Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วันสาธารณะสุข

วันสาธารณะสุข

Published by สกร.ตำบลบางลูกเสือ, 2023-08-10 02:27:40

Description: วันสาธารณะสุข

Search

Read the Text Version

กิจกรรมส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ ห้องสมุดประชาชน \"เฉลิมราชกุมารี\" อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก 27 พฤศจิกายน วันสาธารณสุขแห่งชาติ ถือเป็นวันรำลึกถึงการ สถาปนากระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานที่มีหน้าที่ ส่งเสริมด้านอนามัยให้ประชาชนมาอย่างยาวนาน

ประวัติวันสาธารณสุขแห่งชาติ ความเป็นมาของวันสาธารณสุขแห่งชาติ สืบเนื่องจากพระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้งกรม สาธารณสุข โดยทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นชัยนา ทนเรนทร อธิบดีกรมมหาวิทยาลัย เป็นอธิบดีกรมสาธารณสุขคนแรก ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2461 นับเป็นวาระแรกที่มีการใช้คำว่า \"สาธารณสุข\" จึงทำให้กรมสาธารณสุขอยู่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย เรื่อยมาจนถึงปี 2485 ก็ได้มีการสถาปนาขึ้นเป็น \"กระทรวงสาธารณสุข\" โดยถือเอาวันที่ 10 มีนาคม เป็นวันสถาปนา \"กระทรวงสาธารณสุข\" ความเป็นมาของวันสาธารณสุข แห่งชาติ สืบเนื่องจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมี พระบรมราชานุญาตให้จัดตั้งกรมสาธารณสุข โดยทรงโปรดเกล้าฯ ให้ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นชัยนาทนเรนทร อธิบดีกรมมหาวิทยาลัย เป็นอธิบดีกรมสาธารณสุขคนแรก ใน วันที่ 27 พฤศจิกายน 2461 นับเป็นวาระแรกที่มีการใช้คำว่า \"สาธารณสุข\" จึงทำให้กรมสาธารณสุขอยู่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย เรื่อยมาจนถึงปี 2485 ก็ได้มีการสถาปนาขึ้นเป็น \"กระทรวงสาธารณสุข\" โดยถือเอาวันที่ 10 มีนาคม เป็นวันสถาปนา \"กระทรวงสาธารณสุข\"

เครื่องหมายของกระทรวงสาธารณสุข เมื่อได้จัดตั้งกระทรวงสาธารณสุขขึ้นแล้วทางราชการได้กำหนดรูปคบเพลิงมีปีก และมีงูพันคบเพลิง เป็นเครื่องหมายของกระทรวงสาธารณสุข โดยมีเครื่องหมายที่ แสดงถึงอาชีพ อยู่ 2 ชนิด คือ 1. คทากับงูของเอสกูลาปิอุส (Esculapius) เทพเจ้าแห่งแพทย์สมัยกรีก 2. ไม้ศักดิ์สิทธิ์ หรือ Cadkuccus ของเทพเจ้าอพอลโล (Appollo) กิจกรรมในวันสาธารณสุขแห่งชาติ ในวันที่ 27 พฤศจิกายน ของทุกปี ทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน จะมีการ จัดกิจกรรมเนื่องในวันสาธารณสุขแห่งชาติ เพื่อเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับการ สาธารณสุขในประเทศไทย ตลอดจนการจัดกิจกรรมรณรงค์เรื่องเกี่ยวกับ สาธารณสุขให้แก่ประชาชน

เนื้อหา สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 9

มีผู้ให้คำจำกัดความ หรือนิยามคำว่า \"สาธารณสุข\" กันหลายท่าน เช่น ศาสตราจารย์วินสโลว์ ศาสตราจารย์วินสโลว์ (Chares-Edward A. Winslow ) ปรมาจารย์ที่มีชื่อ เสียงทางด้านการสาธารณสุข ผู้หนึ่ง ได้ให้คำจำกัดความเกี่ยวกับการ สาธารณสุขไว้ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๔ ว่า \"การสาธารณสุขเป็นวิทยาการ และศิลปะแห่งการป้องกันโรค การทำให้ อายุยืนยาว และการส่งเสริมอนามัย และประสิทธิภาพของบุคคล โดยความร่วมแรง ร่วมใจของชุมชน ในเรื่องต่างๆ อันได้แก่ การสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม การควบคุมโรค ติดต่อ การให้สุขศึกษาเกี่ยวกับสุขวิทยาส่วนบุคคล การจัดบริการทางการแพทย์และ พยาบาล เพื่อการวินิจฉัยโรคตั้งแต่เริ่มแรก และให้การรักษา เพื่อมิให้ลุกลามต่อไป รวมทั้ง การพัฒนากลไกแห่งสังคม เพื่อให้ทุกคนมีมาตรฐานการครองชีพที่เพียงพอ ต่อการดำรงไว้ ซึ่งอนามัยที่ดีของตน\" สำหรับคำว่า \"อนามัย\" (health) นั้น หมายถึง สภาวะความสมบูรณ์แข็งแรง ทั้งร่ายกาย และจิตใจ รวมทั้งการดำรงชีวิตอยู่ในสังคมด้วยดี มิใช่เพียง สภาวะที่ปราศจากโคร หรือความพิการเท่านั้น ตามรัฐธรรมนูญขององค์การอนามัยโลก มีกล่าวไว้ว่า \"อนามัยเป็นสิทธิของ มนุษยชน มนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะมีความแตกต่างกันทางด้าน เชื้อชาติ ศาสนา ความเชื่อมั่นทางการเมือง ฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม ย่อมมีสิทธิที่จะได้รับ การส่งเสริมคุ้มครองเพื่อให้มีอนามัยใน ระดับอันสมควร\"

การสาธารณสุขในประเทศไทย วิวัฒนาการของการสาธารณสุขในประเทศไทย ในเชิงประวัติศาสตร์อาจแบ่งออกได้ เป็น ๓ ยุค คือ ****ยุคแรก ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๐๕๔ - ๒๓๗๐ (๓๑๗ ปี) คือ นับตั้งแต่แผ่นดินสมเด็จพระ รามาธิบดีที่ ๒ สมัยกรุงศรีอยุธยา จนถึงตอนต้นรัชกาลที่ ๓ สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เพราะ ก่อนหน้านี้ไม่มีหลักฐานใดๆ เกี่ยวกับการสาธารณสุขปรากฏอยู่ ****ยุคที่ ๒ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๗๑ อันเป็นปีที่ ๕ ใน รัชกาลที่ ๓ จนถึง พ.ศ.๒๔๗๕ ใน รัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ยุคนี้เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างการแพทย์แผน โบราณ และแผนปัจจุบัน ****ยุคที่ ๓ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๗๕ จนถึงปัจจุบัน เป็นยุคที่การแพทย์แผนปัจจุบันเริ่มมี วิวัฒนาการ โดยมีเป้าหมายให้สอดคล้องกับนโยบาย และแผนพัฒนาการเศรษฐกิจ และ สังคมแห่งชาติ เนื้อหาบางส่วนจาก สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน เล่มที่ 9

นายแพทย์แดน บีช บรัดเลย์ (Dan Beach Bradley) ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า \"หมอปลัดเล\" นักเผยแผ่คริสต์ศาสนาชาวอเมริกัน ซึ่งเข้ามาเมืองไทยในปี พ.ศ. ๒๓๗๘ เป็นผู้ที่ริเริ่มการป้องกันโรคติดต่อครั้งแรก ในประเทศไทย โดยสั่งหนองฝี ป้องกันไข้ทรพิษ จากสหรัฐอเมริกา มาปลูกให้ลูกของตนเองก่อน เมื่อฝีขึ้น จึงเอา หนองจากแผลนั้น ปลูกให้เด็กคนอื่นๆต่อไป ซึ่งปรากฏว่า ได้ผลดี จนกระทั่งในปี พ.ศ. ๒๓๘๑ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดให้หมอหลวงไปเรียน วิธีปลูกฝีจากหมอบรัดเลย์ เพื่อปลูกให้แก่ข้าราชการและประชาชน ในระยะแรก พันธุ์หนองฝีต้องสั่งจากต่างประเทศ ภายหลังที่นายแพทย์ อัทย์ หะสิตะเวช กับนาย แพทย์แฮนส์ อะดัมสัน (Hans Adamson) ไปศึกษาวิธีทำหนองฝีที่ประเทศ ฟิลิปปินส์ จึงกลับมาผลิตหนองฝีใน ประเทศได้ในปี พ.ศ. ๒๔๔๘ ในสมัยรัชกาลที่ ๔ นายแพทย์ซามูเอล เรย์โนลดส์ เฮาส์ (Samuel Reynolds House) นักเผยแพร่ศาสนาชาวอเมริกา ได้มีบทบาทช่วยในการควบคุมอหิวาตกโรคและรักษาคนไข้ โดยการใช้ทิงเจอร์การบูรผสมน้ำให้ดื่ม เขารายงานไปยังสหรัฐอเมริกันว่า ได้ผลดีมาก รัชสมัยพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการประกาศใช้กฎหมาย เกี่ยวกับการ สุขาภิบาล เป็นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๑๓ พระราชบัญญัติฉบับนั้นชื่อว่า \"พระราชบัญญัติธรรมเนียมคลอง\"เพื่อให้มีการรักษาความสะอาดของคลองให้ได้ มาตรฐาน เพราะคนสมัยนั้น เริ่มเชื่อกันว่า การใช้น้ำสกปรกเป็นมูลเหตุอย่างหนึ่งที่ ทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื้อหาบางส่วนจาก สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน เล่มที่ 9

การดำเนินงานสาธารณสุขโดยทางราชการ การดำเนินงานสาธารณสุขโดยทางราชการนั้น จาก จดหมายเหตุต่างๆ ทั้งที่เป็นของทางราชการและของบุคคล นอกวงราชการ ปรากฏว่าเริ่มเป็นรูปเป็นร่างใน รัชสมัยของ สมเด็จพระปิยมหาราช โดยเริ่มด้วยการจัดตั้ง \"คอมมิตตี จัดการโรงพยาบาล\" เพื่อสร้างโรงพยาบาลที่ วังหลัง ธนบุรี หรือศิริราชพยาบาล เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๙ ภายหลังก่อสร้างแล้ว เสร็จ ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คณะกรรมการชุดนี้พ้น จากหน้าที่ และจัดตั้งกรมพยาบาลขึ้นแทน เมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๓๑ และโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์ เป็นอธิบดีบังคับการกรมพยาบาล มีหน้าที่ควบคุมกิจการฝึกอบรมนักเรียนแพทย์และการบริหาร ของศิริราชพยาบาล และควบคุมดูแลกิจการของโรงพยาบาล อื่น ที่มีอยู่แล้วในขณะนั้น ตลอดจนการปลูกฝี ให้แก่ ประชาชน ฉะนั้นอาจถือได้ว่าปี พ.ศ. ๒๔๓๑ เป็นการเริ่มศักราชใหม่ ของ การแพทย์และการสาธารณสุขแผน ปัจจุบันในประเทศไทย โรงศิริราชพยาบาล เนื้อหาบางส่วนจาก สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน เล่มที่ 9

แพทย์ประจำตำบล การจัดให้มีแพทย์ประจำตำบล เป็นความคิดของเจ้าพระยาสุรสีห์วิสิษฏศักดิ์ (เชย กัลยาณมิตร) เมื่อครั้ง เป็นพระยาศรีสุริยราชวรานุวัติ ข้าหลวงเทศาภิบาลมณฑลพิษณุโลก โดยขอตั้งหมอพื้นเมืองเป็นแพทย์ประจำตำบล เพื่อให้ช่วยจดบันทึกคนเกิดคนตาย ได้ทดลองทำอยู่ ๒-๓ ปี (พ.ศ. ๒๔๔๘-๒๔๕๐) ต่อมาสมเด็จฯ กรมพระยาดำรง ราชานุภาพ ทรงดำริให้กำนันผู้ใหญ่บ้าน เลือกหมอแผนโบราณในท้องที่ให้เป็นหมอประจำตำบล เพื่อแบ่งเบาภาระ แพทย์ประจำเมือง ในการปลูกฝีและจำหน่ายยาตำราหลวง ปรากฏว่า การปฏิบัติได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ในปี พ.ศ. ๒๔๕๗ กระทรวงมหาดไทยจึงได้แก้ไขพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ ร.ศ. ๑๑๖ ให้มีตำแหน่งแพทย์ประจำตำบลตั้งแต่ บัดนั้น เป็นต้นมา สถานีอนามัย โอสถสภาหรือสถานีอนามัย เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๖ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงพระดำริ ให้จัดตั้งโอสถสภา เพื่อเป็นสถานที่ทำงานของแพทย์หลวงประจำหัว เมือง โดยให้แต่ละท้องถิ่นหาทุน เพื่อจัดตั้งโอสถสภาประจำท้องถิ่น นั้นๆ การขยายงานในระยะแรกได้เป็นไปอย่างช้าๆ ในปี พ.ศ. ๒๔๖๔ มีโอสถสภารวมทั้งสิ้น ๔๓ แห่ง ซึ่งเป็นของจังหวัด ๓๓ แห่ง และเป็น ของสุขาภิบาล ๑๐ แห่ง โอสถสภานี้ต่อมาเรียกกันว่า \"สุขศาลา\" และ ได้วิวัฒนาการมาเป็นสถานีอนามัยในปัจจุบัน เนื้อหาบางส่วนจาก สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน เล่มที่ 9

องค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสุขภาพอนามัย จากการระบาดของโรคติดต่อต่างๆ ตั้งแต่ยุคกลางมาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการระบาดของโรค ข้ามแดน เป็นผลให้เกิดความจำเป็นในการประสานงานระหว่างประเทศ เกี่ยวกับการสาธารณสุข การประชุมนานาชาติ ครั้งแรกได้จัดขึ้น ที่กรุงปารีสในปี พ.ศ. ๒๓๙๔ เพื่อกำหนดกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการควบคุมโรคติด- ต่อในการเดินทาง เข้าออกระหว่างประเทศ และจากการ ประชุมครั้งนี้เอง ได้เป็นที่มาขององค์การถาวรซึ่งจัดขึ้น เพื่อการควบคุมโรค ระหว่างประเทศในปี พ.ศ. ๒๔๕๐ ซึ่งต่อมาได้รวมเข้าอยู่ในเครือขององค์การอนามัยโลกใน ปี พ.ศ. ๒๔๙๐ องค์การระหว่างประเทศที่เข้ามามีบทบาทสำคัญ ในงานสาธารณสุขของประเทศไทย โดยการให้ความช่วย เหลือทั้งในทางวิชาการ วัสดุครุภัณฑ์ และทุนการ ศึกษา ได้แก่ องค์การอนามัยโลก และกองทุนสงเคราะห์เด็กแห่ง สหประชาชาติ องค์การอนามัยโลก (World Health Organization) ในการประชุมนานาชาติ เพื่อร่างกฎบัตรสหประชาชาติในปี พ.ศ. ๒๔๘๘ ณ เมืองซานฟรานซิสโก ทุกฝ่าย มีความเห็นต้องกันว่า สหประชาชาติควรมีองค์การอนามัยระหว่างประเทศด้วย และในปีต่อมาได้มีการ ประชุมอนามัยโลก ณ กรุงนิวยอร์ก เพื่อร่างธรรมนูญขององค์การอนามัยโลกขึ้น ในขณะที่รอการให้ สัตยาบันของประเทศต่างๆ ได้มีการตั้งคณะกรรมการชั่วคราวขึ้น ทำหน้าที่ก่อตั้งองค์การอนามัยโลกให้ สอดคล้องกับธรรมนูญ ที่ได้ร่างไว้ เมื่อประเทศต่างๆ ให้สัตยาบันเพียงพอแล้ว องค์การอนามัยโลกก็ได้ ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๔๙ งานขององค์การอนามัยโลก ดำเนินการภายใต้ นโยบายและการปกครองของสมัชชาอนามัยโลก ที่ ตราองค์การอนามัยโลก ประกอบไปด้วยผู้แทน ของประเทศสมาชิก ซึ่งใน พ.ศ ๒๕๒๖ มี ๑๕๗ ประเทศ และเพื่อเป็นการกระจาย การ ปฏิบัติงานขององค์การฯ ให้ทั่วถึงส่วนต่างๆ ของโลก เนื้อหาบางส่วนจาก สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน เล่มที่ 9

กองทุนสงเคราะห์เด็กแห่งสหประชาชาติ (United Nations Children's Fund หรือ UNICEF) โดยมติของสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ กองทุน สงเคราะห์เด็กแห่งสหประชาชาติได้ก่อตั้งขึ้นในวันที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๙ ในชั้นแรกเพื่อให้ความช่วยเหลือ เร่งด่วนแก่เด็กที่ประสบภัยสงครามในทวีปยุโรป ต่อมา เมื่อสภาพความเดือด ร้อนในยุโรปคลี่คลายลง สมัชชาใหญ่ออกเสียงอีกครั้งหนึ่งในเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ ให้ต่ออายุกองทุนออกไปอีก ๓ ปี แต่ให้เปลี่ยน เป้าหมายไปสู่เด็กในประเทศที่กำลังพัฒนา และต่อมาใน ปี พ.ศ. ๒๔๙๖ กองทุนสงเคราะห์เด็กแห่ง สหประชาชาติ จึงได้เป็นหน่วยงานถาวรอยู่ในสหประชาชาติ และนิยม เรียกกันโดยย่อว่า \"ยูนิเซฟ\" (UNICEF) ในปี พ.ศ. ๒๕๐๘ ยูนิเซฟได้รับรางวัลโนเบล ในฐานะที่สามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศที่ร่ำรวยและยากจน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคณะกรรมการมอบ รางวัลได้ประกาศว่า \"ยูนิเซฟได้สร้างการเชื่อมโยง ระหว่างประเทศที่ร่ำรวย และ ยากจน ทำให้เราทั่วไปต่างรู้สึกว่า แท้ที่จริงแล้วโลกก็คือครอบครัวใหญ่ ครอบครัวหนึ่ง ถ้าเราต้องการจะอยู่กัน โดยสันติสุข เราก็ต้องเริ่มด้วยการให้ ความสนใจ และเอาใจใส่แก่เด็กทุกคนในบ้านเป็นประการแรก\" ตรากองทุนสงเคราะห์เด็กแห่งสหประชาชาติ เนื้อหาบางส่วนจาก สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน เล่มที่ 9

สภากาชาดสากล ผู้ให้กำเนิดสภากาชาดสากล คือ นายอังรี ดูนังต์ (Henry Dunant) ชาวสวิตเซอร์แลนด์ เขาเกิดเมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๓๗๑ ณ กรุงเจนีวา ในครอบครัวขุนนางตระกูลสูง ดูนังต์เป็นนักท่องเที่ยว เขาเดินทางไปแสวงหา โชคลาภในทวีปแอฟริกาเหนือ ๒ ครั้ง ในการเดินทางครั้งที่ ๒ เขาผ่านไปทางภาคเหนือของอิตาลี ที่หมู่บ้านซอลเฟริโน (Solferino) ณ ที่นี้เองที่เขาได้เห็นการสู้รบ ระหว่างทหารฝรั่งเศส ซึ่งเขามาช่วยอิตาลีรบกับออสเตรีย เขาเห็นทหาร ๔๐,๐๐๐ จากจำนวน ๔๐๐,๐๐๐ คน บาดเจ็บล้มตาย โดยไม่มีผู้ใดช่วยเหลือ ด้วยแรงบันดาลใจครั้งนี้ เขาจึงคิดที่จะ สร้างองค์การอาสาสมัคร เพื่อดูแลทหารบาดเจ็บในยามสงครามขึ้น จากความคิดของอังรี ดูนังต์ เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๐๖ ก็ได้มีการจัดตั้ง \"คณะ กรรมการระหว่างประเทศ เพื่อบรรเทาทุกข์ทหารบาดเจ็บ\" (International Committee for the Relief of Wounded Combatants) ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้ได้รับการปรับปรุงให้เป็นสภา กาชาดสากล (International Commitee of the Red Cross) และได้เจริญเป็นปึกแผ่นเรื่อยมา จนถึงปัจจุบัน สัญลักษณ์ของกาชาด สัญลักษณ์ของกาชาดคือ เครื่องหมายกากบาทแดง อัน เป็นการให้เกียรติแก่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นต้น กำเนิดกาชาด แต่เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดว่า เครื่องหมาย กากบาทมีความสำคัญทางคริสต์ศาสนา ในอนุสัญญาเจนี วาจึงอนุมัติให้ประชากรมุสลิมใช้เครื่องหมายซีกวงเดือนแดง แทนกากบาทแดง เนื้อหาบางส่วนจาก สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน เล่มที่ 9

สภากาชาดไทย ท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงษ์ ความคิดที่จะให้มีสภากาชาดไทย เริ่มมีขึ้นตั้ง แต่ปี พ.ศ. ๒๔๓๖ (ร.ศ. ๑๑๒) ซึ่งเป็นปีที่เกิดกรณีพิพาทแย่งดินแดน ระหว่างไทยกับฝรั่งเศส อันเป็นผลให้เกิดมีการสู้รบกันขึ้น ท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงษ์ หัวหน้าหญิงไทยสกุลสูงในสมัยนั้น มีความห่วงใยในทหารบาดเจ็บ จึง นำความกราบบังคมทูลสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาบรมราชเทวี ขอ ให้ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ ในการจัดตั้งองค์การบรรเทาทุกข์ทหาร ใน ทำนองเดียวกับสภากาชาดในต่างประเทศ ซึ่งในที่สุด พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัด ตั้งองค์กรดังกล่าว โดยใช้ชื่อว่า \"สภาอุณาโลมแดง\" โดยมีเจ้านาย ฝ่ายในชั้นสูง และหญิงผู้มีเกียรติอาสาสมัครเข้าปฏิบัติงานในองค์กรที่ จัดตั้งขึ้น มีกิจกรรมสำคัญ คือ การส่งเวชภัณฑ์อาหาร เสื้อผ้า และ ของใช้ไปบำรุงทหารในสนามรบ สภากาชาดไทยมีตัวแทนอยู่ในจังหวัดต่างๆ ทั่วราชอาณาจักร ใน นามของ \"เหล่ากาชาดจังหวัด\" ซึ่งมีหน้าที่ บรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัย และราษฎรที่ยากจนในท้องถิ่นทุรกันดาร ตลอดจนสนับสนุน และส่งเสริมกิจการอนุกาชาด อาสากาชาด บริการโลหิต และบริการดวงตาอีกด้วย ในปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถฯ ทรงดำรงตำแหน่งสภานายิกาสภากาชาดไทย และสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธรรัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี ทรงดำรงตำแหน่ง อุปนายิกา สภากาชาดไทย เนื้อหาบางส่วนจาก สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน เล่มที่ 9

โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ ขอขอบคุณทีมาของข้อมูล https://www.chularat3.com/news_detail.php?lang=th&id=913 สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ / เล่มที่ ๙ / เรื่องที่ ๕ การสาธารณสุข https://saranukromthai.or.th/sub/book/book.php? book=9&chap=5&page=t9-5-infodetail12.html


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook