โครงงานวทิ ยาศาสตร์ เรือ่ ง โครงงานลิปบาลม์ จากฟักข้าว จดั ทาโดย นาย ธนภัทร กิตติพณิตนันท์ เลขท่ี 7 นางสาว ปณติ า พรมมเี ดช เลขที่ 13 นางสาว ชนกนันท์ มหาศาล เลขที่ 17 นางสาว ณัฐฐินนั ท์ สารเถอ่ื นแก้ว เลขท่ี 18 นางสาว บุญยวีร์ ช่างประดับ เลขท่ี 37 นกั เรยี นชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 เสนอ คุณครู ดารงค์ คันธะเรศน์ โรงเรียนปัว อาเภอปวั จงั หวดั น่าน สงั กดั เขตพนื้ ที่การศึกษามัธยมศกึ ษานา่ น
ก บทคัดยอ่ โครงงานลปิ บาลม์ ฟกั ขา้ ว เปน็ สว่ นหนงึ่ ของรายวชิ า is เทคโนโลยีสารสนเทศ ว31104 ของนกั เรียน ชั้นมัธยมศกึ ษาตอนปลายปกี ารศกึ ษา 2564 โรงเรียนปัว มจี ดุ ประสงคเ์ พื่อจดั เปน็ เเนวทางให้เเก่ผ้ทู ี่สนใจใน การทาโครงงานเกี่ยวกบั เครอ่ื งสาอาง เเละการใช้ธรรมชาติใหเ้ กิดประโยชน์สงู สุด มรี าคาเเละนา่ เชือ่ ถอื โดยคณะผู้จดั ทาได้ทาลิปบาลม์ จากฟักขา้ ว ท่ีเปน็ ผลไมพ้ นื้ บา้ น โดยการนามันสกัดเปน็ น้ามัน เเละใส่ รวมกบั ส่วนผสมทใ่ี ชใ้ นการทาลปิ บาล์มหรือลิปมัน เพือ่ ใหเ้ กิดผลิตภัณฑใ์ หม่ ทส่ี ามารถช่วยเพิม่ มูลค่าใหก้ บั ฟกั ข้าว เเละทาให้ผู้คนรถู้ งึ คุณประโชยนข์ องฟักขา้ วมากย่งิ ขึน้ จากการทาโครงงานเรื่องน้ี ทาใหเ้ กิดความคดิ ท่ีสามารถต่อยอดในการนาผลไม้หรือพชื ผกั อนื่ ๆมาทา ลิปบาลม์ ตอ่ ไปได้ เเละสามารถเพ่ิมมลู คา่ ใหก้ บั ผลไม้ทีผ่ ู้คนไมร่ ถู้ งึ ประโยชน์ ฟักข้าวทีน่ ามาใช้ทาลิปบาลม์ ใน ครัง้ นี้ อีกท้ังยงั เปน็ เเนวทางในการหารายไดใ้ นอนาคตอกี ด้วย ผลการศึกษาค้นควา้ ได้ลปิ บาล์มฟกั ข้าว ทส่ี ามารถใชเ้ เทนลิปมนั ยห่ี ่ออื่นๆเเละไดต้ รงกับความ ตอ้ งการของผู้ใช้ สามารถนาไปใช้งานได้จรงิ เเละมีประสิทธิภาพ คณะผู้จัดทา
ข กติ ตกิ รรมประกาศ โครงงานลปิ บาล์มฟกั ขา้ วสาเรจ็ ลรุ ว่ งไปได้ดีขอขอบพระคณุ กรณุ าจาก คุณครูดารงค์ คันธะเรศย์ ท่ีให้ คาปรึกษาเเนะนาและปรึกษาตลอดการดาเนินงาน เเละได้ให้ความรู้ในการสร้างสรรค์ผลงานรายงานโครงงาน ฉบับสมบูรณต์ ลอดเวลาในการทาโครงงาน คุณค่าและประโยชนข์ องโครงงานฉบับน้ี ขอมอบใหส้ าหรับผู้ที่ สนใจและคน้ คว้าวจิ ยั และบดิ ามารดา ครอู าจารยท์ กุ ท่านทมี่ พี ระคุณย่งิ ขอขอบพระคุณคณุ เเมข่ องนางสาว ชนกนนั ท์ มหาศาล ท่ีได้ให้ควาใร่วมมือในการทาโครงงานเล่มน้ี จนสาเรจ็ ลลุ ่วงไดด้ ว้ ยดี สดุ ทา้ ยนข้ี อขอบคุณเพอื่ นๆทมี่ สี ว่ นรว่ มในการทาโครงงานเล่มน้ี ทางคณะผจู้ ัดทาหวงั วา่ โครงงานเล่ม น้จี ะเปน็ ประโยชนต์ อ่ ผู้ทีต่ อ้ งการคดิ คน้ เเละหาความรู้ หากมขี อ้ ผิดพลาดประการใดขออภัย ณ ท่ีนี้ด้วยกนั คณะผู้จัดทา
สารบญั ค บทท่ี หน้า บทคัดยอ่ ก กติ ติกรรมประกาศ ข สารบัญ ค บทที่ 1 บทนา 1 บทที่ 2 เอกสารและความรทู้ ีเ่ กี่ยวขอ้ ง 4 บทท่ี 3 วสั ดอุ ปุ กรณ์และวิธกี ารดาเนินการ 8 บทท่ี 4 ผลการดาเนินการ 12 บทที่ 5 สรปุ ผล ประโยชน์ และ ข้อเสนอแนะ 13 บรรณานุกรม 14
1 บทท่ี 1 บทนา 1.1 ท่มี าและความสาคญั ของโครงงาน ฟกั ข้าว เปน็ พืน้ ไมเ้ ลอ้ื ยตามตน้ ไม้ มีถ่ินกาเนิดตง้ั แตท่ างตอนใตข้ องไทย ลาว พม่า กัมพชู า เวยี ดนาม มาเลเซยี บังกลาเทศ และฟลิ ิปปินส์ รสชาติของฟักข้าวเหมอื นมะละกอ มชี ื่อเรียกในภาคเหนือว่า \" ผกั ข้าว\" ฟกั ข้าวสามารถนามาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง สามารถนามาใช้ในผลิตภัณฑเ์ สริมความงานหรอื เคร่อื งสาอางได้ เช่น เซรมั่ แชมพสู ระผม สบู่อาบน้า ครมี บารงุ ผิวเป็นต้น หรอื นามาแปรรูปเป็นเครือ่ งด่ืมและ อาหารต่างๆ เชน่ น้าฟักข้าวพร้อมดม่ื แกงฟักขา้ ว ยายอดฟกั ขา้ ว สลดั นา้ ฟักขา้ ว เปน็ ต้น ในปัจจุบันน้ี ฟกั ขา้ วไดร้ บั ความนยิ มนอ้ ยและไมค่ ่อยนิยมนามารบั ประทานหรอื ใช้ประโยชน์ ผู้คนสว่ นใหญ่ไมค่ อ่ ยเห็นประโยชน์ ของฟกั ข้าว แต่ฟักข้าวมีสารเบต้าแคโรทีนทช่ี ่วยบารุงรมิ ฝีปากและผวิ หนงั ใหม้ ีความชุ่มช้นื สามารถรกั ษาปาก ที่โดนลวก ปากดา ปากคล้าได้ หากนามาทาลิปบาล์ม และเพม่ิ น้ามนั มะพรา้ วเปน็ ส่วนประกอบจะช่วยการ สกัดร้อน คอื การนาหัวกะทิไปเค่ียวในกะทะทตี่ งั้ ไฟ แล้วทาการเค่ียวไปเร่ือยๆจนกระท่งั นา้ มันลอยขน้ึ มาแลว้ จึงตกั ออกไป ในการทาวิธนี ้ี นา้ มนั ที่ไดจ้ ะมคี ณุ สมบตั บิ างอยา่ งนั้นหายไปเพราะ ความร้อน และสี จะไม่ใสมาก เเตม่ กี ลิ่นทไ่ี มห่ อม (ใชค้ าว่าไม่มกี ลน่ิ มะพร้าวจะดกี ับเรามากกวา่ ) เหมือนวธิ กี ารสกดั เยน็ ช่วยเกบ็ ความชุ่มชื้น และไขผง้ึ ( Beewax ) ทมี่ สี ารมอยส์เจอร์ไรเซอร์ นอกจากนามาทาเทยี นได้แล้ว ยังสามารถนามาเป็น สว่ นประกอบในการผลติ ของเครื่องสาอางได้เปน็ อย่างดี การทาลปิ บาลม์ จากฟกั ข้าว สามารถทาได้โดยการนา ฟักขา้ วไปสกัดเปน็ น้ามนั จากนน้ั นาน้ามนั ฟกั ขา้ วท่ไี ดม้ าตวงใส่ภาชนะและนาน้ามันมะพร้าวใสล่ งไป พรอ้ มทง้ั ใสไ่ ขผึ้ง ตม้ ใหไ้ ขผึง้ ละลาย พกั ให้อณุ หภูมเิ ยน็ ลง และเทใสใ่ นบรรจภุ ัณฑ์ที่เตรยี มไว้ จากนน้ั จะได้ผลติ ภัณฑ์ลปิ บาล์มจากฟกั ข้าวตามที่ต้องการ ซงึ่ สามารถเก็บรักษาและใช้งานได้เปน็ ระยะเวลา 2 ถงึ 3 เดือน หากนานกวา่ นอ้ี าจจะมผี ลทาให้ประสทิ ธิภาพหรอื คุณภาพของลิปบาลม์ ลดลงได้ ดงั น้นั การนาฟกั ขา้ วมาแปรรปู เป็นลปิ บาลม์ ทีม่ ีส่วนผสมของนา้ มนั มะพร้าวและไขผ้งึ ซงึ่ มีสรรพคณุ ช่วยเกบ็ ความชุ่มชืน้ ได้เป็นอย่างดี จะสามารถเพิม่ มลู ค่าแกฟ่ กั ขา้ ว ทาให้ฟักขา้ วเปน็ ทร่ี ู้จกั และนยิ มนามาใช้ ประโยชนม์ ากขึน้ อีกทงั้ ยังสามารถสรา้ งรายไดจ้ ากการแปรรปู ผลติ ภัณฑ์ ของลิปบาล์มฟกั ข้าว และเป็น แนวทางในการศกึ ษาการทาลิปบาล์มจากฟักข้าวสาหรบั ผู้ท่ีมคี วามสนใจต่อไป
2 1.2 นิยามศพั ท์ ต้นฟักข้าว มถี นิ่ กาเนดิ ตั้งแต่ในประเทศจีนตอนใต้ พม่า ไทย ลาว เขมร เวียดนาม มาเลเซีย ฟลิ ปิ ปินส์ และบังกลาเทศ โดยจดั เป็นพรรณไม้ลม้ ลุก เป็นไมเ้ ถาเลือ้ ย อายยุ ่งิ มากเถาย่ิงใหญ่ มมี อื เกาะคลา้ ยกับตาลึง ชอบแสงแดด เลื้อยได้ทัง้ บนพ้นื บนตน้ ไม้ บนรั้ว บนหลังคา 1.3 วัตถุประสงคข์ องการทางาน 1. เพ่ือศกึ ษาการทาลปิ บาล์มจากฟกั ขา้ ว 2. เพ่อื ศกึ ษาการแปรรูปและเพม่ิ มลู ค่าสินค้าจากฟกั ข้าว 3. เพ่ือบอกให้ทราบถึงประโยชนข์ องฟักข้าว และนยิ มนามาใชป้ ระโยชนม์ ากข้นึ 1.4 สมมติฐานของการศกึ ษา 1. ลิปบาลม์ จากฟักข้าวจะมคี ุณภาพ มากกว่า ลิปบาลม์ ตามทอ้ งตลาด 2. ลปิ บาลม์ จากฟักขา้ วจะมคี ณุ ภาพ นอ้ ยกว่า ลิปบาล์มตามทอ้ งตลาด 1.5 ขอบเขตของการศกึ ษา 1. ส่วนของฝกั ขา้ วท่นี ามาใช้ในกระบวนการทาลปิ บาลม์ คือผล 2. น้ามนั ฟกั ข้าวทใ่ี ชเ้ ปน็ การสกดั ร้อน 3. กาหนดปรมิ าณนา้ มนั ฝกั ข้าว ตวั แปรต้น ผลฟกั ข้าว ตัวแปรตาม ลิปบาลม์ จากฟกั ขา้ ว ตวั แปรควบคุม ปรมิ าณนา้ มันฟกั ข้าว ไขผงึ้ และน้ามนั มะพรา้ ว บรรจุภณั ฑ์ สถานที่ผลติ 1.6 วิธกี ารดาเนนิ การ 1.เกบ็ ผลฟักขา้ ว 2.สกดั ผลฟักขา้ วใหเ้ ปน็ น้ามัน โดยการสกัดร้อน 3.นาไขผึ้ง และน้ามันมะพร้าวมาใส่รวมกบั น้ามันฟักขา้ วเพือ่ นาไปตม้
3 4.ตม้ ใหส้ ว่ นผสมเขา้ กนั 5.เทใส่บรรรจุภัณฑ์ 1.7 ผลที่คาดวา่ จะได้รบั 1. ร้วู ธิ ีการทาลิปบาลม์ จากฟักข้าว 2. สามารถนาฝกั ข้าวหรอื ผลไม้ตา่ งๆมาแปรรปู และเพม่ิ มลู ค่าให้สินคา้ ได้ 3. ทราบถึงประโยชนข์ องฟักขา้ ว และนามาใชป้ ระโยชน์มากขนึ้ 1.8 แผนการกาหนดเวลาปฏิบัติงาน กิจกรรม วัน/เดอื น/พ.ศ. ผลท่ีคาดวา่ จะไดร้ บั ไดข้ นั้ ตอนการดาเนนิ งาน วางแผนการดาเนนิ งาน 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 สามารถทาลิปบาลม์ จากฟักข้าวได้ โครงงานทท่ี าสามารถใช้ไดจ้ ริง ดาเนินงาน 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 รู้ถึงประโยชนข์ องฟกั ขา้ วและได้ลปิ บาล์มจากฟกั ขา้ ว สรุปผลการดาเนินงาน 19 สิงหาคม พ.ศ. 2564 นาเสนอผลการดาเนนิ งาน 30 กันยายน พ.ศ. 2564
4 บทที่ 2 เอกสารและความรู้ท่ีเก่ยี วขอ้ ง 2.1 ฟักข้าว ผกั หรอื ผลไมพ้ ืน้ บ้านทน่ี ยิ มรับประทานผล และยอดออ่ น เน่อื งจาก มกี ารศึกษาทางการแพทย์ทีพ่ บ สว่ นต่างๆมีสรรพคณุ เด่น โดยเฉพาะมีสารออกฤทธ์ิต้านอนุมูลอสิ ระ และต้านโรคมะเรง็ ไดอ้ ยา่ งดี 2.1.1 ผลฟกั ขา้ ว ผลฟักขา้ ว มีลักษณะคล้ายรูปไข่กลมรี ท่ีเปลือกมีหนามเล็ก ๆ อย่รู อบผล ผลออ่ นจะมีสเี ขียว อมเหลอื ง แตเ่ มือ่ สุกแลว้ ผลจะมสี ีแดงหรือสสี ม้ อมแดง ผลสุกเน้อื จะเป็นสีเหลอื ง มีเยอ่ื กลางหุ้มเมล็ด เป็นสีแดง 2.1.2 รากและลาต้น เป็นไมเ้ ลอ้ื ยล้มลกุ ท่มี อี ายนุ านหลายปี มีลาตน้ เปน็ ไมเ้ ถาเลอ้ื ย เถามลี กั ษณะเป็นเหล่ียม ยาว ไดม้ ากถงึ 20 เมตร เถาแตกมอื เกาะออกตามข้อ โดยมือเกาะเปน็ เสน้ เดี่ยว ไม่แตกแขนง มอื เกาะใช้ สาหรับเกาะพนั ยดึ กบั วัสดุหรอื ต้นไม้ 2.1.3 ใบ ใบฟักข้าว เปน็ ใบเด่ียว เรียงออกสลับกนั ตามกิ่ง และลาตน้ ใบมกี า้ นใบยาว 5-8 เซนติเมตร ใบมลี กั ษณะเปน็ รูปหัวใจ ยาวประมาณ 6-15 เซนตเิ มตร ใบมีสเี ขยี วเขม้ แผน่ ใบเปน็ ลูกคลืน่ ตามร่อง ของเสน้ แขนงบนใบ ขอบใบเว้าหยกั 3-5 แฉก และมเี สน้ แขนงกลางใบของแต่ละแฉก โดย 2 แฉกแรก ทีอ่ ยูบ่ ริเวณโคนใบ ซ้าย-ขวา จะเปน็ แฉกส้ันๆ และอกี 2 แฉกถัดมา ซา้ ย-ขวา จะเปน็ แฉกยาวทมี่ ี ขนาดใกล้เคียงกนั สว่ นแฉกตรงกลางท่เี ป็นแฉกเด่ียวจะมีขนาดยาวท่สี ดุ 2.1.4 ดอกฟกั ขา้ ว เปน็ ดอกเดี่ยว แทงออกตาข้อบริเวณซอกใบ เรยี งลาดับในทางเดียวกัน ดอกฟักขา้ วเปน็ ดอก แยกเพศ อยคู่ นละต้นกนั ดอกตูมมลี ักษณะคล้ายหอยแครงในลกั ษณะหงายข้ึน ซ่ึงจะหุ้มด้วยกลีบรอง ดอกสีเขยี ว มขี นสีขาวนวลหรอื เหลอื งปกคลมุ และมีลายเส้นชัดเจน ตรงกลางดอกมีสีนา้ ตาลแกมม่วง 2.1.5 ประโยชนข์ องฟักขา้ ว เย่อื ห้มุ เมล็ดทีม่ ีสีแดง นาใชเ้ ปน็ สว่ นผสมของอาหารเสริม เย่ือหมุ้ เมลด็ ใช้เปน็ สว่ นผสมไอศกรมี
5 เยอ่ื หุม้ เมลด็ ใช้เปน็ สีผสมอาหารหรือขนมหวาน เมล็ด และเยือ่ หุ้มเมล็ดนามาสกัดสารสาหรบั เป็นสว่ นผสมเคร่ืองสาอาง เยอ่ื หมุ้ เมล็ดนามาขยาแยกออกจากเมล็ด กอ่ นใช้ทานา้ ผลไม้ด่ืม ผลฝักขา้ วอ่อน และยอดออ่ น นามาลวกเป็นผกั จิ้มนา้ พริกหรอื ใช้ทาอาหารประเภทต้ม แกงต่างๆ 2.2 ลิปบาลม์ ลปิ บาล์ม หรือที่เรยี กวา่ ลปิ มนั มีลักษณะคล้ายกับขผ้ี ง้ึ เน้อื สัมผัสให้ความชุ่มชนื้ สงู เหมาะกับการทา รมิ ฝปี ากซง่ึ เป็นเน้ือเยอ่ื ส่วนทค่ี อ่ นขา้ งบาง มโี อกาสแหง้ กร้านและหมองคล้าจากการโดนรังสี UV ได้งา่ ยกว่า ส่วนอื่น ๆ ในร่างกาย การทาลิปบาล์มจึงเปรยี บเสมือนการรกั ษาและสร้างเกราะป้องกนั ให้กับรมิ ฝีปากของเรา จากมลภาวะต่าง ๆ ในปจั จบุ นั นอกจากลิปบาลม์ จะชว่ ยให้ปากชมุ่ ชื้นแล้ว ยงั มสี ตู รทช่ี ่วยให้ปากขาวอมชมพู ดูสดใสเปน็ ธรรมชาตมิ ากขน้ึ รวมท้งั แบบท่ีมีสารกนั แดดช่วยปกป้องจากรังสี UV อีกด้วย 2.3 มะพร้าว มะพร้าวเปน็ พืชใบเลยี้ งเดี่ยว ลาต้นทรงกระบอก เจริญเตบิ โตทางสงู ขนึ้ ดา้ นบน ลาตน้ ไมม่ เี ยอ่ื ท่เี จริญ เปน็ ก่งิ แตกข้างลาต้น เป็นไม้เนื้อออ่ น ลาตน้ เป็นปลอ้ งมีเปลือกหุ้มลาตน้ ใบมีลกั ษณะเป็นแฉกๆ คล้ายขนนก แผก่ วา้ งตามขนาดของใบ รากเปน็ ระบบรากฝอยไมม่ รี ากแก้ว โดยแผก่ วา้ งรอบโคนต้น และหยั่งลกึ ลงไปจาก ผวิ ดนิ ถึงใต้ดิน ๑-๒ เมตร มะพร้าวจะให้ผลเร็วหรือช้าข้นึ อยกู่ ับสายพันธุ์ทป่ี ลกู ความอุดมสมบูรณ์ของดิน น้า สิ่งแวดลอ้ ม และภูมอิ ากาศ 2.3.1 ประโยชนข์ องมะพรา้ ว นา้ มะพร้าว ใชเ้ ปน็ เครือ่ งด่มื เกลอื แร่ได้ เนอื่ งจากอุดมไปด้วยโพแทสเซยี ม นอกจากนย้ี ัง มคี ณุ สมบตั ปิ ลอดเชื้อโรค และเป็นสารละลายไอโซโทนิก ซง่ึ ด้วยเหตุนจี้ งึ สามารถนาน้า มะพรา้ วไปใช้ฉดี เขา้ หลอดเลือดเวน ในผู้ป่วยท่มี ีอาการขาดน้าหรอื ปรมิ าณเลือดลด ผิดปกตไิ ด้ นา้ มะพรา้ วสามารถนาไปทา วุ้นมะพรา้ ว ได้ โดยการเจือกรดอ่อนเล็กนอ้ ยลง ในนา้ มะพรา้ ว เนอื้ มะพรา้ วแก่ นาไปทากะทิได้ โดยการขดู เน้อื ในเปน็ เศษเลก็ ๆ แล้วบบี เอานา้ กะทิ ออกมาจากมะพรา้ ว กากมะพร้าว ท่เี หลอื จากการคน้ั กะทิ ยังสามารถนาไปทาเป็นอาหารสัตว์ได้
6 ยอดออ่ นของมะพร้าว หรือเรยี กอีกช่อื วา่ หัวใจมะพรา้ ว (coconut’s heart) สามารถ นาไปใชท้ าอาหารได้ ซงึ่ ยอดอ่อนมีราคาแพงมาก เพราะการเกบ็ ยอดอ่อนทาให้ต้น มะพรา้ วตาย ด้วยเหตนุ จ้ี ึงมกั เรียกยายอดออ่ นมะพรา้ ววา่ “สลดั เจ้าสัว“ (millionaire's salad) ใยมะพรา้ ว นาไปใชย้ ดั ฟูก ทาเส่อื หรอื นาไปใช้ในการเกษตร นา้ มนั มะพรา้ ว ไดจ้ ากการบีบหรอื ต้มกากมะพรา้ วบด นาไปใช้ในการปรงุ อาหารหรอื นาไปทาเครอ่ื งสาอางก็ได้ และในปัจจบุ ันยังมีการผลิตไบโอดีเซลจากนา้ มนั มะพร้าวอกี ดว้ ย กะลามะพร้าว นาไปใชท้ าสิง่ ประดษิ ฐต์ ่าง ๆ เช่น กระบวย โคมไฟ กระดมุ ซออู้ ฯลฯ กา้ นใบ หรอื ทางมะพร้าว ใช้ทาไมก้ วาดทางมะพรา้ ว ใบนาไปสารทาหมวก ฯลฯ จาวมะพร้าว ใชน้ ามาเป็นอาหารได้ ในจาวมะพรา้ วมฮี อร์โมนออกซิน และฮอรโ์ มนอืน่ ๆ แต่ มี ฮอร์โมนออกซินปริมาณมากท่ีสดุ ซงึ่ เมอ่ื นาไปคั้น และนานา้ ท่ไี ด้จากจาวมะพรา้ ว ไปรดต้นพืช จะช่วยกระตนุ้ การเจริญเตบิ โตของพชื ได้ 2.4 ไขผ้ึง ไขผ้ึง (Beewax) เปน็ สารท่ีผึง้ งานผลิตจากต่อมไขผ้งึ เพ่อื ใชส้ ร้างรวงผงึ้ ซอ่ มแซม และปดิ ฝาหลอด รวง ซ่ึงไขผ้งึ ทีผ่ ลิตออกมาจากตอ่ มไขผงึ้ นัน้ จะมีลักษณะเปน็ เกลด็ เล็ก ๆ มสี ีขาวใสบริสุทธ์ิเหมือนสีน้านม และ มนี ้าหนักเบา 2.4.1 คุณสมบตั ขิ องไขผ้งึ ไขผง้ึ บริสทุ ธ์ิจะเห็นเป็นสีใสๆ โปรง่ แสง หรือไมม่ ีสี ซ่ึงไขผ้ึงจะสามารถละลายได้ดใี นน้ามนั โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในน้ามันสน แต่จะไม่ละลายในนา้ และถา้ นาไขผ้งึ ท่แี ข็งไปต้มในน้า ไขผึง้ ก็ จะหลอมละลายลอยตัวอยูบ่ นผิวนา้ นั่นเอง ไขผงึ้ มจี ดุ หลอมเหลวเฉล่ียที่ประมาณ 63 – 65 องศาเซลเซยี ส ซง่ึ ถา้ ไขผึ้งไดร้ บั ความร้อนที่ สูงกว่าจดุ หลอมเหลว จะทาให้เกดิ เปลวไฟ หรอื ติดไฟลกุ ไหมเ้ หมือนกา๊ ซ อาจเป็นอนั ตรายได้ ดังนน้ั การหลอมไขผงึ้ ควรใช้ความร้อนจากไอนา้ หรอื น่ึงในน้าร้อนจะดที สี่ ุด ไขผ้ึงจะหดตวั และเปราะแตกง่ายท่ีอุณหภมู ิต่า ยกตวั อย่างเชน่ ถา้ เราเก็บไขผงึ้ ไว้ท่อี ุณหภูมิ 10 องศาเซลเซยี ส จะทาใหป้ ริมาตรของไขผ้ึงนน้ั ลดลงประมาณ 10 เปอร์เซน็ ต์
7 2.4.2 ประโยชนข์ องไขผ้งึ ใชเ้ ปน็ สว่ นผสมของเครือ่ งสาอาง ใช้ทาเทยี นไข ใช้เปน็ สารกันนา้ สารขัดเงา และสารหล่อลื่น 2.5 การสกัดน้ามนั 2.5.1 การสกัดเยน็ การสกดั เย็น คอื การแยกส่วนของนา้ หรอื นา้ มันจากวตั ถดุ ิบท่ีเราสกัดออกมา โดยสกัด ออกมาจากส่วนต่าง ๆ ของวตั ถดุ ิบนัน้ ซ่งึ ส่วนใหญ่เปน็ พืชผกั และผลไมช้ นดิ ต่าง ๆ การสกัดเยน็ จะได้ นา้ หรอื นา้ มันจากบรเิ วณสว่ นต่าง ๆ ของพืชผักและผลไม้ เชน่ ผล เมลด็ หวั ใบ ดอก และเปลือก โดย อาศยั ขั้นตอนบบี อัดทอ่ี ุณหภูมหิ อ้ งโดยตงั้ ท้ิงไว้ใหต้ กตะกอนแล้วนาส่วนของน้ามันบริสทุ ธิ์มาใช้งาน หรอื อาจจะใช้อุปกรณ์หรือเครอ่ื งมือแรงดันสูงเพือ่ ช่วยบบี หรือกดน้ามนั ออกมา ทงั้ น้กี ารสกัดต้องไม่ ผ่านกระบวนการความรอ้ นหรอื สารเคมใี ด ๆ ซึ่งจะช่วยคงสี รสชาติ ตามธรรมชาติ คงคณุ ค่าและ สรรพคณุ ของพืชผักและผลไมช้ นิดนั้น ๆ ไว้อยดู่ ้วย 2.5.2 การสกัดร้อน การสกัดร้อน คอื การนาหัวกะทิไปเค่ยี วในกะทะท่ตี ง้ั ไฟ แล้วทาการเคย่ี วไปเรอื่ ยๆจนกระทัง่ นา้ มันลอยขน้ึ มาแลว้ จึงตกั ออกไป ในการทาวธิ นี ้ี นา้ มันที่ไดจ้ ะมคี ุณสมบัติบางอยา่ งน้ันหายไปเพราะ ความรอ้ น และสี จะไมใ่ สมาก เเตม่ ีกลิ่นท่ีไมห่ อม (ใชค้ าว่าไม่มีกลิ่นมะพร้าวจะดีกับเรามากกวา่ ) เหมอื นวิธีการสกัดเยน็
8 บทที่ 3 วัสดุและวธิ ีการดาเนนิ งาน 3.1 วัสดอุ ุปกรณ์ 1. หมอ้ 2. กระทะ 3. กระปุกหรอื บรรจภุ ัณฑ์ 4. ฟักขา้ ว 40 กรมั 5. มะพร้าว 40 กรมั 6. ไขผ้งึ 14 กรมั 7. ช้อน 8. ผา้ ขาวบาง 9. ลาสี 10. ตะแกรง 3.2 วิธกี ารทา 1. เก็บผลฟกั ขา้ ว และมะพร้าว
9 2. ขดู มะพร้าว และปอกผลฟักข้าว 3. นาเมล็ดกบั เนือ้ ของฟกั ข้าวและเนอ้ื มะพรา้ วมาสกัดนา้ มนั เค่ยี วในกระทะจนแตกตวั เปน็ นา้ มัน 4. นาน้ามนั ทไ่ี ด้มากรองกบั ผา้ ขาวบาง
10 5. เมอ่ื กรองผ่านผา้ ขาวบางแลว้ นามากรองผ่านสาลีอีกรอบเพอื่ ให้สะอาดมากขนึ้ 6. ไดน้ ้ามนั มะพร้าว และนา้ มนั ฟักขา้ ว 7. ต้ังหม้อ ใส่นา้ มนั มะพรา้ วและนา้ มันฟักข้าว 40 g. ใสไ่ ขผึ้ง 14 g. ตม้ ให้ละลายเป็นเนอื้ เดียวกัน
11 8. อาจจะใส่สีใสก่ ลนิ่ จากน้ันเทใสก่ ระปุกหรอื บรรจุภณั ฑ์ 9. ได้ผลติ ภัณฑล์ ิปบาล์มจากฟักขา้ ว
12 บทท่4ี ผลการดาเนินงาน การทาโครงงาน ลิปบาล์มจากฟักขา้ ว สามารถทาไดง้ า่ ย เน่ืองจากฟักข้าวเป็นผลไมพ้ ้นื บา้ นทว่ั ไป แต่ กลบั ไม่เป็นทีน่ ยิ มและไมค่ อ่ ยถูกนามาใช้ประโยชน์ พวกเราจึงไดน้ ามาแปรรูปให้ฟักข้าวมมี ลู ค่าเพมิ่ มากข้นึ และเป็นที่รู้จกั มากขน้ึ โดยการนามาแปรรูปเป็นลิปบาลม์ ท่ีสามารถชว่ ยรักษารมิ ฝปี ากใหม้ ีความชุ่มชนื้ และลดรอยแตกของ รมิ ฝปี ากได้ นอกจากนี้ยงั มสี ว่ นผสมของน้ามนั มะพร้าวและไขผงึ้ ทจี่ ะชว่ ยเพ่ิมประสทิ ธิภาพในการรกั ษารมิ ฝปี าก อกี ทงั้ ยงั สามารถเปน็ แนวทางในการประกอบอาชพี สามารถหาได้เพม่ิ เติมจากการทาลปิ บาล์มเปน็ สินคา้ ซ้อื ขายอีกด้วย
13 บทท่ี 5 สรุปผล ประโยชน์ และข้อเสนอแนะ 5.1 สรปุ ผล เน้อื หาในเล่มนี้ เปน็ การกล่าวถงึ บทสรปุ ของโครงงาน ลปิ บาลม์ จากฟักข้าว ประกอบไปดว้ ยวิธกี าร ดาเนนิ งาน ขอ้ สเนอแนะ และวีการพฒั นาโครงงานต่อไปนี้ โครงงาน ลปิ บาลม์ จากฟกั ข้าว โดยลิปบาล์มมวี ธิ ีการใชง้ านคือ ใช้ทาเพอื่ รกั ษาความชมุ่ ชนื้ ของริม ฝปี ากและ เพือ่ ลดรอยแตก ชว่ ยใหป้ ากขาวอมชมพู ดูสดใสเป็นธรรมชาตมิ ากข้นึ โครงงาน เรอ่ื ง ลปิ บาลม์ จากฟักข้าว ทาให้เกิดการใชเ้ วลาวา่ งให้เปน็ ประโยชน์ รูจ้ กั การใชท้ รพั ยากรที่ มอี ย่ใู หเ้ กิดประโยชน์สุงสุด และสามารถเพิ่มมูลคา่ แก่ฟักข้าว ทาใหฟ้ ักข้าวเปน็ ที่รจู้ กั และนิยมนามาใช้ ประโยชน์มากขน้ึ อีกทง้ั ยงั สามารถสร้างรายไดจ้ ากการแปรรปู ผลติ ภัณฑ์ ของลปิ บาล์มฟกั ขา้ ว และเปน็ แนวทางในการศึกษาการทาลิปบาลม์ จากฟักขา้ วสาหรับผู้ทีม่ คี วามสนใจตอ่ ไป 5.2 ประโยชนท์ ี่ไดร้ บั 5.2.1 ได้ลิปบาล์มท่ชี ่วยรกั ษาริมฝีปากได้ 5.2.2 ไดฝ้ กึ การแปรรปู ผลไมพ้ ืน้ บ้านให้มีมูลคา่ เพิ่มขึ้น 5.2.3. สามารถเปน็ แนวทางในการประกอบอาชพี ได้ 5.3 ข้อเสนอแนะ 1. บรรจภุ ัณฑ์ควรมคี วามสวยมากว่าน้ี 2. ควรทาเปน็ แบบลปิ สตกิ แท่ง เพื่อความสพะดวกในการใช้ 3. มคี วามมนั มากเกินไป ควรลดปริมาณน้ามันลงสว่ นหน่ึง
14 บรรนานกุ รม ออนไลน(์ 2564)จาก http://www.agriman.doae.go.th/homebee/honeybee/9.5.1_honey%20bee.pdf ออนไลน์ (2563) จาก https://www.suphabeefarm.com/contents/ ออนไลน์ (2560 ) จากhttps://www.trueplookpanya.com/blog/content/59710 (kapook, 2563: https://women.kapook.com/view102665.html) (Toppicks, 2019: https://www.topspicks.tops.co.th/single-post/lipbalm-jan2019) (สารานุกรมเสรี 2561 :https://th.wikipedia.org/wiki/มะพรา้ ว) (putcharapafern 2564: http://putcharapafern0110.blogspot.com/2017/02/blog-post.html) (สารานกุ รมไทยสาหรับเยาวชนฯ 2563: https://www.saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?book=38&chap=5&page=t38-5- infodetail02.html) (สารานกุ รมเสรี 2561 :https://th.wikipedia.org/wiki/มะพรา้ ว) ออนไลน์ (2560) https://www.arda.or.th/kasetinfo/south/palm/used/01-02.php ออนไลน์ (2559) https://www2.mtec.or.th/th/e-magazine/admin/upload/295_13.pdf ออนไลน์ (2560) http://www.lamsoon.co.th/product.php?lang=th
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: