Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรโลกดาราศาสตร์มปลาย

หลักสูตรโลกดาราศาสตร์มปลาย

Published by deefanjandee, 2019-09-11 02:33:02

Description: หลักสูตรโลกดาราศาสตร์มปลาย

Search

Read the Text Version

คาอธบิ ายรายวชิ า พืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว33101 วิชาวิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 เวลา 60 ช่ัวโมง 1.5 หน่วยกติ -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- อธิบายการกาเนดิ และการเปล่ยี นแปลงพลงั งานสสาร ขนาด อณุ หภูมิของเอกภพหลงั เกดิ บกิ แบงใน ช่วงเวลาต่าง ๆ ตามวิวฒั นาการของเอกภพ หลักฐานทีส่ นบั สนนุ ทฤษฎบี กิ แบงจากความสมั พันธ์ระหว่าง ความเร็วกบั ระยะทางของกาแลก็ ซี รวมทง้ั ข้อมลู การคน้ พบไมโครเวฟพ้ืนหลงั จากอวกาศ โครงสรา้ งและ องคป์ ระกอบของกาแล็กซที างช้างเผือก ระบบสรุ ิยะ กระบวนการเกดิ ดาวฤกษ์ โดยแสดงการเปลีย่ นแปลงความ ดนั อณุ หภูมิ ขนาดจากดาวฤกษก์ ่อนเกิดจนเป็นดาวฤกษ์ ปัจจยั ท่ีสง่ ผลต่อความส่องสวา่ งของดาวฤกษ์ และ ความสัมพนั ธ์ระหว่างความส่องสวา่ งกับโชติมาตรของดาวฤกษ์ ความสัมพนั ธ์ระหว่างสี อณุ หภูมผิ ิวและสเปกตรัม ของดาวฤกษ์ ลาดับวิวฒั นาการทส่ี มั พนั ธก์ ับมวลตั้งต้นและวเิ คราะหก์ ารเปลี่ยนแปลงสมบัตบิ างประการของดาว ฤกษ์ กระบวนการเกิดระบบสุรยิ ะ และการแบง่ เขตบริวารของดวงอาทิตย์ ลักษณะของดาวเคราะหท์ เี่ อื้อตอ่ การ ดารงชวี ิต โครงสรา้ งของดวงอาทิตย์ การเกดิ ลมสุรยิ ะ พายสุ ุริยะ ปรากฏการณห์ รือเหตุการณท์ ี่เก่ียวขอ้ งกบั ผล ของลมสรุ ยิ ะ พายุสรุ ิยะที่มตี ่อโลกรวมทง้ั ประเทศไทย การสารวจอวกาศ โดยใชก้ ลอ้ งโทรทรรศนใ์ นช่วงความยาว คล่นื ต่าง ๆ ดาวเทียม ยานอวกาศ สถานีอวกาศ การนาความรทู้ างด้านเทคโนโลยีอวกาศมาประยุกตใ์ ช้ ใน ชวี ิตประจาวนั หรือในอนาคต การแบ่งชนั้ และสมบัตขิ องโครงสรา้ งโลกพร้อมยกตัวอย่างขอ้ มลู ทสี่ นบั สนุน หลกั ฐานทางธรณีวทิ ยาทีส่ นับสนุนการเคล่ือนท่ขี องแผน่ ธรณี รปู แบบแนวรอยตอ่ ของแผน่ ธรณที ่สี มั พันธ์กบั การ เคล่อื นท่ีของแผน่ ธรณี หลักฐานทางธรณีวทิ ยาที่พบ กระบวนการเกิดภูเขาไฟระเบดิ รวมทั้งสืบคน้ ขอ้ มูลพ้ืนท่ี เส่ยี งภัย การเฝ้าระวังและการปฏบิ ัตติ นใหป้ ลอดภยั กระบวนการเกดิ และผลจากสึนามริ วมทงั้ พนื้ ท่ีเส่ยี งภัย การ เฝา้ ระวังและการปฏบิ ตั ติ นให้ปลอดภยั ปัจจัยทม่ี ีผลตอ่ การไดร้ ับพลงั งานจากดวงอาทิตย์ การหมุนเวียนของ อากาศ ที่เปน็ ผลมาจากความแตกตา่ งของความกดอากาศ ทิศทางการเคล่ือนทข่ี องอากาศ ทเ่ี ป็นผลมาจากการ หมุนรอบตัวเองของโลก การหมุนเวยี นของอากาศตามเขตละตจิ ดู และผลที่มีต่อภมู ิอากาศ การหมนุ เวียนของ น้าผวิ หนา้ ในมหาสมทุ ร และรูปแบบการหมนุ เวียนของนา้ ผิวหนา้ ในมหาสมทุ ร ผลของการหมนุ เวยี นของอากาศ และน้าผวิ หนา้ ในมหาสมุทรท่ีมีต่อลักษณะภูมอิ ากาศ ลมฟา้ อากาศ ส่งิ มีชวี ติ และสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลง ภูมิอากาศของโลก พร้อมท้ังนาเสนอแนวปฏิบัตเิ พ่ือลดกิจกรรมของมนษุ ย์ ท่ีสง่ ผลต่อ การเปลีย่ นแปลง ภมู ิอากาศโลก แปลความหมายสญั ลกั ษณล์ มฟ้าอากาศท่ีสาคญั จากแผนทีอ่ ากาศ และนาข้อมูลสารสนเทศตา่ ง ๆ มาวางแผนการดาเนินชีวติ ให้สอดคลอ้ งกับสภาพลมฟ้าอากาศ โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการ สบื เสาะหาความรู้ การสบื คน้ ข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ การอธบิ าย การอภปิ รายและสรุป เพอื่ ให้เกิดความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสนิ ใจ สือ่ สารสง่ิ ทเ่ี รยี นรแู้ ละนาความรูไ้ ปใชใ้ นชวี ิตของตนเองและ ดูแลรักษาสง่ิ มีชีวติ อืน่ ๆ เฝา้ ระวงั และพฒั นาสง่ิ แวดลอ้ มอย่างยั่งยืน มจี ิตวทิ ยาศาสตรจ์ ริยธรรม คุณธรรมและ ค่านยิ มที่เหมาะสม รหัสตวั ชี้วดั ว 3.1 ม.6/1, ม.6/2, ม.6/3, ม.6/4, ม.6/5, ม.6/6, ม.6/7, ม.6/8, ม.6/9, ม.6/10 ว 3.2 ม.6/1, ม.6/2, ม.6/3, ม.6/4, ม.6/5, ม.6/6, ม.6/7, ม.6/8, ม.6/9, ม.6/10, ม.6/11, ม.6/12, ม.6/13, ม. 6/14 รวมท้ังหมด 24 ตัวช้ีวัด

โครงสรา้ งรายวชิ า รหัส รหัสวิชา ว33101 วิชาวิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 6 เวลา 60 ช่ัวโมง 1.5 หน่วยกิต ช่ือหน่วยการ มาตรฐานการเรยี นรู้/ สาระสาคัญ เวลา น้าหนัก เรียนรู้ (ชวั่ โมง) คะแนน ตวั ชี้วดั 1 6 6 เอกภพและ ว 3.1 ม.6/1 อธิบายการ • ทฤษฎกี าเนิดเอกภพท่ียอมรับในปจั จบุ นั คอื กาแลก็ ซ่ี กาเนดิ และการ ทฤษฎบี กิ แบง ระบวุ า่ เอกภพเรม่ิ ตน้ จากบิกแบงท่ี เปลย่ี นแปลงพลังงานสสาร เอกภพมีขนาดเล็กมาก และมีอุณหภูมสิ ูงมากซ่ึง ขนาดอุณหภูมขิ องเอกภพ เปน็ จดุ เรม่ิ ต้นของเวลาและวิวัฒนาการของเอกภพ หลงั เกิดบกิ แบงใน โดยหลังเกิดบิกแบง เอกภพเกิดการขยายตวั อยา่ ง ชว่ งเวลาต่าง ๆ ตาม รวดเรว็ มอี ุณหภมู ลิ ดลง มสี สารคงอยู่ในรูป ววิ ฒั นาการของเอกภพ อนุภาคและปฏยิ านภุ าคหลายชนิด และมี ววิ ฒั นาการตอ่ เน่ืองจนถึงปจั จุบนั ซงึ่ มเี นบิวลา กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสรุ ิยะเปน็ สมาชิก บางส่วนของเอกภพ ว 3.1 ม.6/2อธิบาย • หลักฐานสาคญั ทีส่ นบั สนุนทฤษฎบี กิ แบง คือ หลักฐานท่สี นับสนนุ ทฤษฎี การขยายตัวของเอกภพ ซ่งึ อธบิ ายด้วยกฎฮบั เบิล บกิ แบงจากความสมั พันธ์ โดยใชค้ วามสัมพนั ธร์ ะหว่างความเรว็ และ ระหว่างความเรว็ กบั ระยะทางของกาแล็กซีทเ่ี คล่ือนท่หี า่ งออกจากโลก ระยะทางของกาแลก็ ซี และหลักฐานอีกประการ คอื การคน้ พบไมโครเวฟ รวมทงั้ ข้อมลู การค้นพบ พน้ื หลัง ที่กระจายตัวอย่างสม่าเสมอทุกทิศทาง ไมโครเวฟพ้นื หลังจาก และสอดคลอ้ งกับอุณหภูมเิ ฉลีย่ ของอวกาศ มี อวกาศ คา่ ประมาณ ๒.๗๓ เคลวิน ว 3.1 ม.6/3 อธิบาย • กาแล็กซี ประกอบดว้ ย ดาวฤกษจ์ านวนหลาย โครงสร้างและ แสนลา้ นดวง ซง่ึ อยูก่ ันเปน็ ระบบของดาวฤกษ์ องคป์ ระกอบของกาแลก็ ซี นอกจากน้ี ยงั ประกอบด้วยเทหฟ์ า้ อนื่ เชน่ เนบวิ ลา ทางช้างเผอื ก และระบุ และสสารระหวา่ งดาว โดยองค์ประกอบตา่ ง ๆ ตาแหน่งของระบบสุริยะ ภายในของกาแลก็ ซอี ยรู่ วมกันดว้ ยแรงโน้มถว่ ง พร้อมอธิบายเช่อื มโยงกับ • กาแล็กซีมรี ูปร่างแตกต่างกัน โดยระบบสุริยะอยู่ การสงั เกตเหน็ ทาง ในกาแลก็ ซีทางช้างเผือกซ่ึงเป็นกาแลก็ ซีกังหนั ช้างเผอื กของคนบนโลก แบบมคี าน มโี ครงสรา้ ง คือ นวิ เคลียส จาน และ ฮาโล ดาวฤกษจ์ านวนมากอยู่ในบริเวณนิวเคลยี ส และจาน โดยมรี ะบบสรุ ิยะอยู่ห่างจากจุดศูนย์ กลางของกาแลก็ ซีทางช้างเผอื ก ประมาณ ๓๐,๐๐๐ ปีแสงซง่ึ ทางช้างเผือกท่สี ังเกตเหน็ ใน ท้องฟา้ เปน็

ช่อื หน่วยการ มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนัก เรียนรู้ ตัวชี้วัด (ชว่ั โมง) คะแนน บรเิ วณหนงึ่ ของกาแล็กซีทางชา้ งเผือกในมมุ มอง 2 ว 3.1 ม.6/4 อธบิ าย ของคนบนโลก แถบฝา้ สขี าวจาง ๆ ของทาง 5 8 ดาวฤกษ์ กระบวนการเกิดดาวฤกษ์ ช้างเผอื กคือดาวฤกษ์ ทอี่ ยู่อย่างหนาแนน่ ใน โดยแสดงการเปล่ยี นแปลง กาแลก็ ซีทางช้างเผือก ความดัน อุณหภมู ิ ขนาด • ดาวฤกษส์ ว่ นใหญ่อยู่รวมกันเปน็ ระบบดาวฤกษ์ จากดาวฤกษก์ ่อนเกิดจน คอื ดาวฤกษ์ที่อยรู่ วมกนั ตง้ั แต่ ๒ ดวงขึน้ ไป ดาว เป็นดาวฤกษ์ ฤกษ์เป็นก้อนแก๊สร้อนขนาดใหญ่ เกิดจากการ ยุบตัวของกลุ่มสสารในเนบวิ ลาภายใต้แรงโน้มถ่วง ทาใหบ้ างสว่ นของเนบิวลามีขนาดเล็กลง ความดนั และอุณหภูมิเพ่ิมขึ้น เกดิ เปน็ ดาวฤกษ์ก่อน เกดิ เมื่ออณุ หภูมิทีแ่ ก่นสงู ขน้ึ จนเกดิ ปฏิกิริยาเทอร์ มอนิวเคลียร์ ดาวฤกษ์ก่อนเกิดจะกลายเป็นดาว ฤกษ์ ดาวฤกษ์อย่ใู นสภาพสมดลุ ระหว่างแรงดันกับ แรงโน้มถว่ งซ่ึงเรยี กวา่ สมดลุ อุทกสถิตจึงทาให้ดาว ฤกษ์มีเสถียรภาพและปลดปล่อยพลงั งานเปน็ เวลานาน ตลอดช่วงชีวิตของดาวฤกษ์ ว 3.1 ม.6/5 ระบปุ ัจจยั ท่ี • ความสอ่ งสว่างของดาวฤกษ์เป็นพลังงานจากดาว ส่งผลต่อความส่องสวา่ ง ฤกษ์ท่ีปลดปลอ่ ยออกมาในเวลา ๑ วนิ าทตี ่อหน่วย ของดาวฤกษ์ และอธบิ าย พนื้ ท่ี ณ ตาแหนง่ ของผสู้ งั เกต แต่เน่ืองจากตาของ ความสมั พันธ์ระหว่าง มนษุ ย์ไมต่ อบสนองต่อการเปล่ยี นแปลงความสอ่ ง ความส่องสว่างกับโชติ สวา่ งทมี่ ีคา่ น้อย ๆ จงึ กาหนดค่าการเปรยี บเทยี บ มาตรของดาวฤกษ์ ความส่องสวา่ งของดาวฤกษ์ด้วยค่าโชติมาตร ซง่ึ เปน็ การแสดงระดับความส่องสว่างของดาวฤกษ์ ณ ตาแหนง่ ของผู้สงั เกต ว 3.1 ม.6/6 อธบิ าย • สีของดาวฤกษ์สัมพันธก์ ับอุณหภมู ผิ ิวและ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสี สเปกตรมั ของดาวฤกษ์ ซงึ่ นักดาราศาสตร์ใช้ อุณหภูมิผิวและสเปกตรัม สเปกตรมั ในการจาแนกชนดิ ของดาวฤกษ์ ของดาวฤกษ์ ว 3.1 ม.6/7 อธบิ ายลาดบั • มวลของดาวฤกษข์ น้ึ อยกู่ บั มวลของดาวฤกษ์ก่อน ววิ ฒั นาการท่สี มั พันธ์กับ เกดิ ดาวฤกษ์ที่มีมวลมากจะผลติ และใช้ มวลตง้ั ต้นและวิเคราะห์ พลังงานมาก จงึ มีอายุส้ันกวา่ ดาวฤกษ์ทีม่ ีมวลนอ้ ย การเปล่ยี นแปลงสมบัติ • ดาวฤกษ์มีการววิ ัฒนาการที่แตกต่างกนั การ บางประการของดาวฤกษ์ วิวฒั นาการและจดุ จบของดาวฤกษข์ น้ึ อย่กู บั มวล ต้งั ตน้ ของดาวฤกษ์ ส่วนใหญ่เทียบกบั จานวนเท่า ของมวลดวงอาทติ ย์

ชอ่ื หนว่ ยการ มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั เรยี นรู้ (ชว่ั โมง) คะแนน ตวั ช้วี ดั 3 5 5 ระบบสุริยะ ว 3.1 ม.6/8 อธิบาย • ระบบสุรยิ ะเกดิ จากการรวมตัวกนั ของกลุ่มฝุน่ กระบวนการเกิดระบบ และแกส๊ ท่ีเรียกว่า เนบิวลาสรุ ยิ ะ โดยฝุน่ และแกส๊ สุรยิ ะ และการแบ่งเขต ประมาณร้อยละ ๙๙.๘ ของมวล ไดร้ วมตวั เป็น บรวิ ารของดวงอาทติ ย์ ดวงอาทิตยซ์ ึ่งเป็นก้อนแกส๊ ร้อน หรอื พลาสมา และลกั ษณะของดาว สสารสว่ นที่เหลือรวมตัวเปน็ ดาวเคราะหแ์ ละ เคราะหท์ เ่ี อ้ือตอ่ การ บรวิ ารอ่นื ๆ ของดวงอาทิตย์ ดังนน้ั จึงแบ่งเขต ดารงชีวติ บรวิ ารของดวงอาทติ ย์ตามลกั ษณะการเกิดและ องค์ระกอบ ได้แก่ ดาวเคราะหช์ ้ันในดาวเคราะห์ น้อย ดาวเคราะหช์ ้นั นอก และดงดาวหาง • โลกเปน็ ดาวเคราะห์ในระบบสรุ ยิ ะท่ีมีส่งิ มีชีวติ เพราะโคจรรอบดวงอาทิตยใ์ นระยะทางท่ี เหมาะสมอยใู่ นเขตท่เี อ้ือต่อการมีส่งิ มชี ีวติ มี อุณหภมู ิเหมาะสมและสามารถเกดิ น้าทีย่ งั คง สถานะเปน็ ของเหลวได้ ปัจจบุ ันมกี ารค้นพบดาว เคราะห์ท่ีอย่นู อกระบบสุรยิ ะจานวนมาก และมี ดาวเคราะห์บางดวงทอ่ี ยู่ในเขตท่เี อื้อต่อการมี สง่ิ มชี วี ิตคลา้ ยโลก ว 3.1 ม.6/9 อธิบายโครง • ดวงอาทิตยม์ ีโครงสรา้ งภายในแบ่งเป็นแก่นเขต สรา้ งของดวงอาทิตย์ การ การแผร่ งั สี และเขตการพาความรอ้ น และมีช้นั เกดิ ลมสรุ ยิ ะ พายสุ ุรยิ ะ และ บรรยากาศอยู่เหนอื เขตพา ความรอ้ น ซึ่งแบง่ เปน็ สืบคน้ ข้อมลู วเิ คราะห์ ๓ ชั้น คอื ชัน้ โฟโตสเฟยี ร์ ชั้นโครโมสเฟียร์และคอ นาเสนอปรากฏการณ์หรอื โรนา ในช้ันบรรยากาศของดวงอาทิตย์มี เหตกุ ารณ์ทเี่ ก่ยี วข้องกบั ปรากฏการณ์สาคัญ เช่น จุดมืดดวงอาทติ ย์การลกุ ผลของลมสรุ ยิ ะ และพายุ จ้า ทที่ าให้เกิดลมสุริยะ และพายสุ รุ ยิ ะซง่ึ สง่ ผลต่อ สุรยิ ะที่มีต่อโลกรวมท้ัง โลก ประเทศไทย • ลมสรุ ยิ ะ เกดิ จากการแพร่กระจายของอนภุ าค จากช้ันคอโรนาออกส่อู วกาศตลอดเวลา อนภุ าคที่ หลดุ ออกสูอ่ วกาศเป็นอนภุ าคท่ีมปี ระจุลมสรุ ยิ ะ ส่งผลทาให้เกดิ หางของดาวหางทเี่ รอื งแสงและช้ีไป ทางทศิ ตรงกนั ขา้ มกบั ดวงอาทติ ย์และเกิด ปรากฏการณแ์ สงเหนอื แสงใต้ • พายุสุริยะ เกดิ จากการปลดปลอ่ ยอนุภาคมีประจุ พลงั งานสูงจานวนมหาศาล มักเกิดบ่อยครง้ั ในช่วง ทีม่ ีการลุกจ้า และในช่วงที่มจี ดุ มดื ดวงอาทิตย์ จานวนมาก และในบางครง้ั มีการพ่นก้อนมวลคอโร นา พายุสุริยะอาจส่งผลตอ่ สนามแม่เหลก็ โลก จึง อาจรบกวนระบบการสง่ กระแสไฟฟ้าและการ ส่ือสาร รวมทัง้ อาจสง่ ผลต่อวงจรอิเล็กทรอนกิ ส์

ชอื่ หนว่ ยการ มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระสาคญั เวลา น้าหนัก เรียนรู้ (ชวั่ โมง) คะแนน 4 ตวั ชี้วดั 4 4 เทคโนโลยี ของดาวเทยี ม นอกจากนั้นมักทาให้เกิด อวกาศ 5 8 ปรากฏการณ์แสงเหนือ แสงใต้ที่สงั เกตได้ชดั เจน 8 6 5 โครงสรา้ งโลก ว 3.1 ม.6/10 สบื คน้ • มนษุ ยใ์ ช้เทคโนโลยีอวกาศในการศกึ ษา เพอ่ื 6 ข้อมลู อธบิ ายการสารวจ ขยายขอบเขตความรู้ดา้ นวิทยาศาสตร์ และใน การแปร สัณฐานของ อวกาศ โดยใชก้ ลอ้ ง ขณะเดยี วกนั มนุษยไ์ ด้นาเทคโนโลยอี วกาศมาใช้ แผนธรณี โทรทรรศนใ์ นช่วงความ ประโยชนใ์ นดา้ นตา่ ง ๆ เชน่ วัสดศุ าสตร์ อาหาร ยาวคลื่นต่าง ๆ ดาวเทยี ม การแพทย์ ยานอวกาศ สถานอี วกาศ • นักวิทยาศาสตร์ได้สร้างกลอ้ งโทรทรรศน์ เพ่ือ และนาเสนอแนวคิดการ ศกึ ษาแหล่งกาเนิดของรงั สีหรืออนภุ าคในอวกาศ นาความรทู้ างด้าน ในช่วงความยาวคล่ืนต่าง ๆ ไดแ้ ก่ คลน่ื วทิ ยุ เทคโนโลยอี วกาศมา ไมโครเวฟอนิ ฟราเรด แสง อัลตราไวโอเลต และ ประยกุ ตใ์ ช้ ใน รังสเี อ็กซ์ ชีวติ ประจาวันหรือใน • ยานอวกาศ คอื ยานพาหนะทน่ี ามนุษย์หรือ อนาคต อุปกรณ์ทางดาราศาสตร์ขนึ้ ไปสู่อวกาศ เพื่อ สารวจหรอื เดินทางไปยังดาวดวงอ่นื สว่ นสถานี อวกาศ คือ หอ้ งปฏบิ ัติการลอยฟา้ ท่โี คจรรอบโลก ใช้ในการศึกษาวิจยั ทางวิทยาศาสตรใ์ นสาขาต่าง ๆ ในสภาพไร้นา้ หนัก • ดาวเทียม คือ อปุ กรณ์ทใ่ี ชใ้ นการสารวจวัตถุ ท้องฟ้าและนามาประยกุ ต์ใช้ในด้านตา่ ง ๆ เชน่ การสือ่ สารโทรคมนาคม การระบุตาแหน่งบนโลก การสารวจทรัพยากรธรรมชาติอตุ นุ ยิ มวิทยา โดย ดาวเทยี ม มหี ลายประเภทสามารถแบง่ ได้ตาม เกณฑว์ งโคจรและการใชง้ าน ว 3.2 ม.6/1 อธบิ ายการ • การศกึ ษาโครงสรา้ งโลกใชข้ ้อมลู หลายดา้ น เชน่ แบ่งชนั้ และสมบัติของ องค์ประกอบทางเคมีของหินและแร่ องค์ประ โครงสร้างโลกพรอ้ ม กอบทางเคมขี องอุกกาบาต ขอ้ มูลคลืน่ ไหว ยกตวั อย่างข้อมูลที่ สะเทือนท่ีเคลื่อนทผ่ี า่ นโลก จงึ สามารถแบง่ ชั้น สนบั สนนุ โครงสร้างโลก ได้ ๒ แบบ คือ โครงสร้างโลกตาม องคป์ ระกอบทางเคมี แบ่งได้เป็น ๓ ช้นั ได้แก่ เปลอื กโลกเน้ือโลก และแกน่ โลก และโครงสรา้ ง โลกตามสมบัติเชิงกล แบ่งได้เปน็ ๕ ชั้น ไดแ้ ก่ ธรณีภาคฐานธรณภี าค มัชฌมิ ภาค แกน่ โลก ชน้ั นอกและแก่นโลกช้ันใน ว 3.2 ม.6/2 อธิบาย • แผน่ ธรณตี า่ ง ๆ เปน็ ส่วนประ หลักฐานทางธรณวี ทิ ยาที่ กอบของธรณีภาคการเปล่ียน สนับสนนุ การเคลือ่ นที่ของ แปลงขนาดและตาแหนง่ ต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบนั แผ่นธรณี การเคลอ่ื นท่ีของแผ่นธรณีดังกลา่ ว อธบิ ายไดต้ าม

ช่ือหน่วยการ มาตรฐานการเรยี นรู้/ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั เรยี นรู้ ตัวช้วี ัด (ชว่ั โมง) คะแนน ทฤษฎีธรณีแปรสัณฐาน ซึ่งมรี ากฐานมาจากทฤษฎี 7 ว 3.2 ม.6/3 ระบสุ าเหตุ ทวีปเล่ือนและทฤษฎี การแผข่ ยายพื้นสมุทร โดยมี 6 6 ธรณพี ิบตั ิภยั และอธิบายรูปแบบแนว หลักฐานท่สี นับสนุน ได้แก่ รปู ร่างของขอบทวีปที่ รอยต่อของแผน่ ธรณที ี่ สามารถเช่ือมต่อกนั ได้ความคล้ายคลึงกันของกลุ่ม สัมพนั ธ์กบั การเคลอ่ื นที่ หนิ และแนวเทือกเขาซากดึกดาบรรพ์ รอ่ งรอยการ ของแผ่นธรณี พร้อม เคลื่อนที่ของตะกอนธารน้าแข็ง ภาวะแม่เหล็กโลก ยกตวั อยา่ งหลกั ฐานทาง บรรพกาลอายุหินของพืน้ มหาสมุทร รวมทง้ั การ ธรณีวทิ ยาทีพ่ บ คน้ พบสันเขากลางสมุทร และร่องลึกก้นสมุทร • การพาความร้อนของแมกมาภายในโลก ทาให้ ว 3.2 ม.6/4 อธบิ าย เกิดการเคลือ่ นท่ีของแผ่นธรณี ตามทฤษฎธี รณี สาเหตุ กระบวนการเกิด แปรสณั ฐาน ซงึ่ นกั วิทยาศาสตร์ไดส้ ารวจพบ ภูเขาไฟระเบดิ รวมทงั้ หลักฐานทางธรณวี ิทยา ได้แก่ ธรณสี ณั ฐานและ สืบค้นขอ้ มูลพื้นท่ีเสย่ี งภยั ธรณโี ครงสรา้ ง ที่บริเวณแนวรอยต่อของแผ่นธรณี ออกแบบและนาเสนอแนว เชน่ ร่องลึกกน้ สมุทร หมเู่ กาะภเู ขาไฟ รปู โคง้ แนว ทางการเฝ้าระวังและการ ภเู ขาไฟ แนวเทอื กเขา หุบเขาทรดุ และสันเขา ปฏิบตั ติ นใหป้ ลอดภยั กลางสมทุ ร รอยเลือ่ น นอกจากนยี้ ังพบการเกิด ว 3.2 ม.6/5 อธิบาย ธรณพี บิ ัตภิ ัยทบี่ ริเวณแนวรอยตอ่ ของแผน่ ธรณี สาเหตุ กระบวนการเกิด เช่น แผ่นดนิ ไหว ภูเขาไฟระเบดิ สนึ ามิ ซง่ึ ขนาดและความรุนแรง หลักฐานดังกล่าวสมั พันธก์ ับรูปแบบการเคล่ือนที่ และผลจากแผน่ ดนิ ไหว ของแผน่ ธรณี นกั วทิ ยา รวมท้งั สืบค้นข้อมูลพนื้ ท่ี ศาสตร์ จึงสรุปได้ว่าแนวรอยตอ่ ของแผน่ ธรณีมี ๓ เส่ยี งภัยออกแบบและ รปู แบบ ไดแ้ ก่ แนวแผน่ ธรณแี ยกตวั แนวแผ่น นาเสนอแนวทางการเฝ้า ธรณีเคลอื่ นท่ีเขา้ หากัน แนวแผ่นธรณีเคลื่อนท่ผี า่ น กนั ในแนวราบ • ภเู ขาไฟระเบิด เกิดจากการแทรกดนั ของแมกมา ข้นึ มาตามสว่ นเปราะบาง หรือรอยแตกบนเปลือกโลก มักพบหนาแนน่ บรเิ วณรอยต่อระหว่างแผ่นธรณีทาให้ บริเวณดังกล่าวเปน็ พืน้ ทีเ่ สี่ยงภยั ผลจากการระเบดิ ของภเู ขาไฟมีท้งั ประโยชน์และโทษจึงตอ้ งศึกษา แนวทางในการเฝ้าระวัง และการปฏบิ ตั ติ นให้ ปลอดภยั • แผน่ ดนิ ไหวเกิดจากการปลด ปลอ่ ยพลังงานทสี่ ะสมไวข้ องเปลอื กโลกในรปู ของ คลื่นไหวสะเทือนแผน่ ดนิ ไหวมีขนาดและความ รนุ แรงแตกตา่ งกนั มักเกิด ขน้ึ บรเิ วณรอยต่อของแผ่นธรณี และพืน้ ทภี่ ายใต้ อทิ ธพิ ลของการเคล่ือนของแผ่นธรณี ทาให้บรเิ วณ ดังกลา่ วเปน็ พ้นื ทเี่ สยี่ งภยั แผ่นดินไหวซง่ึ ส่งผลให้

ช่ือหน่วยการ มาตรฐานการเรยี นรู้/ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนัก เรียนรู้ (ชัว่ โมง) คะแนน ตัวช้ีวดั 8 10 6 การเกดิ ลมฟ้า ระวงั และการปฏบิ ัตติ นให้ สงิ่ กอ่ รา้ งเสยี หาย เกดิ อันตรายต่อชีวิตและ อากาศ ปลอดภยั ทรัพยส์ นิ จึงตอ้ งศกึ ษาแนวทางในการเฝา้ ระวัง และ ภมู ิอากาศ และการปฏิบัติตนให้ปลอดภัย ว 3.2 ม.6/6 อธิบาย • สึนามิ คือ คล่นื น้าที่เกิดจากการแทนที่มวลนา้ ใน สาเหตุ กระบวนการเกดิ ปริมาณมหาศาล ส่วนมากจะเกิดในทะเลหรือ และผลจากสนึ ามิรวมทั้ง มหาสมุทร โดยคลื่นมลี ักษณะเฉพาะคือความยาว สบื ค้นขอ้ มลู พ้ืนทเี่ สีย่ งภยั คล่ืนมากและเคล่ือนท่ีดว้ ยความเร็วสงู เม่ืออยู่กลาง ออกแบบและนาเสนอแนว มหาสมุทรจะมีความสูงคล่นื น้อยและอาจเพิ่มความ ทางการเฝา้ ระวังและการ สูงขน้ึ อยา่ งรวดเรว็ เมื่อคลืน่ เคล่อื นท่ผี ่านบริเวณน้า ปฏบิ ัตติ นใหป้ ลอดภยั ตน้ื จงึ ทาให้พื้นท่ีบริเวณชายฝั่งบางบริเวณเป็นพื้นท่ี เสี่ยงภยั สึนามกิ ่อให้เกิดอันตรายแก่มนุษย์และสิ่งอ สรา้ งในบริเวณชายหาดน้ัน จงึ ต้องศึกษาแนวทางใน การเฝา้ ระวัง และการปฏบิ ตั ิตนให้ปลอดภยั ว 3.2 ม.6/7 อธบิ าย • พน้ื ผิวโลกแต่ละบริเวณไดร้ ับพลงั งานจากดวง ปจั จัยสาคัญท่ีมผี ลต่อการ อาทิตยใ์ นปรมิ าณท่แี ตกต่างกัน เนื่องจากปจั จัย ไดร้ ับพลงั งานจากดวง สาคัญหลายประการ เชน่ สัณฐานและการเอียง อาทิตย์แตกตา่ งกนั ในแต่ ของแกนโลก ลกั ษณะของพนื้ ผิวละอองลอย และ ละบริเวณของโลก เมฆ ทาให้แต่ละบริเวณบนโลก มีอุณหภมู ิไม่ เท่ากัน ส่งผลให้มีความกดอากาศแตกต่างกัน และ เกดิ การถ่ายโอนพลังงานระหว่างกัน ว 3.2 ม.6/8 อธิบายการ • การหมุนเวียนของอากาศเกิดขึ้นจากความกด หมนุ เวียนของอากาศ ท่ี อากาศทีแ่ ตกตา่ งกนั ระหวา่ งสองบรเิ วณโดยอากาศ เป็นผลมาจากความ เคลอ่ื นทจ่ี ากบริเวณที่มคี วามกดอากาศสงู ไปยงั แตกต่างของความกด บริเวณทมี่ ีความกดอากาศตา่ ซึง่ จะเห็นไดช้ ดั เจน อากาศ ในการเคลื่อนท่ขี องอากาศในแนว ราบ และเม่ือพิจารณาการเคลอื่ นทข่ี องอากาศใน แนวด่ิงจะพบว่าอากาศเหนือบริเวณ ความกด อากาศตา่ จะมีการยกตวั ขน้ึ ขณะที่อากาศเหนือ บริเวณความกดอากาศสูง จะจมตัวลงโดยการ เคลอื่ นที่ของอากาศท้ังในแนวราบและแนวด่ิงน้ี ทาใหเ้ กดิ เป็นการหมนุ เวยี นของอากาศ ว 3.2 ม.6/9 อธิบายทิศ • การหมนุ รอบตัวเองของโลกทาใหเ้ กดิ แรง คอริ ทางการเคลอ่ื นที่ของ ออลสิ สง่ ผลให้ทศิ ทางการเคลอ่ื นที่ของอากาศเบน อากาศ ที่เป็นผลมาจาก ไปโดยอากาศทเ่ี คลือ่ นท่ใี นบริเวณซกี โลกเหนือจะ การหมุนรอบตวั เองของ เบนไปทางขวาจากทศิ ทางเดิม สว่ นบริเวณซกี โลก โลก ใตจ้ ะเบนไปทางซ้ายจากทศิ ทางเดมิ ว 3.2 ม.6/10 อธิบาย • โลกมคี วามกดอากาศแตกต่างกันในแต่ละบรเิ วณ การหมุนเวียนของอากาศ รวมทง้ั อทิ ธิพลจากการหมุนรอบตวั เองของโลก ทา

ชอ่ื หนว่ ยการ มาตรฐานการเรยี นรู้/ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั เรยี นรู้ ตวั ช้วี ัด (ช่ัวโมง) คะแนน ให้อากาศในแต่ละซีกโลกเกิดการหมุนเวยี นของ 9 ตามเขตละตจิ ดู และผลท่ี อากาศตามเขตละติจูด แบ่งออกเป็น ๓ แถบ โดย 4 5 การ มีตอ่ ภูมิอากาศ แต่ละแถบมภี มู ิอากาศแตกตา่ งกนั ได้แก่การ เปล่ียน หมนุ เวียนแถบขว้ั โลกมีภมู ิอากาศแบบหนาวเยน็ แปลงภูมอิ ากาศ ว 3.2 ม.6/11 อธิบาย การหมุนเวียนแถบละตจิ ูดกลางมภี ูมิอากาศแบบ ปัจจัยทีท่ าให้เกิดการ อบอ่นุ และการหมุนเวยี นแถบเขตรอ้ นมภี มู อิ ากาศ หมุนเวยี นของนา้ ผวิ หน้า แบบร้อนช้นื ในมหาสมทุ ร และรูปแบบ • นอกจากนีบ้ ริเวณรอยต่อของการหมนุ เวยี น การหมนุ เวยี นของนา้ อากาศแตล่ ะแถบละติจดู จะมีลักษณะลมฟา้ ผวิ หนา้ ในมหาสมุทร อากาศ ทแี่ ตกตา่ งกนั เช่น บรเิ วณใกล้ศนู ย์สตู รมี ปรมิ าณ หยาดน้าฟ้าเฉลย่ี สงู กว่าบริเวณอื่น ว 3.2 ม.6/12 อธิบายผล บรเิ วณละติจดู ๓๐ องศา มีอากาศแห้งแลง้ สว่ น ของการหมุนเวยี นของ บรเิ วณละติจูด ๖๐ องศา อากาศมีความแปรปรวน อากาศและน้าผวิ หนา้ ใน สูง มหาสมุทร • การหมุนเวยี นของกระแสน้าผิวหนา้ ในมหาสมทุ ร ที่มีตอ่ ลักษณะภมู ิอากาศ ไดร้ ับอิทธพิ ลจากการหมุนเวียนของอากาศ ในแต่ ลมฟ้าอากาศ สิง่ มชี วี ติ ละแถบละติจดู เป็นปจั จัยหลกั ทาให้บรเิ วณซกี โลก และส่งิ แวดลอ้ ม เหนอื มีการหมนุ เวียนของกระแสนา้ ผิวหนา้ ใน ทิศทางตามเข็มนาฬิกา และทวนเขม็ นาฬิกาในซีก ว 3.2 ม.6/13 อธบิ าย โลกใต้ ซึ่งกระแสน้าผิวหนา้ ในมหาสมุทรมีท้ัง ปัจจยั ทม่ี ผี ลตอ่ การ กระแสน้าอุ่น และกระแสน้าเย็น เปลี่ยนแปลงภมู ิอากาศ • การหมุนเวียนอากาศและนา้ ในมหาสมุทรส่งผลต่อ ของโลก พร้อมทง้ั นาเสนอ ภูมิอากาศ ลมฟ้าอากาศ สงิ่ มชี ีวติ และส่ิงแวดลอ้ ม แนวปฏบิ ตั ิเพอื่ ลดกิจกรรม เช่น กระแสน้าอุ่นกลั ฟส์ ตรมี ทีท่ าใหบ้ างประเทศ ของมนุษย์ ที่สง่ ผลตอ่ การ ในทวีปยุโรปไม่หนาวเยน็ เกนิ ไป และเมื่อการ เปลีย่ นแปลงภูมอิ ากาศ หมนุ เวยี นอากาศและน้าในมหาสมทุ รแปรปรวน โลก ทาใหเ้ กดิ ผลกระทบตอ่ สภาพลมฟา้ อากาศ เช่น ปรากฏการณเ์ อลนีโญและลานีญา ซ่ึงเกิดจาก ความแปรปรวนของลมค้าและส่งผลตอ่ ประเทศที่ อยบู่ ริเวณมหาสมุทรแปซิฟกิ • โลกได้รับพลงั งานจากดวงอาทิตย์ โดยปริมาณ พลงั งานเฉลี่ยทีโ่ ลกไดร้ บั เท่ากับพลังงานเฉลยี่ ท่ี โลกปลดปล่อยกลับส่อู วกาศ ทาให้เกิดสมดุล พลงั งานของโลก ส่งผลให้อุณหภูมิเฉลยี่ ของโลกใน แตล่ ะปีค่อนขา้ งคงทีแ่ ละมีลกั ษณะ ภมู อิ ากาศท่ี ไม่เปลี่ยนแปลง หากสมดลุ พลังงานของโลกเกิด การเปลย่ี นแปลงไปจะทาให้อุณหภมู เิ ฉลี่ยของโลก และภมู อิ ากาศเกดิ การเปล่ยี นแปลงได้ เน่ืองจาก

ชอื่ หน่วยการ มาตรฐานการเรยี นรู้/ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนัก เรยี นรู้ (ชั่วโมง) คะแนน ตวั ชี้วดั 10 6 6 ขอ้ มูล ปจั จัยหลายประการทั้งปจั จัยทเ่ี กดิ ขนึ้ ตาม สารสนเทศทาง 60 ธรรมชาตแิ ละการกระทาของมนุษย์ เช่นแก๊สเรอื น 80 อุ 20 ตุนมิ วิทยากับ กระจก ลกั ษณะผวิ โลก และละอองลอย 100 การใช้ • มนุษย์มสี ว่ นช่วยในการชะลอการเปลี่ยนแปลง ประโยชน์ ภมู อิ ากาศโลกได้โดยการลดกิจกรรมทท่ี าให้เกิด การเปลีย่ นแปลงสมดุลพลังงาน เช่น ลดการ ปลดปล่อยแกส๊ เรือนกระจกและละอองลอย ว 3.2 ม.6/14 แปล • แผนท่อี ากาศผิวพนื้ แสดงข้อมลู การตรวจอากาศ ความหมายสัญลักษณล์ ม ในรูปแบบสญั ลกั ษณ์หรือตัวเลข เช่น บรเิ วณความ ฟ้าอากาศทสี่ าคัญจากแผน กดอากาศสูง หย่อมความกดอากาศต่าพายหุ มนุ ทอ่ี ากาศ และนาข้อมลู เขตร้อน รอ่ งความกดอากาศตา่ การแปล สารสนเทศต่าง ๆ มา ความหมายสญั ลักษณล์ มฟ้าอากาศ ทาให้ทราบ วางแผนการดาเนินชวี ติ ให้ ลักษณะลมฟ้าอากาศ ณ บรเิ วณหน่ึง สอดคลอ้ งกบั สภาพลมฟา้ • การแปลความหมายสญั ลักษณ์ทป่ี รากฏบนแผน อากาศ ทอ่ี ากาศ รว่ มกบั ขอ้ มลู สารสนเทศต่าง ๆ เชน่ โปรแกรมประยุกตเ์ กยี่ วกบั การพยากรณ์อากาศ เรดาร์ตรวจอากาศ ภาพถา่ ยดาวเทยี ม สามารถ นามา วางแผนการดาเนนิ ชวี ิตใหส้ อด คล้องกับสภาพลมฟา้ อากาศ เชน่ การเลือก ช่วงเวลาในการเพาะปลกู ให้สอดคล้องกบั ฤดูกาล การเตรียมพร้อมรับมอื สภาพอากาศแปรปรวน รวม ระหว่างภาค ปลายภาค รวมทง้ั สิน้

ตวั ช้ีวดั ความสาเรจ็ 1. อธิบายการกาเนิดและการเปลีย่ นแปลงพลังงานสสาร ขนาด อุณหภูมิของเอกภพหลงั เกิดบกิ แบงในชว่ งเวลา ตา่ ง ๆ ตามววิ ฒั นาการของเอกภพ 2. อธิบายหลกั ฐานทสี่ นบั สนุนทฤษฎีบิกแบงจากความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งความเร็วกับระยะทางของกาแล็กซี รวมทั้ง ขอ้ มลู การคน้ พบไมโครเวฟพื้นหลังจากอวกาศ 3. อธิบายโครงสรา้ งและองค์ประกอบของกาแล็กซีทางชา้ งเผือก และระบตุ าแหน่งของระบบสรุ ยิ ะพร้อมอธบิ าย เชอ่ื มโยงกับการสังเกตเห็นทางช้างเผอื กของคนบนโลก 4. อธิบายกระบวนการเกิดดาวฤกษ์ โดยแสดงการเปล่ียนแปลงความดนั อุณหภมู ิ ขนาดจากดาวฤกษ์ก่อนเกิดจน เปน็ ดาวฤกษ์ 5. ระบุปจั จยั ที่ส่งผลต่อความส่องสวา่ งของดาวฤกษ์ และอธิบายความสมั พันธร์ ะหว่างความสอ่ งสว่างกบั โชติมาตร ของดาวฤกษ์ 6. อธบิ ายความสมั พนั ธ์ระหว่างสี อณุ หภูมผิ วิ และสเปกตรัมของดาวฤกษ์ 7. อธิบายลาดบั วิวฒั นาการที่สมั พนั ธก์ ับมวลตัง้ ต้นและวิเคราะห์การเปล่ยี นแปลงสมบัติบางประการของดาวฤกษ์ 8. อธบิ ายกระบวนการเกิดระบบสุริยะ และการแบง่ เขตบริวารของดวงอาทิตย์ และลกั ษณะของดาวเคราะห์ทีเ่ อื้อ ตอ่ การดารงชวี ิต 9. อธิบายโครงสรา้ งของดวงอาทติ ย์ การเกิดลมสุรยิ ะ พายุสุรยิ ะ และสบื คน้ ข้อมลู วเิ คราะหน์ าเสนอปรากฏการณ์ หรือเหตุการณท์ เ่ี ก่ยี วขอ้ งกับผลของลมสรุ ิยะ และพายสุ ุริยะที่มีต่อโลกรวมทงั้ ประเทศไทย 10. สืบคน้ ข้อมูล อธบิ ายการสารวจอวกาศ โดยใช้กล้องโทรทรรศน์ในชว่ งความยาวคล่ืนต่าง ๆ ดาวเทียม ยาน อวกาศ สถานีอวกาศ และนาเสนอแนวคดิ การนาความรูท้ างดา้ นเทคโนโลยีอวกาศมาประยุกต์ใช้ ในชวี ิตประจาวัน หรือในอนาคต 11. อธิบายการแบ่งช้นั และสมบตั ขิ องโครงสรา้ งโลกพร้อมยกตวั อยา่ งขอ้ มลู ทสี่ นับสนนุ 12. อธบิ ายหลกั ฐานทางธรณีวทิ ยาที่สนับสนนุ การเคล่ือนท่ีของแผน่ ธรณี 13. ระบสุ าเหตุ และอธบิ ายรูปแบบแนวรอยต่อของแผ่นธรณที ีส่ ัมพันธ์กบั การเคลอ่ื นท่ีของแผน่ ธรณี พรอ้ ม ยกตวั อยา่ งหลกั ฐานทางธรณีวทิ ยาทีพ่ บ 14. อธบิ ายสาเหตุ กระบวนการเกิดภเู ขาไฟระเบิดรวมท้ังสืบคน้ ข้อมูลพื้นทเี่ ส่ยี งภัย ออกแบบและนาเสนอแนว ทางการเฝ้าระวังและการปฏิบตั ติ นให้ปลอดภัย 15. อธบิ ายสาเหตุ กระบวนการเกิด ขนาดและความรนุ แรง และผลจากแผน่ ดนิ ไหว รวมทง้ั สืบคน้ ข้อมูลพน้ื ทเี่ สยี่ ง ภัย ออกแบบและนาเสนอแนวทางการเฝ้าระวังและการปฏบิ ตั ติ นให้ปลอดภัย 16. อธบิ ายสาเหตุ กระบวนการเกิด และผลจากสนึ ามริ วมทัง้ สบื คน้ ข้อมูลพน้ื ทเี่ ส่ียงภยั ออกแบบและนาเสนอแนว ทางการเฝ้าระวังและการปฏิบัตติ นให้ปลอดภยั โลก 17. อธบิ ายปจั จยั สาคัญที่มีผลตอ่ การได้รับพลังงานจากดวงอาทติ ย์แตกต่างกนั ในแตล่ ะบริเวณของโลก 18. อธบิ ายการหมนุ เวยี นของอากาศ ทเ่ี ปน็ ผลมาจากความแตกต่างของความกดอากาศ 19. อธิบายทิศทางการเคลื่อนท่ีของอากาศ ทเ่ี ปน็ ผลมาจากการหมุนรอบตวั เองของโลก 20. อธบิ ายการหมุนเวยี นของอากาศตามเขตละตจิ ดู และผลท่มี ีตอ่ ภูมิอากาศ

21. อธิบายปัจจยั ทที่ าให้เกิดการหมุนเวยี นของน้าผวิ หน้าในมหาสมทุ ร และรปู แบบการหมุนเวยี นของนา้ ผวิ หนา้ ในมหาสมุทร 22. อธิบายผลของการหมนุ เวียนของอากาศและนา้ ผวิ หน้าในมหาสมทุ รทีม่ ีต่อลักษณะภูมิอากาศ ลมฟ้าอากาศ ส่ิงมชี ีวติ และสิง่ แวดลอ้ ม 23. อธิบายปจั จัยทมี่ ีผลตอ่ การเปล่ียนแปลงภูมิอากาศของโลก พร้อมทัง้ นาเสนอแนวปฏิบัตเิ พื่อลดกจิ กรรมของ มนุษย์ ท่ีสง่ ผลต่อการเปล่ียนแปลงภมู อิ ากาศโลก 24. แปลความหมายสัญลักษณล์ มฟ้าอากาศทีส่ าคญั จากแผนทอี่ ากาศ และนาข้อมูลสารสนเทศตา่ ง ๆ มาวางแผน การดาเนินชวี ิตใหส้ อดคลอ้ งกับสภาพลมฟา้ อากาศ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook