Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่ 1 เทคโนโลยีสื่อสารการศึกษา

บทที่ 1 เทคโนโลยีสื่อสารการศึกษา

Published by sakcared, 2017-07-13 23:06:13

Description: บทที่ 1 เทคโนโลยีสื่อสารการศึกษา

Search

Read the Text Version

บทที่ 1 เทคโนโลยแี ละสื่อสารการศึกษา การเรียนรู้จะเกิดข้ึนไดเ้ มื่อมีการสื่อสารระหวา่ งผสู้ อนกบั ผเู้ รียนดว้ ยวธิ ีการต่างๆ เพ่ือส่งผา่ นสารสนเทศจากผสู้ อนผา่ นส่ือตวั กลางไปยงั ผเู้ รียน ผสู้ อนสามารถนาํ การส่ือสารมาใชใ้ นการเรียนการสอนเพื่อใหผ้ เู้ รียนบรรลุถึงจุดประสงคข์ องการเรียนรู้ไดห้ ลากหลายวธิ ีการ ในบริบทเช่นน้ีทาํ ให้มองเห็นความสาํ คญั ของเทคโนโลยสี ื่อสารการศึกษา วา่ สามารถนาํ มาใชเ้ อ้ือประโยชน์ในการศึกษาได้อยา่ งมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เทคโนโลยสี ื่อสารการศึกษา มาจากคาํ วา่ เทคโนโลยกี ารศึกษา กบั คาํ วา่ การสื่อสารการศึกษาเทคโนโลยกี ารศึกษาเป็นตวั หลกั สาํ คญั และเป็นบอ่ เกิดของศาสตร์ในสาขาวชิ าตา่ งๆ ท่ีแตกแขนงออกไปเช่น เทคโนโลยเี พื่อการศึกษา เทคโนโลยที างการศึกษา เทคโนโลยแี ละนวตั กรรมการศึกษา เทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา ฯลฯ เป็นตน้ ดงั น้นั ในการศึกษาถึง ความหมาย องคป์ ระกอบ ความสาํ คญัพฒั นาการ ฯลฯ ของเทคโนโลยสี ่ือสารการศึกษาจึงยดึ แนวคิดจากรากฐานเดิมคือ เทคโนโลยกี ารศึกษาเป็นหลกั และเพือ่ ใหเ้ ขา้ ใจในหลกั การทางเทคโนโลยสี ่ือสารการศึกษาอยา่ งลึกซ้ึง ในบทน้ีจะปูพ้ืนฐานใหท้ ราบเกี่ยวกบั นวตั กรรมการศึกษา เทคโนโลยกี ารศึกษา และเทคโนโลยสี ื่อสารการศึกษานวตั กรรมการศึกษา ความหมายของนวตั กรรม นวตั กรรม (Innovation) มีรากศพั ทม์ าจากภาษาลาตินวา่ Innovare แปลวา่ to Renew หรือto Modify มีนกั การศึกษาหลายท่านไดใ้ หค้ วามหมายของ “นวตั กรรม” ไวด้ งั น้ี ไมลส์ (Miles.1964 อา้ งอิงจาก เอกวทิ ย์ แกว้ ประดิษฐ์, 2545 : 7 ) อธิบายวา่ นวตั กรรมเป็ นการเปลี่ยนแปลงท่ีมีเป้ าหมายแน่นอน เพ่ือใหร้ ะบบงานน้นั บรรลุเป้ าหมายอยา่ งมีประสิทธิภาพ นิโคลส์ และจอร์จ (Nicholls and George, 1983 : 4) กล่าววา่ นวตั กรรมเป็ นความคิดใหมม่ ีเป้ าหมายแน่นอน เพ่ือนาํ มาปรับเปล่ียนแปลงอยา่ งต่อเนื่องมากกวา่ จะเปล่ียนแปลงส้ัน ๆ เฉพาะจุดและตอ้ งเป็ นการเปล่ียนแปลงท่ีมีการวางแผนอยา่ งเป็นระบบ กิดานนั ท์ มลิทอง (2536 : 9) กล่าววา่ นวตั กรรมหมายถึง แนวความคิด การปฏิบตั ิ หรือส่ิงประดิษฐใ์ หม่ ๆ ที่ยงั ไม่เคยมีใชม้ าก่อน หรือการดดั แปลงจากของเดิมใหท้ นั สมยั และใชไ้ ดด้ ียง่ิ ข้ึนเม่ือนาํ ส่ิงใหมเ่ หล่าน้นั มาใชใ้ นการทาํ งานแลว้ จะทาํ ใหก้ ารทาํ งานน้นั มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลดีข้ึนและมากข้ึนกวา่ เป้ าหมายท่ีต้งั ไว้

2 เปร่ือง กมุ ุท (2518 : 5) ไดก้ ล่าวถึง ความคิดหรือการกระทาํ ใหม่ ๆ ที่ทาํ ใหเ้ กิดนวตั กรรมวา่ มี5 ลกั ษณะ คือ 1. ความคิดหรือการกระทาํ น้นั ใหมใ่ นบา้ นเรา ท้งั ๆ ที่เก่ามาจากท่ีอื่น 2. ความคิดหรือการกระทาํ น้นั ใหม่ในขณะน้ี ท้งั ๆ ท่ีเคยใชม้ าแลว้ ในอดีตแตไ่ มไ่ ดผ้ ลและลม้ เลิกไป เนื่องจากขาดส่ิงอาํ นวยความสะดวกตา่ ง ๆ ในขณะน้นั 3. ความคิดหรือการกระทาํ น้นั ใหม่ เน่ืองจากมีความคิดหรือการกระทาํ อยแู่ ลว้ ในขณะน้นัประจวบเหมาะกบั การสนบั สนุนทางเทคโนโลยที ่ีเขา้ มาพร้อม ๆ กนั จึงทาํ ใหส้ ่ิงเหล่าน้นั ดาํ เนินไปอยา่ งไดผ้ ล 4. ความคิดหรือการกระทาํ น้นั ใหม่ เนื่องจากส่ิงเคยทาํ อยู่ หรือของเดิมถูกตดั หรือไมไ่ ดร้ ับการสนบั สนุนจากผบู้ ริหารจึงตอ้ งเลิกลม้ แตบ่ ดั น้ีกลบั ไดร้ ับการสนบั สนุนและไดเ้ ร่ิมกระทาํ ต่อไป 5. ความคิดหรือการกระทาํ น้นั ใหม่จริง ๆ ยงั ไมเ่ คยมีใครกระทาํ มาก่อน ดงั น้นั จึงกล่าวโดยสรุปไดว้ า่ นวตั กรรม หมายถึง ส่ิงประดิษฐ์ (วสั ดุ อุปกรณ์) หรือเทคนิควธิ ีการใหม่ ๆ (อาจปรับปรุงของเก่าใหใ้ หมห่ รือดีข้ึน) ท่ีนาํ มาใชใ้ นการปฏิบตั ิงานเพ่ือใหง้ านมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากข้ึน และนวตั กรรมน้นั ถา้ นาํ มาใชใ้ นสายงานใดกจ็ ะเรียกช่ือนวตั กรรมตามสายงานน้นั ๆ เช่นถา้ นาํ มาใชท้ างการแพทย์ ก็เรียกวา่ นวตั กรรมทางการแพทย์ ถา้ นาํ มาใชใ้ นวงการศึกษา กเ็ รียกวา่ นวตั กรรมการศึกษา ฯลฯ เป็นตน้ และของส่ิงเดียวกนั น้ี เช่น เครื่องฉายขา้ มศีรษะ(Over head) อาจเป็ นนวตั กรรมของโรงเรียนหน่ึงเพราะเพ่งิ จะนาํ มาใชใ้ หม่ไมเ่ คยมีใชม้ าก่อน แตก่ ลบัไมใ่ ช่นวตั กรรมของอีกโรงเรียนหน่ึงเพราะนาํ มาใชน้ านแลว้ จนหลอดฉายขาดไปหลายหลอดแลว้ ท้งั น้ีถา้ พจิ ารณาตามรูปศพั ท์ จะพบวา่ นวตั กรรม มาจากคาํ บาลี สันสกฤต นว(ใหม่) + อตต(ตวั เอง) + กรม(การกระทาํ ) แปลวา่ การกระทาํ ใหมห่ รือของใหม่สาํ หรับตนเอง กระบวนการเกดิ นวตั กรรม การเกิดนวตั กรรมมีกระบวนการที่สาํ คญั 3 ข้นั ตอนคือ 1. มีการประดิษฐค์ ิดคน้ ส่ิงใหม่หรือปรับปรุงของเก่าใหเ้ หมาะสมกบั สภาพงาน 2. มีการตรวจสอบ หรือทดลอง และปรับปรุงพฒั นา 3. มีการนาํ มาใชห้ รือปฏิบตั ิในสถานการณ์จริง การท่ีจะพจิ ารณาวา่ สิ่งใดเป็ นนวตั กรรมหรือไม่ ตอ้ งมีคุณลกั ษณะผา่ นกระบวนการครบท้งั 3ข้นั ตอนมาตามท่ีกล่าวมาแลว้ อาทิเช่น การใชเ้ คร่ืองคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) เป็นนวตั กรรม เพราะผา่ นกระบวนการครบท้งั 3 ข้นั ตอน กล่าวคือ ข้นั ท่ีหน่ึงมีการประดิษฐ์คิดคน้ ข้นั ท่ีสองมีการทดลองใช้และพฒั นามาแลว้ และข้นั ที่สามมีการนาํ มาใชก้ นั แลว้ ในการจดั การเรียนการสอน แต่การโคลนน่ิง

3มนุษยย์ งั ไม่ถือวา่ เป็นนวตั กรรมเพราะยงั ผา่ นกระบวนการไมค่ รบ 3 ข้นั ตอน กล่าวคือ ข้นั ท่ีหน่ึงมีการคิดคน้ วธิ ีการโคลนน่ิงมนุษยข์ ้ึนมา ข้นั ที่สองผา่ นการทดลองปรับปรุงพฒั นาแลว้ แตย่ งั ไม่ผา่ นข้นั ที่สามคือยงั ไม่มีการนาํ วธิ ีการโคลนน่ิงมนุษยม์ าใชใ้ นสถานการณ์จริง เพราะกฎหมายยงั ไม่ยอมใหม้ ีการโคลนนิ่งมนุษย์ จึงยงั ไมเ่ ป็นนวตั กรรม จากนวตั กรรมสู่เทคโนโลยี นวตั กรรมเม่ือถูกนาํ มาใชจ้ นเคยชินเป็นปกตินิสยั เป็ นส่วนหน่ึงของระบบงานแลว้ เช่นโรงเรียนมีการนาํ เครื่องฉายขา้ มศีรษะ มาใชใ้ นการเรียนการสอนเป็นประจาํ จนเป็ นส่วนหน่ึงของระบบงานแลว้กจ็ ะหมดสภาพความเป็นนวตั กรรมกลายเป็นเทคโนโลยไี ป คือโรงเรียนมีการใชเ้ ทคโนโลยเี คร่ืองฉายขา้ มศีรษะในการเรียนการสอน เทคโนโลยเี ม่ือถูกใชไ้ ปนาน ๆ หรือนาํ ไปใชต้ า่ งสถานที่ ตา่ งเวลา ต่างโอกาส ก็อาจเกิดปัญหาหรือขอ้ บกพร่องบางประการ เช่น อาจไม่ไดผ้ ลหรือไดผ้ ลนอ้ ย ไม่เป็นท่ีน่าพอใจ จาํ เป็นตอ้ งมีการดดั แปลง ปรับปรุงหรือคิดคน้ สิ่งใหม่ข้ึน ใหเ้ หมาะสมมีประสิทธิภาพมากยง่ิ ข้ึน การคิดคน้ หรือปรับปรุงดดั แปลงข้ึนใหม่แลว้ ทดลองใชจ้ นไดผ้ ลและนาํ มาใชใ้ นสถานการณ์จริง ส่ิงน้นั ก็กลายเป็นนวตั กรรมไป และนวตั กรรมน้นั เม่ือถูกใชจ้ นเป็นปกติวสิ ัย เป็นส่วนหน่ึงของระบบงานกจ็ ะกลายเป็นเทคโนโลยไี ปอีกเป็นวฏั จกั รหมุนเวยี นกนั ไปนวตั กรรม ใชเ้ ป็นส่วนหน่ึง = เทคโนโลยี + พฒั นา ของระบบงาน เผยแพร่แผนภูมิท่ี 1 การเปล่ียนแปลงของนวตั กรรมและเทคโนโลยี (ที่มา : ผเู้ รียบเรียง)

4เทคโนโลยกี ารศึกษา ความหมายของเทคโนโลยี เทคโนโลยี (Technology) เป็ นคาํ มาจากภาษากรีกวา่ Techne หมายถึงศิลปะ วทิ ยาศาสตร์หรือทกั ษะ (Art , Science or Skill) และมาจากคาํ ภาษาลาตินวา่ Texere มีความหมายวา่ การสาน(to Weave) หรือการสร้าง (to Construct) ในภาษากรีกมีคาํ วา่ Technologia หมายถึงการกระทาํ อยา่ งมีระบบ (Systematic Treatment) เมื่อพิจารณาจากรูปศพั ทภ์ าษาองั กฤษจะมีความหมายดงั น้ี Techno แปลวา่ วธิ ีการ Logy แปลวา่ วชิ าหรือการศึกษาเกี่ยวกบั ดงั น้นั เมื่อรวมคาํ แลว้ เทคโนโลยจี ึงหมายถึง ศาสตร์ท่ีวา่ ดว้ ยเทคนิควธิ ีการหรือวธิ ีปฏิบตั ิโดยใช้ความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์อยา่ งเป็นระบบ เมื่อนาํ เทคโนโลยมี าใชใ้ นการศึกษาเรียกวา่ เทคโนโลยกี ารศึกษา แนวคิดและความหมายของเทคโนโลยกี ารศึกษา แนวคิดเก่ียวกบั เทคโนโลยกี ารศึกษา ในทศั นะของนกั การศึกษาหรือนกั เทคโนโลยกี ารศึกษามีอยู่ 2 แนวคิด คือ 1. แนวคิดทางวทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2. แนวคิดทางพฤติกรรมศาสตร์ เทคโนโลยกี ารศึกษาตามแนวคิดทางวทิ ยาศาสตร์กายภาพ เป็นการประยกุ ตว์ ทิ ยาศาสตร์-กายภาพ (ฟิ สิกส์ เคมี ชีวะ) กบั เทคโนโลยกี ารช่างหรือวิศวกรรม (เคร่ืองฉายต่าง ๆ เครื่องบนั ทึกเสียงวทิ ยุ โทรทศั น์ คอมพวิ เตอร์ ฯลฯ) มาใชเ้ ป็นอุปกรณ์การเรียนการสอน เทคโนโลยกี ารศึกษาตามแนวคิดทางพฤติกรรมศาสตร์ จะพจิ ารณาเทคโนโลยกี ารศึกษาในเชิงการปฏิบตั ิทางการศึกษาใหส้ อดคลอ้ งกบั พฤติกรรมมนุษย์ โดยนาํ ความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์ จิตวทิ ยามานุษยวทิ ยา สังคมวทิ ยา กระบวนการกลุ่ม การสื่อสาร ตลอดจนความรู้ทางช่าง และเครื่องมือต่าง ๆมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการจดั การเรียนการสอน จากแนวคิดท้งั 2 จึงมีผใู้ หน้ ิยามของเทคโนโลยกี ารศึกษาออกเป็น 2 ลกั ษณะเช่นกนั อาทิเช่น กดู (Good,1973 : 529) ไดใ้ หค้ วามหมาย ของเทคโนโลยกี ารศึกษาไวว้ า่ เป็ นการประยกุ ต์หลกั การทางวทิ ยาศาสตร์และเคร่ืองมือเพื่อนาํ มาใชใ้ นการเรียนการสอน แฮนคอค (Hancock,1977 : 5) กล่าวไวว้ า่ เทคโนโลยกี ารศึกษา คือการผสมผสานความคิดความเขา้ ใจ ในการปฏิบตั ิงานระหวา่ งคนกบั เคร่ืองมือและวสั ดุ อยา่ งมีระบบโดยมีวตั ถุประสงคใ์ นการพฒั นาปรับปรุงกระบวนการเรียนการสอนใหม้ ีประสิทธิภาพยง่ิ ข้ึน

5 กาเย่ และบริกส์ (Gagne and Briggs,1979 : 22) ไดน้ ิยามไวว้ า่ เทคโนโลยกี ารศึกษา คือความรู้ท้งั มวลท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การออกแบบระบบการเรียนการสอนโดยครอบคลุม 3 ประการ ต่อไปน้ีคือ 1. ความแตกต่างระหวา่ งบุคคลในการเรียนรู้ 2. ทฤษฎีการเรียนรู้ตา่ ง ๆ ท่ีเก่ียวขอ้ ง เช่น การเสริมแรง การวางเงื่อนไข เป็นตน้ 3. เคร่ืองมืออุปกรณ์ท่ีเป็นประดิษฐก์ รรมทางวทิ ยาศาสตร์และวศิ วกรรมศาสตร์ สมาคมเทคโนโลยแี ละสื่อสารการศึกษา แห่งสหรัฐอเมริกา (AECT,1977) ไดใ้ หค้ าํ นิยามของเทคโนโลยกี ารศึกษาไวแ้ ละเป็นท่ีนิยมอยา่ งแพร่หลายวา่ เทคโนโลยเี ป็นกระบวนการที่ซบั ซอ้ นซ่ึงเกี่ยวขอ้ งกบั บุคคล วธิ ีการ ความคิด เคร่ืองมือ และองคก์ ร กระบวนการน้ีมีข้ึนเพื่อการวเิ คราะห์ปัญหาและการวางแผน การนาํ มาใช้ การประเมินผล และจดั การหาทางแกป้ ัญหาทุก ๆ อยา่ งที่เกิดข้ึนอนัเกี่ยวพนั กบั การเรียนรู้ของมนุษย์ ซ่ึงต่อมาสมาคมเทคโนโลยแี ละสื่อสารการศึกษาสหรัฐอเมริกา ไดใ้ ห้ความหมายใหมว่ า่ เทคโนโลยกี ารศึกษาเป็นทฤษฎีและการปฏิบตั ิของ การออกแบบ การพฒั นาการใช้ การจดั การ และการประเมิน ของกระบวนการและทรัพยากรสาํ หรับการเรียนรู้ ดงั น้นั โดยสรุปแลว้ เทคโนโลยกี ารศึกษาจึงเป็นการประยกุ ตเ์ อา แนวความคิด หลกั การ ทฤษฎีเทคนิค วธิ ีการ วสั ดุ อุปกรณ์ตา่ ง ๆ เขา้ มาใชใ้ นวงการศึกษาอยา่ งเป็นระบบ เพือ่ ใหก้ ารศึกษามีประสิทธิภาพ และมีประสิทธิผลเทคโนโลยสี ื่อสารการศึกษา ความหมายของเทคโนโลยสี ่ือสารการศึกษา ตามท่ีไดก้ ล่าวไวใ้ นตอนตน้ แลว้ วา่ เทคโนโลยสี ่ือสารการศึกษามาจากคาํ วา่ เทคโนโลยกี ารศึกษากบั คาํ วา่ การสื่อสารการศึกษา ซ่ึงเบ้ืองตน้ ไดก้ ล่าวถึงความหมายของคาํ วา่ เทคโนโลยกี ารศึกษามาแลว้ส่วน “การสื่อสารการศึกษา” เป็นกระบวนการส่งหรือถ่ายทอดเน้ือหาสาระ เร่ืองราว ขา่ วสาร ขอ้ มลูความรู้ จากผสู้ ่ง ซ่ึงอาจเป็ นครู วทิ ยากร หรือ สถาบนั ผา่ นสื่อหรือช่องทางการสื่อสาร ไปยงั ผรู้ ับซ่ึงอาจเป็น ผเู้ รียน บุคคล หรือสถาบนั เพอ่ื ใหผ้ รู้ ับไดร้ ับทราบขอ้ มูลข่าวสารร่วมกนั จึงสรุปไดว้ า่ เทคโนโลยสี ่ือสารการศึกษา หมายถึง การประยกุ ตเ์ อา แนวความคิด วธิ ีการ วสั ดุอุปกรณ์ตา่ งๆ เขา้ มาช่วยในการสื่อสารการศึกษาอยา่ งเป็ นระบบ เพื่อใหผ้ สู้ อนสามารถถ่ายทอดความรู้ไปสู่ผเู้ รียนไดเ้ ป็ นอยา่ งดี ทาํ ใหก้ ารศึกษามีประสิทธิภาพ และมีประสิทธิผลมากข้ึน จากนิยามดงั กล่าวอาจกล่าวไดว้ า่ เทคโนโลยสี ่ือสารการศึกษา กค็ ือเทคโนโลยกี ารศึกษานน่ั เอง

6 ขอบเขตและองค์ประกอบของเทคโนโลยสี ื่อสารการศึกษา จากความหมายของเทคโนโลยสี ื่อสารการศึกษาดงั กล่าว เทคโนโลยสี ่ือการศึกษาจึงมิได้หมายถึงเฉพาะเร่ืองของการใชเ้ คร่ืองมือ อุปกรณ์ (Hardware) และวสั ดุ (Software) เทา่ น้นั แต่เทคโนโลยสี ่ือสารการศึกษายงั หมายความรวมถึง การผสมผสานองคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ท้งั หลาย ที่จะเก้ือหนุนใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรู้อยา่ งมีประสิทธิภาพอีกดว้ ย ดงั น้นั เทคโนโลยสี ื่อสารการศึกษา ขึงมีขอบเขตกวา้ งขวางประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบต่าง ๆท่ีครอบคลุมการจดั ดาํ เนินการทางการศึกษาท้งั หมด ดงั ท่ีสมาคมเทคโนโลยแี ละสื่อสารการศึกษา(Association for Educational Communications and Teechnoloy : AECT ) แห่งสหรัฐอเมริกากาํ หนดไวเ้ ป็ น 5 ขอบเขตใหญ่ แต่ละขอบเขตแบง่ ออกเป็น 4 องคป์ ระกอบ รวมท้งั หมด 20องคป์ ระกอบ ดงั น้ี (Seels & Ricchey, 1994 : 25-27) การพฒั นา ทฤษฎี การใช้ เทคโนโลยกี ารพิมพ์ ทฤษฎกีารปฏบิ ตั ิ การใชส้ ื่อ เทคโนโลยโี สตทศั น์ การปฏบิ ตั ิ การแพร่กระจายนวตั กรรม เทคโนโลยคี อมพิวเตอร์ การใชง้ านและความป็ นองคก์ าร เทคโนโลยบี ูรณาการ นโยบายและกฎระเบียบการออกแบบการออกแบบระบบการสอน การจดั การการออกแบบสาร การจดั การโครงการกลยทุ ธก์ ารสอน การจดั การแหลง่ ทรัพยากรลกั ษณะเฉพาะของผเู้ รียน การจดั การระบบส่งถ่าย การจดั การสารสนเทศ การประเมนิ การวเิ คราะห์ปัญหา การวดั ผลแบบอิงเกณฑ์ การประเมินความกา้ วหนา้ การประเมินผลสรุปแผนภูมิท่ี 2 ขอบเขตและองคป์ ระกอบของเทคโนโลยสี ่ือสารการศึกษา (ท่ีมา : Seels and Richey, 1994 : 26)

71. การออกแบบ (Design) คือกระบวนการกาํ หนดสภาพการเรียนรู้ แบง่ ออกเป็ น 1.1 การออกแบบระบบการสอน (Instructional Systems Design) เป็ นวธิ ีการจดั การที่รวมข้นั ตอนของการสอนประกอบดว้ ย การวเิ คราะห์ (Analysis) คือกระบวนการที่กาํ หนดวา่ ตอ้ งการใหผ้ เู้ รียนไดร้ ับอะไร เรียนเน้ือหาอะไร การออกแบบ (Design) คือกระบวนการที่ตอ้ งระบุวา่ ใหผ้ เู้ รียนเรียนอยา่ งไร การพฒั นา (Development) คือกระบวนการสร้างผลิตส่ือวสั ดุการสอน การนาํ ไปใช้(Implementation) คือการใชว้ สั ดุและยทุ ธศาสตร์ตา่ งๆ ในการสอน และการประเมิน (Evaluation)คือกระบวนการในการประเมินการสอน 1.2 การออกแบบสาร (Message Design) เป็ นการวางแผนเปล่ียนแปลงสารเนน้ ทฤษฎีการเรียนรู้ท่ีประยุกตค์ วามรู้บนพ้ืนฐานของความสนใจ การรับรู้ ความจาํ การออกแบบสารมีจุดประสงคเ์ พ่ือการส่ือความหมายกบั ผเู้ รียน 1.3 กลยทุ ธก์ ารสอน (Instructional Strategies) เนน้ ท่ีการเลือกลาํ ดบั เหตุการณ์และกิจกรรมในบทเรียน ในทางปฏิบตั ิกลยทุ ธ์การสอนมีความสัมพนั ธ์กบั สถานการณ์การเรียนซ่ึงผลของปฏิสัมพนั ธ์น้ีสามารถอธิบายไดโ้ ดยโมเดลการสอน ดงั น้นั การเลือกยทุ ธศาสตร์การสอนและโมเดลการสอนตอ้ งข้ึนอยกู่ บั สถานการณ์การเรียน ลกั ษณะผเู้ รียน ธรรมชาติของเน้ือหาวชิ า และจุดประสงค์ของผเู้ รียน 1.4 ลกั ษณะเฉพาะของผเู้ รียน (Learner Characteristics) คือลกั ษณะและประสบการณ์เดิมของผเู้ รียนท่ีจะมีผลตอ่ กระบวนการเรียน การสอน การเลือก และการใชย้ ทุ ธ์ศาสตร์การสอน2. การพฒั นา (Development) เป็ นกระบวนการของการนาํ การออกแบบไปสู่การผลิตและพฒั นาใหด้ ีข้ึน ประกอบดว้ ย 2.1 เทคโนโลยสี ิ่งพมิ พ์ (Print Technologies) เป็ นการผลิตส่ือดา้ นวสั ดุ เช่น หนงั สือโสตทศั นวสั ดุพ้ืนฐานประเภทภาพน่ิง ภาพถ่าย รวมถึงสื่อขอ้ ความ กราฟิ ก วสั ดุภาพส่ิงพิมพ์ ทศั นวสั ดุส่ิงเหล่าน้ีเป็นพ้นื ฐานของการพฒั นาการใชว้ สั ดุการสอนอ่ืนๆ 2.2 เทคโนโลยโี สตทศั น์ (Audiovisual Technologies) เป็ นวธิ ีการในการจดั หาหรือส่งถ่ายสารโดยใชเ้ คร่ืองมืออุปกรณ์หรือเครื่องมืออิเลก็ ทรอนิกส์เพอ่ื นาํ เสนอสารต่างๆ ดว้ ยเสียงและภาพ โสตทศั นูปกรณ์จะช่วยแสดงสิ่งท่ีเป็นธรรมชาติจริง ความคิดท่ีเป็นนามธรรม เพ่อื ผสู้ อนนาํ ไปใช้ใหม้ ีปฏิสัมพนั ธ์กบั ผเู้ รียน 2.3 เทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์ (Computer-Based Technologies) เป็ นวธิ ีการในการจดั หาหรือส่งถ่ายสารโดยการใชไ้ มโครโพรเซสเซอร์ เพื่อรับและส่งขอ้ มลู แบบดิจิทลั ประกอบดว้ ยคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน คอมพิวเตอร์จดั การสอน โทรคมนาคม การสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ การเขา้ ถึงและใชแ้ หล่งขอ้ มลู ในเครือข่าย

8 2.4 เทคโนโลยบี รู ณาการ (Integrated Technologies) เป็ นวธิ ีการในการจดั หาหรือส่งถ่ายขอ้ มูลกบั สื่อหลาย ๆ รูปแบบภายใตก้ ารควบคุมของคอมพวิ เตอร์ 3. การใช้ (Utilization) เป็ นการใชก้ ระบวนการและแหล่งทรัพยากรเพ่ือการเรียนการสอนประกอบดว้ ย 3.1 การใชส้ ่ือ (Media Utilization) เป็ นระบบของการใชส้ ่ือ แหล่งทรัพยากรเพ่ือการเรียน โดยใชก้ ระบวนการตามที่ผา่ นการออกแบบการสอน 3.2 การแพร่กระจายนวตั กรรม (Diffusion of Innovations) เป็ นกระบวนการสื่อความหมาย รวมถึงการวางยทุ ธศาสตร์หรือจุดประสงคใ์ หเ้ กิดการยอมรับนวตั กรรม 3.3 การใชง้ านและความเป็ นองการ (Implementation and Institutionalization)เป็นการใชส้ ่ือการสอนหรือยทุ ธศาสตร์ในสถานการณ์จริงอยา่ งต่อเนื่อง และใชน้ วตั กรรมการศึกษาเป็นประจาํ ในองคก์ าร 3.4 นโยบายและกฏระเบียบ (Policies and Regulations) เป็ นกฏระเบียบ ขอ้ บงั คบัของสงั คมท่ีส่งผลตอ่ การแพร่กระจาย และใชเ้ ทคโนโลยสี ื่อสารการศึกษา 4. การจัดการ (Management) เป็ นการควบคุมกระบวนการทางเทคโนโลยสี ่ือสารการศึกษาตลอดจนการวางแผน การจดั การ การประสานงานและการใหค้ าํ แนะนาํ ประกอบดว้ ย 4.1 การจดั การโครงการ (Project Management) เป็ นการวางแผน กาํ กบั ควบคุมการออกแบบและพฒั นาโครงการสอน 4.2 การจดั การแหล่งทรัพยากร (Resource Management) เป็ นการวางแผน กาํ กบัควบคุมแหล่งทรัพยากร ท่ีช่วยระบบและการบริการ 4.3 การจดั การระบบส่งถ่าย (Delivery System Management) เป็ นการวางแผนกาํ กบั ควบคุม วธิ ีการแพร่กระจายสื่อการสอนในองคก์ าร รวมถึงสื่อและวธิ ีการใชท้ ่ีจะนาํ เสนอสารไปยงั ผเู้ รียน 4.4 การจดั การสารสนเทศ (Information Management) เป็ นการวางแผน กาํ กบัควบคุม การเกบ็ การส่งถ่าย หรือกระบวนการของขอ้ มูลสารสนเทศเพื่อสนบั สนุนแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ 5. การประเมนิ (Evaluation) เป็ นกระบวนการหาขอ้ มูลเพ่ือกาํ หนดความเหมาะสมของการเรียนการสอน ประกอบดว้ ย 5.1 การวเิ คราะห์ปัญหา (Problem Analysis) เป็ นการทาํ ใหป้ ัญหาสิ้นสุด โดยการใช้ขอ้ มูลตา่ งๆ และวธิ ีการที่จะช่วยตดั สินใจ 5.2 การวดั ผลแบบอิงเกณฑ์ (Criterion-Reference Measurement) เป็ นเทคนิคการใชเ้ กณฑเ์ พ่อื การประเมินการสอนหรือประเมินโครงการเทคโนโลยสี ่ือสารการศึกษา

9 5.3 การประเมินความกา้ วหนา้ (Formative Evaluation) มีการใชข้ อ้ มูลอยา่ งเหมาะสมจากการประเมินความกา้ วหนา้ เพอื่ เป็นฐานในการพฒั นาตอ่ ไป 5.4 การประเมินผลสรุป (Summative Evaluation) มีการใชข้ อ้ มูลอยา่ งเหมาะสมที่จะตดั สินใจกบั การดาํ เนินงานโปรแกรม หรือโครงการต่อไป ขอบเขตของเทคโนโลยสี ื่อสารการศึกษาในแผนภมู ิที่ 2 แสดงใหเ้ ห็นความสัมพนั ธ์ระหวา่ งขอบเขตท้งั 5 ขอบเขต วา่ ไม่เรียงลาํ ดบั กนั แตจ่ ะเป็นการเสริมซ่ึงกนั และกนั ภายในขอบเขตจะมีองคป์ ระกอบยอ่ ยเพือ่ อธิบายถึงลกั ษณะของขอบเขตน้นั ๆ การทาํ งานบางอยา่ งอาจมุง่ เนน้ ไปยงั ขอบเขตใดขอบเขตหน่ึงหรือมุง่ เนน้ ไปยงั องคป์ ระกอบยอ่ ยใดกต็ าม แต่ในทางปฏิบตั ิจริงแลว้ จะเป็นการทาํ งานร่วมกนั ตวั อยา่ งเช่น ขอบเขตการออกแบบตอ้ งการออกแบบระบบการสอนก็ตอ้ งอาศยั หลกั การทฤษฎีการออกแบบสารร่วมดว้ ย และยงั ตอ้ งอาศยั หลกั การทฤษฎีเก่ียวกบั ลกั ษณะเฉพาะของส่ือจากขอบเขตการพฒั นา และทฤษฎีเกี่ยวกบั การวเิ คราะห์ปัญหา การวดั ผล จากขอบเขตการประเมินมาใชร้ ่วมดว้ ยแตล่ ะขอบเขตจะมีความสัมพนั ธ์เสริมกนั และกนั อยภู่ ายในเส้นรอบวงและโยงเขา้ สู่ศูนยก์ ลางของทฤษฎีและการปฏิบตั ิ ดงั แผนภมู ิท่ี 3 การ การการ การใช้ออกแบบ ั พฒั นา การ จดั การ ทฤษฎี การปฏบิ ตั ิ การประเมนิแผนภูมิที่ 3 ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งขอบเขตต่าง ๆ ในเทคโนโลยสี ่ือสารการศึกษา (ท่ีมา : Seels and Richey, 1994 : 27)

10 ความสําคญั ของเทคโนโลยสี ่ือสารการศึกษา เทคโนโลยสี ่ือสารการศึกษามีความสาํ คญั ต่อการศึกษามาก ดงั น้ี 1.ช่วยนํามวลประสบการณ์เข้ามาจัดการศึกษา มวลประสบการณ์ท่ีเราจะจดั การศึกษาน้นั มีอยมู่ ากมายและหลากหลาย ถึงแมจ้ ะอยหู่ ่างไกลตวัผเู้ รียน ถูกจาํ กดั ดว้ ยระยะทางและกาลเวลา เทคโนโลยสี ่ือสารการศึกษาก็ช่วยใหเ้ ราสามารถนาํประสบการณ์ต่าง ๆ เหล่าน้ีมาในโรงเรียนให้ผเู้ รียนไดศ้ ึกษาโดยสะดวกรวดเร็ว 2. ช่วยขยายแหล่งวิทยากรมนุษย์ ซ่ึงมีอยู่อย่างจํากดั ให้สามารถใช้ได้อย่างกว้างขวาง แหล่งวทิ ยากรมนุษยท์ ี่จะใชป้ ระโยชน์ในทางการศึกษาน้นั มีอยจู่ าํ กดั จึงตอ้ งหาเคร่ืองมือที่จะตอ้ งขยายการใชแ้ หล่งวทิ ยากรมนุษยใ์ หส้ ามารถใชอ้ ยา่ งกวา้ งขวางยง่ิ ข้ึน เทคโนโลยีสื่อสารการศึกษาสามารถจะขยายการใชแ้ หล่งวทิ ยากรมนุษยใ์ หก้ วา้ งขวาง 3. ช่วยจัดสภาวะการเรียนได้อย่างหลากหลาย ความคิดใหมใ่ นดา้ นการเรียนรู้ของคนน้นั เราถือวา่ คนเรียนไดด้ ีดว้ ยการกระทาํ แกป้ ัญหาดว้ ยการเรียนเป็นกลุ่มใหญ่ เรียนเป็ นกลุ่มเลก็ และเรียนเป็นรายบุคคล ส่ิงที่จะทาํ ใหส้ ามารถจดั สภาวะการเรียนเช่นน้ีได้ คือ เทคโนโลยสี ื่อสารการศึกษา 4. ทาํ ให้คุณภาพของสถานศึกษาเท่าเทียมกนั รัฐบาลมีนโยบาย ท่ีจะทาํ ใหส้ ถานศึกษาทุกหนทุกแห่งมีคุณภาพเทา่ เทียมกนั เทคโนโลยสี ่ือสารการศึกษา จะเป็นวธิ ีหน่ึงท่ีดี ที่จะทาํ ใหค้ ุณภาพของสถานศึกษามีความเท่าเทียมกนั 5. ทาํ ให้เกดิ ผลการเรียนรู้หลายด้าน ความคิดในดา้ นการเรียนรู้อีกประการหน่ึง การเรียนรู้คือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ซ่ึงการเรียนรู้ที่มีการเปลี่ยนแปลงไดน้ ้นั จะตอ้ งมีผลการเรียนรู้ที่เกิดข้ึนท้งั พุทธิพสิ ัย จิตตพิสัย และทกั ษะพสิ ยัเทคโนโลยสี ่ือสารการศึกษาจะช่วยใหเ้ กิดผลการเรียนรู้ดงั กล่าวไดเ้ ป็นอยา่ งดี 6. ช่วยอาํ นวยความสะดวกให้แก่นักเรียน ได้ลงมอื กระทาํ ด้วยตนเองจนเกดิ การเรียนรู้ ความคิดเรื่องบทบาทของครูในการสอนน้นั ปัจจุบนั เห็นวา่ การสอนน้นั มิใช่การบอกกล่าวแต่อยา่ งเดียว แตก่ ารสอนน้นั เป็ นการจดั อาํ นวยความสะดวกใหแ้ ก่นกั เรียน เพื่อนกั เรียนไดล้ งมือกระทาํ ดว้ ยตนเองจนเกิดการเรียนรู้ ความคิดเช่นน้ียอ่ มมีความจาํ เป็ นท่ีจะตอ้ งนาํ เทคโนโลยสี ื่อสารการศึกษาเขา้ มาในโรงเรียน 7. ช่วยทาํ ให้เกดิ เหตุการณ์สอนทสี่ ําคญั ท่ที าํ ให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพ การสอนท่ีเป็ นระบบน้นั ยอ่ มประกอบดว้ ยเหตุการณ์ตา่ ง ๆ อยา่ งนอ้ ย 9 ประการคือ 7.1 ดึงความต้งั ใจ 7.2 ใหผ้ เู้ รียนทราบจุดมุง่ หมาย

11 7.3 กระตุน้ นกั เรียนใหร้ ะลึกถึงสิ่งที่เรียนมาแลว้ ซ่ึงเป็นส่ิงท่ีจาํ เป็นแก่การเรียนใหม่ 7.4 เสนอวสั ดุสิ่งเร้าเพื่อการเรียนรู้ 7.5 จดั แนะแนวการเรียนรู้ 7.6 ก่อใหเ้ กิดการประกอบกิจโดยผเู้ รียน 7.7 จดั ขอ้ มูลป้ อนกลบั ใหแ้ ก่การกระทาํ ที่ถูกตอ้ ง 7.8 ตรวจสอบประเมินการประกอบกิจ 7.9 สนบั สนุนส่งเสริมใหม้ ีความคงทนในการจาํ และการถ่ายโยงการเรียนรู้ น่ีคือระบบเหตุการณ์ของการสอน ซ่ึงถือวา่ น้ีเป็ นเทคโนโลยสี ่ือสารการศึกษา 8. ช่วยทาํ ให้เกดิ ภาวะเบือ้ งต้น ทจ่ี ําเป็ นสําหรับการเรียนการสอน นกั จิตวยิ าการศึกษายอมรับกนั วา่ ภาวะเบ้ืองตน้ อนั สาํ คญั ต่อการเรียนรู้ทุกประเภทน้นั ไดแ้ ก่ 8.1 การเกิดข้ึนไล่เลี่ยกนั ของสิ่งเร้าและการตอบสนอง 8.2 การปฏิบตั ิ 8.3 การเสริมแรง 8.4 การไดข้ อ้ สรุป 8.5 การจาํ แนกแยกแยะ ภาวะเช่นน้ีจะเกิดข้ึนไดอ้ ยา่ งสมบูรณ์ตอ้ งอาศยั เทคโนโลยสี ื่อสารการศึกษาเขา้ ช่วย ที่กล่าวมาท้งั หมดน้ี เป็นเคร่ืองยนื ยนั ช้ีใหเ้ ห็นถึงความสาํ คญั ของเทคโนโลยสี ่ือสารการศึกษาท่ีช่วยทาํ ใหผ้ รู้ ับการศึกษามีคุณภาพดีข้ึน ดงั น้นั การศึกษาสมยั ใหมจ่ ึงจาํ เป็นตอ้ งประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยีสื่อสารการศึกษา เพอ่ื ใหก้ ารศึกษามีคุณภาพ และส่งผลใหเ้ กิดคุณภาพชีวติ ที่ดีแก่พลเมืองโดยทวั่ ไป พฒั นาการของเทคโนโลยสี ื่อสารการศึกษา เทคโนโลยสี ่ือสารการศึกษามีพฒั นาการมาต้งั แตส่ มยั ก่อนคริสตกาล (กิดานนั ท์ มลิทอง:12-16)เร่ิมต้งั แต่กลุ่มโซฟิ สต์ (The Elder Sophists) นาํ การสอนแบบบรรยายเพ่ือสอนมวลชนมาใชแ้ ละมีการใชช้ อลค์ บนกระดานดาํ ต่อจากน้นั มีอีกหลายทา่ นท่ีมีบทบาทในดา้ นเทคโนโลยสี ่ือสารการศึกษา เช่นคอมีนิอุส (Comenius) ซ่ึงไดร้ ับการยกยอ่ งวา่ เป็ นบิดาของโสตทศั นศึกษา เป็ นผเู้ ห็นความสาํ คญั ของภาพและเป็ นผเู้ ริ่มใชภ้ าพประกอบบทเรียนในหนงั สือ “The Orbis Pictus” แลงแคสเตอร์ (Lancaster)เป็ นผเู้ ริ่มจดั สภาพหอ้ งเรียนและใชส้ ่ือการสอนราคาเยา เฟรอเบล (Froebel) ใชจ้ ิตวทิ ยาในการสอนเดก็และเป็นผตู้ ้งั โรงเรียนอนุบาลข้ึนเป็นแห่งแรก ดิวอ้ี (Dewey) เป็นผคู้ ิดทฤษฎีประสบการณ์เพ่อื ใชใ้ นการเรียนรู้ และสกินเนอร์ (Skinner) เป็ นผคู้ ิดทฤษฎีการวางเงื่อนไขเชิงปฏิบตั ิ บุคคลต่างๆ เหล่าน้ีเป็ นผนู้ าํ หลกั การทางวทิ ยาศาสตร์มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการศึกษา และมีส่วนช่วยในการพฒั นาเทคโนโลยสี ่ือสารการศึกษาใหพ้ ฒั นาสืบต่อมา

12 ส่ือโสตทศั น์ : จุดเริ่มของการใช้เทคโนโลยสี ื่อสารการศึกษา เม่ือกล่าวถึงเทคโนโลยีสื่อสารการศึกษามกั จะนึกถึงการนาํ วสั ดุอุปกรณ์ซ่ึงเป็นส่ือประเภทภาพและเสียง รวมถึงเทคนิควธิ ีการมาใชเ้ พอื่ เพ่มิ ประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการเรียนการสอน เรียกไดว้ า่ เป็นการนาํ สื่อโสตทศั น์(Audio-Visual Aids) มาใชน้ น่ั เอง สื่อโสตทศั น์เร่ิมมีการใชม้ าต้งั แต่ พ.ศ. 2448 โดยการจดั ต้งัพพิ ธิ ภณั ฑท์ างการศึกษาแห่งเมืองเซนตห์ ลุยส์ข้ึนในประเทศสหรัฐอเมริกา เพ่ือสนบั สนุนและส่งเสริมโปรแกรมการเรียนการสอนของระบบโรงเรียน โดยใชม้ า้ บรรทุกส่ือการเรียนการสอน เช่น แผนภูมิรูปภาพ แผนท่ี ฯลฯ ไปยงั โรงเรียนตา่ งๆ และในช่วงทศวรรษ 1920s มีการใชภ้ าพยนตร์เป็นส่ือการสอนในช่วงระยะเวลาดงั กล่าวดว้ ย ต่อมาในช่วง พ.ศ. 2468-2478 มีการใชว้ ทิ ยแุ ละโทรทศั น์ท้งั ในโรงเรียนและเพ่ือการศึกษามวลชน โรงเรียนต่างๆมีจาํ นวนนกั เรียนเพม่ิ มากข้ึนจึง หลงั จากสงครามโลกสิ้นสุดลงจาํ เป็นตอ้ งนาํ โสตทศั นูปกรณ์มาใชม้ ากข้ึน โดยนาํ แนวคิดในการใชม้ าจากวงการทหารของสหรัฐท่ีนาํโสตทศั นูปกรณ์มาใชใ้ นการฝึกอบรมทหารระหวา่ งสงคราม เช่น ใชภ้ าพยนตร์ในการฝึกอบรม การใช้เครื่องฉายขา้ มศีรษะมาใชใ้ นการสอนแผนท่ี การพฒั นาการสอนแบบโปรแกรม และเร่ิมใช้หอ้ งปฏิบตั ิการทางภาษา จดั การฝึ กอบรมโดยใชว้ ธิ ีระบบ (System Approach) ในวงการศึกษาไดน้ าํแนวคิดเหล่าน้ีมาใช้ เช่น การใชบ้ ทเรียนโปรแกรมดว้ ยเคร่ืองช่วยสอน (Teaching Machine) มีการใช้โทรทศั นว์ งจรปิ ดเพื่อใหก้ ารศึกษามวลชน มีการจดั การศึกษาผใู้ หญ่ การวเิ คราะห์งาน การพฒั นาระบบการสอน รวมถึงการนาํ หลกั การทฤษฎีการส่ือสารมาใช้ ซ่ึงส่ิงเหล่าน้ีเป็นประโยชน์ต่อวงการศึกษาเป็นอยา่ งมาก จากสื่อโสตทศั น์สู่ยคุ คอมพวิ เตอร์ ในช่วงทศวรรษ 1950s มีการคน้ ควา้ วจิ ยั เพอ่ื พฒั นาวสั ดุ อุปกรณ์ และเทคนิควธิ ีการสอนแบบต่างๆ เพ่มิ มากข้ึน มีการใชส้ ื่อประสมในลกั ษณะการใชส้ ื่อร่วมกนั และมีการนาํ คอมพวิ เตอร์มาใชใ้ นวงการศึกษาเป็นคร้ังแรกประมาณ พ.ศ. 2502 โดยนาํ มาใชใ้ นดา้ นการบริหาร เช่น ทาํ บญั ชี เก็บขอ้ มูลเก่ียวกบั ผเู้ รียน นอกจากน้ียงั มีการนาํ มาใชใ้ นการวจิ ยั การเรียนการสอน การวจิ ยั ทางดา้ นน้ีที่น่าสนใจโครงการหน่ึง ไดแ้ ก่ โครงการเพลโต (PLATO) ที่มหาวทิ ยาลยัอิลลินอยส์สหรัฐอเมริกา โดยมีวตั ถุประสงคใ์ นการออกแบบการใชค้ อมพวิ เตอร์เพื่อการเรียนการสอนอยา่ งไรก็ตามคอมพิวเตอร์ท่ีนาํ มาใชใ้ นวงการศึกษาในระยะแรกยงั เป็นเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ ซ่ึงมีขนาดใหญ่มาก จึงยงั ไมเ่ หมาะสาํ หรับการใชส้ อนในหอ้ งเรียน ต่อมาในช่วงทศวรรษ 1970s-1980s ไดม้ ีการประดิษฐไ์ มโครโพรเซสเซอร์ใส่คอมพิวเตอร์ ทาํ ใหเ้ ครื่องมีขนาดเลก็ แต่สมรรถนะสูงเรียกวา่ไมโครคอมพิวเตอร์ และสามารถต้งั โตะ๊ ไดจ้ ึงเรียกอีกชื่อหน่ึงวา่ “คอมพิวเตอร์แบบต้งั โตะ๊ ” (DesktopComputer) และเร่ิมนาํ มาใชใ้ นโรงเรียนใน พ.ศ. 2520 ตอ่ มาปลายทศวรรษ 1980s ไดม้ ีการใช้คอมพวิ เตอร์เอกเทศ (Stand-Alone Computer) ในการเรียนการสอนสามารถโตต้ อบกนั ไดร้ ะหวา่ งผเู้ รียนกบั คอมพวิ เตอร์ และสามารถสนองตอบขอ้ มลู ที่ผเู้ รียนป้ อนเขา้ ไปไดใ้ นทนั ที ซ่ึงเป็นการช่วยเสริมแรงใหแ้ ก่ผเู้ รียน ที่เรียกกนั วา่ “คอมพวิ เตอร์ช่วยสอน” (Computer-Assisted Instruction : CAI)

13 ก้าวสู่ยคุ เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร จากการใชค้ อมพิวเตอร์ช่วยสอนได้พฒั นาต่อมาเป็นการใชค้ อมพวิ เตอร์ในเครือขา่ ยอินเทอร์เน็ต ซ่ึงมีมาต้งั แต่ พ.ศ. 2512 แตใ่ นระยะแรกยงั ใชใ้ นขอบเขตจาํ กดั จนกระทง่ั ปลายปี พ.ศ. 2533 ไดม้ ีการพฒั นาเวลิ ดไ์ วดเ์ วบ็ และในปี พ.ศ. 2536ไดม้ ีผคู้ ิดคน้ โปรแกรม Mosaic เพือ่ ใชค้ น้ ดูในลกั ษณะกราฟิ กทาํ ใหอ้ ินเทอร์เน็ตใชง้ านง่ายข้ึนสามารถเช่ือมโยงไดห้ ลายมิติ และในช่วงปลายทศวรรษ 1990s มีการใชร้ ะบบส่ือสารโทรคมนาคมรูปแบบตา่ งๆ เพ่มิ มากข้ึน เช่น ใยแกว้ นาํ แสง ดาวเทียมสื่อสาร การส่ือสารบรอดแบนด์ การสื่อสารไร้สายทาํ ใหม้ ีการใชร้ ะบบคอมพิวเตอร์ร่วมกบั ระบบโทรคมนาคมมากข้ึนเรียกวา่ “เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร” (Information and Communications Technology : ICT) คือใชค้ อมพวิ เตอร์ในการจดั การประมวลผลขอ้ มูลใหเ้ ป็นสารสนเทศ และจดั เก็บอยา่ งเป็นระบบสะดวกแก่การสืบคน้ นาํ ไปใช้ประโยชน์ต่อไป ทาํ ใหเ้ ทคโนโลยสี ื่อสารการศึกษาต้งั แต่ พ.ศ. 2536 เป็นตน้ มาจนถึงปัจจุบนั มีการใช้อินเทอร์เน็ตและเวลิ ดไ์ วดว์ บ็ กนั อยา่ งแพร่หลายท้งั การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศยั โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในการสอนออนไลน์ในการศึกษาทางไกล ทาํ ใหเ้ ป็นยคุ ที่การเรียนการสอนสามารถทาํ ไดท้ ุกที่ทุกเวลาตลอด 24 ชวั่ โมงสรุป นวตั กรรม หมายถึง ส่ิงประดิษฐ์ (วสั ดุ อุปกรณ์) หรือเทคนิควธิ ีการใหม่ ๆ (อาจปรับปรุงของเก่าใหใ้ หม่หรือดีข้ึน) ที่นาํ มาใชใ้ นการปฏิบตั ิงานเพื่อใหง้ านมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากข้ึนนวตั กรรมเม่ือถูกนาํ มาใชจ้ นเคยชินเป็นปกตินิสัยเป็ นส่วนหน่ึงของระบบงานแลว้ กจ็ ะหมดสภาพความเป็นนวตั กรรมกลายเป็นเทคโนโลยไี ป เทคโนโลยกี ารศึกษา เป็นการประยกุ ตเ์ อา แนวความคิด หลกั การ ทฤษฎี เทคนิค วธิ ีการ วสั ดุอุปกรณ์ต่าง ๆ เขา้ มาใชใ้ นวงการศึกษาอยา่ งเป็ นระบบ เพ่อื ใหก้ ารศึกษามีประสิทธิภาพ (Efficiencey)และมีประสิทธิผล (Productivity) เทคโนโลยเี ม่ือถูกใชไ้ ปนาน ๆ หรือนาํ ไปใชต้ า่ งสถานท่ี ต่างเวลาตา่ งโอกาส กอ็ าจเกิดปัญหาหรือขอ้ บกพร่องบางประการ เช่น อาจไมไ่ ดผ้ ลหรือไดผ้ ลนอ้ ย ไม่เป็นที่น่าพอใจ จาํ เป็นตอ้ งมีการดดั แปลง ปรับปรุงหรือคิดคน้ สิ่งใหม่ข้ึน ใหเ้ หมาะสมมีประสิทธิภาพมากยงิ่ ข้ึนการคิดคน้ หรือปรับปรุงดดั แปลงข้ึนใหมแ่ ลว้ ทดลองใชจ้ นไดผ้ ลและนาํ มาใชใ้ นสถานการณ์จริง ส่ิงน้นัก็กลายเป็นนวตั กรรมไป และนวตั กรรมน้นั เม่ือถูกใชจ้ นเป็นปกติวสิ ยั เป็นส่วนหน่ึงขงระบบงาน ก็จะกลายเป็นเทคโนโลยไี ปอีก เป็นวฏั จกั รหมุนเวยี นกนั ไป เทคโนโลยสี ่ือสารการศึกษา หมายถึง การประยกุ ตเ์ อา แนวความคิด วธิ ีการ วสั ดุ อุปกรณ์ตา่ งๆเขา้ มาช่วยในการส่ือสารการศึกษาอยา่ งเป็นระบบ เพ่อื ใหผ้ สู้ อนสามารถถ่ายทอดความรู้ไปสู่ผเู้ รียนได้เป็นอยา่ งดี ทาํ ใหก้ ารศึกษามีประสิทธิภาพ และมีประสิทธิผล มากข้ึน ประกอบดว้ ย 5 ขอบขต ไดแ้ ก่

14การออกแบบ การพฒั นา การใช้ การจดั การ และการประเมิน เทคโนโลยสี ื่อสารการศึกษามีความสาํ คญัตอ่ การศึกษามากคือ ช่วยนาํ มวลประสบการณ์เขา้ มาจดั การศึกษา ช่วยขยายแหล่งวทิ ยากรมนุษยซ์ ่ึงมีอยู่อยา่ งจาํ กดั ใหส้ ามารถใชไ้ ดอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง ช่วยจดั สภาวะการเรียนไดอ้ ยา่ งหลากหลาย ทาํ ใหค้ ุณภาพของสถานศึกษาเท่าเทียมกนั ทาํ ใหเ้ กิดผลการเรียนรู้หลายดา้ น ช่วยอาํ นวยความสะดวกใหแ้ ก่นกั เรียนได้ลงมือกระทาํ ดว้ ยตนเองจนเกิดการเรียนรู้ ช่วยทาํ ใหเ้ กิดเหตุการณ์สอนที่สาํ คญั ท่ีทาํ ใหก้ ารเรียนรู้มีประสิทธิภาพ และช่วยทาํ ใหเ้ กิดภาวะเบ้ืองตน้ ท่ีจาํ เป็นสาํ หรับการเรียนการสอน พฒั นาการของเทคโนโลยสี ื่อสารการศึกษา เร่ิมตน้ จากการนาํ วสั ดุอุปกรณ์ซ่ึงเป็นสื่อประเภทภาพและเสียงรวมถึงเทคนิควิธีการมาใช้ เพื่อเพม่ิ ประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการเรียนการสอนและมีการนาํ ส่ือหลาย ๆ อยา่ งมาใชร้ ่วมกนั ในลกั ษณะของส่ือประสม โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ เมื่อมีการนาํคอมพิวเตอร์มาใชใ้ นวงการศึกษา ทาํ ใหเ้ กิดคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน โดยผเู้ รียนสามารถเรียนรู้จากโปรแกรมบทเรียนรูปแบบต่าง ๆ ไดแ้ ก่ การสอน การฝึกหดั การจาํ ลอง เกมเพ่ือการสอน การคน้ พบ การแกป้ ัญหา และการทดสอบ ในแต่ละบทเรียนจะมีตวั อกั ษร ภาพกราฟิ ก ภาพนิ่ง ภาพเคล่ือนไหว และเสียง ประกอบในลกั ษณะของส่ือประสม และส่ือหลายมิติ ต่อมามีการนาํ คอมพวิ เตอร์มาเช่ือมโยงเขา้ดว้ ยกนั เป็นเครือข่ายอินเทอร์เน็ตโดยมีระบบโทรคมนาคมเขา้ มาเสริม ทาํ ใหส้ ามารถจดั การเรียนรู้ได้ ในลกั ษณะการศึกษารายบุคคล การศึกษาเป็นกลุ่ม การศึกษามวลชน และสามารถจดั การศึกษาได้ ท้งั ในระบบ นอกระบบ และตามอธั ยาศยั ทาํ ใหเ้ กิดการเรียนรู้ตลอดชีวติแบบฝึ กหดั ท้ายบท 1. จงอธิบายความหมายของนวตั กรรม 2. กระบวนการเกิดนวตั กรรม มีข้นั ตอนอยา่ งไร 3. นวตั กรรมและเทคโนโลยมี ีความสมั พนั ธ์กนั อยา่ งไร 4. จงอธิบายความหมายของเทคโนโลยกี ารศึกษา 5. แนวคิดของเทคโนโลยกี ารศึกษาท่ีสาํ คญั มีกี่ทศั นะ อะไรบา้ ง 6. จงอธิบายความหมายของเทคโนโลยสี ื่อสารการศึกษา 7. เทคโนโลยสี ่ือสารการศึกษามีขอบเขตและองคป์ ระกอบอะไรบา้ ง 8. เทคโนโลยสี ื่อสารการศึกษามีความสาํ คญั อยา่ งไร 9. บิดาของโสตทศั นศึกษา คือใคร 10. จงอธิบายถึงพฒั นาการของเทคโนโลยสี ่ือสารการศึกษา

15เอกสารอ้างองิกิดานนั ท์ มลิทอง. (2636). เทคโนโลยกี ารศึกษาร่วมสมยั . กรุงเทพมหานคร : เอดิสัน เพรส โพรดกั ส์ จาํ กดั .เปร่ือง กุมุท. (2518). เทคโนโลยแี ละนวกรรมการศึกษา. กรุงเทพมหานคร : มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒประสานมิตร.ศกั ด์ิคเรศ ประกอบผล. (2549). เอกสารประกอบการสอนรายวชิ าเทคโนโลยกี ารศึกษา. กรุงเทพมหานคร : มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั บา้ นสมเด็จเจา้ พระยา.เอกวทิ ย์ แกว้ ประดิษฐ.์ (2545). เทคโนโลยกี ารศึกษา : หลกั การและแนวคดิ สู่ปฏิบตั .ิ สงขลา : มหาวทิ ยาลยั ทกั ษิณ.Association for Educational Communications and Technology. (1977). Educational Technology : A Glossary of Terms. Washington D.C. : Association for Educational Communications and Technology.Gagne, Robert M. and Leslie J. Briggs. (1979). Principles of Instruction Design. 2 nd ed. New York : Holt, Rinehart and Winston.Good, Carter V. (1973). Dictionary of Education. 3 rd ed. New York : Mc Graw – Hill.Hancock, Alan. (1977). Planning for Educational Mass Media. London : Longman.Nicholls, Audrey and Allen, George. (1983). Managing Educational Innovations. London : Unwin.Seels,B.B. and Richey,R.C. (1994). Instruction Technology : The Definition and Domainsof the Field. Washington D.C.: Association for Educational Communications and Technology.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook