Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วารสารความรู้เรื่องศาสนาของฉัน

วารสารความรู้เรื่องศาสนาของฉัน

Published by taime, 2022-06-27 16:30:50

Description: วารสารความรู้เรื่องศาสนาของฉัน

Search

Read the Text Version

กลุ่มที่ 1 เสนอ คุณครูวันดี ทรงศักดิ์ราตรี รูปเล่มรายงานวิชาสังคมศึกษา รหัสวิชา ส33101 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์

กลุ่มที่ 1 เสนอ คุณครูวันดี ทรงศักดิ์ราตรี รูปเล่มรายงานวิชาสังคมศึกษา รหัสวิชา ส33101 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์

หน้า ก สารบัญ 1 2 วันมาฆบูชา 3 ความเป็นมาและความสำคัญ 4 หลักธรรม 5 การปฏิบัติตน 6 วันเข้าพรรษา 8 ความเป็นมาและความสำคัญ 9 หลักธรรม 10 การปฏิบัติตน 11 ประเพณี 12 วันออกพรรษา 13 ความเป็นมาและความสำคัญ 14 หลักธรรม 14 การปฏิบัติตน 15 ประเพณี 16 วัตถุประสงค์ 17 350 ปี มิสซังสยาม 19 ความเป็นมาของ 350 ปี มิสซังสยาม 20 การสถาปนาพระฐานานุกรมเป็นสังฆมณฑล 22 คำศัพท์ 24 บรรณานุกรม รายชื่อผู้จัดทำ

หน้า 1 วัดพระธาตุดอยพระฌาน,ลำปาง 1,250 วันมาฆบูชา

หน้า 2 วันมาฆบูชา ความเป็นมาและความสำคัญของวันมาฆบูชา ความเป็นมาของวันมาฆบูชา หลังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ 9 เดือน ขณะนั้นเมื่อเสร็จพุทธกิจแสดงธรรมที่ถ้ำสุกรขาตาแล้ว พระองค์เสด็จมาประทับที่วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ซึ่งวันนั้นตรงกับวันเพ็ญ เดือนมาฆะ หรือ เดือน 3 ในเวลาบ่าย พระอรหันต์สาวกของพระพุทธเจ้าได้เดินทางมาเข้าเฝ้าพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ สถานที่ประทับของพระพุทธเจ้า จำนวน 1,250 รูป โดยในจำนวนนี้มิได้นับรวมชฎิล 3 พี่น้อง และ อัครสาวกทั้ง 2 ความสำคัญของวันมาฆบูชา 1.เป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง \"โอวาทปาฏิโมกข์\" แก่พระสงฆ์เป็นครั้งแรก หลังจากตรัสรู้มา เป็นเวลา 9 เดือน ซึ่งหลักคำสอนนี้เป็นหลักการ และวิธีการปฏิบัติต่าง ๆ หากสรุปเป็นใจความสำคัญ จะมีเนื้อความว่า \"ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์\" 2.ในวันมาฆบูชาได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นพร้อม ๆ กันถึง 4 ประการ เรียกว่า “จาตุรงคสันนิบาต” อันได้แก่ - วันนั้นตรงกับวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งพระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์ - มีพระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย - พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดล้วนแต่เป็นพระอรหันต์ผู้ได้อภิญญาหก - พระสงฆ์ทั้งหมดได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า หรือ \"เอหิภิกขุอุปสัมปทา\"

หน้า 3 วันมาฆบูชา หลักธรรมของวันมาฆบูชา หลักธรรมที่ควรนำไปปฏิบัติคือ \"โอวาทปาฏิโมกข์\" ซึ่งเป็นหลักคำสอนสำคัญอันเป็นหัวใจของพระพุทธ ศาสนา ประกอบด้วย หลักการ 3 อุดมการณ์ 4 และวิธีการ 6 ดังนี้ หลักการ 3 อันเป็นหัวใจสำคัญเพื่อเข้าถึงจุดมุ่งหมายของพระพุทธศาสนา ได้แก่ 1.การไม่ทำบาปทั้งปวง คือ การลด ละ เลิก การทำบาป อันได้แก่ อกุศลกรรมบถ 10 ซึ่งเป็นทางแห่ง ความชั่ว 10 ประการที่เป็นความชั่วทางกาย (การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในกาม) ทางวาจา (การพูดเท็จ การพูดส่อเสียด การพูดเพ้อเจ้อ) และทางใจ (การอยากได้สมบัติของผู้อื่น การผูกพยาบาท และความเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม) 2.การทำกุศลให้ถึงพร้อม คือ การทำความดีทุกอย่างตาม กุศลกรรมบถ 10 ทั้งความดีทางกาย (ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้มาเป็นของตน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่ประพฤติผิด ในกาม) ความดีทางวาจา (ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดหยาบคาย ไม่พูดเพ้อเจ้อ) และความดีทางใจ (ไม่โลภอยากได้ของผู้อื่น มีความเมตตาปรารถนาดี มีความเข้าใจถูกต้องตามทำนองคลองธรรม) 3.การทำจิตใจให้ผ่องใส คือ ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ หลุดจากนิวรณ์ที่คอยขัดขวางจิตใจไม่ให้เข้าถึงความสงบ อุดมการณ์ 4 ได้แก่ 1.ความอดทน อดกลั้น คือ ไม่ทำบาปทั้งกาย วาจา ใจ 2.ความไม่เบียดเบียน คือ งดเว้นจากการทำร้าย หรือเบียดเบียนผู้อื่น 3.ความสงบ ได้แก่ การปฏิบัติตนให้สงบทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ 4.นิพพาน ได้แก่ การดับทุกข์ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา วิธีการ 6 ที่ผู้เผยแผ่พระพุทธศาสนาถือเป็นกลยุทธ เพื่อเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ได้แก่ 1.ไม่ว่าร้าย คือ ไม่กล่าวให้ร้าย โจมตีใคร 2.ไม่ทำร้าย คือ การไม่เบียดเบียนผู้อื่น 3.สำรวมในปาฏิโมกข์ คือ เคารพระเบียบวินัย กฎกติกา รวมทั้งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของ สังคม 4.รู้จักประมาณ คือ รู้จักความพอดีในการบริโภค รวมทั้งการใช้สอยสิ่งต่าง ๆ 5.อยู่ในสถานที่สงัด คือ อยู่ในสถานที่ที่มีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม 6.ฝึกหัดจิตใจให้สงบ คือ การฝึกหัดชำระจิตใจให้สงบ มีประสิทธิภาพที่ดี

หน้า 4 วันมาฆบูชา การปฏิบัติตนในวันมาฆบูชา การปฏิบัติตนสำหรับพุทธศาสนิกชน : ช่วงเช้า : ควรไปทำบุญตักบาตร ไปวัดเพื่อฟังพระธรรมเทศนา หรือจัดสำรับคาวหวานไปทำบุญถวาย ภัตตาหาร ช่วงบ่าย : ฟังพระแสดงพระธรรมเทศนา เจริญสมาธิภาวนา ช่วงค่ำ : นำดอกไม้ ธูปเทียนไปเวียนเทียนที่รอบพระอุโบสถ โดยการเวียนเทียนนั้นจะเวียนขวา จำนวน 3 รอบ และช่วงเวลาที่เดินอยู่นั้นให้ระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นอกจากนี้พุทธศาสนิกชนควรบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ตามสถานที่ต่าง ๆ และรักษาศีล สำหรับตาม บ้านเรือน สถานที่ราชการ จะมีการประดับธงชาติ ธงธรรมจักร เพื่อระลึกถึงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ข้อเสนอแนะการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมในวันมาฆบูชา : 1.กิจกรรมเกี่ยวกับครอบครัว : การทำความสะอาดบ้าน จัดแต่งที่บูชาประจำบ้าน ชักชวนครอบครัวไป ทำบุญตักบาตร ฟังศีล ฟังธรรม บำเพ็ญกุศล ปฏิบัติธรรม รวมทั้งการศึกษาหลักธรรมคำสั่งสอน และ ความสำคัญของวันมาฆบูชา 2.กิจกรรมเกี่ยวกับสถานศึกษา : ภายในสถานศึกษาควรมีการร่วมรำลึกถึงความสำคัญของวันมาฆบูชา เช่น จัดนิทรรศการให้ความรู้ ประกวดเรียงความ ตอบปัญหาธรรมะ บรรยายธรรม หรือร่วมกันทำบุญ ตักบาตร เวียนเทียน บำเพ็ญกุศล 3.กิจกรรมเกี่ยวกับสถานที่ทำงาน : ควรประชาสัมพันธ์ในที่ทำงาน และจัดให้มีการบรรยายธรรม หรือ ทำบุญบำเพ็ญประโยชน์ร่วมกัน 4.กิจกรรมเกี่ยวกับสังคม : ภาคส่วนต่าง ๆ ในสังคม ไม่ว่าจะเป็น วัด มูลนิธิ สมาคม สื่อมวลชน ฯลฯ ควรช่วยกันประชาสัมพันธ์ความสำคัญของวันมาฆบูชา อาจเป็นการพิมพ์เอกสารให้ความรู้ จัดให้มีการ เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาร่วมกัน เช่น ทำบุญตักบาตร ฟังธรรม ฯลฯ

หน้า 5 วัดพระธาตุพนม,นครพนม วันเข้าพรรษา

หน้า 6 วันเข้าพรรษา ความเป็นมาและความสำคัญของวันเข้าพรรษา ความเป็นมาของวันเข้าพรรษา ในอดีตสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าไม่ได้กำหนดการจำพรรษาไว้ พระสงฆ์ผู้ที่เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆได้ เหยียบย่ำพืชผลของชาวบ้านที่ปลูกไว้ในฤดูฝน สัตว์น้อยใหญ่ที่ออกหากินบนผิวดินถูกเหยียบย่ำ ชาวบ้านได้ รับความเสียหาย เมื่อเรื่องนี้ทราบถึงพระพุทธเจ้า ท่านจึงบัญญัติเรื่องการจำพรรษาไว้ให้พระภิกษุจำพรรษา อยู่ที่ใดที่หนึ่งเป็นเวลา 3 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 และสิ้นสุดในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 การเข้าพรรษาแบ่งเป็น 2 ประเภทได้แก่ 1.ปุริมพรรษา คือ การเข้าพรรษาแรก เริ่มตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 8 หากมีเดือน 8 สองหนก็จะเริ่มในวัน แรม 1 ค่ำ เดือน 8 หลัง และออกพรรษาในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 พระภิกษุสงฆ์ที่จำพรรษาครบ 3 เดือน ก็จะมีสิทธิ์รับกฐิน 2.ปัจฉิมพรรษา คือ การเข้าพรรษาหลัง ใช้ในกรณีที่พระภิกษุต้องเดินทางไกลหรือมีเหตุสุดวิสัย ทำให้ กลับมาเข้าพรรษาแรกไม่ทัน ต้องไปเข้าพรรษาหลัง คือแรม 1 ค่ำ เดือน 9 และออกพรรษาในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ดังนั้นพระภิกษุจึง ไม่มีโอกาสได้รับกฐิน กรณีพระภิกษุต้องออกไปจำพรรษาที่อื่น สามารถขออนุญาตทำได้ เรียกว่า “สัตตาหกรณียะ” และต้องกลับ มาภายใน 7 วัน เพื่อไม่ให้พรรษาขาดไม่ถือว่าอาบัติิ ได้แก่ 1.ไปรักษาพยาบาลพระภิกษุ หรือ บิดามารดาที่เจ็บป่วย 2. ไประงับไม่ให้พระภิกษุสึก 3.ไปเพื่อกิจธุระของคณะสงฆ์ เช่น ไปหาอุปกรณ์มาซ่อมแซมวัดซึ่ง ชำรุดในพรรษานั้น 4. ทายกนิมนต์ไปฉลองศรัทธาในการบำเพ็ญกุศลของเขา

หน้า 7 วันเข้าพรรษา ความสำคัญของวันเข้าพรรษา ความสำคัญของวันเข้าพรรษาต่อพระภิกษุและพระพุทธศาสนา 1. ขณะที่จำวัดอยู่พระภิกษุสงฆ์จะได้ใช้เวลานี้เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยตามคำสอนของพระพุทธเจ้าพร้อมทั้ง เตรียมการสำหรับอบรมสั่งสอนพระธรรมให้ประชาชนหลังออกพรรษา 2.การจำพรรษาและละเว้นการเดินทางในช่วงเข้าพรรษา ช่วยป้องกันไม่ให้ผลผลิตและการเพาะปลูกรวมถึง สัตว์ต่างๆได้รับความเสียหายจากการเที่ยวจาริกหรือเดินธุดงค์ของพระภิกษุ 3.เนื่องจากมีประเพณีนิยมในการส่งบุตรหลานบวชเรียนเป็นระยะเวลา 3 เดือน ช่วงเข้าพรรษาจึงเป็นเวลาที่ดี ให้พระภิกษุสงฆ์ได้เผยแพร่พระธรรมคำสอนตามหลักพระพุทธศาสนา ความสำคัญของวันเข้าพรรษาต่อพุทธศาสนิกชน 1.บำเพ็ญกศุล เช่น ทำบุญ ตักบาตร ฟังธรรม สวดมนต์ รักษาศีล เพื่อทำจิตใจให้บริสุทธิ์และทำนุบำรุงศาสนา 2. ตระหนักถึงความสำคัญของพระสงฆ์ต่อการเผยแพร่หลักคำสอนและธำรงรักษาพระพุทธศาสนา 3. บวชหรือบรรพชาเพื่อศึกษาพระธรรมในช่วงเข้าพรรษาสำหรับผู้ที่ถึงวัย 4.ตั้งปณิธานที่จะปรับเปลี่ยนหรือปรับปรุงพฤติกรรมของตนในดีขึ้นในช่วงเข้าพรรษา 3 เดือน เช่น งดดื่มสุรา หรืองดสูบบุหรี่ ดังที่เห็นได้จากโครงการงดเหล้าเข้าพรรษา เป็นต้น

หน้า 8 วันเข้าพรรษา หลักธรรมที่สำคัญของวันเข้าพรรษา ระหว่างเทศกาลเข้าพรรษานั้นพุทธศาสนิกชนนิยมไปวัดถวายทาน รักษาศีล ฟังธรรมและเจริญจิต ภาวนา ซึ่งเป็นการเว้นจากการกระทำความชั่ว บำเพ็ญความดี และชำระจิตให้สะอาดแจ่มใสเคร่งครัด ยิ่งขึ้น หลักธรรมสำคัญที่สนับสนุนคุณความดีดังกล่าวก็คือ \"วิรัติ\" คำว่า \"วิรัติ\" หมายถึงการงดเว้นจาก บาปและความชั่วต่างๆ จัดเป็นมงคลธรรมข้อหนึ่ง เป็นเหตุนำบุคคลผู้ปฏิบัติตามไปสู่ความสงบสุข ปลอดภัยและความเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปวิรัติ การงดเว้นจากบาปนั้น จำแนกออกได้เป็น ๓ ประการ คือ 1.สัมปัตตวิรัติ ได้แก่การงดเว้นจากบาป ความชั่ว และอบายมุขต่างๆ ด้วยเกิดความรู้สึก ละอาย(หิริ) และเกิดความรู้สึกเกรงกลัวบาป(โอตตัปปะ)ขึ้นมาเอง เช่น บุคคลที่ได้สมาทานศีลไว้ เมื่อถูกเพื่อนคะยั้นคะยอให้ดื่มสุรา ก็ไม่ย่อมดื่มเพราะละอาย และเกรงกลัวต่อบาปว่าไม่ควรที่ ชาวพุทธจะกระทำเช่น นั้นในระหว่างพรรษา 2.สมาทานวิรัติ ได้แก่การงดเว้นจากบาป ความชั่วและอบายมุขต่างๆ ด้วยการสมาทานศีล ๕ หรือ ศีล ๘ จากพระสงฆ์โดยเพียรระมัดระวังไม่ทำให้ศีลขาดหรือด่างพร้อย แม้มีสิ่งยั่วยวนภายนอกมา เร้าก็ไม่หวั่นไหวหรือเอนเอียง 3.สมุจเฉทวิรัติ ได้แก่ การงดเว้นจากบาป ความชั่ว และอบายมุขต่างๆ ได้อย่างเด็ดขาดโดยตรง เป็นคุณธรรมของพระอริยเจ้า ถึงกระนั้น สมุจเฉทวิรัติ อาจนำมาประยุกต์ใช้กับบุคคลผู้งดเว้น บาปความชั่ว และอบายมุขต่างๆ ในระหว่างพรรษากาลแล้วแม้ออกพรรษาแล้วก็มิกลับ ไป กระทำหรือข้องแวะอีก เช่นกรณีผู้งดเว้นจากการดื่มสุราและสิ่งเสพติดระหว่างพรรษากาล แล้วก็ งดเว้นได้ตลอดไป เป็นต้น การปฏิบัติด้วยหลักของการงดเว้น(วิรัติ)นั้น ทางที่ดีควรเป็นการงดเว้นบาป ความชั่ว และอบายมุข ต่างๆโดยแท้จริงไม่ควรงดเว้นเฉพาะในชั่วกาลพรรษาเท่านั้น การงดเว้นสิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดผลดีต่อ ตนเอง นั้นคือการที่มีสุขภาพกายที่แข็งแรง มีสุขภาพจิตที่ดี มั่นคง ปราศจากภยันตรายจากสภาพ แวดล้อมในทุกๆ ด้าน มีผลดีต่อสังคม นั่นคือ สังคมสงบสุข ไม่มีการเบียดเบียนทำร้ายกัน สังคมมีแต่ พัฒนาและเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป

หน้า 9 วันเข้าพรรษา การปฏิบัติตนในวันเข้าพรรษา แม้การเข้าพรรษาจะเป็นเรื่องของภิกษุ แต่พุทธศาสนิกชนก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ทำบุญ รักษาศีลและชำระ จิตใจให้ผ่องใส ในเข้าพรรษาหรือก่อนวันเข้าพรรษาหนึ่งวัน พุทธศาสนิกชนมักจะจัดเครื่องสักการะ เช่น ดอกไม้ ธูป เทียน เครื่องใช้ เช่น สบู่ ยาสีฟัน เป็นต้น มาถวายพระภิกษุ สามเณรที่ตนเคารพนับถือ หรือมี การช่วยพระทำความสะอาดเสนาสนะ ซ่อมแซมกุฏิวิหารและอื่นๆ พอถึงวันเข้าพรรษาก็จะไปร่วมทำบุญ ตักบาตร ฟังเทศน์ ฟังธรรมและรักษาอุโบสถศีลกันที่วัดบางคนอาจตั้งใจงดเว้นอบายมุขต่างๆ เป็นกรณี พิเศษ เช่น งดเสพสุรา งดฆ่าสัตว์ เป็นต้น กิจกรรมต่างๆที่ควรปฏิบัติในวันเข้าพรรษา 1.ร่วมกิจกรรมทำเทียนพรรษา และถวายเทียนพรรษา 2.ร่วมกิจกรรมถวายผ้าอาบน้ำฝน และจตุปัจจัย แก่ภิกษุสามเณร 3.ร่วมทำบุญ ตักบาตร ฟังพระธรรมเทศนา รักษาอุโบสถศีล 4.อธิษฐาน งดเว้นอบายมุขต่างๆ

หน้า 10 วันเข้าพรรษา ประเพณีในวันเข้าพรรษา ประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา งานแห่เทียนพรรษาจะเริ่มกระทำกันเมื่อใกล้ถึงฤดูเข้าพรรษาอันเป็นช่วงเวลาที่พระภิกษุจะต้องอยู่ ประจำวัดตลอด 3 เดือน เริ่มขึ้นเนื่องจากสมัยก่อนพระภิกษุสงฆ์ไม่มีไฟฟ้าใช้ ชาวบ้านจึงหล่อเทียนต้น ใหญ่ขึ้น เพื่อถวายพระภิกษุสงฆ์จุดให้แสงสว่างในการปฏิบัติกิจวัตรต่างๆ เป็นพุทธบูชาตลอดเวลา 3 เดือน ประเพณีถวายผ้าอาบน้ำฝน ผ้าอาบน้ำฝน คือ ผ้าที่พระสงฆ์ใช้ผลัดเปลี่ยนเวลาสรงน้ำ ซึ่งเป็นผ้าที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้พระ สงฆ์ใช้ได้เป็นผืนที่ 4 การถวายผ้าอาบน้ำฝนเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมา จะถวายเพียงปีละครั้งก่อน เข้าพรรษา คือ ถวายในช่วงเวลาตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 7 จนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8

หน้า 11 วัดพระปฐมเจดีย์,นครปฐม วันออกพรรษา

หน้า 12 วันออกพรรษา ความเป็นมาของวันออกพรรษา วันออกพรรษาตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของพระภิกษุสงฆ์ คือ เป็นวันสิ้นสุด การจำพรรษา ในวันออกพรรษาในพระไตรปิฎกกล่าวไว้ว่า เป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงจาก สวรรค์ชั้นดาวดึงส์มายังโลกมนุษย์ หลังจากที่พระองค์ได้เสด็จไปจำพรรษา และแสดงพระธรรมเทศนา โปรดเทพบุตรพุทธมารดา ซึ่งอยู่สวรรค์ชั้นดุสิต แต่ลงมาฟังพระธรรมเทศนาที่ชั้นดาวดึงส์ เมื่อพระพุทธเจ้าทรงประทับจำพรรษาอยู่ ณ พระเชตุวันมหาวิหาร กรุงสาวัตถี พระภิกษุเกรงจะเกิดการ ขัดแย้งกันจนอยู่ไม่สุขตลอดพรรษา จึงได้ตั้งกติกาว่าจะไม่พูดจากัน (มูควัตร) เมื่อถึงวันออกพรรษา พระภิกษุเหล่านั้นก็พากันไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าที่พระเชตวันมหาวิหาร กราบทูลเรื่องทั้งหมดให้ทรง ทราบ พระพุทธเจ้าทรงตำหนิ แล้วทรงมีพระบรมพุทธานุญาตให้พระภิกษุกระทำการปวารณาต่อกัน ความสำคัญของวันออกพรรษา 1. หลังจากวันออกพรรษาพระสงฆ์ได้รับพระบรมพุทธานุญาตให้จาริกไปค้างแรมที่อื่นได้ 2.เมื่อออกพรรษาแล้วพระสงฆ์จะได้นำความรู้จากหลักธรรม และประสบการณ์ที่ได้รับระหว่าง พรรษาไปเผยแผ่แก่ประชาชน 3.ในวันออกพรรษาพระสงฆ์ได้ทำปวารณา เปิดโอกาสให้เพื่อนพระภิกษุว่ากล่าวตักเตือนเรื่องความ ประพฤติของตนเพื่อให้เกิดความบริสุทธิ์ ความเคารพนับถือและความสามัคคีกัน 4.พุทธศาสนิกชนได้นำแบบอย่างไปทำปวารณาเปิดโอกาสให้ผู้อื่นว่ากล่าว ตักเตือนตนเองเพื่อ ประโยชน์ต่อการพัฒนาตน และสร้างสรรค์สังคมต่อไป

หน้า 13 วันออกพรรษา หลักธรรมสำคัญของวันออกพรรษา ในวันออกพรรษามีหลักธรรม และคติธรรมสำคัญที่พุทธศาสนิกชนควรนำไปปฏิบัติ คือ ปวารณา การยอมให้ว่ากล่าวตักเตือนซึ่งกันและกัน เพื่อจักได้สำรวมระวังปรับปรุงแก้ไขตนเอง เพื่อความเจริญของ พระธรรมวินัย และความผาสุกในการอยู่ร่วมกัน ในการปวารณานี้อาจแบ่งบุคคลออกเป็น 2 ฝ่าย คือ 1. ผู้ว่ากล่าวตักเตือน ผู้ว่ากล่าวตักเตือนจะต้องมีอุปนิสัยเป็นผู้มีเมตตา ปรารถนาดีต่อผู้ที่ตนเองจะว่ากล่าวตักเตือน เรียกว่า จำเป็นต้องมีเมตตา ทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ ภิกษุจำพรรษาแล้ว ย่อมปวารณากัน ด้วยเหตุ ๓ ประการคือ โดยได้เห็น โดยได้ยิน ได้ฟัง และโดยสงสัย พระภิกษุสงฆ์สามารถกล่าว แนะนำตักเตือนได้โดยไม่ต้องเกรงใจกันทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อยด้วยเจตนาดีต่อกัน คือ พระผู้ใหญ่ก็กล่าว ตักเตือนพระผู้น้อยได้ และพระผู้มีอาวุโสน้อยก็สามารถกล่าวชี้แนะถึงข้อไม่ดีของพระผู้ใหญ่ได้ พระพุทธเจ้าทรงถือว่าการว่ากล่าวตักเตือนนั้นเปรียบเสมือนการชี้ขุมทรัพย์ การชี้แนะว่ากล่าว ด้วยแม้เพียงแค่ระแวงสงสัยหรือแค่ได้ยินได้ฟังมาก็ตาม คือท่าทีของผู้ใฝ่ศึกษาหมั่นพัฒนาตน ดังนั้น จึงเป็นหลักธรรมที่ชาวพุทธทั้งหลายควรมี ไม่จำกัดแค่พระภิกษุสงฆ์เท่านั้น 2. ผู้ถูกว่ากล่าวตักเตือน ผู้ถูกว่ากล่าวตักเตือนจะต้องมีใจกว้าง มองเห็นความปรารถนาดีของผู้ตักเตือน ดีใจดังมีผู้มา บอกขุมทรัพย์ให้การปวารณา จึงเป็นคุณธรรมสร้างความสมัครสมานสามัคคีและดำรงความบริสุทธิ์ หมดจดไว้ในสังคมพระสงฆ์ การปวารณาแม้จะเป็นสังฆกรรมของสงฆ์ ก็อาจนำมาประยุกต์ใช้กับสังคม ชาวบ้าน เช่น การปวารณากันระหว่างสมาชิกในครอบครัว ในสถานศึกษา ในสถานที่ทำงาน พนักงาน ในห้างร้าน บริษัทและหน่วยงานราชการ

หน้า 14 วันออกพรรษา การปฏิบัติตนในวันออกพรรษา แม้การปวารณาจะเป็นเรื่องระหว่างพระสงฆ์ด้วยกัน แต่การออกพรรษาก็เป็นวาระสำคัญอีกวาระหนึ่งที่ ชาวบ้านจะได้มีโอกาสทำบุญร่วมกัน โดยในวันรุ่งขึ้น คือ วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ มีประเพณีทำบุญ ตักบาตร ที่เรียกกันว่า ทำบุญตักบาตรเทโว หรือเรียกเต็มๆ ว่า ตักบาตรเทโวโรหณะ เสร็จจากการทำบุญ ตักบาตร พุทธศาสนิกชนจะไปฟังธรรม และรักษาอุโบสถศีล กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันออกพรรษา 1.ทำบุญตักบาตร อุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว 2.ไปวัดเพื่อฟังธรรม และปฏิบัติธรรม ฟังพระธรรมเทศนา 3.ร่วมกุศลกรรม \"ตักบาตรเทโว\" 4.ทำการปัดกวาดบ้านเรือนให้สะอาด ประดับธงชาติและธงธรรมจักรตามอาคารบ้านเรือน สถานที่ ราชการ วัดและสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา ประเพณีที่เกี่ยวข้องกับวันออกพรรษา 1.ประเพณีตักบาตรเทโว (วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ หลังจากออกพรรษาแล้ว ๑ วัน) 2.ประเพณีพิธีทอดกฐิน (ตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ กำหนด ๑ เดือนนับตั้งแต่วันออกพรรษา) 3.ประเพณีพิธีทอดผ้าป่า (ไม่จำกัดกาล) 4.ประเพณีเทศน์มหาชาติ (นิยมทำกันในวันขึ้น ๘ ค่ำ หรือ วันแรม ๘ ค่ำ กลางเดือน ๑๒ ใน บางท้องถิ่นอาจนิยมทำกันในเดือน ๕ ต่อเดือน ๖ หรือในเดือน ๑๐)

หน้า 15 วันออกพรรษา วัตถุประสงค์ของวันออกพรรษา 1. เพื่อให้พุทธศาสนิกชนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของวันออกพรรษารวมทั้งหลักธรรม เรื่อง ปวารณาและแนวทางปฏิบัติ 2.เพื่อให้พุทธศาสนิกชนมีทักษะในการคิดและการปฏิบัติตนอย่างถูกต้องในวันออกพรรษา และ สามารถเลือกสรรหลักธรรม คือ ปวารณา ไปใช้ในการดำเนินชีวิตเพื่อพัฒนาตนและสังคม 3.เพื่อให้พุทธศาสนิกชนเกิดเจตคติที่ดีต่อวันออกพรรษา และเห็นคุณค่าของการดำเนินชีวิตตาม หลักธรรม คือ ปวารณา 4.เพื่อให้พุทธศาสนิกชนเกิดศรัทธา ซาบซึ้งและตระหนักถึงความสำคัญของพระพุทธศาสนา 5. เพื่อให้พุทธศาสนิกชนเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีและปฏิบัติตนตามหน้าที่ของพุทธศาสนิกชนได้อย่าง ถูกต้อง

หน้า 16 วัดนิเวศธรรมประวัติ,อยุธยา 350 ปี มิสซังสยาม

หน้า 17 350ปี มิสซังสยาม ความเป็นมาของ 350ปี มิสซังสยาม การประกาศพระศาสนาคาทอลิกในประเทศไทย เริ่มขึ้นตั้งแต่ในศตวรรษที่ 16 ซึ่งตรงกับรัชกาล สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 แห่งกรุงศรีอยุธยา กรุงโรมได้ประกาศแต่งตั้งมิสซังสยามในวันที่ 4 มิถุนายน ค.ศ.1669 ในสมัยอยุธยา พระสังฆราชฟรังซัว ปัลลือ ได้จัดการประชุมและมีสรุปสาระสำคัญ 3 ข้อ ได้แก่ การ ลงมติตั้งสามเฌราลัย(บ้านเณร) , จะจัดพิมพ์ \"คู่มือมิชชันนารีี\" , จะก่อตั้งคณะแพร่ธรรมขึ้น โดยมีชื่อ ว่า \"คณะรักไม้กางเขน\" การแพร่ธรรมเจริญก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัด ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เนื่องจากพระองค์ ทรงเปิดประเทศให้ชาวตะวันตกและให้อิสรภาพในการเผยแพร่ศาสนา ส่งผลให้พระสังฆราชลังแบรต์ ได้ตั้งบ้านเณรแห่งแรกขึ้น ปี ค.ศ.1796 พระสังฆราชการ์โนล ได้จัดตั้งโรงพิมพ์ที่วัดซานตาครู้ส พิมพ์หนังสือเล่มแรกคือ \"คำ สอนคริสตัง\" ปี ค.ศ.1841 - 1862 พระสังฆราชปัลเลอกัวทรงเป็นประมุขมิสซังสยาม ทั้งท่านยังมีชื่อเสียงมาก เนื่องจากท่านเป็นผู้มีความสามารถและความรู้สูงในด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และด้านภาษา ศาตร์ (ภาษาไทย ลาติน ฝรั่งเศษ และอังกฤษ) ปี ค.ศ.1875 - 1909 พระสังฆราชหลุยส์ เวย์ ริเริ่มการประกาศพระวรสารที่ประเทศลาว ปี ค.ศ.1885 บาทหลวงกอลอมเบต์ ได้จดตั้งโรวเรียนคาทอลิกที่ทันสมัยแห่งแรกในกรุงเทพฯ คือ โรง เรียนอัสสัมชัญ ปี ค.ศ.1898 คณะภคีนีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตรได้เข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ นอกจากนี้ คณะภคินียังรับผิดชอบ อบรมภคิณีพื้นเมืองคณะรักกางเขนสามเสน เรียกว่า คณะรักกางเขน วันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ.1960 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล บรมนาถบพิตร และ สมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จเข้าเฝ้านักบุญสมเด็จพระสันตะปาปายอห์นที่ 23

หน้า 18 350ปี มิสซังสยาม

หน้า 19 350ปี มิสซังสยาม การสถาปนาพระฐานานุกรมเป็นสังฆมณฑล วันที่ 18 ธันวาคม ค.ศ.1965 พระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 ทรงประกาศสถาปนาพระฐานานุกรมพระ ศาสนจักรในประเทมศไทยเป็นสังฆมณฑล โดยแบ่งเขตการปกครองเป็น 2 แขวงใหญ่ๆ ได้แก่ แขวง การปกครองของกรุงเทพฯ และแขวงการปกครองท่าแร่-หนองแสง พระศาสนจักรแต่งตั้งให้แต่ละสังฆมณฑลมีประมุขผู้เป็นดั่ง \"นายชุมพาบาล\" ที่คอยดูแลติดตาม \"ฝูงแกะ\" ของตน ปัจจุบันพระศาสนจักรในประเทศไทยแบ่งการปกครองออกเป็น 11 สังฆมลฑล ดังนี้ 1. อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ 2. อัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง 3. สังฆมณฑลราชบุรี 4. สังฆมณฑลจันทบุรี 5. สังฆมณฑลเชียงใหม่ 6. สังฆมณฑลนครสวรรค์ 7. สังฆมณฑลสุราษฎร์ธานี 8. สังฆมณฑลอุบลราชธานี 9. สังฆมณฑลอุดรธานี 10. สังฆมณฑลนครราชสีมา 11. สังฆมณฑลเชียงราย พระคาร์ดินัล ฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช ประมุขอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

หน้า 20 คำศัพท์ วันมาฆบูชา 1. จาตุรงคสันนิบาต ; การประชุมด้วยองค์ 4 1.1. จาตุร แปลว่า 4 1.2. องค์ แปลว่า ส่วน 1.3. สันนิบาต แปลว่า ประชุม 2. อภิญญา ; ความรู้ยิ่ง หมายถึง ปัญญาความรู้ที่สูงเหนือกว่าปกติ เป็นความรู้พิเศษที่เกิดขึ้นจากการอบรม จิตเจริญ ปัญญาหรือบำเพ็ญกรรมฐาน ซึ่งในที่นี้ อภิญญา หมายถึง คุณสมบัติพิเศษของพระอริยบุคคลซึ่งเป็นเหตุให้มีอิทธิฤทธิ์ต่างๆ มี 6 อย่าง คือ 2.1. อิทธิวิธิ ; แสดงฤทธิ์ได้ เช่น ล่องหนได้ เหาะได้ ดำดินได้ 2.2. ทิพพโสต ; มีหูทิพย์ 2.3. เจโตปริยญาณ ; กำหนดรู้ใจผู้อื่นได้ 2.4. ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ; ระลึกชาติได้ 2.5. ทิพพจักขุ ; มีตาทิพย์ 2.6. อาสวักขยญาณ ; รู้การทำอาสวะให้สิ้นไป อภิญญา 5 ข้อแรกเป็นของสาธารณะ (โลกียญาณ) ข้อ 6 มีเฉพาะในพระอริยบุคคล 3. ดวงจันทร์เสวยมาฆฤกษ์ ; ดวงจันทร์เดินมาถึงดาวฤกษ์ชื่อมฆา 4. นิวรณ์ ; สิ่งที่ขัดขวางจิตมิให้บรรลุความดี มี 5 ประการ ได้แก่ 4.1. ความพอใจรักใคร่ 4.2. ความพยาบาท 4.3. ความง่วงเหงาหาวนอน 4.4. ความฟุ้งซ่านรำคาญ 4.5. ความลังเลสงสัย

หน้า 21 คำศัพท์ วันเข้าพรรษา 1. ทายก ; ผู้ถวายจตุปัจจัยแก่ภิกษุสามเณร, ถ้าเป็นเพศหญิงเรียกว่า ทายิกา 2. สัตตาหกรณียะ ; กิจที่พึงทำเป็นเหตุให้ภิกษุออกจากวัดไปพักแรมในที่อื่นในระหว่างพรรษา ได้ไม่เกิน ๗ วัน 3. จาริก ; ท่องเที่ยวไปเพื่อสั่งสอนหรือแสวงบุญเป็นต้น เช่น จาริกแสวงบุญ, ภาษาแบบใช้ว่า จารึก 4. ศอก ; มาตราวัดตามวิธีประเพณี ๑ ศอก เท่ากับ ๒ คืบ เท่ากับ ๒๔ นิ้ว 5. คืบ ; มาตราวัดตามวิธีประเพณี ๑ คืบ เท่ากับ ๑๒ นิ้ว, อักษรย่อว่า ค. 6. กระเบียด ; มาตราวัดตามวิธีประเพณี ๑ กระเบียด เท่ากับ ๑ ใน ๔ ส่วนของนิ้ว 7. อนุกระเบียด ; มาตราวัดของไทย มีพิกัดเท่ากับครึ่งกระเบียดหรือ ๑ ใน ๘ ของนิ้ว 8. วิรัติ ; การงดเว้น, การเลิก, เช่น มังสวิรัติ สุราวิรัติ 9. เสนาสนะ ; ที่นอนและที่นั่ง, ที่อยู่ วันออกพรรษา 1. มูควัตร ; การปฏิบัติอย่างเป็นใบ้ กล่าวคือ การงดเปล่งวาจา 2. ปวารณา ; ยอมให้ภิกษุสามเณรขอหรือเรียกร้องเอาได้ / ยอมให้ใช้ได้ด้วยความเต็มใจ 3. สังฆกรรม ; กิจที่พระสงฆ์ตั้งแต่ 4 รูปขึ้นไปรวมกันทำภายในสีมา เช่น การทำอุโบสถ การสวดพระปาติโมกข์ 4. เทโวโรหนะ ; การเสด็จลงจากเทวโลก 5. เจตคติ ; ท่าที ทัศนคติ หรือความรู้สึกของบุคคลต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง 350ปี มิสซังสยาม 1. ฐานานุกรม ; ชื่อเรียกลำดับตำแหน่งสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ไทย 2. นายชุมพาบาล ; ในคริสตจักรโรมันคาทอลิกเรียก pastor ว่า นายชุมพาบาล หมายถึง อธิการโบสถ์ ซึ่งเป็น บาทหลวงองค์หนึ่งที่ได้รับแต่งตั้ง และมอบหมายงานจากมุขนายกประจำมุขมณฑ ให้ทำหน้าที่ปกครองเขตวัด

หน้า 22 บรรณานุกรม 1.Sanook. 2565. ความสำคัญของวันเข้าพรรษา (Online). แหล่งที่มา : https://guru.sanook.com/4161/. 13 มิถุนายน 2565 2.Sanook. 2565. ประวัติวันมาฆบูชา วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 วันมาฆบูชา. (Online). แหล่งที่มา : http://event.sanook.com/day/magha-puja/. 16 มิถุนายน 2565 3.Sanook. 2565. วันเข้าพรรษา 2565 ประวัติและความสำคัญของการเข้าพรรษา. (Online). แหล่ง ที่มา : https://www.sanook.com/campus/953718/. 11 มิถุนายน 2565 4.Sanook. 2565. วันเข้าพรรษา ประวัติวันเข้าพรรษา กิจกรรมถวายเทียนพรรษา. (Online). แหล่ง ที่มา : http://event.sanook.com/day/lent/. 13 มิถุนายน 2565 5.Sanook. 2565. วันออกพรรษา 2564 ประวัติ กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติ. (Online). แหล่งที่มา : https://guru.sanook.com/2543/. 15 มิถุนายน 2565 6.tmwa. 2565. วันมาฆบูชา. (Online). แหล่งที่มา : https://www.tmwa.or.th/new/view.php? topicid=773. 15 มิถุนายน 2565 7.twinkl. 2565. วันเข้าพรรษา. (Online). แหล่งที่มา : https://www.twinkl.co.th/teaching- wiki/wan-khea-phrrsa. 12 มิถุนายน 2565 8.ไทยรัฐออนไลน์. 2565. \"วันเข้าพรรษา\" ประวัติที่มา ความสำคัญ วันเข้าพรรษา 2564. (Online). แหล่งที่มา : https://www.thairath.co.th/lifestyle/culture/1881103. 11 มิถุนายน 2565 9.ไทยรัฐออนไลน์. 2565. ประวัติและความสำคัญของวันมาฆบูชา พร้อมกิจกรรมเวียนเทียนออนไลน์. (Online). แหล่งที่มา : https://www.thairath.co.th/lifestyle/culture/2039716. 15 มิถุนายน 2565 10.ไทยรัฐออนไลน์. 2565. วันออกพรรษา 2564 สรุปความสำคัญและกิจกรรมประเพณีพุทธศาสนา. (Online). แหล่งที่มา : https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/1942784. 18 มิถุนายน 2565 11.กิตติศักศิ์ รักษากูล. 2565. ประเพณีถวายผ้าอาบน้ำฝน(ก่อนเข้าพรรษา). (Online). แหล่งที่มา : https://sites.google.com/site/kittisakraksakun/prapheni-thway-phaxab-na-fn-kxn- khea-phrrsa. 13 มิถุนายน 2565

หน้า 23 บรรณานุกรม 12. ณัฐนรี สมวงค์. 2565 ประวัติความเป็นมาของวันออกพรรษา. (Online). แหล่งที่มา : https://sites.google.com/site/natnaree1212312121/prawati-khwam-pen-ma-khxng-wan- xxk-phrrsa. 17 มิถุนายน 2565 13. ธรรมะไทย. 2565. กิจกรรมในวันเข้าพรรษา. (Online). แหล่งที่มา : http://www.dhammathai.org/webboard/dbview.php?No=429. 12 มิถุนายน 2565 14. พรรณศิธร สอนอิ่มสาตร์. 2565. ประเพณีหล่อเทียนและแห่เทียนพรรษา. (Online). แหล่งที่มา : http://arts.pnru.ac.th/th/km/tradition-culture. 13 มิถุนายน 2565 15. มหัทธโน. 2565. วันออกพรรษา เหตุใดพระพุทธเจ้าจึงทรงให้ความสำคัญกับการปวารณา (Online). แหล่งที่มา : https://www.trueplookpanya.com/dhamma/content/69692 15 มิถุนายน 2565 16. วัดป่ามะไฟ. 2565. หลักธรรมที่เกี่ยวเนื่องในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา วันธรรมสวนะและเทศกาล (Online). แหล่งที่มา : http://www.watpamafai.org/index.php?mo=3&art=632387. 14 มิถุนายน 2565 17. สำนักงานเทศบาลตำบลชุมพร. 2565. วันออกพรรษา. (Online). แหล่งที่มา : http://www.chumporn101.go.th/event-13.html. 15 มิถุนายน 2565 18. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ. 2565. วันเข้าพรรษา. (Online). แหล่งที่มา : https://www.onab.go.th/th/content/category/detail/id/73/iid/3395. 11 มิถุนายน 2565 19. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ. 2565. วันออกพรรษา. (Online). แหล่งที่มา : https://www.onab.go.th/th/content/category/detail/id/73/iid/3404. 16 มิถุนายน 2565 20. สำนักงานราชบัณฑิตยสภา. 2565. พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 (Online). แหล่งที่ มา : https://dictionary.orst.go.th/index.php. 19 มิถุนายน 2565 21. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดลำปาง. 2565. ประเพณีถวายผ้าอาบน้ำฝน (Online). แหล่งที่มา : https://www.m-culture.go.th/lampang/ewt_news.php?nid=2238&filename=index. 13 มิถุนายน 2565

หน้า 24 รายชื่อผู้จัดทำ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 (กลุ่มที่ 1) 1. นางสาวพัทธนันท์ เหลียงกอบกิจ เลขที่ 1 2. นางสาวเขมิกา อังศุวัฒกกุล เลขที่ 4 3. นางสาววริศรา อังศุโกมุทกุล เลขที่ 5 4. นางสาวยามา เวทีวุฒาจารย์ เลขที่ 12 5. นางสาวณิชากร โรจน์เรืองวัฒนา เลขที่ 13 6. นางสาวอัยนา ไวยศิลป์ เลขที่ 15 7. นางสาวอนัญญา ตั้งรุ่งเรืองชัย เลขที่ 18 8. นางสาวภูษณิศา กูลมนุญ เลขที่ 20 9. นางสาวณญาตา กำเนิดทอง เลขที่ 26 10. นางสาวภูษณิศา อังศุกุลธร เลขที่ 29 11. นางสาวณธร ธำรงค์ศิริวัฒน์ เลขที่ 30 12. นางสาวปรายฟ้า พูลมาสิน เลขที่ 31 13. นางสาวชนิสรา สิริพณิชพงศธร เลขที่ 32 14.นางสาวณัฏฐวิตรา วิจิตรธรรมรส เลขที่ 33 15. นางสาวฮิคาริ มูโต้ เลขที่ 35 16. นางสาวปุณยาพร โกเมนรัตนกุล เลขที่ 37 17. นางสาวธนารีย์ วงศ์ศิริกุล เลขที่ 38 18.นางสาวอัญชนาภาสุ์ อัศวฤทธิกุล เลขที่ 39 19. นางสาวณัฐณิชาช์ ชุณห์เสรีชัย เลขที่ 41 20. นางสาวรักสกุล หิรัญอัศว์ เลขที่ 42 21. นางสาวสิรภัทร โอปนพันธุ์ เลขที่ 44 22. นางสาวสุภัสสรา อุดมยมกกุล เลขที่ 45 23. นางสาวปุณยาพร มั่นหมาย เลขที่ 46 24. นางสาวศศิปรียา ศีละวงษ์เสรี เลขที่ 47






Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook