Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 1 ศาสตร์พระราชากับการเกษตร

หน่วยที่ 1 ศาสตร์พระราชากับการเกษตร

Published by sirinan khanyot, 2021-05-31 07:52:44

Description: หน่วยที่ 1 ศาสตร์พระราชากับการเกษตร

Search

Read the Text Version

หน่วยที่ 1 ศาสตร์พระราชากบั การเกษตร 1 หน่วยท่ี 1 ศาสตร์พระราชากบั การเกษตร ศาสตร์พระราชา จากนภา ผ่านภูผา สู่มหานที ศาสตร์พระราชา คือ แนวทางการพฒั นาของในหลวงรัชกาลท่ี 9 ที่มีความลุ่มลึก รอบดา้ น มอง การณ์ไกล และเนน้ ความยงั่ ยนื ยาวนาน ก่อนที่ประชาคมโลกจะตื่นตวั ในเรื่องน้ี เป็นแนวทางการพฒั นาท่ี มุ่งยกระดบั คุณภาพชีวติ ของคนไทยทุกหมู่เหล่า องคป์ ระกอบของศาสตร์พระราชา คือ การศึกษาและ สุขภาพ การเพม่ิ ผลิตภาพการผลิต การ คน้ ควา้ วจิ ยั การบริหารความเส่ียง การอนุรักษธ์ รรมชาติ และ

หน่วยท่ี 1 ศาสตร์พระราชากบั การเกษตร 2 ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง แต่ละองคป์ ระกอบลว้ นมีส่วนช่วย ยกระดบั คุณภาพชีวติ ของทุกผทู้ ุกคน โดยเฉพาะ คนจนผยู้ ากไร้ หลกั การทางาน ตามศาสตร์พระราชา เขา้ ใจ.เขา้ ถึง.พฒั นา. เป็นวธิ ีการแห่งศาสตร์พระราชาเพอื่ การพฒั นาที่ยง่ั ยนื ท่ีพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหา ภูมิพลอดุลยเดชทรงใชเ้ ป็นวิธีการทรงงานมาตลอดรัชสมยั ศาสตร์พระราชา มีนยั ยะกวา้ งขวางมาก ศาสตร์แปลวา่ ความรู้ท่ีเป็นระบบ เช่ือถือไดผ้ า่ นการ พิสูจน์มาแลว้ ความรู้ของพระเจา้ แผน่ ดินพระองคน์ ้ี มีท้งั ดา้ นท่ีเป็นวทิ ยาศาสตร์ธรรมชาติมีท้งั วทิ ยาศาสตร์ประยกุ ตม์ ีท้งั สงั คมศาสตร์ มีท้งั มานุษยวิทยา มนุษยศาสตร์ คือ มีทุกมิติ ถา้ เราติดตาม/ดูงานท่ี พระองคท์ ่านทรงงานมามากวา่ 70 ปี พระองคท์ รง ทาเป็นตวั อยา่ งมาใหด้ ูท้งั หมด 1,500 กวา่ แห่ง มีทุก ศาสตร์ มีท้งั จริยธรรมศาสตร์ศาสนา มีทุกมิติ ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง เป็นศาสตร์วา่ ดว้ ยการพฒั นามนุษยท์ ี่สาเร็จที่สุดในโลก มีศาสตร์วา่ ดว้ ย การเกษตร ศาสตร์วา่ ดว้ ยเร่ืองดิน ศาสตร์เรื่องน้า เร่ืองดินพระองคท์ ่านทรงมีความเช่ียวชาญ จนทวั่ โลกยก ยอ่ ง ใหว้ นั เกิดพระองค์ ท่าน คือวนั ท่ี 5 ธนั วาคม เป็น “วนั ดินโลก” หรือแมแ้ ต่น้า ศาสตร์วา่ ดว้ ยเร่ืองน้า “ฝนหลวง” ที่ทรงศึกษาวจิ ยั ในการให้ เมฆรวมตวั กนั เป็นกอ้ นโต แลว้ ทาใหเ้ ป็นฝนตกลงมาไดพ้ ระองค์ ทรงทาสาเร็จจนไดร้ างวลั การสร้างเข่ือน ฝายชะลอน้า ศาสตร์เร่ืองป่ าไมท้ ี่เป็น “พ้ืนที่ตน้ น้า” ช่วยสร้าง ความชุ่มช่ืน ศาสตร์เรื่องการจดั การดิน การป้องกนั ชะลา้ งหนา้ ดิน เกบ็ ความสมบูรณ์ของดิน บนเขา บน พ้นื ท่ีลาดชนั ดว้ ย “หญา้ แฝก ท่ีเปรียบเสมือนกาแพงที่มีชีวิต” พระองคเ์ ขา้ ใจเร่ืองการใช้ หญา้ แฝก อยา่ งลึก ซ่ึง ในการป้องกนั ความเสื่อมโทรมของดิน เกบ็ น้าและความอุดมสมบูรณ์ ใหค้ งอยตู่ ลอดไป แมแ้ ต่น้าที่ ไหลบ่าท่วมบา้ นเรือน ทรงคิดวิธีกกั เกบ็ ดว้ ยโครงการ “แกม้ ลิง” การบาบดั น้าเสียดว้ ยเครื่องกลเติมอากาศ “กงั หนั ชยั พฒั นา” ทรงทางานวจิ ยั ท้งั ในวงั และในไร่นาเกษตรกร ทรงคิดคน้ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง” และ“เกษตรทฤษฎีใหม่” ที่มีการปรับใชท้ ้งั ในพ้นื ท่ีราบลุ่มและบนพ้นื ท่ีสูงชนั บางคนกเ็ รียก ศาสตร์ พระราชาศาสตร์วา่ เป็นศาสตร์แห่งการพฒั นา ท่ียง่ิ ใหญ่ ทรงใหค้ วามสาคญั กบั ทุกปัญหาทุกความทุกขข์ อง พสกนิกร จนเกิดศาสตร์พระราชามากกวา่ 4,500 กรณีศึกษา

หน่วยท่ี 1 ศาสตร์พระราชากบั การเกษตร 3 โครงการเกษตรทฤษฎใี หม่ โครงการเกษตรทฤษฎใี หม่ คือ การบริหารจดั การที่ดิน เพ่ือการเกษตร ตามแนวพระราชดาริแห่งองค์ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ท่ีทรงคิดคน้ /วจิ ยั เกษตรทฤษฎีใหม่ มาต้งั แต่ปี พ.ศ. 2532 ในพ้ืนท่ี ส่วนพระองคข์ นาด 16 ไร่ 2 งาน 23 ตารางวา ที่ ต.หว้ ยบง อ.เมือง จ.สระบุรี และทรง เผยแพร่ต้งั แตป่ ี 2537 เพื่อ แกไ้ ขปัญหา เกษตรกรรมท่ีในเขตแหง้ แลง้ ขาดแคลนน้าในการเกษตร โดยเฉพาะการเกษตรที่อาศยั น้าฝนเป็นหลกั ซ่ึงมี ความเส่ียงสูงในการขาดแคลนน้า กรณีฝนทิ้งช่วงและ ปริมาณน้าฝนไม่เพียงพอในการเพาะปลูก เป็นทฤษฎีแห่งการ บริหารจดั การ ดิน ท่ีดิน น้า และเวลา ใหเ้ กิด ประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะเกษตรกรรายยอ่ ย ที่มีที่ดินจานวนนอ้ ย สามารถเล้ียงตวั เองได้ มีความ มนั่ คงดา้ นอาหาร คือ มีขา้ ว มีพืชผกั และอาหารโปรตีน จากการเล้ียงสตั ว์ เช่น ไก่ หมู ปลา ฯลฯ ไว้ บริโภคไดต้ ลอดท้งั ปี มีการนาหลกั เศรษฐกิจพอเพยี งมาปฏิบตั ิ ใหเ้ ป็นรูปธรรม อยา่ งเหมาะสม สอดคลอ้ ง กบั สภาพปัญหาและทรัพยากรท่ีมี ต้งั แต่การท าการเกษตรแบบพอเพยี ง เพอื่ การเล้ียงชีพ เล้ียงครอบครัว ไปจนถึงการ พฒั นาการเกษตรแบบประณีต เพิ่มมูลค่า สามารถใหผ้ ลตอบแทนเชิงเศรษฐกิจท่ีสูงมากข้ึน ในทุกครา ที่พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ฯ เสดจ็ พระราชดาเนินไปทรงเยยี่ มราษฎร ตามพ้นื ที่ ต่างๆ ทวั่ ประเทศน้นั ทรงสอบถาม และทอดพระเนตรพบสภาพปัญหากาขาดแคลนน้า เกิดแรงดลพระ ราชหฤทยั อนั เป็นแนวคิด ข้ึนวา่

หน่วยท่ี 1 ศาสตร์พระราชากบั การเกษตร 4 1. ขา้ วเป็นสิ่งจาเป็นในวิถีชีวิตของคนไทย หากไดน้ ้าเพยี งพอ จะสามารถเพ่มิ ปริมาณผลผลิต ขา้ วไดม้ ากยง่ิ ข้ึน 2. หากเกบ็ น้าฝนที่ตกลงมาไวไ้ ดแ้ ลว้ นามาใชใ้ นการเพาะปลูก กจ็ ะสามารถเกบ็ เกี่ยว ผลผลิตต่างๆ ไดม้ ากข้ึน เช่นกนั 3. การสร้างอ่างเกบ็ น้าขนาดใหญ่ นบั วนั แต่จะยากที่จะดาเนินการได้ เน่ืองจากการขยายตวั ของ ชุมชน มี ขอ้ จากดั และอาจเกิดผลกระทบหลายอยา่ ง 4. หากแต่ละครัวเรือน มีสระน้าประจาไร่นาทุกครัวเรือนแลว้ เม่ือรวมปริมาณกนั กย็ อ่ มเท่ากบั ปริมาณในอ่าง เกบ็ น้าขนาดใหญ่ ทาไดง้ ่าย สิ้นค่าใชจ้ ่ายนอ้ ย และเกิดประโยชน์สูง โดยตรง มากกวา่ ในเวลาต่อมา ไดพ้ ระราชทานพระราชดาริ ใหท้ าการทดลอง \"ทฤษฎีใหม่\" เก่ียวกบั การจดั การ ที่ดิน และแหล่ง น้าเพ่ือการเกษตรข้ึน ณ วดั มงคลชยั พฒั นา ตาบลหว้ ยบง อาเภอเมืองจงั หวดั สระบรุ ี แนว ทฤษฎีใหม่กาหนดข้ึน โดยให้ แบ่งพ้ืนที่ถือครอง ทางการเกษตร ซ่ึงโดยเฉลี่ยแลว้ เกษตรกรไทย มีเน้ือที่ดินประมาณ 10-15 ไร่/ ครอบครัว แบ่งออกเป็น สดั ส่วน 30 – 30 – 30 - 10 คือ กรณีที่มี พ้นื ท่ี 15 ไร่ จะแบ่งไดด้ งั น้ี ส่วนแรก : ร้อยละ 30 เน้ือท่ีเฉล่ีย 4.5 ไร่ ใหท้ าการขดุ สระกกั เกบ็ น้าไวใ้ ชใ้ นการเพาะปลูก โดย มีความลึก ประมาณ 3 เมตร ซ่ึงจะสามารถรับน้าไดจ้ ุถึง 20,000 ลูกบาศกเ์ มตร โดยการรองรับจากน้าฝน ราษฎรจะสามารถนาน้าน้ีไปใชใ้ นการเกษตร ไดต้ ลอดปี และยงั สามารถเล้ียงปลาและปลูกพืชน้าพชื ริม สระเพื่อเพมิ่ รายไดใ้ หก้ บั ครอบครัวอีกทาง หน่ึงดว้ ย ส่วนท่ีสอง : ร้อยละ 60 เน้ือท่ีเฉล่ีย ประมาณ 9.0 ไร่ เป็นพ้ืนที่ทาการเกษตรปลูกพชื ผลต่าง ๆ โดยแบ่ง พ้นื ที่น้ี ออกเป็น 2 ส่วน คือ ร้อยละ 30 ในส่วนที่หน่ึง : ทานาขา้ ว ประมาณ 4.5 ไร่ ร้อยละ 30 ในส่วนท่ี สอง ปลูกพืชไร่หรือ พืชสวน ตามแต่สภาพของพ้นื ที่และภาวะตลาด ประมาณ 4.5 ไร่ พระบาทสมเดจ็ พระ เจา้ อยหู่ วั ทรงคานวณ โดยใช้ หลกั เกณฑ์ วา่ ในพ้ืนท่ีทาการเกษตรน้ี ตอ้ งมีน้าใชใ้ นช่วงฤดูแลง้ ประมาณ 1,000 ลูกบาศกเ์ มตร/ไร่ ถา้ หากแบ่ง แต่ละ แปลงเกษตรใหม้ ีเน้ือที่ 4 ไร่ ท้งั 2 แห่งแลว้ ความตอ้ งการน้า จะตอ้ ง ใชป้ ระมาณ 9,000 ลูกบาศกเ์ มตร ท่ีจะตอ้ งเป็นน้า ส ารองไวใ้ ช้ ในยามฤดูแลง้

หน่วยที่ 1 ศาสตร์พระราชากบั การเกษตร 5 ส่วนท่ีสาม : ร้อยละ 10 เป็นพ้นื ท่ีที่เหลือ มีเน้ือท่ีเฉล่ียประมาณ 1.5 ไร่ จดั เป็นที่อยอู่ าศยั ทาง ลาเลียง คนั ดิน ป้องกนั น้าทว่ ม ร่องคู พ้นื ท่ีปลูกพชื สวนครัว-หลุมพอเพยี ง เลา้ /คอก ปศุสตั ว์ หากมีการรวมกลุ่ม หรือมีการผลิต/จาหน่ายในรูปสหกรณ์ กจ็ ะเพิ่มอานาจต่อรองในการซ้ือ-ขาย มีการเช่ือมโยง/ ประสานงาน ในการจดั หาแหล่งเงินทุน การแปรรูป การพฒั นาผลิตภณั ฑ์ และช่องทางกา ตลาด ท้งั ในชุมชนขา้ งเคียง ตลาดภายในและตลาดต่างประเทศ ท้งั ในระดบั บุคคล หรือองคก์ ร ใหไ้ ดร้ ับ ประโยชนร์ ่วมกนั บนพ้นื ฐานของคุณธรรม ท่ีมี การสนบั สนุนและเก้ือกลู ซ่ึงกนั และกนั และรองรับการ พฒั นาดา้ นต่างๆ จากราชการหรือภาคเอกชน ไดส้ ะดวกและมี ประสิทธิภาพ มากข้ึน “ ทฤษฎีใหม่จึงเป็นแนวพระราชดาริใหม่ ไดร้ ับการพิสูจน์และยอมรับกนั อยา่ งกวา้ งขวาง ในหมู่ เกษตรกรไทย แลว้ วา่ พระราชดาริของพระองคเ์ กิดข้นึ ดว้ ยพระอจั ฉริยภาพสูงส่ง ท่ีสามารถนาไปปฏิบตั ิ ไดอ้ ยา่ งแทจ้ ริง ” เศรษฐกจิ พอเพยี ง

หน่วยที่ 1 ศาสตร์พระราชากบั การเกษตร 6 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชทาน ปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง เพอื่ เป็นแนวทางในการดาเนินชีวิต แก่พสกนิกรชาวไทย มาต้งั แต่ พ.ศ. 2517 ก่อนเกิด วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ และเม่ือวนั ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2540 ไดท้ รงเนน้ ย้าแนวทางการแกไ้ ข เพือ่ ให้ รอดพน้ และสามารถดารงอยไู่ ดอ้ ยา่ ง มน่ั คงและยง่ั ยนื ภายใตก้ ระแสโลกาภิวตั น์ และความ เปล่ียนแปลงต่างๆ ของโลก อยตู่ ลอดเวลา ทรงช้ีแนะแนวทางการดาเนินชีวติ และการปฏิบตั ิแก่ประชาชน โดยยดึ หลกั “ทาง สายกลาง” สรุป ความหมายเศรษฐกิจพอเพยี ง ออกเป็นหลกั สาคญั คือ ปรัชญา/ หลกั 3 ห่วง 2 เง่ือนไข ดงั น้ี ปรัชญา/หลกั 3 ห่วง คือ 1. หลกั ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่นอ้ ยไป และไม่มากเกินไป โดยไม่ เบียดเบียนตนเองและ ผอู้ ่ืน เช่น การผลิต การบริโภค การใชจ้ ่าย ฯลฯ ท่ีอยใู่ นระดบั พอประมาณ 2. หลกั ความมีเหตุผล หมายถึง การตดั สินใจเก่ียวกบั ระดบั ความพอเพยี ง น้นั จะตอ้ งเป็นไป อยา่ งมีเหตุผล โดยพจิ ารณาจากเหตุปัจจยั ที่เกี่ยวขอ้ ง ตลอดจนคานึงถึงผลที่คาดวา่ จะเกิดข้ึนจากการ กระทาน้นั ๆ อยา่ ง รอบคอบ 3. หลกั การสร้างภูมิคุม้ กนั หมายถึง การเตรียมตวั ใหพ้ ร้อมรับผลกระทบและการ เปลี่ยนแปลงดา้ นต่างๆ ที่ จะเกิดข้ึน โดยคานึงถึงความเป็นไปไดข้ องสถานการณ์ต่างๆ ท่ีคาดวา่ จะ เกิดข้ึนในอนาคต โดยมเี งื่อนไข ของการตัดสินใจและดาเนินกิจกรรมให้อย่ใู นระดบั พอเพยี ง ๒ ประการ คือ โดยมเี งื่อนไข ของการตดั สินใจและดา เนินกจิ กรรมให้อยู่ในระดบั พอเพยี ง ๒ ประการ คือ 1. เง่ือนไขความรู้ประกอบดว้ ย ความรอบรู้เก่ียวกบั วิชาการต่างๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ งรอบดา้ น เพื่อจะ นาความรู้ เหล่าน้นั มาพจิ ารณาใหเ้ ช่ือมโยงกนั เพ่ือประกอบการวางแผน และระมดั ระวงั ในการ ปฏิบตั ิ 2. เง่ือนไขคุณธรรม ท่ีจะตอ้ งเสริมสร้าง ประกอบดว้ ย มีความตระหนกั ใน คุณธรรม มีความ ซื่อสัตยส์ ุจริต มี ความอดทน มีความเพยี ร และมีการแบ่งปัน ใชส้ ติปัญญาในการดาเนินชีวิต

หน่วยท่ี 1 ศาสตร์พระราชากบั การเกษตร 7 ส่ิงสาคญั ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง คือ 1. มีความเชื่อในแนวคิดการพ่งึ ตนเอง 2. มีความเขา้ ใจคาวา่ \"บูรณาการ” โดยไม่ยดึ เร่ืองใดเรื่องหน่ึงเป็นสรณะ สามารถเลือกเรื่องที่เหมาะสมมา ประยกุ ตใ์ ช้ และสามารถเปลี่ยนแปลงไดต้ ามสถานการณ์ ซ่ึงไม่มีสูตรสาเร็จ เป็นการขบั เคล่ือนไปให้ สอดคลอ้ งกบั สภาพแวดลอ้ มที่เปลี่ยนแปลง 3. เคารพในภูมิปัญญา โดยเคารพวา่ ภูมิปัญญาเกิดจากการเรียนรู้ร่วมกนั ไม่ใช่เช่ือวา่ สิ่งที่ตนเองคิด น้นั ถูกตอ้ ง เพราะฉะน้นั การเรียนรู้ร่วมกนั ผา่ นศูนยเ์ รียนรู้จึงมีความสาคญั 4. เคารพในระบบนิเวศ เขา้ ใจความสมบูรณ์และใหค้ ุณคา่ กบั ความอุดมสมบูรณ์ ของ ทรัพยากรธรรมชาติ ส่ิงแวดลอ้ ม และระบบนิเวศ 5. มีความเขา้ ใจแก่นของ \"สังคมมีสุข” และใหค้ วามสาคญั กบั ครอบครัวและชุมชน ปัจจัยแห่งความสาเร็จ (ของเกษตรกร) 1. เกษตรกรตอ้ งสมคั รใจในการประกอบอาชีพการเกษตร 2. ตอ้ งรู้จกั ตนเองและรู้ศกั ยภาพตนเอง 3. มีความรู้ สามารถจดั การองคค์ วามรู้ ทดลอง ทดสอบ รวมถึงการหาวทิ ยากรท่ีเหมาะสม 4. รู้จกั ออม ประหยดั 5. มีกลั ยาณมิตร เพ่ือสร้างเครือข่าย รวมพลงั กนั 6. มีคุณธรรม จริยธรรม 7. มีความขยนั และอดทน

หน่วยท่ี 1 ศาสตร์พระราชากบั การเกษตร 8 วธิ ีการท างานที่ไดผ้ ล หน่วยงานราชการท่ีเก่ียวขอ้ งจะตอ้ งเขา้ ไปสนบั สนุน การปฏิบตั ิงานของ ปราชญช์ าวบา้ น เช่นตามความตอ้ งการในแผนแม่บทชุมชน มากกวา่ จะเป็นตวั หลกั ในการพฒั นาเหมือน ท่ีผา่ นมาในอดีต เกษตรทฤษฎใี หม่: ศาสตร์พระราชาสู่โคก หนอง นา โมเดล เทคนิคการสร้างหลมุ ขนมครกในไร่ คือ การนาศาสตร์พระราชา ร่วมกบั ภูมิปัญญาทอ้ งถ่ิน นามา สู่การ ออกแบบพ้ืนท่ี 1 พ้นื ที่ จานวนกี่ไร่กไ็ ด้ ใหส้ ามารถเกบ็ น้าฝนในพ้ืนท่ีน้นั ๆ ไวใ้ หไ้ ดท้ ้งั 100% โดย ตอ้ งมีการคานวณ ปริมาณน้าฝนที่ตกลงมา น้าสาหรับการบริโภค และปลูกขา้ วซ่ึงเป็นหลกั การสาคญั ของ เกษตรทฤษฎีใหม่ นอกจากน้นั ยงั นาศาสตร์พระราชาดา้ นการจดั การ ดิน น้า ป่ า มาใชเ้ พอ่ื ฟ้ื นฟูระบบนิเวศ ในภาพรวม ท้งั การก้นั ฝายชะลอน้า ฝายชุ่มช้ืน การบาบดั น้าเสีย การปลูกแฝก และป่ า 3 อยา่ งประโยชน์ 4 อยา่ ง ส่วนภูมิปัญญาทอ้ งถ่ินน้นั ไดแ้ ก่ การนาดินท่ีขดุ จาก หนองมาทาโคก การขดุ หนองคดโคง้ เพอ่ื เพม่ิ พ้ืนท่ีรอบหนอง และเพอ่ื ใหเ้ ป็นท่ีอยอู่ าศยั ของปลา การขดุ คลองไสไ้ ก่เพอื่ เพ่ิมความชุ่มช้ืนในพ้นื ท่ี การยก หวั คนั นาสูงเพอื่ กกั เกบ็ น้ าฝน การท านาน้าลึกโดยใชร้ ะดบั น้าในทอ้ งนาควบคุมวชั พืช และ ศตั รูพืช หลุมขนมครก เม่ือน ามาปฏิบตั ิ จะแตกต่างตามพ้นื ที่ลุ่ม และพ้นื ท่ีสูง แบ่งไดเ้ ป็น 2 รูปแบบ คือ ในพ้ืนท่ีลุ่มใช้ รูปแบบ “โคก หนอง นา โมเดล” ในพ้นื ที่สูง ใชก้ าร “เปลี่ยนเขาหวั โลน้ เป็นเขาหวั จุก” เช่น 1. พืน้ ทลี่ ุ่ม : โคกหนองนา โมเดล คือ รูปธรรมของหลมุ ขนมครก ซึ่งเรียกให้ง่ายต่อการจดจา – โคก การนาดินท่ีไดจ้ ากการขดุ หนอง นามาถมเป็นโคกเพอื่ สร้างที่อยอู่ าศยั ปลูกผกั เล้ียงสตั ว์ รวมท้งั ปลูกตน้ ไมต้ าม แนวทางศาสตร์พระราชา คือ “ป่ า 3 อยา่ ง ประโยชน์ 4 อยา่ ง” ไดแ้ ก่ ไมเ้ พอ่ื บริโภค (พอ กิน) เพื่อใชส้ อยในครัวเรือน (พอใช)้ และเพ่อื สร้างท่ีอยอู่ าศยั (พออย)ู่ ป่ าท้งั 3 อยา่ ง ใหป้ ระโยชนอ์ ยา่ งท่ี 4 คือช่วยสร้างสมดุลระบบนิเวศ (พอ ร่มเยน็ ) ปลูกเป็นป่ า 5 ระดบั คือ สูง กลาง เต้ีย เรี่ยดิน และพืชหวั ใบไมท้ ่ีร่วงหล่นช่วยปกคลุมหนา้ ดินเพิ่มความชุ่มช้ืน * น้าใตด้ ินที่สะสมไวใ้ ตโ้ คก เมื่อฝนตกลงมาบน โคกที่มีตน้ ไมจ้ านวนมาก น้าจะคอ่ ยๆ ไหลซึมลงมาเกบ็ ไวใ้ ตโ้ คก รากตน้ ไมซ้ ่ึง ต่างระดบั กนั จะช่วยรักษา หนา้ ดิน และกกั เกบ็ น้าไวใ้ ตด้ ินกลายเป็นแหล่งกกั เกบ็ น้าใตด้ ิน ช่วยสร้างความชุ่มช้ืน เพมิ่ ความ อุดม สมบูรณ์ใหก้ บั พ้ืนดิน – หนอง ขดุ หนองใหข้ อบมีความคดโคง้ เพอ่ื ใหเ้ หมาะสมกบั การอยอู่ าศยั ของปลา ปรับพ้ืนหนองใหม้ ี ความลึกหลาย ระดบั ส่วนท่ีแสงแดดส่องถึง ปลาจะสามารถวางไข่ไดด้ ี* คลองไสไ้ ก่ ช่วยกระจายน้ารอบ พ้นื ท่ี ขดุ ใหม้ ีลกั ษณะคดเค้ียว เพ่ือใหน้ ้าไหลผา่ นทวั่ พ้ืนที่ เพมิ่ ความชุ่มช้ืนใหก้ บั ผนื ดิน ส่งผลดีต่อการท า เกษตรและการปลูกพชื ผล * ฝายชะลอน้า รับ และชะลอน้าท่ีไหลมาจากแม่น้าหรือพ้ืนท่ีขา้ งเคียง ช่วยดกั ตะกอนดินไมใ่ หไ้ หลลงมาสะสมในหนอง คลอง บึง และเขื่อน นอกจากน้นั ยงั เป็นการเพิ่มแหล่งกกั เกบ็ น้าในพ้นื ท่ี

หน่วยที่ 1 ศาสตร์พระราชากบั การเกษตร 9 – นา ยกหวั คนั นา เพ่ือเพ่ิมพ้ืนที่กกั เกบ็ น้าไวใ้ นนา โดยใหม้ ีความสูงประมาณ 1 เมตร และป้ันหวั คนั นาให้ มีความกวา้ ง เพ่ือปลูก “ป่ า 3 อยา่ ง ประโยชน์ 4 อยา่ ง” และปลูกแฝก เพื่อป้องกนั การพงั ทลายของคนั นา คนั นาจะใชเ้ ป็นเครื่องมือ ในการปรับระดบั น้าเขา้ นาตามความสูงของตน้ ขา้ ว เกิดเป็นนาน้าลึก ใชน้ ้าใน การควบคุมวชั พชื และแมลงตามภูมิปัญญา ทอ้ งถิ่น 2. พืน้ ทส่ี ูง : เปลย่ี น “เขาหัวโล้น” เป็ น “เขาหัวจุก” เมื่อประยกุ ตใ์ ช้ โคกหนองนา โมเดล ใหเ้ ขา้ กบั ภูมิสงั คม พ้นื ท่ีภูเขา คือโคกตามธรรมชาติ จึงไม่ จาเป็นตอ้ ง สร้างโคกอีก ส่วนหนองน้นั เปลี่ยนเป็นการก้นั ฝายในพ้นื ที่ร่องเขาเพื่อเกบ็ น้าไว้ ทานาข้นั บนั ได โดยยกหวั คนั นาสูงและ กวา้ ง เพื่อเกบ็ น้าฝนท่ีตกลงมาบนภูเขาใหไ้ ดม้ ากที่สุด สร้างบ่อเกบ็ น้าจากวสั ดุใน พ้ืนที่ไวด้ า้ นบน เพื่อปล่อยน้าผา่ นคลอง ไสไ้ ก่ หรือท่ีเรียกวา่ ลาเหมืองกระจายใหท้ วั่ พ้นื ท่ี และปลูกแฝกเพ่ือ ป้องกนั การพงั ทลายของดิน ปลูกป่ า 3 อยา่ งประโยชน์ 4 อยา่ ง เพ่อื พอกิน พออยู่ พอใช้ และคืนความร่มเยน็ ใหร้ ะบบนิเวศ รูปแบบน้ีจะใชพ้ ้นื ท่ีเพยี ง 10 ไร่ สามารถใหผ้ ลผลิต มากกวา่ การปลูกขา้ วโพดท้งั ภูเขา

หน่วยท่ี 1 ศาสตร์พระราชากบั การเกษตร 10 – โคก พ้นื ที่สูงในลกั ษณะภูเขาเป็นโคกโดยธรรมชาติ จึงเนน้ การปลูก “ป่ า 3 อยา่ ง ประโยชน์ 4 อยา่ ง” เพื่อ ช่วยสร้าง สมดุลระบบนิเวศ แต่เน่ืองจากพ้นื ที่ขาดความชุ่มช้ืน จึงตอ้ งเพิ่มความชุ่มช้ืนใหก้ ลบั คืนมาดว้ ย การสูบน้าจากร่องเขามาที่ บ่อเกบ็ น้า และกระจายผา่ นลาเหมืองใหท้ ว่ั พ้นื ที่ “เขาหวั จุก” – หนอง เกิดจากการกกั น้ าไวใ้ นร่องเขาใหเ้ พม่ิ ระดบั สูงข้นึ ดว้ ยการท าฝายชะลอน้ า บ่อเกบ็ น้ า สร้างบ่อ เกบ็ น้ าไวบ้ นที่สูง โดยใชว้ สั ดุที่หาไดง้ ่ายในพ้นื ที่ เช่น ไมไ้ ผ่ ท าบ่อโครงไมไ้ ผฉ่ าบปูน สูบน้ าจากฝายข้ึน บ่อดว้ ยพลงั งานทดแทน เม่ือน้ าเกิน ปริมาณกกั เกบ็ ของบ่อ ปล่อยน้ าไหลลงคลองไสไ้ ก่ หรือ “ล าเหมือง” ซ่ึงขดุ ไล่ตามระดบั ช้นั ความสูงของพ้ืนท่ี เพือ่ กระจาย ความชุ่มช้ืน – นา ท านาข้นั บนั ได ยกหวั คนั นาสูงและกวา้ ง เพ่อื กกั เกบ็ น้ าฝนท่ีตกลงมาไวใ้ นทอ้ งนา และปลูกแฝก ชะลอการพงั ทลาย ของดิน ท านาน้ าลึกเป็นนาอินทรียโ์ ดยการใชน้ ้ าควบคุมวชั พืช และเร่งระดบั ความ สูงของตน้ ขา้ ว เพม่ิ ผลผลิต http://kasetklangthong.blogspot.com/2017/04/ep2.html http://www.monmai.com/ เราชาวไทยเป็นชนเผา่ ที่โชคดีท่ีสุดในโลกน้ี ที่มีผคู้ ิดแนวการดารงชีพที่ยง่ั ยนื ใหโ้ ดยไม่คิด ค่าใชจ้ ่ายลงทะเบียนไป ศึกษา เพ่อื ใหไ้ ดว้ ชิ าน้นั มา มาชมคลิปที่เล่าเรื่องน้ีครับ แนวทางท้งั หมด สามารถนาไป COPY&PASTE ไดเ้ ลยครับ

หน่วยที่ 1 ศาสตร์พระราชากบั การเกษตร 11 หลกั ในการทรงงานของในหลวง(ศาสตร์พระราชา) 23 ข้อ หลกั ในการทรงงาน ข้อที่ 1 จะทาอะไรต้องศึกษาข้อมูลให้เป็ นระบบ อดีตทาอะไรมาบา้ ง ท้งั เอกสาร สอบถามเจา้ หนา้ ที่และชาวบา้ น เพ่อื น าขอ้ มูลไปใช้ ประโยชนไ์ ดจ้ ริงๆ ข้อท่ี 2 ระเบิดจากภายใน สร้างความเขม้ แขง็ จากภายในใหเ้ กิดความเขา้ ใจ และอยากทา ข้อที่ 3 แก้ปัญหาจากจุดเลก็ มองภาพรวมก่อนเสมอ แต่การแกป้ ัญหาตอ้ งเร่ิมจากจุดเลก็ ๆ ไม่เร่ิมทีเดียวใหญ่ๆ ข้อที่ 4 ท าตามลาดบั ข้ัน เริ่มทาจากความจาเป็นก่อน ส่ิงท่ีขาดคือส่ิงที่จาเป็น ข้อที่ 5 ภูมสิ ังคม ภูมิศาสตร์ สังคมศาสตร์ การท างานทุกอยา่ ง ตอ้ งคานึงถึงภูมิศาสตร์วา่ อยแู่ ถบไหน อากาศ เป็น อยา่ งไร ติดชายแดน ติดทะเล และ สงั คมของเราเป็นอยา่ งไร นบั ถือศาสนาอะไร คนนิสยั ใจคอเป็น อยา่ งไร รวม ไปถึงพวกเรากนั เองดว้ ย ข้อท่ี 6 ท างานแบบองค์รวม โดยคิดความเชื่อมโยง ทรงมองเหตุการณ์ที่เกิดข้ึนและมีแนวโนม้ ทางแกไ้ ข อยา่ ง เช่ือมโยง องคร์ วม <-------------> ครบวงจร เช่ือมโยง “เดด็ ดอกไมส้ ะเทือนถึงดวงดาว” ข้อท่ี 7 ไม่ติดตารา ความรู้ท่วมหวั เอาตวั ไม่รอด บางคร้ังเรายดึ ทฤษฎีจนเกินไปทาอะไรไม่ได้ เลย ข้อท่ี 8 ประหยดั เรียบง่าย ใชเ้ งินนอ้ ย แต่ไดป้ ระโยชน์สูงสุด ทาไดเ้ อง หาไดเ้ องใน ทอ้ งถิ่น ใชเ้ ทคโนโลยงี ่ายๆ ข้อที่ 9 ทาให้ง่าย ทาอะไรใหง้ ่ายๆ ทาใหช้ ีวติ ง่าย โปรดทาส่ิง ยากๆ ใหก้ ลายเป็นส่ิงที่ง่ายๆ ข้อท่ี 10 การมสี ่วนร่วม เปิ ดโอกาสใหม้ ีการแสดงความคิดเห็น ข้อที่ 11 ต้องยดึ ประโยชน์ส่วนรวม จากพระราชดารัส ใครต่อใครชอบบอกใหน้ ึกถึงประโยชน์ส่วนรวม ให้ ส่วนรวมคือ การช่วยตวั เองดว้ ย เพราะเม่ือส่วนรวมไดป้ ระโยชน์ เราเองกไ็ ดป้ ระโยชน์ ข้อที่ 12 บริการทจี่ ุดเดยี ว วนั น้ีเราพดู วนั สตอ๊ ปเซอร์วิส แต่ในหลวงตรัสไวเ้ กิน 20 ปี มาแลว้ ข้อที่ 13 ใช้ธรรมชาตชิ ่วยธรรมชาติมองธรรมชาติใหอ้ อก กกั น้าตามลาธารช่วยใหป้ ่ าสมบูรณ์ช่วยใหช้ าวเขามีอาชีพ ข้อท่ี 14 ใช้อธรรมปราบอธรรม เช่น เอาผกั ตบชวาที่เป็นปัญหาของเราในประเทศ มากาจดั น้าเสีย ข้อท่ี 15 ปลกู ป่ าในใจคน ตอ้ งปลูกป่ าที่จิตสานึกก่อน ตอ้ งใหเ้ ห็นคุณค่า ก่อนท่ีจะลงมือทา ข้อท่ี 16 ขาดทุนคือกาไร อยา่ มองท่ีกาไรขาดทุนท่ีเป็นตวั เงินมากจนเกินไป บางคร้ังเราไดก้ าไรจากการขาดทุน - ลงทุนมหาศาล ไดธ้ รรมชาติ กลบั คืนมา - ลงทุนมหาศาล ไดล้ ูกคืนมา - ลงทุนมหาศาล ไดค้ นดีๆ กลบั มา - ลงทุนมหาศาล ไดค้ วามรู้ไวค้ อยช่วยเหลือ

หน่วยที่ 1 ศาสตร์พระราชากบั การเกษตร 12 ข้อท่ี 17 การพงึ่ ตนเอง ในหลวงทรงสอนใหพ้ วกเราพ่งึ ตนเอง เพราสงั คมบริโภค จะเป็นทาสของผผู้ ลิต การ พ่งึ ตนเองไดท้ าใหไ้ ม่ตอ้ ง เป็นทาสใคร เม่ือแกป้ ัญหาเฉพาะหนา้ แลว้ พยายามพ่งึ ตนเองใหไ้ ด้ ข้อท่ี 18 พออยู่พอกนิ พออยพู่ อกินก่อน แลว้ คอ่ ยพฒั นา เราขอใหบ้ าบดั ใหไ้ ดก้ ่อน==> ประคบั ประคอง==> เป็นที่ ปรึกษา==>เป็น ผชู้ ่วยเหลือผอู้ ื่นต่อไป ข้อที่ 19 เศรษฐกจิ พอเพยี ง เป็นแนวทางการต่อสูร้ ับมือความเปลี่ยนแปลงของโลก การขจดั ความหิวโหย ที่ตอ้ งคานึงถึงเร่ือง ความพอดีโดย อาศยั หลกั เศรษฐกิจพอเพยี ง ข้อท่ี 20 ความซื่อสัตย์สุจริต จริงใจต่อกนั คนที่มีความรู้มาก แต่โกง สูค้ นท่ีไม่เก่ง แต่ดีไม่ได้ วีรบรุ ุษ วีรสตรีคือคุณธรรม ท่ีทาประโยชน์ เพ่อื ผอู้ ่ืน พวก เราที่ทางานยาเสพติด คือ วีรบุรุษ วีรสตรีผหู้ น่ึง ข้อท่ี 21 ท างานอย่างมคี วามสุข “ท างานกบั ฉนั ฉนั ไม่มีอะไรจะให้ ฉนั มีแต่ความสุข ที่ร่วมกนั ในการท าประโยชนใ์ หก้ บั ผอู้ ่ืน เท่าน้นั ” ทาอะไรตอ้ ง มีความสุขดว้ ย ข้อที่ 22 ความเพยี ร กวา่ 60 ปี ท่ีทรงงาน ในหลวงไม่เคยทรงทอ้ ถอย ไม่มีการลาพกั ร้อน หยดุ งานสกั เวลาเดียว ข้อที่ 23 รู้ รัก สามัคคี คิดเพื่องาน รู้ = ตอ้ งรู้ปัจจยั รู้ปัญหา รู้ทางออก ของปัญหา รัก = เมื่อรู้แลว้ ตอ้ งเกิดความอยาก สามัคค=ี ร่วมมือ ลงมือปฏิบตั ิเพอ่ื เกิดพลงั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook