กิจกรรม แนะแนว แผนการจดั การเรียนรูท่ี 1 ระดับชั้นมธั ยมศึกษาปท ่ี 4 เร่อื ง ฉันพัฒนาได ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 3 ชั่วโมง 1. สาระสาํ คัญ บคุ คลตา งมลี กั ษณะสวนตนที่หลากหลาย การรจู ักและยอมรบั คุณลกั ษณะของตนทัง้ ขอดีและ ขอบกพรอ ง จะชว ยใหนักเรียนสามารถพัฒนาขอ ดแี ละปรับปรงุ ขอ บกพรองของตนเองได 2. จุดประสงคการเรยี นรู 2.1 บอกคุณลกั ษณะขอ ดีและขอบกพรองของตน 2.2 บอกวิธีการพัฒนาและปรบั ปรุงขอบกพรองของตนเองได 3. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค 3.1 มวี ินยั 3.1 ใฝเ รยี นรู 4. คุณธรรมอตั ลกั ษณของสถานศกึ ษา ความมรี ะเบยี บวินัย 5. สมรรถนะสาํ คัญของผเู รียน ความสามารถในการคิด 6. สาระการเรียนรู 6.1 คุณลักษณะขอ ดีและขอ บกพรองของตนเอง 6.2 วธิ กี ารพฒั นาและปรับปรงุ ตนเอง 7. ช้นิ งาน/ภาระงาน 7.1 ใบงานเรื่อง บนั ได 5 ขน้ั ของชีวิต 7.2 ใบงานเรอ่ื ง นแ่ี หละตัวฉัน 7.3 ใบงานเรอื่ ง แมนความดเี พียงเล็กนอยกต็ อ งทํา 8. กระบวนการจัดการเรยี นรู ชว่ั โมงที่ 1 ขัน้ นาํ เขาสบู ทเรียน 8.1 ใหนักเรียนแบง กลุมๆ ละ 7 - 9 คน แตล ะกลุมน่งั เปน วงกลม ครูแจกกระดาษคนละแผน นกั เรยี นเขยี นชอื่ มมุ บนขวา และพับกระดาษเปน 2 สวน ดานซายเขยี นขอ ดี ดา นขวาเขยี นขอ บกพรอง จากนน้ั ให สํารวจและเขียนขอดีและขอ บกพรอ งของตนเองบนกระดาษ ภายใน 2 นาที แลว ติดกระดาษไวดานหลังของตน จากน้ันใหนักเรยี นนงั่ หันไปทางซายมอื แลว เขียนขอดแี ละขอ บกพรองบนกระดาษของเพื่อนทน่ี งั่ อยขู า งหนาตนเอง คนละ 1 ขอ
ข้นั สอน 8.2 ใหน กั เรียน พจิ ารณาขอ ดี ขอบกพรอ ง สุม สอบถามความรสู กึ นักเรยี นกลุมละ 1 คน ถงึ ขอดี และขอบกพรอ ง 8.3 ดําเนินกิจกรรมเทยี น โดยครูจดุ เทยี นไข ใหนักเรียนดูประมาณ 1 นาที แลว ดบั เทยี นไขและ หกั เทยี นไข ตอดวยการจดุ เทียนทีห่ กั ขึ้นมาใหมอ กี ครง้ั ใหนกั เรยี นพจิ ารณาประมาณ 1 นาที 8.4 ครูตง้ั คําถามวา “นกั เรียนไดข อ คิดอะไรบาง จากกิจกรรมท่ใี หด ู“ ใหนักเรียนเขยี นลงใน สมุด ประมาณ 5 บรรทดั จากนั้นใหอ า นใหเ พอื่ นฟง และครเู ลอื กตัวอยา งทสี่ รปุ ไดความหมายครบถวน อานให นกั เรียนท้ังหองฟง แลว ครูสรปุ ดงั น้ี “คุณคาของเทียนไข คือ การใหแ สงสวาง ไมว าเทียนไขนนั้ จะเปลยี่ นแปลง รปู ลกั ษณอยางไรแตเ มื่อถูกจดุ ขนึ้ กใ็ หแ สงสวาง ใหคุณคาเหมอื นกัน เปรยี บเหมือนคนเรา ไมว า จะมรี ปู รางหนาตา การศึกษา หรอื ฐานะความเปนอยแู ตกตางกนั อยา งไร ส่งิ ทีส่ ําคัญคอื การไดใหป ระโยชนตอสังคมคนทุกคนมที ้งั ขอดี และขอ บกพรองในตนเองและก็สามารถปรบั ปรงุ ขอ ดอ ยและพฒั นาขอดเี หลา น้นั เพอ่ื การดําเนนิ ชวี ิตทด่ี ตี อ ไปใน สงั คม” ข้ันสรุป 8.5 ครูแจกใบงานเรอ่ื ง น่แี หละ ตวั ฉัน ใหนกั เรยี นทํา และใหออกมารายงานหนา ชนั้ เรยี น 8.6 ครูสรปุ จากสิง่ ท่นี กั เรยี นออกมารายงานหนาชน้ั กลาวไดวา ทกุ คนมีความตงั้ ใจที่ดีอยใู น หวั ใจซ่งึ ส่ิงนี้คอื พนื้ ฐานท่ีสาํ คญั ในการใชชีวิตในสังคมอยา งมีความสขุ และประสบความสาํ เร็จในชวี ติ คนเราทกุ คนมี ทั้งขอดแี ละขอ บกพรอ งในตนเอง เราตองเขาใจในตัวตนทงั้ 2 ดาน และพัฒนาขอดี และปรบั ปรงุ ขอบกพรอง เพอ่ื ใหมชี ีวิตท่ีดีบนวิถที างที่ถูกตอ ง ชว่ั โมงท่ี 2 ขั้นนําเขา สบู ทเรยี น 8.7 ทบทวนกจิ กรรมที่ผานมา แมนกั เรยี นจะมคี วามแตกตางกนั อยางไรแตค ุณคาสิ่งท่สี าํ คญั คือ การทาํ ตวั ใหมปี ระโยชนเ หมอื นเทยี น แมจะเปน เทียนท่สี มบูรณห รือเทียนที่หักก็ยังใหแ สงสวา งไดเสมอ ข้นั สอน 8.8 ครดู าํ เนนิ กิจกรรมแมนความดเี พยี งเลก็ นอย...ก็ตอ งทําโดยใหนกั เรียนนัง่ ตัวตรง สงบนง่ิ แลว หลบั ตา ครูเปดเพลง เดินตามพอ ใหน ักเรยี นฟง จนจบเนอื้ เพลง 8.9 นกั เรยี นรวมกันอภิปราย/แสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกับเน้อื เพลง ซึ่งเปนการตง้ั ปณธิ านจะทํา ความดีแมเ พียงเล็กนอ ยหากเทียบกบั พระราชกรณยี กิจอนั ยิง่ ใหญข องพระบาทสมเด็จพระเจา อยูหัว 8.10 ครูใหน กั เรียนทบทวนตนเองวา ไดทาํ ความดอี ะไรบา งสงผลดีตอตนเองและคนรอบขา งและ สงั คมอยางไรบาง แจกใบงานใหน ักเรยี นเร่อื ง “แมทาํ ความดีเพียงนอ ยนิด กต็ องทํา” โดยยกตัวอยา งตามตาราง ขางลา ง ประโยชนท ไี่ ดร ับ ความดีท่ีฉันทาํ ตัวเอง พอ แม ประเทศชาต/ิ สงั คม กรอกนํา้ ใสตเู ยน็ ชว ยรดนาํ้ ตน ไม ข้นั สรปุ 8.11 ครแู ละนกั เรยี นอภิปรายสรุปผลของการทาํ ความดีแมเพียงเล็กนอย (แนวทางการสรุป คือ การทําความดแี มเ พียงเล็กนอยก็สง ผลกระทบตอเน่ืองไปยังสังคมสว นรวม แมเราเปนเพียงคนเล็กๆ แตก็สามารถมี สวนรวมในการทําใหสังคมและประเทศชาติพัฒนาและมีความมั่นคง ประเทศชาติม่ันคง เจริญรุงเรืองก็สงผล ยอนกลบั มายังคนในชาตซิ ง่ึ กร็ วมถึงตัวเราดว ย ดั่งสภุ าษิตท่ีกลาววา “อยาเห็นเปนความดีเล็กนอยแลวไมทํา อยา เหน็ เปน ความช่วั เลก็ นอยแลวทาํ ”)
ชัว่ โมงที่ 3 ขนั้ นําเขาสบู ทเรียน 8.12 ครูดําเนินกิจกรรมฉันพัฒนาได โดยครอู า นบทกวี “หง่ิ หอ ย” “เปน ดาวนั้นกส็ วยดีอยูห รอก แตเปนหินดินหมอกแตมสีสัน ห่ิงหอยสิคือแสงแหง ชวี ัน ทีก่ รองกล่นั สสี ันจากวญิ ญาณ หากเธอเลอื กเปนห่งิ หอย แทนดาวลอยสูงศกั ด์ิอรรคฐาน เธอมสี ิทธมิ คี วามหวังอหังการ มสี ทิ ธผิ านที่มืดซง่ึ ขาดดาว” 8.13 ทบทวนกิจกรรมในชั่วโมงทผ่ี า นมา วา แมกิจกรรมทเ่ี ราคดิ วา เปนส่งิ เล็กๆนอ ยๆ ใน ชวี ิตประจาํ วันก็ลว นมคี ุณคา และมีความสําคญั สงผลยงิ่ ใหญอยา งท่เี ราคาดไมถ ึง ดงั นั้นทกุ คนควรต้ังใจทําหนา ท่ี ของตนเองใหด ที สี่ ดุ อนั จะทาํ ใหส ังคมโดยรวมมคี วามสุขตอ เน่อื งกันไป ขัน้ สอน 8.14 ใหน กั เรยี นทําใบงาน บันได 5 ขัน้ ของชวี ิต วเิ คราะหความสามารถของตนเองในแตละชวง อายุ พรอ มทง้ั ทบทวนความรูสึกทเ่ี กดิ ขนึ้ และการเปล่ยี นแปลงพัฒนาตนเองในแตล ะชว งวัยของชวี ิต 8.15 ใหนกั เรยี นวิเคราะหความตองการของตนเองในปจจุบนั วา มสี ่งิ ใดที่อยากทาํ มากท่สี ุดและ วางแผนปฏิบัติตนเพ่ือพัฒนาความสามารถของตนเองไปสูเปา หมายที่ตอ งการ 8.16 นักเรียนชว ยกนั สรุปส่ิงทไี่ ดเรียนรูจากการทาํ กจิ กรรม/นําเสนอใบความรู เรอ่ื ง การพฒั นา ตนเองโดยใชหลกั 4 Self 8. 17 ครคู อยสังเกตพฤตกิ รรมนกั เรยี นในระหวา งทํากิจกรรม ดานความมีระเบียบวินัย พรอ มบนั ทึกลงในแบบสงั เกตพฤติกรรมตามคุณธรรมอัตลกั ษณ ข้นั สรปุ 8.18 ครูเพมิ่ เตมิ ขอ คิดท่นี กั เรยี นชว ยกนั สรุป เพ่ิมเตมิ ใหค รบถวน รอบดานสมบูรณมากย่ิงข้นึ “สิง่ ทเี่ ราไมเคยรู ไมใ ชว าเราจะรูไ มได และสง่ิ ทีเ่ ราไมเคยทําใชวา เราจะทําไมไ ด เพราะชวี ติ ตอ งกา วไปขา งหนา และพัฒนาไปสสู ิง่ ทด่ี ีกวาเสมอ” 9. สอ่ื /อุปกรณ 9.1 บทกว/ี เพลงทแ่ี สดงถงึ การเหน็ คณุ คา ในตนเอง เชน เพลงเดินตามพอ 9.2 ปากกาเขยี น White Board 9.3 เทียนไข 9.4 ไมขีด 9.5 ใบงานเรื่อง นี่แหละตวั ฉนั 9.6 ใบงานเรอื่ ง แมน ความดีเพยี งเล็กนอ ยก็ตองทํา 9.7 ใบงานเรือ่ ง บนั ได 5 ข้นั ของชวี ติ 9.8 เอกสาร เรอื่ งเทคนคิ การพัฒนาตน (เอกสารอา นเพิม่ เตมิ สําหรบั ครู) 10. การประเมินผล 10.1 วิธกี ารประเมิน 10.1.1 สงั เกตการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม 10.1.2 ตรวจใบงาน
10.2 เกณฑก ารประเมนิ 10.2.1 สงั เกตการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม เกณฑ ขอ ความบง ช้ี ผา น มีความตัง้ ใจรว มกจิ กรรมใหค วามรว มมือกับกลมุ ในการอภิปรายแสดงความ คดิ เหน็ และสงงานตามทกี่ าํ หนด ไมผ า น ไมใหค วามรว มมอื กบั กลุม หรือขาดสิง่ ใดส่งิ หนึ่ง 10.2.2 ตรวจใบงาน เกณฑ ขอ ความบง ช้ี ผา น บอกขั้นตอนการพฒั นาตนเองไปสเู ปาหมายท่วี างไวได ไมผ าน ไมส ามารถบอกข้ันตอนการพัฒนาตนเองไปสูเ ปา หมายทวี่ างไวได
การวัดผลและประเมนิ ผล ประเด็นการวัดผล วธิ วี ดั /ประเมินผล เคร่อื งมอื วดั / เกณฑการประเมนิ ประเมนิ ผล 1. นักเรียนทํา ประเมินผล ผาน = ไดค ะแนน แบบฝกหัด 1. แบบฝกหัด เฉลีย่ รอยละ 70 ขึ้นไป 1.บอกคณุ ลักษณะขอดแี ละ ไมผา น = ไดคะแนน ขอบกพรอ งของตน เฉลย่ี ตา่ํ กวา รอยละ 70 2.บอกวธิ กี ารพัฒนาและ ปรับปรุงขอ บกพรองของ ตนเองได สมรรถนะสําคัญของผูเรียน ประเมนิ ความสามารถ แบบประเมนิ ผา น = ผลประเมิน ความสามารถในการคิด ในการแสดงความ สมรรถนะสําคญั ของ ระดบั คุณภาพ 3 ขนึ้ ไป คุณลักษณะ คดิ เหน็ ผูเรียน ไมผาน =ผลประเมิน อนั พึงประสงค สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกต ระดับคุณภาพตํา่ วกวา 2 1. มวี ินัย พฤติกรรม ผา น = ผลประเมิน 2. ใฝเรียนรู ระดับคณุ ภาพ 3 ขน้ึ ไป ไมผาน =ผลประเมนิ ระดับคุณภาพตาํ่ กวา 2 คณุ ธรรมอัตลักษณ สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกต ผาน = ผลประเมิน 1.ความมรี ะเบียบวินัย พฤตกิ รรม ระดับคณุ ภาพ 3 ขึ้นไป 2.ความรับผิดชอบ คุณธรรมอตั ลักษณ ไมผาน =ผลประเมิน 3.ความสุภาพ ระดบั คุณภาพต่ําวกวา 2
บนั ทึกหลังจัดการเรียนรู ดา นความรู นักเรยี นสามารถอธบิ ายสภาพทางภูมศิ าสตรข องประเทศสมาชกิ อาเซียนได ดานทักษะกระบวนการ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………… ดานคณุ ลักษณะอันพึงประสงค ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………… ปญ หาและอุปสรรค ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… มีนกั เรียนบางคนทยี่ งั ไมคอ ยเขา ใจถงึ สภาพภูมิศาสตรข องประเทศกลมุ อาเซยี ขอเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ครูอธิบายเพิ่มเติม และชี้แนะใหเห็นถึงความสําคัญของสภาพภูมิศาสตรของประเทศกลุม อาเซียน ซึ่งนักเรียนทุกคนตองทําความเขาใจ และสืบหาขอมูลจากแหลงเรียนรูตาง ๆ เพ่ือใหนักเรียนจะได เรยี นรสู ภาพภมู ิศาสตรของประเทศกลมุ อาเซยี นอยา งแทจ รงิ ลงช่ือ .......................................................... ผูป ระเมนิ (นางเกษร บุญเปง ) ตําแหนง ครู
ช่อื -สกุลนกั เรยี น...............................................................................................ชน้ั ม.4/..........เลขท.่ี .......... ใบงานเร่ือง นแ่ี หละตัวฉนั คําชแ้ี จง ใหน ักเรยี นสาํ รวจตนเองวา มี ขอดี และขอ บกพรอง อยา งไรบา ง พรอมกับวเิ คราะหว า คุณสมบัติ เหลา นั้น มีสวนสงเสริม หรอื สรา งปญหาแกนักเรยี นอยา งไร (เวลา 30 นาท)ี โดยเขยี นลงในตาราง ขอ ดีของฉนั สง เสริมชีวิตฉนั ขอ บกพรองของฉัน เปนอปุ สรรคในชวี ิตฉนั ดงั นี้ ดงั นี้ ขอสรุปทีไ่ ดจ ากกจิ กรรม .................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... .....................................................................................................................................................................
ชื่อ-สกลุ ...........................................................................................................ชั้น ม.4/..........เลขท.ี่ .......... ใบงานเร่ือง แมนความดีเพยี งเลก็ นอ ยก็ตอ งทํา คําชแ้ี จง ใหนกั เรียนเขยี นการกระทาํ ในชวี ติ ประจาํ วันของนักเรยี น 10 กิจกรรม ลงในตาราง จากน้นั วเิ คราะหถงึ ประโยชนท่ีเกิดขน้ึ ตอ ตนเอง และผอู ่ืน และสรุปสิ่งที่ไดร บั จากกจิ กรรมน้ี ความดีท่ีฉันทาํ ประโยชนทไ่ี ดร บั 1 ตวั เอง พอแม ประเทศชาติ/สงั คม 2 3 4 5 6 7 8 9 10 สรุป จากกจิ กรรมขา งตน นักเรยี นไดข อคดิ อยา งไรบา ง ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ………………………………………………………………………………………………………….................................................... ......................................................................................................................................................................... .........................................................................................................................................................................
ชอื่ -สกลุ ...........................................................................................................ชนั้ ม.4/..........เลขท่.ี .......... ใบงานเรอื่ ง บนั ได 5 ขน้ั ของชวี ติ คาํ ช้แี จง ใหน กั เรียนทบทวนพัฒนาการของตนเองในแตละชวงอายุ ดังตารางและสรปุ สง่ิ ทไี่ ดรับจากกิจกรรมนี้ ระดับมัธยมตน ระดับช้นั มัธยมปลาย สิ่งทภี่ าคภูมใิ จ สิ่งท่ีภาคภมู ใิ จ............................................ ทาํ ไดอยา งไร.............................................. ทาํ ไดแ ลวรูส ึกอยางไร.................................. สงิ่ ที่ภาคภูมิใจ.................................. ทําไดอยางไร.................................... ทําไดแลวรูส กึ กับตวั เองอยางไร..................... ....................................................................... ระดับประถม ................................................................... สิ่งท่ภี าคภมู ิใจ ทาํ ไดอ ยา งไร.............................................. ทาํ ไดแ ลวรูสึกกบั ตวั เองอยา งไร................. ระดบั อนบุ าล ...................................................................... ส่งิ ทภ่ี าคภมู ใิ จ ทําไดอ ยา งไร................................................. ทําไดแลว รูสกึ กบั ตัวเองอยา งไร.................... กอ นเขา อนบุ าล ............................................................. ส่งิ ทภ่ี าคภมู ิใจ ทาํ ไดอยางไร........................................ ทําไดแลว รสู ึกกบั ตวั เองยางไร..............
คาํ ชแี้ จง ใหนักเรียนวิเคราะหความตองการของตนเองวา ปจจุบนั นกั เรยี นอยากทาํ ส่ิงใดมากทสี่ ุด และวางแผนวาตองปฏิบตั ิตนอยา งไรบางเพื่อพฒั นาความสามารถของตนเองไปสูเปาหมายที่ตองการ ส่ิงทฉ่ี ันอยากทํามากทสี่ ุดในชน้ั ม.4.................................. ขั้นตอนทต่ี อ งพัฒนาตนเอง เพอ่ื ไปสเู ปาหมายทตี่ ้งั ใจ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………….
เอกสารเพิม่ เติมสาํ หรับครู “เร่ือง เทคนิคการพฒั นาตน” ความหมายของการพัฒนาตน การพัฒนาตน ตรงกับภาษาองั กฤษวา self-development แตย งั มคี ําทมี่ คี วามหมายใกลเคียงกบั คําวา การพัฒนาตน และมกั ใชแ ทนกันบอยๆ ไดแก การปรับปรงุ ตน (self-improvement) การบริหารตน (self- management) และการปรบั ตน (self-modification) หมายถงึ การเปล่ยี นแปลงตวั เองใหเหมาะสมเพ่อื สนอง ความตองการและเปา หมายของตนเอง หรือเพ่ือใหสอดคลองกับสง่ิ ท่ีสังคมคาดหวงั ความหมายท่ี 1 การพฒั นาตนคอื การที่บคุ คลพยายามทจ่ี ะปรบั ปรุงเปล่ยี นแปลงตนดวยตนเองใหด ีขึน้ กวา เดมิ เหมาะสมกวาเดิม ทาํ ใหสามารถดาํ เนนิ กจิ กรรม แสดงพฤตกิ รรม เพ่อื สนองความตอ งการ แรงจงู ใจ หรือ เปาหมายท่ตี นต้งั ไว ความหมายท่ี 2 การพัฒนาตนคอื การพฒั นาศักยภาพของตนดวยตนเองใหด ีขนึ้ ทัง้ รางกาย จติ ใจ อารมณ และ สังคม เพื่อใหตนเปน สมาชกิ ท่ีมปี ระสิทธภิ าพของสังคม เปนประโยชนต อผอู นื่ ตลอดจนเพือ่ การดํารงชวี ิตอยา ง สนั ตสิ ุขของตน แนวคดิ พน้ื ฐานในการพฒั นาตน บุคคลที่จะพฒั นาตนเองได จะตอ งเปนผมู ุง ม่นั ท่ีจะเปลย่ี นแปลงหรือปรับปรุงตัวเอง โดยมีความ เช่ือหรือแนวคิดพื้นฐานในการพัฒนาตนท่ีถูกตอง ซ่ึงจะเปนส่ิงท่ีชวยสงเสริมใหการพัฒนาตนเองประสบ ความสาํ เร็จ แนวคิดที่สําคัญมีดงั น้ี 1. มนษุ ยท กุ คนมีศักยภาพทม่ี คี ุณคาอยใู นตัวเอง ทาํ ใหสามารถฝก หัดและพฒั นาตนไดใน เกอื บทุกเรือ่ ง 2. ไมมีบุคคลใดท่มี ีความสมบูรณพรอมทุกดาน จนไมจ ําเปน ตอ งพัฒนาในเรื่องใดๆ อีก 3. แมบ คุ คลจะเปน ผูทร่ี จู ักตนเองไดดีทีส่ ุด แตก ไ็ มส ามารถปรับเปลย่ี นตนเองไดในบางเรอ่ื ง ยังตอ งอาศยั ความชว ยเหลือจากผอู น่ื ในการพัฒนาตน การควบคมุ ความคิด ความรูสกึ และการกระทาํ ของตนเอง มคี วามสําคัญเทา กับการควบคุมสงิ่ แวดลอมภายนอก 4. อุปสรรคสําคัญของการปรบั ปรุงและพัฒนาตนเอง คือ การทบี่ ุคคลมีความคิดติดยดึ ไม ยอมปรบั เปลย่ี นวธิ ีคิด และการกระทํา จึงไมยอมสรา งนสิ ัยใหม หรือฝกทกั ษะใหมๆ ที่จําเปน ตอ ตนเอง 5. การปรบั ปรงุ และพัฒนาตนเองสามารถดาํ เนนิ การไดทกุ เวลาและอยางตอเนอื่ ง เมื่อพบ ปญ หาหรอื ขอบกพรองเกี่ยวกับตนเอง ความสาํ คญั ของการพัฒนาตน บคุ คลลวนตองการเปน มนุษยท ี่สมบูรณ หรืออยางนอ ยกต็ อ งการมชี ีวติ ท่ีเปนสุขในสังคม ประสบ ความสาํ เร็จตามเปา หมายและความตอ งการของตนเอง พฒั นาตนเองไดท นั ตอ การเปลยี่ นแปลงทเี่ กิดขึน้ ในสังคม โลก การพัฒนาตนจึงมคี วามสําคัญดังนี้ ก. ความสําคญั ตอ ตนเอง จําแนกไดดงั น้ี 1. เปนการเตรียมตนใหพ รอมในดา นตา งๆ เพอ่ื รับกับสถานการณทัง้ หลายไดด ว ยความรูสกึ ที่ดีตอตนเอง 2. เปน การปรบั ปรุงส่ิงทีบ่ กพรอง และพฒั นาพฤตกิ รรมใหเ หมาะสม ขจัดคุณลักษณะทีไ่ มต องการออกจาก ตวั เอง และเสริมสรา งคุณลักษณะที่สงั คมตอ งการ 3. เปน การวางแนวทางใหต นเองสามารถพัฒนาไปสูเปาหมายในชวี ิตไดอยา งมนั่ ใจ
4. สง เสริมความรูสึกในคุณคา แหงตนสูงใหขน้ึ มีความเขาใจตนเอง สามารถทําหนาท่ีตามบทบาทของตนได เตม็ ศกั ยภาพ ข. ความสาํ คญั ตอ บุคคลอน่ื เน่ืองจากบุคคลยอมตองเก่ียวของสัมพันธกัน การพัฒนาในบุคคลหนึ่งยอมสงผลตอบุคคลอ่ืน ดวย การปรบั ปรุงและพัฒนาตนเองจึงเปนการเตรยี มตนใหเปน ส่งิ แวดลอมทีด่ ีของผูอืน่ ทั้งบคุ คลในครอบครัวและ เพอื่ นในทีท่ ํางาน สามารถเปน ตัวอยางหรือเปน ทอ่ี า งอิงใหเกดิ การพฒั นาในคนอืน่ ๆ ตอไป เปนประโยชนรวมกัน ท้ังชีวิตสวนตัวและการทํางานและการอยูรวมกันอยางเปนสุขในชุมชน ท่ีจะสงผลใหชุมชนมีความเขมแข็งและ พฒั นาอยา งตอ เน่ือง ค. ความสาํ คัญตอสังคมโดยรวม ภารกิจทแ่ี ตละหนวยงานในสังคมตองรับผิดชอบ ลว นตอ งอาศัยทรพั ยากรบคุ คลเปนผูปฏิบัติงาน การท่ผี ูปฏิบัตงิ านแตละคนไดพ ัฒนาและปรับปรงุ ตนเองใหทนั ตอพฒั นาการของรูปแบบการทํางานหรอื เทคโนโลยี การพัฒนาเทคนิควิธี หรือวิธีคิดและทักษะใหมๆ ท่ีจําเปนตอการเพ่ิมประสิทธิภาพการทํางานและคุณภาพของ ผลผลิต ทําใหหนวยงานนั้นสามารถแขงขันในเชิงคุณภาพและประสิทธิภาพกับสังคมอื่นไดสูงข้ึน สงผลใหเกิด ความมัน่ คงทางเศรษฐกจิ ของประเทศ (ทมี่ า ผศ.วินยั เพชรชวย http://www.novabizz.com/NovaAce/Learning/Self_Development.htm)
ใบความรู เรื่องเทคนิคการพฒั นาตนตนเองดวยหลัก 4 Self ในโลกยุคโลกาภวิ ัฒน ท่มี กี ารเปลย่ี นแปลงอยางตอเนือ่ งอยูเสมอ ไมวา จะเปนในเรอ่ื งของ เทคโนโลยี การส่อื สาร สภาพเศรษฐกจิ และขอมูลขา วสารตาง ๆ ทมี่ ีการสงถายถงึ กันและกันเร็วขึ้น และจากการ เปล่ยี นแปลงที่เกดิ ขึน้ อยางรวดเร็วนี้เองจงึ เปน เสมอื นพลังผลักดันใหคนแตละคนตา งตอ งตระหนักถึงความสาํ คัญ ของการเปลยี่ นแปลง อันทาํ ใหเ กิดการพฒั นาตนเองอยา งตอ เนอ่ื งอยเู สมอเพอื่ ใหต นมคี วามพรอมรบั มือกบั การ เปล่ียนแปลงที่เกดิ ขึ้นอยา งไมหยุดย้ัง ผทู พ่ี ัฒนาตนเองยอ มเปนบุคคลที่ประสบความสําเร็จในหนา ท่กี ารงาน ไดรับความกา วหนา ในสาย อาชีพ ไดรบั คาํ ยกยอ ง สรรเสรญิ มากกวาผทู ี่อยูไปวนั ๆ โดยไมสนใจทีจ่ ะพัฒนาความรแู ละความสามารถของ ตนเอง ดังนั้นหากมีความตองการที่จะประสบผลสาํ เรจ็ ในชวี ติ การเร่มิ ตนที่จะพฒั นาตนเองโดยไมพ ึ่งพา ผูอ่ืนเปน สงิ่ ท่คี วรกระทาํ เปนอยางยง่ิ ตอ งตระหนกั อยูเ สมอวา “ชวี ติ เรา เราเปนผูเลอื กที่จะลิขติ หรือเลอื กเสน ทาง ในการดาํ เนินชวี ิตเอง” อยา ปลอยใหผอู ่ืนมาเปนผูมีอิทธิพลและช้ีนาํ การดําเนนิ ชวี ติ ของตวั เรา การพฒั นาตนเองใหพบกบั ความสาํ เร็จในชีวิตนน้ั ขน้ึ อยูกบั ความพรอมและความมงุ มั่นของ ตัวเอง หลกั ปฏบิ ัติตนอยา งงาย ๆ ท่ีสามารถทําไดดว ยแนวคิดของ 4 Self ดงั ตอ ไปน้ี Self Awareness 1. ตระหนกั รใู นความตอ งการของตนเอง (Self Awareness) มขี ัน้ ตอนดงั นี้ ขั้นตอนท่ี 1 ตระหนักในเปาหมายของชีวิต เร่ิมตนคนหาวาสวนลึก ๆ แลวตองการอะไรกันแน เปนการตระหนักในเปา หมายทีอ่ ยากจะมีและอยากจะเปนในอนาคตขางหนา เชน บางคนอยากมีความสุข บางคน อยากจะประสบความสําเร็จในการทํางาน บางคนอยากมีรานเล็ก ๆ เปนของตนเอง เปนตน และเมื่อตระหนักรู แลววาเปา หมายหรือสงิ่ ท่ีตอ งการจะไปนน้ั คอื อะไร ข้นั ตอนท่ี 2 ควรสาํ รวจตนเหตุ คอื สาํ รวจตนเองลึกลงไปอีกวา ตนเหตุทจี่ ะทาํ ใหฝ นหรอื เปา หมาย เกิดข้นึ มาไดน ั้นคอื อะไร เชน อยากมีความสุข แลวความสุขจะเกิดข้ึนจากอะไร เปนตน ข้ันตอนท่ี 3 สาํ รวจหาแนวทาง เมือ่ ตระหนกั รวู าอะไรคือเหตุผลลึก ๆ ของเปาหมายที่กาํ หนดขึ้น แลว ขั้นตอนถดั ไปก็คอื คุณควรคิดไตรต รองดูวาจะทําอยา งไรใหฝ น นน้ั เปน จริง เชน หากคุณคิดวาการเรยี นตอ ปริญญาตรี อันนาํ มาซง่ึ ความภาคภูมิใจในสว นลกึ ๆ ของคุณเองและคนรอบขา ง ข้ันตอนที่ 4 สํารวจความพรอม เพอ่ื สํารวจวาตนเองวา คณุ มคี วามพรอมในเร่อื งเวลา และ งบประมาณมากนอยแคไ หน.....หากคุณคิดวาคุณพรอ มแลว คุณกค็ วรเรม่ิ คิดตอ ไปวาจะตอ งทําอยา งไรบางในการ เรียนตอระดบั ปรญิ ญาตรีใหได น่นั ก็คือการตรวจสอบมหาวิทยาลัยทเ่ี หมาะสมและตดิ ตอ มหาวิทยาลัยเพอ่ื เขา รบั การทดสอบตอไป Self Discipline 2. ตระหนักรูหนทางสคู วามสําเร็จ (Self Discipline) หรอื Self แหงความมีวินยั Self ตวั นี้ จะบอกคณุ วาหนทางของความสําเรจ็ ในเปาหมายทกี่ ําหนดขึ้น ไมใชเ ปนหนทางของถนนเรียบ แตเ ปน หนทางของ ถนนทขี่ รุขระซ่ึงคณุ เองจะตอ งพบเจอกบั ปญหาและอปุ สรรคตาง ๆ เหมือนกับการขน้ึ ภเู ขาท่คี ุณจะตองคอย ๆ ไต ขน้ึ ไปเพ่อื ใหไปถงึ ยอดเขา และการขน้ึ ไปสูย อดเขาใหไดนน้ั คุณอาจจะตองพบเจอกับ หนา ผาที่สงู ชัน กอนหินที่ ขวางทางคุณอยู และเมื่อคณุ มีเปาหมายทจี่ ะขนึ้ ไปสยู อดเขานั้นใหได คุณจะตองมีวินยั ในตนเองวาคณุ จะตอ งทาํ ให ไดเ พื่อไปสชู ัยชนะท่วี าดฝนไวไมวาจะเจอกับปญหาและอุปสรรคใด ๆ ก็ตาม ซง่ึ Self ตัวนจ้ี ะเปนพลังผลักดนั ให คณุ สรางวนิ ัยในการปฏิบัตติ นใหไปสูค วามฝน ที่กาํ หนดขึน้ ไมย อ ทอ หรอื หวนั่ ไหวไปซะกอ นกับปญ หาที่เกิดขึ้น ดว ย การเปลยี่ นเปาหมายของตนเอง เชน หากคุณไดรับการคัดเลือกเขา ศึกษาตอปรญิ ญาตรีแลวละ ก็ แนน อนวาคณุ จะตองเจอะเจอกบั ปญ หาสารพัด ไมวา จะเปนเวลาท่ไี มอ าจแบงสรรใหก บั การเรียนได ปญ หาเรอื่ งแฟนหรือคนใน
ครอบครวั ไมชอบใจทีค่ ุณไมใ หเ วลากับพวกเขา ปญหางบประมาณมจี ํากัด ปญหาเหลานจ้ี ะสง ผลใหคณุ คิดไปเองวา ตนเรยี นไมไ หวอยางแนน อน นั่นกค็ ือคณุ พยายามหาเหตุผลสนบั สนนุ วา คณุ ไมส ามารถเรยี นตอ ในระดบั ปรญิ ญาตรี ได เปนตน แตหากคณุ มี Self แหงวินยั ในตนเองแลว ละ ก็ Self ตัวน้จี ะเปนพลังผลกั ดันใหคุณสรา งวินัยในการ ปฏบิ ตั ิตนใหฟ น ฝา ปญหาท่เี กดิ ขน้ึ ดว ยการจดั สรรเวลาใหเหมาะสม และการบังคบั ตนเองใหม ีวินัยพอทจี่ ะปฏบิ ตั ิ ตนตามเวลาทกี่ าํ หนดข้ึน SelfI Improvement 3. ตระหนักรูห นทางแหง การพัฒนาตนเอง (Self Improvement) Self ทสี่ ามน้จี ะเปน เสมอื น ตวั จดุ ประกายใหค ุณมคี วามรู และความสามารถในการสานฝน ที่กาํ หนดขน้ึ ใหเปนจริงได Self ตัวน้จี ะทาํ ใหคณุ เรม่ิ ถามตนเองวา คุณจะตองพฒั นาตนเองในเร่อื งใดบาง เพื่อใหคุณมีศกั ยภาพเพียงพอที่จะทําใหเ ปาหมายของตนเอง บรรลุผลสําเร็จ หากคุณมีหวั ใจพรอมท่ีจะพฒั นาแลวนนั้ ยอมจะทาํ ใหค ุณมแี รงอดึ มีพลงั พอทจ่ี ะปรับปรงุ ตนเอง อยางตอ เนอ่ื งอยเู สมอ ไมคิดยอทอหรอื หมดหวงั ท่ีจะเห็นผลสําเร็จของความฝนน้นั ๆ ของคุณเอง เชน หากคุณมี โอกาสเขา เรียนตอในระดับปริญญาตรี ซึ่งคณุ พบวา มีความรูในวชิ าท่ีเรยี นไมเทา กบั เพื่อน ๆ คนอน่ื แลวละก็ ความรสู ึกทจ่ี ะเกิดขึน้ กบั คณุ ตอไปน้ันมอี ยสู องดาน นนั่ ก็คือ ดานหน่งึ เปนความรสู ึกทางลบคือ คณุ จะเรม่ิ รสู ึกเบ่อื เซ็ง ไมชอบในสง่ิ ทค่ี ณุ เองไดเลือกไปแลว และความรูสึกอกี ดา นหนง่ึ เปนความรสู ึกในทางบวก ซ่งึ คุณเองตอ ง พยายามบอกตนเองเสมอวาคุณจะตอ งพัฒนาความรูท ย่ี ังขาดหายไปใหม มี ากขนึ้ ใหจ งได ความรูสึกในทางบวกนจี้ ะ เปน พลังผลกั ดันใหคณุ หาหนทางและวธิ ีการตา ง ๆ นา ๆ ที่จะปรบั ปรงุ ตนเองใหม คี วามรู และความสามารถมาก ยิง่ ขึน้ ตอ ไป Self Evaluation 4. ตระหนักรูระดับข้ันของการไปสคู วามความสําเร็จ (Self Evaluation) Self ตวั น้จี ะทาํ ให คณุ เริ่มประเมนิ ผลการปฏิบัติตนของตวั คุณวาประสบความสาํ เรจ็ ไปมากนอ ยแคไ หนบา ง ซงึ่ คณุ เองจะตอง ประเมนิ ผลตนเองเปนระยะอยางตอ เนื่องอยเู สมอ ทัง้ นีค้ าํ ถามหลัก ๆ ท่ีคณุ จะตองประเมินตนเอง นั่นก็คอื คณุ ยัง สามารถทําเปา หมายทก่ี ําหนดข้ึนใหเ ปน จริงไดน นั้ ตามเง่ือนไขทีถ่ กู กาํ หนดขน้ึ ไวแลวไดห รอื ไม .......คุณมคี วามรู และความสามารถเพียงพอหรือยงั ............คุณจะตองทําอยา งไรบางในการทําใหค ุณมีความรูและความสามารถเพ่ิม มากขน้ึ ในอันท่ีจะทําใหเปา หมายของคุณบรรลุผลสาํ เร็จ.....ทั้งนกี้ ารประเมนิ ตนเองนั้น คุณควรกาํ หนดขน้ึ เปน ระยะ ๆ เชน ทกุ ครง่ึ ภาคเรียนทุกภาคเรียน เปน ตน เชน คณุ สามารถประเมนิ ความรขู องคุณวาเมื่อไดผ านการสอบ วัดผลในแตละครง้ั คุณรอู ะไรเพมิ่ มากขน้ึ หรอื ไม ความรูอ ะไรบา งทคี่ ณุ อยากจะรูและยังไมรู และคุณจะตองทาํ อะไรบา งเพอื่ ใหคณุ มีความรูเพิ่มขึ้นในส่ิงท่ีตนเองยงั ไมร เู ปน ตน สรปุ การพัฒนาตนเองใหป ระสบผลสาํ เรจ็ น้นั ไมย าก ขอเพยี งแตวาคุณจะตองมีความมงุ มั่น และตงั้ ใจจริงท่จี ะบรหิ ารตนเอง ( Self) ดวยการตระหนกั รูใ นความคาดหวังของตนเอง การสรางวินยั ในการ ปฏิบตั ิตนตามเง่ือนไขของเวลาทกี่ ําหนด การปรับปรุงความรคู วามสามารถของตนเองอยเู สมอ และสุดทายนนั่ ก็คอื การประเมินผลสําเร็จในเปาหมายทต่ี ัวคุณเปน ผลู ขิ ติ ข้ึนเปนระยะอยางตอ เนอื่ ง http://www.hrcenter.co.th ที่มา :
แบบบันทกึ คะแนนแบบฝกหัด เรื่อง บนั ได 5 ขั้นของชวี ติ ลาํ ดบั ชื่อ – สกลุ รวม สรปุ ท่ี คะแนน รอ ยละ ผลการประเมิน หมายเหตุ ผา น ไมผาน 10 1 7 70.00 2 9 90.00 3 7 70.00 รวม 23 เฉลี่ย 7.67 คิดเปนรอ ยละ 76.67 การผานเกณฑการประเมนิ ตองไดค ะแนน รอยละ 70 ข้นึ ไป ถอื วา ผานเกณฑป ระเมิน ลงช่ือ .......................................................... ผปู ระเมนิ (นางเกษร บญุ เปง ) ตาํ แหนง ครู
แบบสงั เกตพฤติกรรม ดา นมวี นิ ัย ใฝเรยี นรู เร่ือง บันได 5 ขั้นของชวี ิต พฤตกิ รรมตัวบงช้ี ีม ิวนัย สรุปผล เลขท่ี ชอ่ื - สกลุ ใ ฝเ ีรยน ูร การประเมิน รวม 8 คะแนน 1. ผาน ไมผ า น 2. ระ ัดบ ุคณภาพ44 3. 3 36 3 4 37 4 4 37 4 เกณฑการประเมนิ เทา กบั ดีมาก ชว งคะแนน 7 – 8 คะแนน ระดับคุณภาพ 4 เทา กบั ดี ชวงคะแนน 5 – 6 คะแนน ระดบั คุณภาพ 3 เทา กับ พอใช ชวงคะแนน 3 – 4 คะแนน ระดับคุณภาพ 2 เทา กับ ปรบั ปรุง ชว งคะแนน ตาํ่ กวา 2 คะแนน ระดบั คุณภาพ 1 หมายเหตุ ระดับคุณภาพ 2 ข้ึนไป จงึ ถอื วาผา นเกณฑ ลงชื่อ .......................................................... ผูประเมนิ (นางเกษร บุญเปง) ตําแหนง ครู
เกณฑก ารใหคะแนนแบบประเมินพฤตกิ รรมและคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค ประเดน็ 4 เกณฑการใหค ะแนน การประเมนิ ทาํ งานสะอาด 32 1 1. มีวนิ ัย สวยงามและเปน ทํางานสะอาด ทาํ งานสะอาด ทาํ งานไมค อยสะอาด 2. ใฝเ รียนรู ระเบียบเรียบรอ ย สวยงามและคอนขา ง สวยงามและเปน มรี อยขีดฆา ผลงาน ใหค วามสนใจในการ มีระเบยี บ ระเบียบ สกปรก เรียนตั้งแตต นจนจบ เปนบางสวน ไมต ง้ั ใจเรียนมักจะ ซักถามเมอื่ ไมเขา ใจ หยอกลอกับเพอ่ื นอยู ใหค วามสนใจในการ คอนขา งสนใจเรียน เสมอ เรยี นตัง้ แตตนจนจบ หยอกลอกบั เพ่ือน บางครงั้
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมตามคุณธรรมอตั ลกั ษณ ดา นความมีระเบยี บวนิ ยั เรอ่ื ง ฉนั พฒั นาได พฤติกรรมตวั บงช้ี / ระดับคะแนน สรุปผล การประเมิน ที่ ชือ่ – สกลุ เ ขาเรียนตรง เวลา ้ัตงใจเรียน แ ตงกาย ูถก ระเ ีบยบ รวมคะแนน ระ ัดบ ุคณภาพ 4 4 4 12 4 ผาน ไมผ า น 1 นางสาว จินตนา พ่งึ เศรษฐกิจ 4 4 4 12 4 2 นางสาว ณัฐชยา ใจเลิศฤทธิ์ 4 4 4 12 4 3 นางสาว ดารณุ ี วศนิ เพ่ิมพล 4 4 4 12 4 4 นางสาว ลัดดาพร ภมรไพร 4 4 4 12 4 5 นางสาว สวุ พร อุทิศสงิ ขร 4 4 4 12 4 6 นางสาว วรรณิดา บูชาพทุ ธรจุ ริ า 4 4 4 12 4 7 นางสาว กณิกา แซเ ฮอ 4 4 4 12 4 8 นางสาว กนกวัน กติ ติพนั ธุเสนา 4 4 4 12 4 9 นางสาว จนั ทรก วี นราภรณก ูล 4 4 4 12 4 10 นางสาว จินตนา วนั สริ ิแสงเพชร 4 4 4 12 4 11 นางสาว จรี าภา บุญเลศิ 4 4 4 12 4 12 นางสาว ดวงฤทัย กลการหาญ 4 4 4 12 4 13 นางสาว ภคั จริ า สมพงษวัฒนา 4 4 4 12 4 14 นางสาว วารี สิรวิ าณิชอุดม 4 4 4 12 4 15 นางสาว สุดาพร เนืองนธิ ิโชค 4 4 4 12 4 16 นางสาว สุดารัตน เดนกังวาน 4 4 4 12 4 17 นางสาว สทุ ธิตา วิเชียรกระจา ง 4 4 4 12 4 18 นางสาว สุพตั รา จารุววี รรณ 4 4 4 12 4 19 นางสาว รงุ นภา พิริยะเดชากลุ 4 4 4 12 4
เกณฑการใหค ะแนนแบบประเมนิ พฤตกิ รรมตามคณุ ธรรมอตั ลกั ษณ ประเดน็ 4 เกณฑการใหค ะแนน การประเมนิ มากอนเวลาเรียน 321 1.เขา เรียนตรง ใหความรว มมือใน มาตรงเวลาเรียน มาสายในชวง 5 มาสายเกนิ กวา 5 เวลา การเรยี นการสอน 2. ตงั้ ใจเรียน ตลอดคาบเรียน นาที นาที 3.แตงกายถกู แตงกายถูกระเบยี บ ใหค วามรว มมือใน ใหความรว มมือใน ไมใหค วามรวมมอื ใน ระเบยี บ ตลอดคาบเรยี น การเรียนการสอน การเรยี นการสอน การเรียนการสอน เปนสว นใหญแตไม บา งเปนบางครง้ั ตลอดคาบเรยี น แตง กายถูกระเบียบ แตงกายถูกระเบยี บ แตง กายไมถูก เกนิ ครงึ่ ชว่ั โมงแตไ ม ไมถงึ ครง่ึ ชัว่ โมง ระเบยี บมาเขา เรียน ตลอดคาบเรยี น
แบบประเมนิ สมรรถนะสําคญั ของผูเ รยี น ดา นความสามารถในการคิด เร่อื ง ฉันพฒั นาได พฤตกิ รรมบงช้ี สรุปผลการประเมิน เลขที่ ความสามารถในการ ิคด ชือ่ - สกุล ระดับ ผา น ไมผา น 4 1. 3 3 2. 4 4 3. 4 4 เกณฑก ารประเมิน 4 คะแนน ระดบั คุณภาพ 4 เทากบั ดมี าก คะแนน 3 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 3 เทา กบั ดี คะแนน 2 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 2 เทา กบั พอใช คะแนน 1 คะแนน ระดับคุณภาพ 1 เทากับ ปรบั ปรุง คะแนนต่าํ กวา หมายเหตุ ระดับคณุ ภาพ 3 ข้ึนไป จึงถือวาผาน ลงชอ่ื .......................................................... ผูประเมนิ (นางเกษร บญุ เปง) ตาํ แหนง ครู
4 แผนการจัดการเรยี นรทู ี่ 1 หนว ยการจัดกจิ กรรมแนะแนว ชวี ติ ทีเ่ ปนประโยชน ระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปที่ 3 เรื่อง ชีวิตท่เี ปนประโยชน ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 2 ช่ัวโมง 1. วตั ถปุ ระสงคช น้ั ป นักเรียนตระหนกั และเหน็ คณุ คา ความสามารถของตนเองทีเ่ ปนประโยชนต อผูอน่ื และ พฒั นาตนอยา งตอเนอ่ื ง 2. สาระสําคัญ การตระหนกั รวู าตนเองเปนประโยชนต อ ผอู น่ื จะทําใหนักเรียนเหน็ คณุ คา ในตนเอง เกดิ ความ ภาคภมู ใิ จ และมีแรงจงู ใจในการพฒั นาตนเองอยา งตอเนือ่ ง 3. จดุ ประสงคการเรยี นรู 3.1 รูแ ละบอกคุณคา ส่งิ ท่ตี นทําแลว เกิดประโยชนต อผอู น่ื 3.2 รแู ละบอกวิธกี ารพฒั นาตนอยา งตอเน่ือง 4. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค 4.1 มีวินยั 4.2 ใฝเ รียนรู 5. คณุ ธรรมอตั ลกั ษณข องสถานศกึ ษา ความพอเพยี ง 6. สมรรถนะสําคญั ของผเู รียน ความสามารถในการคิด 7. สาระการเรียนรู 7.1 คุณสงิ่ ที่ตนทําแลวเกดิ ประโยชนต อผูอ น่ื 7.2 วธิ กี ารพัฒนาตนเองอยางตอ เนือ่ ง 8. ชน้ิ งาน / ภาระงาน ใบงานเรื่อง พัฒนาตนเพ่ือชีวิตท่ีเปน ประโยชน 9. วธิ กี ารจดั กิจกรรม ชว่ั โมงที่ 1 ขัน้ นําเขาสบู ทเรียน 9.1 สนทนากบั นักเรยี นเรื่อง“ชวี ิตทีเ่ ปนประโยชน” โดยถามนกั เรยี นวา ทผี่ า นมานกั เรยี นจะให คะแนนตนเองในการใชชวี ิตท่ีเปนประโยชนเ ทา ไรจากคะแนนเตม็ 10 สุมถามนกั เรียนประมาณ 3 คน และให บอกเหตุผลประกอบ ข้นั สอน 9.2 ใหนักเรยี นเรยี นรูเร่อื งชวี ิตทีเ่ ปน ประโยชนผานชีวติ ของ “ตนหญา ” โดยการใหน กั เรียน ทุกคนบอกประโยชนข องตนหญา คนละ 1 อยาง ใครพรอ มใหต อบกอ น หากคาํ ตอบซ้ําตอ งเปล่ียนคําตอบใหม และหาอาสาสมัครเขียนคาํ ตอบทุกคําตอบบนกระดานหนาหอง 9.3 ใหน ักเรยี นพิจารณาประโยชนของตน หญาที่เขียนบนกระดาน และรวมกันแสดง ความคดิ เห็นและความรูสึกของตนทีไ่ ดเรียนรจู ากตนหญา
5 9.4 ใหนักเรยี นรว มกันพิจารณา ในประเด็นตอไปนี้ - ประโยชนข องตน หญา นนั้ เปนประโยชนเพอื่ ใคร - มีอะไรเปน ขอแลกเปลี่ยนในการเปน ประโยชนของตนหญาหรือไม - ตนหญา มีคุณคาหรอื ไม เพราะเหตุใด 9.5 ครูเช่ือมโยงกจิ กรรมบทเรียนจากตนหญา กับชวี ิตจรงิ ของนกั เรยี น โดยใหน ักเรยี นสาํ รวจ การกระทําของตนที่ผานมา ซึง่ ทาํ แลวเปนประโยชนต อผูอ่ืนพรอ มท้ังบอกคณุ คา ของสงิ่ ท่ีทํา เขียนคาํ ตอบลงในใบ งานเรอ่ื ง “ฉันเปน ประโยชน” ข้ันสรุป 9.6 ใหนักเรยี นแสดงความคิด และความรสู กึ ทเ่ี กิดขึน้ ตอ ตนเองภายหลงั การสํารวจสิ่งท่ีตนทาํ แลวเกดิ ประโยชนต อผูอ ื่น และรวมกนั สรปุ สงิ่ ท่ีไดเ รียนรู ช่วั โมงที่ 2 ขน้ั นาํ เขา สูบทเรียน 9.7 ทบทวนการเรียนรูทไ่ี ดจากการสํารวจสงิ่ ทที่ ําแลว เปนประโยชนตอ ผอู ืน่ เมอ่ื ชว่ั โมงทผ่ี าน มา และใหน ักเรยี นอานบทความเร่ือง ชวี ติ ท่เี ปน ประโยชน จากใบความรู 9.8 ครูช่ืนชมนกั เรยี นในการทาํ ส่ิงทเ่ี ปนประโยชนต อผอู น่ื และชวนใหเ หน็ คุณคาของการทาํ ประโยชนตอ ไป พรอมกับนําเสนอตวั อยา งการวางแผนพัฒนาอยางตอเน่ือง ขนั้ สอน 9.9 ใหน ักเรียนเลอื กสง่ิ ที่ทําแลวเปนประโยชนต อ ผูอื่น และทําใหร ูสึกวา ตนเปน คนท่มี ีคุณคา คนละ 2 เรื่อง และวางแผนพัฒนาการทําส่ิงที่เปนประโยชนต อ ผูอ่นื อยา งตอ เน่ือง โดยทําลงในใบงานเรอื่ ง วาง แผนการทาํ ประโยชนเ พม่ิ คณุ คา 9.10 ครูคอยสังเกตพฤติกรรมนักเรียนในระหวา งทาํ กิจกรรม ดา นความพอเพยี ง พรอ มบนั ทึกลง ในแบบสงั เกตพฤตกิ รรมตามคุณธรรมอัตลักษณ ขั้นสรุป 9.11 ใหน กั เรียนแลกเปลย่ี นเรยี นรูซึ่งกนั และกัน และบอกแนวทางการนาํ ไปใชในชีวติ 10. ส่อื /อุปกรณ 10.1 ภาพตน หญา หรือตนหญา จรงิ 10.2 ใบงานเรอื่ ง ฉันเปน ประโยชน 10.3 ใบความรูเรอื่ ง ชีวิตทเี่ ปนประโยชน 10.4 ใบงานเรื่อง วางแผนการทําประโยชนเพิม่ คณุ คา 11. การวัดผลและประเมินผล ประเด็นการวดั ผล วิธีวัด/ประเมนิ ผล เครอื่ งมอื วัด/ เกณฑก ารประเมนิ ประเมินผล ประเมนิ ผล ผา น = ไดค ะแนน 1. รูและบอกคณุ คา ส่งิ ที่ตน 1. นักเรียนทํา 1. แบบฝก หัด เฉลี่ยรอ ยละ 70 ขน้ึ ไป ทําแลว เกิดประโยชนตอผูอ นื่ แบบฝก หัด ไมผ า น = ไดค ะแนน 2. รูและบอกวธิ กี ารพฒั นาตน เฉล่ยี ต่ํากวา รอ ยละ 70 อยางตอ เนอ่ื ง
6 ประเด็นการวัดผล วิธีวดั /ประเมนิ ผล เครอื่ งมือวดั / เกณฑการประเมิน ประเมนิ ผล ประเมินผล สมรรถนะสําคัญของผเู รยี น ประเมินความสามารถ แบบประเมนิ ผา น = ผลประเมนิ ความสามารถในการคดิ ในการแสดงความ สมรรถนะสาํ คญั ของ ระดับคณุ ภาพ 3 ข้ึนไป คุณลกั ษณะ คิดเห็น ผเู รียน ไมผา น =ผลประเมิน อนั พึงประสงค สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกต ระดบั คุณภาพตา่ํ วกวา 2 1. มวี ินัย พฤตกิ รรม ผา น = ผลประเมนิ 2. ใฝเรยี นรู ระดับคุณภาพ 3 ขนึ้ ไป ไมผ าน =ผลประเมิน ระดบั คณุ ภาพตาํ่ วกวา 2 คณุ ธรรมอัตลกั ษณ สังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกต ผาน = ผลประเมิน 1.ความพอเพยี ง พฤติกรรม ระดับคณุ ภาพ 3 ข้นึ ไป คุณธรรมอตั ลักษณ ไมผ าน =ผลประเมนิ ระดับคณุ ภาพตาํ่ วกวา 2 แบบบนั ทึกคะแนนแบบฝก หดั เอกสารประกอบการเรยี น ชีวติ ทเ่ี ปนประโยชน เร่อื ง ฉนั เปน ประโยชน ลําดบั ช่อื – สกุล รวม สรุป ที่ คะแนน รอ ยละ ผลการประเมิน หมายเห ผาน ไมผ าน 10 1 7 70.00 2 9 90.00 3 7 70.00 รวม 23 เฉลย่ี 7.67 คิดเปนรอ ยละ 76.67 การผา นเกณฑการประเมิน ตองไดคะแนน รอ ยละ 70 ขึน้ ไป ถอื วา ผานเกณฑประเมนิ ลงช่อื .......................................................... ผูประเมนิ (นางเกษร บุญเปง) ตาํ แหนง ครู
7 แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ดานมีวนิ ัย ใฝเ รยี นรู เรอื่ ง ชวี ติ ท่เี ปนประโยชน พฤติกรรมตวั บงช้ี ีม ิวนัย สรุปผล ชื่อ - สกลุ ใ ฝเ ีรยน ูร การประเมิน เลขท่ี รวม 8 คะแนน ผา น ไมผาน 1. ระ ัดบ ุคณภาพ44 2. 3 3 6 3 3. 4 3 7 4 4 3 7 4 เกณฑการประเมิน 4 เทา กบั ดมี าก ชวงคะแนน 7 – 8 คะแนน ระดับคุณภาพ 3 เทา กับ ดี ชว งคะแนน 5 – 6 คะแนน ระดับคุณภาพ 2 เทา กับ พอใช ชวงคะแนน 3 – 4 คะแนน ระดบั คุณภาพ 1 เทา กับ ปรบั ปรุง ชวงคะแนน ตํา่ กวา 2 คะแนน ระดบั คุณภาพ หมายเหตุ ระดับคุณภาพ 2 ข้นึ ไป จึงถอื วาผานเกณฑ ลงชื่อ .......................................................... ผูประเมนิ (นางเกษร บุญเปง ) ตําแหนง ครู
8 เกณฑการใหคะแนนแบบประเมินพฤติกรรมและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค ประเด็น 4 เกณฑก ารใหคะแนน การประเมนิ ทาํ งานสะอาด 32 1 1. มีวินยั สวยงามและเปน ทาํ งานสะอาด ทํางานสะอาด ทํางานไมค อ ย ระเบยี บเรยี บรอ ย สวยงามและ สวยงามและเปน สะอาด มีรอยขีดฆา คอ นขา ง ระเบยี บ ผลงานสกปรก มีระเบียบ เปน บางสวน ไมตั้งใจเรยี นมักจะ 2. ใฝเ รยี นรู ใหค วามสนใจใน ใหค วามสนใจใน คอ นขา งสนใจเรียน หยอกลอ กับเพอื่ น การเรยี นต้ังแตต น การเรยี นตั้งแตตน หยอกลอ กบั เพอ่ื น อยเู สมอ จนจบ ซกั ถามเม่อื จนจบ บางคร้งั ไมเ ขาใจ
9 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมตามคุณธรรมอตั ลักษณ ดา นความพอเพียง เร่อื ง ชวี ติ ท่ีเปน ประโยชน ท่ี ช่อื – สกุล เ ขาเรียนตรงพฤติกรรมตัวบงช้ี / ระดับคะแนน เวลา สรปุ ผล ้ัตงใจเรียน แ ตงกาย ูถก การประเมิน ระเ ีบยบ รวมคะแนน4 4 12 4 ผาน ไมผ า น ระ ัดบ ุคณภาพ 3 3 9 3 1 เดก็ ชาย ณัฐวุฒิ ชวนนั ตก ลุ 4 2 3 8 3 2 เด็กชาย สันติ ดวงต๊บิ 2 3 8 3 3 2 2 6 2 3 เดก็ ชาย ทรงชัย ศวิ เดชเกรียงไกร 3 2 3 8 3 3 4 เด็กชาย ณฐั ภูมิ พรอมไพรสขุ 2 2 3 8 3 3 2 3 7 3 5 เด็กชาย ทวิ ากร กันทรบรมสขุ 2 3 7 3 3 6 เดก็ ชาย สรสิช เหตุผลดี 2 4 4 12 4 2 4 4 12 4 7 เดก็ ชาย ยศพทั ธ กันทรมงคลกิจ 4 4 12 4 4 4 4 12 4 8 เด็กชาย อาชญั วชิ ญ จตุรวทิ ยส ถาพร 4 4 4 12 4 4 4 4 12 4 9 เด็กหญงิ รสนนั ท มโนรตั น 4 4 4 12 4 10 เด็กหญงิ ศิรพิ ร ชลพไิ ลรตั น 4 4 4 12 4 4 11 เดก็ หญงิ สทุ ธดิ า สกลุ โลภา 4 4 4 12 4 12 เด็กหญงิ วริยา เฉลิมวงศถ าวร 4 4 4 12 4 4 4 12 4 13 เดก็ หญงิ เสาวภา กรงุ เอกชน 4 4 4 12 4 4 4 12 4 14 เดก็ หญิง ฑิฆมั พร ถาวรยศวจิ ิตร 4 4 4 12 4 15 เด็กหญงิ ปภาวี กอเผาพานิช 4 4 4 12 4 16 เด็กหญิง กุลธิดา ถาวร 4 4 4 12 4 17 เดก็ หญิง ฐติ ิกร สพุ งศพันธุนิธิ 4 4 4 4 12 4 18 เด็กหญงิ ธญั ชนก โชคนที 4 4 4 12 4 19 เด็กหญิง นรมน ใจเลิศฤทธิ์ 4 20 เดก็ หญิง นิตา เจรญิ มณกี ุล 4 21 เด็กหญิง ปรีณดา กศุ ลเกือ้ กลุ 4 22 เด็กหญิง มณรี ัตน มีจิตใจ 23 เดก็ หญิง มติกา เอกมณีไพรพงศ 24 เดก็ หญงิ วกิ ลั ยา ไผส คี ําทอง 25 เด็กหญิง วิพาภรณ เกษมววิ ฒั น 26 เด็กหญิง ศศิภา วนากอ งเกียรติ
10 27 เดก็ หญงิ ศวิ รกั ษ ปองเรืองศักด์ิ 4 4 4 12 4 28 เด็กหญงิ สริ ธิ ร วงศเชิดศกั ดิ์ 4 4 4 12 4 29 เดก็ หญิง สชุ าวดี มีจติ ใจ 4 4 4 12 4 30 เดก็ ชาย ภูวดล รอดพนั ธุ 4 4 4 12 4 31 เดก็ หญิง บณั ฑติ า ใจตะ 4 4 4 12 4 32 เด็กหญงิ มุกฑิตา กอ นเกยี รติวงศ 4 4 4 12 4 33 เดก็ ชาย ถริ ดา เจตนาคมุ ทรพั ย 2 2 3 7 3 34 เดก็ ชาย กาํ พล กจิ ขจรไพร 2 2 3 7 3 35 เด็กชาย ทชิ านนท ฤทยั คงกิจ 2 2 3 7 3 36 เด็กชาย ประทปี คงอาํ นวยพร 2 2 3 7 3 37 เดก็ ชาย พัสกร สุดพนาสน 2 2 3 7 3 38 เด็กชาย วรญั ู สําราญไพรวลั ย 2 2 3 7 3 39 เดก็ ชาย วฒุ ชิ ยั อทุ ิศสงิ ขร 2 2 3 7 3 40 เดก็ ชาย ศิวดล สังฆบตุ รสกุล 2 2 3 7 3 41 เดก็ หญงิ องั คณา พรชัยโรจน 4 4 4 12 4 42 เดก็ หญงิ ศิริพร ษมาจติ วโิ รจน 4 4 4 12 4 43 เด็กหญงิ จริ นันท ดาวเรืองงาม 4 4 4 12 4 44 เด็กหญงิ จุฑาทพิ ย กรองใหด ี 4 4 4 12 4 45 เดก็ หญงิ ชฎานันท กนั ทรโสภา 4 4 4 12 4 46 เด็กหญิง ชฏา ชวาลกิจโอฬาร 4 4 4 12 4 47 เดก็ หญงิ ฐิติพร ใฝประหยดั ธรรม 4 4 4 12 4 48 เดก็ หญงิ ณิชกาญจน กอ นธรรม 4 4 4 12 4 49 เดก็ หญิง เบญจมาศ หฤทยั อุดมศกั ด์ิ 4 4 4 12 4 50 เด็กหญิง ปนนภา กุลนิพนธ 4 4 4 12 4 51 เด็กหญงิ มนัสพร ปต สิ กลุ บุญเลิศ 4 4 4 12 4 52 เด็กหญงิ วนิดา เงนิ รุงระวี 4 4 4 12 4 53 เดก็ หญงิ ศนั สนีย เนื่องนิธสิ ุข 4 4 4 12 4 54 เดก็ หญิง ศริ สิ ุข ใฝสืบสกุล 4 4 4 12 4 55 เด็กหญิง สริ ิพร โฆษิตบรรพต 4 4 4 12 4 56 เดก็ หญิง สรุ ยี เอกา 4 4 4 12 4 57 เด็กหญิง อรวี เพ็ญเพชรศักดิ์ 4 4 4 12 4 58 เดก็ หญิง กชนนั ท ใจตะ 4 4 4 12 4 59 เด็กหญงิ สนุ ติ า ทิมหวาง 4 4 4 12 4 60 เด็กหญงิ บุญสติ า ปญญาโกศลบุญ 3 2 4 9 3 61 เดก็ หญงิ สุชานาถ ไพรทวีรมเย็น 4 4 4 12 4
11 62 เด็กชาย กิตตพิ งษ กอนสวุ รรณ 3 3 3 9 3 63 เดก็ ชาย จรูญศกั ด์ิ ขจรบุญบาํ รุง 3 3 3 9 3 64 เด็กชาย ชยพล สินธุ 3 3 3 9 3 65 เดก็ ชาย ไชยภพ ธนากรเดช 3 3 3 9 3 66 เดก็ ชาย ณฐั นนท การชนะดี 3 3 3 9 3 67 เด็กชาย ธญั พสิ ิษฐ ตันตสิ งา กลุ 3 3 3 9 3 68 เด็กชาย ธีรนนั ท อนนั ตศ ุภมล 3 3 3 9 3 69 เด็กชาย นรนิ ทร ไมมีช่อื สกลุ 3 3 3 9 3 70 เด็กชาย พงศธร เลศิ หล่งั หลาย 3 3 3 9 3 71 เด็กชาย พชร สายสี 3 3 3 9 3 72 เด็กชาย ศรชัย กรรณกนกชัย 3 3 3 9 3 73 เดก็ ชาย อนุเดช ไมม ชี อ่ื สกุล 3 3 3 9 3 74 เดก็ ชาย อิสราพงษ กติ ตภิ กั ดกี ุล 3 3 3 9 3 75 เด็กหญิง ทติ ยา ควรอนุรกั ษ 4 4 4 12 4 76 เด็กหญงิ อันนตญา กมลโชติหรรษา 4 4 4 12 4 77 เด็กหญิง กนกวรรณ มารศรี 4 4 4 12 4 78 เดก็ หญงิ กมลพร เจรญิ สขุ สําราญ 4 4 4 12 4 79 เด็กหญิง จันทรเพญ็ แสนยานุภาพพงษ 4 4 4 12 4 80 เดก็ หญิง แจม ฟา ธํารงปย กจิ 4 4 4 12 4 81 เดก็ หญงิ ณฐั กานต แสนทองอรณุ 4 4 4 12 4 82 เดก็ หญงิ ธาวนิ ี นาวาสมบรู ณ 4 4 4 12 4 83 เดก็ หญงิ มณี พิทักษถาวรกลุ 4 4 4 12 4 84 เด็กหญิง มธุรา สดใสจาํ ปา 4 4 4 12 4 85 เดก็ หญงิ วรกานต บรู ณครี ี 4 4 4 12 4 86 เด็กหญงิ วนี า เนตรประกาย 4 4 4 12 4 87 เด็กหญงิ ศริ ิมล ดวงจติ สมปอง 4 4 4 12 4 88 เด็กหญงิ อาทติ ยา ชอ มะมว งปา 4 4 4 12 4 89 เด็กหญงิ ณฐั พร สุขศรีวมิ าน 4 4 4 12 4 90 เด็กหญงิ ธนชั ชา รัตนศรีทพิ ย 4 4 4 12 4
12 เกณฑการใหคะแนนแบบประเมนิ พฤตกิ รรมตามคุณธรรมอตั ลกั ษณ ประเด็น 4 เกณฑการใหค ะแนน การประเมนิ มากอนเวลาเรียน 321 1.เขาเรียนตรง ใหค วามรวมมือใน มาตรงเวลาเรยี น มาสายในชว ง 5 มาสายเกนิ กวา 5 เวลา การเรยี นการสอน 2. ตัง้ ใจเรียน ตลอดคาบเรยี น นาที นาที 3.แตง กายถูก แตง กายถูกระเบยี บ ใหความรว มมอื ใน ใหค วามรว มมือใน ไมใหค วามรวมมือใน ระเบยี บ ตลอดคาบเรียน การเรยี นการสอน การเรียนการสอน การเรียนการสอน เปนสวนใหญแตไม บางเปน บางครั้ง ตลอดคาบเรียน แตง กายถูกระเบยี บ แตงกายถกู ระเบียบ แตงกายไมถกู เกนิ คร่งึ ชวั่ โมงแตไ ม ไมถงึ คร่ึงชัว่ โมง ระเบียบมาเขา เรยี น ตลอดคาบเรยี น
13 แบบประเมนิ สมรรถนะสําคัญของผูเรียน ดา นความสามารถในการคิด เร่อื ง วางแผนการทําประโยชนเพิ่มคณุ คา พฤตกิ รรมบง ช้ี สรปุ ผลการประเมิน เลขท่ี ความสามารถในการ ิคด ช่อื - สกุล ระดบั ผาน ไมผาน 4 1. 3 3 2. 4 4 3. 4 4 เกณฑการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ 4 เทากับ ดมี าก คะแนน 4 คะแนน ระดับคุณภาพ 3 เทา กบั ดี คะแนน 3 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 2 เทา กบั พอใช คะแนน 2 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 1 เทา กับ ปรบั ปรงุ คะแนนต่ํากวา 1 คะแนน หมายเหตุ ระดับคณุ ภาพ 3 ขึน้ ไป จึงถือวาผา น ลงช่ือ .......................................................... ผปู ระเมิน (นางเกษร บุญเปง ) ตาํ แหนง ครู
14 ใบงานกิจกรรมแนะแนว หนวยการจดั กจิ กรรมชวี ิตท่ีเปนประโยชน ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ่ี 3 ชอื่ -สกลุ นกั เรยี น..............................................................................................ช้นั ม.3/...........เลขท.่ี .......... ใบงานเรือ่ ง ฉันเปน ประโยชน ใหน ักเรยี นสํารวจการกระทาํ ของตนที่ผา นมา ซึ่งทําแลว เปน ประโยชนตอ ผอู ืน่ พรอ มทัง้ บอกผลทเ่ี กิดขนึ้ สถานที่ สิ่งท่ฉี นั ทาํ แลวเปน ประโยชน ผลทีเ่ กิดข้ึนตอผอู นื่ ตอ ผอู ื่น บา น/ครอบครวั ........................................................................ ..................................................... โรงเรียน ........................................................................ ..................................................... ชุมชน/สงั คม ........................................................................ ..................................................... ประเทศชาต/ิ โลก ........................................ ............................. ........................................................................ ..................................................... ........................................................................ ..................................................... ........................................................................ ..................................................... ........................................ ............................. ........................................................................ ..................................................... ........................................................................ ..................................................... ........................................................................ ..................................................... ........................................ ............................. ........................................................................ ..................................................... ........................................................................ ..................................................... ........................................................................ ..................................................... ........................................ ............................. ความรูสกึ ของฉนั ภายหลงั การสํารวจสง่ิ ท่ีทาํ แลว เกดิ ประโยชนตอผอู น่ื ……………………………………………………………………….............................................…........…. ……………………………………………………………………………………………………………........… ……………………………………………………………………………………………………………........… ………………………………………......................................................................................................… .................................................................................................................
15 ;ใบงานกิจกรรมแนะแนว หนว ยการจัดกจิ กรรมชีวิตทีเ่ ปนประโยชน ระดบั ช้ันมัธยมศึกษาปท ี่ 3 ชื่อ-สกุลนักเรยี น...........................................................................................ชัน้ ม.3/.............เลขท.่ี ........... ใบงานเรอ่ื ง วางแผนการทําประโยชนเ พม่ิ คุณคา ใหน้ กั เรยี นเลอื กสง่ิ ท่ีทาํ แลว้ เป็นประโยชนต์ อ่ ผอู้ ่ืน และทาํ ใหร้ ูส้ กึ วา่ ตนเป็นคนท่มี ีคณุ คา่ จาํ นวน 2 เรอ่ื ง และวางแผนพฒั นาการทาํ ส่งิ ท่ีเป็นประโยชนต์ อ่ ผอู้ ่ืนอยา่ งตอ่ เน่อื ง สงิ่ ท่ที าํ แลวเปนประโยชนตอผูอ น่ื การวางแผนพฒั นาการทําสง่ิ ทเ่ี ปนประโยชนตอ และทาํ ใหรสู กึ วาตนเปน คนท่มี คี ุณคา ผอู ืน่ อยา งตอ เนอ่ื ง 1. 2.
16 ใบความรูกิจกรรมแนะแนว หนวยการจัดกิจกรรมชวี ติ ทีเ่ ปนประโยชน ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปท ่ี 3 ใบความรู ชวี ิตทเ่ี ปนประโยชน รศ.ดร.โสรีช โพธ์ิแกว คณะจติ วทิ ยา จุฬาลงกรณมหาวทิ ยาลัย (2 เมษายน 2528) คนเราเกดิ มาเพอ่ื เปน ประโยชนต อ โลก เชนเดยี วกบั ตนไมท เี่ กิดมาใหร ม เงาและพืชผลตอสรรพส่งิ เชน เดียวกับดวงอาทิตยท ่ีใหความอบอนุ แกพ ชื พันธุ เชน เดยี วกับแมน้ําที่ใหความเยือกเยน็ และสรางสรรค เชนเดียวกับตนมะละกอ ตน กลวย ซ่งึ ใหอาหารสรรพส่ิง การไดใ ชช วี ติ อยางเปนประโยชน จึงเปนชวี ติ ท่ีมีความสําเร็จ ประโยชนท ่เี รามตี อผอู ื่น ประโยชนท่ีเรามตี อ สังคม ประโยชนท่เี รารูจ กั ใชตนเองใหเปนประโยชนม ากขึ้น ดวยการหมนั่ ฝก หมั่นพัฒนา หม่ันทาํ ตนใหเกงขึน้ ดีข้นึ ลว นเปน การกระทําทม่ี ปี ระโยชนแ ละเปน เครอ่ื งหมาย ของความสําเรจ็ ทัง้ สนิ้ ความสาํ เรจ็ ทแี่ ท จงึ มิใชก ารไดรับสง่ิ ทม่ี าตรฐานสังคมเหน็ วา ดี เชนการเปน คนรวย การเปน ผมู อี ํานาจ การมตี ําแหนงที่สงั คมกาํ หนดกนั ขึ้น แตเ ปนการรูจ ักตนเอง รจู กั การมีชวี ติ และทาํ ตนใหเปนประโยชน ตามกาํ ลงั อันนอยนิดของแตละคนและรวมกนั สรา งประโยชนใ หเ กดิ ขึ้นแกโ ลก ความลมเหลวที่แทคือความไมรถู ึงการใชช วี ิตใหเปน ประโยชน มนั ไมใ ชหมายถงึ การสอบตก หรือยากจน หรือความรนู อย หรือดอ ยตําแหนง แตเปนการปด ตนเองไมใ หไดเ หน็ วถิ ที างของการทําประโยชนจ ากตนเอง ซึ่งเกดิ มาเพื่อเปน ประโยชนแกโลก
17 ตวั อยา ง การทาํ ประโยชนเ พอ่ื ผอู น่ื การกระทาํ ท่เี ปนประโยชน ในแนวทางการทาํ ความดี เปน ความงามของชีวติ เพิม่ เตมิ จากการทาํ กจิ วัตร ประจาํ วัน ตัวอยา ง - ลางจาน ซกั ชดุ ชน้ั ใน ซกั ถงุ เทา ท่ีบาน - กรอกนํ้าใสข วด ใสตเู ย็น - รดี ผา ลางรถมอเตอรไ ซด - ชวยแมเตรยี มของขายในตอนเชาทกุ วนั เวลา 5.30-7.00 น. - พดู คุยกับพอ -แมเรื่องสว นตัวและฟงเรอ่ื งสว นตัวของกนั และกนั - นวดหลังใหพ ออาทติ ยล ะคร้งั ๆละ 1 ชว่ั โมง - สอนนอ งเร่ืองการใชชีวติ กอนเขานอนเปน ประจาํ - อยูเปน เพือ่ นปกู อ นทีน่ า จะกลับมาถึงบา น - รบั ฟง และพดู คยุ กับพอ-แมเร่อื งสวนตวั - ฯลฯ ตวั อยาง การวางแผนการทําประโยชนอ ยา งตอ เนอื่ ง สิง่ ท่ที าํ แลวเปนประโยชนตอผอู น่ื การวางแผนพฒั นาการทําส่งิ ที่เปน ประโยชนต อ และทาํ ใหรสู กึ วา ตนเปน คนทมี่ คี ณุ คา ผูอื่นอยางตอ เนือ่ ง 1. ชว ยแมเตรียมของขายตอนเชาทกุ วัน (05.30 - 7.00 น.) - จัดเตรียมของบางอยา งไวต อนหวั ค่ํากอนนอน 2. รบั ฟง และพูดคุยกบั พอ -แมเ รอ่ื งสวนตวั เชน เครื่องปรงุ ฯลฯ - เตรยี มสิ่งทต่ี องนําไปโรงเรียนไวใ หพรอ ม จะได ไมตอ งรบี แลวลืมของตอนเชา - เลอื กเวลาคุยกับทานเมอ่ื วางจากภารกิจ ประจําวัน เชน หลังอาหารเยน็ - หาจงั หวะเสนอความคดิ เหน็ สวนตัวทพี่ อ-แม ขัดแยง กนั ไดบา ง - ฟง ทา นใหม ากเพอ่ื ทานจะไดร สู กึ ดีวา มีลูก เปน เพ่อื น
18 บันทกึ หลังจัดการเรียนรู ดา นความรู นักเรยี นสามารถอธิบายสภาพทางภมู ศิ าสตรของประเทศสมาชกิ อาเซียนได ดา นทักษะกระบวนการ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………… ดา นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………… ปญ หาและอุปสรรค ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… มนี กั เรียนบางคนท่ยี ังไมคอยเขา ใจถึงสภาพภมู ิศาสตรของประเทศกลุมอาเซีย ขอ เสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ครูอธิบายเพิ่มเติม และชี้แนะใหเห็นถึงความสําคัญของสภาพภูมิศาสตรของประเทศกลุมอาเซียน ซึ่ง นักเรียนทุกคนตองทําความเขาใจ และสืบหาขอมูลจากแหลงเรียนรูตาง ๆ เพื่อใหนักเรียนจะไดเรียนรูสภาพ ภูมิศาสตรของประเทศกลุมอาเซียนอยางแทจ รงิ ลงช่อื ..........................................................ครูผสู อน (นางเกษร บุญเปง ) ตาํ แหนง ครู
Search
Read the Text Version
- 1 - 35
Pages: