51 4. ตรวจสอบผลการตรวจพเิ ศษตา่ งๆ เช่น การสวนหัวใจและฉีดสีดหู ลอดเลือดหวั ใจ (Coronary Angiography : CAG), ผลการตรวจคลนื่ สะท้อนหวั ใจ (Echocardiography) 5. ตรวจสอบสิทธิการรกั ษาของผปู้ ว่ ย 6. ผูป้ ว่ ยและญาติเซน็ ใบยินยอมการเขา้ รกั ษาในโรงพยาบาล และใบยินยอมการผา่ ตดั 7. บนั ทกึ และส่งคาขอการผา่ ตัดผ้ปู ว่ ยไปหอ้ งผ่าตดั 8. จัดเตรียมยา เวชภณั ฑ์กอ่ นไปหอ้ งผา่ ตัด การเตรียมความพรอ้ มทางดา้ นจติ ใจ อารมณ์ สังคม และเศรษฐกิจกอ่ นเข้ารับการผ่าตัด 1. สร้างสมั พันธภาพพร้อมทั้งแนะนาทมี สขุ ภาพ สง่ิ แวดล้อม และกฎระเบยี บของหอ ผู้ป่วย 2. ประเมินความพร้อมทางดา้ นจติ ใจและสถานะเศรษฐกิจของผู้ป่วย 3. ทีมสหวชิ าชพี ประกอบดว้ ย แพทย์ วสิ ัญญแี พทย์ พยาบาล นักเทคโนโลยหี ัวใจและ ทรวงอกนกั กายภาพบาบัด ใหค้ วามรแู้ ละคาแนะนาเกยี่ วกบั - สภาพแวดลอ้ มในหอ้ งผา่ ตัด - ขน้ั ตอนเกี่ยวกบั การผา่ ตดั - การใหย้ าระงบั ความรู้สกึ - การปฏบิ ตั ิตวั ก่อนและหลงั ผ่าตัด การพยาบาลผูป้ ว่ ยเมอ่ื สง่ ตอ่ ข้อมลู ผปู้ ่วยเมอ่ื ย้ายมายังหอผู้ปว่ ย การพยาบาลผปู้ ว่ ยเม่ือสง่ ตอ่ ขอ้ มลู ผ้ปู ่วยเมื่อยา้ ยมายงั หอผปู้ ่วยไอซียศู ลั ยกรรมหวั ใจและ ทรวงอก 1. ประวัติผู้ปว่ ย ขอ้ มลู พน้ื ฐาน ไดแ้ ก่ ชือ่ เพศ
52 2. ชนิดของการผ่าตัด หรอื ความเร่งดว่ นของการผ่าตดั เช่น ผา่ ตัดโดยการมีวางแผน ล่วงหน้าหรือผา่ ตัดฉุกเฉนิ 3. ความสาเรจ็ ของการผา่ ตดั หรือภาวะแทรกซอ้ นทีเ่ กดิ ขน้ึ ระหวา่ งการผ่าตัด 4. ระยะเวลาในการผ่าตัด วัสดอุ ุปกรณท์ ใ่ี ช้หลอดเลอื ดเทยี ม 5. ตาแหน่งและชนิดของการผา่ ตดั การปิดแผล สายส่วนต่างๆ 6. ชนิดของสารน้า การใหเ้ ลือดหรือผลติ ภัณฑ์ของเลอื ดทผี่ ปู้ ว่ ยได้รบั 7. ปริมาณเลือดที่ออกขณะผา่ ตัด 8. สญั ญาณชพี การใช้เครื่องชว่ ยหายใจ และการใช้อปุ กรณ์เทยี มตา่ งๆ ภาวะแทรกซอ้ นหลงั ผา่ ตัด 1. ปริมาณเลอื ดออกจากหัวใจลดลง (Low Cardiac Output) ภาวะ Low cardiac output syndrome (LCOS) 1.1. Hypovolemia 1.2. Bleeding 1.3. Cardiac tamponade 2.ระบบทางเดนิ หายใจ การหายใจล้มเหลว ภาวะแทรกซอ้ นทางระบบทางเดนิ หายใจท่พี บบ่อยทีส่ ดุ หลังการ ผา่ ตดั กค็ อื -ภาวะปอดแฟบ (Atelactasis) -ปอดอักเสบ (Pneumonia) 3.ภาวะสบั สนเฉยี บพลัน
53 อาการเตือนทต่ี อ้ งรีบมาพบแพทย์ เจ็บแน่นหนา้ อกเหมือนก่อนการผา่ ตดั เหนอ่ื ยมากข้ึน หายใจลาบาก นอนราบไม่ได้ มไี ขส้ งู แผลมกี ารอักเสบติดเชอ้ื ชพี จรเตน้ ไมส่ ม่าเสมอ หนา้ มืด เปน็ ลม อุจจาระมีสีดาหรือแดง ปวดบวมขาข้างทมี่ ีแผลผ่าตดั การพยาบาลผปู้ ว่ ยโรคลนิ้ หวั ใจ ความผิดปกติของล้ินหวั ใจ อาจเปน็ เพียงลิ้นเดียวหรือมากกว่า ทาให้มีผลตอ่ การ ทางานของหวั ใจสง่ ผลตอ่ ระบบไหลเวยี นเลือดจนกระท่ังเกดิ ภาวะหวั ใจลม้ เหลวได้ โรค ล้นิ หวั ใจที่พบบ่อยมักจะเปน็ ลิน้ หัวใจทางดา้ นหัวใจซกี ซ้าย คือ mitral valve และ aortic valve ประเภทต่างๆ ของโรคลน้ิ หัวใจ 1.แบง่ ตามรอยโรคเน้ือเยอ่ื -ตบี (Stenosis) -รวั่ (Regurgitation) -ทัง้ สองอยา่ งร่วมกนั 2.บ่งตามลนิ้ ท่ีเกดิ พยาธิสภาพ -พบบอ่ ยทีส่ ดุ คือ ลิ้นไม่ทรลั (mitral valve) -รองลงไปเป็นล้นิ เอออร์ตคิ (aortic valve) -ไตรคัสปดิ และลน้ิ พัลโมนคิ (truscuspid and pulmonic) พบนอ้ ย
54 โรคล้ินหวั ใจชนดิ ต่างๆ โรคของลิ้นหัวใจด้านซ้าย (Lt.side valvular syndrome) -Mitral valve disease MS, MR -Aortic valve disease AS, AR โรคของล้นิ หัวใจด้านขวา (Rt.side valvular syndrome) -Tricuspid valve disease TS, TR -Pulmonic valve disease PS, PR โรคล้ินหวั ใจไมตรลั ตบี (Mitral stenosis) มกี ารตบี แคบของลนิ้ หัวใจไมตรัลทาใหม้ ีกา ขัดขวางการไหลของเลือดลงสูห่ ัวใจห้องลา่ งซ้ายในขณะท่คี ลายตวั การเปลย่ี นแปลงของ ระบบไหลเวียนข้ึนอย่กู ับความรนุ แรงของโรคการเปลีย่ นแปลงที่เกดิ ขนึ้ มดี ังน้ี 1. ความดนั ในหวั ใจหอ้ งบนซ้ายเพ่ิม 2. มีน้าในช่องระหว่างเซลล์ 3. ความดันหลอดเลอื ดในหลอดเลือดแดงปอด (PA) เพ่ิมมากหรอื น้อยแล้วแต่ความ รนุ แรงของโรค 4. หลอดเลอื ดท่ีปอดหดตวั ทาใหเ้ ลือดผ่านไปที่ปอดลดลง อาการและอาการแสดง 1. Pulmonary venous pressure เพิ่มทาให้มีอาการหายใจลาบากเมอ่ื ออกแรง (DOE) -อาการหายใจลาบากเม่อื นอนราบ (Orthopnea) -หายใจลาบากเป็นพกั ๆ ในตอนกลางคืน (Paroxysmal Noctunal Dyspnea:PND) 2. CO ลดลง ทาให้เหนื่อยงา่ ย อ่อนเพลีย
55 3. อาจมภี าวะหัวใจเต้นผิดจังหวะแบบ AF ผูป้ ว่ ยจะมอี าการใจส่นั 4. อาจเกดิ การอดุ ตันของหลอดเลอื ดในร่างกาย (Systemic embolism) โรคลน้ิ หวั ใจไมตรลั ร่วั (Mitral regurgitation) อาการและอาการแสดงแตกตา่ งกนั ตามพยาธิสภาพอาการทพี่ บคอื 1.Pulmonary venous congestion ทาให้มีอาการ Dyspnea on exertion (DOE) Orthopnea PND 2. อาการทเี่ กิดจาก CO ลดลง คอื เหน่อื ยและเพลียง่าย 3. อาการของหัวใจซีกขวาวายคือ บวมเจบ็ บรเิ วณตับ หรือ เบอื่ อาหาร โรคล้ินหวั ใจหัวใจเอออร์ติคตบี Aortic stenosis เป็นโรคทมี่ ีการตีบแคบของลน้ิ หวั ใจ เอออร์ติค ขัดขวางการไหลของเลือดจากหวั ใจห้องล่างซา้ ยไปสเู่ อออร์ตารใ์ นช่วงการบบี ตวั โรคล้ินหวั ใจเอออร์ตคิ รัว่ Aortic regurgitation เปน็ โรคทมี่ กี ารร่ัวของปรมิ าณเลอื ดท่ี สูบฉีดออกทางหลอดเลือดแดงเอออรต์ าร์ไหลยอ้ นกลับเขา้ ส่หู ัวใจหอ้ งลา่ งซ้ายในชว่ ง หวั ใจคลายตัว อาการและอาการแสดงสว่ นใหญ่จะไมม่ ีอาการ เมอื่ มอี าการมากจะพบ -DOE -Angina -ถ้าเปน็ มากผปู้ ่วยจะร้สู ึกเหมือนมีอะไรตบุ๊ ๆ อยทู่ ี่คอหรอื ในหวั ตลอดเวลา การตรวจร่างกายในผู้ป่วยโรคลน้ิ หัวใจ การถ่ายภาพรังสีทรวงอก
56 -พบภาวะหัวใจโต หรอื มีน้าค่ังทป่ี อด -การตรวจหัวใจด้วยเสยี งสะทอ้ น (Echocardiogram) เปน็ วิธที ชี่ ่วยในการวนิ จิ ฉยั โรคลิ้น หัวใจไดอ้ ย่างมาก การตรวจสวนหัวใจ ช่วยในการประเมินว่าลิ้นหัวใจรั่วหรอื ตีบมากแค่ไหน บอกสาเหตุที่แทจ้ รงิ ของโรคลน้ิ หัวใจ คานวณขนาดลน้ิ หัวใจ วัดความดนั ในห้องหวั ใจและมกั ทากอ่ นการรกั ษาดว้ ยวิธี ผ่าตดั การรักษาทางยา 1.มเี ปา้ หมายเพื่อชว่ ยให้หัวใจทาหนา้ ทดี่ ีขึน้ ชว่ ยกาจัดนา้ ทเี่ กินออกจากร่างกาย โดยยา เพิม่ ความสามารถในการบีบตวั ของหัวใจ ยาลดแรงตา้ นในหลอดเลอื ด ยาขับปัสสาวะ ยา ท่ีใช้ส่วนใหญ่เป็นยากลมุ่ เดียวกับทรี่ กั ษาภาวะหัวใจวาย 2.การใชบ้ อลลูนขยายล้นิ หัวใจทต่ี บี โดยการใชบ้ อลลนู ขยายลิ้นหัวใจ 3.การรักษาโดยการผ่าตดั (Surgical therapy) ทาในผู้ปว่ ยทม่ี ลี ้ินหัวใจพกิ ารระดบั ปาน กลางถึงมาก ลนิ้ หวั ใจเทยี ม (Valvular prostheses) 1.ล้นิ หวั ใจเทยี มท่ที าจากสิ่งสงั เคราะห์ (Mechanical prostheses) ข้อเสยี -เกดิ ล่ิมเลือดบริเวณลิ้นหวั ใจเทยี ม -เม็ดเลือดแดงแตกทาให้เกดิ โลหติ จาง (ผูป้ ว่ ยท่ไี ด้รบั การผ่าตัดเปลย่ี นลน้ิ หัวใจเทียมจาเป็นตอ้ งรบั ประทานยาละลายลิ่มเลอื ด คือ warfarin หรอื caumadin ไปตลอดชวี ิต)
57 2.ลิน้ หัวใจเทยี มท่ีทาจากเนอ้ื เย่อื คนหรือสัตว์ (Tissue prostheses) เชน่ ล้ินหัวใจหมู ข้อดคี อื ไมม่ ีปัญหาเรือ่ งการเกิดลม่ิ เลอื ด มักใช้ในผู้สงู อายุ หรือผทู้ ี่ไม่สามารถใหย้ า ละลายลิ่มเลอื ดได้ ข้อเสียคือ มคี วามคงทนน้อยกว่าลนิ้ หวั ใจเทยี มสงั เคราะห์ ตัวอยา่ งข้อวินิจฉัยการพยาบาล 1.เส่ียงตอ่ อันตรายจากภาวะหัวใจเต้นผดิ จังหวะจากลิ้นหัวใจตบี หรือร่ัว 2.เสี่ยงตอ่ ภาวะปริมาณเลอื ดทอี่ อกจากหัวใจใน 1 นาทลี ดลง 3.เสี่ยงต่อการเกดิ ลิ่มเลือดอดุ ตันท่ีล้ินหวั ใจเทยี มและหลอดเลือดทัว่ รา่ งกาย 4.เสยี่ งตอ่ ภาวะเลอื ดออกงา่ ยจากการได้รบั ยาละลายลม่ิ เลือด 5.ความทนต่อกิจกรรมลดลง ข้อบง่ ใช้ท่ีสาคญั 1.หลงั ผา่ ตัดใส่ลน้ิ หวั ใจเทียม 2.โรคล้นิ หัวใจรวั่ ลนิ้ หวั ใจตบี โรคลน้ิ หัวใจรูมาตคิ 3.ภาวะหวั ใจเต้นผิดจังหวะ 4.ภาวะลิม่ เลือดอุดตันเสน้ เลอื ดในปอด 5.เสน้ เลอื ดแดง บรเิ วณแขน ขา หรือ เส้นเลอื ดดาใหญอ่ ุดตนั จากลมิ่ เลอื ด 6.ผปู้ ่วยทม่ี ีประวตั ิ เส้นเลือดสมองอดุ ตนั จากล่ิมเลือด 7.ภาวะการแข็งตัวของเลอื ดผดิ ปกติ
58 การพยาบาลผู้ป่วยท่มี ีความผดิ ปกติระบบประสาทและไขสันหลัง ภาวะความดันในกะโหลกศรี ษะสูง (Increase intracranial pressure:IICP) -ความดันในกะโหลกศรี ษะเพม่ิ ขึน้ -อนั ตรายตอ่ เนือ้ สมอง> 20 mmHg -ความดนั ในการกาซาบของสมอง (Cerebral perfusion pressure :CCP) 70-100 mmHg -ICPสูง:CPPตา่ ปัจจัยเสริมทท่ี าให้เกิดภาวะความดนั ในสมองสูง -PCO2 > 45 mmHg=Hypercapnia -PO2 < 50 mmHg=Hypoxia -การดูเสมหะบ่อยเกินไป -ทา่ นอนศีรษะตา่ งอส่วนคอและสะโพก อาการและอาการแสดง อาการระยะท้าย: ไม่มปี ฏกิ ริ ยิ าต่อแสง BT เพมิ่ ขึน้ หายใจแบบ Cheyne-stroke Cushing's triad: Increase systolic BP, Bradycardia, Irregular respiration ปวดศรี ษะมาก อาเจยี นพุ่ง จอประสาทตาบวม (Papilledema) ความสามารถในการเคลอ่ื นไหวลดลง กล้ามเนอ้ื อ่อนแรง ระดับความรูส้ ึกตัวลดลง
59 Cause of IICP -Increase in blood: Venous outflow obstructions, Hematoma, Vasodilation, Hypoventilation, Hypercarbia/Hypoxia -Increase in CSF: Decrease CSF absorbtion, Increase CSF, CSF pathway obstruction -Increase in brain volume: Head injury, Stroke, Reactive edema, Tumor, Abcess การพยาบาล -จัดทา่ นอนศรี ษะสูงไมเ่ กิน 30 องศา -จดั ศีรษะอยู่ในแนวตรง หลกี เลยี่ งการหักพบั งอ -หา้ มจัดทา่ นอนควา่ /งอสะโพกมากกวา่ 90 องศา ไม่นอนทบั บริวณท่ที าการผา่ ตัดแบบ Craniectomy -ดแู ลทางเดินหายใจให้โล่งโดยดูดเสมหะเมือ่ มขี ้อบ่งช้ี -ไมอ่ อกแรงเบ่งหรือกจิ กรรมทเ่ี พ่ิมความดันในช่องทอ้ งและช่องอก -ดูแล Ventriculodtomy drain ระบาย CSF อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ -ดูแลใหย้ า Mannitol:Serum osmolarity เพม่ิ ข้นึ , ดึงน้าจากเน้อื สมอง -Steriod: ลด Brain edema, ลดการสรา้ ง CSF, ชว่ ยปกปอ้ ง blood-brain barrier และผนงั เซลล์ -การดแู ลเรื่องหายใจ: PaO2 35-40 mmHg, PaO2 > 60% -Temperature control: ยาลดไข้ ใช้ผ้าหม่ เยน็ ตดิ ตามอุณหภมู ริ ่างกาย
60 การพยาบาลผปู้ ว่ ยโรคหลอดเลอื ดสมอง CVD,CVA โรคอัมพาตอัมพฤกษ์ -หลอดเลอื ดสมองอดุ ตัน (Ischemic stroke): ล่ิมเลอื ดจาก Atrial fibrillation, โรค หลอดเลอื ดแดงแขง็ (Atheroclerosis), Deep vein thrombosis -หลอดเลอื ดแดงสมองแตก (Hemorrhagic stroke): โรคความดนั โลหติ สงู , โรคหลอด เลือดสมองโป่งพอง อาการสาคัญ (FAST) -Facial weakness -Arm weakness -Speech difficult -Time to act
61 การรกั ษา Ischemic stroke: ระยะแรก Recombinant tissue activator ระยะหลงั ให้ยาต้านเกล็ดเลือดหรอื ยาละลายลม่ิ เลอื ดเพอื่ ป้องกนั เปน็ ซา้ Hemorrhagic stroke: รกั ษาระดบั ความดันโลหติ กรณเี ลอื ดออกมาก, การผ่าตัด การพยาบาลผู้ปว่ ยระยะวิกฤตริ ะบบทางเดินปัสสาวะ CAUSE -Chronic glomerulonephritis -Renal artery stenosis -การติดเช้อื -ความผดิ ปกติแต่กาเนิด -ขาด K เรอื้ รัง อาการและอาการแสดง: ซมึ มนึ งง, คันตามตัว, คลนื่ ไส้ อาเจยี น, เบอื่ อาหาร น้าหนกั ลด -อาการเตอื นสาคญั : ปัสสาวะบ่อยกลางคืนหรือปสั สาวะน้อย, ปัสสาวะขัด, ปสั สาวะมี เลอื ดปน, บวม ใบหนา้ หลังเท้า, ความดนั โลหิตสูง เกณฑ์การวิจัย: ไตผดิ ปกตนิ านเกิน 3 เดือน, eGFR < 60 มล./นาที/1.73 ตร.เมตร ติดตอ่ กนั เกนิ 3เดอื น ผลกระทบจากไตวายเร้ือรัง -ระบบหลอดเลือดหวั ใจ: ภาวะความดันโลหิตสงู , ภาวะหวั ใจลม้ เหลว, ภาวะเยือ่ หุ้มหัวใจ อักเสบ
62 -ระบบทางเดนิ หายใจ: น้าท่วมปอด -ระบบประสาท -ระบบทางเดินอาหาร: เบ่ืออาหาร, คล่ืนไส้ อาเจียน -ระบบเลือด: โลหิตจาง -ภาวะภูมิตน้ ทานต่า -ระบบกล้ามเนอื้ และกระดูก: การสงั เคราะห์ Vit.D ลดลง -ความไม่สมดลุ ของ electrolyte Acute kidney injury คอื การที่ไตล้มเหลวหรอื ถกู ทาลายในระยะเวลาไมก่ ่ชี ัว่ โมงหรอื ไม่กี่วัน อาการและอาการแสดง -Crepitation -Hypovolemia -เส้นเลอื ดดาท่คี อโปง่ พอง -ต่อมลกู หมากโต Full bladder คลาพบกอ้ น -abdominal bruit เสียงฟู่ในท้อง CAUSE -Decrease blood flow -Hypotension -Blood/Fluid loss
63 -Heart attack, Heart failure -Overuse NSAIDS -Severe allergic reaction -Burns -Injury -Major surgery Direct damage Sepsis, Multiple myeloma, Vasculitis, Interstitial nephritis, Scleroderma, Tubular necrosis glomerulonephritis Test to find out -Measuring urine output -Urine test -Blood test -GFR -Imaging test -Kidney biopsy Complication ของเสียค่งั , น้าเกิน, Hypertension, Acidosis, หัวใจลม้ เหลว
64 Continuous Ambulatory Peritoneal Dialysis :CAPD ขอ้ บง่ ชี้: ผูป้ ่วย CKD ระยะที่ 5, ต้องการทา CAPD, ผูป้ ว่ ยท่ที นการทา HD ไมไ่ ด้, ผ้ปู ่วย เดก็ , ไมส่ ามารถทาทางออกของเลือดเพื่อทา HD ได้ ขอ้ หา้ ม -มีสภาพจิตบกพรอ่ งรุนแรงจนอาจกระทบตอ่ การรกั ษา -มรี อยโรคบริเวณผิวหนา้ ทอ้ ง -มพี ังผืดในชอ่ งท้อง -มสี ่ิงแปลกปลอมในชอ่ งทอ้ ง: Vascular graft, Ventriculos Peritoneal shunt(รอ 4 เดือน) -ไสเ้ ล่อื น (รอ 6 สปั ดาห์) -นา้ หนกั > 90 Kg. -โรคลาไส้อักเสบเรือ้ รัง -ติดเช้อื บริเวณทจี่ ะวางสาย Tenchoff -Recurrent diverticulitis (ลาไสใ้ หญ่ทะลุซา้ ) -Gastrostomy Colostomy Ileostomy หลักการ CAPD -ใสน่ ้ายาเขา้ ช่องทอ้ งใชเ้ วลา 10 นาที -ใส่นา้ ยาไวใ้ นชอ่ งทอ้ งประมาณ 4-6 ชั่วโมง -ปลอ่ ยนา้ ยาในชอ่ งท้องออกใช้เวลา 20 นาที
65 -ของเสียและนา้ ส่วนเกนิ จากเลอื ดเขา้ สู่นา้ ยา การฟอกเลือดด้วยเคร่ืองไตเทียม ข้อบง่ ชี้ -นา้ ทว่ มปอด -ความดันโลหติ สงู ไมต่ อบสนองตอ่ ยา -ภาวะ Uremic pericarditis -N/V ตลอดเวลา -ภาวะเลือดออกผดิ ปกติ เส้นเลอื ดเพือ่ การฟอกเลอื ด: Double lumen catheter หลอดเลือดดาที่คอหรอื ขา หนีบ การพยาบาลผู้ปว่ ยทีม่ ภี าวะชอ็ ก Hypovolemic shock ระดบั ท่1ี : ไมแ่ สดงอาการผิดปกติ, สญู เสยี เลอื ดรอ้ ยละ 15หรอื 750 ml.
66 ระดบั ที่2: Capillary > 3 mins, HR 100-120 BPM, Pulse pressure แคบ, สูญเสยี เลือดร้อยละ 15-30 ml. หรือ 750-1500ml. ระดับที่3: สูญเสียเลือดร้อยละ 30-40 หรือ 1500-2000 ml, BP drop Pulse pressureแคบ, HR > 120 BPM, RR 30-40 BPM, Urine output 5-15 ml./hr., Capillary refill > 3 mins, กระสบั กระสา่ ย สบั สน ระดบั ที่4: สูญเสยี เลอื ดรุนแรงมากกวา่ ร้อยละ 40 หรอื มากกว่า 2000 ml., ไมร่ สู้ กึ ตวั , BP ตา่ มาก pulse pressureแคบ, HR > 140 BPM, RR >40 BPM, ไม่มปี ัสสาวะ, Capillary refill prolonged Cause Blood loss: Hemoptysis, Trauma, AAA rupture, GI bleed, Postpartum hemorrhage, Ectopic pregnancy Fluid loss: 3rd degree burns, Vomiting,diarrhea, Bowel obstruction, Acute pancreastitis Cardiogenic shock Cause: 1.การบบี ตัวของหัวใจไม่มีประสทิ ธภิ าพ: Acute myocardial infarction, RV/LV วาย, LV aneurysm, ภาวะกลา้ มเน้อื หัวใจเสือ่ มระยะสดุ ทา้ ย, Acute myocardial injury, Cardiac arrhythmia 2.กลไกของระบบการไหลเวยี นเลือดบกพรอ่ ง: ลน้ิ ไมตรัวรวั่ เฉยี บพลัน (Acute Mitral regurgitation), ล้ินหวั ใจไมตรลั ตีบ, โรคเน้ืองอกของหวั ใจหอ้ งบน, ภาวะล่ิมเลอื ดอุดตนั ในปอดรนุ แรง, ผนงั กัน้ หวั ใจด้านล่างรวั่ , ภาวะหัวใจบีบรัดจากผนังหัวใจรัว่
67 การประเมินสภาพ -อาการทางคลนิ กิ : HR > 100 BPM, หายใจเร็วและลึก, ผวิ หนงั เย็นช้ืน, ระดบั ความ รู้สกึ ตัวเปลี่ยนไป -SBP < 80-90 mmHg -MAP มากกว่าหรอื เทา่ กบั 30 mmHg -Pulse pressure แคบ -คลื่นไฟฟา้ หัวใจ: Myocardial injury, New left bundle branch block/Arrythmia, ST elevation > 0.2 mV -X-ray: Pulmonary edema/congestion -ABG: Acidosis -Cardiac enzyme สูง การรกั ษา 1.แบบประคับประคอง เพ่ือพยุงความดันโลหติ ใหเ้ พียงพอ 2.การรักษาด้วยยา: Dobutamine เพิม่ CO, Dopamine ทาใหS้ BP สูง, Norephinephrine กระต้นุ Vasoconstriction Distributive shock 1.Neurogenic shock Cause: C-spine trauma, High spinal block, ภาวะเครยี ดทางอารมณ์, Severe pain, ไดร้ ับยาเกนิ ขนาด, ได้รับยานอนหลบั , Hypoglycemia
68 2. Anaphylactic shock อาการแสดงทางคลินิก -ผ่ืนแดง ลมพิษ -Respiratory system: Cyanosis, หายใจลาบาก, Wheezing, บวมบริเวณกลอ่ งเสียง ทาให้เสียงแหบและมี Stridor -BP drop กระสับกระส่ายร่วมกับหายใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว -อาเจยี น ท้องเสีย ตะคริว ปวดท้อง -กลนั้ ปสั สาวะไม่ได้ เลือดออกทางช่องคลอด Systemic Inflammatory Response Syndrome :SIRS กลมุ่ อาการแสดงที่ตอบสนองทางรา่ งกายตอ่ การตดิ เช้ือ ประกอบดว้ ยอยา่ งนอ้ ย 2 ภาวะ ดังต่อไปนี้ -BT > 38.3 องศาเซลเซียส หรอื < 36 องศาเซลเซยี ส -HR > 90 BPM -RR >20 BPM หรือ PaCO2 < 32 mmHg -WBC: >12,000 cells/mm3 หรอื < 4000 cells/mm3 หรอื Band form > รอ้ ยละ 10 อาการและอาการแสดง: มไี ข้, หายใจเรว็ , ซมึ สบั สน ภาวะติดเชื้อรุนแรง -ระบบหัวใจและหลอดเลอื ด: SBP นอ้ ยกว่าหรอื เท่ากับ 90 mmHg, MAP นอ้ ยกวา่ หรอื เทา่ กบั 70 mmHg
69 -ระบบไต: Urine output < 0.5 ml./kg./hr. -ระบบหายใจ: PaO2/FiO2 นอ้ ยกว่าหรือเท่ากับ 250 -ระบบโลหติ : Platelet < 80,000 ลบ./มิลลิเมตร -Metabolic acidosis กลุ่มยาทีใ่ ชร้ กั ษา 1. Vasoconstricting drugs: ลดการค่งั ของเลอื ดสว่ นปลาย, เพิ่ม CO, Dopamine Norephinephrine 2. กลุ่มยาที่ช่วยในการบีบตัว: Dobutamine, Milrinal 3. เพม่ิ การไหลเวียนเลือดสหู่ วั ใจ: Sodium nitroprusside, Nitroglecerine การช่วยฟื้นคนื ชพี ห่วงโซ่การรอดชีวติ (Chain of survival) IHCA: การเฝ้าระวังและการปอ้ งกนั , การรับรู้และการแจ้งระบบตอบรับฉุกเฉนิ , การกด นวดหวั ใจผายปอด, การกระตนุ้ หวั ใจด้วยไฟฟา้ , การชว่ ยชีวิตขน้ั สงู และการดูแล ภายหลังภาวะหวั ใจหยดุ ทางาน
70 OHCA: การรบั รู้และการแจ้งระบบตอบรบั ฉุกเฉิน, การกดนวดหวั ใจผายปอด, การ กระตุน้ หวั ใจดว้ ยไฟฟา้ , บรกิ ารการแพทย์ฉุกเฉินขน้ั พ้ืนฐานและขนั้ สูง, การช่วยชีวิตข้นั สูงและการดูแลภายหลงั ภาวะหวั ใจหยดุ เตน้ Basic cardiac life support :BLS How to do CPR? -D>Denger? -R>Response? -C>Call for help and start Chest compression Steps of BLS -Circulation: 1.คลา Carotid pulse 10 sec 2. Start CPR: ลกึ 5-6 cm อตั ราเรว็ 100-120 ครั้ง/นาที Cardiac arrest in pregnancy: โกยทอ้ งผปู้ ่วยไปทางด้านซ้าย นอนเอียง 30 องศา -Airway: Non-trauma: Head tilt chin lift Trauma :Jaw trust -Breathing: อัตราการกดหนา้ อก:การชว่ ยหายใจ 30:2 Advanced cardiac life support :ACLS Drugs for resuscitation 1. Adrenaline: IV 1 mg q 3-5 นาท,ี Intratracheal 2-3 mg+NSS 10 ml
71 2. Symptomatic sinus bradycardia: เมอื่ ไม่ตอบสนองต่อ Atropine, 10 mg+5% D/W 100 ml (1:100) IV 5-20 ml/hr. 3. Anaphylaxis Angioedema: 0.5 mg IM+load IV NSS 4. Cordarone: Cardiac arrest, Recurrent VF/VT ข้อหา้ มใช้: Severe hypotension, Pregnancy, Heart block 5. 7.5% Sodium bicarbonate: Severe metabolic acidosis, Septic shock, DKA ACLS guideline 2018
Search