ความรู้พ้ืนฐานเก่ียวกบั คอมพิวเตอร์
1 บทที่ 1 ความรู้พืน้ ฐานเกย่ี วกบั คอมพวิ เตอร์1.1 คอมพวิ เตอร์ หมายถึง คอมพิวเตอร์ คือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ท่ีทางานตามชุดคาสั่งอยา่ งอตั โนมตั ิ โดยจะทาการคานวณเปรียบเทียบทางตรรกกบั ขอ้ มลู และใหผ้ ลลพั ธ์ออกมาตามตอ้ งการ โดยมนุษยไ์ ม่ตอ้ งเขา้ ไปเกี่ยวขอ้ งในการประมวลผล1.2 คุณสมบตั ิของคอมพวิ เตอร์ ปัจจุบนั น้ีคนส่วนใหญ่นิยมนาคอมพวิ เตอร์มาใชง้ านตา่ ง ๆ มากมาย ซ่ึงผใู้ ชส้ ่วนใหญ่มกั จะคิดวา่ คอมพิวเตอร์เป็ นเครื่องมือที่สามารถทางานไดส้ ารพดั แต่ผทู้ ี่มีความรู้ทางคอมพิวเตอร์จะทราบวา่ งานท่ีเหมาะกบั การนาคอมพิวเตอร์มาใช้อยา่ งยง่ิ คือการสร้าง สารสนเทศ ซ่ึงสารสนเทศเหล่าน้นั สามารถนามาพิมพอ์ อกทางเครื่องพิมพ์ ส่งผา่ นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือจดั เกบ็ ไวใ้ ชใ้ นอนาคตกไ็ ด้ เนื่องจากคอมพิวเตอร์จะมีคุณสมบตั ิต่าง ๆ คือ 1.2.1 ความเป็ นอัตโนมตั ิ (Self Acting) การทางานของคอมพวิ เตอร์จะทางานแบบอตั โนมตั ิภายใตค้ าส่ังท่ีไดถ้ ูกกาหนดไว้ ทางานดงั กล่าวจะเริ่มต้งั แตก่ ารนาขอ้ มลู เขา้ สู่ระบบ การประมวลผลและแปลงผลลพั ธ์ออกมาใหอ้ ยใู่ นรูปแบบท่ีมนุษยเ์ ขา้ ใจได้ 1.2.2 ความเร็ว (Speed) คอมพิวเตอร์ในปัจจุบนั น้ีสามารถทางานไดถ้ ึงร้อยลา้ นคาสง่ั ในหน่ึงวนิ าที 1.2.3 ความเช่ือถอื (Reliable) คอมพวิ เตอร์ทุกวนั น้ีจะทางานไดท้ ้งั กลางวนั และกลางคืนอยา่ งไม่มีขอ้ ผิดพลาด และไมร่ ู้จกั เหน็ดเหน่ือย 1.2.4 ความถูกต้องแม่นยา (Accurate) วงจรคอมพิวเตอร์น้นั จะให้ผลของการคานวณที่ถูกตอ้ งเสมอหากผลของการคานวณผดิ จากท่ีควรจะเป็น มกั เกิดจากความผดิ พลาดของโปรแกรมหรือขอ้ มลู ท่ีเขา้ สู่โปรแกรม 1.2.5 เกบ็ ข้อมูลจานวนมาก ๆ ได้ (Store massive amounts of information) ไมโครคอมพิวเตอร์ในปัจจุบนั จะมีที่เก็บขอ้ มูลสารองที่มีความสูงมากกวา่ หน่ึงพนั ลา้ นตวั อกั ษร และสาหรับระบบคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่จะสามารถเก็บขอ้ มลู ไดม้ ากกวา่ หน่ึงลา้ น ๆ ตวั อกั ษร 1.2.6 ย้ายข้อมลู จากที่หนึ่งไปยงั อีกทหี น่ึงได้อย่างรวดเร็ว (Move information) โดยใชก้ ารติดต่อสื่อสารผา่ นระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ซ่ึงสามารถส่งพจนานุกรมหน่ึงเล่มในรูปของขอ้ มลู อิเลก็ ทรอนิกส์ ไปยงั เคร่ืองคอมพิวเตอร์ที่อยู่
2ไกลคนซีกโลกไดใ้ นเวลาเพยี งไมถ่ ึงหน่ึงวนิ าที ทาใหม้ ีการเรียกเครือข่ายคอมพิวเตอร์ท่ีเชื่อมกนั ทว่ั โลกในปัจจุบนั วา่ทางด่วนสารสนเทศ (Information Superhighway) 1.2.7 ทางานซ้าๆได้ (Repeatability) ช่วยลดปัญหาเร่ืองความอ่อนลา้ จากการทางานของแรงงานคน นอกจากน้ียงัลดความผดิ พลาดต่างๆไดด้ ีกวา่ ดว้ ย ขอ้ มูลท่ีประมวลผลแมจ้ ะยุง่ ยากหรือซบั ซ้อนเพียงใดก็ตาม จะสามารถคานวณและหาผลลพั ธ์ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว1.3 ส่วนประกอบของคอมพวิ เตอร์ จาแนกหน้าที่ของฮาร์ดแวร์ต่างๆ สามารถแบ่งเป็ นส่วนสาคญั 4 ประเภท คือ อุปกรณ์นาขอ้ มูลเขา้ (InputDevice) อุปกรณ์ประมวลผล (Processing Device) หน่วยเก็บขอ้ มูลสารอง (Secondary Storage Device) อุปกรณ์แสดงผล(Output Device) รูปท่ี 1 แสดงวงจรการทางานของคอมพิวเตอร์ 1.3.1 อปุ กรณ์นาข้อมลู เข้า (Input Device)
3 รูปท่ี 2 อุปกรณ์นาเขา้ แบบต่างๆ ท่ีพบเห็นในปัจจุบนั เป็นอุปกรณ์ที่เกี่ยวขอ้ งกบั การนาเขา้ ขอ้ มูลหรือชุดคาส่ังเขา้ มายงั ระบบเพื่อให้คอมพิวเตอร์ประมวลผลต่อไปได้ซ่ึงอาจจะเป็น ตวั เลข ตวั อกั ษร ภาพน่ิง ภาพเคล่ือนไหว เสียง เป็นตน้ 1.3.2 อปุ กรณ์ประมวลผล (Processing Device)อุปกรณ์ประมวลผลหลกั ๆ มีดงั น้ี 1.3.2.1 ซีพยี ู (CPU-Central Processing Unit) หน่วยประมวลผลกลางหรือซีพียู เรียกอีกชื่อหน่ึงวา่โปรเซสเซอร์ (Processor) หรือ ชิป (Chip) นบั เป็ นอุปกรณ์ท่ีมีความสาคญั มากท่ีสุดของฮาร์ดแวร์ เพราะมีหนา้ ที่ในการประมวลผลขอ้ มูลท่ีผูใ้ ช้ป้ อนเขา้ มาทางอุปกรณ์นาเขา้ ขอ้ มูลตามชุดคาส่ังหรือโปรแกรมท่ีผใู้ ช้ตอ้ งการใชง้ าน หน่วยประมวลผลกลาง 1.3.2.2 หน่วยความจาหลัก (Main Memory) หรือเรียกวา่ หน่วยความจาภายใน (Internal Memory)สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่ - รอม (Read Only Memory - ROM) เป็ นหน่วยความจาที่มีโปรแกรมหรือขอ้ มูลอยแู่ ลว้สามารถเรียกออกมาใชง้ านไดแ้ ตจ่ ะไมส่ ามารถเขียนเพ่มิ เติมได้ และแมว้ า่ จะไม่มีกระแสไฟฟ้ าไปเล้ียงใหแ้ ก่ระบบขอ้ มูลก็ไม่สูญหายไป - แรม (Random Access Memory) เป็ นหน่วยความจาที่สามารถเก็บขอ้ มูลได้เมื่อมีกระแสไฟฟ้ าหล่อเล้ียงเทา่ น้นั เมื่อใดไม่มีกระแสไฟฟ้ ามาเล้ียงขอ้ มูลท่ีอยใู่ นหน่วยความจาชนิดน้ีจะหายไปทนั ที 1.3.2.3 เมนบอร์ด (Main board) เป็ นแผงวงจรต่อเช่ือมอุปกรณ์ที่เก่ียวข้องกบั การทางานของคอมพวิ เตอร์ท้งั หมด ถือไดว้ า่ เป็ นหวั ใจหลกั ของ พีซีทุกเคร่ือง เพราะจะบอกความสามารถของเคร่ืองวา่ จะใชซ้ ีพียอู ะไรไดบ้ า้ ง มีประสิทธิภาพเพียงใด สามารถรองรับกบั อุปกรณ์ใหมไ่ ดห้ รือไม่
4 รูปที่ 3 เมนบอร์ด หรือแผงวงจรหลกั 1.3.2.4 ซิปเซ็ต (Chip Set) ซิปเซ็ตเป็ นชิปจานวนหน่ึงหรือหลายตวั ท่ีบรรจุวงจรสาคญั ๆ ท่ีช่วยการ ทางานของซีพียู และติดต้งั ตายตวั บนเมนบอร์ดถอดเปล่ียนไม่ได้ ทาหน้าท่ีเป็ นตวั กลางประสานงานและควบคุมการ ทางานของหน่วยความจารวมถึงอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างท้งั แบบภายในหรือภายนอกทุกชนิดตามคาส่ังของซีพียู เช่น SiS, Intel, VIA, AMD เป็นตน้ 1.3.3 หน่วยเกบ็ ข้อมูลสารอง (Secondary Storage Device) เนื่องจากหน่วยความจาหลกั มีพ้ืนที่ไม่เพียงพอในการเก็บขอ้ มูลจานวนมากๆ อีกท้งั ขอ้ มูลจะหายไปเม่ือปิ ด เคร่ือง ดงั น้นั จาเป็นตอ้ งหาอุปกรณ์เกบ็ ขอ้ มลู ท่ีมีขนาดใหญ่ข้ึน เช่น 1.3.3.1 ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk) เป็ นฮาร์ดแวร์ท่ีทาหนา้ ท่ีเก็บขอ้ มูลในเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ท้งั โปรแกรมใชง้ านต่างๆ ไฟลเ์ อกสาร รวมท้งั เป็นท่ีเกบ็ ระบบปฏิบตั ิการที่เป็นโปรแกรมควบคุมการทางานของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ดว้ ย 1.3.3.2 ฟลอ็ บปี้ ดิสก์ (Floppy Disk) เป็ นอุปกรณ์บนั ทึกขอ้ มูลที่มีขนาด 3.5 นิ้ว มีลกั ษณะเป็ นแผน่ กลม บางทาจากไมลาร์ (Mylar) สามารถบรรจุขอ้ มูลไดเ้ พยี ง 1.44 เมกะไบต์ เทา่ น้นั ีี 1.3.3.3 ซีดี (Compact Disk - CD) เป็นอุปกรณ์บนั ทึกขอ้ มูลแบบดิจิทลั เป็นสื่อที่มีขนาดความจุสูง เหมาะสาหรับบนั ทึกขอ้ มูลแบบมลั ติมีเดีย ซีดีรอมทามาจากแผน่ พลาสติกกลมบางที่เคลือบดว้ ยสารโพลีคาร์บอเนต (Poly Carbonate) ทาใหผ้ วิ หนา้ เป็ นมนั สะทอ้ นแสง โดยมีการบนั ทึกขอ้ มลู เป็นสายเดียว (Single Track) มีขนาด เส้นผา่ ศนู ยก์ ลางประมาณ 120 มิลลิเมตร ปัจจุบนั มีซีดีอยหู่ ลายประเภท ไดแ้ ก่ ซีดีเพลง (Audio CD) วซี ีดี (Video CD - VCD) ซีดี- อาร์ (CD Recordable - CD-R) ซีดี-อาร์ดบั บลิว (CD-Rewritable - CD-RW) และ ดีวดี ี (Digital Video Disk - DVD) สื่อเกบ็ ข้อมูลอน่ื ๆ 1) รีมูฟเอเบิลไดร์ฟ (Removable Drive) เป็นอุปกรณ์เกบ็ ขอ้ มลู ที่ไมต่ อ้ งมีตวั ขบั เคล่ือน (Drive) สามารถพกพา ไปไหนไดโ้ ดยตอ่ เขา้ กบั เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ดว้ ย Port USB ปัจจุบนั ความจุของรีมฟู เอเบิลไดร์ฟ มีต้งั แต่ 8 , 16 , 32 , 64 , 128 จนถึง 1024 เมกะไบต์ ท้งั น้ียงั มีไดร์ฟลกั ษณะเดียวกนั เรียกในช่ืออ่ืนๆ ไดแ้ ก่ Pen Drive , Thump Drive , Flash Drive 2) ซิบไดร์ฟ (Zip Drive) เป็นสื่อบนั ทึกขอ้ มลู ท่ีจะมาแทนแผน่ ฟล็อปป้ี ดิสก์ มีขนาดความจุ 100 เมกะไบต์ ซ่ึงการใชง้ านซิปไดร์ฟจะตอ้ งใชง้ านกบั ซิปดิสก์ (Zip Disk) ความสามารถในการเก็บขอ้ มลู ของซิปดิสกจ์ ะเกบ็ ขอ้ มูลได้ มากกวา่ ฟลอ็ ปป้ี ดิสก์
5 3) Magnetic optical Disk Drive เป็ นส่ือเก็บข้อมูลขนาด 3.5 นิ้ว ซ่ึงมีขนาดพอๆ กับฟล็อบป้ี ดิสก์ แต่ขนาดความจุมากกวา่ เพราะวา่ MO Disk drive 1 แผน่ สามารถบนั ทึกขอ้ มูลไดต้ ้งั แต่ 128 เมกะไบต์จนถึงระดบั 5.2 กิกะไบต์ 4) เทปแบ็คอพั (Tape Backup) เป็นอุปกรณ์สาหรับการสารองขอ้ มลู ซ่ึงเหมาะกบั การสารองขอ้ มูลขนาดใหญ่มากๆ ขนาดระดบั 10-100 กิกะไบต์ 5) การ์ดเมมโมรี (Memory Card) เป็ นอุปกรณ์บนั ทึกขอ้ มูลที่มีขนาดเล็ก พฒั นาข้ึน เพ่ือนาไปใชก้ บั อุปกรณ์เทคโนโลยแี บบตา่ งๆ เช่น กลอ้ งดิจิทลั คอมพิวเตอร์มือถือ (Personal Data Assistant - PDA) โทรศพั ทม์ ือถือ 1.3.4 อปุ กรณ์แสดงผล (Output Device) คืออุปกรณ์สาหรับแสดงผลลพั ธ์ท่ีไดจ้ ากการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ และเป็ นอุปกรณ์ส่งออก (Outputdevice) ทาหนา้ ที่แสดงผลลพั ธ์เมื่อซีพยี ทู าการประมวลผล รูปที่ 4 แสดงอุปกรณ์แสดงผลขอ้ มูลแบบต่างๆ 1.3.4.1 จอภาพ (Monitor) เป็นอุปกรณ์แสดงผลลพั ธ์ที่เป็นภาพ ปัจจุบนั แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ จอภาพแบบ CRT (Cathode Ray Tube) และ จอภาพแบบ LCD (Liquid Crystal Display) 1.3.4.2 เครื่องพมิ พ์ (Printer) เป็นอุปกรณ์ท่ีทาหนา้ ท่ีแสดงผลลพั ธ์ในรูปของอกั ขระหรือรูปภาพท่ีจะไปปรากฏอยบู่ นกระดาษ แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ไดแ้ ก่ เครื่องพิมพด์ อตเมตริกซ์ (Dot Matrix Printer) เครื่องพิมพแ์ บบพน่หมึก (Ink-Jet Printer) เคร่ืองพมิ พแ์ บบเลเซอร์ (Laser Printer) และพลอ็ ตสเตอร์ (Plotter) 1.3.4.3 ลาโพง (Speaker) เป็ นอุปกรณ์แสดงผลลพั ธ์ท่ีอยใู่ นรูปของเสียง สามารถเชื่อมต่อกบั คอมพิวเตอร์ผา่ นแผงวงจรเกี่ยวกบั เสียง (Sound card) ซ่ึงมีหนา้ ท่ีแปลงขอ้ มลู ดิจิตอลไปเป็นเสียง
61.4 ประโยชน์ของคอมพวิ เตอร์ จากการท่ีคอมพิวเตอร์มีลกั ษณะเด่นหลายประการ ทาใหถ้ ูกนามาใชป้ ระโยชน์ต่อการดาเนินชีวติ ประจาวนั ในสังคมเป็ นอยา่ งมาก ที่พบเห็นไดบ้ ่อยที่สุดก็คือ การใชใ้ นการพิมพเ์ อกสารต่างๆ เช่น พิมพจ์ ดหมาย รายงาน เอกสารต่างๆ ซ่ึงเรียกวา่ งานประมวลผล (Word processing) นอกจากน้ียงั มีการประยุกตใ์ ชค้ อมพิวเตอร์ในดา้ นต่างๆ อีกหลายดา้ น ดงั ต่อไปน้ี 1.4.1 งานธุรกจิ เช่น บริษทั ร้านคา้ หา้ งสรรพสินคา้ ตลอดจนโรงงานต่างๆ ใชค้ อมพิวเตอร์ในการทาบญั ชี งานประมวลคา และติดต่อกบั หน่วยงานภายนอกผา่ นระบบโทรคมนาคม นอกจากน้ีงานอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่กใ็ ช้คอมพวิ เตอร์มาช่วยในการควบคุมการผลิต และการประกอบชิ้นส่วนของอุปกรณ์ตา่ งๆ เช่น โรงงานประกอบรถยนต์ซ่ึงทาใหก้ ารผลิตมีคุณภาพดีข้ึนบริษทั ยงั สามารถรับ หรืองานธนาคาร ท่ีใหบ้ ริการถอนเงินผา่ นตูฝ้ ากถอนเงินอตั โนมตั ิ(ATM) และใชค้ อมพวิ เตอร์คิดดอกเบ้ียใหก้ บั ผฝู้ ากเงิน และการโอนเงินระหวา่ งบญั ชี เชื่อมโยงกนั เป็ นระบบเครือข่าย 1.4.2 งานวิทยาศาสตร์ การแพทย์ และงานสาธารณสุข สามารถนาคอมพิวเตอร์มาใชใ้ นนามาใชใ้ นส่วนของการคานวณท่ีค่อนขา้ งซบั ซอ้ น เช่น งานศึกษาโมเลกุลสารเคมี วถิ ีการโคจรของการส่งจรวดไปสู่อวกาศ หรืองานทะเบียนการเงิน สถิติ และเป็ นอุปกรณ์สาหรับการตรวจรักษาโรคได้ ซ่ึงจะให้ผลที่แม่นยากวา่ การตรวจดว้ ยวธิ ีเคมีแบบเดิม และใหก้ ารรักษาไดร้ วดเร็วข้ึน 1.4.3 งานคมนาคมและส่ือสาร ในส่วนที่เก่ียวกบั การเดินทาง จะใชค้ อมพิวเตอร์ในการจองวนั เวลา ท่ีนง่ั ซ่ึงมีการเช่ือมโยงไปยงั ทุกสถานีหรือทุกสายการบินได้ ทาให้สะดวกต่อผูเ้ ดินทางท่ีไม่ตอ้ งเสียเวลารอ อีกท้งั ยงั ใช้ในการควบคุมระบบการจราจร เช่น ไฟสัญญาณจราจร และ การจราจรทางอากาศ หรือในการส่ือสารก็ใชค้ วบคุมวงโคจรของดาวเทียมเพอื่ ใหอ้ ยใู่ นวงโคจร ซ่ึงจะช่วยส่งผลต่อการส่งสญั ญาณใหร้ ะบบการส่ือสารมีความชดั เจน 1.4.4 งานวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม สถาปนิกและวิศวกรสามารถใชค้ อมพิวเตอร์ในการออกแบบ หรือจาลองสภาวการณ์ ต่างๆ เช่น การรับแรงส่ันสะเทือนของอาคารเมื่อเกิดแผน่ ดินไหว โดยคอมพิวเตอร์จะคานวณและแสดงภาพสถานการณ์ใกลเ้ คียงความจริง รวมท้งั การใชค้ วบคุมและติดตามความกา้ วหนา้ ของโครงการต่างๆ เช่น คนงานเคร่ืองมือ ผลการทางาน 1.4.5 งานราชการ เป็นหน่วยงานที่มีการใชค้ อมพวิ เตอร์มากท่ีสุด โดยมีการใชห้ ลายรูปแบบ ท้งั น้ีข้ึนอยกู่ บับทบาทและหนา้ ท่ีของหน่วยงานน้นั ๆ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ มีการใชร้ ะบบประชุมทางไกลผา่ นคอมพวิ เตอร์ ,กระทรวงวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไดจ้ ดั ระบบเครือขา่ ยอินเทอร์เน็ตเพ่ือเช่ือมโยงไปยงั สถาบนั ตา่ งๆ, กรมสรรพากรใชจ้ ดั ในการจดั เก็บภาษี บนั ทึกการเสียภาษี เป็นตน้ 1.4.6 การศึกษา ไดแ้ ก่ การใชค้ อมพิวเตอร์ทางดา้ นการเรียนการสอน ซ่ึงมีการนาคอมพิวเตอร์มาช่วยการสอนในลกั ษณะบทเรียน CAI หรืองานดา้ นทะเบียน ซ่ึงทาใหส้ ะดวกต่อการคน้ หาขอ้ มลู นกั เรียน การเก็บขอ้ มูลยมื และการส่งคืนหนงั สือหอ้ งสมุด
71.5 ประเภทของคอมพวิ เตอร์ เคร่ืองคอมพิวเตอร์ แบ่งออกเป็ นหลายประเภท ข้ึนอยกู่ บั เกณฑท์ ่ีใชใ้ นการแบ่ง เกณฑ์ทใ่ี ช้จาแนก ประเภทคอมพวิ เตอร์ตามลกั ษณะการใชง้ าน - แบบใชง้ านทว่ั ไป (General purpose computer)ตามขนาดและความสามารถ - แบบใชง้ านเฉพาะ (Special purpose computer) - ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (Supercomputer) - เมนเฟรมคอมพวิ เตอร์ (Mainframe computer) - มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer) - ไมโครคอมพวิ เตอร์ (Microcomputer) - คอมพวิ เตอร์มือถือ (Handheld computer) 1.5.1 ตามลกั ษณะการใช้งาน 1.5.1.1 แบบใช้งานทว่ั ไป (General Purpose Computer) หมายถึง เคร่ืองประมวลผลขอ้ มูลท่ีมีความยดื หยนุ่ ในการทางาน (Flexible) โดยไดร้ ับการออกแบบใหส้ ามารถประยุกตใ์ ชใ้ นงานประเภทต่างๆ ไดโ้ ดยสะดวก โดยระบบจะทางานตามคาส่ังในโปรแกรมท่ีเขียนข้ึนมา และเม่ือผใู้ ช้ตอ้ งการใหเ้ ครื่องคอมพิวเตอร์ทางานอะไร ก็เพียงแต่ออกคาสั่งเรียกโปรแกรมที่เหมาะสมเขา้ มาใชง้ าน โดยเราสามารถเก็บโปรแกรมไวห้ ลายโปรแกรมในเคร่ืองเดียวกนั ได้ เช่น ในขณะหน่ึงเราอาจใชเ้ ครื่องน้ีในงานประมวลผลเก่ียวกบัระบบบญั ชี และในขณะหน่ึงกส็ ามารถใชใ้ นการออกเช็คเงินเดือนได้ เป็นตน้ 1.5.1.2 แบบใช้งานเฉพาะด้าน (Special Purpose Computer) หมายถึง เครื่องประมวลผลขอ้ มลู ท่ีถูกออกแบบตวั เครื่องและโปรแกรมควบคุม ใหท้ างานอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงเป็นการเฉพาะ (Inflexible) โดยทว่ั ไปมกั ใชใ้ นงานควบคุม หรืองานอุตสาหกรรมท่ีเนน้ การประมวลผลแบบรวดเร็ว เช่นเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ควบคุมสญั ญาณไฟจราจร คอมพวิ เตอร์ควบคุมลิฟต์ หรือคอมพวิ เตอร์ควบคุมระบบอตั โนมตั ิในรถยนต์ เป็นตน้1.5.2 ตามขนาดและความสามารถเป็นการจาแนกประเภทของคอมพิวเตอร์ที่พบเห็นไดม้ ากท่ีสุดในปัจจุบนั ซ่ึงสามารถแบง่ ออกไดด้ งั น้ี 1.5.2.1 ซุปเปอร์คอมพวิ เตอร์ (Super Computer)
8 หมายถึง เครื่องประมวลผลขอ้ มลู ที่มีความสามารถในการประมวลผลสูงที่สุด โดยทว่ั ไปสร้างข้ึนเป็ นการเฉพาะเพื่องานดา้ นวทิ ยาศาสตร์ที่ตอ้ งการการประมวลผลซบั ซอ้ น และตอ้ งการความเร็วสูง เช่น งานวจิ ยั ขีปนาวุธ งานโครงการอวกาศสหรัฐ (NASA) งานสื่อสารดาวเทียม หรืองานพยากรณ์อากาศ เป็นตน้ 1.5.2.2 เมนเฟรมคอมพวิ เตอร์ (Mainframe computer) เมนเฟรมคอมพิวเตอร์เป็นเคร่ืองคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ทางานร่วมกบั อุปกรณ์หลายๆ อยา่ งดว้ ยความเร็วสูงใช้ในงานธุรกิจขนาดใหญ่ มหาวทิ ยาลยั ธนาคารและโรงพยาบาลเมนเฟรมคอมพวิ เตอร์ สามารถเกบ็ ขอ้ มลู ที่มีปริมาณมาก ๆเช่น ในการสัง่ จองท่ีนง่ั ของสายการบินท่ีบริษทั ทวั ร์รับจองในแต่ละวนั นอกจากน้ียงั สามารถเชื่อมโยงใชง้ านกบัเครื่องเทอร์มินลั (Terminal) หลาย ๆ เครื่อง ในระยะทางไกลกนั ได้ เช่น ระบบเอที่เอม็ (ATM) การประมวลผลขอ้ มูลของระบบเมนเฟรมน้ีมีผใู้ ชห้ ลาย ๆ คนในเวลาเดียวกนั (Multi-user) สามารถประมวลผลโดยแบง่ เวลาการใชซ้ ีพยี ู (CPU)โดยผา่ นเครื่องเทอร์มินลั การประมวลผลแบบแบง่ เวลาน้ีเรียกวา่ Time sharing 1.5.2.3 มินิคอมพวิ เตอร์ (Mini Computer) ธุ รกิจและหน่ วยงานท่ีมีขนาดเล็กไม่จาเป็ นต้องใช้คอมพิวเตอร์ ขนาดเมนเฟรมซ่ึ งมีราคาแพงผผู้ ลิตคอมพิวเตอร์จึงพฒั นาคอมพิวเตอร์ใหม้ ีขนาดเล็กและมีราคาถูกลง เรียกวา่ เครื่องมินิคอมพิวเตอร์ โดยมีลกั ษณะพิเศษในการทางานร่วมกบั อุปกรณ์ประกอบรอบขา้ งท่ีมีความเร็วสูงได้ มีการใช้แผน่ จานแม่เหล็กความจุสูงชนิดแข็ง(Harddisk) ในการเก็บรักษาขอ้ มูล สามารถอ่านเขียนขอ้ มูลไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว หน่วยงานและบริษทั ที่ใชค้ อมพิวเตอร์ขนาดน้ี ไดแ้ ก่ กรม กอง มหาวทิ ยาลยั หา้ งสรรพสินคา้ โรงแรม โรงพยาบาล และโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ 1.5.2.4 ไมโครคอมพวิ เตอร์ (Microcomputer) เป็ นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กที่สุด ราคาถูกท่ีสุด ใช้งานง่าย และนิยมมากที่สุดราคาของเคร่ืองไมโครคอมพิวเตอร์จะอยใู่ นช่วงประมาณหมื่นกวา่ ถึง แสนกวา่ บาท ในวงการธุรกิจใชไ้ มโครคอมพิวเตอร์กบั งานทุก ๆอยา่ ง ไมโครคอมพวิ เตอร์มีขนาดเล็กพอท่ีจะต้งั บนโตะ๊ (Desktop) หรือ ใส่ลงในกระเป๋ าเอกสาร เช่น คอมพิวเตอร์วางบนตกั (Lap top) หรือโนต้ บุ๊ก (Note book) ไมโครคอมพิวเตอร์สามารถทางานในลกั ษณะประมวลผลไดด้ ว้ ยตนเอง โดยไม่ตอ้ งเช่ือมโยงกบั คอมพวิ เตอร์เครื่องอ่ืนเรียกวา่ ระบบแสตนอโลน (Standalone system)มีไวส้ าหรับใชง้ านส่วนตวั จึงเรียกเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ไดอ้ ีกช่ือหน่ึงวา่ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือเคร่ืองพีซี (PC:Personal Computer) และสามารถนาเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์มาเช่ือมต่อกบั เคร่ืองไมโครคอมพิวเตอร์เครื่องอ่ืน ๆ หรือเชื่อมต่อกบั เคร่ืองเมนเฟรม เพื่อขยายประสิทธิภาพเพมิ่ ข้ึน ทาใหเ้ คร่ืองไมโครคอมพิวเตอร์เป็นที่นิยมใชก้ นั แพร่หลายอยา่ งรวดเร็ว 1.5.2.5 คอมพวิ เตอร์มอื ถอื (Handheld Computer) เป็นคอมพวิ เตอร์ที่มีขนาดเล็กท่ีสุดเม่ือเทียบกบั คอมพิวเตอร์ประเภทอ่ืนๆ อีกท้งั สามารถพกพาไปยงั ท่ีต่างๆ ได้ง่ายกวา่ เหมาะกบั การจดั การขอ้ มลู ประจาวนั การสร้างปฏิทินนดั หมาย การดูหนงั ฟังเพลงรวมถึงการรับส่งอีเมล์ บางรุ่นอาจมีความสามารถเทียบเคียงไดก้ บั ไมโครคอมพิวเตอร์ เช่น ปาล์ม พอ็ กเก็ตพีซี เป็ นตน้ นอกจากน้ีโทรศพั ทม์ ือถือบางรุ่นก็มีความสามารถใกลเ้ คียงกบั คอมพิวเตอร์มือถือในกลุ่มน้ีในแง่ของการรันโปรแกรมจดั การกบั ขอ้ มูลทว่ั ไปโดยใช้ระบบปฏิบตั ิการ Symbian หรือไม่ก็ Linux
91.6 องค์ประกอบของคอมพวิ เตอร์ เครื่องคอมพิวเตอร์ท่ีเราเห็นๆ กนั อย่นู ้ีเป็ นเพียงองคป์ ระกอบส่วนหน่ึงของระบบคอมพิวเตอร์เท่าน้นั แต่ถา้ตอ้ งการใหเ้ คร่ืองคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องสามารถทางานไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพตามที่เราตอ้ งการน้นั จาเป็ นตอ้ งอาศยัองค์ประกอบพ้ืนฐาน 4 ประการมาทางานร่วมกนั ซ่ึงองค์ประกอบพ้ืนฐานของระบบคอมพิวเตอร์ประกอบไปดว้ ยฮาร์ดแวร์ (Hardware) ซอฟตแ์ วร์ (Software) บุคลากร (People ware) ขอ้ มลู / สารสนเทศ (Data/Information) 1.6.1 ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หมายถึง อุปกรณ์ต่างๆ ท่ีประกอบข้ึนเป็ นเครื่องคอมพิวเตอร์ มีลกั ษณะเป็ นโครงร่างสามารถมองเห็นดว้ ยตาและสัมผสั ได้ (รูปธรรม) เช่น จอภาพ คียบ์ อร์ด เคร่ืองพมิ พ์ เมาส์ เป็นตน้ ซ่ึงสามารถแบ่งออกเป็นส่วนตา่ งๆ ตามลกั ษณะการทางาน ได้ 4 หน่วย คือ หน่วยรับขอ้ มูล (Input Unit) หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit: CPU) หน่วยแสดงผล (Output Unit) หน่วยเกบ็ ขอ้ มลู สารอง (Secondary Storage) โดยอุปกรณ์แต่ละหน่วยมีหนา้ ท่ีการทางานแตกต่างกนั 1.6.2 ซอฟต์แวร์ (Software) หมายถึง ส่วนท่ีมนุษยส์ ัมผสั ไม่ไดโ้ ดยตรง (นามธรรม) เป็ นโปรแกรมหรือชุดคาส่ังท่ีถูกเขียนข้ึนเพ่ือสั่งให้เคร่ืองคอมพิวเตอร์ทางาน ซอฟตแ์ วร์จึงเป็นเหมือนตวั เชื่อมระหวา่ งผใู้ ชเ้ คร่ืองคอมพิวเตอร์และเครื่องคอมพิวเตอร์ ถา้ ไม่มีซอฟตแ์ วร์เราก็ไม่สามารถใชเ้ ครื่องคอมพิวเตอร์ทาอะไรไดเ้ ลย ซอฟตแ์ วร์สาหรับเครื่องคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งได้ดงั น้ี 1.6.2.1 ซอฟต์แวร์สาหรับระบบ (System Software) คือ ชุดของคาสัง่ ที่เขียนไวเ้ ป็นคาสั่งสาเร็จรูป ซ่ึงจะทางานใกลช้ ิดกบั คอมพวิ เตอร์มากท่ีสุด เพื่อคอยควบคุมการทางานของฮาร์ดแวร์ทุกอยา่ ง และอานวยความสะดวกใหก้ บั ผใู้ ชใ้ นการใชง้ าน ซอฟตแ์ วร์หรือโปรแกรมระบบท่ีรู้จกั กนั ดีกค็ ือ DOS, Windows, UNIX, Linux รวมท้งัโปรแกรมแปลคาส่ังท่ีเขียนในภาษาระดบั สูง เช่น ภาษา Basic, FORTRAN, Pascal, COBOL, C เป็นตน้ นอกจากน้ีโปรแกรมที่ใชใ้ นการตรวจสอบระบบเช่น Norton’s Utilities กน็ บั เป็นโปรแกรมสาหรับระบบดว้ ยเช่นกนั 1.6.2.2 ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) คือ ซอฟตแ์ วร์หรือโปรแกรมท่ีสั่งคอมพิวเตอร์ทางานตา่ งๆ ตามท่ีผใู้ ชต้ อ้ งการ ไมว่ า่ จะดา้ นเอกสาร บญั ชี การจดั เก็บขอ้ มลู เป็นตน้ ซอฟตแ์ วร์ประยกุ ตส์ ามารถจาแนกไดเ้ ป็น 2 ประเภท คือ - ซอฟตแ์ วร์สาหรับงานเฉพาะดา้ น คือ โปรแกรมซ่ึงเขียนข้ึนเพ่ือการทางานเฉพาะอยา่ งท่ีเราตอ้ งการบางท่ีเรียกวา่ User’s Program เช่น โปรแกรมการทาบญั ชีจ่ายเงินเดือน โปรแกรมระบบเช่าซ้ือ โปรแกรมการทาสินคา้ คงคลงั เป็นตน้ ซ่ึงแต่ละโปรแกรมกม็ กั จะมีเงื่อนไข หรือแบบฟอร์มแตกต่างกนั ออกไปตามความตอ้ งการ หรือกฎเกณฑ์ของแต่ละหน่วยงานที่ใช้ ซ่ึงสามารถดดั แปลงแกไ้ ขเพ่มิ เติม (Modifications) ในบางส่วนของโปรแกรมได้ เพอื่ ใหต้ รงกบัความตอ้ งการของผใู้ ช้ และซอฟตแ์ วร์ประยกุ ตท์ ่ีเขียนข้ึนน้ีโดยส่วนใหญ่มกั ใชภ้ าษาระดบั สูงเป็นตวั พฒั นา
10 - ซอฟตแ์ วร์สาหรับงานทวั่ ไป เป็นโปรแกรมประยกุ ตท์ ี่มีผจู้ ดั ทาไว้ เพ่ือใชใ้ นการทางานประเภทต่างๆทวั่ ไป โดยผใู้ ชค้ นอื่นๆ สามารถนาโปรแกรมน้ีไปประยกุ ตใ์ ชก้ บั ขอ้ มลู ของตนได้ แต่จะไม่สามารถทาการดดั แปลง หรือแกไ้ ขโปรแกรมได้ ผใู้ ชไ้ ม่จาเป็นตอ้ งเขียนโปรแกรมเอง ซ่ึงเป็นการประหยดั เวลา แรงงาน และคา่ ใชจ้ า่ ยในการเขียนโปรแกรม นอกจากน้ี ยงั ไมต่ อ้ งใชเ้ วลามากในการฝึกและปฏิบตั ิ ซ่ึงโปรแกรมสาเร็จรูปน้ี มกั จะมีการใชง้ านในหน่วยงานที่ขาดบุคลากรที่มีความชานาญเป็นพิเศษในการเขียนโปรแกรม ดงั น้นั การใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูปจึงเป็ นส่ิงท่ีอานวยความสะดวกและเป็นประโยชน์อยา่ งยง่ิ ตวั อยา่ งโปรแกรมสาเร็จรูปที่นิยมใชไ้ ดแ้ ก่ MS-Office, Lotus, AdobePhotoshop, SPSS, Internet Explorer และ เกมส์ตา่ งๆ เป็นตน้ 1.6.3 บุคลากร (People ware) หมายถึง บุคลากรในงานดา้ นคอมพวิ เตอร์ ซ่ึงมีความรู้เกี่ยวกบั คอมพวิ เตอร์ สามารถใชง้ าน ส่ังงานเพ่อื ให้คอมพวิ เตอร์ทางานตามท่ีตอ้ งการ แบ่งออกได้ 4 ระดบั ดงั น้ี 1.6.3.1 ผู้จัดการระบบ (System Manager) คือ ผวู้ างนโยบายการใชค้ อมพิวเตอร์ใหเ้ ป็นไปตามเป้ าหมายของหน่วยงาน 1.6.3.2 นักวเิ คราะห์ระบบ (System Analyst) คือ ผทู้ ี่ศึกษาระบบงานเดิมหรืองานใหมแ่ ละทาการวเิ คราะห์ความเหมาะสม ความเป็นไปไดใ้ นการใชค้ อมพิวเตอร์กบั ระบบงาน เพ่ือใหโ้ ปรแกรมเมอร์เป็ นผเู้ ขียนโปรแกรมใหก้ บั ระบบงาน 1.6.3.3 โปรแกรมเมอร์ (Programmer) คือ ผเู้ ขียนโปรแกรมสัง่ งานเครื่องคอมพวิ เตอร์เพ่ือใหท้ างานตามความตอ้ งการของผใู้ ช้ โดยเขียนตามแผนผงั ท่ีนกั วิเคราะห์ระบบไดเ้ ขียนไว้ 1.6.3.4 ผ้ใู ช้ (User) คือ ผใู้ ชง้ านคอมพวิ เตอร์ทว่ั ไป ซ่ึงตอ้ งเรียนรู้วธิ ีการใชเ้ คร่ือง และวธิ ีการใชง้ านโปรแกรม เพ่ือใหโ้ ปรแกรมที่มีอยสู่ ามารถทางานไดต้ ามท่ีตอ้ งการเนื่องจากเป็นผกู้ าหนดโปรแกรมและใชง้ านเครื่องคอมพิวเตอร์ มนุษยจ์ ึงเป็นตวั แปรสาคญั ในอนั ท่ีจะทาใหผ้ ลลพั ธ์มีความน่าเช่ือถือ เน่ืองจากคาส่ังและขอ้ มูลที่ใชใ้ นการประมวลผลไดร้ ับจากการกาหนดของมนุษย์ (People ware) ท้งั สิ้น 1.6.4 ข้อมลู /สารสนเทศ (Data/Information) ข้อมูล (Data) เป็ นองคป์ ระกอบท่ีสาคญั อยา่ งหน่ึง การทางานของคอมพิวเตอร์จะเกี่ยวขอ้ งกบั ขอ้ มูลต้งั แต่การนาขอ้ มูลเขา้ จนกลายเป็ นขอ้ มูลที่สามารถใชป้ ระโยชน์ต่อไดห้ รือท่ีเรียกว่า สารสนเทศ (Information) ซ่ึงขอ้ มูลเหล่าน้ีอาจจะเป็นไดท้ ้งั ตวั เลข ตวั อกั ษร และขอ้ มลู ในรูปแบบอ่ืนๆ เช่น ภาพ เสียง เป็นตน้ ขอ้ มูลที่จะนามาใชก้ บั คอมพวิ เตอร์ไดน้ ้นั โดยปกติจะตอ้ งมีการแปลงรูปแบบหรือสถานะให้คอมพิวเตอร์เขา้ ใจก่อน จึงจะสามารถเอามาใช้งานในการประมวลผลต่างๆ ได้เราเรียกสถานะน้ีวา่ สถานะแบบดิจิตอล ซ่ึงมี 2 สถานะเท่าน้นั คือ เปิ ด(1) และ ปิ ด(0)
11………………………………………………………………………………………………………………
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: