Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรวิทยาศาสตร์กายภาพ(เคมี) ม 5

หลักสูตรวิทยาศาสตร์กายภาพ(เคมี) ม 5

Published by deefanjandee, 2019-09-11 02:41:00

Description: หลักสูตรวิทยาศาสตร์กายภาพ(เคมี) ม 5

Search

Read the Text Version

คาอธิบายรายวิชา พ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว32101 วิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ(เคม)ี ระดบั ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 5 เวลา 40 ชวั่ โมง 1.0 หนว่ ยกติ --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษา ธาตุ สารประกอบในรูปอะตอม โมเลกุล หรือไอออนจากสตู รเคมี แบบจาลองอะตอมของ โบรก์ ับแบบจาลองอะตอมแบบกลมุ่ หมอก ระบจุ านวนโปรตอน นิวตรอน อิเล็กตรอนของอะตอม และ ไอออนที่เกดิ จากอะตอมเดียว สัญลกั ษณน์ วิ เคลยี ร์ของธาตุ ธาตุไอโซโทป ธาตุเปน็ โลหะ อโลหะ กึง่ โลหะ กลุม่ ธาตเุ รพรเี ซนเททีฟหรอื กลุ่มธาตุแทรนซชิ นั จากตารางธาตุ สมบัติการนาไฟฟ้า การใหแ้ ละรับอเิ ล็กตรอน ระหวา่ งธาตใุ นกล่มุ โลหะกบั อโลหะ ประโยชน์และอนั ตรายทีเ่ กิดจากธาตเุ รพรีเซนเททีฟและธาตแุ ทรนซิชนั พันธะโคเวเลนต์ สารโควาเลนต์ พนั ธะไฮโดรเจน ความสัมพันธ์ระหวา่ งจุดเดือดของสารโคเวเลนตก์ บั แรง ดึงดดู ระหว่างโมเลกุลตามสภาพข้ัวหรือการเกิดพันธะไฮโดรเจน สูตรเคมขี องไอออนและสารประกอบไอออนิก สารละลายอเิ ลก็ โทรไลต์สารนอนอเิ ล็กโทรไลต์ สารประกอบอินทรยี ์ประเภทไฮโดรคาร์บอนอิ่มตวั สารประกอบอนิ ทรีย์ประเภทไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัว พอลเิ มอร์ มอนอเมอร์ของพอลิเมอร์ชนดิ นน้ั สมบัติความ เปน็ กรด-เบสจากโครงสรา้ งของสารประกอบอนิ ทรยี ์ สมบตั กิ ารละลายในตวั ทาละลายชนิดตา่ ง ๆ ของสาร ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งโครงสร้างกบั สมบัตเิ ทอร์มอพลาสติกและเทอร์มอเซตของพอลเิ มอร์ และการนาพอลิ เมอร์ไปใช้ประโยชน์ ผลกระทบของการใชผ้ ลติ ภณั ฑ์พอลเิ มอรท์ ่ีมีต่อสงิ่ มชี วี ิตและสง่ิ แวดล้อม พร้อมแนวทาง ป้องกันหรือแก้ไข สตู รเคมีของสารตง้ั ตน้ ผลติ ภณั ฑ์ และแปลความหมายของสญั ลักษณใ์ นสมการเคมีของ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี ผลของความเขม้ ข้นพื้นท่ผี วิ อุณหภูมิ และตวั เร่งปฏิกิริยาท่มี ีผลตอ่ อัตราการเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมี ปัจจยั ทีม่ ีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิรยิ าเคมที ่ีใช้ประโยชนใ์ นชีวติ ประจาวันหรอื ในอุตสาหกรรมปฏิกิรยิ ารดี อกซ์ สมบัติของสารกัมมันตรังสี และคานวณครงึ่ ชีวิตและปรมิ าณของสารกัมมันรังสี ประโยชน์ของสารกมั มนั ตรังสี และการป้องกนั อันตรายท่เี กิดจากกมั มนั ตภาพรงั สี โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สืบคน้ ข้อมลู สงั เกต ระบุ เปรียบเทียบ เขียน อธิบาย อภปิ ราย วิเคราะห์ ทดลอง นาเสนอ เพ่ือใหเ้ กดิ ความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจ มี ความสามารถในการตัดสนิ ใจ ส่อื สารสิง่ ทีเ่ รียนรแู้ ละนาความรไู้ ปใชใ้ นชีวติ ของตนเองและดูแลรกั ษาสิ่งมชี ีวิต อนื่ ๆ เฝา้ ระวังและพัฒนาสิ่งแวดล้อมอยา่ งย่ังยนื มจี ติ วิทยาศาสตรจ์ รยิ ธรรม คุณธรรมและค่านยิ มทเี่ หมาะสม รหสั ตัวชี้วดั ว.2.1 ม.5/1, ม.5/2, ม.5/3, ม.5/4, ม.5/5, ม.5/6, ม.5/7, ม.5/8, ม.5/9, ม.5/10, ม.5/11, ม.5/12, ม.5/13, ม.5/14, ม.5/15, ม.5/16, ม.5/17, ม.5/18, ม.5/19, ม.5/20, ม.5/21, ม.5/22, ม.5/23, ม.5/24, ม.5/25 รวมท้ังหมด 25 ตวั ชวี้ ดั

โครงสร้างรายวิชา รหสั ว32101 วิชาวิทยาศาสตรก์ ายภาพ(เคมี) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 เวลา 40 ช่วั โมง 1.0 หนว่ ยกิต ชื่อหน่วย มาตรฐานการเรยี นรู้/ สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั การเรียนรู้ (ชม.) คะแนน ตวั ชวี้ ดั หน่วยท่ี 1 6 15 อากาศ ว ๒.๑ • สารเคมที ุกชนิดสามารถระบุได้วา่ เปน็ ธาตุ ม5/1ระบุว่าสารเปน็ ธาตุ หรอื สารประกอบ และอย่ใู นรูปของอะตอม หรอื สารประกอบ และ โมเลกลุ หรอื ไอออนได้ โดยพจิ ารณาจากสูตร อยู่ในรปู อะตอม โมเลกลุ เคมี หรือไอออนจากสูตรเคมี ม5/2เปรียบเทยี บความ • แบบจาลองอะตอมใช้อธิบายตาแหนง่ ของ เหมอื นและความ โปรตอน นิวตรอน และอิเลก็ ตรอนในอะตอม แตกต่างของแบบจาลอง โดยโปรตอนและนิวตรอนอยู่รวมกันใน อะตอมของโบร์กบั นวิ เคลยี ส ส่วนอิเล็กตรอนเคล่ือนทีร่ อบ แบบจาลองอะตอมแบบ นวิ เคลยี ส ซ่ึงในแบบจาลองอะตอมของโบร์ กลุ่มหมอก อิเลก็ ตรอนเคล่อื นท่เี ป็นวง โดยแตล่ ะวงมี ระยะหา่ งจากนวิ เคลยี สและมีพลังงานตา่ งกนั และอิเล็กตรอนวงนอกสดุ เรียกวา่ เวเลนซ์ อิเลก็ ตรอน • แบบจาลองอะตอมแบบกลุ่มหมอก แสดง โอกาสทจ่ี ะพบอิเลก็ ตรอนรอบนิวเคลียสใน ลกั ษณะกลุม่ หมอก เน่ืองจากอเิ ลก็ ตรอนมี ขนาดเล็กและเคลื่อนท่ีอยา่ งรวดเร็วตลอดเวลา จงึ ไม่สามารถระบุตาแหนง่ ท่ีแน่นอนได้ ม5/3ระบุจานวน • อะตอมของธาตเุ ปน็ กลางทางไฟฟา้ มจี านวน โปรตอน นวิ ตรอน และ โปรตอนเท่ากับจานวนอิเลก็ ตรอน การระบุ อเิ ล็กตรอนของอะตอม ชนิดของธาตุพจิ ารณาจากจานวนโปรตอน และไอออนทเี่ กดิ จาก • เม่ืออะตอมของธาตุมีการให้หรือรับ อะตอมเดียว อเิ ลก็ ตรอน ทาให้จานวนโปรตอนและ อิเล็กตรอนไม่เท่ากนั เกดิ เป็นไอออน โดย ไอออนทมี่ ีจานวนอเิ ล็กตรอนน้อยกว่าจานวน โปรตอน เรยี กว่า ไอออนบวกส่วนไอออนทีม่ ี จานวนอเิ ลก็ ตรอนมากกว่าโปรตอน เรยี กวา่ ไอออนลบ ม5/4เขยี นสญั ลักษณ์ • สัญลักษณ์นิวเคลยี ร์ ประกอบด้วยสญั ลกั ษณ์

ชื่อหน่วย มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั การเรียนรู้ ตวั ช้ีวัด (ชม.) คะแนน หน่วยที่ 2 นา้ นวิ เคลียร์ของธาตุและ ธาตเุ ลขอะตอมและเลขมวล โดยเลขอะตอม ระบุการเป็นไอโซโทป เป็นตัวเลขทแี่ สดงจานวนโปรตอนในอะตอม เลขมวลเปน็ ตัวเลขท่ีแสดงผลรวมของจานวน โปรตอนกบั นิวตรอนในอะตอม ธาตชุ นดิ เดยี วกันแต่มเี ลขมวลตา่ งกัน เรียกวา่ ไอโซโทป ม5/5ระบหุ มู่และคาบ • สญั ลกั ษณ์นิวเคลียร์ ประกอบด้วยสัญลกั ษณ์ ของธาตุ และระบุวา่ ธาตุ ธาตเุ ลขอะตอมและเลขมวล โดยเลขอะตอม เป็นโลหะ อโลหะ ก่งึ เปน็ ตัวเลขที่แสดงจานวนโปรตอนในอะตอม โลหะ กลุม่ ธาตเุ รพรเี ซน เลขมวลเปน็ ตัวเลขทีแ่ สดงผลรวมของจานวน เททฟี หรือกลุม่ ธาตุแทรน โปรตอนกบั นิวตรอนในอะตอม ธาตชุ นดิ ซิชนั จากตารางธาตุ เดยี วกันแต่มีเลขมวลต่างกัน เรียกวา่ ไอโซโทป • ธาตุจัดเปน็ หมวดหม่ไู ด้อย่างเปน็ ระบบ โดย อาศยั ตารางธาตุ ซึ่งในปัจจบุ ันจัดเรียงตามเลข อะตอมและความคล้ายคลึงของสมบตั ิ แบง่ ออกเปน็ หม่ซู ่ึงเป็นแถวในแนวต้งั และคาบซง่ึ เปน็ แถวในแนวนอนทาให้ธาตุท่มี ีสมบัติเปน็ โลหะ อโลหะและก่ึงโลหะอยู่เปน็ กลุ่มบริเวณ ใกล้ ๆ กนั และแบง่ ธาตอุ อกเปน็ กลุ่มธาตุเรพรี เซนเททีฟและกลุ่มธาตุแทรนซิชนั ม5/6เปรยี บเทียบสมบตั ิ • ธาตุในกลุ่มโลหะ จะนาไฟฟ้าไดด้ ี และมี การนาไฟฟ้า การให้และ แนวโน้มใหอ้ ิเลก็ ตรอน ส่วนธาตใุ นกลมุ่ อโลหะ รับอิเลก็ ตรอนระหวา่ ง จะไม่นาไฟฟ้า และมีแนวโนม้ รบั อิเล็กตรอน ธาตุในกลมุ่ โลหะกบั โดยธาตเุ รพรีเซนเททีฟ ในหมู่ IA - IIA และ อโลหะ ธาตทุ รานซชิ นั ทุกธาตจุ ัดเป็นธาตุในกลมุ่ โลหะ ส่วนธาตุเรพรีเซนเททีฟในหมู่ IIIA - VIIA มที ้งั ธาตุในกลุม่ โลหะและอโลหะส่วนธาตเุ รพรเี ซน เททีฟในหมู่ VIIIA จัดเป็นธาตุอโลหะทัง้ หมด ม5/7สบื ค้นขอ้ มูลและ • ธาตเุ รพรเี ซนเททีฟและธาตุแทรนซิชัน นาเสนอตวั อยา่ ง นามาใช้ประโยชน์ในชวี ิตประจาวันได้ ประโยชน์และอนั ตรายท่ี หลากหลายซง่ึ ธาตุบางชนดิ มีสมบัติท่เี ปน็ เกดิ จากธาตเุ รพรเี ซนเท อนั ตราย จงึ ต้องคานงึ ถงึ การป้องกนั อันตราย ทีฟและธาตแุ ทรนซชิ นั เพื่อความปลอดภัยในการใชป้ ระโยชน์ ม5/8ระบุว่าพันธะโคเว • พันธะโคเวเลนต์ เปน็ การยึดเหนยี่ วระหว่าง 12 30 เลนตเ์ ป็นพนั ธะเด่ยี ว อะตอมดว้ ยการใช้เวเลนซ์อิเล็กตรอนร่วมกนั พันธะค่หู รือพันธะสาม เกดิ เป็นโมเลกลุ โดยการใชเ้ วเลนซ์อิเล็กตรอน และระบุจานวนคู่ รว่ มกัน๑ คู่เรียกว่า พนั ธะเดีย่ ว เขยี นแทนด้วย

ช่ือหนว่ ย มาตรฐานการเรยี นรู้/ สาระสาคญั เวลา น้าหนกั การเรียนรู้ ตวั ชวี้ ดั (ชม.) คะแนน อเิ ลก็ ตรอนระหวา่ ง เสน้ พันธะ๑ เส้น ในโครงสรา้ งโมเลกุล สว่ นการ อะตอมค่รู ว่ มพนั ธะ จาก ใช้เวเลนซ์อิเลก็ ตรอนรว่ มกนั ๒ คู่ และ ๓ คู่ สตู รโครงสรา้ ง เรยี กว่าพันธะคู่ และพนั ธะสาม เขยี นแทนด้วย เส้นพันธะ ๒ เสน้ และ ๓ เสน้ ตามลาดบั ม5/9 ระบสุ ภาพขวั้ ของ • สารที่มพี ันธะภายในโมเลกลุ เป็นพนั ธะโคเว สารทีโ่ มเลกลุ เลนต์ทั้งหมดเรียกว่า สารโคเวเลนต์ โดยสาร ประกอบดว้ ย ๒ อะตอม โคเวเลนต์ท่ีประกอบดว้ ย ๒ อะตอมของธาตุ ม5/10 ระบสุ ารท่ีเกดิ ชนดิ เดยี วกนั เปน็ สารไมม่ ีข้ัว สว่ นสารโคเวเลนต์ พันธะไฮโดรเจนไดจ้ าก ทป่ี ระกอบดว้ ย ๒ อะตอมของธาตตุ า่ งชนิดกัน สูตรโครงสร้าง เป็นสารมีข้ัว สาหรับสารโคเวเลนตท์ ่ี ม5/11อธิบาย ประกอบดว้ ยอะตอมมากกวา่ ๒ อะตอม อาจ ความสัมพันธ์ระหวา่ งจุด เป็นสารมีขัว้ หรือไมม่ ีข้ัวข้ึนอยู่กบั รปู รา่ งของ เดอื ดของสารโคเวเลนต์ โมเลกุล ซงึ่ สภาพข้ัวของสารโคเวเลนตส์ ่งผลตอ่ กับแรงดึงดูดระหวา่ ง แรงดงึ ดดู ระหวา่ งโมเลกุลท่ที าให้จุดหลอมเหลว โมเลกลุ ตามสภาพขวั้ และจุดเดือดของสารโคเวเลนตแ์ ตกตา่ งกัน หรอื การเกิดพันธะ นอกจากนี้สารบางชนิดมจี ดุ เดอื ดสงู กว่าปกติ ไฮโดรเจน เน่ืองจากมแี รงดงึ ดดู ระหว่างโมเลกลุ สูงที่ เรียกว่า พนั ธะไฮโดรเจนซง่ึ สารเหล่านม้ี พี ันธะ N-H O-H หรอื F-Hภายในโครงสรา้ งโมเลกุล ม5/12เขยี นสตู รเคมีของ • สารประกอบไอออนิกสว่ นใหญเ่ กดิ จากการ ไอออนและสารประกอบ รวมตัวกันของไอออนบวกของธาตโุ ลหะและ ไอออนิก ไอออนลบของธาตุอโลหะ ในบางกรณีไอออน อาจประกอบดว้ ย กลมุ่ ของอะตอม โดยเมื่อ ไอออนรวมตัวกนั เกิดเปน็ สารประกอบไอออนิก จะมสี ัดส่วนการรวมตวั เพ่ือทาให้ประจุของ สารประกอบเป็นกลางทางไฟฟา้ โดยไอออน บวกและไอออนลบจะจดั เรยี งตวั สลบั ตอ่ เนอื่ งกนั ไปใน ๓ มิติ เกิดเป็นผลกึ ของสาร ซงึ่ สูตรเคมีของสารประกอบไอออนกิ ประกอบด้วย สญั ลกั ษณธ์ าตุทเ่ี ปน็ ไอออนบวก ตามดว้ ย สญั ลกั ษณ์ธาตุทเี่ ปน็ ไอออนลบ โดยมี ตวั เลขทแ่ี สดงจานวนไอออนแตล่ ะชนดิ เปน็ อตั ราสว่ นอยา่ งต่า ม5/13ระบวุ า่ สารเกิด • สารจะละลายนา้ ไดเ้ มอ่ื องค์ประกอบของสาร การละลายแบบแตกตัว สามารถเกดิ แรงดงึ ดูดกับโมเลกลุ ของน้าได้ หรอื ไม่แตกตวั พร้อมให้ โดยการละลายของสารในนา้ เกดิ ได้ ๒ ลกั ษณะ

ชื่อหน่วย มาตรฐานการเรยี นรู้/ สาระสาคัญ เวลา น้าหนัก การเรยี นรู้ ตวั ชวี้ ัด คะแนน (ชม.) หน่วยท่ี 3 เหตุผลและระบุวา่ 15 สารอาหาร สารละลายทไี่ ด้เปน็ คอื การละลายแบบแตกตวั และการละลาย สารละลายอิเล็กโทรไลต์ หรอื นอนอเิ ล็กโทรไลต์ แบบไม่แตกตัว การละลายแบบแตกตัวเกิด ม5/14ระบสุ ารประกอบ ข้นึ กับสารประกอบไอออนิก และสารโคเวเลนต์ อนิ ทรียป์ ระเภท ไฮโดรคาร์บอนว่าอิ่มตัว บางชนิดท่ีมีสมบตั ิเปน็ กรดหรือเบส โดยเมื่อ หรือไม่อ่ิมตวั จากสตู ร โครงสร้าง สารเกดิ การละลายแบบแตกตัวจะไดไ้ อออนท่ี ม5/15สบื คน้ ขอ้ มูลและ สามารถเคล่ือนที่ได้ ทาให้ได้สารละลายท่นี า เปรยี บเทยี บสมบัติทาง กายภาพระหวา่ งพอลิ ไฟฟ้าซ่งึ เรียกวา่ สารละลายอิเล็กโทรไลต์ การ เมอร์และมอนอเมอร์ ของพอลิเมอร์ชนิดนนั้ ละลายแบบไม่แตกตัวเกดิ ข้นึ กับสารโคเวเลนต์ท่ี ม5/16ระบสุ มบตั ิความ มีขั้วสูงสามารถดึงดดู กบั โมเลกุลของน้าไดด้ ี เปน็ กรด-เบส โดยเม่อื เกดิ การละลายโมเลกุลของสารจะไม่ แตกตัวเปน็ ไอออน และสารละลายทไ่ี ดจ้ ะไม่นา ไฟฟา้ ซึ่งเรยี กวา่ สารละลายนอนอิเล็กโทรไลต์ • สารประกอบอินทรยี ์เปน็ สารประกอบของ 6 คาร์บอนส่วนใหญ่พบในส่ิงมชี ีวติ มโี ครงสรา้ ง หลากหลายและแบง่ ไดห้ ลายประเภท เนอ่ื งจาก ธาตคุ ารบ์ อน สามารถเกดิ พันธะกบั คาร์บอน ดว้ ยกันเองและธาตุอน่ื ๆ นอกจากนี้พนั ธะ ระหวา่ งคารบ์ อนยังมีหลายรูปแบบ ได้แก่ พันธะเดย่ี วพันธะคู่ พนั ธะสาม • สารประกอบอนิ ทรยี ท์ ี่มเี ฉพาะธาตคุ ารบ์ อน และไฮโดรเจนเป็นองค์ประกอบ เรียกวา่ สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน โดยสารประกอบ ไฮโดรคาร์บอนอ่มิ ตัวมีพันธะระหว่างคาร์บอน เป็นพันธะเด่ยี วทุกพนั ธะในโครงสร้าง ส่วน สารประกอบไฮโดรคาร์บอนไมอ่ ่มิ ตวั มีพนั ธะ ระหวา่ งคารบ์ อนเปน็ พนั ธะคู่หรือพันธะสาม อยา่ งน้อย ๑ พันธะในโครงสร้าง • สารทพ่ี บในชีวติ ประจาวนั มีท้ังโมเลกลุ ขนาด เล็กและขนาดใหญ่ พอลิเมอร์เปน็ สารที่มี โมเลกุลขนาดใหญ่ท่เี กดิ จากมอนอเมอร์หลาย โมเลกุลเช่ือมตอ่ กนั ดว้ ยพันธะเคมี ทาใหส้ มบตั ิ ทางกายภาพของพอลเิ มอร์แตกต่างจากมอนอ เมอร์ทเี่ ป็นสารต้ังต้น เชน่ สถานะ จดุ หลอมเหลวการละลาย • สารประกอบอนิ ทรียท์ ี่มหี มู่ -COOH สามารถ แสดงสมบตั ิความเป็นกรด สว่ นสารประกอบ

ชือ่ หนว่ ย มาตรฐานการเรยี นรู้/ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั การเรยี นรู้ คะแนน ตวั ชวี้ ดั (ชม.) หน่วยที่4 40 พลงั งาน จากโครงสรา้ งของ อินทรยี ท์ ่ีมีหมู่ -NH2 สามารถแสดงสมบัตคิ วาม สารประกอบอินทรยี ์ เป็นเบส ม5/17อธบิ ายสมบัติการ • การละลายของสารพิจารณาได้จากความมีขัว้ ละลายในตวั ทาละลาย ของตัวละลายและตัวทาละลาย โดยสาร ชนดิ ตา่ ง ๆ ของสาร สามารถละลายได้ในตวั ทาละลายทมี่ ีขัว้ ใกลเ้ คยี งกนั โดยสารมขี วั้ ละลายในตวั ทาละลาย ที่มีขว้ั ส่วนสารไมม่ ีข้วั ละลายในตัวทาละลายท่ี ไม่มีข้วั และสารมีขวั้ ไม่ละลายในตัวทาละลายท่ี ไมม่ ีขั้ว ม5/18วิเคราะหแ์ ละ • โครงสร้างของพอลเิ มอร์อาจเป็นแบบเสน้ อธิบายความสมั พันธ์ แบบกงิ่ หรือแบบร่างแห โดยพอลิเมอรแ์ บบเส้น ระหวา่ งโครงสร้างกับ และแบบกง่ิ มสี มบัติเทอร์มอพลาสตกิ ส่วนพอ สมบัติเทอร์มอพลาสตกิ ลิเมอรแ์ บบร่างแห มสี มบัติเทอรม์ อเซต จงึ มี และเทอรม์ อเซตของพอ การใชป้ ระโยชน์ได้แตกตา่ งกัน ลเิ มอร์ และการนา พอลิเมอรไ์ ปใช้ประโยชน์ ม5/19สบื คน้ ข้อมลู และ • การใชผ้ ลิตภัณฑ์พอลเิ มอร์ในปรมิ าณมาก นาเสนอผลกระทบของ ก่อใหเ้ กิดปญั หาทส่ี ่งผลกระทบตอ่ ส่งิ มีชีวติ และ การใชผ้ ลติ ภณั ฑ์พอลิ ส่งิ แวดล้อมดงั นัน้ จงึ ควรตระหนักถึงการลด เมอรท์ ี่มีตอ่ ส่งิ มีชีวิตและ ปริมาณการใชก้ ารใช้ซา้ และการนากลบั มาใช้ สง่ิ แวดล้อม พร้อม ใหม่ แนวทางปอ้ งกันหรือ แกไ้ ข ม5/20ระบุสตู รเคมีของ • ปฏิกิริยาเคมที าให้เกิดการเปลีย่ นแปลงของ 16 สารตั้งต้น ผลติ ภัณฑ์ สารโดยปฏิกริ ิยาเคมีอาจให้พลังงานความรอ้ น และแปลความหมายของ พลังงานแสง หรอื พลงั งานไฟฟา้ ท่ีสามารถ สญั ลักษณใ์ นสมการเคมี นาไปใช้ประโยชน์ในดา้ นตา่ ง ๆ ได้ ของปฏกิ ิริยาเคมี • ปฏกิ ิริยาเคมแี สดงไดด้ ว้ ยสมการเคมี ซ่ึงมีสูตร เคมีของสารตัง้ ตน้ อยูท่ างด้านซา้ ยของลกู ศร และสตู รเคมีของผลติ ภัณฑอ์ ยู่ทางด้านขวา โดย จานวนอะตอมรวมของแต่ละธาตุทางดา้ นซา้ ย และขวาเท่ากัน นอกจากนสี้ มการเคมยี ังอาจ แสดงปจั จัยอน่ื เชน่ สถานะ พลังงานที่ เก่ยี วขอ้ ง ตัวเรง่ ปฏกิ ริ ยิ าเคมีทีใ่ ช้ ม5/21ทดลองและ • อัตราการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมีขึ้นอยูก่ ับความ อธิบายผลของความ เข้มข้นอณุ หภมู ิ พ้นื ท่ผี วิ หรอื ตวั เรง่ ปฏิกริ ิยา

ช่ือหนว่ ย มาตรฐานการเรยี นรู้/ สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก การเรียนรู้ คะแนน ตัวชี้วดั (ชม.) 100 เขม้ ข้นพืน้ ท่ีผิว อณุ หภมู ิ และตวั เร่งปฏิกริ ิยาที่มี ผลต่ออัตราการ เกิดปฏิกริ ิยาเคมี ม5/22สืบค้นข้อมลู และ • ความรู้เกยี่ วกบั ปัจจัยทีม่ ผี ลต่ออตั ราการเกดิ อธบิ ายปัจจัยท่มี ีผลตอ่ ปฏกิ ริ ิยาเคมสี ามารถนาไปใช้ประโยชนใ์ นชวี ติ อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ า ประจาวันและในอุตสาหกรรม เคมที ใ่ี ชป้ ระโยชนใ์ น ชวี ติ ประจาวันหรอื ใน อตุ สาหกรรม ม5/23อธบิ าย • ปฏกิ ริ ยิ าเคมีบางประเภทเกิดจากการถา่ ยโอน ความหมายของปฏกิ ิริยา อิเล็กตรอนของสารในปฏิกิรยิ าเคมี ซ่งึ เรยี กวา่ รีดอกซ์ ปฏกิ ิรยิ ารดี อกซ์ ม5/24อธิบายสมบตั ขิ อง • สารท่สี ามารถแผ่รงั สีไดเ้ รยี กว่า สาร สารกัมมนั ตรงั สี และ กมั มนั ตรังสซี ่ึงมนี ิวเคลยี สที่สลายตัวอย่าง คานวณครงึ่ ชีวติ และ ต่อเนือ่ ง ระยะเวลาทส่ี ารกมั มันตรังสสี ลายตัว ปรมิ าณของสาร จนเหลอื ครึง่ หนึง่ กมั มนั ตรงั สี ของปริมาณเดิม เรยี กว่า ครง่ึ ชวี ติ โดยสาร กัมมันตรงั สแี ตล่ ะชนดิ มีคา่ ครึ่งชีวติ แตกตา่ งกัน ม5/25สบื ค้นข้อมูลและ • รังสที แี่ ผ่จากสารกัมมันตรงั สีมหี ลายชนดิ เช่น นาเสนอตัวอย่าง แอลฟา บีตา แกมมา ซึ่งสามารถนามาใช้ ประโยชน์ของสาร ประโยชนไ์ ด้แตกต่างกนั การนาสารกัมมนั ตรงั สี กมั มนั ตรังสแี ละการ แต่ละชนดิ มาใช้ ต้องคานึงถงึ ผลกระทบต่อ ป้องกนั อันตรายท่ีเกิด สิง่ มชี วี ติ และสิง่ แวดล้อม รวมทัง้ มกี ารจัดการ จากกัมมันตภาพรังสี อยา่ งเหมาะสม รวมเวลา 40 คะแนนระหว่างภาค 70 คะแนนปลายภาค 30 รวม 100


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook