กิจกรรมสง่ เสริมการอ่าน สาระน่ารู้ หอ้ งสมดุ ประชาชน”เฉลิมราชกมุ ารี”อาเภอกาบเชงิ facebook เช่ือมโยงแหลง่ เรยี นรูห้ อ้ งสมดุ ห้องสมุดประชาชน”เฉลมิ ราชกมุ ารี”อาเภอกาบเชิง ถนนสุรนิ ทร์ชอ่ งจอม – หมูท่ ่ี 17 ตาบลกาบเชิง อาเภอกาบเชงิ จังหวดั สุรนิ ทร์ 32210 โทร.044-559062 โทรสาร 044-559122
วนั วสิ าขบูชา 2564 วันสาคัญทางพระพุทธศาสนา และเปน็ วนั หยุดราชการของไทย ซ่งึ ประวตั วิ ันวสิ าขบูชา เปน็ วนั ท่ี พระพุทธเจ้า ประสูติ ตรัสรู้ และปรนิ พิ พาน มาบรรจบกนั ใน วนั น้พี ทุ ธศาสนกิ ชนจะไปทาบญุ ตักบาตร เวยี นเทียนทว่ี ัด ความหมายของวนั วิสาขบูชา คาวา่ วิสาขบูชา ย่อมาจากคาว่า \"วิสาขปรุ ณมีบชู า\" แปลวา่ \"การ บูชาในวนั เพ็ญเดือนวสิ าขะ\" ดังนน้ั วิสาขบูชา จงึ หมายถึง การบูชาในวัน เพ็ญ เดอื น 6 การกาหนดวันวิสาขบชู า วันวสิ าขบชู า ตรงกับวันขึ้น 15 ค่า เดือน 6 ตามปฏทิ ินจนั ทรคติ ของไทย ซงึ่ มักจะตรงกับเดือนพฤษภาคม หรอื มถิ นุ ายน แต่ถ้าปีใดมี อธิกมาส คอื มเี ดือน 8 สองหน ก็เลื่อนไปเปน็ วันข้ึน 15 ค่า กลางเดอื น 7 หรอื ราวเดือนมถิ นุ ายน
ประวตั วิ นั วสิ าขบชู าและความสาคญั ของ วนั วิสาขบชู า วนั วสิ าขบชู า ถือเปน็ วันสาคญั ย่ิงทางพระพทุ ธศาสนา เพราะ เป็นวนั ทเ่ี กดิ 3 เหตุการณส์ าคญั ท่ีเกี่ยวกับวถิ ชี ีวิตของพระสัมมาสมั พทุ ธเจา้ เวยี นมาบรรจบกนั ในวนั เพญ็ เดอื น 6 แม้จะมชี ว่ งระยะเวลา ห่างกนั นับเปน็ เวลาหลายสบิ ปี ซ่งึ เหตุการณอ์ ัศจรรย์ 3 ประการ ไดแ้ ก่ .. วนั วิสาขบชู า เปน็ วันทพ่ี ระพทุ ธเจา้ ประสตู ิ เมอ่ื พระนางสิรมิ หามายา พระมเหสขี องพระเจ้าสทุ โธทนะ แหง่ กรุงกบลิ พสั ดุ์ ทรงพระครรภแ์ ก่จวนจะประสูติ พระนางแปรพระราชฐานไปประทบั ณ กรุงเทวทหะ เพอ่ื ประสตู ิในตระกลู ของพระนางตามประเพณีนิยมในสมยั นั้น ขณะเสดจ็ แวะ พกั ผ่อนพระอริ ิยาบถใตต้ น้ สาละ ณ สวนลมุ พนิ วี ัน พระนางกไ็ ด้ประสตู ิพระโอรส ณ ใต้ต้นสาละน้นั ซง่ึ ตรงกับวันเพ็ญ เดือน 6 ก่อนพุทธศักราช 80 ปี ครนั้ พระกุมาร ประสูติได้ 5 วนั กไ็ ดร้ ับการถวายพระนามว่า \"สิทธัตถะ\" แปลวา่ \"สมปรารถนา“ เมือ่ ข่าวการประสตู แิ พร่ไปถงึ อสติ ดาบส 4 ผู้อาศยั อยใู่ นอาศรมเชงิ เขาหมิ าลัย และมี ความคนุ้ เคยกบั พระเจ้าสุทโธทนะ ดาบสจึงเดนิ ทางไปเขา้ เฝ้า และเม่อื เห็นพระราช กุมารก็ทานายไดท้ ันทวี ่า น่ีคือผจู้ ะตรัสรเู้ ป็นพระสมั มาสมั พุทธเจา้ จงึ กล่าวพยากรณ์ ว่า \"พระราชกมุ ารน้ีจกั บรรลพุ ระสพั พญั ญตุ ญาณ เหน็ แจง้ พระนพิ พานอันบรสิ ทุ ธ์ิ อยา่ งยงิ่ ทรงหวงั ประโยชนแ์ กช่ นเปน็ อนั มาก จะประกาศธรรมจกั รพรหมจรรยข์ อง พระกมุ ารนจ้ี กั แพรห่ ลาย\" แล้วกราบลงแทบพระบาทของพระกมุ าร พระเจา้ สุทโธท นะทอดพระเนตรเหน็ เหตุการณ์น้นั ทรงรู้สึกอศั จรรยแ์ ละเป่ยี มล้นดว้ ยปตี ิ ถงึ กบั ทรดุ พระองค์ลงอภวิ าทพระราชกมุ ารตามอย่างดาบส
2. วนั วิสาขบชู า เปน็ วนั ทพี่ ระพทุ ธเจา้ ตรสั รอู้ นตุ ตรสมั มาสมั โพธิ ญาณ หลังจากออกผนวชได้ 6 ปี จนเมื่อพระชนมายุ 35 พรรษา เจ้าชายสทิ ธตั ถะกท็ รงตรสั ร้เู ป็นพระพุทธเจ้า ณ ใต้รม่ ไมศ้ รมี หาโพธ์ิ ฝง่ั แมน่ ้าเนรญั ชรา ตาบลอุรุเวลาเสนานคิ ม ในตอนเชา้ มืดของวัน พธุ ขน้ึ 15 คา่ เดือน 6 ปรี ะกา กอ่ นพทุ ธศกั ราช 45 ปี ปัจจุบัน สถานที่ตรสั รแู้ หง่ น้เี รียกว่า พุทธคยา เปน็ ตาบลหนง่ึ ของเมืองคยา แหง่ รฐั พิหาร ของอินเดีย สง่ิ ทีต่ รสั รู้ คอื อริยสจั 4 เป็นความจรงิ อนั ประเสรฐิ 4 ประการ ของพระพทุ ธเจา้ ซึ่งพระพทุ ธเจา้ เสดจ็ ไปทต่ี น้ มหาโพธิ์ และทรง เจรญิ สมาธภิ าวนาจนจติ เปน็ สมาธไิ ดฌ้ านท่ี 4 แล้วบาเพญ็ ภาวนา ตอ่ ไปจนไดฌ้ าน 3 คือ - ยามตน้ : ทรงบรรลุ \"ปุพเพนวิ าสานสุ สตญิ าณ\" คอื ทรง ระลกึ ชาตใิ นอดีตทง้ั ของตนเองและผอู้ น่ื ได้ - ยามสอง : ทรงบรรลุ \"จตุ ูปปาตญาณ\" คือ การรแู้ จ้งการ เกิดและดบั ของสรรพสัตวท์ ้ังหลาย ดว้ ยการมีตาทพิ ย์สามารถเห็น การจตุ ิและอุบัติของวญิ ญาณท้งั หลาย - ยามสาม หรือยามสดุ ทา้ ย : ทรงบรรลุ \"อาสวกั ขย ญาณ\" คือ รู้วิธีกาจดั กเิ ลสด้วย อรยิ สัจ 4 (ทกุ ข์ สมุทยั นโิ รธ มรรค) ไดต้ รสั รู้เปน็ พระสมั มาสัมพุทธเจ้า ในคนื วันเพญ็ เดอื น 6 ซึง่ ขณะนัน้ พระพทุ ธองคม์ ีพระชนมายุได้ 35 พรรษา
3. วันวสิ าขบชู า เป็นวนั ทพี่ ระพทุ ธเจา้ เสดจ็ เขา้ สปู่ รนิ พิ พาน (ดบั สงั ขารไมก่ ลบั มาเกดิ สรา้ งชาติ สรา้ งภพอกี ตอ่ ไป) เมื่อพระพทุ ธองคไ์ ดต้ รสั รแู้ ละแสดงธรรมเป็นเวลานานถึง 45 ปี จนมีพระชนมายุได้ 80 พรรษา ได้ประทบั จาพรรษา ณ เวฬุคาม ใกล้ เมืองเวสาลี แคว้นวชั ชี ในระหวา่ งน้นั ทรงพระประชวรอย่างหนัก ครัน้ เมื่อถึงวนั เพ็ญ เดือน 6 พระพทุ ธองค์กบั พระภกิ ษสุ งฆ์ท้ังหลายกไ็ ปรบั ภัตตาหารบิณฑบาตทบ่ี า้ นนายจนุ ทะ ตามคากราบทลู นมิ นต์ พระองค์ เสวยสูกรมทั ทวะทีน่ ายจุนทะตัง้ ใจทาถวายกเ็ กิดอาพาธลง แตท่ รงอด กล้นั มุ่งเสด็จไปยงั เมืองกสุ ินารา ประทับ ณ ป่าสาละ เพ่อื เสด็จดบั ขันธ์ ปรนิ พิ พาน เม่ือถงึ ยามสุดท้ายของคนื นั้น พระพทุ ธองค์ก็ทรงประทาน ปจั ฉมิ โอวาทว่า \"ดกู อ่ นภกิ ษทุ งั้ หลายอนั วา่ สงั ขารทง้ั หลายยอ่ มมคี วาม เสอ่ื มสลายไปเปน็ ธรรมดา ท่านทัง้ หลายจงยงั กจิ ทง้ั ปวงอนั เปน็ ประโยชนข์ องตนและประโยชนข์ องผอู้ น่ื ใหบ้ รบิ รู ณด์ ว้ ยความไม่ ประมาทเถดิ \" หลงั จากน้ันกเ็ สดจ็ เข้าดบั ขันธ์ปรินิพพานในราตรีเพ็ญ เดอื น 6 น้ัน
ประวตั คิ วามเปน็ มาของวนั วสิ าขบชู าในประเทศไทย ปรากฏหลักฐานว่า วันวสิ าขบชู า เรมิ่ ตน้ คร้งั แรกในประเทศ ไทยตง้ั แต่สมยั กรุงสุโขทยั เป็นราชธานี สนั นิษฐานว่าได้รับแบบแผน มาจากลังกา น่ันคือ เม่ือประมาณ พ.ศ. 420 พระเจา้ ภาติกุราช กษตั รยิ ์ แห่งกรงุ ลงั กา ไดป้ ระกอบพิธวี ิสาขบูชาขึ้นเพ่ือถวายเปน็ พุทธบูชา จากนนั้ กษตั รยิ ล์ ังกาพระองค์อ่ืน ๆ กป็ ฏิบตั ิประเพณีวิสาขบูชานี้สืบ ทอดต่อกันมา ส่วนการเผยแผ่เข้ามาในประเทศไทยนนั้ นา่ จะเป็น เพราะประเทศไทยในสมยั กรุงสุโขทยั มีความสมั พันธ์ดา้ น พระพทุ ธศาสนากบั ประเทศลังกาอย่างใกลช้ ิด เห็นไดจ้ ากมพี ระสงฆ์ จากลงั กาหลายรปู เดินทางเข้ามาเผยแพรพ่ ระพทุ ธศาสนา และนาการ ประกอบพิธวี ิสาขบูชาเขา้ มาปฏิบัติในประเทศไทยด้วย สาหรับการปฏบิ ัติพิธวี ิสาขบูชาในสมัยสโุ ขทัยนัน้ ไดม้ กี าร บนั ทกึ ไวใ้ นหนงั สอื นางนพมาศ สรุปได้วา่ เมอ่ื ถึงวันวิสาขบูชา พระ เจา้ แผน่ ดิน ข้าราชบริพาร ท้ังฝา่ ยหนา้ และฝา่ ยใน ตลอดทั้งประชาชน ชาวสโุ ขทยั จะชว่ ยกนั ประดับตกแตง่ พระนครด้วยดอกไม้ พร้อมกับจดุ ประทปี โคมไฟให้ดูสวา่ งไสวไปท่วั พระนคร เป็นเวลา 3 วัน 3 คนื เพื่อ เป็นการบูชาพระรัตนตรยั ขณะท่ีพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุ วงศ์ กท็ รงศลี และทรงบาเพญ็ พระราชกุศลต่าง ๆ ครนั้ ตกเวลาเยน็ ก็ เสด็จพระราชดาเนินพรอ้ มด้วยพระบรมวงศานวุ งศ์ และ นางสนองพระโอษฐ์ ตลอดจนขา้ ราชการทัง้ ฝ่ายหน้าและฝ่ายใน ไปยัง พระอารามหลวง เพื่อทรงเวียนเทียนรอบพระประธาน ส่วนชาวสโุ ขทัย จะรักษาศีล ฟงั ธรรม ถวายสลากภัตตาหาร สังฆทาน อาหารบณิ ฑบาต แดพ่ ระภกิ ษสุ ามเณร บรจิ าคทานแกค่ นยากจน ทาบญุ ไถ่ชวี ิตสตั ว์ ฯลฯ หลงั จากสมัยสุโขทยั ประเทศไทยได้รับอิทธิพลของศาสนา พราหมณม์ ากขนึ้ ทาใหใ้ นช่วงสมยั กรงุ ศรีอยุธยา ธนบรุ ี และ รัตนโกสินทรต์ อนต้น ไมป่ รากฏหลกั ฐานว่ามกี ารประกอบพธิ ีวิสาขบู ชา จนกระท่งั มาถึงรชั สมัยพระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลศิ หล้านภาลัย รชั กาลท่ี 2 แหง่ กรงุ รัตนโกสินทร์ (พ.ศ. 2360) มพี ระราชดารทิ ่ีจะให้ ฟื้นฟพู ิธีวิสาขบูชาขึ้นมาใหม่ โดยสมเด็จพระสงั ฆราช (มี) สานักวดั ราชบรู ณะ ถวายพระพรให้ทรงทาข้นึ เป็นครั้งแรก ในวันข้นึ 14 คา่ 15 ค่า และวันแรม 1 คา่ เดอื น 6 พ.ศ. 2360 และใหจ้ ัดทาตามแบบอย่าง ประเพณเี ดมิ ทุกประการ เพือ่ ใหป้ ระชาชนได้ทาบญุ ทากศุ ล โดยท่ัว หน้ากัน การร้ือฟืน้ พิธีวิสาขบูชาขน้ึ มาในครานี้ จึงถือเป็นแบบอยา่ งถอื ปฏบิ ัตใิ นการประกอบพธิ ี วนั วสิ าขบชู า ตอ่ เนอ่ื งมาจวบจนกระท่งั ปัจจุบัน
วนั วสิ าขบชู าเปน็ วนั สาคญั สากลของสหประชาชาติ วันวสิ าขบชู า ถือเป็นวนั สาคัญท่สี ดุ ทางพระพุทธศาสนา เนอื่ งจากลว้ นมเี หตุการณ์ที่เก่ียวข้องกบั การถอื กาเนิดของ พระพทุ ธศาสนา คอื เป็นวันท่ีพระศาสดา คือ พระสัมมาสมั พุทธเจ้า ประสตู ิ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ดังน้ัน พทุ ธศาสนิกชนทั่วโลกจงึ ให้ ความสาคญั กับวันวิสาขบูชาน้ี และในวนั ที่ 13 ธนั วาคม พ.ศ. 2542 องคก์ ารสหประชาชาตไิ ด้ ยอมรบั ญตั ตทิ ่ปี ระชมุ กาหนดใหว้ นั วิสาขบชู าเปน็ วนั สาคญั ของโลก โดยเรยี กวา่ Vesak Day ตามคาเรยี กของชาวศรลี งั กา ผทู้ ่ยี น่ื เรอ่ื งให้ สหประชาชาติพจิ ารณา และไดก้ าหนดใหว้ ันวิสาขบูชานี้ถือเป็นวันหยดุ วนั หนึง่ ของสหประชาชาตอิ ีกด้วย ทง้ั น้ี เพ่อื ให้ชาวพุทธทว่ั โลกไดม้ ี โอกาสบาเพญ็ บญุ เนือ่ งในวนั ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระบรม ศาสดา โดยการท่สี หประชาชาติได้กาหนดให้วันวิสาขบูชาเป็นวนั สาคัญของโลกนน้ั ได้ให้เหตุผลไว้ว่า องคส์ มเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจ้า ทรงเปน็ มหาบุรษุ ผใู้ หค้ วามเมตตาตอ่ หมูม่ วลมนษุ ย์ เปิดโอกาสให้ทุก ศาสนาสามารถเข้ามาศกึ ษาพุทธศาสนา เพอ่ื พสิ ูจน์หาขอ้ เทจ็ จรงิ ได้ โดยไมจ่ าเป็นตอ้ งเปลย่ี นมานบั ถือศาสนาพุทธ และทรงสงั่ สอนทกุ คน โดยใช้ปัญญาธิคณุ โดยไมค่ ิดคา่ ตอบแทน
การประกอบพธิ ใี นวนั วิสาขบชู า การประกอบพธิ ใี น วนั วิสาขบชู า จะแบง่ ออกเปน็ 3 พิธี ได้แก่ 1. พธิ หี ลวง คอื พระราชพิธสี าหรบั พระมหากษัตรยิ ์ พระ บรมวงศานุวงศ์ ประกอบในวนั วิสาขบูชา 2. พธิ รี าษฎร์ คือ พิธขี องประชาชนทัว่ ไป 3. พิธขี องพระสงฆ์ คือ พธิ ที ีพ่ ระสงฆ์ประกอบศาสนกจิ
กจิ กรรมในวนั วสิ าขบชู า กจิ กรรมทพี่ ทุ ธศาสนกิ ชนพงึ ปฏบิ ตั ใิ น วันวิสาขบชู า ไดแ้ ก่ 1. ทาบญุ ใส่บาตร กรวดน้าอทุ ศิ สว่ นกศุ ลให้ญาตทิ ี่ลว่ งลบั และเจ้ากรรมนายเวร 2. จัดสารับคาว-หวานไปทาบญุ ถวายภัตตาหารทวี่ ดั และ ปฏบิ ัติธรรม ฟังพระธรรมเทศนา 3. ปลอ่ ยนกปลอ่ ยปลา เพอ่ื สร้างบุญสรา้ งกุศล 4. รว่ มเวยี นเทยี นรอบอโุ บสถทว่ี ดั ในตอนค่า เพื่อราลกึ ถึงพระ พทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ 5. ร่วมกจิ กรรมเก่ียวกบั วันสาคญั ทางพุทธศาสนา 6. จดั แสดงนิทรรศการ ประวตั ิ หรอื เรือ่ งราวความเป็นมา เก่ยี วกบั วนั วิสาขบูชา ตามโรงเรยี น หรอื สถานท่รี าชการตา่ ง ๆ เพอ่ื ใหค้ วามรู้ และเปน็ การรว่ มราลกึ ถึงความสาคญั ของวนั วิสาขบูชา 7. ประดบั ธงชาติตามอาคารบา้ นเรือน วัดและสถานทร่ี าชการ 8. บาเพญ็ สาธารณประโยชน์
หลกั ธรรมทส่ี าคญั ในวนั วิสาขบชู า ท่ีควรนามาปฏบิ ตั ิ ในวนั วสิ าขบชู า พทุ ธศาสนกิ ชนทงั้ หลายควรยดึ มน่ั ในหลกั ธรรม ซง่ึ หลกั ธรรมทคี่ วรนามาปฏบิ ตั ใิ นวนั วิสาขบชู า ไดแ้ ก่ 1. ความกตัญญู คือ การร้คู ุณคน เปน็ คุณธรรมทคี่ ู่กับความกตเวที ซ่ึงหมายถึงการตอบ แทนคณุ ทมี่ ผี ู้ทาไว้ ความกตญั ญแู ละความกตเวทีน้เี ปน็ เคร่อื งหมายของคนดี ทา ให้ครอบครวั และสงั คมมคี วามสขุ ซงึ่ ความกตัญญกู ตเวทนี ั้นสามารถเกิดข้ึนได้ กบั ท้งั บิดามารดาและลกู ครูอาจารยก์ ับศิษย์ นายจา้ งกับลูกจา้ ง ฯลฯ ในพระพทุ ธศาสนา เปรยี บพระพุทธเจา้ เสมอื นกับบพุ การี ผ้ชู ้ใี ห้เห็นทาง หลุดพ้นแห่งความทกุ ข์ ดังนั้น พทุ ธศาสนิกชนจงึ ควรตอบแทนความกตัญญู กตเวทีดว้ ยการทานุบารุงพระพทุ ธศาสนา และดารงพระพทุ ธศาสนาให้อยู่สืบไป 2. อรยิ สจั 4 คอื ความจรงิ อนั ประเสรฐิ 4 ประการ ที่พระพุทธเจ้าทรงตรสั รู้ใน วันวิ สาขบูชา ได้แก่ - ทุกข์ คอื ปญั หาของชวี ติ สภาวะที่ทนได้ยาก ซ่งึ ทกุ ขข์ ัน้ พ้นื ฐาน คอื การเกิด การแก่ และการตาย ลว้ นเปน็ ส่ิงที่มนษุ ยท์ ุกคนต้องเผชิญ สว่ นทกุ ขจ์ ร คอื ทกุ ขท์ ี่เกดิ ขนึ้ ในการดาเนินชวี ติ ประจาวัน เชน่ การพลดั พรากจากส่ิงทีเ่ ป็น ทร่ี กั หรอื ความยากจน เปน็ ต้น - สมุทยั คอื ต้นเหตขุ องปัญหา หรอื สาเหตุของการเกดิ ทกุ ข์ และสาเหตุ ส่วนใหญ่ของปัญหาเกิดจาก \"ตัณหา\" อนั ได้แก่ ความอยากไดต้ ่าง ๆ อย่างไมม่ ี ทสี่ นิ้ สดุ - นโิ รธ คอื ความดับทุกข์ เปน็ สภาพทีค่ วามทุกขห์ มดไป เพราะสามารถ ดับกิเลส ตัณหา อุปาทาน ออกไปได้ - มรรค คอื หนทางทีน่ าไปสกู่ ารดับทกุ ข์ เปน็ การปฏิบัตเิ พือ่ แกป้ ัญหา มี 8 ประการ ไดแ้ ก่ ความเห็นชอบ ดารชิ อบ วาจาชอบ กระทาชอบ เล้ียงชพี ชอบ พยายามชอบ ระลกึ ชอบ ตง้ั จติ ม่ันชอบ 3. ความไมป่ ระมาท คอื การมีสติตลอดเวลา ไม่ว่าจะทาอะไร พดู อะไร คดิ อะไร ลว้ นต้องใช้ สติ เพราะสตคิ ือการระลกึ ได้ การระลึกไดอ้ ยู่เสมอจะทาให้เราใชช้ วี ิตอย่างไม่ ประมาท ซ่ึงความประมาทนนั้ จะทาใหเ้ กดิ ปญั หาย่งุ ยากตามมา ดงั นัน้ ในวนั น้ี พุทธศาสนกิ ชนจะพากันน้อมระลกึ ถงึ พระพทุ ธเจา้ พระธรรม และพระสงฆ์ ดว้ ย ความมีสติ วันวิสาขบชู า นับว่าเป็นวนั ท่ีมคี วามสาคัญสาหรบั พุทธศาสนกิ ชนทุกคน เป็นวนั ทมี่ ีการทาพธิ พี ทุ ธบูชา เพือ่ เป็นการน้อมราลกึ ถึงพระวิสทุ ธคิ ณุ พระ ปญั ญาธคิ ุณ และพระมหากรณุ าธิคุณ ของพระสมั มาสัมพทุ ธเจา้ ทมี่ ตี อ่ มวล มนุษยแ์ ละสรรพสตั ว์ อีกทง้ั เพอ่ื เปน็ การราลกึ ถึงเหตุการณอ์ ันนา่ อัศจรรย์ทั้ง 3 ประการ ทม่ี าบังเกดิ ในวนั เดียวกัน และนาหลกั ธรรมคาสั่งสอนของพระพทุ ธองค์ มาเป็นแนวทางในการประพฤติปฏบิ ตั ใิ นการดารงชีวติ ค่ะ
ขอบคณุ ข้อมลู จาก - larnbuddhism.com - dra.go.th - m-culture.go.th https://hilight.kapook.com/view/23220
ท่ปี รกึ ษา นายโมไนย โรปรริ มั ย์ ผอู้ านวยการ กศน.อาเภอกาบเชิง ผจู้ ดั ทา บรรณารกั ษ์ หอ้ งสมดุ ประชาชน”เฉลิมราชกมุ าร”ี อาเภอกาบเชงิ
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: