Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือประวัติศาสตร์ชุมชน

หนังสือประวัติศาสตร์ชุมชน

Published by Vladimir Putin, 2021-11-24 10:21:17

Description: หนังสือประวัติศาสตร์ชุมชน

Search

Read the Text Version

ภาระงานประจำเดอื นสงิ หาคม 2564 ตำบลควนศรี อำเภอบ้านนาสาร จังหวดั สรุ าษฎร์ธานี

สำรวจขอ้ มลู Covid-19 ประจำเดอื นสงิ หาคม จงั หวัดม่งุ เป้า ตำบลควนศรี อำเภอบา้ นนาสาร จงั หวัดสรุ าษฎรธ์ านี

หนงั สอื ประวตั ศิ าสตรต์ ำบลควนศรี อำเภอบา้ นนาสาร จงั หวดั สรุ าษฎรธ์ านี

1. ขนาดและที่ต้งั ตัง้ อยู่ที่ ณ หมู่ที่ 2 ตำบลควนศรี อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี อยหู่ ่างจากอำเภอเมอื ง สุราษฎร์ธานี 55 กิโลเมตร มีเนอ้ื ที่ประมาณ 39 ตารางกิโลเมตร หรอื ประมาณ 24,375 ไร่ มีหมู่บ้าน 8 หมูบ่ า้ นได้แก่ หมู่ท่ี 1 บา้ นควนมหาชยั หมู่ที่ 2 บา้ นควนศรี หมู่ท่ี 3 บา้ นโคกเหรียง หมู่ที่ 4 บา้ นวงั ใหญ่ หมู่ท่ี 5 บา้ นมอเกต็ หมู่ท่ี 6 บา้ นควนเนียง หมู่ที่ 7 บ้านควนพรพุ ี หมู่ที่ 8 บ้านควนวดั 2. ลักษณะภูมปิ ระเทศ สภาพพ้ืนทโี่ ดยทัว่ ไปของตำบลควนศรี เปน็ ทร่ี าบ 1 ใน 2 ของพนื้ ที่ทั้งหมด 3. แมน่ ำ้ สำคัญ แมน่ ้ำสำคญั ของตำบลควนศรี คือ แม่น้ำตาปี 4. ภูมอิ ากาศ ลกั ษณะภูมิอากาศเป็นแบบร้อนชืน้ มี 2 ฤดู คือ ฤดูฝนและฤดูแล้ง ในฤดฝู นมฝี นตกชุกปรมิ าณ มากจนทำใหเ้ กดิ น้ำทว่ มในบางหมู่บา้ น สว่ นในฤดูแล้งอากาศร้อนอบอ้าว 5. ทรัพยากรธรรมชาติ เนื่องจากตำบลควนศรมี แี ม่น้ำตาปีตัดผ่าน จึงทำใหอ้ ดุ มสมบูรณ์ไปด้วย ทรพั ยากรประมง ทรพั ยากรทางนำ้ ทรพั ยากรปา่ ไม้ นอกจากนนั้ แล้วพนื้ ที่ของตำบลควนศรี มดี นิ ท่ีอุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่ การทำเกษตร กรีดยาง สวนผลไม้ เช่น เงาะนาสาร ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของอำเภอบา้ นนาสารที่ใครไดม้ า จำเป็นต้องแวะซอื้ กลับบา้ นหรือเป็นของฝากจากสุราษฎร์ธานี และอื่นๆ 6. การคมนาคม

ตำบลควนศรีตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของอำเภอบ้านนาสาร ห่างจากที่ว่าการอำเภอบ้านนาสาร ประมาณ 19 กิโลเมตร ห่างจากตัวจังหวัดสุราษฎร์ธานีประมาณ 61 กิโลเมตร โดยมีถนนสายหลัก ดังต่อไปน้ี - ทางหลวงแผน่ ดนิ จำนวน 1สาย - ทางหลวงจงั หวัด จำนวน 1 สาย - ถนนหม่บู า้ น จำนวน 24 สาย - ทางหลวงชนบท จำนวน 1 สาย 7. ประวตั คิ วามเป็นมาชุมชน ใช้ชื่อควนศรีซึ่งเป็นชื่อของวัด ที่มีหลวงพ่อคงแก้วที่ศักด์ิสิทธเ์ ป็นที่เคารพบูชาเป็นศูนย์รวมน้ำใจ ของชาวตำบลควนศรี เป็นตำบลหนึ่งของอำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี เดิมอยู่ในเขตการ ปกครองของตำบลพรุพี อำเภอบา้ นนาสาร กระทวงมหาดไทยไดป้ ระกาศแบง่ แยกเขตการปกครองใหม่เมื่อ ปี 2529 ตั้งแต่ครั้งบรรพชน โดยมีประวัตเิ ล่าต่อมายาวนานคร้ังศึกเกา้ ทัพ พม่ายกทัพขึ้นจากระนอง และ หัวเมืองรายทางมาทางใต้และผูน้ ำชุมชนต่างๆพาชาวบ้านหลบหนี ไปซ่อนตัวในชุมชนอืน่ ๆจนเมืองถลาง ไปพ่ายแพ้แก่ทัพคุณหญิงมุข คุณหญิงจัน ขณะนั้นพ่อท่านคงแกว้ เป็นเจ้าอาวาสอยู่วัดชื่อ วัดวนศรี ได้มี นายทหาร หลายคน เชน่ ขนวัง นายสดุ นายคงเขา้ มาใช้บรเิ วณวดั ควนศรีเป็นที่มัน่ เมอื่ แพส้ งคราม พวก ทหารซึ่งเป็นผู้นำ ได้ฆ่าตัวตาย วัดควนศรีกลายเป็นวัดร้าง ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่กลายเป็นป่า มองไมเ่ หน็ วัด สมยั ต่อมาซนรุ่นหลังอพยพ เข้ามากอ่ ต้ังถ่นิ ฐานใหมไ่ ปพบร่องรอยวดั เก่าจึงได้บูรณาการณ์ ขึ้นมาใหม่ มีเหตุการณ์ ประหลาดเกิดขึ้นในวันหนึ่งขณะที่ชาวบ้านกำลังช่วยกันถางหญ้า มีช้างตกมัน เชือกหนึ่งไม่ทราบว่ามาจากไหนใช้งาแทงบริเวณต้นไทรจนเอน ทำให้มองเห็นพระพุทธรูป ที่มีรากไทรทั้ง ต้นไทรงอกโอบปิดเอาไว้ และทำให้เศียรและแขนพระพุทธรูปหัก จนกลายเป็นสัญลักษณ์หลวงพ่อคงแก้ว แห่งวัดควนศรีจนทุกวันนี้ และเป็นที่เลื่องลือถึงความศักดิ์สิทธิ์อีกมากมาย ปัจจุบันจะมีงานประเพณี บวงสรวงหลวงพ่อคงแก้ว ในทกุ ปี ต้องมมี โนราห์มารำแก้บนในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 4 และขนึ้ 1 ค่ำเดือน 5 เรียกว่า\"โนราห\"์ พ่อท่าน โดยต้องมีมโนราห์ 2 โรงรำแข่งกนั ประชาชนชมโรงไหนมาก ให้ถือว่าโรงนั้น ชนะ และรบั เงนิ รางวลั ไปพิเศษ นอกเหนอื จากคา่ จา้ ง เทศบาลตำบลควนศรี เป็นหน่วยงานราชการบริหารส่วนท้องถิ่นโดยได้รับการจัดตั้งขึ้นเป็น องค์การ บริหารส่วนตำบล ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2540 ซึ่งอยู่ในการ กำกับดูแลของ นายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัดและกระทรวงมหาดไทย โดยมีนายกองค์การบริหารส่วน ตำบลเป็นผู้บริหาร สูงสุด มีภารกิจอำนาจหน้าที่ภายใต้ระเบียบ กฎหมาย ข้อบังคับ และมติ ครม. ที่ เกีย่ วข้อง ต่อมาได้ยกฐานะเป็น เทศบาลตำบลควนศรี ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2556 โดยปจั จุบันมนี ายกธีระ โพธิเ์ พชร ดำรงตำแหนง่ นายกเทศมนตรี ปจั จบุ นั เทศบาลตำบลควนศรีมี 8 หมบู่ ้าน ประกอบไปด้วย

หมทู่ ่ี 1 บ้านควนมหาชัย หมทู่ ่ี 2 บ้านควนศรี หม่ทู ่ี 3 บา้ นโคกเหรยี ง หมทู่ ่ี 4 บ้านวงั ใหญ่ หมทู่ ่ี 5 บ้านมอเก็ต หมทู่ ี่ 6 บา้ นควนเนยี ง หมู่ที่ 7 บา้ นควนพรพุ ี หมทู่ ่ี 8 บา้ นควนวัด 8. โครงสร้างของชุมชน - ดา้ นการปกครอง เป็นการบรหิ ารราชการสว่ นท้องถิน่ (รปู แบบทัว่ ไป)มีเทศบาลตำบล 1 แหง่ ประกอบด้วย 8 หมู่บา้ น โดยได้รบั การจดั ต้งั ขน้ึ เปน็ องค์การบริหารส่วนตำบล ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 23 กมุ ภาพันธ์ 2540 ซ่ึงอยู่ในการกำกับดูแลของ นายอำเภอ ผู้ว่าราชการจงั หวดั และกระทรวงมหาดไทย โดยมี นายกองค์การบรหิ ารสว่ นตำบลเป็นผ้บู รหิ าร สูงสุด มีภารกจิ อำนาจหน้าที่ภายใตร้ ะเบยี บ กฎหมาย ขอ้ บงั คบั และมติ ครม. ท่ีเกยี่ วขอ้ ง ต่อมาได้ยกฐานะเป็น เทศบาลตำบลควนศรี ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันท่ี 6 กนั ยายน 2556 โดยปจั จุบนั มีนายกธีระ โพธเ์ิ พชร ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรี - ด้านประชากร มีประชากรท้ังส้นิ 4,834 คน 1,487 หลงั คาเรอื น แยกเป็นชาย 2,372 คน คดิ เป็นร้อยละ 49.06 หญิง 2,462 คน ตารางที่1 จำนวนประชากรและจำนวนครัวเรือนจำแนกตามหมู่บา้ น หมทู่ ่ี ชื่อหมู่บ้าน หลังคาเรือน ประชากร รวม ชาย หญงิ 1 บ้านควนมหาชยั 192 380 352 732 2 บ้านควนศรี 226 326 335 661 3 บา้ นโคกเหรยี ง 185 322 328 650 4 บ้านวงั ใหญ่ 201 336 354 690 5 บ้านมอเกต็ 164 109 202 311 6 บ้านควนเนยี ง 98 118 132 250 7 บา้ นควนพรุพี 265 303 567 870 8 บ้านควนวดั 156 350 320 670 รวม 1,487 2,244 2,590 2,834

- ด้านการศึกษา (1.) โรงเรียนประถมศึกษา จำนวน 3 แห่ง ประกอบไปด้วย โรงเรียนบ้านควนมหาชัย โรงเรียนวัดควนศรี โรงเรียนบา้ นควนพรุพี (2.) ทอ่ี า่ นหนงั สอื พมิ พ์ประจำหมู่บ้าน/ห้องสมดุ ประชาชน จำนวน 3 แหง่ (3.) ศูนย์พฒั นาเด็กเล็กประจำตำบล จำนวน 1 แหง่ - ด้านศาสนา มอี งค์กรทางศาสนา ไดแ้ ก่ วัด จำนวน 1 แหง่ คอื วัดควนศรี 9. โครงสร้างดา้ นเศรษฐกจิ และอาชพี 9.1.การเกษตร สว่ นใหญป่ ระกอบเกษตรกรรม เชน่ ทำสวนยางพารา สวนปาล์ม ปลูกผัก ผลไม้ เลย้ี งปลา ในกระชงั คา้ ขาย รบั จ้าง ธรุ กิจส่วนตวั และทำงานในโรงงานอตุ สาหกรรม ทงั้ น้ีการประกอบอาชีพยังต้อง พ่งึ พาอาศยั ธรรมชาติเปน็ ส่วนใหญ่ เน่อื งจากอาชีพโดยส่วนใหญ่ของประชาชนในตำบลควนศรีเป็นอาชีพ ที่ยึดเอาทรัพยากรธรรมชาติเป็นวัตถุดิบเป็นสำคัญ สำหรับอาชีพนอกภาคเกษตรกรรม ได้แก่ การรับจ้าง และการค้าขาย ซึ่งการรับจ้างเป็นการรับจ้างแรงงานภายในตำบลและตำบลใกล้เคยี ง สำหรับการค้าขาย เป็นไปตามลักษณะการขายของเบ็ดเตล็ดภายในหมู่บ้าน หรือรับซื้อผลผลิตทางเกษตรภายในตำบล และ ตำบลใกลเ้ คยี งมาจำหนา่ ย 9.2.การประมง มีประชาชนบางส่วนมีอาชีพทำประมงจับปลา จากแหล่งแม่น้ำตาปี และมีการ เล้ียงปลาในบอ่ อาทิเช่น ปลาดุก หอย เปน็ ต้น 9.3.การปศุสัตว์ มีกลุ่มอาชพี เลี้ยงไกไ่ ข่ ไก่พนื้ เมือง เป็นอาชีพเสรมิ 9.4.การพาณชิ ย์และกลมุ่ อาชพี ส่วนใหญ่ประกอบเกษตรกรรมเช่นทำสวนยางพารา สวนปาล์ม ปลกู ผัก ผลไม้ เล้ียงปลา ในกระชัง คา้ ขาย รับจา้ ง ธรุ กจิ ส่วนตวั และทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม ทง้ั นี้การประกอบอาชพี ยังต้อง พึ่งพาจากธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากอาชีพโดยส่วนใหญ่ ของตำบลควนศรีเป็นอาชีพที่ยึดเอา ทรพั ยากรธรรมชาติเปน็ วตั ถดุ บิ เปน็ สำคัญ สำหรับอาชีพนอกภาคเกษตรกรรม ได้แก่ การรับจ้างและการค้าขาย ซึ่งการรับจ้างเป็น การรับจ้างแรงงานภายในตำบลและตำบลใกล้เคียง สำหรับการค้าขายเป็นไปตามลักษณะการขายของ เบ็ดเตล็ดภายในหมูบ่ ้าน หรือรบั ซ้อื ผลผลิตทางเกษตรภายในตำบล และตำบลใกลเ้ คยี งมาจำหนา่ ย

10. ความเชื่อ ประเพณแี ละพธิ ีกรรม พ่อท่านคงแก้ว ท่านเป็นบุคคลที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัดในด้าน ครอบครัวหรือเครือญาติ รู้เฉพาะท่านมีนามว่า คงแก้ว เป็นภิกษุ ในฐานะสมภารวัดควนศรีในอดีตซึ่งวัด ควนศรี เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่ยุคศรีวิชัยแต่ไม่ทราบนามเดิมของวัด ท่านเป็นผู้สร้างวัดพร้อมกับตาปะขาว สหายผู้ร่วมสร้างวัด ปัจจุบันวัดควนศรีตั้งอยู่ที่หมู่8 ต.ควนศรี อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี พ่อท่านคง แก้วมีศิษย์เอกที่เป็นฆาราวาสขมังเวทย์อยู่สองคน คือ ตาสุด ศิษย์ผู้เป็นเลิศทางปัญญามักนุ่งขาวห่มขาว ตาคง ศิษย์ผู้เป็นเลิศทางอิทธิฤทธิ์ปาฎิหาริย์มักใช้ผ้าขาวม้าพันคอ ท่านทั้งสองมักแสดงอภินิหารให้ ประจักษ์แก่สายตาผู้คนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจุบัน แสดงให้เห็นว่า พ่อท่านคงแก้วครั้งยังดำรงกายสังขารอยู่ คงเปยี่ มด้วยบุญฤทธส์ งู ส่ง อนั เป็นอาจารย์ของศิษยเ์ อกทั้งสอง ทา่ นอยู่ในยคุ ทม่ี สี งครามพมา่ และมรณภาพ ลงในช่วงนั้นซึ่งมิอาจจะทราบข้อมูลที่ชัดเจนได้มากนัก 100 ปีเศษมาแล้ว ชาวบ้านควนศรีหนีโรคฝีดาษ ซงึ่ ชาวบา้ นอพยพผูกแพหนีออกจากพืน้ ท่ีมากมาย และเหตุการณ์ประหลาดก็มาถึง เมื่อมีคนตาบอดพิการ ที่ไม่สามารถเดินได้เกิดอาการประทับทรงวิ่งฝ่าความมืดท่ามกลางแมกไม้ป่าในอดีตไป ณ ใต้ต้นไทร ชาวบ้านแตกตื่นวิ่งตามไป ชายชราในอาการประทับทรงจึงพูดขึ้นว่า พ่อชื่อคงแก้ว เป็นอดีตสมภารวัดนี้ ในอดีต ไม่ต้องหนีไปไหน ให้สร้างวัดขึ้น ณ ที่แห่งนี้ พ่อจะช่วยรักษาโรคเอง หลังจากเกิดเหตุการณ์น้ัน ชาวบ้านจึงถากถาง ณ โคนไทรมีพระพุทธรปู หินศิลาแลงลักษณะพระกรหักสองข้าง และพระศอ เอว หัก ไป มีรากไทรโอบอยู่หน่าแน่น และทราบว่านั้นคอื พระพุทธรปู ตวั แทนแห่งพ่อท่านคงแก้วนอกจากนี้ยังพบ พระพุทธรูปอีกมากมาย และแบบแตกหักก็มีอยู่มาก พบร่องรอยซากเก่าของวัด ชาวบ้านจึงถมซากเก่า สร้างวัดขึ้น ณ บนซากเก่า หลังจากนั้นโรคฝีดาษก็หายขาดไปจากหมู่บ้านทำให้ชาวบ้านไม่ต้องอพยพไป ไหนอีก พระพทุ ธรูปนี้ชาวบา้ นไดร้ วบรวมไว้ในศาลาอดีตต้ังอย่ภู ายในสวยยางพาราของวดั ภายหลังมีการ ปลูกมณฑปขึน้ จึงเคล่ือนย้ายมาไวใ้ นบรเิ วณวดั ประเพณีงานเดือน 4 เป็นประเพณีประจำปีโดยชาวตำบลควนศรีให้ความสำคัญในการจัดงานวัด เปน็ ประจำทุกปีเพือ่ เปน็ การบวงสรวง พ่อท่านคงแก้ว ในทกุ ปี โดยต้องมีมโนราห์มารำแกบ้ นในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 4 และ ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 เรียกว่า โนราห์พ่อท่าน โดยต้องมีมโนราห์ 2 โรงรำแข่งกันประชาชน ชมโรงไหนมากใหถ้ ือวา่ โรงนนั้ ชนะและรำเงินรางวัลไปพเิ ศษนอกเหนือจากคา้ จ้าง ในชว่ งเวลากลางคืนจะ มกี ารแสดงหนังตะลงุ เพอื่ ถวายพอ่ ท่านคงแก้วและเป็นการแสดงเพ่ือความบนั เทิงให้กับชาวตำบลควนศรี ประเพณีสารทเดือนสิบ วันสารทเดือนสิบ หรือภาษาท้องถิ่นเรียกว่า “วันชิงเปรต” นั้น ในเดือนสิบ (กันยายน) คือ การทำบญุ กลางเดอื นสิบ เพอื่ นำเครื่องอปุ โภคและเครื่องบรโิ ภคไปถวายพระ อทุ ิศส่วนกุศล แก่บรรพบุรุษของตน ประเพณีนี้เป็นความเชื่อของพุทธศาสนิกชน ที่เชื่อว่าบรรพบุรุษอันได้แก่ ปู่ ย่า ตา ยาย และญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว หากทำความชั่วจะตกนรกกลายเป็นเปรต ต้องทนทุกข์ทรมานใน อเวจี และจะตอ้ งอาศัยผลบญุ ท่ีลูกหลานอุทิศส่วนกศุ ลใหแ้ ตล่ ะปีมายังชพี ดังน้นั ในวันแรม 1 ค่ำ เดือนสิบ เปรตจึงถูกปล่อยตวั กลบั มายังโลกมนุษย์ เพือ่ มาขอส่วนบญุ จากลกู หลานญาติพ่ีนอ้ ง และจะกลบั ไปนรกใน

วันแรม 15 ค่ำ เดือนสิบ ในโอกาสนี้เองลูกหลานและผู้ยังมีชีวิตอยู่จึงนำอาหารไปทำบุญที่วัด เพื่ออุทิศ สว่ นกศุ ลให้แก่ผู้ท่ีล่วงลบั ไปแล้ว เปน็ การแสดงความกตัญญกู ตเวทใี นงานบญุ สารทเดอื นสิบ ขนมเดอื นสบิ จดั ขน้ึ โดยเฉพาะใชใ้ นโอกาสทำบุญเดอื นสิบ ท่จี ำเป็นมี 5 อย่างคือ (1.) ขนมลา เป็นสัญลักษณแ์ ทนเสือ้ ผ้า เคร่ืองนงุ่ ห่ม (2.) ขนมพอง เปน็ สัญลักษณ์แทนแพ สำหรบั ญาติผู้ลว่ งลบั ใช้เดินทาง (3.) ขนมกง ( ขนมไขป่ ลา ) เปน็ สญั ลักษณ์แทนเครอื่ งประดบั (4.) ขนมเจาะรหู รอื ขนมเจาะหูหรือขนมเบซำ เปน็ สัญลกั ษณแ์ ทนเงินสำหรับใช้จ่าย (5.) ขนมบ้า เป็นสัญลักษณ์แทนสะบ้า สำหรับใช้เล่นสะบ้าในวันสงกรานต์ในวันแรม 1 ค่ำเดือน 10 ชาวบา้ นจดั ภตั ตาหารไปทำบญุ ที่วดั ชาวบ้านเรียกวนั น้ีว่าวันชิงเปรตเปน็ วนั ที่ยมบาลเปิดนรก ปลอ่ ยเปรตชนมาเยย่ี มลกู หลาน ลูกหลานกท็ ำบุญตอ้ นรบั คร้ังหนึ่งในวันแรม 15 คำ่ เดอื น 10 เรียกวา่ “วัน ส่งเปรต” เปน็ วันทเ่ี ปรตชนตอ้ งกลับยมโลก ลกู หลานก็ทำบญุ เล้ยี งสง่ อกี ครัง้ ประเพณีงานเดือนสิบเอ็ด ประเพณีชักพระ - ทอดผ้าป่าหน้าบ้าน และแข่งเรือยาว จังหวัดสุ ราษฎร์ธานี เป็นประเพณีสำคัญกระทำในวันออกพรรษา ตรงกับวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ ของทุกปี จัด บริเวณริมเขื่อนแม่น้ำตาปี และสะพานนริศ อําเภอเมืองฯ จังหวัดสุราษฎร์ธานี สถานที่และแหล่งปฏิบัติ คือ ๑๙ อำเภอ ของจังหวัดสรุ าษฎร์ธานี ในแตล่ ะปจี ะมีเรอื พระจากท้องที่อำเภอตา่ ง ๆ จำนวนไมน่ อ้ ยกว่า ๒๐ ลำ มาจอดเรียงรายบริเวณริมแม่น้ำตาปี ชุมชนบ้านดอน อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อให้ ชาวบ้านมานำปัจจัยมาใส่ในตู้บนเรือพระที่วัดจัดเตรียมไว้ เป็นการทำบุญที่เชื่อกันว่า \"ทำบุญร้อยวัด ใน วันเดียว\" ประเพณีนี้เป็นมรดกทางวัฒนรรมประเภท แนวปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรม ประเพณี และงาน เทศกาล ที่แฝงไปด้วยคุณค่า จารีต และขนบนิยมที่ดีงาม มีประเพณีย่อย ๓ ส่วน คือ ชักพระ ทอดผ้าป่า หน้าบา้ น และแข่งเรอื ยาว วัดควนศรีมีการส่งเรือพระเข้าร่วมงานประเพณีชักพระเป็นประจำทุกปี ซึ่งในปี พ.ศ. 2561 วัด ควนศรีได้รับรางวัลที่ 1 ประเภทขบวนนางรำขบวนลากพระและได้รับรางวัลชมเชยเรือพระประเภท สวยงาม 11.สถานท่สี ำคัญ วัดควนศรี เดิมชื่อ \"วัดควนศรีแก้วประเสริฐ\" ชาวบ้านเรียก วัดควน เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่ยุคศรี วิชัย วัดควนศรีเป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกายตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 8 ตำบลควนศรี อำเภอบ้านนาสาร จังหวดั สรุ าษฎรธ์ านี ตัง้ วัดเมอื่ พ.ศ. 2435 รบั วสิ งุ คามสีมาเม่ือ 20 กันยายน พ.ศ. 2542 เดิมเป็นวัดร้างมี แคซ่ ากปรักหกั พงั มกี ารบรู ณฟน้ื ฟแู ละขึน้ ทะเบียนวดั ในปพี .ศ. 2474 มกี ารฝังลกู นมิ ิตครัง้ แรก พ.ศ.2544 ฝงั ลูกนิมิตครั้งท่ี 2 ซึ่งวัดควนเป็นสถานท่ยี ดึ เหน่ยี วจิตใจของชาวตำบลควนศรี 12. การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม

สังคมไทยก็เหมือนกับสังคมมนุษย์ทั้งหลายในโลกที่ไม่หยุดอยู่นิ่งๆ หากมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ ตลอดเวลา ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับสังคมอื่นๆ ในระดับเดียวกันแล้ว ก็อาจกล่าวได้ว่า มีการเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็วจนคนส่วนใหญ่ ในสังคมปรับตัวเองไม่ทัน จนเกิดปัญหาทาง วัฒนธรรมที่ต้องมีการแกไ้ ขกัน ตลอดมา ทั้งนี้ก็เพราะแต่เดิม สังคมไทยเป็นสังคมเกษตรกรรม ประชาชนส่วนใหญ่อยู่ในชนบทที่มีการทำ นา และการเพาะปลกู เป็นอาชีพหลัก การผลิตแตเ่ ดิม กเ็ ปน็ แตเ่ พยี งให้พอมีพอกิน ไมไ่ ดผ้ ลติ อยา่ ง ใหญ่โต เพ่ือส่งออกไปคา้ ขายกับตา่ งประเทศ จึงไมม่ คี วามจำเป็นในการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีแตอ่ ยา่ งใด แต่ใน ปจั จุบันสังคมเปลี่ยนมาเป็นสังคมอตุ สาหกรรม ท่ีม่งุ หวงั ผลติ สิง่ ตา่ งๆ เพอ่ื ส่งออกไปขายนอกประเทศ การ ผลิตผลิตผลทางการเกษตร ซึ่งแต่เดิมผลิตเพื่อเลี้ยงตัวเอง ด้วยเทคโนโลยีง่ายๆ แบบดั้งเดิม ก็เปลี่ยนมา เป็นการผลิตเป็นจำนวนมากโดยอาศัยเทคโนโลยี ที่ก้าวหน้าทันสมัยเข้ามาช่วย มีการลงทุน และการใช้ ที่ดิน อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะการใช้ที่ดินก็มีการขยายเขตการเพาะปลูกพืชพันธุ์นานาชนิด ไปตาม บริเวณต่างๆ โดยเฉพาะที่ดอน และที่ตามป่าเขา ก่อให้เกิดการรุกล้ำป่าสงวน และการทำลาย สภาพแวดล้อมอย่างกว้างขวาง การผลิตแบบที่เป็นแบบเกษตรอุตสาหกรรมที่ ชาวบ้านธรรมดาทั่วไปซ่ึง ไม่มีศักยภาพทั้งใน ด้านเงินทุน กำลังคน และเทคโนโลยี จะทำได้ จึงเป็นเรื่องของบุคคลร่ำรวยที่เป็น นายทนุ สิ่งที่ควบคู่กันไปกับการเกษตรอุตสาหกรรมคือ การขยายตัวทางอุตสาหกรรม เกิดโรงงาน อุตสาหกรรมที่นำทรัพยากรต่างๆ ของประเทศ มาผลิตสินค้าประเภทต่างๆ อย่างมากมาย ทำให้เกิดย่าน อุตสาหกรรม และย่านพาณิชยกรรมขึ้นตามเมืองต่างๆ ทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาคมากมาย เหล่านี้ ล้วนมีผล ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานของผู้คน ในท้องถิ่นต่างๆ อยู่ตลอดเวลา มีทั้งการย้ายจากถ่ิน หนึ่ง ไปอีกถิ่นหนึ่ง เช่น ในภาคอีสานไปอยู่ ทางภาคกลาง และภาคใต้ เป็นต้น กับการย้ายจากท้องถิ่นใน ชนบท เข้ามาทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม หรือทำงานเป็นกรรมกรในเมือง ซึ่งการเคลื่อนย้ายถิ่นฐาน ดังกล่าวนี้ มีผลกระทบทางสังคม และวัฒนธรรมของผู้คนที่อยู่ในชนบท และในเมืองเป็นอย่างมาก ใน สังคมชนบทนั้น แต่เดิมอยู่กันอย่างเรียบง่าย ในกรอบของประเพณี ที่มีจารีต และขนบธรรมเนียมท้องถนิ่ คอยควบคุม ใหผ้ คู้ นอยู่กันอย่างสงบสุข ปจั จุบัน เมือ่ คนรุน่ หนุ่มสาวยา้ ยออกไปทำงานท่ีอน่ื โดยเฉพาะผู้ที่ เป็นหัวหน้าครอบครัวขาดหาย ไปเป็นเวลาหลายๆ เดือน ทำให้สภาพครอบครัวขาดความสมบรู ณ์ เด็กไม่ มีความอบอุ่น ในขณะที่คนรุ่นใหม่ ก็หมดความเชื่อถือในความรู้ความสามารถ ต่อการเป็นผู้นำของคนรุ่น ก่อน เพราะตนได้เล่าเรียนความรู้ใหม่ๆ จากในเมือง มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ พร้อม กันนั้นก็รับเอาความทนั สมัยหลายๆ อย่างมาจากภายนอก จึงทำให้หมดความเลือ่ มใส และเชื่อถือ ในสิ่งท่ี เป็นจารตี และประเพณีของท้องถ่ิน ทีเ่ คยมีบทบาทในการสร้าง และควบคุมความสัมพันธ์ทางสังคม ความ ขดั แย้งจงึ เกิดขน้ึ เรือ่ ยๆ โดยเฉพาะในบางแห่งที่มีกลุ่มชนกลุ่มใหม่เข้าไปขยายท่ีทำกิน และตงั้ ถิน่ ฐาน จน ทำให้ เกิดลักษณะบ้านแบบใหม่ๆ เช่น บ้านจัดสรร ขึ้น นั้น เกือบจะทำให้ความเป็นสังคมท้องถิ่นแต่เดิม ล่มสลายลงไปก็ว่าได้ ทั้งนี้เพราะคนใน ท้องถิ่นปรับตัวไม่ทัน ความเรียบง่าย และการอยู่ร่วมกัน ที่ไม่มี ความแตกตา่ งในเร่ืองของชนช้นั กห็ มดไป สังคมใหมท่ ่เี กิดขึน้ ในทกุ วันนี้ เป็นสงั คมท่ีซับซ้อนแบบมีชนช้ัน และความร้สู กึ ในเรื่องการเปน็ ปัจเจกบคุ คล ก็มปี รากฏทัว่ ไป ในชนบท

เมื่อสรุปเป็นภาพรวมของการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และวัฒนธรรในขณะนี้ ก็อาจกล่าวได้ว่า การเปลี่ยนแปลงจากสังคมเกษตรกรรม มาเป็นสังคมอุตสาหกรรมก็ดี หรือการเปลี่ยนแปลงจากสังคม ชาวนา มาเป็นสังคมกรรมกรก็ดี เป็นไปในลักษณะ ที่ผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมปรับตัวไม่ทัน เพราะเป็นการ เปลี่ยนแปลงจากสังคม ที่มีค่านิยมทางวัฒนธรรมที่เน้นการทำตัวเองให้กลมกลืนกับ จักรวาล และการ สรา้ งดุลยภาพระหวา่ งความตอ้ งการทางวัตถุ กับทางจิตใจ ที่มีผลทำใหผ้ คู้ น ต้องพ่งึ พากันเอง และรว่ มมือ กันอนุรักษ์ทรัพยากร และสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ มาเป็นสังคมสมัยใหม่ ที่มีแต่ความต้องการทาง วัตถุและ การเป็นปัจเจกบุคคล แล้วสร้างค่านยิ มทางวัฒนธรรม ที่เน้นการควบคมุ จักรวาลแทน ผลที่เห็น ในปจั จบุ นั ก็คอื การใชเ้ ทคโนโลยีทาง วทิ ยาศาสตร์เพ่ือการผลิตผลิตผลทางเศรษฐกิจ จนเกินความจำเป็น ทำใหท้ รัพยากรธรรมชาติ และสภาพแวดล้อมธรรมชาติทพ่ี อจะเหลือไว้ ให้คนในรนุ่ หลังๆ ไดด้ ำรงอยูอ่ ย่าง ราบรน่ื นัน้ หมดสิ้นไปโดยไม่จำเปน็ 13. การดำเนินงานโครงการยกระดบั เศรษฐกจิ และสงั คมรายตำบลแบบบรู ณาการ 13.1. ชื่อโครงการ/กิจกรรมในการดำเนินการ (เน้นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาสัมมาชีพ และสร้างอาชีพใหม่ (การยกระดับสนิ ค้า OTOP/อาชีพอน่ื ๆ) การสร้างและพัฒนา Creative Economy (การยกระดับการทอ่ งเท่ียว) การนำองค์ความรไู้ ปชว่ ยบริการชุมชน (Health Care/เทคโนโลยีด้านต่างๆ) และการส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อม/Circular Economy (การเพิ่มรายได้หมุนเวียนให้แก่ชุมชน) ให้แก่ ชุมชน) โครงการ \"ส่งเสริมเศรษฐกิจ แหล่งท่องเที่ยวและผลิตภัณฑ์ในชุมชนตำบลควนครี อำเภอ บา้ นนาสาร จังหวดั สุราษฎรธ์ านี โดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทลั \" Project \"Promoting the economy, tourist attractions, and local products in the Khuan Si community at Ban Na San District, Suratthani Province, by using innovation and digital technology \" 13.2. วัตถุประสงคข์ องโครงการ/กจิ กรรมในการดำเนินการ (1.) เพอื่ ยกระดบั สนิ ค้า ผลิตภณั ฑช์ ุมชน และสินค้า OTOP ของตำบลควนศรี (2.) เพอ่ื ยกระดับแหลง่ ทอ่ งเท่ยี ว และส่งเสรมิ การท่องเท่ียวเชิงอนรุ กั ษส์ ิ่งแวดล้อมชุมชน โดย ชมุ ชน เพ่ือชุมชน ตำบลควนศรี (3.) เพื่อพัฒนาสัมมาชพี ใหม่ สรา้ งอาชพี และสรา้ งรายได้ให้แก่คนในชมุ ชน ตำบลควนศรี (4.) เพือ่ ถา่ ยทอดองคค์ วามรูด้ า้ นเทคโนโลยี การใช้สอื่ ออนไลน์และโซเซียล ให้มี ประสิทธิภาพ 13.3. ประเภทกจิ กรรมทจ่ี ะเขา้ ไปดำเนินการในพนื้ ท่ี (ระบรุ อ้ ยละของกิจกรรม) (1.) การพฒั นาสมั มาชีพและสร้างอาชีพใหม่ (การยกระดบั สนิ ค้า OTOP/อาชพี อ่ืนๆ) คิดเป็นรอ้ ยละ 45 ของกจิ กรรมทัง้ หมด

(2.) การสรา้ งและพัฒนา Creative Economy (การยกระดบั การทอ่ งเทีย่ ว) คดิ เป็นร้อยละ 30 ของกจิ กรรมทง้ั หมด (3.) การนำองค์ความรไู้ ปช่วยบรกิ ารชมุ ชน (Health Care/เทคโนโลยดี ้านต่างๆ) คิดเป็นรอ้ ยละ 15 ของกิจกรรมท้ังหมด (4.) การส่งเสริมดา้ นสง่ิ แวดล้อม/Circular Economy (การเพิ่มรายไดห้ มุนเวยี นให้แก่ ชมุ ชน) คิดเปน็ ร้อยละ 10 ของกิจกรรมท้งั หมด 13.4. รูปแบบกิจกรรมที่จะเข้าไปดำเนินการในพ้นื ท่ี (1.) การจ้างงานตามภารกจิ ตา่ ง ๆ ของมหาวิทยาลัย จำนวน 20 อตั รา งบประมาณ 2,640,000 บาท (2.) การวเิ คราะห์ข้อมูลศักยภาพตำบล การกำกับ ตดิ ตามและประเมินผล ระดับ National System Integrator งบประมาณ 25,800 บาท (3.) การวิเคราะห์ขอ้ มูลศักยภาพตำบล การกำกับ ติดตามและประเมนิ ผล ระดบั Regional System Integrator งบประมาณ 34,400 บาท (4.) การสนบั สนนุ การดำเนินกจิ กรรมของโครงการรายตำบล (ระดบั System Integrator) งบประมาณ 43,000 บาท (5.) เพื่อยกระดับสนิ ค้า ผลิตภณั ฑช์ มุ ชน และสินค้า OTOP ของตำบลควนศรี โดยใช้ ดจิ ิตอลในการส่อื สาร งบประมาณ 141,920 บาท (6.) เพือ่ ยกระดับแหลง่ ทอ่ งเท่ยี ว และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชงิ อนรุ กั ษ์สิ่งแวดล้อมชมุ ชน โดย ชมุ ชน เพ่ือชุมชน ตำบลควนศรี งบประมาณ 263,380 บาท (7.) เพือ่ พัฒนาสัมมาชพี ใหม่ สร้างอาชีพและสร้างรายได้ให้แก่คนในชมุ ชน ตำบลควนศรี งบประมาณ 182,700 บาท (8.) เพอื่ ถา่ ยทอดองค์ความรูด้ า้ นเทคโนโลยี การใช้สอ่ื ออนไลนแ์ ละโซเซียล ใหม้ ี ประสทิ ธิภาพ งบประมาณ 108,300 บาท 13.5. ผลผลติ และผลลัพธข์ องโครงการ/กจิ กรรมในการดำเนินการ (อธบิ ายถงึ ผลผลิตและผลลพั ธ์ ทเ่ี กยี่ วข้องกับการยกระดบั สินคา้ OTOP /การยกระดบั การทอ่ งเท่ียวการบรกิ ารชุมชน หรือการเพ่ิมรายได้ รูปแบบอนื่ ให้แก่ชุมชน ที่มีความชัดเจน ทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคณุ ภาพ) (1.) เชิงปริมาณ

1.1) จำนวนผเู้ ข้าร่วมโครงการ (ผรู้ ับการถา่ ยทอดความรู้) รวมท้ังส้ิน 120 คน ประกอบดว้ ย - ผู้รับการถ่ายทอดเพื่อยกระดับสินค้า ผลิตภัณฑ์ชุมชน และสินค้า OTOP ของตำบลควนศรี จำนวน 40 คน ตอ่ รนุ่ จดั ท้ังหมด 3 รนุ่ รวมท้งั ส้นิ 120 คน - เพื่อยกระดับแหล่งท่องเที่ยว และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ส่ิงแวดลอ้ มชุมชน โดยชมุ ชน เพอ่ื ชุมชน ตำบลควนศรี จำนวน 40 คน ต่อรนุ่ จัดทั้งหมด 3 ร่นุ รวมทั้งส้ิน 120 คน - พฒั นาสมั มาชีพใหม่ เพอื่ สร้างอาชพี และสรา้ งรายได้ให้แก่คนในชุมชน ตำบลควนศรี จำนวน 40 คน ต่อรนุ่ จัดทั้งหมด 2 รนุ่ รวมท้งั สนิ้ 80 คน - เพอ่ื ถ่ายทอดองคค์ วามร้ดู า้ นเทคโนโลยี การใช้สอื่ ออนไลนแ์ ละโซเซียล ใหม้ ีประสิทธภิ าพ จำนวน 40 คน ตอ่ รนุ่ จดั ท้งั หมด 2 รนุ่ รวมทง้ั สิ้น 80 คน (หมายเหต:ุ 1 คน สามารถรับการถ่ายทอดไดม้ ากกวา่ 1 เร่อื ง) - จำนวนครัง้ ทด่ี ำเนินโครงการ/กิจกรรม 10 ครงั้ - ผูเ้ ขา้ รว่ มโครงการอยใู่ นกระบวนการครบถว้ นตงั้ แต่เร่ิมตน้ จนถึงสิ้นสดุ อย่างนอ้ ย 60-80% (2.) เชิงคณุ ภาพ 2.1) ผูเ้ ขา้ รว่ มโครงการมีความพงึ พอใจในกระบวนการจัดโครงการ/กจิ กรรม ร้อยละ 60-80 2.2) ผู้เขา้ รว่ มโครงการมีความรู้ความเขา้ ใจ และสามารถประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยี ได้ หลงั การอบรม รอ้ ยละ 60-80 2.3) ผู้เข้ารว่ มโครงการสามารถต่อยอด และถา่ ยถอดองคค์ วามรูท้ ไ่ี ดร้ บั การ ถ่ายทอดใหก้ ับบคุ คลอืน่ ได้ 2.4) มีผลิตภัณฑช์ ุมชน มตี ลาดชุมชน และมีแหลง่ ท่องเที่ยวเชิงอนุรกั ษ์ ส่งิ แวดล้อมเพิ่มขึ้นในชมุ ชน 14. การพัฒนาสัมมาชีพและสรา้ งอาชพี ใหม่ (การยกระดับสินค้า OTOP/อาชีพอืน่ ๆ) การยกระดบั ผลติ ภณั ฑ์ทองม้วนกะทิสดแปรรูปปลานำ้ จดื , สบจู่ ากเปลือกมังคดุ ให้เป็นผลติ ภัณฑ์ OTOP ผลติ ภณั ฑ์มีความต้องการตรงกบั ตลาด และมกี ารเพ่ิมมลู ค่าใหผ้ ลิตภณั ฑ์ทำใหเ้ ปน็ ท่รี ู้จักเพิ่มมาก ขึน้ ชาวบ้านในชุมชนมีรายได้เพ่ิมมากขึ้น กลมุ่ ผู้ผลติ ผลิตภัณฑ์มศี กั ยภาพเพิม่ ขึน้ สามารถสร้างเครอื ข่ายความรว่ มมือไดเ้ ข้มแข็ง และ กวา้ งขวางมากข้ึน

15. การสร้างและพัฒนา Creative Economy (การยกระดับการท่องเท่ียว) 15.1. การส่งเสรมิ การท่องเทีย่ วเชิงวัฒนธรรม การเรยี นรูป้ ระเพณีท่ีสำคญั ในชมุ ชน การสง่ เสรมิ การท่องเท่ียวเชิงวฒั นธรรมวดั ควนศรี เปน็ แหล่งเรยี นรูใ้ นชมุ ชน พึ่งตนเองไดอ้ ย่างย่ังยนื ด้วยวถิ ีชีวติ และให้เป็นแหล่งเรยี นรู้ อนุรักษ์ ศลิ ปวฒั นธรรม 15.2. ส่งเสรมิ การท่องเที่ยงเชงิ อนรุ ักษ์ส่งิ แวดลอ้ ม การพฒั นาสระทงุ่ ค้อ นักทอ่ งเท่ียวเพ่ิมมากข้ึนและเป็นการเผยแพร่ประชาสมั พันธ์ใหแ้ พรห่ ลายทำให้ชาวบา้ นในชมุ ชน มีรายไดแ้ ละมีอาชพี เสริม สร้างสิ่งแวดล้อมท่ีดี เพิ่มพน้ื ท่ีสีเขียวให้กบั ชุมชน 16. การนำองคค์ วามรู้ไปชว่ ยบรหิ ารชุมชน (Health Care/เทคโนโลยีดา้ นต่างๆ) 16.1. การทำแยมมังคุด เดิมมังคุดเปน็ ผลไม้ที่คนในชุมชนมักจะนำเปลือกมาทำเป็นสบู่ ส่วนเน้ือของมงั คุดคนในชมุ ชน มักจะนำมารบั ประทาน ทางวศิ วกรไดเ้ ล็งเหน็ ถงึ ความสำคัญของมงั คดุ เพราะมังคดุ เปน็ ผลไมท้ ่ีสามารถ นำมาแปรรปู เปน็ อาหารไดห้ ลากหลาย วศิ วกรจึงเลือกในสว่ นของเนอื้ เพ่อื ท่จี ะนำเน้ือของมงั คดุ มาทำเปน็ แยมมังคดุ เพื่อสรา้ งรายไดใ้ ห้กับคนในชมุ ชน และสรา้ งแพ็คแกท็ ท่ดี ึงดูดความสนใจของผู้บริโภค และสาร มารถสร้างรายได้ใหก้ ับคนในชุมชนและเปน็ การนำวัตถุดิบในพ้ืนทม่ี าใชใ้ ห้เกดิ ประโยชนม์ ากขึน้ 16.2. การส่งเสริมอาชพี การทำกมั มีเ่ งาะ การทำกำมี่ถอื เปน็ อกี อาชีพหน่งึ ทช่ี าวควนศรีเลือกเพอ่ื หารายได้ ในการเพมิ่ รายไดจ้ ากเดมิ เพราะ โดยส่วนมากน้ันชาวตำบลควนศรที ำอาชีพเกษตรกร ปลูกเงาะ ปลูกผลไม้ ซึ่งเราจะเหน็ ได้วา่ เดมิ ชาวบา้ น เก็บผลเงาะสดไปขายอยา่ งเดยี ว ทางวศิ วกรสงั คม ตำบลควนศรจี งึ เห็นความสำคญั มีการวางแผนจัด กิจกรรมอบรมความรู้เพือ่ เพิ่มมลู ค่าให้กับเงาะโดยไดเ้ ชญิ วทิ ยากรทม่ี คี วามรูท้ างดา้ นการแปรรูปผลไม้ มา ใหค้ วามรูใ้ นการนำเงาะมาแปรรปู เป็นกัมมี่เงาะ เพ่ือเปน็ อกี ทางเลือกใหแ้ กผ่ ู้บริโภคและเพ่ิมรายได้ให้กับ ชมุ ชนได้ และชาวบา้ นสามรถทำเป็นอาชพี เสริม เพอื่ เพ่ิมรายไดเ้ ข้ามาหมนุ เวยี นในชุมชนเพิม่ มากขึน้ 16.3. การเพาะเชื้อเห็ด ในปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจท่เี ปลีย่ นแปลงไป ทำใหห้ ลายครอบครวั ไม่สามารถท่ีจะดำรง ชีวติ ประจำวันได้ อยา่ งมคี วามสขุ เน่อื งจากมรี ายไดต้ ่อเดอื นไมส่ มดลุ กบั รายจ่าย กล่าวคือ รายจ่ายทีต่ อ้ ง จา่ ยในการดำเนิน ชีวติ ประจำวัน การ\"เพาะเห็ด\" เป็นอีกหน่ึงอาชีพท่ีนา่ สนใจ สามารถสร้างรายได้ทีด่ แี ละ ยงั มีการลงทนุ ไมส่ ูง ท้ังในเร่ืองของสถานท่ีท่ใี ชก้ ไ็ มจ่ ำเป็นตอ้ งมีมาก เพยี งแค่โรงจอดรถ ในบ้านก็สามารถ บันดาลให้เป็นที่เพาะเหด็ ไดแ้ ลว้ แค่ผา่ นการอบรมในเร่อื งของการเพาะเห็ดอย่างถกู ต้องตามหลักการก็ สามารถทำการเพาะเห็ดได้ การส่งเสรมิ ให้เกษตรกร\"เพาะเชื้อเห็ด\"และ\"เพาะเห็ด\"จำหนา่ ยในท้องถ่ิน ของ ตนเอง โดยเฉพาะเหด็ ท่ีทำการเพาะในถุงพลาสติกเช่น เหด็ นางฟ้า โดยเน้นปฏบิ ตั จิ ริงมากกวา่ ทฤษฏี

เพื่อให้ ชาวเกษตรกรสามารถกลับไปประกอบอาชพี การเพาะเหด็ ดว้ ยตวั เองไดเ้ ปน็ อย่างดีดงั น้ันจึงไดม้ ีการ จดั กิจกรรม การอบรมการเพาะเหด็ โดยได้เชิญวทิ ยากรที่มคี วามรู้มาชว่ ยแนะนำ ให้ความรใู้ นเร่ืองการ เพาะเห็ด และในการอบรมครง้ั นีถ้ ือว่าประสบผลสำเร็จเป็นอยา่ งมาก เนือ่ งจากมกี ารตอบรับที่ดี และ ชาวบา้ นใหค้ วามสนใจกันอย่างมาก และชาวบา้ นได้ปฏิบัติจรงิ และเปน็ ทางเลือกในการประกอบอาชพี ทั้ง อาชพี หลกั และอาชพี เสริม เกิดการสรา้ งงาน สร้างอาชีพเสริมทำใหส้ ามารถเพิ่มรายได้ ลดรายจา่ ยใน ครวั เรือน 17. การสง่ เสริมดา้ นส่งิ แวดล้อม/Circular Economy (การเพิม่ รายไดห้ มุนเวียนให้แก่ชมุ ชน) (1.) พฒั นาชุมชนให้มีสมรรถนะในการจดั การสูง (2.) ช่วยให้เกิดการจัดการทรพั ยากรอยา่ งเปน็ ระบบ (3.) ช่วยในการสร้างสัมมาอาชพี ในพ้นื ที่ (4.) สง่ เสริมเกษตรพอเพยี งและอาหารปลอดภยั (5.) ชว่ ยจดั การวิสาหกิจชุมชน (6.) การฝึกอบรมดา้ นสังคม การปลกู ฟ้าทะลายโจรในพืน้ ท่ี ตำบลควนศรี อำเภอบา้ นนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี

คำนวณพื้นท่ี (หนว่ ย : ตารางเมตร) กวา้ ง 4 เมตร ยาว 55 เมตร คิดเป็นพน้ื ท่ีท้งั หมด 220 ตารางเมตร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook