Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประวัติศาสตร์สังคมและภาวการณ์เปลี่ยนแปลง

ประวัติศาสตร์สังคมและภาวการณ์เปลี่ยนแปลง

Published by สุทธิดา สุขโพธิแสน, 2021-05-18 11:12:10

Description: ประวัติศาสตร์สังคมและภาวการณ์เปลี่ยนแปลง

Search

Read the Text Version

ชี วิ ต กั บ สั ง ค ม ไ ท ย ประวัติศาสตร์สงั คมและ ภาวการณ์เปลยี นแปลง โดย...สุทธิดา สุขโพธิแสน

ประเด็นในการนําเสนอ ความหมายของสงั คม สาเหตุของการอยรู่ ว่ มกันเปนสังคม ลกั ษณะทวั ไปของสังคม องคป์ ระกอบของสงั คม โครงสร้างทางสังคม องคป์ ระกอบของโครงสรา้ งทางสังคม CS 123 | S.Y. 2562-2563

ความหมายของสงั คม สังคม หรือ สงั คมมนษุ ย์ คือการอยรู่ วมกนั ของ มนษุ ยโ์ ดยมีลกั ษณะความสมั พันธซ์ ึงกันและกันหลาย โ ด ย . . . สุ ท ธิ ด า สุ ข โ พ ธิ แ ส น รูปแบบ เช่น อาชีพ อายุ เพศ ศาสนา ฐานะ ทอี ยู่ อาศัย ฯลฯ สาํ หรับระบบสังคมทีรวมถงึ สงิ มีชีวติ ประเภทอนื นอกเหนือจากมนษุ ยอ์ าจใช้คําวา่ ระบบนเิ วศ ซึงมคี วามหมายเกยี วกับความสมั พันธข์ องสงิ มีชวี ิต ตา่ งๆกบั สภาพแวดลอ้ ม สงั คมของมนษุ ย์เกิดจาก กลุ่มบุคคลทมี ีความสนใจร่วมกนั ไม่วา่ จะในด้านใด เช่น ประเทศ จังหวัด และอนื ๆ และมกั จะมวี ัฒนธรรมหรือ ประเพณรี วมถงึ ภาษา การละเลน่ และอาหารการกนิ ของตนเองในแตล่ ะสงั คม

สาเหตุของการอยู่ร่วม 2. มนุษย์มคี วามตอ้ งการทางสมอง เพราะสามารถ กันเปนสงั คม คดิ คน้ วิธกี ารในการควบคมุ ธรรมชาติ เพือมาใชต้ อบสนอง ความต้องการ ซึงการควบคุมธรรมชาติจาํ เปนตอ้ งอาศยั การ 1. มนุษย์มรี ะยะเวลาของการเปนทารก แบง่ งานและความร่วมมือจากบุคคลอนื จึงมคี วามจําเปนทีจะ ยาวนานและไมส่ ามารถชว่ ยเหลือตัวเอง ต้องอยูร่ ว่ มกันกับหลายๆคน เชน่ การแสวงหาอาหาร ผลติ ได้ในระยะเริมตน้ ของชีวติ ทําให้มนษุ ย์ สงิ ของ เครอื งนงุ่ ห่ม ยารกั ษาโรค การสร้างทีอย่อู าศัย เปนต้น จาํ เปนตอ้ งใช้ชวี ิตอยู่ร่วมกนั สรา้ ง แบบแผนความสัมพันธ์กนั เปนครอบครวั 3. มนุษย์มคี วามสามารถในการทีจะสรา้ งวฒั นธรรมและ ส่งผา่ นวัฒนธรรมไปสคู่ นร่นุ หลงั ใหไ้ ดร้ ับรู้ เพือนําไปใชใ้ น เปนเพือนบา้ น และมคี วามสัมพันธก์ ับ ชีวิตประจาํ วนั คนในสังคมอนื ๆ โ ด ย . . . สุ ท ธิ ด า สุ ข โ พ ธิ แ ส น

ลกั ษณะทัวไปของสงั คม สงั คมไดถ้ ึงความสัมพันธ์ของคนใน สงั คม ซึงเปนเพียงชือ Reuter กล่าว วา่ “สังคมเปนสิงไม่มชี วี ิต แตเ่ ปน แนวทางปฏิบัติของสงิ มชี ีวิต คือ วธิ ี การของการคบหาสมาคมกัน ซงึ หมาย ถงึ สภาพหรือความสมั พันธอ์ ันเหมาะสม นันคอื สงั คมเปนเพียงนามธรรม” การพึงพาอาศยั กนั มีอยู่ในสงั คม (Interdependence in Society) โ ด ย . . . สุ ท ธิ ด า สุ ข โ พ ธิ แ ส น

องคป์ ระกอบของสงั คม 1. ประชากร จะมจี าํ นวนตังแต่ 2 คนขึนไปสงั คมทมี ีขนาดเล็กทสี ุดคอื ครอบครัวทีมพี ่อ-แม่ หรอื พ่อ- แม่-ลูก ในขณะทีชมุ ชนหรือหมู่บ้านจะมีสมาชิกเพิมขึนจนกลายเปนอาํ เภอ จงั หวัด ภาค ประเทศ ตลอด จนสงั คมโลก 2. ความสมั พันธ์ ประชากรหรอื สมาชิกในสังคมนนั จะตอ้ งมีความสมั พันธ์และการปฏิสัมพันธ์ระหว่างกนั 3. พืนทีหรืออาณาเขต คนในสงั คมจะอาศยั อยู่ในบริเวณแห่งใดแห่งหนงึ พืนทอี าจมขี นาดจาํ กดั เช่น บรเิ วณบ้านของครอบครวั หนงึ หรือบริเวณกว้างขวาง เปนอําเภอหรอื จงั หวดั โดยไมถ่ กู จํากัดพืนที 4. การจดั ระเบียบทางสงั คม สมาชิกจะตอ้ งปฏิบตั ติ ามกฎระเบียบหรือบรรทดั ฐานทคี วบคุมตาม ตาํ แหนง่ สทิ ธแิ ละหนา้ ทขี องสมาชิกแตล่ ะคน บรรทดั ฐานทางสังคมจะมรี ะบบแบบแผน เปนทยี อมรบั และ เขา้ ใจร่วมกันของคนในสังคม 5. การมวี ฒั นธรรมของตนเอง โ ด ย . . . สุ ท ธิ ด า สุ ข โ พ ธิ แ ส น

โครงสร้างทางสังคม 1. มีคนจาํ นวนหนึงทีมีการติดต่อระหวา่ งกัน หรอื การกระทําระหวา่ งสังคม คือ บุคคลตังแต่ 2 คนขนึ ไป ทมี ีการตดิ ต่อระหว่างกัน เชน่ การคบคา้ สมคม การขัดแย้งกนั ฯ 2. มีบรรทัดฐาน กฎเกณฑห์ รือระเบยี บแบบแผน คือ เปนแนวทางให้บุคคลในสังคมยึดถอื รว่ มกัน เพือให้การติดตอ่ ระหวา่ งกนั ดําเนินไปด้วยดี 3. มีเปาหมายหรือวัตถุประสงค์ คอื ความตอ้ งการใหโ้ ครงสร้างของตนเองมชี อื เสียง เปนที ยอมรับ มีความปลอดภยั เจริญก้าวหน้าในด้านตา่ งๆ ทีให้ประโยชน์แก่สมาชิก 4. มีลกั ษณะเคลือนไหวเปลยี นแปลงได้ คอื โครงสรา้ งทางสงั คมนันสามารถเปลียนแปลง และการพัฒนาทีดขี ึนของสังคมพร้อมกนั โ ด ย . . . สุ ท ธิ ด า สุ ข โ พ ธิ แ ส น

องค์ประกอบของโครงสร้างทางสังคม 1. กล่มุ สงั คม กลุม่ สงั คม หมายถงึ กล่มุ คนตงั แต่ 2 คนขึนไปมีความรสู้ ึกเปนสมาชกิ รว่ มกนั ลักษณะทีสาํ คัญของกลมุ่ สังคม 1.1. มกี ารกระทําระหว่างกนั ทางสงั คมหรอื มคี วามสมั พันธ์ระหว่างกนั 1.2. สมาชกิ ในกลุม่ ตา่ งมตี าํ แหน่งและบทบาทหน้าทีแตกต่างกนั 1.3. มคี วามรสู้ กึ เปนสมาชิกร่วมกนั ทาํ ใหม้ ีความผกู พันในฐานะทเี ปนสมาชิกของ กลมุ่ สังคมเดียวกัน 1.4. มวี ัตถปุ ระสงคร์ ่วมกันทีสาํ คัญ คอื เพือสนองความต้องการของสมาชิกแต่ละ คน และความตอ้ งการของสมาชกิ ของกลุ่มเปนสว่ นรวม โ ด ย . . . สุ ท ธิ ด า สุ ข โ พ ธิ แ ส น

องค์ประกอบของโครงสร้างทางสังคม 2. การจัดระเบียบทางสังคม การจัดระเบยี บทางสังคม หมายถงึ กลุ่มคนทีมคี วามเปนระเบียบแบบแผนและมี กระบวนการจดั ระเบยี บภายในกล่มุ 2.1 กลุม่ คนทีเปนระเบียบ เปนกลมุ่ คนทมี าตดิ ตอ่ กนั ตามหนา้ ทีและระเบยี บกฎเกณฑ์ 2.2 กระบวนการจดั ระเบยี บทางสังคม เปนเรอื งคนตังแต่ 2 คนขนึ ไป ทมี ีความ สมั พันธ์กนั แต่ละคนจาํ เปนต้องมบี รรทัดฐาน สถานภาพ และบทบาทของตน - บรรทดั ฐาน คือ แบบแผน กฎเกณฑ์ มาตรฐานในการปฏิบตั ิ - สถานภาพ คอื เปนตาํ แหน่งทเี ราต้องรบั ผิดชอบได้จากการเปนสมาชกิ ของกลมุ่ - บทบาท คอื หนา้ ทีทีตอ้ งทาํ ตามสถานภาพทเี ราได้รบั โ ด ย . . . สุ ท ธิ ด า สุ ข โ พ ธิ แ ส น

องคป์ ระกอบของโครงสร้างทางสงั คม 2. การจัดระเบียบทางสังคม (ตอ่ ) หน้าทขี องการจดั ระเบียบทางสังคม 1. สร้างระเบยี บทจี ําเปนในการอยรู่ ว่ มกนั เปนสงั คม 2. อบรมสงั สอนระเบยี บแบบแผนต่างๆ ใหส้ มาชิกมีความรู้ ความเขา้ ใจ รวมทงั ฝกฝนใหเ้ กดิ ความชํานาญ สามารถนําเอาไปใชไ้ ด้ 3. สงั สมและรกั ษาระเบยี บแบบแผนใหอ้ ยยู่ งั ยืนนาน 4. ปรับปรงุ ระเบียบแบบแผนให้เข้ากบั ยสุ มยั โ ด ย . . . สุ ท ธิ ด า สุ ข โ พ ธิ แ ส น

องค์ประกอบของโครงสร้างทางสังคม 3. สถาบนั ทางสังคม หมายถึง กฎเกณฑห์ รือระเบยี บแบบแผนของสงั คม และแต่ละสงั คมมคี วามต้องการ และความจาํ เปนหลายอยา่ ง จึงจําเปนต้องมีสถาบันทางสงั คมหลายสถาบนั เช่น 3.1 สถาบันครอบครวั 3.2 สถาบันการเมอื งการปกครอง 3.3 สถาบนั เศรษฐกจิ 3.4 สถาบนั การศกึ ษา 3.5 สถาบันศาสนา โ ด ย . . . สุ ท ธิ ด า สุ ข โ พ ธิ แ ส น

องค์ประกอบของโครงสร้างทางสังคม 3. สถาบันทางสังคม (ตอ่ ) หนา้ ทีของสถาบันสังคม 1. ดูแลการเพิมหรอื ขาดของจํานวนสมาชิกในสังคม 2. ใหก้ ารศกึ ษาอบรมเกยี วกันการเปนสมาชกิ ทีดีของสงั คม 3. ให้ความรู้ความเข้าใจเกยี วกบั การสือสารตา่ งๆ เพือการดาํ รงชวี ติ อยู่ในสังคม 4. สง่ เสริมและรักษาความเปนระเบียบและความมันคงของสังคม 5. ผลิตสิงทีจาํ เปนในการดํารงชีวิต 6. จดั หา สง่ เสริม ผลิตเครอื งใช้ทีจําเปนแก่การดาํ รงชีวติ 7. ให้ความรู้และส่งเสริมเกียวกบั สขุ ภาพอนามยั ของสมาชกิ ในสังคม โ ด ย . . . สุ ท ธิ ด า สุ ข โ พ ธิ แ ส น