ส่งิ ท่สี ร้างข้นึ สาหรับทาเสยี งให้เป็นทานอง หรือจังหวะ วธิ ที ่ที าให้มีเสยี งดงั ข้นึ น้นั มี อยู่ ๔ วธิ ี คอื
เครื่องดีด เคร่ืองดดี ทุกอย่างจะต้องมีสว่ นท่เี ป็นกระพ้งุ เสยี ง บางทกี เ็ รียกว่า กะโหลก สาหรับทาให้ เสยี งท่ดี ดี น้ันก้องวานดงั ข้นึ อกี เคร่ืองดดี ของไทยท่ใี ช้ในวงดนตรีแต่โบราณเรียกว่า \"พิณ\" ซ่งึ มาจากภาษาของชาวอนิ เดยี ท่วี ่า \"วณี า\" ในสมัยหลงั ๆ ต่อมาจงึ บญั ญัตชิ ่อื เป็นอย่างอ่นื ตามรปู ร่างบ้าง ตามภาษาของชาตใิ กล้เคียงบ้าง เช่น\"กระจับป่ี \" ซ่งึ มกี ระพ้งุ เสยี งรปู แบน ด้านหน้าและด้านหลงั กลมรี คล้ายรปู ไข่ มคี นั ต่อยาวเรียวข้นึ ไป ตอนปลายบานและงอน โค้งไปข้างหลงั เรียกว่า ทวน มี สายทาด้วยเอน็ หรือไหม ๔ สาย ขงึ ผ่านหน้ากะโหลกตาม คนั ข้นึ ไปจนถงึ ลกู บิด ๔ อนั ผูกปลาย สายอนั ละสาย มนี มตดิ ตามคนั ทวนสาหรับกดสาย ลงไปตดิ สนั นม ให้เกดิ เสยี งสงู ต่าตามประสงค์ ผู้ดดี ต้องน่งั พับเพียบทางขวา วางตวั กระจบั ป่ี (กะโหลก) ลงตรงหน้าขาขวา กดน้ิวตามสายด้วยมือ ซ้าย ดดี ด้วยมอื ขวา รปู กระจบั ป่ี (หรือพิณ)
เคร่ืองสี เคร่ืองดนตรีท่ตี ้องใช้เส้นหางม้าหลายๆ เส้นรวมกัน สไี ปบนสายซ่งึ ทาด้วยไหมหรือเอน็ น้ี โดยมากเรียกว่า \"ซอ\" ท้งั น้ัน ซอของไทยท่มี ีมาแต่โบราณกค็ อื \"ซอสามสาย\" ใช้บรรเลงประกอบ ในพระราชพีธีสมโภชต่างๆ ซอสามสายน้ี กะโหลกสาหรับอุ้มเสยี ง ทาด้วยกะลามะพร้าวตดั ขวาง ให้เหลอื พทู ้งั สามอยู่ด้านหลัง ขึงหน้าด้วยหนังแพะหรือหนังลกู วัว มีคนั (ทวน) ต้งั ต่อจาก กะโหลก ข้ึนไปยาวประมาณ ๑.๒๐ เมตร ทาด้วยงาช้างหรือไม้แก่น กลงึ ตอนปลายให้สวยงาม มี ลกู บดิ สอด ขวางคนั ทวน ๓ อนั สาหรับพันปลายสาย เร่งให้ตึง หรือหย่อนตามต้องการ มีทวน ล่างต่อลงไป จากกะโหลก กลงึ ให้เรียวเลก็ ลงไปจนแหลม เล่ียมโลหะตอนปลาย เพ่ือให้แขง็ แรง สาหรับปักลงกบั พ้ืน สายท้งั สามน้ันทาด้วยไหมหรือเอน็ ขึงจากทวนล่างผ่านหน้าซอซ่งึ มหี ย่อง รองรับข้ึนไปตามทวน และร้อยเข้าในรู ไปพันลกู บดิ สายละอัน สว่ นคนั ชักหรือคนั สนี ้ัน ทาคล้าย คนั กระสนุ ขึงด้วยเส้น หางม้าหลายๆ เส้น สไี ปมาบนสายท้งั สามตามต้องการ ส่งิ สาคัญของซอ สามสายอย่างหน่ึง คอื \"ถ่วงหน้า\" ถ่วงหน้าน้ี ทาด้วยโลหะประดิษฐ์ให้สวยงาม บางทถี งึ แก่ฝัง เพชรพลอยกม็ ี แต่จะต้องมีนา้ หนักได้ส่วนสมั พันธก์ บั หน้าซอ สาหรับติดตรงหน้าซอตอนบน ด้านซ้าย ถ้าไม่มีถ่วงหน้าแล้ว เสยี งจะดังอู้อ้ไี ม่ไพเราะ
เคร่ืองตี เคร่ืองดนตรีท่ตี แี ล้วดงั เป็นเพลงหรือเป็นจงั หวะมีมากมาย จะกล่าวเฉพาะท่คี วรจะร้จู ัก และ ใช้กนั อยู่ทว่ั ไป คอื กรับ เป็นเคร่ืองตที ่เี ม่อื ตแี ล้วดงั กรับ - กรับ กรับอย่างหน่ึงเป็นไม้ไผ่ผ่าซกี ๒ อนั ถือ มอื ละอนั แล้วเอาทางผวิ ไม้ตกี นั เรียกว่า \"กรับคู่\" หรือ \"กรับละคร\" เพราะโดยมากใช้ ประกอบการเล่นละคร กรับ
เคร่ืองเป่ า เคร่ืองดนตรีไทยท่ใี ช้ลมเป่ าแล้วดงั เป็นเสยี งน้นั แบ่งออกได้เป็น ๒ ประเภท ประเภท หน่ึงต้องมลี ้ินท่ที าด้วยใบไม้ หรือไม้ไผ่ หรือโลหะ สอดใส่เข้าไว้ เม่อื เป่ าลมเข้าไป ล้นิ กจ็ ะ เต้นไหว ให้เกดิ เสยี ง เรียกว่า \"ป่ี \" อกี ประเภทหน่ึงไม่มีล้ิน แต่มรี บู ังคบั ทาให้ลมท่เี ป่ าหัก มุม แล้วเกดิ เป็นเสยี งข้นึ เรียกว่า \"ขล่ยุ \" ท้งั ป่ี และขลุ่ย ลักษณนามเรียกว่า \"เลา\" ซ่งึ มอี ยู่ หลายประเภท แต่จะกล่าวเฉพาะท่คี วรร้เู ท่าน้นั คือ ป่ี ใน ทาด้วยไม้ชิงชังหรือไม้พะยูง กลงึ ให้ป่ องกลางและบานปลายท้งั ๒ ข้างเลก็ น้อย เจาะเป็นรกู ลวงภายใน มรี สู าหรับปิ ดเปิ ดน้ิวให้เป็นเสยี งสงู ต่า เจาะท่ตี วั ป่ี ๖ รู ๔ รบู น เรียงตาม ลาดบั แล้วเว้นห่างพอควรจึงถงึ ๒ รลู ่าง ล้นิ ป่ี ทาด้วยใบตาลตดั กลมมน ซ้อน ๔ ช้ัน ผูกตดิ กบั หลอดโลหะท่เี รียกว่า \"กาพวด\" สอดกาพวดเข้าในรปู ่ี ด้านบนแล้วจึงเป่ า
Search
Read the Text Version
- 1 - 5
Pages: