ความรเู ้ บอื้ งตน้ ของรฐั ศาสตร ์
ความเป็นมา รฐั ศาสตร ์เป็ นสาขาวชิ าทเ่ี กดิ ขนึ้ ในราวศตวรรษท่ี 19 ซง่ึ นกั รฐั ศาสตรย์ คุ แรกนน้ั พฒั นากระบวนวชิ าขนึ้ มาให้ สอดคลอ้ งกบั แนวนิยมทางวทิ ยาศาสตร ์สารานุกรมบรทิ านิกา คอนไซส ์ อธบิ ายรฐั ศาสตรว์ า่ เป็ นการศกึ ษาเกย่ี วกบั การปกครองและการเมอื งดว้ ยแนวทางประจกั ษน์ ิยม (empiricism) นกั รฐั ศาสตรค์ อื นกั วทิ ยาศาสตรท์ พี่ ยายามแสวงหา และทาความเขา้ ใจธรรมชาตขิ องการเมอื ง สว่ นพจนานุกรมการเมอื งของออกซฟ์ อรด์ นิยามวา่ รฐั ศาสตรเ์ ป็ น การศกึ ษาเรอ่ื งรฐั รฐั บาล/การปกครอง (government) หรอื การเมอื ง
ความหมายการเมอื งการปกครอง ประวตั ิความเป็นมาของวิชารฐั ศาสตร์ กอ่ นครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 19 ยงั ไม่มกี ารศกึ ษาถงึ พฤตกิ รรมทาง การเมอื งของมนุษยอ์ ยา่ งกวา้ งขวาง เป็ นเพยี งศกึ ษารฐั ศาสตรท์ ่ี เนน้ หนักไปในแง่ของศาสนา ปรชั ญา ศลี ธรรม ของมนุษยใ์ น สงั คมเทา่ นนั้ เมอื่ เขา้ มาในครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 19 นกั ปรชั ญา ทง้ั หลายจงึ ไดร้ วบรวมเนือ้ หาสาระและขอบข่ายของวชิ า รฐั ศาสตรไ์ วม้ ากขนึ้ เพอื่ ใหเ้ ป็ นเอกลกั ษณข์ องตนเองและใน ขณะเดยี วกนั วชิ ารฐั ศาสตรก์ ็เป็ นแขนงวชิ าหน่ึงในกลมุ่ สงั คมศาสตร ์ (Social Sciences) แตว่ ชิ ารฐั ศาสตรก์ ไ็ ดม้ ผี ศู้ กึ ษา รวบรวมและพฒั นามาโดยลาดบั ซงึ่ สามารถแบ่งยคุ แห่งวชิ า รฐั ศาสตรไ์ ด้ เป็ น 4 ยคุ คอื 1. ยคุ กรกี โบราณ (Ancient Greeks) 2. ยคุ โบราณโรมนั (Ancient Roman) 3. ยคุ กลาง (The Middle Ages) 4. ยคุ พนื้ ฟู (The Renaissance)
การศกึ ษาเรอื่ งรฐั และการเมอื งน้ันไดเ้ รมิ่ ตน้ มาตงั้ แตส่ มยั กรกี โบราณ คอื ประมาณ 500 ถงึ 300 ปี กอ่ นครสิ ตกาล อาจเรยี ก ปราชญเ์ พลโต (Plato) ไดว้ า่ เป็ นบดิ าของวชิ าทฤษฎกี ารเมอื ง และปราชญอ์ รสิ โตเตลิ (Aristotle) ควรจะไดร้ บั การยกย่องวา่ เป็ นบดิ าของวชิ ารฐั ศาสตร ์ปราชญท์ งั้ สองท่านไดพ้ จิ ารณา รฐั ในแง่คดิ ปรชั ญา ซงึ่ ถอื วา่ ความรูท้ กุ อยา่ งเป็ นอนั หนึ่งอนั เดยี วกนั หมด ยงั มไิ ดแ้ ยกศกึ ษาวชิ ารฐั ศาสตรอ์ อกมา โดยเฉพาะอยา่ งชดั เจน คอื วชิ าการนีย้ งั รวมอยู่กบั ศาสตรอ์ นื่ ๆ โดยเฉพาะปรชั ญาศลี ธรรมทางศาสนา เพราะความเชอื่ ของคนในยคุ น้ันฝังแนบแน่นอยูก่ บั ศาสนา จงึ ทาใหค้ าสอน ของศาสนามอี ทิ ธพิ ลต่อการเป็ นอยขู่ องคนในสงั คม ความคดิ ทจี่ ะพงึ่ พาอาศยั ผปู ้ กครองจงึ มนี อ้ ย ซงึ่ เป็ นผลทาใหข้ าดการ รวบรวมเนือ้ หาสาระของรฐั ศาสตรข์ นึ้ เป็ นหมวดหมู่ของ ตนเองอย่างชดั เจนดงั กล่าวแลว้
2. ยคุ โบราณโรมนั (Ancient Roman) ในยคุ นีไ้ ดม้ นี ักปราชญห์ นั มาสนใจศกึ ษาวเิ คราะหว์ ชิ ารฐั ศาสตร ์ อย่างจรงิ จงั มากขนึ้ โดยเฉพาะหลกั นิตศิ าสตรแ์ ละหลกั ในทางรฐั ประศาสนศาสตร ์ จงึ ทาใหจ้ กั รวรรดโิ รมนั ไดถ้ ่ายทอดมรดกทาง รฐั ศาสตร ์ อนั ไดแ้ กค่ วามคดิ ในทางกฎหมาย หลกั นิตศิ าสตร ์ และ หลกั ในทางรฐั ประศาสนศาสตรใ์ หก้ บั ชาวโลก ส่วนนักปราชญค์ น สาคญั ในยคุ นีค้ อื J. W. Burgess ผไู้ ดห้ นั มาศกึ ษาวเิ คราะหว์ ชิ า รฐั ศาสตรอ์ ยา่ งแทจ้ รงิ แต่ยงั จากดั อยเู่ พยี งในวงแคบ ๆ เฉพาะใน แบบทย่ี ดึ ตวั บทกฎหมายเป็ นหลกั ต่อมาในระยะหลงั ๆ จงึ ไดม้ ี การศกึ ษาคน้ ควา้ ตาราทางรฐั ศาสตรข์ นึ้ มาอย่างจรงิ จงั ทงั้ นีก้ ็ เพอื่ ใหป้ ระชาชนไดร้ สู ้ าระสาคญั ตา่ ง ๆ
ในยคุ นีค้ วามสาคญั ของรฐั หรอื ฝ่ ายอาณาจกั รลดนอ้ ยลงกว่าฝ่ ายศาสนจกั ร เพราะการ ปกครองยงั แนบแน่นอย่กู บั ผนู้ าทางศาสนา จงึ ทาใหฝ้ ่ ายศาสนจกั รเขา้ มามอี ทิ ธพิ ลต่อการออก ระเบยี บขอ้ บงั คบั กาหนดนโยบายของรฐั รวมทงั้ การแตง่ ตงั้ ถอดถอนกษตั รยิ ห์ รอื ประมขุ ของรฐั “ทฤษฎกี ารเมอื ง (political Theory) ไดก้ ลายเป็ นสาขาหนึ่งของศาสนศาสตร ์ (Theology) นอกจากนน้ั ศาสนายงั มอี านาจในการวนิ ิจฉัยขอ้ โตแ้ ยง้ ทางการเมอื งโดยไม่จาเป็ นตอ้ งพจิ ารณา ดว้ ยวธิ กี ารรวบรวมขอ้ เท็จจรงิ (Empirical) และทางปฏบิ ตั แิ ตป่ ระการใด”
แนวความคดิ ความเชอื่ ของคนในยุคนีพ้ ยายามทจี่ ะลดอทิ ธพิ ล ของฝ่ ายศาสนจกั ร หนั มาใหค้ วามสนใจเกยี่ วกบั รฐั มากกวา่ เป็ นตน้ ว่า ความมน่ั คงของรฐั ผลประโยชนข์ องรฐั และเอกภาพ ของชาติ จงึ ทาใหย้ ุคนีเ้ กดิ ภาวะแหง่ รฐั ชาติ กลุ่มคนทมี่ เี ชอื้ ชาตศิ าสนาตา่ ง ๆ ก็พยายามรวมตวั กนั สรา้ งชาตขิ นึ้ มาดว้ ย ความรสู ้ กึ นึกคดิ แบบชาตนิ ิยม การศกึ ษารฐั ศาสตรส์ มยั นีเ้ นน้ ศกึ ษาพฤตกิ รรมศาสตรม์ ากกว่าทฤษฎี โดยพยายามศกึ ษา คน้ ควา้ หาวธิ วี เิ คราะหว์ จิ ยั ทฤษฎเี พอื่ นาไปสู่การปฏบิ ตั ใิ หไ้ ด ้ ส่วนนกั ปราชญค์ นสาคญั ในยุคนีม้ หี ลายทา่ น เชน่ ไดศ้ กึ ษา ขอ้ มลู เหตจุ งู ใจทางการเมอื ง ศกึ ษาอทิ ธพิ ลทกี่ ล่อมเกลาจติ ใจ ของมนุษยท์ างการเมอื ง ไดน้ าเทคนิคมาวเิ คราะหศ์ กึ ษาอทิ ธพิ ล ของมนุษยต์ ่อกจิ กรรมทางการเมอื ง เป็ นตน้
รฐั ศาสตรใ์ นไทยจากอดตี จนถงึ ปัจจบุ นั การศกึ ษาในสาขารฐั ศาสตรน์ ัน้ เรมิ่ ขนึ้ ในรชั สมยั ของพระบาทสมเด็จพระ จลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั โดยทรงจดั ตง้ั \"โรงเรยี นฝึ กหดั วชิ าขา้ ราชการพลเรอื น\" ขนึ้ เพอื่ ฝึ กหดั นกั เรยี นใหร้ บั การศกึ ษาเพอื่ เขา้ รบั ราชการตามกระทรวงต่าง ๆ ตอ่ มา ในรชั สมยั ของพระบาทสมเด็จพระมงกฏุ เกลา้ เจา้ อย่หู วั พระองคท์ รง สถาปนา \"จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั \" ขนึ้ โดย \"คณะรฐั ประศาสนศาสตร\"์ เป็ น 1 ใน 4 คณะแรกตง้ั ของมหาวทิ ยาลยั หลงั จากนนั้ ไดเ้ ปลยี่ นชอื่ เป็น \"คณะ นิตศิ าสตรแ์ ละรฐั ศาสตร\"์ และโอนไปสงั กดั มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตรแ์ ละ การเมอื ง และในทสี่ ดุ ก็กลบั มาจดั ตง้ั ใหม่อกี ครง้ัในจฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ใน ปี พ.ศ. 2491 หลงั จากนน้ั สาขาวชิ ารฐั ศาสตรแ์ ละรฐั ประศาสนศาสตรก์ ็ไดเ้ ปิด สอนในหลายมหาวทิ ยาลยั จนถงึ ปจั จบุ นั
เรยี นรฐั ศาสตรจ์ บมาเป็ นอะไรได ้ ? อาชพี ทคี่ นจบรฐั ศาสตรส์ ่วนใหญน่ ัน้ ทากนั ไดเ้ เก่ ปลดั อาเภอ, นายอาเภอ, ผูว้ ่าราชการจงั หวดั , ปลดั กระทรวง, เจา้ หนา้ ทดี่ า้ นการ ปกครองอนื่ ๆ, ขา้ ราชการในกระทรวงต่างๆ, ขา้ ราชการในองคก์ ร อสิ ระต่างๆ นกั การเมอื งระดบั ประเทศ, นักการเมอื งระดบั ทอ้ งถนิ่ , นกั วชิ าการ, อาจารยม์ หาวทิ ยาลยั , นักการฑตู ในระดบั ต่างๆ, พนักงานในองคก์ รระหว่างประเทศ, เจา้ หนา้ ทบี่ รหิ ารงานทว่ั ไป, เจา้ หนา้ ทวี่ เิ คราะหน์ โยบายและแผน, เจา้ หนา้ ทปี่ ระสานงาน, เจา้ หนา้ ทบี่ รหิ ารงานบคุ คล, เจา้ หนา้ ทบี่ รหิ ารงานบคุ คล, นกั วเิ คราะหโ์ ครงการ, นักวเิ คราะหก์ ารลงทุน, นักวเิ คราะหร์ ะบบงาน, นกั บรหิ ารองคก์ ารระดบั สงู , พนักงานธนาคาร, นักเขยี น, นักหนังสอื พมิ พ,์ ผปู ้ ระกาศขา่ ว ทหาร ตารวจ ฯลฯ
รฐั ศาสตรเ์รยี นเกยี่ วกบั อะไร เป็ นศาสตรท์ วี่ า่ ดว้ ยการศกึ ษาเกยี่ วกบั รฐั และสงั คม การเมอื งเปรยี บเทยี บ แนวความคดิ และระบบทาง การเมอื ง เศรษฐกจิ และสงั คม รวมทง้ั ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งประเทศ และกฎหมายปกครองขา้ งตน้ โดยไม่ เขา้ ลกึ เหมอื นกบั นิตศิ าสตร ์
สถาบนั ทเ่ี ปิ ดสอนคณะรฐั ศาสตร ์ มหาวทิ ยาลยั นอรท์ กรงุ เทพ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษิณ มหาวทิ ยาลยั จฬุ าองคก์ รณ์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร มหาวทิ ยาลยั สขุ โขทยั ธรรม มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ มาธริ าช เป็ นตน้ . มหาวทิ ยาลยั เชยี่ งใหม่ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ โดยคณะรฐั ศาสตรท์ ุกคณะจะใช ้ ตราสงิ ครฐั ศาสตรต์ ามของสี มหาวทิ ยาลยั บรู พา มหาวทิ ยาลยั หรอไมก่ อ้ ใชส่ ี มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร ์ ปกติ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร ์ มหาวทยิ าลยั มหาสารคาม มหาวทิ ยาลยั แมโ่ จ ้ มหาวทิ ยาลยั พะเยา มหาวทิ ยาลยั รามคาแหง มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั มหาวทิ ยาลยั สงขลานขรนิ ทร ์ มหาวทิ ยาลยั วลยั ลกั ษณ์ มหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธานี
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: