Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ทฤษฎีการเรียนรู้คอนเนคติวัสต์

ทฤษฎีการเรียนรู้คอนเนคติวัสต์

Published by Guset User, 2021-11-11 03:52:10

Description: ทฤษฎีการเรียนรู้คอนเนคติวัสต์

Search

Read the Text Version

ทฤษฎีการเรียนรู้คอนเนคติวสั ต์

• สมาชิก • 1. นายเกรกิ ชยั ทรพั ยป์ ระเสรฐิ รหสั 63031030129 • 2. นางสาวชนิสราพิมทมุ รหสั 63031030133 • 3. นางสาวรตั นากรสขุ เกษมรหสั 63031030143 • 4. นายนนั ทวฒั นม์ าเอ่ียมรหสั 63031030145 • 5. นางสาวพิสมยั สารคี ารหสั 63031030151 • 6. นางสาวสวุ รรณีสรอ้ ยพรมมารหสั 63031030153

• Connectivism (อา้ งจาก: Siemens 2004) หมายถึงการบรู ณาการหลกั การสารวจท่ีมีความ ซบั ซอ้ น, เครอื ข่ายและความสมบรู ณต์ ลอดทงั้ ทฤษฎีการบรกิ ารจดั การตนเองการเรยี นรูเ้ ป็นกระบวนการท่ีเกิดขนึ้ ภายในสภาวะแวดลอ้ มท่ีคลมุ เครอื ของการขยบั องคป์ ระกอบหลกั ไมไ่ ดห้ มายความรวมถงึ ทกุ ส่ิงนนั้ ตอ้ งอย่ภู ายใต้ การควบคมุ ของคนการเรยี นรูส้ ามารถเกิดขนึ้ ไดภ้ ายนอกบคุ คล (แตย่ งั อยภู่ ายในองคก์ ารหรอื ฐานขอ้ มลู ) โดยมีการ มงุ่ เนน้ ไปท่ีการเช่ือมตอ่ ท่ีมีความจาเพาะเจาะจงและความสามารถในการเรยี นรูข้ อ้ มลู ใหม่ ๆ มคี วามสาคญั มากกวา่ ความรูท้ ่ีมีในปัจจบุ นั

• ปัจจบุ นั โลกยคุ ดิจิตอลเขา้ มามีบทบาทตอ่ การดารงชีวิตของมนษุ ยท์ งั้ การกินการอย่อู าศยั การทาธรุ กิจรวมตลอดถึง การเรยี นรูด้ ว้ ยเหตนุ ีท้ ฤษฎีการเรยี นรูจ้ งึ มสี ว่ นสาคญั อย่างย่ิงในการพฒั นากระบวนการจดั การเรยี นรูร้ ะหว่าง มนษุ ยด์ ว้ ยกนั อนั จะสง่ ผลตอ่ การนาความรูไ้ ปพฒั นาสงั คมตอ่ ไปซง่ึ ทฤษฎีการเรยี นรูท้ ่ีกาลงั เป็นท่ีสนใจมากทฤษฎี หนง่ึ น่นั คือ Connectivism เป็นทฤษฎีท่ีออกแบบขนึ้ ภายใตแ้ นวคิด Learning Theory for digital age. กลา่ วคือเป็นการเรยี นรูส้ าหรบั โลกดิจิตอลและจากบทบาทท่ีส่อื ดจิ ิตอลและอินเทอรเ์ นต็ มี บทบาทตอ่ การเขา้ ถงึ ขอ้ มลู ขา่ วสารในปัจจบุ นั ดงั นนั้ ในฐานะนกั เทคโนโลยีการศกึ ษาไทยจงึ มคี วามจาเป็นอย่างย่ิง ท่ีจะพิจารณาศกึ ษาถึงทฤษฎีดงั กลา่ วซง่ึ อาจนามาซง่ึ การพฒั นาการเรยี นบนโลกดิจิตอลท่ีสมบรู ณย์ ่ิงขนึ้ และ ก่อใหเ้ กิดประโยชนต์ อ่ ผเู้ รยี นมากย่ิงขนึ้ Ű

• หกลลา่กั วกไาวรม้ ขดี องังตCอ่ ไoปnนีn้ ectivism หลกั การท่สี าคญั ของ Connectivism ผคู้ ดิ คน้ George Siemens ได้ • 1. การเรยี นรูแ้ ละความรูค้ ือส่งิ ท่หี ลงเหลอื จากการแสดงความคิดเหน็ ท่หี ลากหลายในความหมายนีผ้ เู้ ขียนมีความเหน็ วา่ คคFววaาาcมมรรeููกน้้ bจ็นั้ ะoจมะoาเกkกิดขขขนึ้ นึ้อแมงลตาะนไเดขเอมต้้ งแอ้ จขงาอง็ กขานนึศ้ นั้ยเั ชกกน่ ม็าเรีผดแใู้ียสชวดง้ กางนันคอว่นืามๆคมดิ าเหแน็สขดองงคควนามทเ่หี หลน็ าตกอ่ หทลา้ ายยยค่ิงลแา้สยดงๆคกวบัามกาเหรน็ทม่เี ราากPเทoา่ sใดtกขาอ้รเคกวิดาขมนึ้ ลขงอบงน • Enter • 送信済み • 2คควว.าามมกหสารมัมเพารยยีนั นนธีรผ้ร์ ูค้ะเู้ ขอืหียกวนา่ระมงโบีคหววนนาดมกทเาห่กีรน็ขระอวจ่างกดัผากคู้ รริดเะชคจ่ือน้ ามทยตฤออ่ษยร่าฎะงีกหสาวบั ลา่ สงังนอโหธวนิบนุ่ ดวาาย(ยสNเ่งิ มoท่อื ่ีเdรเรยี eากม)วอา่ องกเยาห่ารน็ งเรคจยีาวนเาพมรูาโ้สดะมั ยเจพเกานั ะิดธจขก์ งนึ้ าหจรราเอืรกยีแกนหารลรูท้ง่ม่ีขจออะ้ งเมเกหลู ิดน็ สขานึ้ คทญั นั ใทนี 3. การเรยี นรูอ้ าจเกิดขนึ้ ในส่งิ ท่ไี มใ่ ช่มนษุ ยไ์ ดต้ วั อย่างเทียบเคยี งอาทเิ ชน่ ในหนุ่ ยนตใ์ นโปรแกรมคอมพิวเตอร์

• 4. ความสามารถในการรบั ขอ้ มลู เพ่ิมเตมิ มีความสาคญั กวา่ ขอ้ มลู ท่ีมีอย่ใู นปัจจบุ นั ตรงนีผ้ เู้ ขียนคิดวา่ น่าจะ หมายถึงทกั ษะของตวั ผเู้ รยี นท่ีตอ้ งมคี วามสามารถในการคน้ หาขอ้ มลู เพ่ิมเติมอาจเป็นทกั ษะการใชง้ าน Google Search Engine ทกั ษะการคน้ หาหนงั สอื เลม่ ท่ีตอ้ งการทกั ษะการคน้ หาสถานท่ีเพ่ือการเรยี นรู้ ท่ีตอ้ งการทกั ษะการคดั เลือกงานสมั มนาท่ีเป็นประโยชนต์ อ่ การเรยี นรูข้ องตนเองเป็นตน้ • 5. บารุงรกั ษาและการเช่ือมตอ่ เป็นส่ิงจาเป็นเพ่ืออานวยความสะดวกในการเรยี นรูอ้ ย่างตอ่ เน่ืองในท่ีนีห้ มายถงึ การ หม่นั บารุงรกั ษาการเช่ือมตอ่ ของโหนดอาทิการหม่นั มองความสมั พนั ธแ์ ละการถกเถียงในประเดน็ ตา่ งๆของโหนด จะเป็นสว่ นสาคญั ในการเพ่ิมเกลยี วเชือกแหง่ การเรยี นรูใ้ หเ้ ขม้ แขง็ มากย่ิงขนึ้

• 6. ความสามารถในการดแู ละสงั เกตการณเ์ ช่ือมตอ่ ของขอ้ มลู ถือเป็นทกั ษะหลกั การมองเห็นความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง เกลยี วเชือกเป็นทกั ษะสาคญั ใหเ้ กิดการเรยี นรู้ • 7. ความสามารถในการรบั ทราบขอ้ มลู ในปัจจบุ นั ทนั สมยั เป็นส่งิ สาคญั • 8. การตดั สินใจดว้ ยตนเองเป็นกระบวนการเรยี นรูเ้ ลอื กส่ิงท่ีจะเรยี นรูแ้ ละความหมายของขอ้ มลู ท่ีเขา้ มาจะเห็นผา่ น เลนสข์ องจรงิ ผลดั เปล่ยี นในขณะท่ีมีคาตอบตอนนีอ้ าจเป็นวนั พรุง่ นีผ้ ิดเน่ืองจากการเปลย่ี นแปลงสภาวะแวดลอ้ ม ในขอ้ มลู ท่ีมผี ลตอ่ การตดั สนิ ใจ

• ทฤษฎีนีอ้ ธิบายการเรยี นรูว้ า่ สมมตุ ิในโลกใบนีเ้ ตม็ ไปดว้ ยขอ้ มลู ตา่ งๆมากมายซง่ึ อาจจะเป็นในรูปแบบของ ขอ้ ความสญั ลกั ษณร์ ูปภาพเสยี งหรอื แมแ้ ตอ่ ารมณเ์ ราถือใหข้ อ้ มลู เหลา่ นีเ้ ป็นโหนด (node) ตา่ งๆกระจดั กระจายท่วั ไปโหนดเหลา่ นีอ้ าจมีการเช่ือมโยงกนั (connection) อยซู่ ง่ึ อาจจะมีการเช่ือมโยงท่ีทงั้ แข็งแรง หรอื เบาบางและบางอย่างอาจสามารถเช่ือมโยงกบั ส่งิ อ่ืน ๆ ไดอ้ ีกมหาศาลการเรยี นรูค้ อื การท่ีเราเหน็ การเช่ือมโยง เหลา่ นีว้ า่ อะไรสมั พนั ธก์ บั อะไรอย่างไรรวมไปถงึ การสงั เกตเห็นถงึ รูปแบบ (patterns) ของการเช่ือมโยงตา่ งๆ จนทาใหเ้ กิดความรู้ (Knowledge)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook