั วา่ เป็นพ่ี (เม่ือมง่ั มีเงินมีทองแล้ว ใครๆ ก็ประจบอยากเข้า มาเป็นญาตพิ น่ี ้องด้วย)- มีเงนิ มีทองเจรจาได้ มีไม้มีไร่ปลกู เรือนงาม (ถ้ามีเงนิ มีทองแล้วจะพดู อะไรก็มกั จะสาํ เร็จ ถ้ามี ไม้มีที่แล้ว ก็ยอ่ มปลกู เรือนได้สวยงาม)- ไม่มีมลู ฝอยหมาไมข่ ี ้ (ถ้าไมม่ ีอะไรเป็นเค้ามลู อยู่ ก็ยอ่ มไมม่ ีเร่ืองเกิดขนึ ้ )- ไม่เหน็ นํา้ อยา่ เพิ่งตดั กระบอก ไมเ่ หน็ กระรอก อยา่ เพง่ิ โก่งหน้าไม้ (อยา่ ดว่ นทําอะไรลว่ งหน้า โดยที่ยงั ไมท่ ราบวา่ จะมีอะไรเกิดขนึ ้ ในภายหน้า จะเหน่ือยเปลา่ )- ไม้ล้มข้ามได้ คนล้มอยา่ เพ่ิงข้าม (ไม้ล้มข้ามไปไมม่ ีอนั ตรายอะไร แตค่ นท่ีเคยมอี ํานาจวาสนา แล้วหมดอํานาจ อยา่ ไปซาํ ้ เตมิ เขา เพราะเขาอาจกลบั มามีอาํ นาจอีกได้)- ไม้ออ่ นดดั ง่าย ไม้แก่ดดั ยาก (จะอบรมสงั่ สอนอะไรก็ทําเสยี ตงั้ แตเ่ ดก็ เพราะอบรมสงั่ สอนงา่ ย จะสอนให้เป็นอะไรก็ได้ สว่ นคนแกน่ นั้ สอนยาก เหมือนไม้แก่ถ้าดดั ก็หกั ผดิ กบั ไม้ออ่ นซงึ่ ดดั ง่ายไมห่ กั )- ไม้ลําเดียวยงั ตา่ งปล้อง พก่ี บั น้องยงั ตา่ งใจ (คือคนเรา นานาจติ ตงั มคี วามเหน็ ไมเ่ หมอื นกนั เหมอื นไม้ไผล่ าํ เดยี วกนั ก็มีหลายปล้อง แตล่ ะปลอ่ งก็ยาวไมเ่ ทา่ กนั พีน่ ้องแม้ท้องเดยี วกนั แต่ ความคดิ เหน็ ก็ไม่จําเป็นจะต้องเหมือนกนั )- รักววั ให้ผกู รักลกู ให้ตี (ววั ถ้าไม่ผกู ไว้ ก็อาจหายได้ ถ้าลกู ดอื ้ พอ่ แมก่ ็ต้องดตุ ้องตีบ้าง แตก่ าร ที่พอ่ แม่ตีไมใ่ ชต่ ีด้วยความเกลยี ดชงั เพราะพอ่ แมท่ ่ีตีนนั้ ก็ไม่อยากตี บางทีตแี ล้วแอบไปร้องไห้ สงสารลกู ก็มี แตถ่ ้าไมต่ ีเสยี บ้าง ตอ่ ไปถ้าลกู กลายเป็นคนชวั่ ช้าเลงทราม พอ่ แมจ่ ะต้องเสีย นํา้ ตามากกวา่ นนั้ )

- รักยาวให้บนั่ รักสนั้ ให้ตอ่ (ถ้ารักจะมีชีวิตยดื ยาวอย่างสงมสขุ ก็ต้องตดั ความเหน็ แก่ตวั การ อาฆาตจองเวรลง แตถ่ ้าอยากจะมีชีวติ สนั้ ก็ต้องผกู อาฆาตจองเวรกนั ตอ่ ไป อยา่ งนีอ้ าจตาย เร็ว)- รู้ไว้ใชว่ า่ ใสบ่ า่ แบกหาม (การศกึ ษาหาความรู้ไว้ ยง่ิ มากยงิ่ ดี เพราะการมีความรู้มาก ไม่ เหมือนการแบกข้าวแบกของ ซง่ึ จะรู้สกึ วา่ หนกั บา่ มีความรู้มไิ ด้หนกั บา่ หนกั แรงอะไร ความรู้ท่ี เวลานีเ้ราคดิ วา่ ไมม่ ีประโยชน์ วนั หน้าอาจเห็นคณุ คา่ ของมนั ก็ได้)- รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง (เมื่อรู้วา่ จะมีภยั อนั ตรายอะไรก็รู้จกั หลบหลีก หรือเม่ือรู้วา่ การ กระทํานนั้ เป็นความชวั่ ก็ควรหลกั หนีให้พ้น)- เรือลม่ ในหนอง ทองจะไปไหน (เมื่อจะต้องสญู เสียอะไรไปอยา่ งไมม่ ีทางท่ีจะสญู เปลา่ ก็ไม่ ต้องวิตกทกุ ข์ร้อนอะไร)- เรือลม่ เม่อื จอด ตาบอดเมือ่ แก่ (ทําอะไรตอ่ อะไรดีมาตลอด แตพ่ อเสร็จกลบั ไม่ได้ผลอะไร หรือ มาล้มเหลงเมอื่ ปลายมอื )- ลงเรือแป๊ ะ ต้องตามใจแป๊ ะ (เม่ืออะไรๆ ต้องอาศยั เขา ก็ต้องตามใจเขา ถ้าไปขดั ใจเขา เขา อาจไมช่ ว่ ยเราหรือไลเ่ ราออกก็ได้)- ลมไมพ่ ดั ใบไม้ไม่ไหว (ไมม่ ีอะไรเป็นเค้ามลู มาก่อนแล้ว ก็คงไมม่ ีเร่ืองมีราวเกิดขึน้ เป็นแน)่- เลน่ กบั หมา หมาเลียปาก เลน่ กบั สาก สากตอ่ ยหวั (ถ้าลดตวั ไปเลน่ หวั กบั คนชนั้ ตํา่ กวา่ เขาก็ อาจตีเสมอทําลวนลามเอา สากในท่ีนีห้ มายถึงสากตาํ ข้าวที่เขาพงิ ไว้ ถ้าใครซกุ ซนไปจบั ต้อง เข้า สากอาจเลือ่ นล้มทบั ถกู หวั ถกู หกู ็ได้)- เลยี ้ งช้าว กินขีช้ ้าง (หาเศษหาเลยหรือมีผลประโยชน์พลอยได้จากหน้าที่ที่ตนทําเปรียบเหมือน คนเลยี ้ งช้าง ซงึ่ ช้างก็มีคา่ หญ้าอนั เป็นสว่ นของช้าง คนเลยี ้ งช้างอาจเบยี ดบงั เอาสว่ นหน่ึงของ คา่ หญ้าเป็นผลประโยชน์ของตวั )- เลอื กนกั มกั ได้แร่ (เลอื กไปเลอื กมา ในที่สดุ มกั จะไปได้ท่ีไมด่ ี มกั ใช้ในกรณีเลอื กคู่ เลือกไป เลือกมาในท่ีสดุ ไปได้คนที่ไม่ดมี าเป็นคคู่ รอง แร่ในที่นีห้ มายถึงขีแ้ ร่ หรือแร่เลวๆ ท่ีไมม่ ีคา่ อะไร กนั )- โลภมาก ลาภหาย (โลภมากเกินไป ในที่สดุ จะไม่ได้อะไรเลย ทา่ สอนให้รู้จกั มีความ พอประมาณไว้บ้าง)- ววั ใครก็เข้าคอกคนนนั้ (สว่ นของใครก็เป็นของคนนนั้ ไมก่ ้าวก่ายหรือกํา้ เกินในผลประโยชน์ ของกนั และกนั )- ววั สนั หลงั ขาด เห็นกาบนิ ผาดก็ตกใจ (คนที่มีความผดิ ติดตวั มกั จะมีพิรุธ มีอาการ หวาดระแวงอยเู่ สมอ กลวั คนอ่ืนจะรู้ เหมือนววั สนั หลงั หวะเป็นแผล พอเหน็ กาบินมาก็ หวาดกลวั เกรงวา่ กาจะโฉบลงมาจิกท่ีแผลนนั้ บางทีกํพดู วา่ “ววั สนั หลงั หวะ”)

- ววั หายลวั จงึ ล้อมคอก (เม่ือเกิดเสียหายขนึ ้ มาแล้วจงึ หาทางปอ้ งกนั ในภายหลงั ซงึ่ นบั วา่ ไมท่ นั การณ์ ควรจะล้อมคอกเสยี ก่อนท่ีววั จะหาย)- วา่ แตเ่ ขา อหิ นาเป็นเอง (พดู วา่ คนอืน่ อยา่ งไร ตนเองก็กลบั เป็นอยา่ งนนั้ เสียเองเหมือนอเิ หนา ท่ีปรารภวา่ ไมร่ ักไมต่ ้องการบษุ บา แตต่ วั เองกลบั ลกั พาบษุ บาไป)- สอนเดก็ สอนงา่ ย สอนผ้ใู หญ่ สอนยาก (ความหมายอยา่ งเดียวกบั “ไม้ออ่ นดดั งา่ ย ไมแ่ ก่ดดั ยาก)- ส่ีตีนยงั รุ้พลาด นกั ปราชญ์ยงั รู้พลงั้ (คนเราแม้จะมคี วามรู้สงู อย่างนกั ปราชญ์ ก๊อาจผิดพลาด ได้เหมอื นกนั ทกุ คนจึงไมค่ วรประมาท แม้สตั ว์สเี่ ท้าเช่น ววั ควายซงึ่ มีส่ีเท้าก็ยงั อาจก้าวพลาด ถงึ ล้มลงได้ ภาษิตนีบ้ างทีก็มีพดู ตอ่ ไปอีกวา่ “ส่ีตนี ยงั รู้พลาด นกั ปราชญ์ยงั รู้พลงั้ สองตีนโดเ่ ด่ คงจะเซลงบ้าง”)- เสน่ห์ปลายจวกั ผวั รักจนตาย (ผ้หู ญิงท่ีจะผกู มดั จิตใจสามีได้ ไมใ่ ช่เพียงเพราะความสวย อยา่ งเดยี ว เพราะความสวยงามเป็นของไมจ่ ีรังยง่ั ยืนอะไร แตค่ วามดโี ดยเฉพาะฝีมือในการปรุง อาหาร ถ้าหากสามารถทําให้ถกู ปากสามีได้ ยอ่ มผกู ใจสามใี ห้รักไปจนตาย)- เสยี ทองเท่าหวั ไมย่ อมเสยี ผวั ให้ใคร (เดมิ เราถือกนั วา่ ผ้หู ญิงท่ีเป็นแมร่ ้างเพราะสามหี นีไปนนั้ แสดงวา่ ผ้หู ญิงผ้นู นั้ ต้องมอี ะไรบกพร่องเลวร้าย สงั คมมกั คดิ วา่ เป็นผ้หู ญิงไมด่ ี เพราะฉะนนั้ ผ้หู ญิงจงึ ไมย่ อมเสยี สามีให้แก่หญิงใด เพราะเท่ากบั เสียศกั ดศิ์ รีของตน แตใ่ นปัจจบุ นั อาจได้ยิน บางคนพดู วา่ “ถ้าได้ทองเทา่ หวั ใครอยากได้ผวั ก็เอกไป” แสดงวา่ คนเดีย๋ วนีเ้ห็นแก่เงินมากขนึ ้ )- เสยี น้อย เสยี ยาก เสยี มาก เสยี งา่ ย (เวลาจะต้องเสยี งเพียงเลก็ น้อย ไม่อยากจะเสยี แตพ่ อ ถงึ คราวต้องเสียมากๆ รับควกั เงินให้ทนั ที อยา่ งข้าวของท่ีชํารุดไปเลก็ น้อย แทนท่ีจะรีบ ซอ่ มแซมเสีย กลบั ปลอ่ ยให้เสียมาก แล้วจงึ ซอ่ มแซม ซงึ่ ต้องหมดเงินมากกว่าหลายเท่า)- หญิงสามผวั ชายสามโบสถ์ อยา่ ได้คบ (แสดงวา่ มีจิตใจรวนเร คบเป็นเพื่อนตายไม่ได้ เพราะ เม่ือถงึ คราวคบั ขนั อาจปลกี ตวั หนีเอาตวั รอดไปตามลาํ พงั ได้)- หมาขีไ้ ม่มีใครยกหาง (หมายถงึ คนท่ีชอบยกย่องตวั เอง)- หงุ ข้าวประชดหมา ปิง้ ปลาประชดแมว (การทําอะไรเพื่อประชดประชนั ไมไ่ ด้ประโยชน์อะไร ผลเสยี จะตกแกต่ น สว่ นผลดีจะไปได้แก่คนท่ีเราประชดให้)- ให้ทกุ ข์แก่ท่าน ทกุ ข์นนั้ ถึงตวั (ทําทกุ ข์ให้แก่ผ้ใู ด เคราะห์กรรมที่ทํากบั เขา อาจตกตามมาถึง ตวั เองบ้าง อยา่ งบางคนชอบลา่ สตั ว์ บางทีไปยิงลกู ของตน โดยเข้าใจวา่ เป็นสตั ว์ป่าก็มี)- อดเปรีย้ วไว้กินหวาน (ให้มีความอดทน อดใจรอผลข้างหน้าท่ีจะดกี วา่ คอื ละทิง้ สง่ิ ที่ไมด่ ี เพราะอดใจรอเอาสงิ่ ท่ีดีกวา่ )- อยบู่ ้านทา่ นอยา่ นิง่ ดดู าย ปัน้ ววั ปัน้ ความให้ลกู ท่านเลน่ (เม่ืออยบู่ ้านใคร อยา่ อยเู่ ปลา่ ควรทํา การทํางานช่วยเหลือเขาเทา่ ที่จะทําได้ แม้เพยี งเอาดนิ เหนียวมาปัน้ ววั ปัน้ ควายให้ลกู เจ้าของ บ้านเลน่ ก็ยงั ดี เขาจะได้เมตตาสงสาร)

- อยา่ แกวง่ เท้าหาเสยี ้ น (อยา่ หาเรื่องใสต่ วั การพดู หรือทําอะไรก้าวก่ายไปถึงผ้อู ื่นโดยมบิ งั ควร ยอ่ มทําให้ตนได้รับความเดอื ดร้อนโดยไมจ่ ําเป็น)- อยา่ ขม่ เขาโคขืนให้กินหญ้า (อยา่ บงั คบั ขืนใจผ้อู ื่นให้ทําตามใจตน)- อยา่ คบคนจร นอนหมอนหมิน่ (อยา่ คบคนจร ท่ีเราไม่รู้จกั หวั นอนปลายเท้าหรือไมร่ ู้จกั ประวตั ิ เสียก่อน)- อยา่ ชกั นํา้ เข้าลกึ อยา่ ชกั ศกึ เข้าบ้าน (บางทีก็พดู วา่ “อยา่ ชกั เรือเข้าลกึ ” หมายความวา่ อยา่ ทําอะไรที่เป็นเหตใุ ห้อนั ตรายมาถงึ ตวั )- อยา่ ชิงสกุ ก่อนหา่ ม (ตามปรกตผิ ลไม้ เช่นมะมว่ งก่อนจะสกุ จะต้องห่ามเสยี ก่อน การกระทํา อะไรต้องให้เป็นไปตามจงั หวะขนั้ ตอนของมนั ถ้าทําผิดลําดบั อาจเสยี หาย เหมือนผลไม้ท่ียงั ไม่ แก่ เอามาบม่ แม้จะสกุ แตก่ ็จะเข้าทํานองหวั หวานก้นเปรีย้ ว หรือยงั เรียนหนงั สือไมจ่ บ ยงั หา เงินไม่ได้ ริมีลกู มีเมยี เสียก่อน ตวั เองก็จะเดอื ดร้อนลกู เมยี ก็จะพลอยเดอื ดร้อนไปด้วย)- อยา่ ชีโ้ พรงให้กระรอก (คอื อยา่ ไปสอนผ้รู ู้ เพราะเขารู้อยแู่ ล้ว เหมอื นกบั กระรอกมนั ยอ่ มรู้จกั โพรงของมนั ไมต่ ้องไปชีบ้ อกกบั มนั ดอก)- อยา่ ตาํ นํา้ พริกละลายแมน่ ํา้ (อยา่ ทําอะไรที่ต้องเสยี ทรัพย์โดยไมไ่ ด้ประโยชน์ค้มุ กบั เงนิ ทองที่ ต้องเสียไป เหมือนตํานํา้ พริกเพยี งครกหนง่ึ แล้วเอาไปละลายในแม่นํา้ ซงึ่ มนี ํา้ มาก จะทําให้นํา้ ในแมน่ ํา้ กลายเป็นนํา้ พริกอยา่ งในหม้อแกงไมไ่ ด้)- อยา่ ตเิ รือทงั้ โกลน (เรือสมยั โบราณซงึ่ เอาซุงทงั้ ต้นมาขดุ เช่น เรือมาด เรือชลา่ ท่ีเขาทําเป็น รูปร่างแล้วแตย่ งั ไมแ่ ล้วเสร็จ อยา่ งเพ่ิงไปดว่ นติ)- อยา่ ทําตวั เป็นกิง้ ก่าได้ทอง (อยา่ เย่อหยงิ่ จองหองเพราะเพียงได้ดหี รือมีทรัพย์ขึน้ มาเพียง เลก็ น้อย)- อยา่ ทําเป็นหมาเหา่ ใบตองแห้ง (อยา่ ทําพดู อวดเกง่ หรือเก่งแตป่ าก)- อยา่ ฝากเนือ้ ไว้กบั เสือ (อยา่ ฝากส่งิ ใดสงิ่ หนง่ึ ไว้กบั ผ้ทู ี่ชอบส่ิงนนั้ เพราะตนจะต้องสญู เสยี ส่งิ นนั้ ไป)- อยา่ ฟื น้ ฝอยหาตะเข็บ (อยา่ รือ้ เอาเรื่องเกา่ ๆ ท่ีลว่ งเลยไปแล้วขึน้ มาพดู ให้สะเทือนใจกนั ฝอย ในท่ีนีห้ มายถึง มลู ฝอย กมุ ฝอย ตะเขบ็ คล้ายตะขาบ แตต่ วั เลก็ กวา่ มาก ชอบอยตู่ าม กมุ ฝอย)- อยา่ ละเลงขนมเบือ้ งด้วยปาก (อยา่ เป็นคนดแี ตพ่ ดู คอื พดู ได้ แตท่ ําไมไ่ ด้)- อยา่ เลยี ้ งลกู เสอื ลกู จระเข้ (อยา่ เอาลกู โจรหรือลกู คนชวั่ คนเลวมาเลยี ้ ง เพราะอาจสร้างความ ลําบากเดอื ดร้อนให้แก่ผ้เู ลยี ้ งก็ได้)- อยา่ ไว้ใจทาง อยา่ วางใจคน จะจนใจเอง (ความชดั อยใู่ นตวั แล้ว)- อยา่ สอนจระเข้ให้วา่ ยนํา้ (ความอยา่ งเดยี วกบั “อยา่ ชีโ้ พรงให้กระรอก”)- อยา่ สอนหนงั สือสงั ฆราช (ความอยา่ งเดียวกบั “อยา่ ชีโ้ พรงให้กระรอก”)

- อยา่ หกั ด้ามพร้ด้วยเขา (อยา่ ใช้อํานาจบงั คบั อยา่ งหกั โหมรุนแรง เพ่อื ให้ผ้อู ่ืนทําตามความ ประสงค์ของตน เพราะนอกจากจะไมส่ าํ เร็จแล้ว ตวั เองก็อาจเดอื ดร้อน)- อยา่ เห็นขีด้ กี วา่ ไส้ (อยา่ เห็นผ้อู น่ื ดีกวา่ ญาตพิ น่ี ้องลกู หลานของตน)- อยา่ เอาจมกู คนอน่ื หายใจ (ต้องรู้จกั ชว่ ยตวั เอง อยา่ คดิ แตจ่ ะพงึ พาอาศยั คนอืน่ เสมอไป ถ้าเรา ทําอะไรได้เองก็สะดวก แตถ่ ้าต้องคอยอาศยั คนอ่ืนเขาร่ําไป ยอ่ มไมไ่ ด้รับความสะดวก เหมือน คนมีรถยนต์แล้วขบั ไมเ่ ป็น จะไปไหนทีก็ต้องพงึ่ คนขบั อยเุ่ ร่ือย ถ้าเจ็บไข้ได้ป่วยเราก็ไปไมไ่ ด้)- อยา่ เอาพมิ เสนไปแลกกบั เกลอื (พมิ เสนเป็นของมคี า่ งมากกวา่ เกลือ คอื อย่าลดตวั ลงไปส้กู บั คนชวั่ ต่าํ มีแตเ่ สยี ศกั ดศ์ิ รี เพราะไมค่ คู่ วรกนั )- อยา่ เอาทองไปลกู่ ระเบอื ้ ง (ความอยา่ งเดยี วกบั “อยา่ เอาพิมเสนไปแลกกบั เกลอื ”)- อยา่ เอามะพร้าวห้าวไปขายสวน (จะไมไ่ ด้ประโยชน์อะไร เขาจะหวั เราะเยาะได้ เพราะในสวน เขาก็มีมะพร้าวอยแู่ ล้ว หมายความวา่ อยา่ เอาสงิ่ ของหรืออะไรก็ตามแสดงตอ่ ผ้ทู ี่มีความรู้ความ ชํานาญในสง่ิ นนั้ เป็นที่ลือชาปรากฏอยแู่ ล้ว เพราะจะทําให้ดเู หมือนวา่ ตนเป็นคนโง่นเขลา เบา ปัญญา หรือเซอ่ เซอะอะไรทํานองนนั้ )- อยา่ เอาลกู เขามาเลยี ้ ว อย่าเอาเม่ียงเขามาอม (อยา่ เอาของคนอนื่ มาชื่นชมยนิ ด)ี สาํ นวนไทย, กาญจนาคพนั ธ์,ุ พระนคร : ห้างห้นุ สว่ นจํากดั รวมสาส์น, พ.ศ.๒๕๑๔.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook