งานวิจยั ในช้นั เรียน เรอ่ื ง การสอนซ่อมเสริม เรอ่ื ง สมการและการแกส้ มการ โดยใชแ้ บบฝกึ ทักษะสาหรบั นกั เรียนชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 6 ผู้วิจยั นางสาวนติ ยา ชินทะนา ครโู รงเรียนบ้านหนองใหญ่ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนบา้ นหนองใหญ่ สานกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 1
ชอ่ื เรอื่ ง การสอนซ่อมเสรมิ เร่ือง สมการและการแก้สมการ โดยใช้แบบฝกึ ทักษะสาหรับ นกั เรียนชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 6 ชอื่ ผู้วจิ ยั นางสาวนติ ยา ชนิ ทะนา กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ บทคัดย่อ การวจิ ยั คร้งั น้ี มีจุดมงุ่ หมายเพอื่ พฒั นาทักษะการคดิ คานวณ ในการแกป้ ญั หาสมการ โดยใช้ แบบฝึกทักษะ สาหรบั นักเรียนช้ันประถมศึกษาปที ่ี 6 ปีการศึกษา 2562 จานวนนักเรียน 11 คน ระยะเวลาท่ี ใช้ในการวิจัยทั้งส้ิน 3 เดือน โดยเริ่มทาการวจิ ยั ต้ังแตเ่ ดือน มถิ ุนายน 2562 – สงิ หาคม 2562 โดยมีการ ทดสอบก่อนใชแ้ บบฝึกทักษะและหลงั การใชแ้ บบฝึกทักษะอีกคร้ัง นาคะแนนทงั้ ก่อนและหลังการใชแ้ บบฝึก ทกั ษะมาเปรยี บเทยี บ พบว่าค่าเฉลี่ยของคะแนนหลงั เรียนสูงกวา่ ก่อนเรยี น
คานา งานวจิ ัยเรือ่ ง การสอนซ่อมเสรมิ เรือ่ ง สมการและการแกส้ มการ การแก้สมการ โดยใชแ้ บบฝกึ ทกั ษะ สาหรับนกั เรียนชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 ในสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ไดจ้ ัดทาข้นึ เพ่ือประเมินการพัฒนา ทักษะการแก้สมการให้กับนักเรยี น ผวู้ ิจัยหวงั เป็นอยา่ งย่งิ ว่าการวิจัยเรอ่ื งน้ีจะเปน็ ประโยชนต์ อ่ ผทู้ ่ีศึกษา เพ่ือ เป็นแนวทางในการพฒั นาทางดา้ นการเรียน การสอนใหม้ ีประสิทธภิ าพมากยงิ่ ขึ้น ผูว้ ิจยั นางสาวนิตยา ชนิ ทะนา ครโู รงเรียนบ้านหนองใหญ่
สารบญั หัวข้อวิจัย หนา้ ความสาคัญและทมี่ า 1 จุดมุ่งหมายของการวิจัย 1 นยิ ามศพั ทเ์ ฉพาะ 1 กรอบแนวคิดในการวิจยั 1 ประโยชนท์ คี่ าดวา่ จะไดร้ บั 2 ขอบเขตของการวิจยั 2 วิธีดาเนินการวิจยั 2 เครือ่ งมือท่ีใช้ในการวจิ ัย 2 ข้นั ตอนการดาเนนิ การ 3 วธิ กี ารวิเคราะหข์ ้อมลู 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล 5 สรุปผลการวิจยั 6 อภปิ รายผลการวจิ ัย 6 ข้อเสนอแนะในการวจิ ัย 6 เอกสารอ้างองิ 7 ภาคผนวก 8 - แบบฝึกทักษะ 9
งานวิจัยในชนั้ เรยี น 1. เรือ่ ง การสอนซ่อมเสรมิ เรื่อง สมการและการแก้สมการ โดยใชแ้ บบฝึกทักษะสาหรบั นักเรียนช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 2. ความสาคญั และท่ีมา เนือ่ งจากวิชาคณิตศาสตร์เปน็ วิชาท่ีมเี น้อื หานามธรรมเปน็ ส่วนมาก จึงยากทจ่ี ะให้นักเรียน ส่วนใหญจ่ ะเข้าใจได้อยา่ งลกึ ซึ้ง ทัง้ นีต้ อ้ งมที ักษะในหลาย ๆ ดา้ นเพื่อช่วยในการคิดคานวณ และแกป้ ัญหา เช่นเดียวกบั การแก้สมการ ซึง่ เปน็ การหาคาตอบของตวั แปร หรือตวั ไม่ทราบค่า นอกจากนกั เรยี นจะมีพ้นื ฐานความร้ทู างทักษะการคดิ คานวณ แลว้ ตอ้ ง สร้างความเข้าใจต่อคาตอบท่ีได้ว่าสมเหตุ สมผลและทาให้ ประโยคของสมการนั้นเปน็ จริงดว้ ยเหตุ น้ี ผวู้ จิ ยั จงึ ได้เล็งเห็นวา่ ทักษะการคิดคานวณในการแก้ปญั หาสมการ เปน็ เรือ่ งที่ต้องส่งเสรมิ ใหเ้ กดิ กบั นักเรียน 3. จุดมุ่งหมายของการวจิ ัย เพอื่ พัฒนาทักษะการคดิ คานวณ ในการแกป้ ัญหาสมการ โดยใช้แบบฝึกทกั ษะสาหรบั นักเรียนชั้น ประถมศึกษาปที ่ี 6 4. นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ 4.1 การสอนวิชาคณติ ศาสตร์ หมายถงึ วธิ ีสอนที่ผูว้ ิจัยไดส้ อนตามปกติ 4.2 แบบฝึกทกั ษะ หมายถงึ แบบฝึกทักษะวชิ าคณิตศาสตร์ เรอ่ื ง สมการและการแกส้ มการทผ่ี ูว้ จิ ัย สรา้ งข้ึน 4.3 ทกั ษะการคิดคานวณในการแก้ปัญหาสมการ หมายถึง ความสามารถของนักเรยี นในการเรยี น วชิ าคณิตศาสตร์เกยี่ วกบั การแกส้ มการ โดยมเี กณฑ์ผา่ นร้อยละ 80 ขน้ึ ไป โดยการทดสอบเก็บคะแนน 5. กรอบแนวคิดในการวจิ ยั ทกั ษะการคดิ คานวณ ในการแกป้ ญั หาสมการ - วธิ ีสอนตามปกติ ทกั ษะการคิดคานวณในการแก้ปัญหาสมการ - แบบฝึกทกั ษะ ตวั แปรตาม ตวั แปรต้น
6. ประโยชน์ทค่ี าดวา่ จะไดร้ ับ นักเรียนมีทักษะการคดิ คานวณ ในการแกป้ ัญหาสมการ มากข้นึ 7. ขอบเขตของการวจิ ยั 7.1 ประชากร ได้แก่ นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนบ้านหนองใหญ่ 7.2 กลมุ่ ตวั อย่าง ได้แก่ นกั เรียนชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนบา้ นหนอง ใหญ่ สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 1 จานวน 11 คน จากการสุม่ แบบเจาะจง 7.3 ตัวแปรทศ่ี กึ ษา ตัวแปรตน้ - วธิ สี อนตามปกติ - แบบฝกึ ทักษะ ตัวแปรตาม - ทักษะการคิดคานวณ ในการแก้ปญั หาสมการ 8. วธิ ดี าเนินการวจิ ัย ระยะเวลาในการดาเนนิ งาน 12 มิถนุ ายน 2562 – 30 สิงหาคม 2562 วนั เดอื น ปี กิจกรรม หมายเหตุ ผู้วิจัยบนั ทึกคะแนน 13- 30 มถิ ุนายน 2562 - ศกึ ษาสภาพปญั หาและวิเคราะห์หา แนวทางแก้ปัญหา 1- 20 กรกฎาคม 2562 - เขียนเคา้ โครงงานวจิ ยั ในชั้นเรียน - ศกึ ษาหลกั สูตรเกี่ยวกบั วิชาคณิตศาสตร์ - วเิ คราะหผ์ เู้ รียนและวิเคราะห์เน้ือหา 21-31 กรกฎาคม 2562 - ออกแบบเคร่ืองมือทีจ่ ะใช้ในงานวจิ ยั 3 สิงหาคม 2562 - นักเรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรียน 3-21 สิงหาคม 2562 - นกั เรยี นทาแบบฝกึ ทักษะที่ 1-9 เรอ่ื ง ผวู้ ิจัยบนั ทกึ คะแนน สมการและการแกส้ มการ ผวู้ ิจัยบนั ทึกคะแนน 24 สงิ หาคม 2562 - เก็บรวบรวมขอ้ มูลและวเิ คราะห์ข้อมลู 25 -30 สิงหาคม 2562 - สรุปและอภิปรายผล - จัดทารูปเลม่ 9. เคร่ืองมอื ทใ่ี ชใ้ นการวิจยั 9.1 แบบฝกึ ทกั ษะ เร่ือง สมการและการแกส้ มการ 9.2 แบบทดสอบ เรื่อง สมการและการแกส้ มการ จานวน 20 ขอ้
10. ขนั้ ตอนการดาเนนิ การ ในการดาเนินการวจิ ยั ครง้ั นมี้ ีจดุ มุ่งหมายเพ่อื พัฒนาทักษะการคิดคานวณ ในการแก้ปัญหาสมการ โดย ใชแ้ บบฝึกทักษะ สาหรับนักเรียนชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 6 โดยผูว้ จิ ัยได้สรา้ งแบบฝึกทักษะโดยยดึ หลกั สูตรของ กระทรวงศึกษาธกิ าร และได้ดาเนินการซงึ่ มรี ายละเอยี ดเป็นข้ันตอนดงั นี้ 10.1 ชีแ้ จงใหน้ กั เรียนท่ีเป็นกลมุ่ ตวั อยา่ งทราบถึงการใชแ้ บบฝกึ ทักษะ เร่ือง สมการและการแก้ สมการ เพื่อใหน้ ักเรียนไดป้ ฏิบตั ติ นไดถ้ ูกต้อง 10.2 นาแบบทดสอบ เรอ่ื ง สมการและการแก้สมการ จานวน 20 ข้อ ไปทดสอบกับกลุ่มตวั อย่าง แล้วบนั ทึกคะแนนท่ีไดร้ บั จากการทดสอบครง้ั นเี้ ป็นคะแนนทดสอบก่อนเรียน (Pretest) 10.3 ทบทวนเกย่ี วกับหลกั การบวก การลบ การคูณ และการหาร เนอ้ื หาเบื้องตน้ เกยี่ วกับสมการ และการแกส้ มการ 10.4 นาแบบฝกึ ทักษะ เรื่อง สมการและการแก้สมการ ให้นักเรียนฝึกทาเริ่มจากแบบฝกึ ชดุ ที่ 1-9 ระยะเวลา 3 สัปดาห์ โดยเป็นการสอนซ่อมเสรมิ หลังเลิกเรียน ทุกเย็นวนั องั คาร และวันศุกรใ์ ชเ้ วลาครัง้ ละ 30 นาที โดยในแตล่ ะแบบฝึกทักษะผู้สอนและนกั เรียนจะรว่ มกนั ตรวจคาตอบและอภปิ รายเพอ่ื เพิ่มความเขา้ ใจ และเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามอย่างต่อเนือ่ ง 10.5 ทาแบบทดสอบ เรอื่ ง สมการและการแกส้ มการ และบนั ทึกผลการทดสอบให้เปน็ คะแนนหลัง เรียน (Posttest) 10.6 ตรวจให้คะแนนแบบทดสอบ เร่ือง สมการและการแกส้ มการ แล้วน าคะแนนท่ีได้วเิ คราะหห์ า ค่าเฉลี่ยของคะแนนต่อไป 11. วธิ ีการวิเคราะหข์ อ้ มลู วิเคราะหโ์ ดยหาค่าเฉลยี่ ของคะแนนทดสอบก่อนเรียน และค่าเฉลย่ี ของคะแนนทดสอบหลัง เรยี น แล้วหาคา่ ร้อยละความกา้ วหนา้ ของผลการเรียนรู้ จากสตู ร คะแนนเฉลยี่ ร้อยละ = (∑ ���̅̅���̅2̅−∑ ���̅̅���̅1̅)×100 คะแนนเต็ม เมอื่ ∑ ���̅���̅2̅ แทน ผลรวมคะแนนเฉลี่ยของคะแนนทดสอบหลงั เรียนทง้ั หมด ∑ ���̅���̅1̅ แทน แทน ผลรวมคะแนนเฉลย่ี ของคะแนนทดสอบก่อนเรียนทั้งหมด
12. ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล ตาราง แสดงคะแนนแบบทดสอบ เร่ือง สมการและการแก้สมการ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลงั ได้รับการฝกึ ดว้ ยแบบฝึกทักษะ คนที่ ช่ือ-สกลุ คะแนนก่อนไดร้ ับการฝึก คะแนนหลงั ไดร้ ับการฝึก (20 คะแนน) (20 คะแนน) 1 เดก็ ชายวนั เฉลมิ หาญชนะ 2 เดก็ ชายณภัทร เหลืองศุภบลู ย์ 7 16 3 เดก็ ชายธนายุต อุดมเพ็ชร 8 18 4 เด็กชายยศพนธ์ อมรสรุ ินทวงศ์ 6 15 5 เด็กชายอภิรักษ์ วงค์มณี 7 16 6 เดก็ ชายสุรศักดิ์ ศรีโสม 5 14 7 เด็กหญิงกนกวรรณ ดวู เิ ศษ 8 19 8 เด็กหญงิ พิมพช์ นก เกษแก้ว 9 17 9 เดก็ หญงิ พัชรพร ศรีแก้วพวง 10 20 10 เดก็ ชายเอกภพ สมี ่วง 12 20 11 เดก็ หญงิ นันทน์ ภสั ใฝ่เภสชั 12 19 10 20 คา่ เฉลี่ย 7.73 17.64 เบ่ยี งเบนมาตรฐาน 2.45 2.16 คะแนนสงู สดุ 12.00 20.00 คะแนนต่าสดุ 4.00 14.00 จากตาราง พบวา่ คา่ เฉลี่ย (Average T-Score) ของผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนก่อนเรียน โดยใช้แบบ ฝกึ ทกั ษะ เพื่อพฒั นาผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนคณติ ศาสตร์ เรอ่ื ง สมการและการแก้สมการ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 ปีการศกึ ษา 2562 โรงเรยี นบา้ นหนองใหญ่ อาเภอชนแดน จงั หวดั เพชรบรู ณ์ สานักงานเขตพน้ื ที่ การศกึ ษาประถมศกึ ษาเพชรบูรณ์ เขต 1 เทา่ กับ 50.00 และค่าเฉลยี่ (Average T-Score) ของผลสมั ฤทธิ์ ทางการเรยี นหลังเรยี นเทา่ กับ 90.39 เมอื่ นามาหาความแตกต่างของคา่ เฉล่ีย (Average T-Score) ของผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนก่อนเรียน และหลงั เรยี นเท่ากบั 40.39 คดิ เป็นรอ้ ยละของคา่ เฉลย่ี (Average T-Score) ท่เี พิม่ ข้ึนเทา่ กับ 80.79
13. สรุปผลการวจิ ัย จากการวจิ ัย เรื่อง การสอนซ่อมเสรมิ เร่อื ง สมการและการแกส้ มการ โดยใชแ้ บบฝกึ ทักษะ สาหรบั นักเรยี นชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 6 จานวนกลมุ่ ตวั อย่าง 11 คน พบว่าคะแนนแบบทดสอบหลงั เรยี น สูง กว่า คะแนนแบบทดสอบก่อนเรยี น 14. อภิปรายผลการศกึ ษา จากการวิจัย เรอื่ ง การสอนซ่อมเสรมิ เรื่อง สมการและการแก้สมการ โดยใช้แบบฝึกทักษะสาหรบั นกั เรยี นช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 6 สามารถอภิปรายผลไดด้ งั นี้ 14.1 จากคะแนนแบบทดสอบหลงั เรียน (������̅2 = 17.64) สูงกวา่ คะแนนแบบทดสอบก่อนเรียน (������̅1 = 7.73) เนอ่ื งจากนกั เรียนได้มีกระบวนการในการเรยี นรู้ที่เป็นระบบเรยี นรู้เน้อื หาจากงา่ ยไปยาก และมี ครูหรือเพื่อนร่วมกันใหค้ าแนะนาทาใหเ้ กิดการเรียนรูท้ ีแ่ ท้จริง 14.2 ผ้วู ิจัยได้สร้างแบบฝกึ ทักษะท่ีคานึงถึงวยั และวฒุ ิภาวะของนกั เรยี นเปน็ สาคญั โดยจัดเนื้อหาไว้ อย่างครบถ้วนตามจุดประสงค์การเรยี นรู้ งา่ ยต่อการเรยี นร้แู ละเข้าใจของนกั เรยี นนอกจากนี้สสี นั ทส่ี วยงาม ของแบบฝึกทักษะยงั สามารถดงึ ดดู ใหน้ ักเรียนอยากเรยี นร้แู ละคน้ คว้าอย่างต่อเน่ือง แตกต่างจากการเรียน ตามปกติในหนงั สอื เรยี น 15. ข้อเสนอแนะในการวจิ ัย การพฒั นาทักษะการคิดคานวณ หากตอ้ งการให้นักเรียน เรียนรู้ดว้ ยความสนุกสนาน และเขา้ ใจ เนือ้ หาอยา่ งแท้จริง ควรนาสอื่ การสอนทเ่ี ปน็ รูปธรรมและน่าสนใจก่อให้เกิดการเรยี นรู้ เพ่ือใหน้ ักเรยี นได้ฝึก ปฏิบตั อิ ย่างชดั เจนเก่ยี วกบั ทักษะท่ตี ้องการฝึก ซึง่ จะทาให้นักเรยี นสนใจเรียนมากย่ิงข้ึน
เอกสารอา้ งองิ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธิการ. หนงั สอื เรียนสาระการ เรียนรู้พนื้ ฐานคณิตศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 6. กรุงเทพฯ : สานกั พิม สกสค. ลาดพร้าว ,2542.
ภาคผนวก
Search
Read the Text Version
- 1 - 25
Pages: