ขน้ั ตอนการทา Best Practice
ขน้ั ตอนการทา Best Practice • มองภาพรวม • หากลอ่ งดวงใจ • ใครบา้ งทเ่ี กย่ี วขอ้ ง
ขน้ั ตอนการทา Best Practice • อะไรทท่ี าใหง้ านดขี นึ้ • อะไรทท่ี าใหง้ านเสยี หาย • จุดไหนทจี่ ะเกดิ นวตั กรรม
ขนั้ ตอนการทา Best Practice • องคก์ รมตี น้ ทนุ อะไรบา้ ง • องคก์ รมอี งคค์ วามรอู ้ ะไรบา้ ง • จดุ เชอื่ มตอ่ ทที่ าใหเ้ กดิ Best Practices
What is the benefit from the best practices • การเรยี นรไู ้ ปสกู่ ารพัฒนาตนเอง • การพัฒนาอยา่ งกา้ วกระโดด • การสรา้ งสรรคด์ ว้ ยการตอ่ ยอด
การคน้ หา Best Practice สงิ่ ทเี่ ราคดิ วา่ เจอแลว้ ใชแ่ ลว้ และคดิ วา่ เป็ น Best Practice การคน้ หา Best Practice เพอื่ ดมู สี งิ่ ทชี่ ว่ ยคน้ หางา่ ยๆดังนี้ การวเิ คราะหบ์ รบิ ท ความคาดหวังของหน่วยงาน/สงั คม/ผมู ้ สี ว่ นไดเ้ สยี พจิ ารณาวา่ PDCA ไดค้ รบวงจรหรอื ยัง ขนั้ ตอนนนั้ เป็ นนวัตกรรม หรอื ไม่ ตงั้ คาถามนวัตกรรมนนั้ - คอื อะไร What - ทาอยา่ งไร How - ทาเพอ่ื อะไร Why วเิ คราะหป์ ัจจัยทสี่ าเร็จ และบทเรียนทไี่ ดเ้ รยี นรู ้
เกณฑพ์ จิ ารณา Best Practice 1. สอดคลอ้ งกับความคาดหวงั ของหนว่ ยงาน โรงเรียน ชมุ ชน ผปู ้ กครอง และ ผเู ้ กย่ี วขอ้ ง 2. มี PDCA จนเห็นแนวโนม้ ของตวั ชว้ี ดั 3. ผเู ้ ขยี นบอกเลา่ ไดว้ า่ ทาอะไร What ทาอยา่ งไร How ทาไมจงึ ทา Why 4. ผลลัพธ์เป็ นไป/สอดคลอ้ ง/สะทอ้ นมาตรฐานหรือขอ้ กาหนด 5. เป็ นสง่ิ ที่ ปฏบิ ตั ไิ ดจ้ รงิ และเห็นผลแลว้ ไมใ่ ชแ่ นวคดิ หรอื ทฤษฎี
องคป์ ระกอบการเขยี น Best Practice 1. ขอ้ มลู ทั่วไป 2. ผลงาน/ระบบงาน (ดอี ย่างไร How) 2.1 ขนั้ ตอนการดาเนนิ งาน หรือ Flow(แผนภมู )ิ ของระบบทท่ี า 2.2 เขยี นเลา่ ขัน้ ตอนการดาเนนิ งานความเรยี งจนสาเรจ็ 3. ปัจจัยเกอ้ื หนนุ (ดเี พราะอะไร What) หรอื ปัจจัยแหง่ ความสาเร็จ และ บทเรยี นทไ่ี ดร้ ับ 4. ผลการดาเนนิ งาน(ดแี คไ่ หน Why) ควรเนน้ ตวั ชวี้ ัดสาคัญตา่ งๆ ทแ่ี สดง ใหเ้ ห็นแนวโนม้ การเปลยี่ นแปลง ซงึ่ อาจใชแ้ ผน๓มหิ รือกราฟ แสดงให ้ เหน็ ถงึ ความเปลยี่ นแปลงการดาเนนิ งานจนผลสาเร็จ
แนวทางการเขยี น Best Practice หวั ขอ้ สาหรับนาเสนอแนวทางปฏบิ ตั ทิ ด่ี ปี ระกอบดว้ ย 15 หวั ขอ้ ดังน้ี 1. ชอ่ื ผลงาน 2. หน่วยงาน/สถานศกึ ษา/กศน.ตาบล 3. คณะทางานพัฒนาแนวปฏบิ ตั ทิ ด่ี ี 4. ความสอดคลอ้ ง 5. ทมี่ าและความสาคัญของผลงาน 6. วตั ถุประสงค์ 7. วธิ ดี าเนินการ 8. ตวั ชวี ัดความสาเร็จ 9. การประเมนิ ผลและเครอื่ งมอื การประเมนิ ผล 10. ผลการดาเนนิ งาน 11. บทสรปุ 12. กลยทุ ธห์ รอื ปัจจยั ทท่ี าใหป้ ระสบความสาเรจ็ 13. ขอ้ เสนอแนะ 14. การอา้ งองิ 15. ภาคผนวก
แนวทางการเขยี น Best Practice 1. ชอ่ื ผลงาน(ระบชุ อ่ื ผลงานทเ่ี ป็ นแนวปฏบิ ัตทิ ด่ี )ี ควรเป็ นวธิ ีปฏบิ ัตหิ รอื ขนั้ ตอนการปฏบิ ตั งิ านสาคญั ทมี่ สี ว่ นชว่ ยใหบ้ รรลุ วตั ถปุ ระสงค/์ เป้าหมายทกี่ าหนดไว ้ 2. หน่วยงาน/สถานศกึ ษา/กศน.ตาบล (ระบชุ อื่ หนว่ ยงาน/สถานศกึ ษา/กศน.ตาบลทพ่ี ัฒนาแนวปฏบิ ตั ทิ ดี่ )ี 3. คณะทางานพฒั นาแนวปฏบิ ตั ทิ ด่ี ี (ระบชุ อ่ื บคุ คล) 4. ความสอดคลอ้ ง ระบคุ วามสอดคลอ้ งทเี่ กยี่ งขอ้ ง เชน่ ยุทธศาสตร์และจดุ เนน้ การดาเนนิ งาน กศน. วสิ ยั ทศั น/์ พันธกจิ ระบบคณุ ภาพสถานศกึ ษา ฯลฯ 5. ทมี่ าและความสาคญั ของผลงาน ใหเ้ ขยี นระบเุ หตผุ ล/ความจาเป็ นวา่ ทาไมตอ้ งทาโครงการนี้
แนวทางการเขยี น Best Practice 6. วตั ถปุ ระสงค์ ใหร้ ะบวุ า่ เมอ่ื ทาโครงการ/กจิ กรรมน้แี ลว้ เสรจ็ จะเกดิ อะไรขนึ้ หรือคาดหวังวา่ จะ เกดิ อะไรทเี่ ป็ นผลจากการทาโครงการ/กจิ กรรมน้ี โดยเขยี นเป็ นขอ้ ๆ ใหช้ ดั เจน 7. วธิ ดี าเนนิ การ 7.1 เขยี นอธบิ ายขนั้ ตอนการดาเนนิ งานโดยละเอยี ด เชน่ ขัน้ ตอนที่ 1 เป็ น ขนั้ ตอนศกึ ษาอะไร ศกึ ษาหรอื แบง่ กลมุ่ ศกึ ษาอยา่ งไร และดผุ ลจากอะไร โดยวธิ ี ไหน อย่างไร เป็ นตน้ ถัดจากนัน้ ขนั้ ตอนท่ี 2 ขนั้ ตอนที่ 3 ขนั้ ตอนท่ี 4 ทาอย่างไร 7.2 เขยี นวธิ กี ารทดลอง โดยเรียงลาดบั กอ่ นหลงั ใสห่ มายเลขเป็ นขอ้ ๆ เขยี นใหไ้ ดใ้ จความตอ่ เนอ่ื ง ชดั เจน กะทดั รัด อา่ นแลว้ เขา้ ใจงา่ ย ไมว่ กวน 7.3 บอกวธิ กี ารหาขอ้ มลู วา่ ทาอย่างไร เชน่ นามาเขยี นในรปู ตาราง แผนภมู ิ กราฟ ฯลฯ 8. ตัวชวี้ ดั ความสาเร็จ ใหร้ ะบวุ า่ อะไรหรอื สง่ิ ใดเป็ นสง่ิ บง่ บอกความสาเร็จตามวตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการ/ กจิ กรรม(ระบเุ พอ่ื การประเมนิ ) รวมทงั้ ระบเุ ป้าหมายความสาเร็จดว้ ย
แนวทางการเขยี น Best Practice 9. การประเมนิ ผลและเครอ่ื งมอื การประเมนิ ผล ใหร้ ะบวุ ธิ กี ารประเมนิ ผล และเคร่ืองมอื ทใ่ี ชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู หรอื เครื่องมอื การประเมนิ ผลตามตวั ชว้ี ัดทร่ี ะบไุ วท้ กุ ตวั 10. ผลการดาเนนิ งาน ใหร้ ะบผุ ลการดาเนนิ งานตามวตั ถปุ ระสงคแ์ ละตวั ชว้ี ดั 11. บทสรุป ใหร้ ะบบุ ทสรุปทไ่ี ดร้ ับจากการทาโครงการ/กจิ กรรม ควรสรปุ วธิ ปี ฏบิ ตั หิ รอื ขนั้ ตอน การปฏบิ ัตทิ ด่ี ี และความรู ้ประสบการณ์ทไ่ี ดร้ ับ 12. กลยทุ ธ์หรอื ปัจจยั ทท่ี าใหป้ ระสบความสาเร็จ ใหร้ ะบกุ ลยทุ ธห์ รือปัจจยั ทที่ าใหไ้ ปสคู่ วามสาเร็จ ทเี่ ป็ นเทคนคิ หรอื วธิ กี ารทางาน หรอื ปัจจยั ใดๆ ทค่ี ณะทางานเหน็ วา่ ชว่ ยใหก้ ารทาโครงการ/กจิ กรรมแนวปฏบิ ตั ทิ ดี่ ี ประสบความสาเร็จ
แนวทางการเขยี น Best Practice 13. ขอ้ เสนอแนะ ใหร้ ะบแุ นวทางการนาแนวปฏบิ ตั ทิ ด่ี ไี ปใชใ้ นการพฒั นางาน หรอื พัฒนากระบวนการ ทางาน ควรเขยี นในลกั ษณะเสนอแนะวธิ กี ารปรบั ปรงุ /พฒั นางาน หรอื พัฒนา กระบวนการทางานให ้ดขี นึ้ 13.1 ใหบ้ อกวา่ สามารถนาความรูท้ ไี่ ดจ้ ากการศกึ ษาไปทาอะไรไดบ้ า้ ง 13.2 เขยี นขอ้ เสนอแนะเป็ นขอ้ ๆ โดยเรยี งลาดบั ความสาคัญจากมากไปหานอ้ ย
แนวทางการเขยี น Best Practice 14. การอา้ งองิ ใหร้ ะบแุ หลง่ ทม่ี าของขอ้ ความทใ่ี ชอ้ า้ งองิ หรือขอ้ มลู ทใี่ ชค้ น้ ควา้ ศกึ ษาหาขอ้ มลู ท่ี นามาใชป้ ระโยชนใ์ นการทาโครงการ/กจิ กรรมน้ี สาหรับรูปแบบการเขยี นเอกสารอา้ งองิ ทใี่ ชใ้ นการทาโครงการมกี ารเขยี นไดห้ ลาย รปู แบบ เชน่ ระบบนาม-ปี เป็ นตน้ เอกสารอา้ งองิ เป็ นการรวบรวมรายการเอสารทถ่ี กู อา้ งไวใ้ นสว่ นเนอ้ื เรือ่ งเทา่ นัน้ ดังนัน้ จานวนรายการเอกสารทอี่ า้ งองิ ในสว่ นทา้ ยเรอื่ ง จงึ ตอ้ งมเี ทา่ กันกับทถี่ กู อา้ งองิ ไวใ้ นสว่ นเน้อื เรอ่ื ง บรรณานุกรม เป็ นการรวบรวมเอกสารทใี่ ชอ้ า้ งองิ ในสว่ นเนอ้ื หาทงั้ หมด รวมทงั้ เอกสารทมี่ ไิ ดอ้ า้ งไวใ้ นสว่ นเนือ้ เร่ืองมารวมกันกไ็ ด ้หากเห็นวา่ เอกสารนนั้ มคี วาม เกยี่ วขอ้ งกับเร่อื งทจี่ ะเขยี น และเป็ นประโยชนก์ ับผอู ้ า่ น ดงั นัน้ จานวนรายการเอกสาร ทอ่ี า้ งองิ ในสว่ นทา้ ยเรอ่ื ง จงึ อาจมมี ากกวา่ จานวนทถ่ี กู อา้ งองิ ไวใ้ นสว่ นเนอ้ื เรอื่ ง การเลอื กใชเ้ อกสารอา้ งองิ หรอื บรรณานุกรม ขนึ้ อยูก่ ับลักษณะการอา้ งองิ
แนวทางการเขยี น Best Practice 15. ภาคผนวก สว่ นประกอบทเี่ ขยี นเพมิ่ เตมิ ตอนทา้ ย(ถา้ ม)ี เพอ่ื ชว่ ยใหเ้ ห็นความสมบรู ณข์ องขอ้ มลู เนื้อหา กระบวนการดาเนนิ การ และผล ของการดาเนนิ งาน อาจประกอบดว้ ย แบบสอบถาม แบบสมั ภาษณ์ ผลการ วเิ คราะหข์ อ้ มลู โดยใชส้ ถติ ทิ เ่ี กยี่ วขอ้ งอน่ื ๆ นอกเหนอื ทจ่ี ดั ไวใ้ นเน้ือหา สาเนา เอกสารหายาก โปรแกรมคอมพวิ เตอรท์ ใ่ี ช ้นอกจากน้ีอาจมรี ายละเอยี ดอน่ื ๆ เชน่ คาอธบิ ายขนั้ ตอน หรือการทาภาพประกอบ การสรา้ งเครือ่ งมอื หรอื อปุ กรณก์ าร ทดลองผลติ ภณั ฑท์ เ่ี กดิ ขน้ึ หรอื สรา้ งขน้ึ ในโครงการ/กจิ กรรมนนั้ ๆ สาหรับภาคผนวกหลายภาค ใหจ้ ัดเป็ นภาคผนวก ก ภาคผนวก ข ภาคผนวก ค ตามลาดับ และใหข้ น้ึ หนา้ ใหมเ่ มอ่ื ขน้ึ ภาคผนวกใหม่ และพมิ พห์ นา้ บอกตอน สาหรับภาคผนวกนัน้ ๆดว้ ย
หลกั เกณฑก์ ารสง่ ผลงานแนวปฏบิ ตั ทิ ด่ี สี ูค่ วามสาเรจ็ 1. ผสู ้ ง่ ผลงานเขยี นขอ้ มลู สรปุ ตามกลมุ่ งาน โดยมคี วามยาวไมเ่ กนิ 5 หนา้ กระดาษ A4 พมิ พด์ ว้ ยตัวอักษร TH SarabunPSK 16 พอยน์ กาหนดการตงั้ คา่ หนา้ กระดาษ (ขอบบนและซา้ ย 3.5 เซนตเิ มตร ลา่ ง และขวา 2.5 เซนตเิ มตร) มภี าพประกอบ ตามทเ่ี หน็ สมควร 2. แนวปฏบิ ัตทิ ดี่ สี คู่ วามสาเร็จ ( Best Practice ) ทนี่ าเสนอตอ้ งเป็ นผลงาน ประจาปี การศกึ ษา......... 3. ใหจ้ ดั ทาเป็ นไฟลข์ อ้ มลู นามสกลุ .doc หรอื .docx สง่ มายังสถาบนั จดั การความรใู ้ นรปู แบบ CD ขอ้ มลู หรอื E-mail 4. กาหนดสง่ ผลงานภายในวนั ท.่ี ............................
การนาเสนอผลงาน หลักเกณฑท์ ดี่ กี ารนาเสนอผลงาน มกี ารนาเสนอผลงานเป็ นขนั้ ตอน ชดั เจน ครอบคลมุ ทกุ ประเด็น และสามารถตอบคาถามไดถ้ กู ตอ้ งตามหลกั วชิ าการ มเี อกสาร/ หลกั ฐานประกอบการนาเสนอทสี่ อดคลอ้ งสมั พนั ธก์ นั
ตวั อยา่ ง การคดิ คะแนนการคดั เลอื กผลงาน การคัดเลอื กผลงานแนวปฏบิ ตั ทิ ด่ี ี ( Best Practice ) มรี ายการพจิ ารณา จานวน 7 รายการ มคี ะแนนรวม 100 คะแนน รายการที่ 1 ความสาคญั ของผลงานหรือนวัตกรรมทนี่ าเสนอ 9 คะแนน รายการที่ 2 จดุ ประสงคแ์ ละเป้าหมายของการดาเนนิ งาน 6 คะแนน รายการที่ 3 กระบวนการผลติ ผลงาน หรือขนั้ ตอนการดาเนนิ งาน 30 คะแนน รายการท่ี 4 ผลการดาเนนิ การ/ผลสมั ฤทธ/์ิ ประโยชนท์ ไี่ ดร้ ับ 30 คะแนน รายการท่ี 5 ปัจจยั ความสาเร็จ 10 คะแนน รายการที่ 6 บทเรียนทไ่ี ดร้ ับ (Lesson Learned) 9 คะแนน รายการท่ี 7 การเผยแพร่/การไดร้ ับการยอมรับ/รางวลั ทไี่ ดร้ ับ 6 คะแนน
พนู สวสั ด ์ิ สราญฤทธไิ กร ประวตั กิ ารทางาน บรษิ ทั ไทยประสทิ ธป์ิ ระกนั ภยั จากดั การศกึ ษา บรษิ ทั อนิ ดเิ พน็ เดน้ ท์ คอนซลั แตน้ ท์ จากดั มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ สงขลา บรษิ ทั ทวสี นิ โบรคเกอร ์ จากดั ศกึ ษาศาสตร ์ เทคโนโลยี และนวตั กรรมทางการศกึ ษา บรษิ ทั ท็อปคารเ์ ตอร ์ จากดั และการบรหิ ารการศกึ ษา บรษิ ทั เอ็กซเ์ ซลพอ้ ยท์ ซสิ เท็มส(์ ประเทศไทย) บรษิ ทั เจ พี อนิ ฟอรเ์ มชน่ั แอนด ์ เซอรว์ สิ จากดั บรษิ ทั ยงไทย ดสิ ทรบิ วิ เตอร ์ จากดั บรษิ ทั วชิ น่ั สมารท์ จากดั ปจั จุบนั บรษิ ทั ศนู ยก์ ารพฒั นาและฝึ กอบรม จากดั วทิ ยากรอสิ ระ.ใหก้ บั หน่วยงานตา่ งๆทง้ั ภาครฐั เอกชน และสถาบนั ตา่ งๆ
Search