คาอธิบายรายวชิ า พน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว31101 วิชาวทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ 1 ระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 4 เวลา 40 ชว่ั โมง 1.0 หน่วยกติ --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาโครงสรา้ งและสมบตั ิของเยอื่ หมุ้ เซลล์ทีส่ ัมพันธก์ ับการลาเลยี งสารและเปรียบเทียบการ ลาเลยี งสารผา่ นเยื่อห้มุ เซลลแ์ บบต่างๆ การควบคมุ ดุลยภาพของนา้ และสารในเลอื ดโดยการทางานของไต การ ควบคุมดุลยภาพของกรด-เบสของเลือดโดยการทางานของไตและปอด การควบคมุ ดุลยภาพของอุณหภูมิ ภายในรา่ งกายโดยระบบหมุนเวยี นเลอื ด ผวิ หนงั และกล้ามเนื้อโครงรา่ ง การตอบสนองของรา่ งกายแบบไม่ จาเพาะ และแบบจาเพาะต่อส่ิงแปลกปลอมของร่างกาย อาการทเี่ กดิ จากความผิดปกติของระบบภมู ิคุ้มกนั อธิบายภาวะภูมิคุ้มกนั บกพร่องทีม่ ีสาเหตมุ าจากการติดเช้ือ HIV สารอาหารที่พชื สังเคราะห์ได้ การใช้ ประโยชน์จากสารตา่ ง ๆ ที่พืชบางชนิดสร้างข้นึ ปจั จัยภายนอกท่ีมผี ลตอ่ การเจรญิ เติบโตของพืช สารควบคุม การเจริญเตบิ โตของพชื ท่มี นษุ ยส์ ังเคราะหข์ ้นึ และการประยุกตใ์ ช้ทางดา้ นการเกษตรของพืช การตอบสนอง ของพืชตอ่ สิง่ เร้าในรปู แบบตา่ ง ๆ ท่ีมผี ลต่อการดารงชวี ิต โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการ สืบเสาะหาความรู้ การสืบคน้ ข้อมลู การสังเกต การวิเคราะห์ การอธบิ าย การอภปิ รายและสรุป เพอ่ื ให้เกิด ความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มคี วามสามารถในการตดั สนิ ใจ สอ่ื สารสงิ่ ทเี่ รียนรูแ้ ละนาความร้ไู ปใช้ในชวี ิตของ ตนเองและดแู ลรกั ษาส่ิงมีชวี ิตอนื่ ๆ เฝา้ ระวังและพฒั นาสงิ่ แวดล้อมอย่างยั่งยนื มจี ิตวทิ ยาศาสตร์จรยิ ธรรม คณุ ธรรมและคา่ นิยมท่เี หมาะสม รหัสตัวชวี้ ัด ว.1.1 ม.4/1, ม.4/2, ม.4/3, ม.4/4 ว.1.3 ม.4/1, ม.4/2 , ม.4/3, ม.4/4 , ม.4/5, ม.4/6 รวมทัง้ หมด 10 ตวั ชวี้ ดั
โครงสรา้ งรายวิชา รหสั ว31101 วชิ าวทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ 1 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 เวลา 40 ชว่ั โมง 1.0 หน่วยกิต ชอื่ หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา น้าหนกั การเรียนรู้ เรยี นรู้/ตวั ช้ีวดั ชัว่ โมง คะแนน • เย่ือหุ้มเซลลม์ ีโครงสร้างเป็นเย่อื หุม้ สองชั้นที่มี 1 ว.1.2 ม.4-6/1 ลพิ ิดเป็นองคป์ ระกอบและมโี ปรตนี แทรกอยู่ 3 3 องค์ประกอบ อธบิ ายโครงสร้างและ • สารทีล่ ะลายได้ในลิพิดและสารทม่ี ีขนาดเล็ก ของสงิ่ มีชวี ิต สมบตั ขิ องเยือ่ หุ้ม สามารถแพร่ผา่ นเย่อื หุม้ เซลลไ์ ดโ้ ดยตรง ส่วน 2 2 สารขนาดเลก็ ท่ีมีประจุต้องลาเลียงผ่านโปรตนี ที่ เซลล์ท่ีสัมพันธ์กับการ แทรกอยทู่ ีเ่ ยื่อหุ้มเซลล์ซ่ึงมี ๒ แบบ คอื การ ลาเลียงสาร และ แพรแ่ บบ เปรียบเทียบการ ฟาซลิ ิเทต และแอกทีฟทรานสปอรต์ ลาเลียงสารผ่านเย่อื ในกรณสี ารขนาดใหญ่ เช่น โปรตีน หมุ้ เซลล์ จะลาเลยี งเขา้ โดยกระบวนการเอนโด แบบต่างๆ ไซโทซสิ หรอื ลาเลยี งออกโดยกระบวนการเอก โซไซโทซิส 2 ว.1.2 ม.4-6/2 การรักษาดลุ ยภาพของนา้ และสารในเลือดเกิด การ อธิบายการควบคุม จากการทางานของไต ซง่ึ เป็นอวัยวะในระบบ ดารงชวี ิต ดลุ ยภาพของน้าและ ขับถ่ายท่ีมีความสาคญั ในการกาจัดของเสยี ทม่ี ี ของมนษุ ย์ สารในเลือดโดยการ ไนโตรเจนเปน็ องคป์ ระกอบ รวมทงั้ น้าและสาร ทางานของไต ทมี่ ีปรมิ าณเกินความตอ้ งการของร่างกาย ว.1.2 ม.4-6/3 • การรักษาดลุ ยภาพของกรด-เบสในเลอื ดเกิด 2 2 อธบิ ายการควบคมุ จากการทางานของไตทท่ี าหน้าท่ีขบั หรอื ดดู กลบั ดุลยภาพของกรด- ไฮโดรเจนไอออน ไฮโดรเจนคาร์บอเนตไอออน เบสของเลือดโดยการ และแอมโมเนยี มไอออน และการทางานของ ทางานของไตและ ปอดท่ีทาหนา้ ที่กาจดั คาร์บอนไดออกไซด์ ปอด
ช่ือหน่วย มาตรฐานการ สาระสาคัญ เวลา น้าหนัก การเรียนรู้ เรียนรู้/ตวั ชี้วัด ชว่ั โมง คะแนน ว.1.2 ม.4-6/4 • การรักษาดุลยภาพของอุณหภูมภิ ายในร่างกาย อธิบายการควบคมุ เกิดจากการทางานของระบบหมุนเวียนเลือดท่ี ดลุ ยภาพของอุณหภมู ิ ควบคุมปริมาณเลอื ดไปท่ผี วิ หนัง การทางาน 3 3 3 3 ภายในร่างกายโดย ของต่อมเหง่ือ และกล้ามเนื้อโครงร่าง ซึง่ ส่งผล ระบบหมนุ เวียนเลอื ด ถึงปริมาณความร้อนทถ่ี ูกเกบ็ หรือระบายออก ผิวหนงั และ จากร่างกาย กลา้ มเนอ้ื โครงร่าง ว.1.2 ม.4-6/5 • เม่ือเชอ้ื โรคหรือสิ่งแปลกปลอมอืน่ เขา้ สู่ อธิบาย และเขียน เนื้อเยอื่ ในร่างกาย รา่ งกายจะมีกลไกในการ แผนผงั เกย่ี วกับการ ตอ่ ต้านหรือทาลายส่งิ แปลกปลอมทง้ั แบบไม่ ตอบสนองของ จาเพาะและแบบจาเพาะ • เซลล์ รา่ งกายแบบไม่ เมด็ เลอื ดขาวกลมุ่ ฟาโกไซต์จะมีกลไกในการ จาเพาะ และแบบ ต่อต้านหรือทาลายสง่ิ แปลกปลอมแบบไม่ จาเพาะต่อสิง่ จาเพาะ • กลไกในการต่อต้าน แปลกปลอมของ หรือทาลายสง่ิ แปลกปลอมแบบจาเพาะเป็นการ รา่ งกาย ทางานของเซลล์เมด็ เลอื ดขาวลมิ โฟไซตช์ นดิ บี และชนดิ ทซี ง่ึ เซลลเ์ ม็ดเลอื ดขาวทัง้ สองชนิดจะมี ตัวรับแอนติเจน ทาใหเ้ ซลลท์ ั้งสองสามารถ ตอบสนองแบบจาเพาะต่อแอนตเิ จนนน้ั ๆ ได้ • เซลล์บีทาหนา้ ท่ีสร้างแอนติบอดีซงึ่ ชว่ ยในการ จับกับสงิ่ แปลกปลอมต่าง ๆ เพอ่ื ทาลายตอ่ ไป โดยระบบภูมคิ มุ้ กนั เซลล์ทีทาหนา้ ทห่ี ลากหลาย เช่น กระตุ้นการทางานของเซลลบ์ แี ละเซลลท์ ี ชนิดอน่ื ทาลายเซลล์ท่ตี ิดไวรัสและเซลล์ท่ี ผดิ ปกตอิ ่ืน ๆ
ชื่อหน่วย มาตรฐานการเรยี นรู้/ สาระสาคญั เวลา น้าหนกั ชัว่ โมง คะแนน การเรียนรู้ ตัวช้ีวัด 2 2 ว.1.2 ม.4-6/6 สบื ค้น • บางกรณีร่างกายอาจเกดิ ความผดิ ปกติของระบบ ข้อมูล อธบิ ายและ ภูมิคุม้ กัน เช่น ภมู ิคมุ้ กนั ตอบสนองต่อแอนติเจน 2 2 ยกตวั อยา่ งโรคหรือ บางชนิดอยา่ งรนุ แรงมากเกินไป หรือร่างกายมี 3 3 อาการทีเ่ กิดจากความ ปฏกิ ริ ยิ าตอบสนองต่อแอนติเจนของตนเอง ผดิ ปกติของระบบ อาจทาใหร้ า่ งกายเกดิ อาการผิดปกตไิ ด้ 2 2 ภูมิคุม้ กัน 2 2 ว.1.2 ม.4-6/7 อธิบาย • บุคคลที่ได้รับเลือดหรอื สารคดั หลง่ั ท่ีมีเช้ือ HIV ภาวะภูมิคุ้มกนั บกพร่อง ซ่ึงสามารถทาลายเซลล์ทที าให้ภูมิคุม้ กนั บกพร่อง ที่มีสาเหตมุ าจากการติด และตดิ เชอื้ ต่างๆ ได้งา่ ยขน้ึ เช้อื HIV 3 ว.1.2 ม.4-6/8 ทดสอบ • กระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงเปน็ จดุ เริ่มตน้ การ และบอกชนิดของ ของการสรา้ งนา้ ตาลในพืช พืชเปล่ียนนา้ ตาลไป ดารงชีวติ สารอาหารท่ีพชื เปน็ สารอาหารและสารอ่นื ๆ เช่น คาร์โบไฮเดรต ของพืช สงั เคราะห์ได้ โปรตนี ไขมนั ท่จี าเปน็ ต่อการดารงชีวติ ของพืชและ สัตว์ ว.1.2 ม.4-6/9 สืบค้น • มนุษย์สามารถนาสารตา่ งๆ ทพ่ี ืชบางชนิดสรา้ ง ข้อมลู อภปิ ราย และ ขน้ึ ไปใชป้ ระโยชนเ์ ชน่ ใชเ้ ปน็ ยาหรอื สมุนไพรใน ยกตวั อยา่ งเก่ียวกบั การ การรกั ษาโรคบางชนิด ใชใ้ นการไลแ่ มลง กาจดั ใชป้ ระโยชนจ์ ากสาร ศตั รพู ชื และสัตวใ์ ช้ในการยับย้ังการเจริญเติบโต ตา่ งๆ ที่พืชบางชนิดสรา้ ง ของแบคทีเรีย และใชเ้ ปน็ วัตถดุ ิบในอุตสาหกรรม ขึ้น ว.1.2 ม.4-6/10 • ปจั จัยภายนอกทม่ี ีผลตอ่ การเจริญเตบิ โต เช่น ออกแบบการทดลอง แสง นา้ ธาตอุ าหาร ทดลอง และอธบิ าย คาร์บอนไดออกไซด์ และออกซเิ จน ปัจจัยภายใน เกย่ี วกบั ปัจจยั ภาย นอก เช่น ฮอรโ์ มนพชื ซึ่งพชื มกี ารสงั เคราะห์ข้นึ เพื่อ ท่ีมีผลตอ่ การเจรญิ เตบิ โต ควบคมุ การเจริญเตบิ โตในชว่ งชวี ิตต่าง ๆ ของพชื
ช่ือหน่วย มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั การเรียนรู้ ตวั ช้วี ดั ชวั่ โมง คะแนน ว.1.2 ม.4-6/6 สบื คน้ • บางกรณีร่างกายอาจเกิดความผดิ ปกตขิ อง 2 2 ข้อมูล อธบิ ายและ ยกตวั อยา่ งโรคหรืออาการ ระบบภูมิคมุ้ กนั เช่น ภมู คิ ุม้ กันตอบสนองตอ่ 2 ทีเ่ กิดจากความผิดปกติของ ระบบภูมิคมุ้ กนั แอนตเิ จนบางชนิดอย่างรุนแรงมากเกนิ ไป หรือรา่ งกายมปี ฏกิ ริ ยิ าตอบสนองต่อ แอนตเิ จนของตนเอง อาจทา ให้รา่ งกายเกิดอาการผิดปกติได้ ว.1.2 ม.4-6/7 อธบิ าย • บุคคลทไ่ี ด้รบั เลือดหรอื สารคัดหล่งั ทม่ี ีเชอ้ื 2 ภาวะภมู คิ ้มุ กันบกพร่องที่มี HIV ซง่ึ สามารถทาลายเซลล์ทีทาให้ภมู คิ มุ้ กนั สาเหตมุ าจากการตดิ เชือ้ บกพร่องและติดเชอื้ ตา่ งๆ ได้งา่ ยขนึ้ HIV ว.1.2 ม.4-6/8 ทดสอบ • กระบวนการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงเป็น 3 3 และบอกชนิดของ จุดเร่มิ ต้นของการสรา้ งน้าตาลในพืช พชื 2 2 สารอาหารที่พืชสงั เคราะห์ เปลีย่ นนา้ ตาลไปเปน็ สารอาหารและสารอ่นื 2 2 ได้ ๆ เช่น คาร์โบไฮเดรตโปรตีน ไขมันทีจ่ าเปน็ ต่อการดารงชวี ิตของพชื และสัตว์ ว.1.2 ม.4-6/9 สืบค้น ขอ้ มลู อภปิ ราย และ • มนษุ ยส์ ามารถนาสารตา่ งๆ ท่พี ชื บางชนดิ ยกตัวอยา่ งเกยี่ วกบั การใช้ สรา้ งขนึ้ ไปใชป้ ระโยชนเ์ ชน่ ใชเ้ ปน็ ยาหรอื ประโยชนจ์ ากสารตา่ งๆ ท่ี สมุนไพรในการรักษาโรคบางชนดิ ใชใ้ นการ พืชบางชนิดสรา้ งขึ้น ไลแ่ มลง กาจัดศัตรูพชื และสตั ว์ใช้ในการ ยับยงั้ การเจริญเติบโตของแบคทีเรยี และใช้ ว.1.2 ม.4-6/10 ออกแบบ เปน็ วตั ถดุ ิบในอุตสาหกรรม การทดลอง ทดลอง และ อธิบายเก่ยี วกับปจั จยั ภาย • ปัจจยั ภายนอกทม่ี ผี ลตอ่ การเจรญิ เตบิ โต นอกที่มีผลตอ่ การ เชน่ แสง น้า ธาตุอาหาร เจริญเตบิ โตของพชื คารบ์ อนไดออกไซด์ และออกซเิ จน ปัจจยั ภายใน เช่น ฮอรโ์ มนพืช ซ่งึ พืชมีการ สงั เคราะหข์ ึน้ เพื่อควบคมุ การเจรญิ เตบิ โต ในช่วงชวี ิตต่าง ๆ
ช่ือหน่วย มาตรฐานการเรยี นรู้/ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั ชั่วโมง คะแนน การเรียนรู้ ตวั ชว้ี ดั • มนษุ ยม์ ีการสงั เคราะหส์ ารควบคุมการ เจรญิ เตบิ โตของพชื โดยเลียนแบบฮอรโ์ มนพชื เพื่อ 2 2 ว.1.2 ม.4-6/11 สบื ค้น นามาใช้ควบคมุ การเจรญิ เติบโตและเพิ่มผลผลิต ของพืช 2 ขอ้ มลู เกี่ยวกับสาร ควบคุมการเจริญเตบิ โต ของพืชท่มี นุษย์ สงั เคราะห์ข้นึ และ ยกตัวอยา่ งการนามา ประยกุ ตใ์ ช้ทางด้าน การเกษตรของพืช ว.1.2 ม.4-6/12 สงั เกต • การตอบสนองตอ่ สิง่ เร้าของพืชแบ่งตาม ความสมั พนั ธ์กับทิศทางของส่ิงเร้าได้ไดแ้ ก่แบบท่ีมี และอธบิ ายการ ทิศทางสัมพันธก์ ับทิศทางของสิง่ เร้า เชน่ ดอก ทานตะวันหนั เขา้ หาแสง ปลายรากเจรญิ ตอบสนองของพชื ต่อสงิ่ เขา้ หาแรงโนม้ ถ่วงของโลก และแบบที่ไม่มีทศิ ทาง 2 สมั พันธ์กับทิศทางของส่งิ เรา้ เชน่ การหบุ และบาน เรา้ ในรูปแบบต่าง ๆ ท่ีมี ของดอก หรือการหบุ และกางของใบพชื บางชนดิ • การตอบสนองตอ่ สง่ิ เรา้ ของพืชบางอย่างส่งผลต่อ ผลต่อการดารงชีวติ การเจริญเตบิ โต เช่น การเจริญในทิศทางเข้าหา หรือตรงข้ามกบั แรงโน้มถ่วงของโลก การเจริญใน ทศิ ทางเข้าหาหรือตรงข้ามกบั แสง และการ ตอบสนองตอ่ การสัมผัสสงิ่ เร้า รวม 40 ระหวา่ งภาค 70 ปลายภาค 30 รวม 100
ตัวช้ีวดั ความสาเร็จ 1. อธิบายโครงสรา้ งและสมบัติของเย่ือห้มุ เซลลท์ ีส่ มั พันธ์กับการลาเลียงสารและเปรยี บเทียบการลาเลยี งสาร ผ่านเยอื่ หุ้มเซลล์แบบต่าง ๆ 2.อธบิ ายการควบคุมดุลยภาพของนา้ และสารในเลือดโดยการทางานของไต 3.อธิบายการควบคุมดุลยภาพของกรด-เบสของเลอื ดโดยการทางานของไตและปอด 4.อธิบายการควบคุมดุลยภาพของอณุ หภูมภิ ายในรา่ งกายโดยระบบหมุนเวียนเลือด ผิวหนัง และกลา้ มเน้ือ โครงรา่ ง 5.อธิบาย และเขยี นแผนผงั เกี่ยวกบั การตอบสนองของร่างกายแบบไมจ่ าเพาะและแบบจาเพาะต่อสงิ่ แปลกปลอมของรา่ งกาย 6.สบื คน้ ขอ้ มูล อธบิ าย และยกตัวอยา่ งโรคหรืออาการที่เกิดจากความผดิ ปกติของระบบภมู คิ ุ้มกนั 7.อธบิ ายภาวะภมู คิ มุ้ กันบกพร่องทีม่ ีสาเหตุมาจากการติดเชือ้ HIV 8.ทดสอบ และบอกชนดิ ของสารอาหารท่ีพชื สงั เคราะห์ได้ 9.สืบค้นขอ้ มูล อภิปราย และยกตวั อย่างเก่ยี วกับการใชป้ ระโยชน์จากสารต่าง ๆ ท่ีพืชบางชนดิ สร้างข้นึ 10.ออกแบบการทดลอง ทดลอง และอธบิ ายเก่ยี วกับปัจจยั ภายนอกท่ีมีผลต่อการเจริญเตบิ โตของพืช 11.สบื คน้ ขอ้ มลู เกี่ยวกับสารควบคุมการเจรญิ เติบโตของพชื ที่มนุษย์สงั เคราะห์ขน้ึ และยกตัวอย่างการนามา ประยุกต์ใชท้ างด้านการเกษตรของพืช 12.สังเกต และอธบิ ายการตอบสนองของพืชต่อส่งิ เร้าในรูปแบบตา่ งๆ ที่มีผลตอ่ การดารงชวี ิต
Search
Read the Text Version
- 1 - 7
Pages: