Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เครื่องหอมจากดอกไม้ธรรมชาติ-1

เครื่องหอมจากดอกไม้ธรรมชาติ-1

Published by tcmobileth.123, 2021-10-06 03:46:54

Description: เครื่องหอมจากดอกไม้ธรรมชาติ-1

Search

Read the Text Version

โครงงาน เครื่องหอมจากดอกไม้ธรรมชาติ จัดทาโดย 1.นางสาว ชนากานต์ บุญชนะเมธี เลขท่ี 12 2.นางสาว สุชานาถ อนิ ต๊ะนาม เลขท่ี 24 3.นางสาว แสงระวี ขนั ไชย เลขท่ี 30 4.นางสาว กานต์ธิดา ทฆี าวงค์ เลขที่ 38 5.นางสาว ชนิตา สุทาทตั เลขท่ี 40 ระดบั มธั ยมศึกษาปี ท่ี5/3 เสนอ ครู ดารงค์ คนั ธะเรศย์ โรงเรียนปัว อาเภอปัว จังหวดั น่าน สานักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษาน่าน

โครงงาน เครื่องหอมจากดอกไม้ธรรมชาติ จัดทาโดย 1.นางสาว ชนากานต์ บุญชนะเมธี เลขท่ี 12 2.นางสาว สุชานาถ อนิ ต๊ะนาม เลขท่ี 24 3.นางสาว แสงระวี ขนั ไชย เลขท่ี 30 4.นางสาว กานต์ธิดา ทฆี าวงค์ เลขที่ 38 5.นางสาว ชนิตา สุทาทตั เลขท่ี 40 ระดบั มธั ยมศึกษาปี ท่ี5/3 เสนอ ครู ดารงค์ คนั ธะเรศย์ โรงเรียนปัว อาเภอปัว จังหวดั น่าน สานักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษาน่าน

สารบัญ ก เกี่ยวกบั โครงงาน ข กิตติกรรมประกาศ ค บทคดั ยอ่ 1 บทที่ 1 บทนา 3 ท่ีมาและความสาคญั 10 วตั ถุประสงคข์ องโครงงาน 13 สมมติฐาน 14 ขอบเขตของการทดลอง วตั ถุดิบ/อุปกรณ์ บทท่ี 2 เอกสารอา้ งอิง บทท่ี 3 วธิ ีดาเนินการทดลอง บทท่ี 4 ผลการทดลอง บทที่ 5 อภิปรายและสรุปผลการทดลอง บรรณานุกรม

เกยี่ วกบั โครงงาน โครงงานวทิ ยาศาสตร์ ชื่อเรื่อง: เครื่องหอมจากดอกไมธ้ รรมชาติ ชื่อผู้จดั ทา: 1.นางสาว ชนากานต์ บุญชนะเมธี เลขที่ 12 2.นางสาว สุชานาถ อินตะ๊ นาม เลขที่ 24 3.นางสาว แสงระวี ขนั ไชย เลขที่ 30 4.นางสาว กานตธ์ ิดา ทีฆาวงค์ เลขที่ 38 5.นางสาว ชนิตา สุทาทตั เลขท่ี 40 ครูทปี่ รึกษา : ครู ดารงค์ คนั ธะเรศย์ สถานศึกษา : โรงเรียนปัว อาเภอปัว จงั หวดั น่าน รหสั ไปรษณีย์ 55120 สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษามธั ยมศกึ ษาน่าน เขต 37 ระยะเวลาในการทาโครงงาน : ต้งั แต่วนั ท่ี 19 สิงหาคม – 30 กนั ยายน พ.ศ. 2564 ปี การศึกษา : 2564

กติ ติกรรมประกาศ โครงงานวิทยาศาสตร์ เร่ือง เครื่องหอมจากดอกไมธ้ รรมชาติ เป็นอีกหน่ึงโครงงานที่ทา ใหเ้ ราไดร้ ู้วธิ ีการทาเครื่องหอมจากดอกไม้ ซ่ึงสามารถนาไปใชไ้ ดจ้ ริงในชีวติ ประจาวนั โครงงานน้ีสาเร็จไดด้ ว้ ยความกรุณาของ ครู ดารงค์ คนั ธะเรศย์ ซ่ึงไดใ้ หค้ าปรึกษา ขอ้ ช้ีแนะและความช่วยเหลือ จนกระทง่ั โครงงานน้ี สาเร็จลุล่วงไปไดด้ ว้ ยดี ผูจ้ ดั ทาโครงงาน ขอขอบพระคุณเป็นอยา่ งสูงมา ณ ที่น้ี ผจู้ ดั ทาโครงงาน

บทคดั ย่อ เนื่องจากปัจจุบนั มีอากาศที่ร้อนแต่ละบา้ นก็ตอ้ งมีการติดเครื่องปรับอากาศเพื่อให้มี อากาศที่เยน็ สดชื่นแต่ในห้องอาจจะเยน็ แต่ไม่ไดส้ ดช่ืนอยา่ งท่ีคิด เนื่องจากเราออกไปขา้ งนอก พบเจออากาศร้อน มีเหง่ือ มีกลิ่นที่ไม่พึงประสงคต์ ิดมา พอเขา้ มาในบา้ นที่มีเคร่ืองปรับอากาศ จะทาใหม้ ีกล่ินเหมน็ อบั อาจทาใหห้ งุดหงิด จากที่เครียดมาจากที่ทางาน ท่ีโรงเรียน หรือสถานท่ี ต่างๆ อาจทาใหเ้ กิดความเครียดเพ่ิมข้ึน ดว้ ยเหตุน้ีคณะผูจ้ ดั ทาจึงไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ การทาเครื่อง หอมจากดอกไมธ้ รรมชาติข้ึนมาเพ่ือให้ภายในบา้ นเกิดความหอม ไม่มีกล่ินอบั ช้ืน ไม่มีกลิ่น เหง่ือ ผ่อนคลาย คลายความเครียด ดบั กลิ่นท่ีไม่พึงประสงค์ ทาให้บา้ นมีกล่ินหอมจากเคร่ือง หอมท่ีทาจากดอกไม้ พร้อมกบั ความเยน็ ท่ีมาจากเครื่องปรับอากาศ และมีการเลือกใชด้ อกไม้ ท่ีมาจากธรรมชาติเพ่ือนาดอกไมม้ าปรับใชใ้ ห้เกิดประโยชน์มากยง่ิ ข้ึนและการใชด้ อกไมท้ ี่มา จากธรรมชาติทาใหม้ ีความปลอดภยั มากกวา่ การใชส้ ารเคมีในการทาเพราะการใชส้ ารเคมีอาจมี การตกคา้ ง

บทท่ี 1 บทนา ทมี่ าและความสาคญั เน่ืองจากโลกของเรามีอากาศที่ร้อนแต่ละบา้ นกต็ อ้ งมีการติดเครื่องปรับอากาศเพ่ือให้มี อากาศที่เยน็ สดชื่นแต่ในหอ้ งอาจจะเยน็ แต่ไม่ไดส้ ดช่ืนอยา่ งท่ีคิด เน่ืองจากเราออกไปขา้ งนอก พบเจออากาศร้อน มีเหง่ือ มีกล่ินท่ีไม่พึงประสงคต์ ิดมา เมื่อเขา้ มาในบา้ นที่มีเครื่องปรับอากาศ อาจจะทาให้มีกล่ินเหม็นอบั บางทีเกิดความหงุดหงิด จากที่เครียดมาจากท่ีทางาน ท่ีโรงเรียน หรือสถานที่ต่างๆ อาจทาใหเ้ กิดความเครียดเพม่ิ ข้ึนได้ ในปัจจุบนั มีอากาศที่ร้อนมากข้ึนและภายในบา้ นอาจมีกลิ่นเหม็นอบั ดว้ ยเหตุน้ีคณะ ผจู้ ดั ทาจึงไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ การทาเคร่ืองหอมจากดอกไมธ้ รรมชาติข้ึนมาเพ่ือใหภ้ ายในบา้ นเกิด ความหอม ไม่มีกลิ่นอบั ช้ืน ไม่มีกลิ่นเหงื่อ ผ่อนคลาย คลายความเครียด ดบั กลิ่นที่ไม่พึง ประสงค์ ทาให้บา้ นมีกล่ินหอมจากเคร่ืองหอมที่ทาจากดอกไม้ พร้อมกบั ความเยน็ ท่ีมาจาก เคร่ืองปรับอากาศ และมีการเลือกใชด้ อกไม้ท่ีมาจากธรรมชาติ เพ่ือนาดอกไมม้ าปรับใชใ้ หเ้ กิด ประโยชน์มากย่ิงข้ึน ดอกไมท้ ่ีนามาใชค้ ือ ดอกกุหลาบ ดอกมะลิ และดอกกระดงั งา การใช้ ดอกไมท้ ี่มาจากธรรมชาติทาให้มีความปลอดภยั มากกว่าการใชส้ ารเคมีในการทาเพราะการใช้ สารเคมีอาจมีการตกคา้ ง วตั ถุประสงค์ของโครงงาน 1.เพ่อื ศกึ ษาการทาเครื่องหอมจากดอกไมธ้ รรมชาติ 2.เพอื่ ศกึ ษาประโยชนข์ องเครื่องหอม 3.เพอ่ื การใชด้ อกไมใ้ หเ้ กิดประโยชนย์ งิ่ ข้ึน 4.เพื่อใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชน์

ผลท่คี าดว่าจะได้รับ 1.ไดผ้ ลิตภณั ฑเ์ ครื่องหอมจากดอกไมธ้ รรมชาติ 2.ไดร้ ู้ถึงข้นั ตอนและวธิ ีการทาเคร่ืองหอมจากดอกไมธ้ รรมชาติ 3.กล่ินเคร่ืองหอมท่ีช่วยบาบดั อารมณ์และจิตใจใหร้ ู้สึกผอ่ นคลายมากข้ึน 4.ทาใหค้ นหนั มาสนใจกบั สินคา้ ออร์เเกนิคท่ีไม่มีสารพิษใดๆ และไดร้ ับรู้ถึงประโยชน์ ของดอกไมม้ ากข้ึน สมมตฐิ าน ถา้ ใช้ดอกไมธ้ รรมชาติเป็ นส่วนผสมในการทาเคร่ืองหอมแลว้ เครื่องหอมจะมีความ ปลอดภยั มากกวา่ การใชส้ ารเคมีในการผสม ขอบเขตของการทาโครงงาน ทาโครงงานเกี่ยวกับเคร่ืองหอมจากดอกไม้ธรรมชาติ โดยดอกไม้ท่ีใช้คือ ดอกไม้ ธรรมชาติท่ีมีกลิ่นหอม เช่น ดอกกหุ ลาบ ดอกมะลิ ดอกกระดงั งา เป็นตน้ เราจะทาการทดลอง ตวั ผลิตภณั ฑก์ บั สมาชิกในกลุ่มก่อนเมื่อไดผ้ ลลพั ธ์ท่ีดีเราจะทดลองกบั กลุ่มทดลองและทาการ บนั ทึกผลเพอ่ื พฒั นาผลิตภณั ฑต์ ่อไป แผนการกาหนดเวลาปฏิบตั งิ าน 2 สัปดาห์

ระยะเวลาการดาเนินโครงงาน ข้นั ตอนการ 1-14 สิงหาคม 15-31 สิงหาคม 1-14 กนั ยายน 15-30 กนั ยายน ดาเนินงาน ปรึกษาหวั ขอ้ โครงงานกนั ภายใน กลุ่ม เสนอหวั ขอ้ โครงงาน รวบรวมขอ้ มูล วเิ คราะห์ขอ้ มูล เริ่มจดั ทาโครงงาน ตรวจสอบและแกไ้ ข ปัญหา สรุปผลการทา โครงงาน

ชนิดของดอกไม้ บทท่ี 2 เอกสารทีเ่ กยี่ วข้อง ดอกไม้ทใี่ ช้ ดอกกหุ ลาบ กหุ ลาบ (องั กฤษ: rose) คือ ดอกไมใ้ นสกลุ Rosa ในวงศ์ Rosaceae ที่ไดร้ ับความนิยม ปลูกมากท่ีสุดชนิดหน่ึงของโลกที่มีตน้ กาเนิดจากทวีปเอเชีย ผูค้ นนิยมปลูกเพ่ือความสวยงาม ตกแต่งสวน, ประดบั ตกแต่งบา้ น, ประดบั สถานที่, ปลูกเพ่ือการพาณิชย์ อาทิ เพ่ือนาไปสกดั น้ าหอม นาไปทาเป็ นส่วนประกอบของสปา เป็ นต้น (อ้างอิง กุหลาบ , 2563 https://th.wikipedia.org/กหุ ลาบ ) ดอกไม้ที่ใช้ ดอกมะลิ

มะลิ ดอกไมห้ อมประจาหนา้ ร้อน ยง่ิ ร้อนดอกยง่ิ ดก มะลิท่ีใครๆกอ้ คุน้ ตามีใหเ้ ห็นอยู่ ทุกมุมบา้ นท้งั มะลิซอ้ นและมะลิลา รวมไปถึงมะลิสายพนั ธุ์อื่นๆต่างกอ้ ออกดอกดกช่วงฤดูร้อน ดอกมะลิกลิ่นหอมช่ืนใจเกิดมาเพ่ือเป็นไมป้ ระจาประเทศไทยท้งั กล่ินและรูปทรงถูกบรรจงสรร สร้างใหม้ ีความเป็นเอกลกั ษณ์ในแบบไทยแท้ มะลิจดั เป็นดอกไมห้ อมหน่ึงเดียวที่ใหค้ วามหอม เยน็ ชื่นใจเป็นกลิ่นยนื พ้ืนที่ใชป้ รุงในน้าอบไทยและเขา้ แทรกในเคร่ืองหอมตาหรับอื่นๆอีกแถบ ทุกชนิดขาดกลิ่นมะลิไม่ไดเ้ ลย ถา้ ขาดกลิ่นมะลิคือจบกนั เลย น้าอบไทยเจา้ ดงั ของไทยท่ีอยู่คู่ สงั คมไทยมาร่วมร้อยปี กใ็ ชก้ ลิ่นมะลิเป็นกล่ินยนื ใหค้ วามหอมช่ืนใจคงความเป็นกล่ินอายแบบ โบราณไวไ้ ดด้ ีที่สุด (อา้ งอิง มะลิเครื่องหอม , 2559 คนรักไมด้ อกหอมและเคร่ืองหอมไทย) ดอกไม้ที่ใช้ ดอกกระดงั งา กระดังงา กลิ่นดอกกระดงั งาไทยจะต่างจากกกลิ่นกระดงั งาจีนที่เป็ นไมต้ น้ เล้ือย กระดงั งาไทยเป็ นไมย้ ืนตน้ มีดอกคลา้ ยๆกบั ดอกสายหยุด เพราะเป็ นพืชในวงศส์ กุลเดียวกนั กลิ่นหอมหวานชื่นใจ นาไปลนไฟใหไ้ ดก้ ล่ินท่ีหอม หวนมากข้ึน กลิ่นจะหวานจบั ใจแบบความ หอมของกล่ินเครื่องหอมไทยๆ (อา้ งอิง ดอกกระดงั งา , 2564 คนรักไมด้ อกหอมและเครื่องหอม ไทย ) จากเรื่องชนิดของดอกไมท้ ี่ใชใ้ นการทาเครื่องหอมขา้ งตน้ กล่าวสรุปไดว้ า่ ดอกไมท้ ่ี ใชค้ ือดอกกหุ ลาบ ดอกมะลิ และดอกกระดงั งา ซ่ึงดอกไมท้ ้งั สามชนิดน้ีมีกลิ่นที่หอมท่ีแตกต่าง กนั ดอกกุหลาบ เป็ นดอกไมท้ ี่มีหลากหลายสีหลากหลายกล่ิน และส่วนใหญ่นิยมในการ

ปลูกเพือ่ ความสวยงาม ตกแต่งสวน ตกแต่งบา้ น นอกจากน้ียงั มีการนาดอกไป สกดั น้าหอมและ นาไปทาเคร่ืองหอมอีกดว้ ย ดอกมะลิ เป็ นดอกไมห้ อมท่ีมีกลิ่นหอมชื่นใจ มกั ใชใ้ นการปรุงใน น้าอบไทยต่างๆ และดอกมะลิยงั เป็ นเหมือนกลิ่นหอมที่ยงั คงความโบราณไวอ้ ีกด้วย ดอก กระดงั งา เป็นดอกไมท้ ี่มีกลิ่นหอมหวานช่ืนใจ เม่ือนาไปลนไปจะทาใหม้ ีกลิ่นหอมนวลมากข้ึน จากดอกไมท้ ้งั สามท่ีเราใชจ้ ะเห็นไดว้ า่ ดอกไมท้ ่ีใชม้ กั จะมีกลิ่นท่ีหอมเมื่อนาไปทาเครื่องหอมจะ ทาใหม้ ีกล่ินหอมชื่นใจ ผอ่ นคลาย และอารมณ์ดียงิ่ ข้ึน ประเภทของเคร่ืองหอม เครื่องหอม หมายถึงส่ิงของหรือวตั ถุอย่างใดอย่างหน่ึง ซ่ึงกล่ินหอมสามารถรับ ความรู้สึกไดด้ ว้ ยการดม เคร่ืองหอม ตามประวตั ิมีมาต้งั นานประมาณ 5000 ปี แลว้ ชาวอียปิ ต์ สมยั น้นั ไดใ้ ชย้ างไมช้ นิดหน่ึงที่มีกลิ่นหอมมาประดบั กาย และไดค้ ิดคน้ เป็นนกั ผสมเคร่ือง หอมชาติแรกของโลก ใชย้ างไมต้ ่าง ๆ มาผสมเขา้ ดว้ ยกนั รวมท้งั ใชเ้ น้ือไมห้ อมบางชนิดมาป่ น ผสมกนั เป็นเครื่องหอมเรียกวา่ กาฟี ชาวอียปิ ตส์ มยั โบราณใชเ้ ผาใหก้ ล่ินหอมเพื่อบวงสรวงเทพ เจ้าต่าง ๆ ในสมัยน้ัน ต่อมามีการคิดค้นพฒั นาเคร่ืองหอม โดยใช้ส่วนต่าง ๆ ของ พืช เช่น ดอกไม้ เน้ือไมบ้ างชนิดมาตม้ ค้นั เพ่ือใหน้ ้ามนั หอมระเหยออกมาแลว้ นาน้ามนั หอม น้นั มาใชป้ ระโยชน์ต่อไป ปัจจุบนั น้ีมีการวิจยั พฒั นา สกดั น้ามนั หอมระเหยออกมาทาเป็ น น้าหอมต่าง ๆ มีกลิ่นหอมที่แตกต่างกนั ไป มากมายหลายชนิด ประเภทของเครื่องหอมไทย  เคร่ืองหอมไทยประเภทปรุงกลนิ่ ส่วนใหญ่เคร่ืองปรุงในการทาเครื่องหอมประเภทปรุงกลิ่นมกั จะเป็นพืชสมุนไพร หรือส่ิง ที่มาจากธรรมชาติ เช่น ลาเจียก ดินสอพอง แก่นจนั ทน์เทศ ข้ีผ้ึง พิมเสน ฯลฯ ผลหมากราก ไมท้ ี่หาไดง้ ่ายที่ริมร้ัว เช่น ใบเตยหอม มะกรูด ดอกมะลิ กระดงั งา กุหลาบ ฯลฯ ซ่ึงเครื่อง หอมไทยประเภทปรุงกลิ่นที่เป็นที่นิยมและน่าสนใจในวธิ ีการปรุง อุปกรณ์ และวตั ถุดิบ เช่น น้าดอกไมส้ ด น้าอบไทยไม่ใชด้ อกไมส้ ด ผา้ ชุบน้าอบอยา่ งเปี ยก น้าปรุง ออดิโคโลณจน์ และ น้าหอม โดยเคร่ืองหอมชนิดต่าง ๆ ที่ไดก้ ล่าวมาขา้ งตน้ มีวิธีการปรุงท่ีสลบั ซับซอ้ น ตอ้ งใช้

ความพถิ ีพถิ นั เป็นอยา่ งมากในทุกข้นั ตอนทุก ๆ ข้นั โดยผูแ้ ต่งกล่าวถึงการทาเครื่องหอมไทย ประเภทปรุงกล่ินไวด้ งั น้ี  นา้ ดอกไม้สด น้าดอกไมส้ ดน้ันเป็ นที่นิยมกนั มานาน เช่น น้าลอยดอกมะลิสาหรับดื่ม ทาน้าเช่ือม ปรุง ส่วนผสมของขนม ใชล้ า้ งมือ มือสาหรับเจา้ นายใชส้ รงน้า  นา้ อบไทยดอกไม้สด น้าอบไทยเป็ นเครื่องหอมท่ีสาคญั ท่ีสุด ในกระบวนการทาเครื่องหอม เพราะน้าอบไทยมี ประโยชน์หลายอยา่ ง ใชผ้ สมทาแป้งร่า ทากระแจะเจิมหนา้ ผสมกบั ดินสอพองแป้งหินแป้ง ร่าทาตวั  นา้ ปรุง น้าปรุงเป็ นเคร่ืองหอมชนิดหน่ึง ท่ีมีกลิ่นหอมเยน็ ให้ความรู้สึกแบบไทย ๆ สตรีในสมยั โบราณนอกจากจะมีการประแป้งแต่งตวั ลูบตวั ดว้ ยน้าอบน้าปรุง แต่มาบดั น้ี สตรีส่วนใหญ่ รู้จกั แต่น้าหอม ออดิโคโลญจน์ มาแทน  ออดิโคโลญจน์ ใชท้ าตวั ในหนา้ ร้อนทาให้เยน็ และหอมช่ืนใจ บางคร้ังผสมน้าชุบผา้ เช็ดหนา้ ผา้ ขนหนู ใช้ เชด็ หนา้ ทาใหส้ ดชื่นข้ึน ออดิโคโลญจน์ มีหลายกล่ิน แต่เสนอเพยี ง 1 กลิ่น  นา้ หอม น้าหอมสามารถเลือกและปรุงกลิ่นไดใ้ นปัจจุบนั ร้านขายผลิตภณั ฑเ์ ครื่องหอมมีกล่ินหอมที่ ใหเ้ ลือกมากมาย  เคร่ืองหอมไทยประเภทประทนิ โฉม เครื่องหอมไทยประเภทประทินโฉมน้ีมีอยดู่ ว้ ยกนั หลายชนิด อาทิ ดินสอพอง แป้งหอม แป้งผงกลิ่นไทย แป้งร่า แป้งเกสรดอกไม้ แป้งพวง เคร่ืองหอมไทยน้ีเป็ นการนามาจาก ธรรมชาติลว้ นๆ ไม่มีการเจือปนดว้ ยสารสังเคราะห์หรือสารเคมีทางวิทยาศาสตร์แต่อยา่ งใด เป็นภูมิปัญญาของคนไทยสมยั โบราณที่ทุกวนั น้ีเร่ิมจะจางหายดว้ ยสารเคมีทางวทิ ยาศาสตร์ท่ี สังเคราะห์ข้ึนมาแทนท่ี ในส่วนของกรรมวธิ ีในการทากม็ ีแตกต่างกนั ไปในแต่ละรูปแบบว่า เราจะตอ้ งการเมื่อมีวธิ ีการทากต็ อ้ งมีอุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการทาซ่ึงสามารถหาไดง้ ่าย โดยผูแ้ ต่งได้ กล่าวถึงการทาเครื่องหอมไทยประเภทประทินโฉมไวด้ งั น้ี

 ดินสอพอง สมยั โบราณใชเ้ ป็นเครื่องประทินผิว ทาตวั เด็กแกผ้ ่ืนคนั ใชท้ าพ้ืนท่ีลงรักใหเ้ ห็นลายชดั เจน ดินสอพองท่ีใชท้ ายาจะนาไปสะตุ โดยอบในหมอ้ ดินจนแห้ง ดินสอพองสะตุใชท้ ายารักษา แผลกามโรค แผลเร้ือรัง คาวา่ สอในดินสอพองน้นั มาจากภาษาเขมรแปลวา่ ขาว ดินสอพองจึง หมายถึงดินสีขาวที่ไม่แขง็ ตวั  แป้งร่า เป็นแป้งหินหรือแป้งนวลท่ีผสมเคร่ืองหอมดว้ ยกรรมวิธีด้งั เดิม เพ่ือใชผ้ สมกบั น้าอบ ทาเป็น แป้งกระแจะใชใ้ นการเจิม หรือใชท้ าผวิ หลงั อาบน้า ใชผ้ ดั หนา้ ทาตวั ทาใหห้ อมสดชื่น  แป้งพวง เป็นศิลปะอยา่ งหน่ึงของคนไทย โดยนาแป้งร่ามาหยอดบนเส้นดา้ ยแลว้ นามารวมกนั เป็นพวง และนาแป้งเหล่าน้ันมาผูกกบั ดอกไม้ นามาใช้ทดั หู แต่งผม ปักมวยผม จะได้กลิ่นหอม สวยงาม ใชเ้ ป็นของชาร่วยและใชต้ ิดเส้ือไดอ้ ีกดว้ ย  แป้งเกสรดอกไม้ แป้งเกสรดอกไมม้ ีช่ือเรียกแตกต่างกนั ไป ตามความประสงคข์ องผปู้ รุง บา้ งกเ็ รียกแป้งสารภี แป้งพกิ ลุ ข้ึนอยกู่ บั ผปู้ รุงมีความประสงคต์ อ้ งการกล่ินใดนา ก่อนท่ีน้าหอมและโคโลญสารพดั แบรนด์จะไดร้ ับความนิยมอย่างทุกวนั น้ี ก็มีบรรดา เคร่ืองหอม โบราณท่ีชาวไทยในอดีตไดค้ ิดคน้ ข้ึนเพ่ือปรุงแต่งกล่ินกาย และใชส้ าหรับงานต่าง ๆ ซ่ึงเคร่ืองหอมในยคุ ก่อนน้นั ไม่ใช่เพียงแค่มีกล่ินหอมสดชื่นอยา่ งเดียวเท่าน้นั แต่ยงั มีประโยชน์ จากสมุนไพรที่เป็นส่วนผสม ปลอดภยั ไร้สาร เพราะท้งั วตั ถุดิบและกระบวนการน้นั ลว้ นมาจาก ธรรมชาติท้งั สิ้น 1. ดินสอพอง คนไทยในยุคน้ีคงจะคุน้ หนา้ คุน้ ตากบั ดินสอพองมากท่ีสุด เพราะในช่วงสงกรานตข์ อง ทุกปี จะขาดเจา้ สิ่งน้ีไปไม่ได้ ซ่ึงนอกจากจะนามาปะหนา้ ทาตากนั ในช่วงสงกรานต์แลว้ คน สมยั ก่อนกจ็ ะใชด้ ินสอพองหรือดินสีขาวท่ีถูกขดุ ข้ึนมา เรียกวา่ ดินสุก มาผสมกบั น้าอบเพ่ือใหม้ ี กล่ินหอม และทาตวั ดบั ร้อน แกผ้ ด ผ่ืนคนั แต่ดินสอพองตามทอ้ งตลาดในยุคน้ีอาจไม่ไดม้ ีการ กรองอยา่ งดีเท่าเม่ือก่อน จึงอาจตอ้ งเลือกใหด้ ีก่อนนามาใช้

2. แป้งร่า แป้งร่าจะมีหนา้ ตาคลา้ ยกบั ดินสอพองที่เราคุน้ เคยกนั เพราะวธิ ีการทาจะใชแ้ ป้งหินหรือ แป้งนวลมาผสมกบั น้าอบหรือน้าปรุง แลว้ จึงนาไปทาการร่า ซ่ึงเป็นกรรมวธิ ีการอบแบบโบราณ ดว้ ยวตั ถุดิบต่าง ๆ ที่มีกลิ่นหอม ตามดว้ ยการใส่น้ามนั ชะมดเชด็ เพ่ือใหไ้ ดก้ ลิ่นที่ติดทนนาน โดย ในยุคก่อนน้ันหญิงไทยก็จะนิยมใช้แป้งร่าผสมกบั น้าอบมาผดั หน้าและทาตวั ให้หอมสดช่ืน ส่วนแป้งกระแจะซ่ึงเป็ นแป้งท่ีใชส้ าหรับการเจิมในพิธีมงคลต่าง ๆ ของไทย ก็เป็ นส่วนผสม ระหวา่ งแป้งร่าและน้าอบเช่นกนั 3. นา้ อบ นอกจากดินสอพองแลว้ กม็ ีน้าอบที่ยงั เป็ นที่รู้จกั อยา่ งแพร่หลายในปัจจุบนั เพราะดว้ ย ประโยชนท์ ี่หลากหลายต้งั แต่อดีต ท้งั นามาทาตวั ใหห้ อมสดช่ืนหลงั อาบน้า รดน้าผูใ้ หญ่ สรงน้า พระ และยงั ใชเ้ พื่อผสมกบั กบั เครื่องหอมชนิดอ่ืน ๆ ซ่ึงกว่าจะกลายเป็นน้าอบที่หอมขนาดน้ี ก็ ตอ้ งผา่ นท้งั การอบร่าและปรุงเพิม่ จากไมห้ อมต่าง ๆ รวมถึงกายาน ชะมดเชด็ และพมิ เสน ท่ีเป็น วตั ถุดิบหลกั ในการทาเครื่องหอมไทย ซ้าไปมาหลายข้นั ตอนจนมีกลิ่นท่ีติดทน 4. นา้ ปรุง น้าปรุงถือเป็นน้าหอมของไทยที่มีกรรมวธิ ีอยา่ งพิถีพิถนั ต้งั แต่การคดั เลือกดอกไมแ้ ต่ละ พนั ธุ์ในช่วงเวลาที่เหมาะสมเพ่ือนาไปผสมกบั น้าสะอาด และทาการหมกั อย่างยาวนานหลาย เดือน เพอ่ื ใหไ้ ดน้ ้าปรุงที่สะอาดบริสุทธ์ิ มีกล่ินหอมติดทนนานเม่ือใชง้ าน โดยนอกจากจะทาให้ กลิ่นกายหอมแลว้ สรรคุณจากสมุนไพรยงั ช่วยบารุงผิวพร้อมท้งั ยงั สามารถใชใ้ นการอบผา้ ให้ หอม และป้องกนั แมลงมากดั กินผา้ ดว้ ย 5. กระแจะจันทร์ กระแจะจนั ทร์เป็นเครื่องหอมของไทยมานานต้งั ในยคุ เร่ิมแรกท่ียงั ไม่มีเคร่ืองหอมชนิด อ่ืน ๆ มากนกั ซ่ึงในยคุ น้นั จะนาแก่นดา้ นในของไมจ้ นั ทร์หอม ท่ีมีน้ามนั หอมระเหยอยมู่ าก มา ฝนใหเ้ ป็นผงละเอียด ก่อนนามาใชท้ าบารุงผิวจะตอ้ งผสมกบั น้าอบใหเ้ ป็นเน้ือเหลวขน้ สีเหลือง

เรียกว่า กระแจะจนั ทร์ และในยุคต่อ ๆ มากอ็ าจมีการอบร่าดว้ ยกายานหรือเทียนอบให้มีกล่ิน หอมเพิ่มมากข้ึน 6. บุหงาราไป บุหงาราไปในแบบด้งั เดิมคือการนากลีบดอกไมห้ อมชนิดต่าง ๆ อยา่ งเช่น กระดงั งา มะลิ หรือพิกลุ มาทาใหแ้ หง้ และนาไปอบร่าดว้ ยเทียน ตามดว้ ยการปรุงดว้ ยน้าปรุงและพิมเสน เหมาะ กบั การนาไปวางไวใ้ นหีบหรือตูเ้ กบ็ เส้ือผา้ ทาใหเ้ ส้ือผา้ มีกล่ินหอมอ่อน ๆ ซ่ึงจะแตกต่างจากใน ปัจจุบนั ที่เป็นการนาดอกไมแ้ หง้ มาผสมกบั น้าหอมและยอ้ มสีใหส้ ดข้ึน

บทท่ี 3 วธิ ีการดาเนินงาน วตั ถุดบิ /อุปกรณ์ 1.กลีบดอกไมส้ ด เช่น มะลิ กหุ ลาบมอญ กระดงั งา พกิ ลุ บานไม่รู้โรย ชมนาด 2.เทียนอบร่า 3.ตะคนั ดินเผา (ถว้ ยดินเผาเลก็ ๆ) 4.หมอ้ เคลือบหรือโถแกว้ ที่มีฝาปิ ด 5.น้าอบกลิ่นมะลิ 6.ถุงผา้ โปร่ง หรือถุงลูกไม้ 7.เขม็ ดา้ ย กรรไกร และกาวหลอด 8.ริบบิ้น ดิ้นทอง ดอกไม้ ใบไมต้ กแต่งตามชอบ วธิ ีทา 1. นากลีบดอกไมส้ ดไปตากจนแหง้ สนิท (ราว 1 สัปดาห์) ดอกกุหลาบควรตากในท่ีร่ม จะไดส้ ีสวย ดอกมะลิควรตากแดดใหห้ มดความช้ืน 2. นาดอกไมแ้ หง้ ใส่หมอ้ เคลือบหรือโถแกว้ 3. จุดเทียนอบจนไสเ้ ทียนแดงจดั ดบั เทียน ควนั เทียนจะลอยฟุ้งข้ึนมา วางเทียนบนตะคนั ใส่ในหมอ้ ดอกไมแ้ ห้ง แลว้ ปิ ดฝาร่าไวจ้ นหมดควนั ราว 10 – 15 นาที แลว้ นาเทียน ออกมาจุดใหม่ ซ้าๆ 5 – 7 ต้งั (คร้ัง) จนดอกไมซ้ บั กล่ินหอมนวลอยา่ งเตม็ ท่ี 4. นาน้าอบท่ีเราไดเ้ ตรียมไว้ ฉีดพรมบนดอกไมแ้ หง้ คลุกเคลา้ ใหเ้ ขา้ กนั พกั ไว้ 5.บรรจุดอกไมแ้ หง้ ใส่ถุงผา้ โปร่ง หรือถุงลูกไม้ และเยบ็ ตกแต่งดว้ ยริบบิ้น หรือดิ้นทอง

วธิ ีการอบดอกไม้จากควนั เทยี นอบร่า การอบ หมายถึง การนามาปรุงกลิ่นดว้ ยควนั หรือนามาปรุงกลิ่นดว้ ยดอกไมห้ อม การ อบใหก้ ลิ่นหอมเพียงแค่ช่วงเวลาหน่ึงกล่ินหอมจะซึมเขา้ ไปในของท่ีนาไปอบ โดยวตั ถุท่ี ตอ้ งการใหม้ ีกล่ินน้นั อยใู่ นภาชนะที่มีฝาปิ ดสนิท จะอบดว้ ยเทียนอบ มกั จะไม่ใชด้ อกไมท้ ่ีมีกล่ิน หอมเล่ียน ๆ หรือเปร้ียว การอบแห้ง หมายถึง การวางดอกไมไ้ วบ้ นขนมหรือสิ่งของต่างๆ ควรจะใชภ้ าชนะเลก็ ๆ วางไวบ้ นของท่ีอยใู่ นโถ ปิ ดใหส้ นิท การอบแหง้ ควรอบตามเวลาดอกไมบ้ าน และเปิ ดออกตอน เชา้ ตรู่ การร่า หมายถึง การอบกล่ินหอมหลายอยา่ ง และทาโดยภาชนะเผาไฟแลว้ ใส่เคร่ืองหอม เพอื่ ใหเ้ กิดควนั ที่มีกลิ่นหอมไดแ้ ก่ กล่ินหอมของยางไม้ กล่ินนา้ มนั กล่ินเน้ือไม้ ฯลฯ การร่า เครื่องหอมตอ้ งใชภ้ าชนะท่ีสาคญั คือ โถกระเบ้ืองการท่ีจะร่าตอ้ งใส่ทวนไวต้ รงกลางโถ นา ตะคนั เผาไฟใหร้ ้อน แลว้ นาไปวางไวบ้ นทวน (อา้ งอิง ออนไลน,์ 2564 URL: https://itstreethai.com/เครื่องหอมทาอยา่ งไร/)

เคลด็ ลบั การอบร่ากลน่ิ ควนั เทียน 1.เลือกซ้ือเทียนอบท่ีมีกลิ่นหอม จบั ดูเน้ือเทียนตอ้ งไม่แขง็ เกินไป ถา้ ทาจากข้ีผ้งึ แทจ้ ะ อ่อน 2.ถา้ เป็นเทียนที่ใชม้ าแลว้ ก่อนจุดเทียนตอ้ งเขี่ยข้ีเถา้ รอบๆ เทียนทิง้ ก่อน ตดั ไสเ้ ทียนให้ ส้ันลงโดยเฉพาะปลายที่ไหม้ มิฉะน้นั จะเหมน็ ควนั ไฟและผงข้ีเถา้ อาจตกใส่ขนมได้ เขี่ย ไส้เทียนใหแ้ ผบ่ านออกก่อน เวลาจุด เปลวไฟจะลุกหลอมถึงเน้ือเทียนไดเ้ ร็ว เม่ือสงั เกต วา่ เร่ิมมีน้าตาเทียนแลว้ จึงเป่ าใหไ้ ฟดบั รีบวางเทียนลงบนถว้ ยตะไลท่ีอยใู่ นภาชนะ เตรียมไวอ้ บอีกทีปิ ดฝาภาชนะทนั ที อบทิ้งไวป้ ระมาณ 30 นาที หรือขา้ มคืนกแ็ ลว้ แต่สิ่ง ท่ีอบ 3.เทียนแต่ละเจา้ มีปริมาณเคร่ืองเทศหรือน้ามนั ดอกไมห้ อมไม่เท่ากนั ดงั น้นั บางเล่มที่มี เคร่ืองหอมเยอะอาจใชเ้ วลาอบไม่นาน ถา้ ใชค้ ร้ังแรกใหล้ องอบคร้ังเดียวดูก่อนค่อยทา 4.เม่ือใชเ้ สร็จแลว้ เกบ็ เทียนใส่ขวดโหลหรือถุงซิปลอ็ กปิ ดสนิท เกบ็ ไวใ้ นที่แหง้ (ครูมด อดิศร วฒั นะกิจ และชมรมพพิ ิธสยาม,2561 )

1. นากลีบดอกไมส้ ดไปตากจนแหง้ สนิท (ราว 1 สัปดาห์) ดอกกหุ ลาบควรตากในท่ีร่ม จะได้ สีสวย ดอกมะลิควรตากแดดใหห้ มดความช้ืน 2. นาบุหงาแหง้ ใส่หมอ้ เคลือบหรือโถแกว้ 3. จุดเทียนอบจนไส้เทียนแดงจดั ดบั เทียน ควนั เทียนจะลอยฟุ้งข้ึนมา วางเทียนบนตะคนั ใส่ในหมอ้ บุหงาแหง้ แลว้ ปิ ดฝาร่าไวจ้ นหมดควนั 4. ร่าราว 10 – 15 นาที แลว้ นาเทียนออกมาจุดใหม่ ร่าซ้าๆ 5 – 7 ต้งั (คร้ัง) จนบุหงาซบั กลิ่นหอมนวลอยา่ งเตม็ ที่5. พรมน้าอบบนบุหงาแหง้ คลุกเคลา้ ใหเ้ ขา้ กนั พกั ไว้ (ภทั รียา พวั พงศกร,2555) วิธีการอบดอกไมจ้ ากควนั เทียนอบร่าไดว้ ่าวิธีการอบดอกไมจ้ ากควนั เทียนร่าจะมีการ นาเอาการอบและการร่ามาไวใ้ นวิธีการอบดอกไมจ้ ากควนั เทียนร่าโดยการอบคือการนาดอกไม้ มาปรุงดว้ ยกล่ินควนั ใหอ้ ม โดยวิธีการคือนาวตั ถุท่ีตอ้ งการอบ มาใส่ไวใ้ นภาชนะที่มีฝาปิ ด เเละ การอบดว้ ยเทียนอบ การอบแห้ง คือการวางดอกไมท้ ี่มีกล่ินหอมไวบ้ นขนม หรือสิ่งของท่ี ตอ้ งการใหม้ ีกลิ่นดอกไมน้ ้นั และปิ ดฝาใหส้ นิท และการร่า คือการอบกล่ินหอม โดยนาภาชนะ ไปเผาใหเ้ กิดควนั หอม โดยมีวธิ ีการคือนากลีบดอกไมส้ ดไปตากแหง้ และนาไปใส่หมอ้ แกว้ จุด เทียนจนไส้แดงจดั ดบั เทียนควนั เทียนจะลอยข้ึนมา แลว้ ปิ ดฝาร่าจนหมดควนั ร่าซ้าจนกลิ่นของ ดอกไมห้ อมเตม็ ท่ี พรมน้าและคลุกกบั ดอกไมแ้ หง้ ท่ีสนใจ

บทที่ 4 ผลการจดั ทาโครงงาน จากการศึกษาการทาโครงงานเคร่ืองหอมจากธรรมชาติโดยปฏิบตั ิตามข้ันตอนการ ดาเนินการคือ ปรึกษาหัวขอ้ โครงงานกนั ภายในกลุ่ม เสนอหัวขอ้ โครงงาน รวบรวมขอ้ มูล วเิ คราะห์ขอ้ มูล เร่ิมจดั ทาโครงงานตรวจสอบและแกไ้ ขปัญหา สรุปผลการทาโครงงาน และได้ ชิ้นงานเป็นถุงเครื่องหอมจากดอกไมธ้ รรมชาติออกมาใชป้ ระโยชน์ คณะผูจ้ ดั ทาโครงงานเครื่องหอมจากดอกไมธ้ รรมชาติ ไดท้ าแบบสอบถามความพึง พอใจของเครื่องหอมจากดอกไมธ้ รรมชาติ จากนกั เรียนโรงเรียนปัวจานวน 20 คน จากการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลโดยการใชแ้ บบสอบถามจานวน 20 ชุด สามารถแสดงผลการวเิ คราะห์ ขอ้ มูลได้ ดงั ต่อไปน้ี นกั เรียนโรงเรียนปัว จานวน ( คน ) ร้อยละ กลุ่มที่ 1 5 25.00 กลุ่มท่ี 2 10 50.00 กลุ่มท่ี 3 3 15.00 กลุ่มที่ 4 2 10.00 รวม 20 100 จากตารางพบวากลุ่มตวั อยา่ งท่ีตอบแบบสอบถามในการทาโครงงานคร้ังน้ี คิดเป็น กลุ่ม ที่ 1 ร้อยละ 25 กลุ่มที่ 2 ร้อยละ 50 กลุ่มที่ 3 ร้อยละ 15 และกลุ่มท่ี 4 ร้อยละ 10

ผลการประเมิณผล นักเรียน 5 คะแนน 4คะแนน 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน (คน) (คน) (คน) โรงเรียนปัว (คน) (คน) 100 100 กลุ่มท่ี 1 3 1 000 000 กล่มุ ที่ 2 9 0 200 กลุ่มที่ 3 3 0 กลุ่มท่ี 4 0 2 รวม 15 3

บทท่ี 5 สรุปผลและอภปิ รายผลการดาเนินการจดั ทาโครงงาน เนื่องจากโลกของเรามีอากาศท่ีร้อนแต่ในห้องอาจจะเยน็ แต่ไม่ได้สดช่ืนอย่างที่คิด เนื่องจากเราออกไปขา้ งนอกพบเจออากาศร้อน มีเหง่ือ มีกลิ่นที่ไม่พึงประสงคต์ ิดมา เม่ือเขา้ มา ในบา้ นที่มีเคร่ืองปรับอากาศอาจจะทาให้มีกลิ่นเหม็นอบั บางทีเกิดความหงุดหงิด ดว้ ยเหตุน้ี คณะผูจ้ ดั ทาจึงไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ การทาเครื่องหอมจากดอกไมธ้ รรมชาติข้ึนมาเพื่อใหภ้ ายในบา้ น เกิดความหอม และมีการเลือกใชด้ อกไมท้ ี่มาจากธรรมชาติ เพ่ือนาดอกไมม้ าปรับใชใ้ หเ้ กิด ประโยชน์มากย่ิงข้ึน ดอกไมท้ ี่นามาใชค้ ือ ดอกกุหลาบ ดอกมะลิ และดอกกระดังงา การใช้ ดอกไมท้ ่ีมาจากธรรมชาติทาใหม้ ีความปลอดภยั มากกว่าการใชส้ ารเคมีในการทาเพราะการใช้ สารเคมีอาจมีการตกคา้ ง จากข้ันตอนการประเมินผล คณะผู้จัดทาได้มีการเก็บข้อมูลโดยได้ทาการแจก แบบสอบถามความพึงพอใจของเครื่องหอมจากดอกไม้ ใหก้ บั นกั เรียนโรงเรียนปัว จานวน 20 ชุด และผลลพั ธท์ ่ีไดอ้ ยใู่ นเกณฑท์ ่ีน่าพึงพอใจมาก

บรรณานุกรม  วธิ ีทาบุหงาสดและบุหงาแหง้ เคร่ืองหอมของสาวชาววงั (พ.ศ.2561) https://readthecloud.co/staycation-perfume-flower/  ถุงหอมจากดอกกลว้ ยไมด้ บั กล่ิน - e-research Siam University (พ.ศ.2562) https://e-research.siam.edu  STEM - ธนชินณ์ ชยั พพิ ฒั น์วรกลุ (พ.ศ2561) http://thanachin28.blogspot.com › 2018/09  กหุ ลาบ , 2563 https://th.wikipedia.org/กหุ ลาบ  มะลิเครื่องหอม , 2559 คนรักไมด้ อกหอมและเครื่องหอมไทย  ดอกกระดงั งา , 2564 คนรักไมด้ อกหอมและเคร่ืองหอมไทย  ออนไลน,์ 2564 URL: https://itstreethai.com/เครื่องหอมทาอยา่ งไร/  ครูมด อดิศร วฒั นะกิจ และชมรมพพิ ธิ สยาม,2561  ภทั รียา พวั พงศกร,2555












Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook