8. ระบบการทางานของตบั (Hepatic system) การเปล่ียนคอนจเู กตบินลิรูบิน (conjugate of bilirubin) ตับของ ทารกยังท้างานไม่สมบูรณ์ จึงไม่สามารถก้าจัด bilirubin ผ่านทางตับ ท้าให้ bilirubin ในกระแสเลือดสูง ซึ่งเป็น unconjugate bilirubin ละลายได้ดีในไขมันจึงมักไปจับกับไขมันที่อยู่บริเวณเนือเย่ือต่างๆ เช่น ผวิ หนังทาใหต้ วั เหลอื ง หรือสมองทาใหเ้ กิด kernicterus ได้ - การสะสมธาตุเหลก็ ทารกจะสะสมธาตุเหลก็ ไวท้ ่ีตบั และมา้ มเพ่อื ใช้ ในการสร้าง RBC
ภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกดิ (Neonatal hyperbilirubinemia) Physiologic jaundice จะพบเมื่อทารกอายุ 2-4 วัน และหายไป 1 สัปดาห์ ค่า bilirubin สูง ไมเ่ กนิ 12 mg/dl (Term) Pathologic jaundice เกิดจากเมด็ เลือดแดง แตกตัวมากเน่ืองมาจากโรคหรือภาวะต่างๆ มัก เกิดข้ึนภายใน 24 ช่ัวโมง ค่า bilirubin > 5 mg/dl
9. ระบบภูมคิ ุม้ กนั (Immune system) ทารกแรกเกดิ จะมกี ลไกต่อตา้ นเชอื โรคโดย ผิวหนงั จะชว่ ยปอ้ งกันเชือโรคเข้าสู่ร่างกาย ระบบภมู ิคุม้ กัน 2 ระบบ คอื 1. Natural Immunity เกิดขนึ เอง 2. Acquired Immunity ไดร้ ับวคั ซีน
1. Natural Immunity เกดิ ขนึ้ เอง ทารกยังไมส่ ามารถภูมิคมุ้ กันได้เองหรืออาจสรา้ งได้นอ้ ย จนอายุประมาณ 2 เดือน แต่จะไดร้ บั ภมู ิคุ้มกนั จากมารดาขณะอยใู่ นครรภแ์ ละภายหลังการคลอดจากการไดร้ ับนมแม่ 1. Immunoglobulin G (IgG) มีมากที่สุด ไดร้ ับตังแต่อยู่ในครรภ์ผ่านทางรกตังแต่ไตรมาส แรก แต่มากท่ีสุดในไตรมาสท่ี 3 ป้องกันการติดเชือป้องกันโรคคอตีบ โปลิโอ หัด คางทูม และการติดเชือกรัมบวก เช่น pneumococcus ได้จนถึงระยะ 1-3 เดือนหลังคลอด หลงั จากนนั ทารกจะเรม่ิ สร้าง IgG ขึนไดเ้ อง 2. Immunoglobulin M (IgM) ไม่ผ่านรก ทารกจะสร้าง IgM ไดเ้ พยี งเลก็ น้อยตังแต่อายุ ครรภ์ 20 สัปดาห์ และจะสร้างอย่างรวดเร็วภายหลังคลอด 2-3 วัน ช่วยป้องกันการติด เชือแบคทีเรียกรัมลบ เช่น E.coli หากทารกมี IgM สงู นันอาจแสดงว่าทารกมีการติดเชือ ตังแต่อยู่ในครรภ์
1. Natural Immunity เกิดข้นึ เอง 3. Immunoglobulin A (IgA) ไม่ผา่ นรก ทารกในครรภ์สร้าง immunoglobulin ชนิดนีได้น้อยหรือไม่ได้เลย ทารกอาจได้รับ IgA จากนมแม่ในระยะ Colostum ซ่ึงจะ ช่วยป้องกันการติดเชือในระบบทางเดินหายใจ (ไข้หวัดใหญ่) และระบบทางเดิน อาหาร 2. Acquired Immunity ได้รบั วัคซนี - วัคซีนป้องกนั บาดทะยัก - วคั ซีนป้องกันวัณโรค
10. ระบบประสาท (Nervous system) การมองเห็น (vision) โครงสร้างตาและกล้ามเนือตายังไม่สมบูรณ์ (สมบูรณ์ 4 เดือน) รูม่าน ตาจะมีปฏิกิริยาต่อแสง การกระพริบตาจะเกิดขึนได้ง่ายเมื่อกระตุ้น ทารกแรกเกิดจะสามารถ มองเห็นวัตถุท่ีอยู่ไกลได้ประมาณ 50 เซนติเมตร แต่จะสามารถมองได้ชัดสุดในระยะ 17-20 เซนติเมตร (8-12 นวิ ) ต่อมนา้ ตาจะทา้ งานเมอ่ื อายุ 2-4 สัปดาห์ การได้ยิน (hearing) ทารกจะตอบสนองต่อเสียงดังๆ (ประมาณ 90 เดซิเบล) ด้วย Moro reflex (ผวา สะดุ้งหรือตกใจ) แตถ่ ้าเสยี งไม่ดังจะหันตาม จ้าเสียง ขยับแขนขา รอ้ ง การรบั กลิน่ (smell) มีปฏิกริยาต่อกล่ินฉุน โดยการหันศีรษะหนี สามารถแยกกล่ินมารดาของ ตนเองกันบุคคลอื่นได้ หากไดก้ ลิ่นน้านมแม่จะแสดงความพอใจโดยการท้าปากคลา้ ยดูด การรับรส (taste) ภายหลัง 72 ชั่วโมงหลังคลอดจะรับรสเปรียวและหวานได้โดยการแสดงสี หน้าท่ีแตกต่างกัน เช่น รสหวานทารกจะอยากดูดมากขึน รสเปรียวทารกอาจท้าหน้าย่นหรือ แสยะ
10. ระบบประสาท (Nervous system) เซลล์ประสาทจะสร้างครบตั้งแต่อยู่ในครรภ์ และจะเจริญเติบโตเพ่ิมขึ้น หลังคลอดส่วนใหญ่ทารกจะมีปฏิกริยาพ้ืนฐาน หรือที่เรียกว่า Primitive reflexes ซ่ึงจะกล่าวตอ่ ไปในการตรวจร่างกายทารกแรกเกดิ
11. ระบบต่อมไร้ทอ่ (Endocrine system) >>ระบบต่อมไร้ทอ่ ยังท้างานไม่สมบูรณ์ >>ฮอร์โมนเพศของมารดาท้าให้ labia ของทารกเพศหญิงมี hypertrophy ได้ และอาจมี pseudo menstruation (พบ 1-2 วันหลังคลอด หายไปใน 2 วันหลัง คลอด) ซ่ึงมักเห็นเป็น milky secretion มากกว่าเป็น actual blood เกิดจากการ ลดลงของ progesterone และ estrogen ทันทีภายหลงั การคลอด แนะน้า: เชด็ ด้วยน้าต้มสุก
11. ระบบต่อมไรท้ อ่ (Endocrine system) >>นมของทารกแรกเกิดทัง 2 เพศอาจจะ คัดตึงและมีการหลั่งของน้านมเรียกว่า Witch ’s milk ได้ในช่วง 2-3 วันแรก เกิดจาก progesterone และ estrogen ของมารดาลดลง ท้าให้ prolactin เร่ิม ท้างาน ทารกได้รับฮอร์โมนท้าให้มีการ กระตุ้นใหเ้ กดิ นา้ นมไหล ถือเป็นภาวะปกติ
THANK YOU
Search