Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์

การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์

Published by wipada999116, 2017-07-24 09:03:14

Description: Data Communication and Computer Networks

Search

Read the Text Version

การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพวิ เตอร์

การสื่อสารข้อมูล (Data communication) หมายถึง การส่งขอ้ มลู หรือขา่ วสาร จากผสู้ ่งตน้ ทางไปยงั ผรู้ ับปลายทางท่ีอยหู่ ่างไกล โดยผา่ นช่องทางการส่ือสารเพื่อเป็ นสื่อกลางในการส่งขอ้ มลู ซ่ึงอาจจะเป็ นแบบใชส้ ายหรือไมใ่ ชส้ ายกไ็ ด้ ส่วนขอ้ มูลหรือข่าวสารน้นั อาจจะเป็นขอ้ ความ เสียง ภาพเคล่ือนไหว หรือขอ้ มลู ที่เป็ นมลั ติมีเดียกไ็ ด้ ดงั น้นั การสื่อสารขอ้ มลู จึงเป็นส่วนหน่ึงของการสื่อสารโทรคมนาคม โดยเนน้ การส่งผา่ นขอ้ มลู โดยใชร้ ะบบคอมพวิ เตอร์และเครือขา่ ยเป็ นหลกั (สุมน อยสู่ ิน. 2527 : 8) เครือข่ายคอมพวิ เตอร์ หมายถงึ การนาคอมพวิ เตอร์และอุปกรณ์ตา่ ง ๆ มาเช่ือมต่อถึงกนั โดยใชส้ ายเคเบิล้เป็นส่ือกลางในการแลกเปล่ียนชุดขอ้ มูล ชุดคาส่ัง และข่าวสารตา่ ง ๆ ระหวา่ งคอมพิวเตอร์ กบั คอมพิวเตอร์และระหวา่ งคอมพวิ เตอร์กบั อุปกรณ์ตา่ ง ๆ การท่ีระบบเครือข่ายมีบทบาทและความสาคญั เพ่มิ ข้ึน เพราะไมโครคอมพิวเตอร์ไดร้ ับการใชง้ านอยา่ งแพร่หลาย จึงเกิดความตอ้ งการท่ีจะเช่ือมต่อคอมพวิ เตอร์เหล่าน้นั ถึงกบั เพ่อื เพ่ิมขีดความสามารถของระบบให้สูงข้ึน เพิม่ การใชง้ านดา้ นตา่ ง ๆ และลดตน้ ทุนระบบโดยรวมลง มีการแบง่ ใชง้ านอุปกรณ์และขอ้ มูลต่าง ๆตลอดจนสามารถทางานร่วมกนั ได้ ส่ิงสาคญั ที่ทาใหร้ ะบบขอ้ มูลมีขีดความสามารถเพิม่ ข้ึน คือ การโอนยา้ ยขอ้ มลู ระหวา่ งกนั และการเช่ือมตอ่หรือการสื่อสาร การโอนยา้ ยขอ้ มูลหมายถึงการนาขอ้ มลู มาแบ่งกนั ใชง้ าน หรือการนาขอ้ มูลไปใชป้ ระมวลผลในลกั ษณะแบ่งกนั ใชท้ รัพยากร เช่น แบง่ กนั ใชซ้ ีพียู แบ่งกนั ใชฮ้ าร์ดดิสก์ แบง่ กนั ใชโ้ ปรแกรม และแบ่งกนั ใชอ้ ุปกรณ์อ่ืน ๆ ที่มีราคาแพงหรือไมส่ ามารถจดั หาใหท้ ุกคนได้ การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เป็นเครือขา่ ย จึงเป็นการเพ่ิมประสิทธิภาพการใชง้ านใหก้ วา้ งขวางและมากข้ึนจากเดิม (จตุชยั แพงจนั ทร์. 2547 : 6)

องค์ประกอบของการสื่อสา ปี 1960 แบบจาลอง SMCR ของเบอร์โล ( Berlo) ไดใ้ หค้ วามสาคญั กบั สิ่งต่าง ๆ คือ 1. ผสู้ ่งสาร (Source) ตอ้ งเป็นผทู้ ี่มีความสามารถเขา้ รหสั (Encode) เน้ือหาขา่ วสารไดม้ ีความรู้อยา่ งดีในขอ้ มลู ท่ีจะส่งสามารถปรับระดบั ใหเ้ หมาะสมสอดคลอ้ งกบั ผรู้ ับ 2. ขา่ วสาร (Message) คือเน้ือหา สัญลกั ษณ์ และวธิ ีการส่ง 3. ช่องทางการส่ือสาร(Channel) ใหผ้ รู้ ับไดด้ ว้ ยประสาทสมั ผสั ท้งั 5 4. ผรู้ ับสาร (Receiver) ผทู้ ่ีมีความมารถในการถอดรหสั ( Decode) สารท่ีรับมาไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง แบบจาลอง SMCR ของเบอร์โล จะใหค้ วามสาคญั ในปัจจยั ต่าง ๆ ท่ีมีผลทาใหก้ ารสื่อสารประสบผลสาเร็จไดแ้ ก่ ทกั ษะในการส่ือสาร ทศั นคติ ระดบั ความรู้ ระบบสงั คมและวฒั นธรรม ซ่ึงผรู้ ับละผสู้ ่งตอ้ งมีตรงกนั เสมอ(ศุภรัศม์ิ ฐิติกุลเจริญ. 2540)การใช้เทคโนโลยใี นการสื่อสาร เทคโนโลยี เป็นการนาเอาแนวความคิด หลกั การ เทคนิค ความรู้ ระเบียบวธิ ี กระบวนการ ตลอดจนผลผลิตทางวทิ ยาศาสตร์ท้งั ในดา้ นสิ่งประดิษฐแ์ ละวธิ ีปฏิบตั ิมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นระบบงานเพ่ือช่วยใหเ้ กิดการเปล่ียนแปลงในการทางานใหด้ ียงิ่ ข้ึนและเพ่อื เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานใหม้ ีมากยง่ิ ข้ึน การส่ือสาร หมายถึง การนาสื่อหรือขอ้ ความของฝ่ ายหน่ึงส่งใหอ้ ีกฝ่ ายหน่ึง ประกอบดว้ ยผสู้ ่งข่าวสารหรือแหล่งกาเนิดข่าวสาร ช่องทางการส่งขอ้ มลู ซ่ึงเป็นส่ือกลางหรือตวั กลางอาจเป็นสายสัญญาณ และหน่วยรับขอ้ มูลหรือผรู้ ับสาร ดงั น้นั เทคโนโลยใี นการส่ือสาร คือ การเอาแนวคิด หลกั การ เทคนิค ระเบียบวธิ ี กระบวนการ ผา่ นช่องทางการส่งขอ้ มลู ซ่ึงทาใหผ้ รู้ ับ ไดร้ ับและเขา้ ถึงขอ้ มูลไดเ้ ร็วข้ึน เทคโนโลยที ่ีใชใ้ นการสื่อสารท่ีพบเห็น เช่น E-mail, Voice Mail, Video Conferencing เป็นตน้

ชนิดของสัญญาณข้อมูล ชนิดของสัญญาณแบ่งไดเ้ ป็ น 2 ชนิดคือ 1.Analog signalเป็นสญั ญาณตอ่ เน่ือง ลกั ษณะของคล่ืนไซน์ sine wave ตวั อยา่ งการส่งขอ้ มลู ท่ีเป็น analog คือการส่งขอ้ มูลผา่ นระบบโทรศพั ท์ Hertz คือหน่วยวดั ความถี่ของสญั ญาณ โดยนบั ความถ่ีท่ีเกิดข้ึนใน 1 วนิ าที เช่น 1 วนิ าทีมีการเปลี่ยนแปลงของระดบั สัญญาณ 60 รอบแสดงวา่ มีความถ่ี 60 Hz 2.Digital สญั ญาณไม่ต่อเนื่อง ขอ้ มลู ในเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ท่ีเป็นเลขฐาน 2 จะถูกแทนดว้ ยสญั ญาณ digital คือเป็น 0 และ 1 โดยการแทนขอ้ มูลสญั ญาณแบบ Unipolar จะแทน 0 ดว้ ยสัญญาณไฟฟ้ าท่ีเป็ นกลาง และ 1 ดว้ ยสัญญาณไฟฟ้ าที่เป็นบวก Bit rate เป็นอตั ราความเร็วในการส่งขอ้ มลู โดยนบั จานวน bit ท่ีส่งไดใ้ นช่วง 1 วนิ าที เช่น ส่งขอ้ มลู ได้ 14,400 bps (bit per seconds)ทศิ ทางการส่งข้อมูล ทิศทางการส่งขอ้ มูล สามารถจาแนกทิศทางการส่งขอ้ มูลได้ 3 รูปแบบ ดงั น้ี (ศรีไพร ศกั ด์ิพงศากลุ และเจษฎาพร ยทุ ธวบิ ูลยช์ ยั . 2549 : 100-101) 1. การส่งข้อมูลแบบทศิ ทางเดยี ว (Simplex transmission) เป็นการส่ือสารขอ้ มูลท่ีมีผสู้ ่งขอ้ มูลทาหนา้ ท่ีส่งขอ้ มลู แตเ่ พยี งอยา่ งเดียว และผรู้ ับขอ้ มูลก็ทาหนา้ ท่ีรับขอ้ มูลแต่เพยี งอยา่ งเดียวเช่นกนั การส่งขอ้ มลู ในลกั ษณะน้ีเช่นการส่งขอ้ มูลของสถานีโทรทศั น์ 2. การส่งข้อมูลแบบสองทิศทางสลบั กนั (Half-duplex transmission) เป็นการสื่อสารขอ้ มลู ที่มีการแลกเปล่ียนขอ้ มลู ท้งั ผรู้ ับและผสู้ ่ง โดยแตล่ ะฝ่ ายสามารถเป็นท้งั ผรู้ ับและผสู้ ่งขอ้ มลู ได้ แตจ่ ะตอ้ งสลบั กนั ทาหนา้ ท่ีจะเป็นผสู้ ่งและผรู้ ับขอ้ มลู พร้อมกนั ท้งั สองฝ่ ายไมไ่ ด้ เช่น การสื่อสารโดยวทิ ยุ 3. การส่งข้อมูลแบบสองทศิ ทางพร้อมกนั (Full-duplex transmission) เป็นการส่ือสารขอ้ มลู ท่ีมีการแลกเปลี่ยนขอ้ มูลของท้งั ผสู้ ่งและผรู้ ับขอ้ มูล โดยท้งั สองฝ่ ายสามารถเป็นท้งั ผสู้ ่งขอ้ มลู และผรู้ ับขอ้ มลู ไดใ้ นเวลาเดียวกนั และสามารถส่งขอ้ มูลไดพ้ ร้อม กนั เช่น การสื่อสารโดยใชส้ ายโทรศพั ท์

ตัวอย่างทศิ ทางการไหลของข้อมูล ตวั กลางการสื่อสาร ส่ือกลางหรือตวั กลางในการนาส่งขอ้ มลู เป็นส่ือหรือช่องทางที่ใชใ้ นการนาขอ้ มูลจากตน้ ทางไปยงัปลายทาง สื่อกลางในการเชื่อมตอ่ อุปกรณ์ต่าง ๆ (จตุชยั แพงจนั ทร์. 2547: 10-11)สามารถแบง่ ออกไดเ้ ป็น 2 ชนิดใหญ่ ๆ ไดแ้ ก่ 1. ส่ือกลางประเภทมีสาย 2. ส่ือกลางประเภทไร้สาย 1.1สายคู่บดิ เกลยี ว (twisted pair) ประกอบดว้ ยเส้นลวดทองแดงท่ีหุม้ ดว้ ยฉนวนพลาสติก2 เส้นพนั บิดเป็ นเกลียว เพื่อลดการรบกวนจากคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้ าจากคูส่ ายขา้ งเคียงภายในเคเบิลเดียวกนั หรือจากภายนอก เนื่องจากสายคู่บิดเกลียวน้ียอมใหส้ ญั ญาณไฟฟ้ าความถี่สูงผา่ นได้ สาหรับอตั ราการส่งขอ้ มลู ผา่ นสายคูบ่ ิดเกลียวจะข้ึนอยกู่ บั ความหนาของสาย คือ สายทองแดงที่มีเส้นผา่ นศนู ยก์ ลางกวา้ ง จะสามารถส่งสัญญาณไฟฟ้ ากาลงั แรงได้ ทาใหส้ ามารถส่งขอ้ มูลดว้ ยอตั ราส่งสูง โดยทว่ั ไปแลว้ สาหรับการส่งขอ้ มลู แบบดิจิทลั สัญญาณที่ส่งเป็นลกั ษณะคลื่นสี่เหล่ียม สายคู่บิดเกลียวสามารถใชส้ ่งขอ้ มลู ไดถ้ ึงร้อยเมกะบิตต่อวนิ าที ในระยะทางไมเ่ กินร้อยเมตร เนื่องจากสายคูบ่ ิดเกลียว มีราคาไม่แพงมาก ใชส้ ่งขอ้ มลู ไดด้ ี จึงมีการใชง้ านอยา่ งกวา้ งขวาง ตวั อยา่ งเช่น (ก) สายคู่บดิ เกลยี วชนิดหุ้มฉนวน (Shielded Twisted Pair : STP) เป็นสายคูบ่ ิดเกลียวที่หุม้ ดว้ ยลวดถกั ช้นั นอกที่หนาอีกช้นั เพ่ือป้ องกนั การรบกวนของคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟ้ า (ข) สายคู่บิดเกลยี วชนิดไม่หุ้มฉนวน (Unshielded Twisted Pair : UTP) เป็นสายคู่บิดเกลียวมีฉนวนช้นั นอกที่บางอีกช้นั ทาใหส้ ะดวกในการโคง้ งอแตส่ ามารถป้ องกนั การรบกวนของคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้ าไดน้ อ้ ยกวา่ ชนิดแรก แต่กม็ ีราคาต่ากวา่ จึงนิยมใชใ้ นการเชื่อมต่ออุปกรณ์ในเครือขา่ ย ตวั อยา่ งของสายสายคู่บิดเกลียวชนิดไมห่ ุม้ ฉนวนท่ีเห็นในชีวติ ประจาวนั คือ สายโทรศพั ทท์ ี่ใชอ้ ยใู่ นบา้ น 1.2 สายโคแอกเชียล (coaxial) เป็นตวั กลางเชื่อมโยงท่ีมีลกั ษณะเช่นเดียวกบั สายท่ีต่อจากเสาอากาศ สายโคแอกเชียลที่ใชท้ วั่ ไปมี 2 ชนิด คือ 50 โอห์มซ่ึงใชส้ ่งขอ้ มูลแบบดิจิทลั และชนิด 75 โอห์มซ่ึงใชส้ ่งขอ้ มลู สญั ญาณแอนะล็อก สายประกอบดว้ ยลวดทองแดงที่เป็นแกนหลกั หน่ึงเส้นท่ีหุม้ ดว้ ยฉนวนช้นั หน่ึงเพื่อป้ องกนั กระแสไฟรั่ว จากน้นั จะหุม้ ดว้ ยตวั นาซ่ึงทาจากลวดทองแดงถกั เป็ นเปี ยเพื่อป้ องกนั การรบกวนของคล่ืน

แมเ่ หล็กไฟฟ้ าและสญั ญาณรบกวนอื่นๆ ก่อนจะหุม้ ช้นั นอกสุดดว้ ยฉนวนพลาสติก ลวดทองแดงท่ีถกั เป็ นเปี ยน้ีเองเป็นส่วนหน่ึงท่ีทาใหส้ ายแบบน้ีมีช่วงความถี่สัญญาณไฟฟ้ าสามารถผา่ นไดส้ ูงมาก และนิยมใชเ้ ป็นช่องส่ือสารสญั ญาณแอนะลอ็ กเชื่องโยงผา่ นใตท้ ะเลและใตด้ ิน 1.3 เส้นใยนาแสง (fiber optic) มีแกนกลางของสายซ่ึงประกอบดว้ ยเส้นใยแกว้ หรือพลาสติกขนาดเลก็ หลายๆ เสน้ อยรู่ วมกนั เส้นใยแตล่ ะเส้นมีขนาดเล็ดเทา่ เส้นผมและภายในกลวง และเส้นใยเหล่าน้นั ไดร้ ับการห่อหุม้ ดว้ ยเส้นใยอีกชนิดหน่ึงก่อนจะหุ้มช้นั นอกสุดดว้ ยฉนวน การส่งขอ้ มลู ผา่ นทางส่ือกลางชนิดน้ีจะแตกตา่ งจากชนิดอ่ืนๆ ซ่ึงใชส้ ญั ญาณไฟฟ้ าในการส่ง แตก่ ารทางานของสื่อกลางชนิดน้ีจะใชเ้ ลเซอร์วงิ่ผา่ นช่องกลวงของเส้นใยแต่ละเส้นและอาศยั หลกั การหกั เหของแสงโดยใชใ้ ยแกว้ ช้นั นอกเป็นกระจกสะทอ้ นแสงการใหแ้ สงเคลื่อนท่ีไปในท่อแกว้ สามารถส่งขอ้ มูลดว้ ยอตั ราความหนาแน่นของสญั ญาณขอ้ มลู สูงมากและไมม่ ีการก่อกวนของคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้ า ปัจจุบนั ถา้ ใชเ้ ส้นใยนาแสงกบั ระบบอีเทอร์เน็ตจะใชไ้ ดด้ ว้ ยความเร็วหลายร้อยเมกะบิต และเนื่องจากความสามรถในการส่งขอ้ มูลดว้ ยอตั ราความหนาแน่นสูง ทาใหส้ ามารถส่งขอ้ มลู ท้งั ตวั อกั ษร เสียงภาพกราฟิ ก หรือวดี ิทศั นไ์ ดใ้ นเวลาเดียวกนั อีกท้งั ยงั มีความปลอดภยั ในการส่งสูง แต่อยา่ งไรก็มีขอ้ เสียเน่ืองจากการบิดงอสายสัญญาณจะทาใหเ้ ส้นใยหกั จึงไมส่ ามารถใชส้ ื่อกลางน้ีในการเดินทางตามมุมตึกได้ เส้นใยนาแสงมีลกั ษณะพิเศษท่ีใชส้ าหรับเช่ือมโยงแบบจุดไปจุด จึงเหมาะท่ีจะใชก้ บั การเชื่อมโยงระหวา่ งอาคารกบั อาคารหรือระหวา่ งเมืองกบั เมือง เส้นใยนาแสงจึงถูกนาไปใชเ้ ป็นสายแกนหลกั 2.1 สัญญาณไมโครเวฟ (Microwave) เป็นสื่อกลางในการส่ือสารท่ีมีความเร็วสูง ส่งขอ้ มลู โดยอาศยั สัญญาณไมโครเวฟซ่ึงเป็ นสญั ญาณคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้ าไปในอากาศพร้อมกบั ขอ้ มูลท่ีตอ้ งการส่งและจะตอ้ งมีสถานีท่ีทาหนา้ ที่ส่งและรับขอ้ มูล และเน่ืองจากสญั ญาณไมโครเวฟจะเดินทางเป็นเส้นตรงไม่สามารถเล้ียวหรือโคง้ ตามขอบโลกท่ีมีความโคง้ ได้ จึงตอ้ งมีการต้งั สถานีรับ-ส่งขอ้ มลู เป็นระยะๆ และส่งขอ้ มูลต่อกนั เป็นทอดๆ ระหวา่ งสถานีต่อสถานีจนกวา่ จะถึงสถานีปลายทาง และแต่ละสถานีจะต้งั อยใู่ นที่สูงเช่นดาดฟ้ าตึกสูงหรือยอดดอยเพอื่ หลีกเล่ียงการชนหากมีส่ิงกีดขวางเนื่องจากแนวการเดินทางท่ีเป็ นเส้นตรงของสญั ญาณดงั ท่ีกล่าวมาแลว้ การส่งขอ้ มลู ดว้ ยสื่อกลางชนิดน้ีเหมาะกบั การส่งขอ้ มูลในพ้นื ท่ีห่างไกลมากๆ และทุรกนั ดาร 2.2 ดาวเทยี ม (satilite) ไดร้ ับการพฒั นาข้ึนมาเพอื่ หลีกเล่ียงขอ้ จากดั ของสถานีรับ-ส่งไมโครเวฟบนผวิ โลก วตั ถุประสงคใ์ นการสร้างดาวเทียมเพือ่ เป็นสถานีรับ-ส่งสัญญาณไมโครเวฟบนอวกาศและทวนสัญญาณในแนวโคจรของโลก ในการส่งสญั ญาณดาวเทียมจะตอ้ งมีสถานีภาคพ้ืนดินคอยทาหนา้ ที่รับและส่งสญั ญาณข้ึนไปบนดาวเทียมท่ีโคจรอยสู่ ูงจากพ้นื โลก 22,300 ไมล์ โดยดาวเทียมเหล่าน้นั จะเคลื่อนท่ีดว้ ยความเร็วที่เทา่ กบั การหมุนของโลก จึงเสมือนกบั ดาวเทียมน้นั อยนู่ ่ิงอยกู่ บั ท่ีขณะที่โลกหมุนรอบตวั เอง ทาใหก้ ารส่งสัญญาณไมโครเวฟจากสถานีหน่ึงข้ึนไปบนดาวเทียมและการกระจายสญั ญาณจากดาวเทียมลงมายงั สถานีตามจุดต่างๆ บนผวิ โลกเป็นไปอยา่ งแมน่ ยา ดาวเทียมสามารถโคจรอยไู่ ดโ้ ดยอาศยั พลงั งานที่ไดม้ าจากการเปลี่ยนพลงั งานแสงอาทิตยดว้ ยแผงโซลาร์ (solar panel)

มาตรฐานเครือข่ายไร้สาย (Wireless Networking Protocols) ดว้ ยความเจริญเติบโตอยา่ งรวดเร็วของเทคโนโลยเี ครือข่ายไร้สายไดส้ ่งผลใหอ้ ุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่นพีดีเอ โทรศพั ทม์ ือถือ ตลอดจนโรงงานอุตสาหกรรมโทรคมนาคมมีความตอ้ งการมาตรฐานเพอ่ื การสื่อสารไร้สายในทีน้ีกล่าวถึงการส่ือสารไร้สายดงั น้ี (ศรีไพร ศกั ด์ิรุ่งพงศากลุ และ เจษฎาพร ยทุ ธนวบิ ูลยช์ ยั . 2549 : 106-108) บลูทูธ (Bluetooth) บลูทธเป็นชื่อท่ีเรียกสาหรับมาตรฐานเรือข่ายแบบ 802.15 บลูทธู เป้ นเทคโนโลยไี ร้สายที่ใชก้ ารส่งขอ้ มลู ทางคล่ืนวทิ ยุ (Universal Radio Interface) เริ่มใชใ้ นปี ค.ศ. 1998 สาหรับการเช่ือมโยงส่ือสารไร้สายในแถบความถ่ี 2.45 GHz ซ่ึงเป็นอุปการณ์อิเล็กทรอนิกส์ท่ีถือเคล่ือนยา้ ยได้ สามารถติดตอ่ เช่ือมโยงสื่อสารแบบไร้สายระหวา่ งกนั ในช่วงระยะห่างส้นั ๆ ได้ ไว-ไฟ (Wi-Fi) ไว-ไฟ ยอ่ มาจากคาวา่ Wireless Fidelity คือมาตรฐานที่รับรองวา่ อุปกาณ์ไวร์เลว (WirelessLAN) สามารถทางานร่วมกนั ได้ และสนบั สนุนมาตรฐาน IEEE802.11b ไว-ไฟ เป็นเทคโนโลยอี ินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงที่นิยมใชท้ ่ีสุดในโลก ใชส้ ัญญาณวทิ ยใุ นการรับส่งขอ้ มูลความเร็วสูงผา่ นเครือข่ายไร้สายจากบริเวณท่ีมีการติดต้งั Access Point ไปยงั อุปกรณ์ที่ใชเ้ ช่ือมต่อ เช่นโทรศพั ทม์ ือถือ พดี ีเอ และโนตบุคเป็ นตน้ ไว- แมกซ์ (Wi-MAX) เป็นชื่อเรียกเทคโนโลยไี ร้สายรุ่นใหมล่ ่าสุดท่ีคาดหมายกนั วา่ จะถูกนามาใชง้ านที่ประเทศไทยอยา่ งเป็นทางการ ในอนาคตอนั ใกลน้ ้ี (ตอนน้ีมีแอบทดสอบ WiMAX กนั หลายท่ีในตา่ งจงั หวดั แลว้เช่น ที่เชียงใหม่) ซ่ึงเป็นเทคโนโลยบี รอดแบนดไ์ ร้สายความเร็วสูงรุ่นใหมต่ วั น้ี ไดร้ ับการพฒั นาข้ึนมาบนมาตรฐานท่ีเรียกเป็นทางการวา่ IEEE 802.16 ซ่ึงต่อมากไ็ ดพ้ ฒั นามาตรฐาน IEEE 802.16a (เหมือนกบั มาตรฐานสากลตวั แรก แตม่ ี a ตอ่ ทา้ ย) ข้ึน โดยไดอ้ นุมตั ิโดย IEEE มาเม่ือเดือนมกราคม 2004 ซ่ึง IEEE ท่ีวา่ ก็คือสถาบนั วศิ วกรรมไฟฟ้ าและอิเล็กทรอนิกส์ หรือชื่อเตม็ ๆก็คือ Institute of Electrical and Electronics Engineers โดยเจา้ ระบบ WiMAX น้ีมีซ่ึงมีรัศมีทาการไกลสูงสุดท่ี 30 ไมล์ หรือเป็นระยะทางประมาณ 48 กิโลเมตร (คนล่ะโลกกบั WiFi ท่ีเรารู้จกั กนั เลยทีเดียว) ซ่ึงนนั่ หมายความวา่ WiMAX สามารถใหบ้ ริการครอบคลุมพ้ืนท่ีกวา้ งกวา่ ระบบโครงข่ายโทรศพั ทเ์ คลื่อนที่ระบบ 3G (ซ่ึงก็เป็นระบบมือถือในอนาคตของประเทศไทยเราอีกน้นั แหละ เพียงแตต่ อนน้ีเราใช้2.5G กนั อย)ู่ มากถึง 10 เทา่ ยง่ิ กวา่ น้นั กย็ งั มีอตั ราความเร็วในการส่งผา่ นขอ้ มลู สูงสุดถึง 75 เมกะบิตตอ่ วนิ าที(Mbps) ซ่ึงเร็วกวา่ 3G ถึง 30 เท่าทีเดียว และแน่นอนวา่ เร็วกวา่ ระบบ WiFi ดว้ ย

เครือข่ายคอมพวิ เตอร์ เครือข่ายคอมพวิ เตอร์ คือ ระบบการส่ือสารระหวา่ งคอมพิวเตอร์จานวนต้งั แต่สองเครื่องข้ึนไปการที่ระบบเครือข่ายมีบทบาทสาคญั มากข้ึนในปัจจุบนั เพราะมีการใชง้ านคอมพิวเตอร์อยา่ งแพร่หลาย จึงเกิดความตอ้ งการท่ีจะเชื่อมต่อคอมพวิ เตอร์เหล่าน้นั ถึงกนั เพ่ือเพมิ่ ความสามารถของระบบใหส้ ูงข้ึน และลดตน้ ทุนของระบบโดยรวมลง การโอนยา้ ยขอ้ มลู ระหวา่ งกนั ในเครือขา่ ย ทาให้ระบบมีขีดความสามารถเพ่ิมมากข้ึน การแบ่งการใช้ทรัพยากร เช่น หน่วยประมวลผล, หน่วยความจา, หน่วยจดั เกบ็ ขอ้ มลู , โปรแกรมคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีราคาแพงและไม่สามารถจดั หามาใหท้ ุกคนได้ เช่น เคร่ืองพมิ พ์ เคร่ืองกราดภาพ (scanner) ทาใหล้ ดตน้ ทุนของระบบลงได้ องค์ประกอบพนื้ ฐานของเครือข่าย การท่ีคอมพิวเตอร์จะเช่ือมต่อกนั เป็นเครือขา่ ยได้ ตอ้ งมีองคป์ ระกอบพ้นื ฐานดงั ต่อไปน้ี - คอมพิวเตอร์ อยา่ งนอ้ ย 2 เครื่อง - เน็ตเวิร์คการ์ด หรือ NIC (Network Interface Card) เป็นการ์ดที่เสียบเขา้ กบั ช่องเมนบอร์ดของคอมพวิ เตอร์ ซ่ึงเป็นจุดเชื่อมต่อระหวา่ งคอมพวิ เตอร์และเครือขา่ ย - ส่ือกลางและอุปกรณ์สาหรับการรับส่งขอ้ มูล เช่น สายสญั ญาณ สายสัญญาณท่ีเป็นท่ีนิยมในเครือข่ายเช่น สายโคแอก็ เชียล สายคูเ่ กลียวบิด และสายใยแกว้ นาแสง เป็นตน้ ส่วนอุปกรณ์เครือข่าย เช่น ฮบั สวติ ซ์ เราท์เตอร์ เกตเวย์ เป็ นตน้ - โปรโตคอล (Protocol) โปรโตคอลเป็ นภาษาที่คอมพิวเตอร์ใชส้ ่ือสารกนั ผา่ นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่สามารถสื่อสารกนั ไดน้ ้นั จาเป็นท่ีตอ้ งใช้ “ภาษา” หรือโปรโตคอลเดียวกนั เช่น OSI, TCP/IP, IPX/SPX เป็นตน้ - ระบบปฏิบตั ิการเครือข่าย หรือ NOS (Network Operating System) ระบบปฏิบตั ิการเครือขา่ ยจะเป็ นตวัที่คอยจดั การเกี่ยวกบั การใชง้ านเครือขา่ ยของผใู้ ชแ้ ต่ละคน หรือเป็นตวั จดั การและควบคุมการใชท้ รัพยากรตา่ งๆของเครือขา่ ย ระบบปฏิบตั ิการเครือขา่ ยท่ีเป็ นที่นิยม เช่น Windows Server 2003, Novell NetWare, Sun Solaris และRed Hat Linux เป็นตน้โครงสร้างเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ (Topology) การนาเคร่ืองคอมพิวเตอร์มาเชื่อมต่อกนั เพ่ือประโยชน์ของการส่ือสารน้นั สามารถกระทาไดห้ ลายรูปแบบซ่ึงแตล่ ะแบบก็มีจุดเด่นต่างกนั ไป โดยทวั่ ไปแลว้ โครงสร้างของเครือข่ายคอมพวิ เตอร์สามารถจาแนกตามลกั ษณะการเชื่อมตอ่ ไดด้ งั น้ี

1. เครือข่ายแบบบัส (Bus Network) เป็นเครือขา่ ยที่เช่ือมต่อคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ดว้ ยสายเคเบิล้ ยาวต่อเนื่องไปเร่ือย ๆโดยมีตวั เช่ือมตอ่ คอมพวิ เตอร์ และอุปกรณ์เขา้ กบั สายเคเบิล้ ในการส่งขอ้ มลู จะมีคอมพิวเตอร์เพียงตวั เดียวเทา่ น้นั ที่สามารถส่งขอ้ มลู ไดใ้ นช่วงเวลาหน่ึง ๆ การจดั ส่งขอ้ มูลวธิ ีน้ีมีวธิ ีการท่ีจะไมใ่ หท้ ุกสถานี ส่งขอ้ มลูพร้อมกนั เพราะจะทาใหข้ อ้ มูลชนกนั การติดต้งั เครือข่ายแบบน้ีทาไดไ้ มย่ าก เพราะคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์แตล่ ะชนิดถูกเชื่อมต่อดว้ ยสายเคเบิล้ เพียงเส้นเดียว โดยส่วนใหญเ่ ครือขา่ ยแบบบสั มกั จะใชใ้ นเครือขา่ ยขนาดเล็ก ซ่ึงอยใู่ นองคก์ รท่ีมีเครื่อง คอมพิวเตอร์ใชไ้ มม่ ากนกั ข้อดี ประหยดั สายสญั ญาณ เคร่ืองหน่ึงเสียกไ็ มก่ ระทบกบั เครือข่าย ข้อเสีย อาจเกิดการชนกนั ของ ขอ้ มลู ได้ ตอ้ งมีการส่งใหม่ ถา้ สายหลกั เสีย เครือข่ายล่ม 2. เครือข่ายแบบดาว (Star Network) เป็นเครือขา่ ยท่ีเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ เขา้ กบั อุปกรณ์ท่ีเป็นจุดศูนยก์ ลางของเครือขา่ ย โดยการนาสถานีต่าง ๆ มาตอ่ ร่วมกนั กบั หน่วยสลบั สายกลาง การติดต่อสื่อสารระหวา่ งสถานีจะกระทาไดด้ ว้ ยการติดต่อผา่ นทางวงจรของ หน่วยสลบั สายกลางการทางานของหน่วยสลบั สายกลางจึงเป็ นศูนยก์ ลาง ของการติดต่อวงจรเชื่อมโยงระหวา่ งสถานีต่าง ๆ ที่ตอ้ งการติดต่อกนัข้อดี ติดต้งั และดูแลง่าย ถา้ เครื่องลูกขา่ ยเสียก็ตรวจสอบไดง้ ่าย เครื่องอ่ืนยงั ติดตอ่ กนั ได้ข้อเสีย ถา้ ฮบั เสีย เครือข่ายล่ม ใชส้ ญั ญาณมากกวา่ แบบอื่น 3. เครือข่ายแบบวงแหวน (Ring Network) เป็นเครือขา่ ยที่เช่ือมต่อเคร่ือง คอมพวิ เตอร์ดว้ ยสายเคเบิ้ลเพยี งเส้นเดียวในลกั ษณะวงแหวนการรับส่งขอ้ มูลในเครือขา่ ยวงแหวนจะใชท้ ิศทางเดียวเท่าน้นั เมื่อคอมพวิ เตอร์เครื่องหน่ึงส่งขอ้ มูล จะส่งไปยงั คอมพวิ เตอร์เครื่องถดั ไปถา้ ขอ้ มลู ท่ีรับมาไม่ตรงตามที่เครื่องคอมพิวเตอร์ ตน้ ทางระบุ จะส่งผา่ นไปยงัเครื่องคอมพิวเตอร์เคร่ืองถดั ไปซ่ึงจะเป็นข้นั ตอนอยา่ งน้ีไป เรื่อย ๆ จนกวา่ จะถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ปลายทางท่ีถูกระบุตามที่อยจู่ ากเคร่ืองตน้ ทาง ข้อดี ส่งขอ้ มูลไปยงั ผรู้ ับหลายเครื่อง ๆ พร้อมกนั ได้ ไม่เกิดการชนกนั ของขอ้ มลู ข้อเสีย ถา้ เคร่ืองใดมีปัญหา เครือข่ายล่มการติดต้งั ทาไดย้ าก และใชส้ ายสญั ญาณมากกวา่ แบบบสั

4. เครือข่ายแบบตาข่าย (Mesh Network) โครงสร้างแบบเมชมีการทางานโดยเคร่ืองคอมพวิ เตอร์แต่ละเครื่องจะตอ้ งมีช่อง ส่งสัญญาณจานวนมากเพื่อที่จะเช่ือมต่อกบั เคร่ืองคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ทุกเครื่อง โครงสร้างน้ีเครื่องคอมพิวเตอร์แตล่ ะเครื่องจะส่งขอ้ มูลไดอ้ ิสระไม่ตอ้ งรอ การส่งขอ้ มลู ระหวา่ งเคร่ืองคอมพวิ เตอร์เครื่องอื่นๆ ทาใหก้ ารส่งขอ้ มลู มีความรวดเร็ว แต่คา่ ใชจ้ ่ายสายเคเบิล้ ก็สูงดว้ ยเช่นกนั ข้อดี – การส่ือสารขอ้ มูลเร็ว เพราะคอมพวิ เตอร์แต่ละคู่สามารถสื่อสารกนั ไดโ้ ดยไม่ตอ้ งรอ เส้นทางการเชื่อมต่อใดๆ ขาด ไมม่ ีผลต่อการสื่อสารของเครื่องอื่นๆ ข้อเสีย – สิ้นเปลืองคา่ ใชจ้ า่ ย จากจานวนสายสัญญาณและช่องต่อสาย ตามจานวนเครื่องในระบบ 5. เครือข่ายแบบผสม (Hybrid Network) เป็นเครือขา่ ยท่ีผสมผสานโครงสร้าง เครือข่ายแบบต่าง ๆ เขา้ ดว้ ยกนั เป็ นเครือข่ายขนาดใหญ่เพียงเครือขา่ ยเดียว เช่น การเชื่อม ตอ่ เครือขา่ ยแบบวงแหวน แบบดาว และแบบบสั เขา้ เป็นเครือข่ายเดียว การประยุกต์ใช้ การเช่ือมตอ่ คอมพิวเตอร์เครือขา่ ยขนาดเล็ก ท่ีมีจานวนเครื่องจากดั หรืออยใู่ นบริเวณไม่กวา้ ง มกั เลือกใช้โทโพโลยอี ยา่ งใดอยา่ งหน่ึง ข้ึนกบั วตั ถุประสงค์ อุปกรณ์ที่มี และสภาพพ้นื ที่ เช่น การต่อภายในหอ้ ง อาจจะใช้แบบดาว การตอ่ ระหวา่ งหลายๆ อาคาร อาจเป็นแบบบสั แตเ่ มื่อมีการขยายขนาดเครือขา่ ยใหใ้ หญ่ข้ึน อาจจะเป็ นการตอ่ หลายๆ เครือขา่ ยเขา้ ดว้ ยกนั ลกั ษณะของโทโพโลยโี ดยรวม คือการเชื่อมต่อหลายๆ โทโพโลยเี ขา้ ดว้ ยกนัประเภทเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ในเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ 1.เซิร์ฟเวอร์ เป็นเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ที่ทาหนา้ ท่ีใหบ้ ริการต่าง ๆ โดยเครือขา่ ยต่าง ๆ สามารถมีเครื่องเซิร์ฟเวอร์ก่ีเคร่ืองกไ็ ดต้ ามตอ้ งการ

ชนิดของเครื่องคอมพวิ เตอร์เซิร์ฟเวอร์ไฟล์เซิร์ฟเวอร์ (File Server) เป็นเซิร์ฟเวอร์ท่ีทาหนา้ ท่ีในการจดั เก็บไฟล์ จะเสมือนฮาร์ดดิสกร์ วมศนู ย์ (Centerized disk storage)เสมือนวา่ ผใู้ ชง้ านทุกคนมีท่ีเก็บขอ้ มลู อยทู่ ี่เดียว เพราะควบคุม-บริหารง่าย การสารองขอ้ มูลโดยการ Restore ง่ายพรินต์เซิร์ฟเวอร์ Print Server หน่ึงเหตุผลที่จะตอ้ งมี Print Server กค็ ือ เพอ่ื แบ่งใหพ้ รินเตอร์ราคาแพงบางรุ่นที่ออกแบบมาใชส้ าหรับการทางานมาก ๆ เช่น HP Laser 5000 พิมพไ์ ดถ้ ึง 10 – 24 แผน่ ต่อนาที พรินเตอร์สาหรับประเภทน้ี ความสามารถในการทางานท่ีจะสูงแอพพลเิ คชันเซิร์ฟเวอร์ (Application Server) Application Server คือ เซิร์ฟเวอร์ท่ีรันโปรแกรมประยกุ ตไ์ ด้ โดยการทางานสอดคลอ้ งกบั ไคลเอน็ ต์ เช่นMail Server ( รัน MS Exchange Server ) Proxy Server (รัน Proxy Server) หรือ Web Server (รัน Web ServerProgram เช่น Xitami , Apache’ )อนิ เตอร์เน็ตเซิร์ฟเวอร์ (Internet Server) ปัจจุบนั อินเตอร์เน็ตน้นั มีผลกระทบกบั เครือขา่ ยในปัจจุบนั เป็นอยา่ งมาก อินเตอร์เน็ตเป็นเครือข่ายท่ีมีขนาดใหญ่มากและมีผใู้ ชง้ านมากที่สุดในโลก เทคโนโลยที ี่ทาใหอ้ ินเตอร์เน็ตเป็นที่นิยมกค็ ือ เวบ็ และอีเมล เพราะท้งั สองแอพพลิเคชนั ทาใหผ้ ใู้ ชส้ ามารถแลกเปล่ียนขอ้ มูลและส่ือสารกนั ไดง้ ่ายและมีรวดเร็ว เวบ็ เซิร์ฟเวอร์ (Web Server) คือ เซิร์ฟเวอร์ที่ใหบ้ ริการขอ้ มลู ในรูปแบบ HTML (Hyper text MarkupLanguage) เมลเซิร์ฟเวอร์ (Mail Server) คือ เซิร์ฟเวอร์ท่ีใหบ้ ริการรับ – ส่ง จดั เก็บ และจดั การเก่ียวกบั อีเมลของผใู้ ช้2. เวริ ์กสเตชั่น (Workstation) เป็นเคร่ืองคอมพิวเตอร์ทว่ั ๆ ไปท่ีสามารถทาการประมวลผลขอ้ มลู ตา่ ง ๆ ได้3. ไคลเอนต์ (Client) เป็นเครื่องคอมพวิ เตอร์ที่มีการเรียกใชข้ อ้ มลู จากเซิร์ฟเวอร์4. เทอร์มินัล (Terminal) เป็นอุปกรณ์ที่ประกอบไปดว้ ยจอภาพ แป้ นพมิ พ์ และอื่น ๆ เทอร์มินลั ไม่สารถประมวลผลขอ้ มูลไดด้ ว้ ยตวั เองแต่ใชก้ ารส่ือสารขอ้ มูลกบั เซิร์ฟเวอร์เพอื่ ใหเ้ ซิร์ฟเวอร์ประมวลผลพร้อมท้งั แสดงผลที่จอเทอร์มินอล

รูปแบบการประมวลผลข้อมูลในเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ (Computing Architecture) การประมวลผลข้อมูลทส่ี ่วนกลาง (Centrallized Processing) เป็นการประมวลผลขอ้ มลู ท่ีเซิร์ฟเวอร์ เครื่องลูกขา่ ยคอมพวิ เตอร์จะเป็นเทอร์มินลั ไม่สามารถประมวลผลไดเ้ อง การประมวลผลแบบน้ี เซิร์ฟเวอร์จะตอ้ งเป็นเครื่องที่ประมวลผลได้ เซิร์ฟเวอร์ตอ้ งเป็นเครื่องที่มีความเร็วสูง สามารถประมวลผลขอ้ มลู ไดเ้ ป็นจานวนมาก การประมวลผลข้อมูลแบบไคลเอนต์/เซิร์ฟเวอร์ เป็นรูปแบบหน่ึงของเครือขา่ ยแบบ server-based โดยจะมีคอมพิวเตอร์หลกั เคร่ืองหน่ึงเป็นเซิร์ฟเวอร์ ซ่ึงจะไมไ่ ดท้ าหนา้ ที่ประมวลผลท้งั หมดใหเ้ คร่ืองลูกข่าย หรือไคลเอนต์ (client) เซิร์ฟเวอร์ทาหนา้ ท่ีเสมือนเป็ นท่ีเกบ็ ขอ้ มูลระยะไกล (remote disk) และประมวลผลบางอยา่ งใหก้ บั ไคลเอนตเ์ ทา่ น้นั เช่น ประมวลผลคาสั่งในการดึงขอ้ มูลจากเซิร์ฟเวอร์ฐานขอ้ มูล (database server) เป็นตน้ชนิดของเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ เครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ สามารถจาแนกตามระยะทางของการเชื่อมต่อระหวา่ งการสื่อสารไดเ้ ป็น 4ประเภทดงั น้ี 1. แพน (PAN) หรือเครือขา่ ยส่วนบุคคล เป็นเครือข่ายสาหรับการแลกเปลี่ยนสารสนเทศและบริการ ตลอดจนการใช้งานอุปกรณ์ร่วมกนั 2. ระบบแวน (wide area networks : WAN) ระบบเครือข่ายบริเวณกวา้ งท่ีเชื่อมโยงคอมพวิ เตอร์ที่อยหู่ ่าง ไกลกนั ขา้ มจงั หวดั หรือประเทศ ดงั น้นั จึงตอ้ งใชร้ ะบบส่ือสารโทรคมนาคมที่มีประสิทธิภาพสูงใน ระดบั ประเทศ เช่น ขององคก์ าร โทรศพั ทแ์ ห่งประเทศไทย สาหรับตวั กลางอาจเป็นคู่สายโทรศพั ท์ ธรรมดา สายเช่าวงจรไมโครเวฟ เส้นใยแกว้ นาแสง สายเคเบิล แบบโคแอกเชียล หรือใชร้ ะบบ ดาวเทียมกไ็ ด้ โดยพ้ืนฐานแลว้ ระบบเครือขา่ ยบริเวณกวา้ งเป็นระบบเครือขา่ ยสื่อสาร ท่ีสามารถใชส้ ่ง สัญญาณ เสียง ภาพ และขอ้ มูลขา้ มอาณาบริเวณไกล ๆ ได้

3.ระบบแมน (12etropolitan area network : MAN) ระบบเครือข่ายบริเวณมหานครเป็ นระบบ ที่เช่ือม โยงคอมพวิ เตอร์ซ่ึง อาจต้งั อยหู่ ่างไกลกนั ในช่วง 5 ถึง 50 กิโลเมตร ปกติมกั ใชส้ าหรับสื่อสารขอ้ มูล เสียง และภาพ ผา่ นสาย โคแอกเชียลหรือเส้นใยแกว้ นาแสง ผใู้ ชร้ ะบบแมนมกั เป็นบริษทั ขนาดใหญท่ ่ีจาเป็น จะตอ้ งติดต่อส่ือสารขอ้ มูลผา่ น ระบบ คอมพิวเตอร์ดว้ ยความเร็วสูงมาก โดยที่การสื่อสารน้นั จากดั ภายใน บริเวณเมือง หรือมหานคร 4. ระบบแลน (local area networks : LAN) เป็นระบบเครือขา่ ยเฉพาะบริเวณที่เชื่อมโยง คอมพิวเตอร์ ที่ติดต้งั ภายในตวั อาคารหลงั เดียว หรือท่ีอยใู่ นละแวกเดียวกนั การเช่ือมโยงมกั ใชต้ วั กลางสื่อสารของตวั เอง เป็นระบบท่ีเจา้ ของ ควบคุมการปฏิบตั ิงานไดอ้ ยา่ งสมบรู ณ์แบบดว้ ย ในระบบเครือข่ายท้งั สามระบบน้ีระบบ LAN ไดร้ ับความนิยมใชก้ นั มากที่สุดท้งั ในภาครัฐและเอกชนเพราะเทคโนโลยรี ะบบ LAN มีราคาไมส่ ูงมากอีกท้งั คอมพวิ เตอร์ท่ีตอ่ กบั ระบบเครือข่ายน้ีก็เป็นไมโครคอมพวิ เตอร์ ซ่ึงมีราคาถูก ละหน่วยงานต่าง ๆ มีใชอ้ ยแู่ ลว้ หลายเครื่อง การลงทุนซ้ืออุปกรณ์สาหรับเครือขา่ ย LAN มาติดต้งั จึงกระทาไดง้ ่ายท่ีสาคญั คือระบบ LAN หลายระบบสามารถเชื่อมต่อกบั คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ท้งั มินิคอมพวิ เตอร์และระดบั เมนเฟรมได้ แตแ่ ทท้ ่ีจริงแลว้ ระบบ LAN กค็ ือ เครือข่ายขนาดเล็กใชเ้ ชื่อมโยงเคร่ืองคอมพิวเตอร์ภายในบริเวณสานกั งานท่ีอยอู่ าคารเดียวกนั หรือบริเวณเดียวกนั เท่าน้นักรณีศึกษาที่ 2 : การใช้ RFID ในห่วงโซ่อปุ ทานของยา ในอุตสาหกรรมยาของโลกกม็ ีปัญหาต่างๆ ไม่ตา่ งจากอุตสาหกรรมอื่นๆ จากสถิติพบวา่ ในโซ่อุปทานของเวชภณั ฑร์ ะหวา่ งประเทศน้นั อาจมียาปลอมมากถึง 7% ในแต่ละปี ตลาดยาตอ้ งมีค่าใช้ จ่ายสูงถึงสองพนั ลา้ นดอลล่าร์สาหรับยาท่ีลนั สตอ็ กและยาท่ีเก็บไวจ้ นหมดอายุ อีกท้งั ยงั มีค่าใชจ้ ่ายในการเรียกยาคืน ปัญหาดงั กล่าวส่งผลกระทบตอ่ ผผู้ ลิตเวชภณั ฑ์ ผบู้ ริโภค ผขู้ นส่ง ตลอดจนผคู้ า้ ปลีก ดงั น้นั จึงทาใหอ้ ุตสาหกรรมยาคิดท่ีจะนาเทคโนโลยีRFID มาช่วยอานวยความสะดวกและเพ่ิมความแม่นยาในการตรวจสอบขอ้ มลู และประวตั ิของยาที่ผลิตและจาหน่ายเพอ่ื เป็ นการช่วยลดตน้ ทุนและเพ่ิมคุณภาพและความปลอดภยั ของยา เหตุผลที่อุตสาหกรรมยานา RFID มาใชพ้ อสรุปไดด้ งั น้ี

• ทาให้เหน็ ของในสตอ็ กได้ท้งั หมด รวมท้งั เพม่ิ ประสิทธิภาพในการทางานRFID สามารถตรวจจบั ยาไดท้ ุกภาชนะบรรจุไม่วา่ จะอยตู่ รงไหนของห่วงโซ่อุปทาน ทาใหง้ ่ายและรวดเร็วในการจดั ส่ง ลดงานที่ตอ้ งใชม้ ือทา เพ่ือความแม่นยาในการตรวจสอบการขนส่งและจดั จ่าย รวมท้งั เพ่ิมโอกาสที่ร้านจาหน่ายยาจะมีสินคา้ อยา่ งเพียงพอ • สามารถควบคุมการสูญหายและปกป้ องชื่อเสียงของย่หี ้อความสามารถในการตรวจสอบท่ีมาที่ไปและจานวนสินคา้ ไดท้ ุกจุดในโซ่อุปทานมีประโยชน์ในการลดการสูญหายของสตอ็ ก RFID สามารถตรวจสอบไดว้ า่ สินคา้ ถูกส่งออกมาจากโรงงานใด ผผู้ ลิตคือใครและราคาเดิมเท่าไร และสามารถปกป้ องกนั การนาสินคา้ ออกจาหน่ายในช่องทางจาหน่ายท่ีไม่ไดร้ ับอนุญาต • ความปลอดภัยในการใช้ผลิตภณั ฑ์ยา การเรียกยาคนื และข้อกาหนดต่างๆRFID สามารถใชต้ รวจสอบยาปลอม รวมท้งั ลอ็ ตของยาและวนั หมดอายขุ องแตล่ ะลอ็ ต ซ่ึงเป็นประโยชน์ต่อการบริหารเร่ืองการหมดอายขุ องยา อีกท้งั สามารถเกบ็ ขอ้ มลู สายการผลิตของยาแต่ละล็อตของยาตามกฎหมายอีกดว้ ยการมีขอ้ มูลประวตั ิการผลิต ทาให้ RFID ช่วยลดระยะเวลาในการคน้ หาสินคา้ ท่ีตอ้ งเรียกคืนไดเ้ ป็นอยา่ งมากคาถาม 1. ทา่ นคิดวา่ RIFD มีขอ้ ไดเ้ ปรียบกวา่ บาร์โคด้ อยา่ งไรบา้ ง ตอบ = สามารถตรวจสอบยาต่างๆ ไดอ้ ยา่ งรวดเร็วและง่ายกวา่ บาร์โคด้ เน่ืองจากการใช้ RIFD น้นั สามารถระบุลกั ษณะของวตั ถุดว้ ยคล่ืนความถี่วทิ ยโุ ดยการสแกนผา่ นรูปทรงของวตั ถุไดเ้ ลย แต่ในส่วนของบาร์โคด้ น้นั ตอ้ งนาที่สแกนไปสแกนใหต้ รงกบั ตาแหน่งที่ติดต้งั ฉลากบาร์โคด้ จึงจะสามารถสแกนขอ้ มลู ของยาไดด้ งั น้นั การใช้บาร์โคด้ จึงทาใหเ้ ป็ นการเสียเวลามากกวา่ 2. จงยกตวั อยา่ งการนาเทคโนโลยี RFID ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นธุรกิจตา่ งๆ มา 3 ตวั อยา่ ง ตอบ = 1. ร้านรองเทา้ 2. ร้านเคร่ืองเขียน 3. หา้ งสรรพสินคา้ 4. Access Control / Personal Identification หรือการเขา้ ออกอาคารแทนการใชบ้ ตั รแมเ่ หลก็ รูดแบบเดิม เน่ืองจากบตั รแม่เหล็กรูดมากๆ กจ็ ะเส่ือม แต่บตั รแบบ RFID เป็นเพียงการแตะหรือแสดงผา่ นหนา้ เคร่ืองอา่ นเท่าน้นั อีกท้งั ยงั สามารถตรวจสอบเวลาเขา้ – ออกงานของพนกั งานไดอ้ ีกดว้ ย นอกจากน้ีจึงใชเ้ ป็นบตั รเขา้ -ออกตามอาคาร และบตั รโดยสารของรถไฟฟ้ าใตด้ ิน 5. ใชก้ บั รถบรรทุก ตูค้ อนเทนเนอร์ เพ่ือช่วยจดั การระบบขนส่งของบริษทั ใหม้ ีประสิทธิภาพมาก

ข้ึน พร้อมตรวจสอบไดว้ า่ เม่ือเอาชิพไปติดกบั สินคา้ เพ่ือเขา้ สู่ระบบขนส่ง ขอ้ มลู ท้งั หมดจะเขา้ สู่ระบบคอมพิวเตอร์พร้อมตรวจสอบวา่ เร่ิมส่งสินคา้ เม่ือใด ส่งท่ีไหน อยา่ งไร ถา้ หากสินคา้ ถูกส่งไปผดิ ท่ีหมาย ระบบกส็ ามารถตรวจสอบความผิดพลาดไดท้ นั ที ซ่ึงจะเขา้ มาเป็นตวั เสริมใหร้ ะบบขนส่งรวดเร็วและปลอดภยั ยง่ิ ข้ึน 6. ในอนาคตกระทรวงวทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยมี ีนโยบายท่ีจะพฒั นาทะเบียนรถอจั ฉริยะท่ีติดต้งัเทคโนโลยี RFID โดยเป็นความร่วมมือระหวา่ งเนคเทค ซอฟตแ์ วร์ปาร์ค ศนู ยเ์ ทคโนโลยโี ลหะและวสั ดุแห่งชาติ(เอม็ เทค) และบริษทั ไอแดนทิไฟ ร่วมกนั พฒั นาตน้ แบบชิพติดเครื่องยนตเ์ พื่อใชก้ บั ระบบทางด่วนแบบใหม่ ท่ีสามารถคานวณราคาร่วมค่าบริการทางด่วน โดยใชบ้ ตั รเงินสดติดชิป RFID โดยไม่ตอ้ งต่อจอดรถต่อคิวเสียคา่ ทางด่วนเหมือนเคย 7. ระบบรักษาความปลอดภยั และติดตามสัมภาระ ในอุตสาหกรรมการบินใช้ RFID ฝังไปกบั บตั รโดยสาร (Boarding Pass) จะทาใหร้ ะบบการตรวจเอกสารสาหรับการเดินทางโดยเคร่ืองบินสามารถทาไดอ้ ยา่ งรวดเร็วและถูกตอ้ ง 8. ระบบหนงั สือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-passport) ซ่ึงทางสหรัฐอเมริกากาลงั กาหนดมาตรฐานการเขา้ ออกประเทศ เพ่ือป้ องกนั ผกู้ ่อการร้าย รวมถึง e-citizen ดว้ ย 9.การบริหารระบบคลงั สินคา้ (Inventory Management) โดยใช้ RFID ทาใหส้ ามารถบริหารสตอ๊ กดว้ ยระบบ Just in time (JIT) ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ ยง่ิ ไปกวา่ น้นั ระบบ RFID ยงั ช่วยลดความเสี่ยงดา้ นตน้ ทุนในการบริหารสินคา้ คงคลงั ทาใหไ้ ม่ตอ้ งสต๊อกของมากเกินความจาเป็น เงินทุนไม่จม และไมต่ อ้ งมีภาระรับผดิ ชอบจากปัญหาของเสียจากการเก็บสินคา้ นานเกินไป 3. ท่านคิดวา่ ขอ้ จากดั ของการนา RFID ไปใชใ้ นงานธุรกิจมีอะไรบา้ ง ตอบ = การติดต้งั ระบบค่อนขา้ งมีราคาแพงอาจไม่คุม้ ทุนนะถา้ หากวา่ ธุรกิจมีขนาดไม่ใหญ่ และ การดูแลระบบอาจเป็นเรื่องท่ีตอ้ งใชค้ วามชานาญเป็นพเิ ศษ ซ่ึงอาจจะตอ้ งจา้ งผตู้ รวจสอบระบบเพ่มิ ต่างหากทาใหเ้ ป็นการเพิม่ ภาระตน้ ทุนใหก้ บั ธุรกิจ

บรรณานุกรมจตุชยั แพงจนั ทร์. (2547). เจาะระบบเน็ตเวริ ์ค ฉบับสมบูรณ์. พิมพค์ ร้ังท่ี 2. นนทบุรี : ไอดีซีฯวรินทร์ เมฆประดิษฐส์ ิน. (2547). คมั ภีร์ระบบเครือข่ายฉบับอาจารย์วรินทร์เล่ม 1. กรุงเทพ ฯ : ซีเอด็ ยเู คชน่ัศรีไพร ศกั ด์ิรุ่งพงศากลุ และเจษฎาพร ยทุ ธนวบิ ลู ยช์ ยั . (2549). ระบบสารสนเทศและเทคโนโลยกี ารจัดการ ความรู้. พิมพค์ ร้ังที่ 6. กรุงเทพฯ : ซีเอ็ดยเู คชนั่ .สลั ยทุ ธ์ สวา่ งวรรณ. (2542). Computer Networks. กรุงเทพฯ : เพียร์สัน เอ็ดดูเคชนั่ อินโดไชน่า.อนนั ต์ ผลเพ่ิม. (2547). Wireless LAN Implementation Demo and Workshop. กรุงเทพ ฯ : สานกั บริการตอมพิวเตอร์มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์บางเขน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook