ดนตรไี ทยในสมยั สโุ ขทยั
ดนตรีไทยในสมยั สโุ ขทัย 1. วงบรรเลงพิณ มผี บู้ รรเลง 1 คน ทาหนา้ ท่ีดดี พิณและขบั ร้องไป สมัยสุโขทัย ดนตรีไทยมีลักษณะ ด้วย เปน็ ลกั ษณะของการขบั ลานา เป็นการขับลานา และร้องเล่นกัน อย่างพ้ืนเมือง เก่ียวกับเครื่องดนตรี 2. วงขบั ไม้ ประกอบดว้ ยผ้บู รรเลง 3 คน คือ คนขับลานา 1 คน คนสี ไ ทย ใ นสมั ยน้ี ปรา ก ฎ หลัก ฐา น กล่าวถึงไว้ในหนังสือ ไตรภูมิพระร่วง ซอสามสาย คลอเสยี งร้อง 1 คน และ คนไกว บณั เฑาะว์ ใหจ้ งั หวะ 1 ซง่ึ เปน็ หนงั สือวรรณคดีทแี่ ต่งในสมัยนี้ คน ได้แก่ 3. วงป่พี าทย์ เป็นลักษณะของวงปีพ่ าทยเ์ ครื่อง 5 มีชิ้น คือ แตร, สังข์, มโหระทึก, ฆ้อง, กลอง, ฉ่ิง, แฉ่ง (ฉาบ), บัณเฑาะว์ พิณ, ซอพงุ ตอ (สันนษิ ฐานว่าคือ ซอสามสาย) ปีไ่ ฉน, ระฆงั , และ กังสดาล 1. ป่ี 2. กลองชาตรี 3. ทบั (โทน) 4. ฆอ้ งคู่ และ 5. ฉ่ิง ใชบ้ รรเลง เปน็ ต้น ลกั ษณะการผสม วงดนตรี ก็ปรากฎหลักฐานท้ังในศิลาจารึก ประกอบการแสดง ละครชาตรี (เป็นละครเก่าแก่ท่ีสดุ ของไทย) และหนังสือไตรภูมิพระร่วง กล่าวถึง \"เสียงพาทย์ เสียงพิณ“ ซ่ึงจาก 3.2วงป่ีพาทยเ์ คร่อื งหา้ อย่างหนกั ประกอบดว้ ย เคร่อื งดนตรจี านวน หลักฐานที่กล่าวนี้ สันนิษฐานว่า วงดนตรีไทย ในสมัยสุโขทัย มีดังนี้ 5 ชนิ้ คือ 1. ป่ีใน คือ 2. ฆ้องวง (ใหญ่) 3. ตะโพน 4. กลองทัด และ 5. ฉ่ิง ใช้บรรเลง ประโคมในงานพิธีและบรรเลงประกอบ การแสดงมหรสพ ต่าง ๆ จะ เห็นวา่ วงป่ีพาทยเ์ คร่ืองหา้ ในสมัยนย้ี งั ไม่มรี ะนาดเอก 4. วงมโหรี เป็นลักษณะของวงดนตรีอีกแบบหนึ่ง ที่นาเอา วง บรรเลงพิณ กับ วงขับไม้ มาผสมกัน เป็นลักษณะของ วงมโหรีเครื่อง ส่ี เพราะประกอบด้วยผู้บรรเลง 4 คน คือ 1. คนขับลานาและตี กรับ พวง ให้จังหวะ 2. คนสี ซอสามสาย คลอเสียงร้อง 3. คนดีดพิณ และ 4. คนตีทับ (โทน) ควบคมุ จงั หวะ
Search
Read the Text Version
- 1 - 2
Pages: