Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เคมี ม.5 เทอม 1

เคมี ม.5 เทอม 1

Published by Pithak Lc., 2021-03-28 14:44:03

Description: 1. เรื่องแก๊สและสมบัติของแก๊ส
2. เรื่องอัตราการเกิดปฏิกิริยา
3. เรื่องสมดุลเคมี

Search

Read the Text Version

เคมี เล่ม 3 บทที่ 9 | สมดลุ เคมี 187 3. ปฏิกิริยา A(g) + B(g) 2C(g) ท่ี 27 องศาเซลเซียส มีค่าคงท่ีสมดุลของปฏิกิริยา เท่ากบั 196 บรรจุแกส๊ A ในภาชนะขนาด 7.0 ลิตร ความดัน 5.63 บรรยากาศ และบรรจุ แก๊ส B ในภาชนะขนาด 3.0 ลิตร ความดนั 13.14 บรรยากาศ ดังรูป 5.63 13.14 เมื่อเปิดวาล์วให้แก๊สทั้งสองทำ�ปฏิกิริยากันที่ 27 องศาเซลเซียส ที่สมดุล แก๊ส C มคี วามดันกบ่ี รรยากาศ คำ�นวณความเข้มขน้ ของ A ที่เรม่ิ ต้น PV = nRT PV n = RT (5.63 atm)(7.0 L) = (0.0821 L • atm • mol-1 • K-1 )(300 K) = 1.6 mol เมือ่ เร่มิ เปิดวาล์วปริมาตรของแก๊สเพ่ิมเปน็ 10.0 L ดงั นัน้ ความเข้มขน้ ของ A เมือ่ เริม่ เปิดวาล์ว = 1.6 mol = 0.16 mol/L 10.0 L สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทท่ี 9 | สมดลุ เคมี เคมี เลม่ 3 188 คำ�นวณความเขม้ ขน้ ของ B ท่ีเร่ิมต้น n = PV RT (13.14 atm)(3.0 L) = (0.0821 L • atm • mol-1 • K-1 )(300 K) = 1.6 mol เมื่อเรมิ่ เปิดวาลว์ ปรมิ าตรของแกส๊ เพ่มิ เปน็ 10.0 L ดงั นัน้ ความเข้มข้นของ B เม่อื เรม่ิ เปิดวาล์ว = 1.6 mol = 0.16 mol/L 10.0 L คำ�นวณความเขม้ ข้นของ C ทส่ี มดุล กำ�หนดให้ Δ[A] = -x mol/L ดังน้ัน Δ[B] = -x mol/L และ Δ[C] = +2x mol/L ซ่ึง น�ำ ไปคำ�นวณความเข้มขน้ ทีส่ มดลุ ไดด้ งั ตาราง ความเข้มข้น A(g) + B(g) 2C(g) (mol/L) 0.16 0.16 0 เรม่ิ ตน้ เปลย่ี นไป -x -x +2x สมดลุ 0.16 – x 0.16 – x 2x K = [C]2 [A][B] (2x)2 196 = (0.16 – x)(0.16 – x) 2x (0.16 – x) = 14 2x = 14(0.16 – x) 2x + 14x = 2.24 16x = 2.24 x = 0.14 น่นั คือ [C] = 2(0.14 mol/L) = 0.28 mol/L สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เคมี เล่ม 3 บทที่ 9 | สมดุลเคมี 189 ค�ำ นวณความดันของแก๊ส C ที่สมดุล PV = nRT P = n RT เมอ่ื Vn = ความเข้มข้น V = (0.28 mol/L)(0.0821 L • atm • mol-1 • K-1)(300 K) = 6.9 atm ดงั นนั้ ทสี่ มดุลแก๊ส C มีความดนั 6.9 บรรยากาศ 4. ปฏิกิรยิ าระหว่างกรดแอซีตกิ (CH3CO2H) และเอทานอล (CH3CH2OH) ได้เอทิลแอซเี ตต (CH3CO2CH2CH3) และนำ้� ดงั สมการเคมี CH3CO2H(l) + CH3CH2OH(l) CH3CO2CH2CH3(l) + H2O(l) เน่ืองจากสารแต่ละชนิดละลายเป็นเน้ือเดียวกัน และสารทุกชนิดมีการเปล่ียนแปลง ความเขม้ ขน้ จนเขา้ สสู่ มดลุ จงึ เขยี นคา่ คงทส่ี มดลุ ไดด้ งั น้ี K = [CH3CO2CH2CH3][H2O] = 4 [CH3CO2H][CH3CH2OH] ถ า้ ทส่ี มดลุ ตอ้ งการใหม้ เี อทลิ แอซเี ตต 4 โมล ตอ้ งใชก้ รดแอซตี กิ และเอทานอลอยา่ งละกโ่ี มล กำ�หนดให้กรดแอซีติกและเอทานอลท่ีสมดุลมีความเข้มข้นเท่ากัน และปริมาตรของ ของผสมคงท่ี ท่ีสมดุลมี CH3CO2CH2CH3 4 mol ดังน้ันจึงเกิด H2O 4 mol ด้วย กำ�หนดให้ใช้ CH3CO2H และ CH3CH2OH อยา่ งละ x mol น�ำ มาค�ำ นวณ x ไดด้ งั น้ี K = [CH3CO2CH2CH3][H2O] [CH3CO2H][CH3CH2OH] 4 × 4 4 = V V เมอ่ื V คอื ปรมิ าตรของสารละลายทงั้ หมด x x V × V x = 2 นนั่ คือ ที่สมดลุ มี CH3CO2H และ CH3CH2OH อย่างละ 2 โมล สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 9 | สมดลุ เคมี เคมี เลม่ 3 190 จำ�นวนโมลเร่ิมต้นของ CH3CO2H และ CH3CH2OH เท่ากับผลรวมของจำ�นวนโมลของ สารทีส่ มดลุ กับจ�ำ นวนโมลของสารทีเ่ ปล่ยี นไป ความสัมพันธ์แสดงดังตาราง จำ�นวน CH3CO2H(l) + CH3CH2OH(l) CH3CO2CH2CH3(l) + H2O(l) โมล (mol) สมดลุ 2 2 44 เปลย่ี นไป -4 -4 +4 +4 เรม่ิ ตน้ 2+4=6 2+4=6 0 0 ดังนั้น ถ้าท่ีสมดุลต้องการเอทิลแอซีเตต 4 โมล จะต้องใช้กรดแอซีติกและเอทานอล อย่างละ 6 โมล 5. เม่ือบรรจุแก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) และแก๊สไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) ความดัน 1.00 บรรยากาศ ปฏิกริ ยิ าเคมที เ่ี กิดขนึ้ แสดงดังสมการเคมี SO2(g) + NO2(g) SO3(g) + NO(g) พบว่าที่สมดุลแก๊สไนโตรเจนมอนอกไซด์ (NO) มีความดันเท่ากับ 0.65 บรรยากาศ คา่ คงท่สี มดุลของปฏกิ ริ ยิ านม้ี คี ่าเท่าใด จาก PV = nRT n = P เมือ่ n = ความเข้มข้น V RT V นำ�ไปค�ำ นวณความเขม้ ขน้ ของสารตา่ ง ๆ ท่สี มดลุ ดังน้ี สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

เคมี เลม่ 3 บทท่ี 9 | สมดลุ เคมี 191 ความเข้มข้น SO2(g) + NO2(g) SO3(g) + NO(g) (mol/L) 0 0 เรม่ิ ตน้ 1.00 1.00 RT RT +0R.6T5 +0R.6T5 เปลย่ี นไป - 0.65 - 0.65 RT RT (1.00 – 0.65) (1.00 – 0.65) 0.65 0.65 RT RT RT สมดลุ RT = 0.35 = 0.35 RT RT ค�ำ นวนคา่ คงที่สมดลุ ดงั นี้ K = [SO3][NO] [SO2][NO2] 0.65 × 0.65 = RT RT 0.35 × 0.35 RT RT = 3.4 ดังน้ัน คา่ คงที่สมดุลของปฏกิ ริ ยิ ามีค่าเท่ากบั 3.4 6. ป ฏิกิริยา A(aq) B(aq) + C(aq) ที่อุณหภูมิหนึ่ง มีค่าคงท่ีสมดุลเท่ากับ 0.80 และ พบว่าที่สมดุลมี A 0.20 โมลตอ่ ลติ ร เมอื่ มีการรบกวนสมดุลโดยการเพิ่มความเขม้ ขน้ ของ A อีก 0.20 โมลต่อลิตร ความเข้มข้นของ B ที่สมดุลใหม่มีค่ามากกว่าหรือน้อยกว่า เม่ือ รบกวนสมดุลโดยการลดความเขม้ ข้นของ C ลง 0.20 โมลตอ่ ลติ ร ค�ำ นวณความเข้มข้นของ B และ C ท่สี มดุลเดิม กำ�หนดให้ [B] และ [C] = x mol/L K [B][C] = [A] 0 .80 = (x) (x) (0.20) x = 0.40 ดงั นน้ั ที่สมดุล B และ C มคี วามเขม้ ข้น 0.40 โมลต่อลิตร สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 9 | สมดลุ เคมี เคมี เลม่ 3 192 ค�ำ นวณความเข้มขน้ ของ B เมื่อเพม่ิ ความเข้มขน้ ของ A เมอื่ รบกวนสมดุลโดยการเพ่มิ ความเข้มข้นของ A ระบบจะปรบั ตัวไปในทศิ ทางทล่ี ด A จึง กำ�หนดให้ Δ[A] = -x mol/L ดงั นน้ั Δ[B] = Δ[C] = +x mol/L ซ่งึ น�ำ ไปค�ำ นวณความเข้มข้น ทสี่ มดุลไดด้ งั ตาราง ความเข้มข้น A(aq) B(aq) + C(aq) (mol/L) สมดลุ เดมิ 0.20 0.40 0.40 เพม่ิ A 0.40 0.40 0.40 เปลย่ี นแปลง -x +x +x สมดลุ ใหม่ 0.40 – x 0.40 + x 0.40 + x K = [B][C] [A] 0.80 = (0.40 + x) (0.40 + x) (0.40 – x) x2 + 1.6x – 0.16 = 0 x = -1.7 หรือ 0.094 เนื่องจากค่า x เท่ากับ -1.7 แสดงว่าความเข้มข้นของ A ท่ีเปลี่ยนแปลงมีค่ามากกว่า ความเข้มข้นเรม่ิ ต้น ซึ่งเปน็ ไปไม่ได้ ดังนั้น x จงึ มคี ่าเทา่ กับ 0.094 นนั่ คอื ท่ีสมดลุ ใหมม่ ี [B] = 0.40 mol/L + 0.094 mol/L = 0.49 mol/L ค�ำ นวณความเข้มข้นของ B เมื่อลดความเข้มข้นของ C เมื่อรบกวนสมดุลโดยการลดความเขม้ ข้นของ C ระบบจะปรับตัวไปในทิศทางท่เี พิม่ C จงึ ก�ำ หนดให้ Δ[C] = +x mol/L ดงั นนั้ Δ[A] = -x mol/L และ Δ[B] = +x mol/L ซง่ึ น�ำ ไปค�ำ นวณ ความเขม้ ข้นที่สมดลุ ได้ดังตาราง สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เคมี เลม่ 3 บทที่ 9 | สมดลุ เคมี 193 ความเข้มข้น A(aq) B(aq) + C(aq) (mol/L) 0.20 0.40 0.40 สมดลุ เดมิ ลด C 0.20 0.40 0.20 เปลย่ี นแปลง -x +x +x สมดลุ ใหม่ 0.20 – x 0.40 + x 0.20 + x K = [B][C] [A] 0.80 = (0.40 + x) (0.20 + x) (0.20 – x) x2 + 1.4x – 0.08 = 0 x = 0.055 หรือ -1.5 เน่ืองจากค่า x เท่ากับ -1.5 แสดงว่าความเข้มข้นของ A ที่เปลี่ยนแปลงมีค่ามากกว่า ความเข้มข้นเริม่ ต้น ซงึ่ เป็นไปไม่ได้ ดงั นัน้ x จึงคา่ เทา่ กบั 0.055 นน่ั คอื ท่สี มดลุ ใหม่ม ี [B] = 0.40 mol/L + 0.055 mol/L = 0.46 mol/L ดังนน้ั ความเขม้ ข้นของ B ท่สี มดุลใหม่ เมอ่ื เพม่ิ ความเขม้ ข้นของ A อีก 0.20 โมลตอ่ ลติ ร มีค่ามากกวา่ เมอ่ื ลดความเข้มข้นของ C ลง 0.20 โมลตอ่ ลิตร 7. ในอุตสาหกรรมมีการใช้ปฏิกิริยาระหว่างแก๊สมีเทน (CH4) กับไอน้ำ� (H2O) ในการผลิต แกส๊ ไฮโดรเจน (H2) ดังสมการเคมี CH4(g) + H2O(g) + พลงั งาน CO(g) + 3H2(g) ก ารปรับเปล่ียนภาวะในการทำ�ปฏิกิริยาต่อไปน้ี จะมีผลต่อปริมาณของแก๊สไฮโดรเจนท่ี สมดลุ อยา่ งไร 7.1 เพ่ิมความดัน เมอื่ เพม่ิ ความดนั ระบบจะปรบั ตวั เพอื่ ลดความดนั โดยเกดิ ปฏกิ ริ ยิ ายอ้ นกลบั เนอ่ื งจาก ผลรวมของเลขสัมประสิทธ์ิของแก๊สท่ีเป็นผลิตภัณฑ์มากกว่าของสารตั้งต้น จึงทำ�ให้ ปริมาณของแกส๊ H2 ท่ีสมดุลลดลง สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

บทที่ 9 | สมดุลเคมี เคมี เล่ม 3 194 7.2 เพม่ิ อุณหภูมิ ป ฏิกิรยิ านีเ้ ปน็ ปฏกิ ริ ิยาดูดพลังงาน เม่อื เพิ่มอณุ หภูมิ ระบบจะปรบั ตวั ไปทางปฏิกิรยิ า ไปข้างหนา้ ท�ำ ให้ H2 ทส่ี มดลุ เพ่ิมขึน้ 7.3 เติมตัวเรง่ ปฏกิ ิริยา การเติมตัวเร่งปฏิกิริยาทำ�ให้ระบบเข้าสู่สมดุลเร็วข้ึน แต่ไม่มีผลต่อปริมาณของสาร ต่าง ๆ ในระบบที่สมดลุ ดังน้นั ทสี่ มดุลจะไดป้ ริมาณแกส๊ H2 เท่าเดิม แต่ได้ H2 เรว็ ข้ึน 8. ป ฏิกิริยาการสังเคราะห์แอมโมเนียดังสมการเคมี N2(g) + 3H2(g) 2NH3(g) เม่ือ มีการรบกวนระบบท่ีอยู่ในสมดุลโดยการเติมแก๊สไนโตรเจน ดังรูป จงเขียนกราฟแสดง การเปลย่ี นแปลงความเขม้ ขน้ ของแกส๊ ไฮโดรเจนและแก๊สแอมโมเนีย การเตมิ แกส๊ N2 ลงในระบบ เปน็ การเพมิ่ ความเขม้ ขน้ ของ N2 ระบบจะปรบั ตวั ไปในทศิ ทาง ทล่ี ดความเขม้ ขน้ ของ N2 โดยเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าไปขา้ งหนา้ ท�ำ ใหค้ วามเขม้ ขน้ ของ H2 ลดลง และ NH3 เพิ่มข้นึ จนกระทั่งระบบเขา้ สู่สมดลุ ความเข้มข้นของสารจึงคงท่ี สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เคมี เลม่ 3 บทที่ 9 | สมดลุ เคมี 195 9. ปฏกิ ริ ิยา H2(g) + l2(g) 2HI(g) คา่ คงทส่ี มดลุ ไม ม่ สี ี สมี ว่ ง ไมม่ ีสี 160 คา่ คงทส่ี มดุลทอี่ ณุ หภูมิตา่ ง ๆ เปน็ ดังนี้ 54 อณุ หภูมิ (K) 500 700 สีของแก๊สผสมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เพราะเหตุใด เม่ือมีการรบกวนระบบด้วยวิธี ตอ่ ไปน้ี 9.1 เพ่มิ อณุ หภูมิใหแ้ กร่ ะบบ แก๊สมีสีม่วงเข้มข้ึน เนื่องจากเม่ืออุณหภูมิสูงขึ้นค่าคงท่ีสมดุลมีค่าลดลง แสดงว่า ปฏกิ ริ ยิ านเี้ ปน็ ปฏกิ ริ ยิ าคายพลงั งาน ดงั นนั้ เมอ่ื เพม่ิ อณุ หภมู ใิ หแ้ กร่ ะบบ ระบบจะปรบั ตวั โดยเกดิ ปฏิกริ ยิ าย้อนกลบั เพิ่มขน้ึ ท�ำ ให้เกดิ I2 ซึง่ มีสมี ว่ งเพ่ิมขน้ึ 9.2 เพม่ิ ความดนั ไมเ่ ปลยี่ นแปลง เนอ่ื งจากผลรวมของเลขสมั ประสทิ ธใ์ิ นสมการเคมขี องสารตงั้ ตน้ และ ผลติ ภณั ฑท์ มี่ ีสถานะแกส๊ มคี า่ เท่ากนั การเพิม่ ความดันจงึ ไม่มีผลตอ่ สมดลุ 10. ป ฏกิ ริ ิยาเคมรี ะหวา่ งแกส๊ X2 และแกส๊ Y2 เขยี นสมการเคมไี ด้ดังน้ี X2(g) + Y2(g) 2XY(g) ΔE = +250 kJ/mol จงเปรียบเทียบคา่ คงที่สมดลุ ของการทดลองต่อไปนี้ พร้อมอธิบายเหตผุ ล ก ารทดลองท่ี 1 ทอ่ี ณุ หภมู ิ 300 เคลวนิ ผสม X2 และ Y2 อยา่ งละ 1.0 โมล ในภาชนะปดิ 2 ลติ ร ก ารทดลองท่ี 2 ทีอ่ ุณหภมู ิ 300 เคลวนิ ผสม X2 และ Y2 อย่างละ 2.0 โมล ในภาชนะปิด 2 ลติ ร การทดลองท่ี 3 ท่ีอุณหภูมิ 700 เคลวิน ผสม X2 และ Y2 อยา่ งละ 1.0 โมล ในภาชนะปิด 2 ลิตร การทดลองที่ 1 และ 2 มีค่าคงท่ีสมดุลเท่ากัน เนื่องจากทำ�การทดลองที่อุณหภูมิ เดยี วกนั สว่ นการทดลองที่ 3 มคี า่ คงทสี่ มดลุ มากกวา่ การทดลองที่ 2 และ 1 เนอ่ื งจากเปน็ ปฏิกริ ิยาดูดพลงั งาน เม่อื เพ่ิมอณุ หภมู ิ ค่าคงท่ีสมดลุ จะเพิ่มขึน้ ดงั น้ัน K = K < Kการทดลองที่ 1 การทดลองที่ 2 การทดลองท่ี 3 สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทท่ี 9 | สมดลุ เคมี เคมี เล่ม 3 196 11. ป ฏกิ ริ ยิ า A(g) 2B(g) ในภาชนะปดิ ปรมิ าตร 1.0 ลติ ร มกี ราฟแสดงความสมั พนั ธ์ ระหว่างความเข้มข้นของสารกับเวลาดังรูป โดยท่ีเวลา 15 วินาที ทำ�การลดอุณหภูมิ แลว้ ปลอ่ ยใหร้ ะบบเขา้ สสู่ มดลุ อกี ครง้ั 11.1 คา่ คงท่สี มดุลกอ่ นและหลงั เวลา 15 วนิ าที มีคา่ เทา่ ใด [B]2 จากสมการเคมี A(g) 2B(g) จะได้วา่ K = [A] ค ่าคงที่สมดลุ ก่อนเวลา 15 วินาที = (4.0)2 = 16 1.0 ค า่ คงท่สี มดลุ หลงั เวลา 15 วนิ าที = (3.0)2 = 6.0 1.5 ดงั น้ัน คา่ ทส่ี มดุลกอ่ นและหลงั เวลา 15 วินาที มีคา่ เท่ากบั 16 และ 6.0 ตามล�ำ ดับ 11.2 ปฏิกริ ิยานเ้ี ป็นปฏิกิริยาดูดพลงั งานหรอื คายพลงั งาน เพราะเหตุใด ปฏิกิริยาน้ีเป็นปฏิกิริยาดูดพลังงาน เน่ืองจากเมื่อลดอุณหภูมิแล้ว ค่าคงท่ีสมดุลมี คา่ ลดลง 12. ป ฏิกิริยาระหว่างแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) และแก๊สคลอรีน (Cl2) ได้แก๊สฟอสจีน (COCl2) เปน็ ปฏกิ ริ ยิ าคายพลงั งาน เขยี นสมการเคมไี ดด้ งั น้ี CO(g) + Cl2(g) COCl2(g) + พลงั งาน ท่ีสมดุล เม่ือรบกวนระบบท่ีเวลา A B และ C จะได้กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง ความเขม้ ขน้ ของสารกบั เวลาดงั น้ี สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

เคมี เล่ม 3 บทท่ี 9 | สมดลุ เคมี 197 12.1 ทเี่ วลา A B และ C มีการรบกวนระบบอย่างไร ทีเ่ วลา A รบกวนระบบโดยการลดปริมาตรของภาชนะหรือเพิ่มความดัน สังเกตได้ จากความเขม้ ขน้ ของสารทกุ ชนิดเพิม่ ขึ้นเท่า ๆ กัน ท่เี วลา B ร บกวนระบบดว้ ยการเพมิ่ ความเข้มข้นของ Cl2 สงั เกตไดจ้ ากความเขม้ ขน้ ของ Cl2 เพมิ่ ข้ึนทนั ที แล้วคอ่ ย ๆ ลดลงเม่อื ปรบั เขา้ ส่สู มดลุ ทเี่ วลา C ร บกวนระบบดว้ ยการลดอณุ หภมู ิ สงั เกตไดจ้ ากความเขม้ ขน้ ของสารตงั้ ตน้ คอ่ ย ๆ ลดลงในขณะท่ผี ลิตภัณฑ์ค่อย ๆ เพมิ่ ข้ึน ซ่งึ สอดคล้องกับการปรบั สมดุลของปฏิกิริยาคายพลังงาน 12.2 การรบกวนระบบทชี่ ่วงเวลาใดทำ�ให้คา่ คงทส่ี มดุลมีการเปล่ียนแปลง เพราะเหตใุ ด การรบกวนระบบท่ีเวลา C จะทำ�ให้ค่าคงท่ีสมดุลมีการเปล่ียนแปลง เน่ืองจาก เป็นการเปล่ียนอณุ หภมู ิ ส่วนการรบกวนระบบที่เวลาอื่น ๆ คา่ คงท่สี มดลุ มคี า่ เท่าเดมิ 13. ยูเรีย (NH2CONH2) เป็นสารสำ�คัญท่ีใช้ในการผลิตปุ๋ย ซ่ึงผลิตได้จากแก๊สแอมโมเนีย (NH3) และแกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ (CO2) ดงั สมการเคมี 2NH3(g) + CO2(g) NH2CONH2(s) + H2O(g) + 135.7 kJ ก ระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมใช้อัตราส่วน NH3 : CO2 เท่ากับ 3:1 ทำ�ปฏิกิริยาที่ ความดันสูงและอุณหภูมิ 190 องศาเซลเซียส และกำ�จัดไอนำ้�ท่ีเกิดข้ึนด้วยตัวดูดซับ เหลือเพยี งยูเรยี ซึ่งเปน็ ของแขง็ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

บทที่ 9 | สมดลุ เคมี เคมี เลม่ 3 198 13.1 เพราะเหตุใดจึงท�ำ ปฏกิ ิริยาท่ีความดนั สงู เนอื่ งจากผลรวมของเลขสมั ประสทิ ธใ์ิ นสมการเคมขี องสารตงั้ ตน้ ทมี่ สี ถานะแกส๊ มคี า่ มากกว่าผลิตภัณฑ์ เม่ือทำ�ปฏิกิริยาที่ความดันสูง ระบบจะปรับตัวไปทางปฏิกิริยา ไปข้างหนา้ ท�ำ ใหม้ ียูเรยี เพิม่ ขน้ึ 13.2 เพราะเหตใุ ดจึงใช้ NH3 : CO2 ด้วยอตั ราส่วน 3:1 แทนทีจ่ ะใชเ้ ทา่ กับ 2:1 ใช้ NH3 และ CO2 ดว้ ยอตั ราสว่ น 3:1 เปน็ การใช้ NH3 ปรมิ าณมากเกนิ พอหรอื เปน็ การ เพิ่มปรมิ าณ NH3 ทำ�ให้ระบบปรบั ตัวไปทางปฏกิ ิรยิ าไปข้างหนา้ จึงมียเู รียเพมิ่ ขน้ึ 13.3 ตัวดูดซบั ไอน้ำ�มปี ระโยชน์ตอ่ กระบวนการผลติ ยเู รียอย่างไร ตวั ดดู ซบั ไอน�้ำ ใชเ้ พอ่ื ก�ำ จดั ไอน�ำ้ ซงึ่ เปน็ การลดปรมิ าณผลติ ภณั ฑ์ ท�ำ ใหร้ ะบบปรบั ตวั ไปทางปฏิกิรยิ าไปข้างหนา้ จงึ ไดย้ ูเรียเพมิ่ ขน้ึ 13.4 ถ้าทำ�ปฏิกิริยาเคมีท่ีอุณหภูมิต่ำ�หรือสูงกว่า 190 องศาเซลเซียส จะมีผลต่อ ปฏกิ ริ ยิ าอย่างไร ปฏกิ ริ ยิ านเี้ ปน็ ปฏกิ ริ ยิ าคายพลงั งาน ถา้ ท�ำ ปฏกิ ริ ยิ าทอี่ ณุ หภมู ติ �ำ่ กวา่ 190°C จะท�ำ ให้ ระบบปรับตัวไปทางปฏิกิริยาไปข้างหน้า จึงได้ยูเรียเพ่ิมข้ึน แต่อัตราการเกิด ปฏิกิริยาเคมีจะลดลง แต่ถ้าทำ�ปฏิกิริยาท่ีอุณหภูมิสูงกว่า 190°C จะทำ�ให้ระบบ ปรับตัวไปทางปฏิกิริยาย้อนกลับ จึงได้ยูเรียลดลง แต่อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีจะ เพม่ิ ขึน้ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เคมี เล่ม 3 บทท่ี 9 | สมดลุ เคมี 199 14. ลากเสน้ จากจดุ START โดยพจิ ารณาขอ้ ความทอ่ี ยใู่ นกรอบ ถา้ ขอ้ ความถกู ตอ้ งใหล้ ากไป ทางลูกศรท่ีมีเคร่ืองหมาย ถ้าข้อความไม่ถูกต้องให้ลากไปทางลูกศรท่ีมีเคร่ืองหมาย จนเสน้ ทล่ี ากไปถงึ จดุ FINISH สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

บทที่ 9 | สมดลุ เคมี เคมี เลม่ 3 200 แนวคิด 1. 2. คา่ คงทสี่ มดลุ ค�ำ นวณจากความเขม้ ขน้ ของสารทส่ี มดลุ จงึ ไมไ่ ดบ้ อกขอ้ มลู เกย่ี วกบั อตั รา การเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมีกอ่ นเขา้ สสู่ มดุล 3. 4. จากสมการเคมี MgCl2(s) Mg2+(aq) + 2Cl-(aq) MgCl2 เปน็ ของแขง็ จึงไม่น�ำ มาคำ�นวณค่าคงทสี่ มดุล ดงั นนั้ K = [Mg2+][Cl-]2 5. การเติมแก๊สเฉอ่ื ยไมม่ ผี ลต่อความเข้มขน้ ของแกส๊ ทอ่ี ย่ใู นสมดลุ 6. ท่ีสมดุล อัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าไปขา้ งหนา้ เทา่ กบั ปฏิกริ ยิ าย้อนกลับ แต่ไม่เทา่ กบั ศนู ย์ 7. คา่ คงทส่ี มดุลของปฏกิ ิริยารวมเท่ากับผลคูณของค่าคงทส่ี มดุลของปฏิกริ ยิ ายอ่ ย 8.  9. ท่ีสมดลุ ของปฏกิ ริ ยิ าคายพลงั งาน เมือ่ ลดอุณหภูมิ ค่าคงท่ีสมดลุ จะมคี า่ เพม่ิ ขนึ้ 10. 11. 12. การเพ่มิ หรือลดความเขม้ ข้นของสาร ไม่มผี ลตอ่ ค่าคงท่สี มดุล 13. 14. ที่สมดลุ เม่ือลดสารต้ังตน้ จะเกดิ ปฏิกริ ยิ าย้อนกลับมากข้นึ 15. 16. 17. คา่ คงที่สมดุลมีค่าน้อยกว่า 1 ดังนน้ั ที่สมดลุ จึงมีปริมาณสารต้งั ต้นมากกว่าผลิตภณั ฑ์ 18. 19. จากสมการเคมี CO2(g) + C(s) 2CO(g) [CO]2 = C เป็นของแข็งจงึ ไมน่ ำ�มาค�ำ นวณคา่ คงทีส่ มดลุ ดังนนั้ K [CO2] ลากเสน้ ทางได้ดงั นี้ 1. 2. 3. 4. 8. 9. 15. FINISH 10. 7. 11. 16. 17. 18. 14. 13. สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

เคมี เลม่ 3 บทท่ี 9 | สมดลุ เคมี 201 สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ภาคผนวก เคมี เล่ม 3 202 ภาคผนวก สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เคมี เล่ม 3 ภาคผนวก 203 ตัวอยา่ งเครอ่ื งมอื วดั และประเมินผล แบบทดสอบ การประเมนิ ผลดว้ ยแบบทดสอบเปน็ วธิ ที น่ี ยิ มใชก้ นั อยา่ งแพรห่ ลายในการวดั ผลสมั ฤทธใิ์ นการเรยี น โดยเฉพาะดา้ นความรแู้ ละความสามารถทางสตปิ ญั ญา ครคู วรมคี วามเขา้ ใจในลกั ษณะของแบบทดสอบ รวมทั้งข้อดีและข้อจำ�กัดของแบบทดสอบรูปแบบต่าง ๆ เพ่ือประโยชน์ในการสร้างหรือเลือกใช้แบบ ทดสอบให้เหมาะสมกับสิ่งท่ีต้องการวัด โดยลักษณะของแบบทดสอบ รวมท้ังข้อดีและข้อจำ�กัดของ แบบทดสอบรูปแบบตา่ ง ๆ เป็นดงั นี้ 1) แบบทดสอบแบบท่ีมีตวั เลือก แบบทดสอบแบบทม่ี ตี วั เลอื ก ไดแ้ ก่ แบบทดสอบแบบเลอื กตอบ แบบทดสอบแบบถกู หรอื ผดิ และ แบบทดสอบแบบจบั คู่ รายละเอียดของแบบทดสอบแตล่ ะแบบเป็นดังน้ี 1.1) แบบทดสอบแบบเลอื กตอบ เปน็ แบบทดสอบทมี่ กี ารก�ำ หนดตวั เลอื กใหห้ ลายตวั เลอื ก โดยมตี วั เลอื กทถ่ี กู เพยี งหนง่ึ ตวั เลอื ก องคป์ ระกอบหลกั ของแบบทดสอบแบบเลอื กตอบมี 2 ส่วน คือ คำ�ถามและตวั เลือก แตบ่ างกรณอี าจ มีส่วนของสถานการณ์เพ่ิมขึ้นมาด้วย แบบทดสอบแบบเลือกตอบมีหลายรูปแบบ เช่น แบบทดสอบ แบบเลอื กตอบค�ำ ถามเดย่ี ว แบบทดสอบแบบเลอื กตอบค�ำ ถามชดุ แบบทดสอบแบบเลอื กตอบค�ำ ถาม 2 ชัน้ โครงสร้างดงั ตัวอยา่ ง แบบทดสอบแบบเลือกตอบแบบค�ำ ถามเดย่ี วทีไ่ ม่มสี ถานการณ์ คำ�ถาม……………………………………………………………………. ตัวเลือก ก................................................ ข................................................ ค................................................ ง................................................ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ภาคผนวก เคมี เล่ม 3 204 แบบทดสอบแบบเลอื กตอบแบบค�ำ ถามเด่ยี วที่มีสถานการณ์ สถานการณ…์ …………………………………………………………...................... ค�ำ ถาม…………………………………………………....................…………………. ตวั เลอื ก ก................................................ ข................................................ ค................................................ ง................................................ แบบทดสอบแบบเลือกตอบแบบคำ�ถามเป็นชดุ สถานการณ…์ …………………………………………………………...................... ค�ำ ถาม…………………………………………………....................…………………. ตัวเลอื ก ก................................................ ข................................................ ค................................................ ง................................................ คำ�ถามที่ 2 …………………………………………………………….................. ตัวเลอื ก ก................................................ ข................................................ ค................................................ ง................................................ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เคมี เลม่ 3 ภาคผนวก 205 แบบทดสอบแบบเลอื กตอบแบบค�ำ ถาม 2 ช้ัน สถานการณ…์ …………………………………………………………...................... ค�ำ ถาม…………………………………………………....................…………………. ตัวเลอื ก ก................................................ ข................................................ ค................................................ ง................................................ ค�ำ ถามที่ 2 (ถามเหตุผลของการตอบคำ�ถามท่ี 1) ……………………………………………………………........................................ ……………………………………………………………........................................ แบบทดสอบแบบเลอื กตอบมขี อ้ ดคี อื สามารถใชว้ ดั ผลสมั ฤทธขิ์ องนกั เรยี นไดค้ รอบคลมุ เนอื้ หา ตามจดุ ประสงค์ สามารถตรวจใหค้ ะแนนและแปลผลคะแนนไดต้ รงกนั แตม่ ขี อ้ จ�ำ กดั คอื ไมเ่ ปดิ โอกาส ให้นักเรียนได้แสดงออกอย่างอิสระจึงไม่สามารถวัดความคิดระดับสูง เช่น ความคิดสร้างสรรค์ได้ นอกจากนนี้ กั เรยี นท่ีไม่มีความรู้สามารถเดาค�ำ ตอบได้ 1.2) แบบทดสอบแบบถูกหรอื ผดิ เปน็ แบบทดสอบทมี่ ตี วั เลอื ก ถกู และผดิ เทา่ นน้ั มอี งคป์ ระกอบ 2 สว่ น คอื ค�ำ สง่ั และขอ้ ความ ให้นักเรยี นพจิ ารณาว่าถกู หรอื ผิด ดงั ตัวอยา่ ง สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ภาคผนวก เคมี เลม่ 3 206 แบบทดสอบแบบถูกหรือผดิ คำ�สงั่ ให้พิจารณาวา่ ข้อความตอ่ ไปนถ้ี ูกหรือผิด แล้วใสเ่ ครือ่ งหมาย หรอื หน้า ข้อความ ………… 1. ขอ้ ความ……………………………………………..……………..…………………..... ………… 2. ข้อความ……………………………………………..……………..…………………..... ………… 3. ขอ้ ความ……………………………………………..……………..…………………..... ………… 4. ขอ้ ความ……………………………………………..……………..…………………..... ………… 5. ข้อความ……………………………………………..……………..…………………..... แบบทดสอบรูปแบบน้ีสามารถสร้างได้ง่าย รวดเร็ว และครอบคลุมเนื้อหา สามารถตรวจได้ รวดเรว็ และใหค้ ะแนนไดต้ รงกนั แตน่ กั เรยี นมโี อกาสเดาไดม้ าก และการสรา้ งขอ้ ความใหเ้ ปน็ จรงิ หรอื เปน็ เทจ็ โดยสมบรู ณ์ในบางเนื้อทำ�ได้ยาก 1.3) แบบทดสอบแบบจบั คู่ ประกอบด้วยส่วนทีเ่ ป็นคำ�สง่ั และข้อความ 2 ชุด ท่ใี หจ้ ับคูก่ นั โดยขอ้ ความชดุ ท่ี 1 อาจเปน็ ค�ำ ถาม และขอ้ ความชดุ ที่ 2 อาจเปน็ ค�ำ ตอบหรอื ตวั เลอื ก โดยจ�ำ นวนขอ้ ความในชดุ ท่ี 2 อาจมมี ากกวา่ ในชดุ ท่ี 1 ดงั ตวั อยา่ ง แบบทดสอบแบบจับคู่ ค�ำ สัง่ ใหน้ �ำ ตวั อกั ษรหนา้ ขอ้ ความในชดุ ค�ำ ตอบมาเตมิ ในชอ่ งวา่ งหนา้ ขอ้ ความในชดุ ค�ำ ถาม ชดุ คำ�ถาม ชดุ คำ�ตอบ ……… 1. ………………………………… ก. ………………………………… ……… 2. ………………………………… ข. ………………………………… ……… 3. ………………………………… ค. ………………………………… ง. ………………………………… สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เคมี เลม่ 3 ภาคผนวก 207 แบบทดสอบรูปแบบน้ีสร้างได้ง่ายตรวจให้คะแนนได้ตรงกัน และเดาคำ�ตอบได้ยากเหมาะ สำ�หรับวัดความสามารถในการหาความสัมพันธ์ระหว่างคำ�หรือข้อความ 2 ชุด แต่ในกรณีที่นักเรียน จบั ค่ผู ดิ ไปแล้วจะท�ำ ให้มีการจับคู่ผดิ ในคอู่ ่นื ๆ ดว้ ย 2) แบบทดสอบแบบเขยี นตอบ เป็นแบบทดสอบท่ีให้นักเรียนคิดคำ�ตอบเอง จึงมีอิสระในการแสดงความคิดเห็นและสะท้อน ความคดิ ออกมาโดยการเขยี นใหผ้ อู้ า่ นเขา้ ใจ โดยทว่ั ไปการเขยี นตอบมี 2 แบบ คอื การเขยี นตอบแบบ เติมคำ�หรือการเขียนตอบอย่างส้ัน และการเขียนตอบแบบอธิบาย รายละเอียดของแบบทดสอบท่ีมี การตอบแต่ละแบบเปน็ ดังน้ี 2.1) แบบทดสอบเขียนตอบแบบเตมิ คำ�หรอื ตอบอยา่ งส้ัน ประกอบด้วยคำ�สั่ง และข้อความท่ีไม่สมบูรณ์ซึ่งจะมีส่วนท่ีเว้นไว้เพ่ือให้เติมคำ�ตอบหรือ ขอ้ ความสน้ั ๆ ทที่ �ำ ใหข้ อ้ ความขา้ งตน้ ถกู ตอ้ งหรอื สมบรู ณ์ นอกจากนแี้ บบทดสอบยงั อาจประกอบดว้ ย สถานการณ์และคำ�ถามท่ีให้นักเรียนตอบโดยการเขียนอย่างอิสระ แต่สถานการณ์และคำ�ถามจะเป็น สิ่งที่กำ�หนดคำ�ตอบให้มคี วามถูกตอ้ งและเหมาะสม แบบทดสอบรูปแบบน้สี รา้ งได้ง่าย มโี อกาสเดาไดย้ าก และสามารถวินจิ ฉัยคำ�ตอบทน่ี กั เรยี น ตอบผิดเพื่อให้ทราบถึงข้อบกพร่องทางการเรียนรู้หรือความเข้าใจที่คลาดเคล่ือนได้ แต่การจำ�กัด คำ�ตอบให้นักเรียนตอบเป็นคำ� วลี หรือประโยคได้ยาก ตรวจให้คะแนนได้ยากเนื่องจากบางคร้ังมี คำ�ตอบถูกต้องหรือยอมรบั ได้หลายค�ำ ตอบ 2.2) แบบทดสอบเขยี นตอบแบบอธบิ าย เป็นแบบทดสอบทีต่ อ้ งการใหน้ กั เรยี นสร้างคำ�ตอบอยา่ งอสิ ระ ประกอบด้วยสถานการณแ์ ละ ค�ำ ถามทีส่ อดคลอ้ งกนั โดยค�ำ ถามเปน็ คำ�ถามแบบปลายเปดิ แบบทดสอบรปู แบบนใ้ี หอ้ สิ ระแกน่ กั เรยี นในการตอบจงึ สามารถใชว้ ดั ความคดิ ระดบั สงู ได้ แต่ เนอ่ื งจากนกั เรยี นตอ้ งใชเ้ วลาในการคดิ และเขยี นค�ำ ตอบมาก ท�ำ ใหถ้ ามไดน้ อ้ ยขอ้ จงึ อาจท�ำ ใหว้ ดั ไดไ้ ม่ ครอบคลมุ เนอ้ื หาทง้ั หมด รวมทง้ั ตรวจใหค้ ะแนนยาก และการตรวจใหค้ ะแนนอาจไมต่ รงกนั สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ภาคผนวก เคมี เล่ม 3 208 แบบประเมินทกั ษะ เมื่อนักเรียนได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมจริงจะมีหลักฐานร่องรอยท่ีแสดงไว้ทั้งวิธีการปฏิบัติและ ผลการปฏบิ ตั ิ ซง่ึ หลกั ฐานรอ่ งรอยเหลา่ นนั้ สามารถใชใ้ นการประเมนิ ความสามารถ ทกั ษะการคดิ และ ทกั ษะปฏิบัติไดเ้ ปน็ อยา่ งดี การปฏบิ ตั กิ ารทดลองเปน็ กจิ กรรมทสี่ �ำ คญั ทใี่ ชใ้ นการจดั การเรยี นรทู้ างวทิ ยาศาสตร์ โดยทั่วไปจะ ประเมิน 2 ส่วน คือ ประเมินทักษะการปฏิบัติการทดลองและการเขียนรายงานการทดลอง โดยเครอื่ งมือทีใ่ ชป้ ระเมินดังตวั อย่าง ตัวอย่างแบบส�ำ รวจรายการทกั ษะปฏิบัติการทดลอง ผลการส�ำ รวจ รายการทตี่ ้องสำ�รวจ มี ไม่มี (ระบจุ �ำ นวนครั้ง) การวางแผนการทดลอง การทดลองตามขนั้ ตอน การสังเกตการทดลอง การบนั ทกึ ผล การอภปิ รายผลการทดลองกอ่ นลงขอ้ สรปุ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เคมี เลม่ 3 ภาคผนวก 209 ตวั อยา่ งแบบประเมนิ ทกั ษะปฏบิ ตั กิ ารทดลองทใ่ี ชเ้ กณฑก์ ารใหค้ ะแนนแบบแยกองคป์ ระกอบยอ่ ย ทกั ษะปฏิบตั ิ 3 คะแนน 1 การทดลอง 2 ก า ร เ ลื อ ก ใ ช้ อุ ป ก ร ณ์ / เ ลื อ ก ใ ช้ อุ ป ก ร ณ์ / เ ลื อ ก ใ ช้ อุ ป ก ร ณ์ / เ ลื อ ก ใ ช้ อุ ป ก ร ณ์ / เครือ่ งมอื ในการทดลอง เ ค ร่ื อ ง มื อ ใ น ก า ร เ ค ร่ื อ ง มื อ ใ น ก า ร เ ค ร่ื อ ง มื อ ใ น ก า ร ท ด ล อ ง ไ ด้ ถู ก ต้ อ ง ทดลองไดถ้ กู ตอ้ งแต่ ทดลองไมถ่ กู ตอ้ ง เหมาะสมกบั งาน ไม่เหมาะสมกบั งาน การใชอ้ ปุ กรณ/์ เครอ่ื งมอื ใชอ้ ปุ กรณ/์ เครอ่ื งมอื ใช้อุปกรณ์/เคร่ืองมือ ใชอ้ ปุ กรณ/์ เครอ่ื งมอื ในการทดลอง ใ น ก า ร ท ด ล อ ง ไ ด้ ในการทดลองได้ถูก ในการทดลองไม่ถูก อ ย่ า ง ค ล่ อ ง แ ค ล่ ว ต้องตามหลกั การ ต้อง แ ล ะ ถู ก ต้ อ ง ต า ม ปฏบิ ตั ิ แตไ่ ม่ หลักการปฏบิ ตั ิ คลอ่ งแคล่ว การทดลองตามแผนที่ ทดลองตามวิธีการ ทดลองตามวิธีการ ทดลองตามวิธีการ ก�ำ หนด แ ล ะ ขั้ น ต อ น ที่ แ ล ะ ข้ั น ต อ น ที่ แ ล ะ ข้ั น ต อ น ที่ กำ�หนดไว้อย่างถูก กำ � ห น ด ไ ว้ มี ก า ร กำ � ห น ด ไ ว้ ห รื อ ต้อง มีการปรับปรุง ปรบั ปรุงแก้ไขบา้ ง ดำ � เ นิ น ก า ร ข้ า ม แก้ไขเปน็ ระยะ ขั้นตอนท่ีกำ�หนดไว้ ไ ม่ มี ก า ร ป รั บ ป รุ ง แก้ไข สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ภาคผนวก เคมี เลม่ 3 210 ตัวอยา่ งแบบประเมนิ ทกั ษะปฏิบัตกิ ารทดลองที่ใชเ้ กณฑ์การให้คะแนนแบบมาตรประมาณคา่ ทกั ษะทปี่ ระเมิน ผลการประเมนิ ระดับ 2 ระดบั 3 ระดบั 1 1. วางแผนการทดลองอย่างเป็น ระดบั 3 หมายถงึ ระดบั 2 หมายถงึ ระดบั 1 หมายถงึ ขั้นตอน ปฏบิ ตั ไิ ดท้ ง้ั 3 ขอ้ ปฏบิ ตั ไิ ดท้ ง้ั 2 ขอ้ ปฏบิ ตั ไิ ดท้ ง้ั 1 ขอ้ 2. ป ฏิ บั ติ ก า ร ท ด ล อ ง ไ ด้ อ ย่ า ง คล่องแคล่ว สามารถเลือกใช้ อุปกรณ์ได้ถูกต้อง เหมาะสม และจดั วางอปุ กรณเ์ ปน็ ระเบยี บ สะดวกตอ่ การใชง้ าน 3. บันทึกผลการทดลองได้ถูกต้อง และครบถ้วนสมบูรณ์ ตัวอยา่ งแนวทางการใหค้ ะแนนการเขยี นรายงานการทดลอง คะแนน 321 เขียนรายงานตาม เขียนรายงานการ เขียนรายงานโดย ลำ � ดั บ ขั้ น ต อ น ทดลองตามลำ�ดับ ลำ � ดั บ ข้ั น ต อ น ไ ม่ ผลการทดลองตรง แตไ่ มส่ อ่ื ความหมาย สอดคล้องกัน และ ตามสภาพจริงและ ไม่สอ่ื ความหมาย สอื่ ความหมาย แบบประเมินคุณลกั ษณะด้านจติ วทิ ยาศาสตร์ การประเมินจิตวิทยาศาสตร์ไม่สามารถทำ�ได้โดยตรง โดยท่ัวไปทำ�โดยการตรวจสอบพฤติกรรม ภายนอกท่ีปรากฏใหเ้ หน็ ในลักษณะของคำ�พูด การแสดงความคิดเห็น การปฏิบตั หิ รือพฤตกิ รรมบง่ ชี้ ทส่ี ามารถสงั เกตหรอื วดั ได้ และแปลผลไปถงึ จติ วทิ ยาศาสตรซ์ งึ่ เปน็ สงิ่ ทสี่ ง่ ผลใหเ้ กดิ พฤตกิ รรมดงั กลา่ ว เครื่องมือที่ใช้ประเมินคณุ ลักษณะดา้ นจิตวทิ ยาศาสตร์ ดังตวั อยา่ ง สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เคมี เล่ม 3 ภาคผนวก 211 ตวั อยา่ งแบบประเมนิ คุณลกั ษณะดา้ นจติ วิทยาศาสตร์ ค�ำ ช้แี จง จงทำ�เครื่องหมาย ลงในช่องว่างท่ีตรงกับคุณลักษณะท่ีนักเรียนแสดงออก โดยจำ�แนก ระดับพฤตกิ รรมการแสดงออกเปน็ 4 ระดบั ดงั น้ี มาก หมายถงึ นกั เรียนแสดงออกในพฤติกรรมเหลา่ นน้ั อย่างสม�่ำ เสมอ ปานกลาง หมายถึง นกั เรยี นแสดงออกในพฤตกิ รรมเหลา่ นั้นเป็นคร้งั คราว นอ้ ย หมายถงึ นกั เรยี นแสดงออกในพฤติกรรมเหลา่ นั้นนอ้ ยครงั้ ไม่มกี ารแสดงออก หมายถึง นกั เรียนไม่แสดงออกในพฤติกรรมเหลา่ นั้นเลย ระดับพฤตกิ รรมการแสดงออก รายการพฤติกรรมการแสดงออก มาก ปาน นอ้ ย ไมม่ กี าร ด้านความอยากรู้อยากเหน็ กลาง แสดงออก 1. นักเรียนสอบถามจากผู้รู้หรือไปศึกษา ค้นคว้าเพ่ิมเติม เมื่อเกิดความสงสัยใน เรอ่ื งราววทิ ยาศาสตร์ 2. นกั เรยี นชอบไปงานนิทรรศการ วิทยาศาสตร์ 3. นักเรยี นน�ำ การทดลองที่สนใจไป ทดลองตอ่ ทบ่ี า้ น ดา้ นความซ่อื สตั ย์ 1. นักเรียนรายงานผลการทดลองตามท่ี ทดลองไดจ้ ริง 2. เมอ่ื ท�ำ การทดลองผดิ พลาด นกั เรยี นจะ ลอกผลการทดลองของเพอ่ื ส่งครู 3. เม่ือครมู อบหมายให้ทำ�ชิน้ งาน ออกแบบส่งิ ประดษิ ฐ์ นกั เรยี นจะ ประดิษฐต์ ามแบบทปี่ รากฏอยูใ่ น หนงั สอื สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ภาคผนวก เคมี เลม่ 3 212 ระดบั พฤติกรรมการแสดงออก รายการพฤตกิ รรมการแสดงออก มาก ปาน นอ้ ย ไมม่ ีการ ด้านความใจกวา้ ง กลาง แสดงออก 1. แมว้ า่ นกั เรยี นจะไมเ่ หน็ ดว้ ยกบั การสรปุ ผลการทดลองในกลุ่ม แต่ก็ยอมรับผล สรปุ ของสมาชิกส่วนใหญ่ 2. ถา้ เพอื่ นแยง้ วธิ กี ารทดลองของนกั เรยี น และมีเหตุผลที่ดีกว่า นักเรียนพร้อมท่ี จ ะ นำ � ข้ อ เ ส น อ แ น ะ ข อ ง เ พื่ อ น ไ ป ปรบั ปรุงงานของตน 3. เม่ืองานท่ีนักเรียนต้ังใจและทุ่มเททำ� ถูกตำ�หนิหรือโต้แย้ง นักเรียนจะหมด ก�ำ ลงั ใจ ดา้ นความรอบคอบ 1. นักเรียนสรุปผลการทดลองทันทีเม่ือ เสรจ็ สน้ิ การทดลอง 2. นักเรียนทำ�การทดลองซำ้� ๆ ก่อนที่จะ สรปุ ผลการทดลอง 3. นักเรียนตรวจสอบความพร้อมของ อปุ กรณก์ อ่ นท�ำ การทดลอง ดา้ นความมงุ่ มน่ั อดทน 1. ถึงแม้ว่างานค้นคว้าท่ีทำ�อยู่มีโอกาส ส�ำ เรจ็ ไดย้ าก นกั เรยี นจะยงั คน้ ควา้ ตอ่ ไป 2. นกั เรยี นลม้ เลกิ การทดลองทนั ที เมอ่ื ผล การทดลองทไี่ ดข้ ดั จากทเี่ คยไดเ้ รยี นมา 3. เม่ือทราบว่าชุดการทดลองที่นักเรียน สนใจต้องใช้ระยะเวลาในการทดลอง นาน นกั เรยี นก็เปลี่ยนไปศึกษาชุดการ ทดลองท่ใี ชเ้ วลาน้อยกว่า สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เคมี เลม่ 3 ภาคผนวก 213 ระดบั พฤตกิ รรมการแสดงออก รายการพฤติกรรมการแสดงออก มาก ปาน นอ้ ย ไมม่ ีการ เจตคตทิ ดี่ ีตอ่ วทิ ยาศาสตร์ กลาง แสดงออก 1. นักเรียนนำ�ความรู้ทางวิทยาศาสตร์มา ใชแ้ กป้ ัญหาในชวี ติ ประจำ�วันอยู่เสมอ 2. นกั เรยี นชอบท�ำ กจิ กรรมทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั วิทยาศาสตร์ 3. นั ก เ รี ย น ส น ใ จ ติ ด ต า ม ข่ า ว ส า ร ที่ เกย่ี วข้องกบั วิทยาศาสตร์ วธิ ีการตรวจใหค้ ะแนน ตรวจใหค้ ะแนนตามเกณฑโ์ ดยกำ�หนดน้ำ�หนักของตวั เลือกในชอ่ งตา่ ง ๆ เปน็ 4 3 2 1 ข้อความท่ีมี ความหมายเป็นทางบวก กำ�หนดให้คะแนนแต่ละขอ้ ความดงั นี้ ระดับพฤติกรรมการแสดงออก คะแนน มาก 4 ปานกลาง 3 นอ้ ย 2 ไมม่ กี ารแสดงออก 1 ส่วนของข้อความที่มีความหมายเป็นทางลบการกำ�หนดให้คะแนนในแต่ละข้อความจะมีลักษณะ เปน็ ตรงกนั ขา้ ม การประเมินการนำ�เสนอผลงาน การประเมนิ ผลและใหค้ ะแนนการน�ำ เสนอผลงานใชแ้ นวทางการประเมนิ เชน่ เดยี วกบั การประเมนิ ภาระงานอ่ืน คือ การใช้คะแนนแบบภาพรวม และการให้คะแนนแบบแยกองค์ประกอบย่อย ดังราย ละเอยี ดต่อไปนี้ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ภาคผนวก เคมี เลม่ 3 214 1) การใหค้ ะแนนในภาพรวม เปน็ การใหค้ ะแนนทตี่ อ้ งการสรปุ ภาพรวมจงึ ประเมนิ เฉพาะประเดน็ หลกั ทสี่ �ำ คญั ๆ เชน่ การประเมนิ ความถกู ตอ้ งของเนอื้ หา ความรแู้ ละการประเมนิ สมรรถภาพดา้ นการ เขียนโดยใชเ้ กณฑก์ ารใหค้ ะแนนแบบภาพรวม ดงั ตวั อย่างตอ่ ไปนี้ ตัวอย่างเกณฑ์การประเมนิ ความถูกต้องของเนือ้ หาความรู้ (แบบภาพรวม) รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ เนอ้ื หาไม่ถกู ตอ้ งเปน็ สว่ นใหญ่ ต้องปรบั ปรุง เนื้อหาถูกต้องแตใ่ ห้สาระสำ�คัญนอ้ ยมาก และไม่ระบแุ หลง่ ทีม่ าของความรู้ เนอ้ื หาถกู ตอ้ ง มสี าระส�ำ คญั แตย่ งั ไมค่ รบถว้ น มกี ารระบแุ หลง่ ทม่ี าของความรู้ พอใช้ เนื้อหาถูกตอ้ ง มีสาระส�ำ คญั ครบถว้ น และระบแุ หลง่ ที่มาของความรชู้ ดั เจน ดี ดมี าก ตวั อยา่ งเกณฑก์ ารประเมนิ สมรรถภาพด้านการเขียน (แบบภาพรวม) รายการประเมิน ระดบั คณุ ภาพ เขียนสับสน ไม่เป็นระบบ ไม่บอกปัญหาและจุดประสงค์ ขาดการเชื่อมโยง ตอ้ งปรบั ปรุง เนื้อหาบางส่วนไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ ใช้ภาษาไม่เหมาะสมและสะกดคำ� ไมถ่ กู ตอ้ ง ไม่อ้างอิงแหล่งที่มาของความรู้ ขียนเป็นระบบแต่ไม่ชัดเจน บอกจุดประสงค์ไม่ชัดเจน เน้ือหาถูกต้องแต่มี พอใช้ รายละเอยี ดไม่เพียงพอ เนอ้ื หาบางตอนไม่สัมพันธ์กัน การเรยี บเรยี บเนือ้ หา ไมต่ ่อเนือ่ ง ใช้ภาษาถูกต้อง อ้างองิ แหลง่ ท่มี าของความรู้ เขยี นเปน็ ระบบ แสดงใหเ้ หน็ โครงสรา้ งของเรอ่ื ง บอกความส�ำ คญั และทม่ี าของ ดี ปัญหา จุดประสงค์ แนวคิดหลักไม่ครอบคลุมประเด็นสำ�คัญท้งั หมด เน้อื หา บางตอนเรียบเรียงไม่ต่อเน่ือง ใช้ภาษาถูกต้อง มีการยกตัวอย่าง รูปภาพ แผนภาพประกอบ อา้ งองิ แหลง่ ทม่ี าของความรู้ เขียนเป็นระบบ แสดงให้เห็นโครงสร้างของเรื่อง บอกความสำ�คัญและท่ีมา ดีมาก ของปัญหา จุดประสงค์ แนวคิดหลักได้ครอบคลุมประเด็นสำ�คัญท้ังหมด เรียบเรียงเน้ือหาได้ต่อเนื่อง ใช้ภาษาถูกต้อง ชัดเจนเข้าใจง่าย มีการ ยกตวั อยา่ ง รูปภาพ แผนภาพประกอบ อ้างอิงแหลง่ ท่ีมาของความรู้ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เคมี เลม่ 3 ภาคผนวก 215 2) การใหค้ ะแนนแบบแยกองคป์ ระกอบยอ่ ย เปน็ การประเมนิ เพอื่ ตอ้ งการน�ำ ผลการประเมนิ ไปใช้ พัฒนางานให้มีคุณภาพผ่านเกณฑ์ และพัฒนาคุณภาพให้สูงข้ึนกว่าเดิมอย่างต่อเน่ือง โดยใช้เกณฑ์ ยอ่ ย ๆ ในการประเมินเพื่อทำ�ให้รู้ท้ังจุดเด่นท่ีควรส่งเสริมและจุดด้อยที่ควรแก้ไขปรับปรุงการทำ�งาน ในสว่ นนั้น ๆ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนแบบแยกองค์ประกอบย่อย มตี วั อยา่ งดังน้ี ตวั อยา่ งเกณฑ์การประเมินสมรรถภาพ (แบบแยกองค์ประกอบย่อย) รายการประเมิน ระดับคณุ ภาพ ด้านการวางแผน ตอ้ งปรบั ปรงุ พอใช้ ไมส่ ามารถออกแบบได้ หรอื ออกแบบไดแ้ ตไ่ มต่ รงกบั ประเดน็ ปญั หาทตี่ อ้ งการ ดี เรียนรู้ ดมี าก ออกแบบการได้ตามประเด็นส�ำ คัญของปัญหาเป็นบางสว่ น ตอ้ งปรบั ปรุง พอใช้ ออกแบบครอบคลมุ ประเดน็ ส�ำ คญั ของปญั หาเปน็ สว่ นใหญ่ แตย่ งั ไมช่ ดั เจน ดี ดีมาก ออกแบบไดค้ รอบคลมุ ทกุ ประเดน็ ส�ำ คญั ของปญั หาอยา่ งเปน็ ขน้ั ตอนทช่ี ดั เจน และตรงตามจดุ ประสงค์ทต่ี อ้ งการ ด้านการด�ำ เนินการ ดำ�เนินการไม่เป็นไปตามแผน ใช้อุปกรณ์และส่ือประกอบถูกต้องแต่ไม่ คล่องแคล่ว ดำ�เนินการตามแผนที่วางไว้ ใช้อุปกรณ์และสื่อประกอบถูกต้องแต่ไม่ คลอ่ งแคล่ว ดำ�เนินการตามแผนท่ีวางไว้ ใช้อุปกรณ์และส่ือประกอบการสาธิตได้อย่าง คลอ่ งแคลว่ และเสรจ็ ทนั เวลา ผลงานในบางขน้ั ตอนไมเ่ ปน็ ไปตามจดุ ประสงค์ ด�ำ เนนิ การตามแผนทว่ี างไว้ ใชอ้ ปุ กรณแ์ ละสอื่ ประกอบไดถ้ กู ตอ้ ง คลอ่ งแคลว่ และเสร็จทันเวลา ผลงานทุกขัน้ ตอนเป็นไปตามจุดประสงค์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ภาคผนวก เคมี เลม่ 3 216 รายการประเมนิ ระดบั คุณภาพ ดา้ นการอธิบาย ต้องปรับปรุง พอใช้ อธบิ ายไมถ่ กู ต้อง ขัดแย้งกับแนวคดิ หลกั ทางวทิ ยาศาสตร์ ดี ดีมาก อธิบายโดยอาศัยแนวคิดหลักทางวิทยาศาสตร์ แต่การอธิบายเป็นแบบ พรรณนาทั่วไปซ่งึ ไม่ค�ำ นึงถงึ การเชื่อมโยงกับปญั หาทำ�ใหเ้ ขา้ ใจยาก อธบิ ายโดยอาศยั แนวคดิ หลกั ทางวทิ ยาศาสตร์ ตรงตามประเดน็ ของปญั หาแต่ ขา้ มไปในบางขน้ั ตอน ใชภ้ าษาไดถ้ กู ตอ้ ง อธิบายตามแนวคิดหลักทางวิทยาศาสตร์ ตรงตามประเด็นของปัญหาและ จุดประสงค์ ใช้ภาษาได้ถูกตอ้ งเขา้ ใจงา่ ย สอ่ื ความหมายได้ชดั เจน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เคมี เล่ม 3 บรรณานกุ รม 217 บรรณานกุ รม คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธบิ ดี มหาวทิ ยาลัยมหิดล. (2561) โรคหายใจเกนิ สบื ค้นเมอื่ 11 เมษายน 2561, จาก https://med.mahidol.ac.th/ramamental/ generalknowledge/general/05012014-1359. สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย.ี (2554). คู่มอื ครู รายวิชาเพมิ่ เตมิ เคมี เลม่ 3 (พมิ พ์ครง้ั ที่ 3). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ สกสค. สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลย.ี (2559). ค่มู อื ครู รายวชิ าเพิ่มเตมิ เคมี เล่ม 2 (พิมพ์ครัง้ ที่ 3). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ สกสค. สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลย.ี (2559). หนังสอื เรยี น รายวชิ าเพ่มิ เติม เคมี เลม่ 2 (พมิ พ์ครัง้ ที่ 10). กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พ์ สกสค. สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลย.ี (2559). หนังสือเรยี น รายวชิ าเพม่ิ เตมิ เคมี เล่ม 3 (พิมพค์ ร้งั ท่ี 9). กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พ์ สกสค. Averill, B., & Eldredge, P. (2007). Chemistry: Principles, Patterns, and A pplications. San Francisco: Benjamin Cummings. Barke, H.D. & Hazari A. & Yitbarek, S. (2009). Misconception in Chemistry: Addressing Perceptions in Chemistry. Berlin: Springer. Brown, L.S. & Holme, T.A. (2006). Chemistry for Engineering Students. California: Thomson Brooks/Cole. Chang, R. (2010). Chemistry. 9th ed. New York: The McGraw-Hill. Davis, R.E. & other. (2009). Modern Chemistry. Texas: Holt, Rinehart and Winston. Doc Brown's Chemistry Advanced A Level Notes. (2018). Chemical Equilibrium Notes Index. Retrieved March 15, 2018, from http://www.docbrown.info/page07/ equilibria3.htm. Gallagher, R.M. & Ingram, P. (2011). Complete Chemistry for Cambridge IGCSE. 2nd ed. Oxford: Oxford University Press. Kessel, H.V. & other (2003). Nelson Chemistry 12. Ontario: Nelson. Mortimer, M. & Taylor, P. (2002). The Molecular World; Chemical Kinetics and Mechanism. 1st ed. Milton Keyns: The Open University. Phillips, J.S. & Strozak, V.S. & Wistrom, C. (2005). Glencoe Science : Chemistry Concept and Applications. Ohio: Glencoe/McGraw-Hill. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บรรณานกุ รม เคมี เลม่ 3 218 Royal Society of Chemistry. (2018). Transport of oxygen in blood. Retrieved March 15, 2018, from http://www.rsc.org/Education/Teachers/Resources/cfb/transport.htm. Ryan, L., & Norris, R. (2014). Cambridge International AS and A Level Chemistry Coursebook. 2nd ed. Cambridge: Cambridge University Press. Saptarini N.M. & Suryasaputra, D. & Nurmalia, H. (2015). Journal of Chemical and Pharma- ceutical Research. 7(2), 275 – 280. Science Clarified. (2018). Chemical Equilibrium-Real-life applications. Retrieved March 15, 2018, from http://www.scienceclarified.com/everyday/Real-Life-Chemistry-Vol-2/ Chemical-Equilibrium-Real-life-applications.html. Silberberg, M.S. (2009). Chemistry: The Molecular Nature of Matter and C hange. 5th ed. New York: McGraw-Hill. Talbot, C. & Harwood, R. & Coates, C. (2010). Chemistry for the IB Diploma. 1st ed. London: Hodder Education. The Chinese University of Hong Kong. (2015). A Simulation for Teaching Dynamic Equilibrium. Retrieved February 23, 2015, from http://www3.fed.cuhk.edu.hk/ chemistry/files/Simulation.pdf. The University of North Carolina at Chapel Hill. (2018). Kinetics: Rates of Reaction. Retrieved April 23, 2018, from http://cssac.unc.edu/programs/learning-center/ Resources/Study/Guides/Chemistry%20102/Rates%20of%20Reactions?fbclid=I- wAR3mr2-uf8BixBvgzgipEcTQAZHJiA-_Yl2A3PpbhOZPeELjK7taHLiwxpM สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เคมี เล่ม 3 คณะกรรมการจัดท�ำ คมู่ ือครู 219 คณะกรรมการจดั ท�ำ คมู่ อื ครู รายวิชาเพ่มิ เติมวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เคมี เลม่ 3 ตามผลการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐานพุทธศกั ราช 2551 คณะที่ปรึกษา ผอู้ ำ�นวยการสถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และ ศ.ดร.ชกู ิจ ลิมปจิ �ำ นงค ์ เทคโนโลยี ผชู้ ่วยผอู้ ำ�นวยการสถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์ ดร.วนิดา ธนประโยชน์ศักด์ ิ และเทคโนโลยี คณะผู้จดั ท�ำ คมู่ อื ครู รายวิชาเพมิ่ เตมิ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 5 เลม่ 3 ศ.ดร.มงคล สขุ วัฒนาสนิ ทิ ธิ์ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั นายณรงคศ์ ลิ ป ์ ธปู พนม ผเู้ ช่ียวชาญพเิ ศษอาวโุ ส ผศ.ดร.จินดา แตม้ บรรจง สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นางสาวศศนิ ี อังกานนท์ นางกมลวรรณ เกียรติกวินกุล ผชู้ ำ�นาญ นางสุทธาทิพย์ หวังอำ�นวยพร สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นางสาวศิริรตั น์ พริกสี ผู้ชำ�นาญ ดร.สนธ ิ พลชยั ยา สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดร.ปุณกิ า พระพุทธคณุ ผู้ชำ�นาญ สาขาเคมแี ละชีววทิ ยา นางสาวณฏั ฐกิ า งามกิจภิญโญ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ผูช้ ำ�นาญ สาขาเคมีและชีววทิ ยา สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ผ้ชู �ำ นาญ สาขาเคมีและชีววทิ ยา สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี นักวิชาการ สาขาเคมีและชวี วทิ ยา สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี นกั วชิ าการ สาขาเคมีและชีววิทยา สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี นักวิชาการ สาขาเคมีและชวี วิทยา สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คณะกรรมการจัดทำ�คู่มือครู เคมี เลม่ 3 220 คณะผูร้ ่วมพิจารณาคมู่ อื ครู รายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 5 เลม่ 3 (ฉบับรา่ ง) ศ.ดร.มงคล สุขวัฒนาสินทิ ธ์ิ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั รศ.ดร.วลั ภา เอือ้ งไมตรภี ิรมย์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั รศ.ดร.อภชิ าต ิ อม่ิ ยม้ิ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ผศ.ดร.เสาวรักษ ์ เฟ่อื งสวัสด์ิ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ผศ.ดร.พรอ้ มพงศ ์ เพยี รพินจิ ธรรม จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั นางสาวสมศร ี เซี๊ยกสาด นักวิชาการอิสระ นางชน่ื จติ ร เดชอดุ ม โรงเรยี นสวนกหุ ลาบวทิ ยาลัย โรงเรียนชิโนรสวทิ ยาลัย นายวัฒนพงศ์ ยองเข โรงเรียนชโิ นรสวทิ ยาลยั กรงุ เทพมหานคร นายณฐั พล ตฤณเกศโกศล โรงเรยี นสามเสนวิทยาลยั กรุงเทพมหานคร นางสาวเพ็ญนภา ศรีโฉม โรงเรียนบดนิ ทรเดชา (สิงห์ สงิ หเสน)ี กรงุ เทพมหานคร นายสชุ ากรณ์ พวงทอง โรงเรยี นปากเกรด็ จ.นนทบรุ ี นายอนุพงศ์ ไพรศรี โรงเรยี นนารรี ัตน์จังหวัดแพร่ จ.แพร่ ดร.อำ�ไพ เกิดสมบรู ณ์ โรงเรยี นราชโบรกิ านุเคราะห์ จ.ราชบุรี คณะบรรณาธกิ าร จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ศ.ดร.มงคล สุขวัฒนาสนิ ทิ ธ์ิ รศ.ดร.วลั ภา เอ้อื งไมตรภี ริ มย์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั รศ.ดร.อภิชาติ อิม่ ย้มิ ผศ.ดร.เสาวรักษ ์ เฟอื่ งสวัสดิ์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ผศ.ดร.พร้อมพงศ์ เพยี รพนิ จิ ธรรม นายณรงค์ศลิ ป ์ ธปู พนม จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ผศ.ดร.จินดา แต้มบรรจง จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั นางกมลวรรณ เกียรตกิ วนิ กลุ ผู้เชย่ี วชาญพเิ ศษอาวโุ ส สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผ้ชู ำ�นาญ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ผ้ชู ำ�นาญ สาขาเคมแี ละชีววิทยา สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี



สถาบนั สง� เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ� ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook