ใบความรู้ที่ 1 บทท่ี 1 ทกั ษะในการพฒั นาอาชีพ เรอื่ งท่ี 1 ความจาเป็นในการฝึกทกั ษะ กระบวนการผลติ กระบวนการตลาด ท่ใี ช้นวตั กรรมเทคโนโลยี เพ่อื พัฒนาอาชพี 1.1 ความจาเปน็ ในการฝกึ ทกั ษะเพื่อพฒั นาอาชีพ การพัฒนาทักษะอาชีพด้านต่าง ๆ ให้ทันต่อการเปล่ียนแปลงของตลาด ได้แก่ ความรู้ ความสามารถใน กระบวนการผลติ และกระบวนการการตลาด การพฒั นาอาชพี มีความสาคัญและจาเป็น ดงั น้ี 1. ดา้ นเศรษฐกิจ จากการแขง่ ขันทางธุรกิจท่ีมีการแข่งขันทางการตลาดสูง จึงเกิดการรวมกลุ่มการค้าต่าง ๆ เช่น เขตการค้าเสรีอาเซียน เขตเศรษฐกิจยุโรป ดังนั้นการพัฒนาอาชีพจึงจาเป็นต้องมีการพัฒนาสินค้าให้ สามารถเขา้ สตู่ ลาดการแข่งขัน และเปน็ ที่ยอมรบั ของต่างประเทศ 2. ด้านสงั คม ประเทศท่ีมเี ศรษฐกจิ ดีจะส่งผลให้สภาพของสังคมดีขึ้น เช่น ปราศจากโจรผู้รา้ ย 3. ด้านการศึกษา ครอบครัวท่ีมีเศรษฐกิจดีจะสามารถส่งบุตรหลานเข้ารับการศึกษาได้ตามความต้องการ และในอนาคตเยาวชนเหล่าน้ีก็จะเป็นประชากรท่ีมีคุณภาพ มีความสามารถในการประกอบอาชีพส่งผลต่อ เศรษฐกจิ สงั คมให้มีความเจริญก้าวหน้าต่อไป 1.2 ความจาเปน็ ในการพัฒนากระบวนการผลติ จากสภาพสังคมที่มีการเปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้ความต้องการสินค้าของผู้บริโภคมีความ แตกต่างกันท้ังทางด้านปริมาณและด้านคุณภาพ ดังนั้น การพัฒนาอาชีพจึงมีความจาเป็นเพื่อรองรับการ เปล่ียนแปลงดังกล่าว เทคนิคและวิธีการในการพัฒนากระบวนการผลิต และกระบวนการตลาด โดยการนาภูมิ ปัญญา นวัตกรรม เทคโนโลยี มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาการประกอบอาชีพกระบวนการผลิต เป็นการบริหาร จดั การด้านทนุ แรงงาน ท่ดี ินหรือสถานท่ีให้เกิดผลผลิตหรือสินค้าท่ีมีการพัฒนาอย่างต่อเน่ือง เพื่อให้ตรงกับความ ตอ้ งการของตลาด องคป์ ระกอบของกระบวนการผลิตนาเสนอไดต้ ามแผนภมู ิ ดงั นี้ 1. ทุน หมายถึง ปจั จยั ท่ีเป็นเงนิ ทนุ วสั ดุ อุปกรณ์ วตั ถดุ ิบ เคร่ืองมอื เคร่ืองจักร ซึ่งต้องศึกษาวา่ มที นุ ใด เข้ามาเก่ียวข้อง และถ้าจะปรับปรุงแก้ไขต้องพิจารณาว่าต้องใช้ทุนประเภทใดมากน้อยเพียงใดลดจานวนที่ใช้ไป บ้างได้หรือไม่ หรือใช้สิ่งทดแทนที่มีราคาถูกแทนส่ิงท่ีมีราคาแพงได้หรือไม่ หรือเน้นใช้ทุนที่มีอยู่ในท้องถ่ิน เพราะ
ถา้ ใช้ทนุ จากท่ีอ่ืนจะมีค่าใช้จ่ายสูงข้ึน เช่น ค่าขนส่ง ค่าแรงงาน ถ้าเป็นเงินท่ีต้องใช้ในการลงทุนท่ีต้องไปกู้ยืม เสีย ดอกเบยี้ ในอัตราทีส่ ูงจะทาอย่างไรถงึ จะลดดอกเบยี้ ให้ต่าลง ซงึ่ จะมผี ลตอ่ การลดต้นทุน 2. แรงงาน หมายถึง แรงงานคน สัตว์ เคร่ืองจักรต่าง ๆ ท่ีใช้ในการผลิต ผู้เรียนจะต้องศึกษาวิเคราะห์ การใชแ้ รงงานว่าใชแ้ รงงานคมุ้ คา่ กบั เงนิ ทนุ และเวลาหรือไม่ ใชแ้ รงงานเหมาะสมกับงานหรือขนาดของพ้ืนท่ีหรือไม่ เช่น พื้นที่น้อยก็ควรใช้แรงงานคนไม่ควรใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ แรงงานท่ีใช้มีคุณภาพหรือไม่ มีการให้ขวัญ กาลงั ใจแกแ่ รงงานทใี่ ช้หรือไม่ 3. สถานท่ี หมายถึง ที่ดินทากิน หรือสถานท่ีต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ซ่ึงเป็นสถานที่ ประกอบการ ถ้าเป็นที่ดินทากินอาชีพเกษตรก็อาจจะพิจารณาว่าได้ใช้ที่ดินคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ใช้ท้ังหมด หรือใชอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั การปลกู พชื หรือเลีย้ งสตั ว์หรือไม่ มีการทานบุ ารงุ ที่ดนิ ทากินบ้างหรือไม่ เช่น บารุงดินโดย ปลกู พชื ตระกูลถวั่ แลว้ ไถกลบเพ่ือบารุงดนิ สาหรับอาชีพบรกิ าร เช่น ขายอาหาร เปิดร้านเสริมสวย ซ่อมรองเท้า นวดแผนโบราณ ซ่ึงต้องอาศัยทาเล ท่ีตัง้ เชน่ อย่ใู นย่านชุมชน การเดินทางสะดวกสบาย มที ่ีจอดรถให้ลกู คา้ ส่ิงตา่ ง ๆ เหลา่ น้ตี อ้ งนามา พิจารณาเพือ่ พัฒนาใหด้ ีขน้ึ 4. การจัดการ เป็นการนาทุน แรงงาน และท่ีดินหรือสถานที่ไปบริหารจัดการให้เกิดผลผลิตอย่างคุ้มค่า และไดป้ ระโยชน์สูงสุด ดงั น้ัน การจัดการจงึ เปน็ สงิ่ สาคญั และจาเป็นตอ่ การประกอบธุรกจิ ถ้ามีกระบวนการจัดการ ที่ผ่านการคดิ วิเคราะห์ วางแผนอย่างเป็นขน้ั ตอน รอบคอบบนฐานข้อมลู ที่เป็นจริงและตามสถานการณ์ในขณะนั้น ก็นับวา่ ได้เปรียบกวา่ บคุ คลอืน่ ๆ ทไี่ มไ่ ด้ให้ความสาคัญ แต่ทาด้วยความเคยชิน ทาให้ขาดการพัฒนาอย่างต่อเน่ือง จึงทาให้ธุรกิจมีแต่คงท่ีหรือถอยหลัง เพ่ือให้อาชีพดาเนินต่อไปได้มีรายได้ให้ครอบครัวมีกินมีใช้ในครัวเรือน ควร ต้องคานึงถึงการออมเงินเพื่อเป็นหลักประกันของครอบครัวต่อการดารงชีวิตของลูกหลานและการศึกษาต่อ การ ประกอบอาชีพจาเปน็ ตอ้ งมกี ารจัดการในการนานวตั กรรมหรือเทคโนโลยีมาใชใ้ นการผลิต เพ่ือให้ผลผลิตมีคุณภาพ และมีปรมิ าณเพียงพอต่อความต้องการของตลาด 1.3 ความจาเป็นในการพัฒนากระบวนการตลาด เป็นการบรหิ ารจัดการดา้ นการตลาด เริม่ ตง้ั แตก่ ารศึกษา ความต้องการของลกู คา้ การกาหนดเปา้ หมาย การทาแผนการตลาด การสง่ เสรมิ การขาย การกาหนดราคาขาย การขาย การส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้า ผู้ผลิตก็ต้องศึกษาวิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็งของกระบวนการตลาดทุก ข้นั ตอนเพ่อื นาข้อมลู มาใช้พฒั นาอาชีพ การตลาดเป็นเรื่องยากของผู้ประกอบอาชีพใหม่ รวมถึงผู้ที่ประกอบอาชีพอยู่แล้ว การศึกษาข้อมูลและ การทาความเข้าใจในวิธีการตลาดจะสามารถนามาปรับใช้เพ่ือการพัฒนากระบวนการตลาด สามารถแสดง กระบวนการได้ตามแผนภูมิ ดงั น้ี
1. ผลิตภณั ฑ์ สินคา้ หมายถงึ ผลผลติ ผลติ ภัณฑ์ การบริการ เชน่ ผลผลติ การเกษตร ผลิตภัณฑ์แปรรปู ต่าง ๆ หรือเป็นสินค้าประเภทบริการ เช่น ขายอาหาร เสริมสวย นวดแผนโบราณ ซ่ึงผู้ประกอบการต้องพิจารณา ความตอ้ งการของลูกคา้ อยตู่ ลอดเวลาวา่ ความต้องการนั้นลดลงหรือเพิ่มขึ้น ถ้าลดลงจะต้องมีการศึกษา วิเคราะห์ ลักษณะของผลผลิต ผลิตภัณฑ์ เช่น รูปลักษณ์ ความสวยงาม ความต่ืนตาตื่นใจประโยชน์ของการใช้สอย โดยยึด ความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป็นสาคัญ สาหรับอาชีพบริการต้องให้ความสาคัญกับการบริการด้วย เช่น มารยาท การบรกิ าร ความรบั ผิดชอบ การมีมนุษยสัมพนั ธ์ 2. ราคา หมายถึง การตั้งราคาขายสินค้า ซ่ึงข้ึนอยู่กับต้นทุนการผลิต เช่น ค่าวัสดุอุปกรณ์ค่าดอกเบี้ย ค่า เช่าสถานท่ี ค่าแรงงาน ค่าประชาสัมพันธ์ ค่าขนส่ง ค่าน้ามัน ถ้าส่งไปขายต่างประเทศจะมีราคาแพงกว่าขายใน ประเทศไทย แตอ่ ยา่ งไรก็ตามผ้ขู ายควรเนน้ การตัง้ ราคาให้เหมาะสมกับคณุ ภาพของสินค้าและควรให้ใกล้เคียงกับคู่ แข่งขัน ถา้ สินค้าใดคแู่ ข่งนอ้ ย ผ้ขู ายกค็ วรตง้ั ราคาใหย้ ตุ ิธรรมกบั ผู้บรโิ ภคไมค่ วรเอาเปรยี บลูกคา้ เกินไป ดังนั้น ผู้ประกอบการควรศึกษาวิเคราะห์ว่า ราคาของปัจจัยการผลิตผันแปรอย่างไรลดลงหรือเพิ่มข้ึน หรอื จดั หาวัสดทุ ่ีมรี าคาถกู ทดแทนวัสดุทร่ี าคาแพงได้ เพ่ือให้ต้นทุนลดลงได้ หรือสามารถปรับลดอัตราดอกเบ้ีย ค่า เชา่ สถานท่ี ค่าขนสง่ หรอื ลดการประชาสัมพันธ์ก็จะทาให้ต้นทุนการผลิตลดลง ซึ่งจะมีผลต่อการกาหนดราคาขาย ผลิตภัณฑ์ ถ้ากาหนดราคาขายต่ากว่าคู่แข่ง แต่ปริมาณการขายมากจะดีกว่าขายราคาแพง ซ่ึงผลกาไรโดยรวมสูง กวา่ ก็นา่ จะยดึ หลกั การน้ี 3. ช่องทางการจดั จาหนา่ ย เป็นการกระจายสินค้าให้ไปถึงผู้บริโภคอย่างปลอดภัย ซึ่งมีหลายวิธีเช่น การ ขายผ่านคนกลาง การขายปลีก ซ่ึงผู้ประกอบการจะต้องพิจารณาความรู้ ความสามารถและศึกษาศักยภาพของ ตนเองในการเลือกช่องทางการจัดจาหน่ายสินค้า ซึ่งไม่จาเป็นต้องมีช่องทางจาหน่ายสินค้าเพียงวิธีเดียว อาจใช้ หลาย ๆ วิธเี พ่ือให้เหมาะสม เช่น แตเ่ ดิมขายผลไมผ้ ่านคนกลางเพียงอย่างเดยี ว ตอ่ มาเพม่ิ วิธกี ารขายปลีก 4. การสง่ เสริมการขาย เป็นการใช้เทคนิคหรือวิธีการให้ลูกค้ารู้จักและต้องการซ้ือสินค้าโดยวิธีต่าง ๆเช่น การจัดให้มีการชิงรางวัล การมีส่วนลด การซื้อ 1 แถม 1 การส่งเสริมการขายอาจจะประชาสัมพันธ์โดยวิธีต่าง ๆ เช่น แจกแผ่นปลิว ประกาศลงในหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์นอกจากจะส่งเสริมการขายด้วยวิธีต่าง ๆ แล้ว การ บริการหลงั การขายกเ็ ปน็ เรอื่ งสาคัญ เพราะการที่ลูกค้าส่ังซ้ือสินค้าครั้งหนึ่งน้ัน ไม่ได้หมายความว่าผู้ขายจะขายได้ ครั้งเดียว แต่หากมีการบริการหลังการขายท่ีดีลูกค้าก็สามารถกลับมาซ้ือใหม่ หรืออาจบอกต่อคนอื่น ๆ ให้มาใช้ บริการก็ได้ ดังน้ัน ผู้ประกอบการจะต้องศึกษา วิเคราะห์ การส่งเสริมการขายที่ดาเนินการอยู่ว่า มีข้อดีข้อเสีย อยา่ งไร ควรมีการปรับปรุงวธิ ีการ หรือไมอ่ ยา่ งไร
1.4 การพัฒนาอาชีพต่อยอดและประยกุ ตใ์ ช้ภมู ิปัญญา ในปัจจุบันการพัฒนาอาชีพต่อยอดเป็นเร่ืองสาคัญสาหรับผู้ผลิต เพราะการท่ีมีผู้ผลิตจานวนมากที่ผลิต สินค้าซ้า ๆ กันจะทาให้เกิดตัวเลือกในการบริโภคผลิตภัณฑ์ ซ่ึงเป็นการดีสาหรับผู้บริโภค แต่ไม่ดีสาหรับผู้ผลิต เพราะจะทาให้เกิดส่วนแบ่งตลาดมากข้ึน ดังนั้นผู้ผลิตต้องมีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ในการพัฒนาต่อยอดจาก ผลติ ภณั ฑ์เดมิ ให้มคี วามแตกต่างและนา่ สนใจสาหรับผบู้ รโิ ภค ภมู ปิ ญั ญา หมายถึงความรู้ ความสามารถ ความชาญฉลาด ทักษะและเทคนิคอันเกิดจากพื้นความรู้ท่ีผ่าน กระบวนการสืบทอด เลือกสรร ปรับปรุง พัฒนา การสร้างงาน ด้วยประสบการณ์ท่ีสะสมมาเป็นเวลานานอย่าง เหมาะสม สอดคล้องกบั ยคุ สมยั การพัฒนาอาชีพโดยการประยุกต์ใช้ภูมิปัญญา เป็นการนาภูมิปัญญามาเชื่อมโยงให้สอดคล้องกับอาชีพ เดิม จึงจาเป็นตอ้ งศึกษา วิเคราะห์ จดุ อ่อน จดุ แขง็ ของอาชีพ ถงึ แม้เร่ืองใดจะเปน็ จดุ แข็งอยู่แล้ว ก็ต้องวิเคราะห์ว่า ควรจะพัฒนาอะไรได้อกี ส่วนจุดออ่ นยิ่งต้องวิเคราะหอ์ ย่างรอบคอบถี่ถ้วน เพื่อให้ดีขึ้นกว่าเดิมเช่น ปัจจุบันนิยมใช้ ของโบราณ ก็อาจจะนามาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาอาชีพ เช่น มีอาชีพขายกาแฟอยู่แล้วก็อาจจะนาวิธีชงกาแฟ แบบโบราณมาประยุกตใ์ ช้ เพื่อใหเ้ ป็นจดุ ขายและเปน็ การอนรุ ักษ์ของดีดง้ั เดมิ 1.5 ทกั ษะการใชน้ วัตกรรม เทคโนโลยเี พ่อื การพัฒนาอาชีพ นวัตกรรม หมายถึง ความคิด การปฏิบัติ หรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ท่ียังไม่เคยใช้มาก่อนหรือเป็นการพัฒนา ดัดแปลง มาจากของเดมิ ทีม่ ีอยู่แลว้ เทคโนโลยี หมายถึง การใช้ความรู้ เคร่ืองมือ ความคิด หลักการ เทคนิค ระเบียบวิธีการตลอดจน กระบวนการที่มนุษย์พัฒนาข้ึนเพื่อช่วยในการทางานหรือแก้ปัญหาต่าง ๆ เช่น อุปกรณ์ เครื่องจักรวัสดุ หรือ แม้กระทง่ั ส่งิ ทไี่ ม่สามารถจบั ตอ้ งได้ การท่ีจะยอมรับหรือปฏิเสธนวัตกรรม เทคโนโลยี อาจจะต้องพิจารณาประสิทธิภาพของนวัตกรรม เทคโนโลยี ส่วนใหญก่ จ็ ะดูองค์ประกอบ 4 ดา้ น คือ 1. ความสามารถในการทางาน 2. ประหยัดคา่ ใชจ้ ่าย 3. ทางานไดร้ วดเร็ว 4. ไมท่ าลายสงิ่ แวดล้อม ความสามารถในการทางาน ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ของนวัตกรรม เทคโนโลยี ได้มากน้อยเพียงใดแต่ จาเป็นต้องมีเกณฑ์ชี้วัดเพื่อการยอมรับว่าเท่าใดจึงจะยอมรับได้ อาจจะเปรียบเทียบกับความสามารถเดิมท่ีเคยใช้ มา แต่อย่างไรก็ตามการนานวัตกรรม เทคโนโลยีมาใช้ต้องดีข้ึนกว่าเดิม อาจกาหนดเป็นร้อยละก็ได้เช่น การใช้ เครอ่ื งนวดขา้ วเคร่อื งใหม่สามารถนวดขา้ วไดม้ ากกว่าเดมิ ร้อยละ 20 ซึง่ ยอมรับได้ ประหยัดค่าใช้จ่าย เป็นการมุ่งประเมินเทียบเคียงระหว่าง นวัตกรรม เทคโนโลยีของใหม่ท่ีจะนาเข้ามาใช้ แทนเทคโนโลยเี กา่ โดยพิจารณาเปรียบเทยี บราคานวตั กรรม เทคโนโลยใี หม่ที่ตอ้ งจ่ายเป็นเงิน และการลดรายจ่าย จากเดมิ การทางานได้รวดเร็ว เป็นการประเมินเทียบเคียงความรวดเร็วในการทางานการใช้เวลาระหว่าง นวัตกรรม เทคโนโลยีเกา่ กับใหม่
ไม่ทาลายสิ่งแวดล้อม ผู้ประกอบการต้องคานึงอยู่เสมอว่านวัตกรรม เทคโนโลยีจะนามาใช้ต้องเป็นมิตร กับสิง่ แวดลอ้ ม และไม่ทาให้ผู้ท่อี ย่อู าศยั ใกล้เคยี งเดือดร้อน การประเมินการทางานของนวตั กรรม เทคโนโลยี การประเมินการทางานของนวัตกรรม เทคโนโลยีตามองค์ประกอบทั้ง 4 ด้าน ซึ่งจะยอมรับหรือปฏิเสธ การใชน้ วตั กรรม เทคโนโลยี ผ้เู รยี นจาเปน็ ต้องกาหนดลักษณะบ่งชี้ความสาเร็จ และเกณฑ์ตัวชี้วัดความสาเร็จด้วย ตนเอง ดงั ตวั อย่าง ตวั อยา่ ง การประเมินการทางานของนวตั กรรม เทคโนโลยตี ามองคป์ ระกอบ
เร่อื งที่ 2 ความหมาย ความสาคัญของการจดั การอาชพี การจัดการอาชีพ หมายถึง กระบวนการจัดกิจกรรมงานอาชีพ นับต้ังแต่การวางแผนการจัดการองค์การ การตัดสินใจ การส่ังการ การควบคุม การติดตามผล เพื่อให้ได้ผลผลิตหรือบริการท่ีเป็นท่ีต้องการของลูกค้า และ ไดร้ ับการยอมรบั จากสังคม ความสาคัญของการจัดการอาชีพ จากคาจากัดความของการจัดการอาชีพ ทาให้ทราบถึงความสาคัญของ การจดั การอาชพี เพราะทาใหผ้ บู้ รหิ ารสามารถพฒั นากจิ การให้มุ่งไปสคู่ วามมีประสิทธิภาพและสามารถดาเนินการ ให้บรรลุวัตถุประสงค์ของกิจการได้ กล่าวคือ กิจการสามารถผลิตสินค้าหรือบริการท่ีมีคุณภาพทันเวลาตรงตาม ความต้องการของลูกค้าและกิจการ ได้รับผลตอบแทนคือกาไรสูงสุด สามารถขยายกิจการได้หรือเพิ่มพูนในการ ดาเนินการได้ จากการศกึ ษาวจิ ยั พบว่า การจัดการอาชพี ให้ประสบความสาเร็จประกอบดว้ ย 1. การจัดการอย่างมีคุณภาพ หมายถึง ผู้บริหารมีความรู้ประสบการณ์ สามารถทางานให้บรรลุผลสาเร็จ อยา่ งมีประสิทธภิ าพ 2. ผลิตภัณฑ์ท่ีมีคุณภาพ หมายถึง การผลิตสินค้าท่ีมีคุณภาพ อาจกระทาได้โดยการใช้เทคนิคต่าง ๆ เริ่ม ตัง้ แตก่ ารใชว้ ตั ถุดบิ กระบวนการผลิต การตรวจคณุ ภาพสินคา้ ก่อนส่งมอบใหล้ ูกค้า 3. ผลติ ภณั ฑท์ ่ีทนั สมยั ด้วยนวัตกรรมใหม่ 4. การลงทนุ ระยะยาวอย่างมีคุณคา่ 5. สถานภาพการเงนิ ม่ันคง 6. มีความสามารถในการดงึ ดูดใจลกู คา้ ให้สนใจผลิตภณั ฑ์ สนิ คา้ 7. คานงึ ถงึ ความรับผิดชอบต่อสงั คมและสง่ิ แวดล้อม 8. การใชท้ รพั ย์สนิ อย่างคุ้มค่า เรอ่ื งท่ี 3 แหล่งเรียนรแู้ ละสถานท่ีฝึกอาชพี จากการที่ผู้เรียนได้ศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนากระบวนการผลิต กระบวนการตลาด การประยุกต์ใช้ภูมิ ปัญญาและนวัตกรรม เทคโนโลยีแล้ว ทาให้รู้ว่าต้องพัฒนาอาชีพด้านใดบ้าง ในการพัฒนาความรู้ เพ่ือการพัฒนา อาชีพ จาเป็นที่ผู้ประกอบการอาชีพต้องศึกษาข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้เฉพาะ เช่น ต้องการเงินทุนเพ่ือนาไปซ้ือ เครื่องจักรกต็ อ้ งศกึ ษาจากแหล่งเงินทุน หรือขาดแรงงานกต็ ้องจดั เตรียมหาแรงงานในช่วงที่ต้องการเป็นการเตรียม ความพรอ้ มเพือ่ รองรบั การพฒั นาอาชีพ ผทู้ ่ีมคี วามสามารถในการบริหารจัดการธุรกจิ ไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ จาเป็นจะต้องรจู้ กั เลอื กใช้ ได้แก่ 1. แหลง่ เรียนรแู้ ละสถานที่ฝึกอาชพี แหล่งเรียนรู้และสถานที่ฝึกอาชีพ หมายถึง แหล่งท่ีมีข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ ประสบการณ์ สารสนเทศ และเทคโนโลยี สาหรับผู้เรียนใช้ในการแสวงหาความรู้และหรือฝึกทักษะในการประกอบอาชีพ ซึ่งมีอยู่ตาม ธรรมชาติ และมนุษย์สร้างขึ้น แหล่งในที่นี้อาจจะเป็นเอกสาร สถานท่ี ตัวบุคคล ผู้รู้ แหล่งเรียนรู้ธรรมชาติเช่น ทะเล ป่า ภูเขา แหล่งเรียนรู้ที่มนุษย์สร้างข้ึน เช่น ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ อินเทอร์เน็ต เว็บไซต์ต่าง ๆแหล่งเรียนรู้ และสถานที่ฝึกอาชีพมีความสาคัญต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้สาหรับผู้เรียนโดยเฉพาะผู้เรียนที่อยู่นอกระบบ โรงเรียนท่ีต้องศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองเป็นส่วนใหญ่ จึงต้องอาศัยแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ใกล้ตัว เช่น ห้องสมุด
อาเภอ ศนู ยก์ ารเรียนชมุ ชน ภูมิปัญญา แหล่งธรรมชาติต่าง ๆ ผู้เรียนสามารถศึกษาหาความรู้ได้ด้วยตนเอง แหล่ง เหล่าน้ีเป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาที่สามารถค้นหาความรู้ได้ไม่รู้จบปัจจุบันสถานท่ีฝึกอาชีพมีหลากหลายทั้งภาครัฐ และเอกชนที่จัดให้กับประชาชนทั่วไป เช่น สานักงาน กศน. กระทรวงแรงงาน สานักงานคณะกรรมการ อาชีวศกึ ษา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โรงเรยี นของเอกชนตา่ ง ๆ ทเ่ี ปดิ สอนหลกั สูตรวชิ าชพี ระยะส้ัน 2. แหล่งเงนิ ทนุ แหล่งเงินทุน หมายถึง แหล่งที่สามารถให้กู้ยืมเงินเพ่ือการประกอบอาชีพได้ ซ่ึงมีท้ังแหล่งเงินทุนของ ภาครฐั และเอกชน เช่น ธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ สหกรณ์ กองทุนกู้ยืมต่าง ๆ การท่ีจะกู้ยืมได้ต้องมีโครงการรองรับ เพ่ือใหแ้ หลง่ เงนิ ทนุ พจิ ารณาความเป็นไปได้ในการส่งใชเ้ งินคนื 3. แหลง่ วสั ดุ อุปกรณ์ เครื่องจักร แหล่งวัสดุ อุปกรณ์ เคร่ืองจักร หมายถึง แหล่งขายหรือแหล่งที่จะได้มาของวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องจักรท่ี เก่ียวข้องกับการประกอบอาชีพ เช่น ประกอบอาชีพการเกษตรจะต้องมีวัสดุอุปกรณ์ เคร่ืองจักรที่เกี่ยวข้อง เช่น พันธ์พุ ืช ปุ๋ย รถแทรกเตอร์ 4. แหล่งแรงงาน แหล่งแรงงาน หมายถงึ แหลง่ ที่จะไดแ้ รงงานมาใช้ ได้แก่ แรงงานจาก คน สตั ว์ และเคร่อื งจกั รทใ่ี ช้ - แรงงานคน หมายถึง แรงงานเจา้ ของกบั แรงงานนอกทจี่ ้างมาทางาน - แรงงานสัตว์ หมายถึง แรงงานสัตว์ที่ใช้ในการประกอบอาชีพ เช่น แรงงานจากวัว ควาย ช้าง ม้าท่ี นามาใช้ในการประกอบอาชพี - เครื่องจกั ร บางอาชพี มกี ารใชเ้ คร่ืองจกั รในการประกอบอาชีพ เชน่ อาชีพทานาอาจจะต้องใช้รถไถอาชีพ ทาเหล็กดัดประตู หน้าต่าง อาจจะใช้เครื่องเช่ือม ต้องพิจารณาว่า อาชีพของตนเองใช้เคร่ืองจักรอะไรบ้าง ท่ีมีอยู่ ล้าสมยั หรือไมอ่ ยา่ งไร ขนาดหรอื จานวนพอเพียงกับการผลิตหรอื ไม่ 5. ตลาด คอื แหล่งทมี่ ีทงั้ ผซู้ ้อื และผ้ขู ายสนิ ค้าต่าง ๆ จากผผู้ ลติ ไปสู่ผู้บริโภคหรือผู้ใช้บริการนั้น ๆ ได้รับความพอใจ ร่วมถึงการพัฒนาอาชีพมวี ตั ถุประสงคใ์ นการขยายตลาดขายสินค้าให้มากข้ึน โดยพิจารณาตลาดเดิมว่าสามารถรับ สนิ คา้ ทพี่ ัฒนาขนึ้ ใหม่ได้หรือไม่ ถา้ ไมไ่ ดจ้ ะต้องหาตลาดใหม่รองรับ
เรอ่ื งท่ี 4 การวางแผนฝึกทักษะอาชพี การวางแผน หมายถึง วิธีการตัดสินใจล่วงหน้า เพื่ออนาคตองค์การ ซ่ึงเป็นหน้าท่ีของการจัดการใน ทางเลือกวา่ ควรจะให้ใครทาอะไร ที่ไหน อย่างไร เป็นขั้นตอนดาเนินงาน การใช้ทรัพยากรการบริหารเพ่ือให้บรรลุ วัตถุประสงค์ และเป้าหมายทีต่ ้องการ ทักษะ (Skill) หมายถงึ ความชัดเจน และความชานิชานาญในเร่ืองใดเรื่องหน่ึง ซ่ึงบุคคลสามารถสร้างข้ึน ไดจ้ ากการเรียนรู้จากสิ่งตา่ ง ๆ ท่ีอย่รู อบตวั การฝึกทักษะอาชีพ หมายถึง ฝึกทักษะอาชีพใดอาชีพหน่ึงจนเกิดความชัดเจนและชานาญจนสามารถ ถ่ายทอดความรแู้ ละประสบการณ์นัน้ ๆ ใหก้ ับผูอ้ ่นื ได้ ประโยชน์ของการวางแผนฝกึ ทกั ษะอาชพี มดี ังนี้ 1. มโี อกาสวิเคราะห์ทักษะที่จาเป็นและตอ้ งฝกึ อย่างถีถ่ ว้ น 2. ทาให้ครอบคลุมทักษะทตี่ อ้ งการฝกึ และมองเห็นภาพรวม ของการพัฒนาอาชีพทงั้ ระบบ 3. สามารถวางแผนในการเลอื กสถานทฝ่ี กึ และวิธีการฝกึ ทกั ษะกับหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงหรือบาง ทกั ษะอาจฝกึ ดว้ ยตนเองได้ ขน้ั ตอนการวางแผนการฝกึ ทกั ษะอาชพี มีดังน้ี 1. สรปุ ทักษะทตี่ ้องการฝึกเพิ่มเติม 2. ศึกษาหาข้อมูลเก่ียวกับแหล่งฝึกทักษะอาชีพ และประสานงานกับแหล่งฝึกว่าต้องการฝึกเร่ืองใดบ้าง เม่ือใด 3. กาหนดวนั เวลา สถานท่ีในการฝกึ ทักษะทงั้ หมดลงในการฝกึ 4. ผู้ต้องการฝกึ ควรศกึ ษาเรื่องท่ีต้องการฝึกทกั ษะดว้ ยตนเองล่วงหน้าไปก่อน เพื่อให้มีความเข้าใจในระดับ หนึ่ง แล้วจดเปน็ คาถามท่ียังไม่เข้าใจเพ่ือนาไปซักถามในวนั เวลาที่มกี ารฝึกจริง เรอ่ื งท่ี 5 การฝึกทักษะอาชีพ เม่ือได้มีการวางแผนการฝึกทักษะเพื่อพัฒนาอาชีพแล้ว ต้องดาเนินการฝึกทักษะอาชีพตามแผนท่ีกาหนด ไว้ โดยในระหว่างการฝึกควรมีการบันทึกหรือถอดองค์ความรู้เก็บไว้ศึกษาป้องกันการลืม ส่ิงท่ีควรจดบันทึก ได้แก่ องค์ความรู้ ขั้นตอนในการฝึก ปัญหาและแนวทางแก้ปัญหา และอาจจะสรุปแสดงความคิดเห็นของตนเองไว้ด้วย ระหว่างการฝึกให้ถือว่า “เม่ือใดท่ีลงมือปฏิบัติ เมื่อนั้นต้องได้ความรู้ และเม่ือปฏิบัติเสร็จแล้วต้องได้ความรู้ เพ่มิ ขึน้ ” ความรู้ ทักษะที่ได้อาจไดจ้ ากหลายวธิ ี เช่น 1. จากการอ่านหนังสอื ตารา หนังสอื พมิ พ์ตา่ ง ๆ แล้วจดบนั ทึกเปน็ ความร้โู ดยสรปุ หรอื จดเปน็ ผังความคิด เพือ่ สรุปเปน็ ความเข้าใจของตนเองก็ได้ 2. จากการฝึกปฏิบัติ ต้องจดบันทึกเป็นข้ันตอน เช่น เริ่มจากการเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ เคร่ืองมือต่าง ๆ ข้ันตอนการปฏบิ ัติเรม่ิ ด้วยขน้ั ตอนใด และจบด้วยขนั้ ตอนใด ตามลาดับขนั้ ตอนการฝกึ 3. จากการสัมภาษณ์ผู้รู้ ผู้เรียนจะต้องเตรียมคาถามไปล่วงหน้าก่อนโดยลาดับคาถามตามข้ันตอนการ เรยี นรู้
4. จากการฟังที่มีผู้บรรยาย หรือจากการอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ผู้เรียนจะต้อง ตงั้ ใจฟงั แลว้ พยายามทาความเขา้ ใจสรปุ เปน็ ประเด็นให้ได้ หรอื จะสรปุ เป็นผงั ความคิดเพ่อื ใหต้ นเองเข้าใจกไ็ ด้ 5. การจดบันทึกที่มาของขอ้ มูล เชน่ อ่านจากหนังสอื ฉบบั ใด เมือ่ ใด ได้รับการฝึกปฏิบัติจากที่ใดเมื่อไร ผู้รู้ เปน็ ใคร ผบู้ รรยายเป็นใคร ในระหว่างการฝกึ เพ่อื พฒั นาอาชีพ ผฝู้ กึ จะต้องหาความร้แู ละเทคนคิ ในอาชพี ใหม้ ากที่สุด ซึ่งจะช่วยในการ ฝึกมีประสทิ ธิภาพยิ่งขนึ้ ดังน้ี 1. ฝกึ การสังเกต เชน่ สงั เกตภาพ สังเกตการเคลอ่ื นย้าย สังเกตสิ่งประดษิ ฐ์ การสงั เกต จะเป็นพื้นฐานของ การคดิ สรา้ งสรรค์ การคิดอยา่ งมีเหตผุ ล 2. การฝึกจินตนาการ เป็นความสามารถในการคิดสร้างภาพขึ้นมาให้เป็นสิ่งท่ีเห็นได้อาจเป็นสถานที่ เหตุการณ์เป็นอะไรก็ได้ซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อน หรือเป็นส่ิงท่ีเป็นไปได้ หรือเป็นไปไม่ได้การจินตนาการจะช่วยให้ มนุษย์คิดคน้ อะไร ๆ ขน้ึ มาได้ ช่วยใหเ้ กิดความสงสยั คดิ ท่จี ะอยากทดลองหาคาตอบจนเกดิ เป็นส่ิงประดิษฐ์ 3. ฝึกการคิดผสมผสานส่ิงต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ทาให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ เช่น การออกแบบ เครอ่ื งประดับท่มี ีการผสมผสานของเพชร และทองคา 4. ฝึกความจาอย่างเป็นระบบ เป็นการจัดกลุ่มส่ิงของต่าง ๆ หรือหาวิธีการจา เช่น จาคาศัพท์ ภาษาองั กฤษ หรอื อาจใช้ผังความคดิ โดยการเชือ่ มโยงข้อมลู ใหญก่ ับข้อมลู ย่อย 5. ฝึกการใชเ้ หตุผลที่สัมพนั ธก์ นั เชน่ สง่ิ ใดสมั พันธก์ บั อะไร หรืออะไรเปน็ เหตุเปน็ ผล
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: